ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

บันทึกความชั่ว เมื่อผมใช้เมียน้อยร่วมกับลูก ๆ ตอนที่ 2

เริ่มโดย ChopdoojimMui, มิถุนายน 12, 2023, 11:26:52 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

ChopdoojimMui

"สอน...พิเศษ หรอคะ?" ดูเหมือนว่า 'หนูมน' สนใจในข้อเสนอของผม เธอแสดงออกชัดเจนทางสีหน้า

"อื่อ เจ้าซันเพิ่งจะอยู่ ม.2 คงไม่ยากเกินความสามารถของหนูหรอก"

"แล้วมันจะได้สักเท่าไรคะ"

"อื่มมม ปกติเขาคิดเป็นชั่วโมง ชั่วโมงละสามร้อยถึงห้าร้อยนะ ตามระดับความยาก" ผมอธิบาย

"สามร้อย?" แววตาเธอเปลี่ยนไปทันที ในชั่ววูบหนึ่ง มันเหมือนกับว่าเธอเผลอเอาไปเปรียบเทียบกับกับราคานวดที่เธอเคยได้ต่อชั่วโมง แถมในหนึ่งคืนเธอยังนวดได้หลายคน ต่างจากรายได้ที่สอนเจ้าซันคนเดียวอย่างฟ้ากับเหวแน่นอน มนไม่ใช่คนโลภมากอะไร เธอแค่ต้องหาเลี้ยงชีพด้วยตัวเองทั้งหมด จึงต้องคิดถึงความคุ้ม-ความเสี่ยงให้รอบคอบ

ผมเห็นสถานการณ์ไม่ค่อยดี ด้วยความที่เป็นคนกะล่อนพอสมควร ปากมันก็เลยพูดชักแม่น้ำทั้งห้าแก้สถานะการณ์ไปเรื่อย พร้อมกับคิดหาทางออกอื่นๆในหัว

"ถ้าทำงานทั่วไปก็เรทเท่านี้แหละ อยู่ที่ว่ามนอยากเอาตัวเองออกมาจากตรงนั้นรึเปล่า นี่ผมก็ลองเสนอเพื่อดูอาการมนด้วย จะได้รู้ว่าควรช่วยยังไง ... บางทีเราก็อยากช่วยอยู่แล้ว แต่ไม่รู้หรอกว่าเขาจะอยากได้การช่วยเหลือแบบไหน จะพอใจกับการช่วยเหลือของเราไหม"

พอผมพูดแบบนี้ออกไป หนูมนก็รีบสลัดความคิดแบบนั้นออกไปจากหัว แววตาเธอกลับมาดูต้องการและสนใจในข้อเสนออีกครั้ง

"ผมรู้นะว่าแค่นั้นไม่พอกับรายจ่ายในชีวิตประจำวัน แต่ถ้ามนยินดีรับเอาไว้เพื่อหาทางหลุดออกมา ผมก็ยินดีจะช่วยหาทางอื่นๆให้อีก"

พูดประโยคนี้จบผมก็เพิ่งมาคิดอะไรบางอย่างออก ณ ตอนนั้นเลย

"ค่ะ หนูสนใจนะ หนูอยาก... ไม่สิ หนูไม่อยากทำงานที่ร้าน.. กับเจ๊แล้ว" มนเกือบหลุดพูดคำว่า 'ร้านนวด' ออกมา เธอชำเลืองมองไปทางเจ้าซันที่นั่งฟังอยู่เงียบๆด้วยอาการกังวลเล็กน้อย คงกลัวเขาจับต้นชนปลายถูก แต่สีหน้าของซันลูกชายผมกลับว่างเปล่าอย่างไร้เดียงสา

เมื่อเห็นว่ามนอยากดิ้นหนีจากความรู้สึกนั้นเต็มทน ผมจึงลองเสนอสิ่งที่เพิ่งจะคิดได้ประเดี๋ยวนี้ออกมา

"นี่ผมไม่ได้ดูถูกมนนะ แต่นอกจากสอนพิเศษให้ซันแล้ว มนสนใจงานทำความสะอาดบ้านด้วยไหม ถ้ามนสนใจ ผมยินดีจะคุยกับเจ๊ให้"

เธอเองก็อยากหางานอื่นทำจะแย่แล้ว ติดอยู่แค่เรื่องบุญคุณที่เจ๊มีต่อเธอ และนอกจากคุณแม่แล้ว ก็เหลือแต่เจ๊นี่แหละที่เป็นดั่งญาติผู้ใหญ่ให้เธอปรึกษา หรือหยิบยืมยามจำเป็น เธอจึงไม่กล้าตัดเจ๊ให้ขาด มนไม่ได้ตอบรับข้อเสนอที่สองของผมในทันที แต่มีท่าทางสนใจ ยอมนั่งฟังรายละเอียด ผมจึงมีโอกาสพูดคุยและเสนอให้ครบในสิ่งที่เธอต้องการ จนเธอตกลงที่จะลองดูสักครั้ง

.....

ตอนไปคุยกับเจ๊ ทำไมรู้สึกเหมือนไปหาพ่อแม่ของแฟนเลยนะ หึๆๆ !! ผมเกริ่นเรื่องทั่วไปให้เจ๊ฟังก่อน แกเป็นคนคุยเก่งอยู่แล้ว เราคุยกันสนุกเหมือนทุกครั้ง แล้วผมก็วกเข้าเรื่องบ้านที่รกสกปรกหลังจากเมียไม่อยู่ แกก็พูดสวนเลยว่าทำไมไม่หาคนใช้สักคนเล่า เข้าทางผมพอดี ผมก็บ่นต่อว่าคนใช้ต้องไว้ใจได้ อย่างน้อยก็รู้หัวนอนปลายตีน ของหายขึ้นมาจะได้รู้ว่าต้องไปตามที่ไหน เจ๊มีคนไว้ใจได้แนะนำให้ผมสักคนไหมหล่ะ

ตอนนั้นเจ๊แกหยุดพูดแล้วทำท่าทางครุ่นคิด

หนูมนเคยคุยกับเจ๊เอาไว้ว่าเธอไม่ประสงค์จะหลับนอนกับลูกค้าเพราะอยากมีอนาคตที่ดี นั่นคือสิ่งที่เธอต่อลองกับเจ๊เอาไว้ตั้งแต่แรก เจ๊เองก็ไม่ได้บีบบังคับอะไร อันที่จริงผมรู้สึกว่าเจ๊เอ็นดูเธอนะ ไม่มีใครในร้านนี้หรอกนะที่จะนวดพิเศษแล้วไม่โดนเจ๊กล่อมให้ออกไปต่อกับลูกค้า ยกเว้นเธอ เจ๊เองก็เคยบอกมนไว้ว่าถ้าโตแล้วหาการหางานดีๆทำได้ ก็ออกไปทำซ่ะนะ

เมื่อรู้ว่าทั้งคู่เคยคุยกันเอาไว้แบบนั้น ผมก็เลยกล้าเอ่ยชื่อหนูมนออกมาตรงๆในระหว่างที่เจ๊ยังไม่ได้ให้คำตอบ .. โอยยย สายตาของเจ๊ที่ชำเลืองมองทำเอาผมเขินมาก หึๆๆ มันเหมือนว่าเจ๊รู้ทัน หรือไม่ก็ ไม่ไว้ใจ ผมต้องรีบพูดต่อไปอีกว่า "หนูมนเคารพรักเจ๊เหมือนญาติผู้ใหญ่เลยนะ ถ้าเจ๊เป็นคนแนะนำมาเธอคงไม่กล้าขโมยหรือทำอะไรไม่ดีหรอก ส่วนผมก็รู้จักกับเจ๊มาตั้งหลายปี โหยย ผมไม่กล้าทำอะไรไม่ดีกับเด็กของเจ๊หรอก"

พูดแบบนี้อาจเหมือนยอมรับไปในตัวว่ามีเศษเสี้ยวบางส่วนที่คิดไม่ดีอยู่บ้าง แต่ผมมันเป็นคนหื่นจริงๆหนิ ไม่งั้นไม่มาร้านเจ๊ตลอดหลายปีหรอก สู้ยอมรับและพูดไปตรงเลยน่าจะดีกว่า เจ๊แกตอบปัดๆว่า "เออๆๆ ขอลองคิดดูก่อน เผื่อมีใครคนอื่นอีก"

ผมกับมนปิดเรื่องที่เราเคยคุยกันเอาไว้ ดังนั้นเจ๊ที่ไม่รู้ว่าเราเคยคุยกันมาก่อนจึงลองถามความสมัครใจของมนโดยไม่บอกว่าผู้จ้างเป็นใคร เธอตอบว่าสนใจ แล้วคุยข้อตกลงกับเจ๊

อาทิตย์ถัดมาผมก็ได้รับข่าวดี

.....

หัวใจผมเต้นรัวเลยตอนที่เธอมาถึงหน้าประตูบ้าน ผมตื่นเต้นเหมือนเจ้าซัน ต่างกันแค่ว่าในเวลานั้นซันยังบริสุทธิ์ใจ เขาคิดกับเธอแค่พี่สาวหรือครูสอนพิเศษสุดสวยเท่านั้น ส่วนผมไม่บริสุทธิ์ใจเลยสักนิด เราต่างรีบวิ่งลงไปต้อนรับให้เธอเข้ามาในบ้าน ดีที่เจ้าซันลงไปถึงก่อน ผมเลยได้สติ แล้ววางมาดให้ขรึม ให้ดูน่าเชื่อถือ ผมใช้เวลาคุยข้อตกลงกับเธอตามลำพังก่อน ข้อตกลงแรกคือให้เงินเป็นรายชั่วโมง โดยที่เธอจะมาทำงานบ้านและสอนพิเศษในวันอังคารและพฤหัสฯ เมื่อตกลงกันทั้งสองฝ่าย ผมจึงพามนเดินดูรอบๆบ้าน เจ้าซันก็รีบเข้ามาช่วยนำทัวร์ แต่ก่อนทัวร์จะจบลง หนูมนได้ถามขึ้นมาว่า "จะให้หนูเรียกว่าอะไรดีคะ ? แต่คือ เจ๊เขาแนะนำมาให้หนูเรียกว่า 'เจ้านาย' "

ผมก็เคยคิดเรื่องนี้อยู่บ้าง ทีแรกว่าจะให้เธอเรียก 'คุณพ่อ' เหมือนเวลาที่ครูเรียกผู้ปกครองของเด็กๆ แต่พอได้ยินคำว่า เจ้านาย จากปากของมน หัวใจผมก็ตกหลุมรักทันที

"อื่อ งั้นเอาตามนั้นก็ได้" ผมโคตรประหม่าเลย แต่พยายามเก็บความรู้สึกเอาไว้

.....

วันแรกที่มนเริ่มทำงานที่บ้าน เจ้าซันเฝ้าอยู่ไม่ห่างเลย จากที่ไม่เคยหยิบจับอะไร กลับช่วยพี่มนทำนั่น ล้างนี่ ไม่มีออดแอด เขาพูดคุยหยอกล้อเล่นกับเธออย่างสนุกสนาน ใจหนึ่งก็อิจฉานะ เพราะไม่เคยเห็นหนูมนร่าเริงเท่านี้มาก่อนเลย แต่อีกใจก็เฉยๆ เพราะอาการของลูกชายมันค่อนข้างชัดเจนว่าไม่ได้กระทำลงไปด้วยใจปฏิพัทธ์ อาการของเขาเป็นแค่เด็กที่เห่อของใหม่ และมันก็เป็นธรรมดาของเด็กผู้ชายที่จะชอบของสวยๆงามๆ เขาอาจหลงไหลโดยไม่รู้ตัว แต่ไม่ถึงขั้นพัฒนาไปเป็นความรักเพราะวัย ไม่ใช่หมายถึงวัยที่ห่างกันของทั้งคู่ แต่หมายถึงวัยของเจ้าซันเองที่เด็กเกินจนไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้กับพี่มน

แต่ผมก็ต้องเปลี่ยนความคิด ในครั้งที่สอง ซึ่งเป็นวันพฤหัสฯ เขาทั้งคู่คุยด้วยบทสนทนาที่ลึกซึ้ง ซันเล่าให้พี่มนฟังถึงความรู้สึกเปลี่ยวเหงาหลังจากไม่มีคุณแม่ที่คอยลูกแลอย่างใกล้ชิดเช่นแต่ก่อน มนเองก็เล่าถึงชีวิตและปูมหลังของเธอออกมาอย่างไม่ปิดบัง เธอเปิดเผยกับเขาอย่างไม่รู้สึกด้อยหรืออับอาย บทสนทนานำให้ทั้งคู่ดำดิ่งลงสู่ความรู้สึกห่วงใยอีกฝ่าย พวกเขาเห็นอกเห็นใจกัน กระทำต่อกันอย่างอ่อนนุ่มทะนุถนอม และนั่นอาจนำให้ทั้งคู่พัฒนาไปสู่ความสัมพันธ์ที่ไม่ส่งผลดีต่อผม

ผมจงใจตั้งชื่อเรื่องว่า 'บันทึกความชั่ว' นั่นก็เพราะว่าในเรื่องนี้ผมได้ทำสิ่งชั่วๆลงไปมากมาย เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ผมปรารถนา ดังนั้นผมควรจะเล่าให้คุณผู้อ่านฟังอย่างตรงไปตรงมา ว่า เมื่อผมเห็นความเป็นไปได้ที่ลูกชายอาจคิดกับพี่มนลึ้งซึ้งมากขึ้น ผมจึงปิดโอกาสในการพัฒนาความสัมพันธ์ที่มุ่งไปไนทิศทางนั้นลงทันที

หลังจากพี่มนกลับไป และเราทำกิจวัตรอะไรต่อมิอะไรกันจนดึกดื่น ผมก็ตัดสินใจเรียกเจ้าซันมาคุยสักหน่อย

"ซัน มาคุยกับพ่อหน่อยสิ"

ผมเดินนำเข้ามาในครัว เราต่างนั่งลงตรงข้ามกัน

"ว่าไงครับพ่อ" ความสดใสร่าเริงของเจ้าซันเลือนหายไป อาจเป็นเพราะทุกครั้งที่ผมนั่งลงบนโต๊ะเคาน์เตอร์ด้วยท่าทางจริงจัง มันต้องมีอะไรสักอย่างที่ลูกๆทำผิดมาและกำลังจะโดนเล่นงาน

"เป็นไงบ้าง ที่พี่มนมาทำงานในบ้าน ซันโอเคกับเขาไหม"

"โอเคสิครับ โอเคมากเลย ไม่ได้มีปัญหาอะไรเลยครับ" ท่าทางของลูกชายรนมาก เหมือนกำลังนึกอยู่ว่าตัวเองทำอะไรผิดไปไหมนะ ??

"อื่ม งั้นก็ดีแล้ว แต่ซันก็คงเห็นว่ายังมีงานอีกตั้งหลายอย่างที่เหลืออยู่ในบ้านของเรา พ่อว่าจะจ้างพี่มนเพิ่มอีกหลายๆชั่วโมง หรืออาจเพิ่มเป็นวัน"

"อ้อครับ" เขาตอบโดยที่สีหน้ายังลังเล ราวไม่หยุดคิดสักทีว่าทำอะไรผิดลงไป

"แต่ทีนี้เนี้ย ถ้าพ่อจ้างพี่เขาเพิ่ม ก็แปลว่าพี่เขาอาจเข้ามาสนิทกับบ้านเรามากขึ้น ... ดังนั้น พ่อว่าพ่อควรบอกอะไรบางอย่างเอาไว้ก่อน"

"อะ อะไรหรอครับ"

"แต่ซันจำไว้นะว่า ที่พ่อจะเล่าให้ฟัง พ่อไม่อยากให้ซันมองพี่เขาแย่ หรือ ทำตัวไม่ดีกับพี่เขาต่างไปจากเดิม" คราวนี้สีหน้าเด็กน้อยเปลี่ยนทิศทางไป "พ่อไม่อยากให้ซันมารู้ทีหลังแล้วรู้สึกไม่ดี จนซันรู้สึกว่าพี่เขาปิดบัง หรือโกหก"

"แล้ว มันคือเรื่องอะไรหรอครับ" คราวนี้ซันแปลเปลี่ยนเป็นร้อนรนอย่างใคร่รู้

"วันนี้ซันได้ยินแล้วที่พี่เขาเล่าว่าชีวิตลำบาก" เด็กน้อยพยักหน้ารับ แสดงออกว่ากำลังฟังอย่างตั้งใจ "แล้วซันก็คงรู้ว่าพ่อเลิกกับแม่เพราะอะไร" เขาพยักรับหน้าอีกที "เพราะว่าพ่อชอบไปร้านนวดใช่ไหมหล่ะ ซึ่งเราก็คงโตพอเข้าใจแล้วว่ามันไม่ใช่แค่นวดเฉยๆ .... พ่อรู้จักกับพี่มนที่นั่นแหละ"

พูดจบ ดวงตาของเขาก็บิกกว้างออกอย่างตกตลึง !! วินาทีนั้นผมรู้สึกว่าตัวเองได้บดขยี้หัวใจของลูกชายลงไป ยังไงยังงั้นเลย

"ม มะ .. หมายถึง ..."

"อื่อ พี่มนเขาเป็นหนึ่งในนักนวดฝีมือดีเลยนะ แล้วก็เป็นตัวทอปของร้านที่มีลูกค้าจองคิวรอยาวเป็นเดือนเลยด้วย" ผมพูดแล้วแสดงอาการหื่นออกมาอย่างไม่ปิดบัง "ก็สวยซ่ะขนาดนั้นอ่านะ พ่อเองยังยกให้พี่มนเป็นคนโปรดอันดับหนึ่งเลย"

"โหยยยย" ซันเปล่งเสียงออกมาเบาอย่างเศร้าๆ สีหน้าเขาปนไปด้วยหลายความรู้สึกเลย ทั้งตลึง เสียดาย หวง และใจสลาย

"นี่ซันตกหลุมรักพี่มนไปแล้วหรอ" ผมถามชง

"ป ป่าว ป่าวนะครับพ่อ" เขารีบตอบปฏิเสธออกมา อย่างที่ผมต้องการ

"คนสวยๆอย่างพี่มนอ่านะ แก้ผ้าให้ผู้ชายดูมาแล้วเป็นร้อย ผ่านควยผู้ชายมาก็ไม่น้อยกว่านั้นอะ ขนาดพ่อเอง ตอนนั้นว่าจะไม่แล้วนะ แค่อยากนวดเฉยๆ แต่ใครมันจะไปทนไหวหล่ะ มนแก้ผ้าให้ดูไม่อายเลย นมก็นะ นุ่มมาาาก หมอยก็โคตรนุ่มเลยย"

ผมบรรยาย ลูกชายนั่งฟังตัวแข็งทื่อ ก้มหลบสายตา มีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นบนหน้าผาก

"นี่พ่อไม่ได้เล่าด้วยความดูถูกเขาหรอกนะ แต่พ่อเล่าอย่างชื่นชม ... งานนั้นเงินมันดีก็จริง แต่ใช้ชีวิตลำบาก พี่มนเขายังเด็ก ถ้าทำงานนี้ต่อต้องเจอผู้ชายอีกกี่คนลองคิดดูสิ เด็ดขนาดเนี้ย เป็นใครก็คงบอกต่อ พาเพื่อนมาต่อคิวรออีกสามสี่คน"

ผมโม้พล่ามไปเรื่อย

"ต่อคิวรอนี่หมายถึง ... ทำต่อๆกันงั้นหรอครับ" ลูกชายถามสวนขึ้นมา หื่มมม มีเรื่องน่าสนใจตั้งมากมาย ทำไมมาสนใจประเด็นนี้ว้าาา

"หึ๊ ? ซันหมายถึงว่าเขารุมหลายๆคนหรอ เปล่าๆ เขาต่อคิวกันเป็นคนๆครับ ตามเวลา พอคนนี้หมดเวลา คนถัดไปก็เข้ามา"

ผมพูดกว้าง ๆ จงใจให้ลูกชายเข้าใจไปเองว่ามันหมายถึงการสมสู่ ซึ่งจริงๆแล้วไม่ใช่

"อ้อครับ แต่ก็... โหหห พี่เขาไหวหรอครับ"

"พี่เขาเก่งเลยนะ นี่พอสอนซันเสร็จเขาก็วิ่งกลับไปรับงานต่อ ป่านนี่ก็.." พูดแล้วก็ทำทีเป็นดูเวลา "พี่มนคงรับแขกอยู่แหละ ยังไม่สี่ทุ่มเลย คืนนี้น่าจะได้อีกหลายคน"

ลูกชายผมร้องเสียงเศร้าๆออกมาอีกครั้ง แต่มือไม้สั่นแปลกๆ

"นี่พ่อไม่ได้เล่าเพื่อให้ซันรู้สึกไม่ดีอะไรกับพี่มนนะ แต่ซันควรจะรู้ไว้เผื่อว่ามันมีอะไรเกิดขึ้น ซันจะได้เข้าใจอะไรต่อมิอะไร" ผมเองก็อาย ไม่กล้าพูดออกมาตรงๆว่า เผื่อว่า พ่อจะทำอะไรกับพี่เขากลางดึก ซันจะได้ไม่ตกใจเกินไป หึ ๆ ๆ

"เปล่าครับ ผมไม่ใช่ ไม่ได้รู้สึกไม่ดีอะไรนะครับ" ซันพยายามอธิบาย

"งั้นก็ดีแล้ว ..." แม้ว่าลูกชายผมกำลังจมอยู่ในความรู้สึกหม่นหมองผิดหวัง จนไม่ควรที่จะชวนคุยเรื่องนี้ต่อ แต่ผมต้องการ 'ยืมมือ' ของซันจริงๆ ผมจึงจำเป็นต้องทำชั่วลงไปอีกเรื่อง "งั้นสัญญากับพ่อนะครับว่าจะไม่ทำอะไรให้พี่เขารู้ว่าซันรู้เรื่องนี้แล้วเด็ดขาด อันที่จริงมันก็เป็นมารยาทที่ถูกต้องด้วย ซันคิดดูสิ พ่อกับพี่เขาเคย ..ด้วยกัน แต่เวลาอื่นก็ทำตัวปกติต่อกัน ส่วนในใจจะคิดยังไงก็ช่างมัน เนี้ย พูดถึงพี่เขาแล้วควยพ่อก็แข็งละเนี้ย แข็งตั้งแต่ตอนพี่เขาอยู่ละ ซันอาจไม่ทันสังเกตุ แต่พี่เขาสังเกตุนะ ฮ่าๆๆ เขาก็ไม่ได้พูดหรือทำท่าอะไร พ่อเองก็ไม่ ซันเข้าใจไหม สัญญาไหม?"

"เข้าใจแล้วครับพ่อ ผมสัญญาครับ"

peddo

เรียกว่าหวังดีแกมกีดกันได้เลย แต่คิดอีกที เด็กก็เริ่มรู้เรื่องรู้ราว ฟังที่พ่อพูดรู้เรื่อง​แล้ว น่สจะอยากเรียนรู้เพิ่ม ให้พี่เขาสอนเสริมอีกวิชา แล้วพ่อจะว่ายังไงครับ

MiddleFinger

ม.2 ก็เป็นวัยอยากรู้อยากลองอยู่แล้ว
ตอนนี้ยังไม่ค่อยมีฉากเสียวๆเท่าไหร่ รอตอนหน้านะครับ

1819

 ไปๆมาๆ คิดว่า น่าจะไปกระตุ่น ความต่้องการสวิง ให้ลูกซะแล้วต่อไป ใึครว่า เด็กผู้ชาบ ม.2 ไร้เดียงสา กลับกัน นี่วัย อยากลองเลย
กรุงเทพเป็นเมืองที่มีคนเหงา มากกว่าเสาไฟฟ้า

Pong Tee

หู้ย แผนสูง พูดความจริงนะแต่พูดไม่หมด สงสารลูกชายเลยรักแรกแหลกสลาย

arsenyo


tommot

เรื่องน่าติดตามมากครับ จะเป็นอย่างไรต่อไปเดาไม่ถูกเลย

swss2511