ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

ผิดที่รัก...

เริ่มโดย DeMo20220, สิงหาคม 09, 2022, 10:08:40 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

DeMo20220

เรื่องนี้ผมเคยเอาไปลงที่บอร์ดของป๋าชาติมาก่อนแต่พอกลับไปอ่านเต็มๆรู้สึกมันไม่สมูทเลยอยากแก้ไขเนื้อเรื่องใหม่ พอมีเวลา พอแก้เสร็จกายเป็นว่าบอร์ดของป๋าชาติปิดแก้ไขปรับปรุงไปก่อนเลยยังไม่ทันลงแก้ เอามาลงที่บร์ดนี้แทนละกันให้ท่านนักอ่านลองเอาไปอ่านดู อ่านแล้วช่วยติชมด้วยนะครับ

ปล เรื่องนี้ผมแก้คำที่พิมพ์ตกพิมพ์ผิดไปแล้วแต่ถ้ายังมีหลงก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

...

ผิดที่รัก...


ปรเมศวร์ ครูเมศหรืออาจารย์เมศ นี่แหละคือชื่อผม แค่แนะนำเท่านี้ทุกคนก็น่าจะพอรู้กันละว่าผมมีอาชีพเป็นอาจารย์หรือเป็นครู เรื่องเลวๆของผมที่ได้เผลอตัวเผลอใจกระทำผิดกับผู้ชายคนนึงครอบครัวครอบครัวนึงเมื่อหลายปีถ้านับรวมเวลาก็คงจะเกือบๆ 15 ปีได้ มันเป็นเรื่องผิดศีลธรรมที่ไม่ควรเอ่ยถึงควรที่จะเป็นความลับตลอดไปแต่เพราะสิ่งที่มาเกิดขึ้นกับตัวเองมันเลยทำให้ผมเริ่มมารับรู้ถึงบาปกรรมที่ผมเคยทำเอาไว้

เรื่องความผิดบาปของผมมันคงเริ่มต้นเอาเข้าจริงๆก็ตอนที่ผมเพิ่งสอบ กพ ได้เพิ่งได้บรรจุเป็นครูแต่ตอนนั้นโรงเรียนที่ผมต้องไปประจำอยู่เป็นโรงเรียนแห่งแรกเลยนั้นมันกลับเป็นจุดพลิกผันในชีวิต โรงเรียนแห่งนั้นตั่งอยู่ห่างไกลจากบ้านผมไปกว่า 300 กิโลฯ (ถ้าวิ่งตรงไม่อ้อมเข้ากรุงเทพฯก็ประมาณนั้น) มันเป็นโรงเรียนในชุมชนเล็กๆแห่งหนึ่งในโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี จากบ้านผมที่อยู่แถวๆเขตปลวกแดงติดๆนิคมพัฒนา จังหวัดระยองที่ต้องถือว่าไกลพอดู

หลังจากรู้ข่าวผมเลยต้องเริ่มเก็บข้าวของเตรียมชุดและเสื้อผ้ากับของใช้ส่วนตัวพร้อมด้วยรถมอเตอร์ไซค์ Honda Wave 100 สีน้ำเงินคู่ใจที่ผมได้มาจากน้ำพักน้ำแรงจากงานพิเศษสมัยเรียนมหาลัยให้พี่ชายที่อายุมากกว่าผม 9 ปี ที่ตอนนั้นพี่ผมได้รับช่วงต่อจากอาชีพของพ่อกับแม่ผมที่เป็นช่างก่อสร้างมือดีของแถวบ้านที่มีคนมาจ้างให้ไปทำบ้านซ่อมบ้านต่อเติมบ้านจนไม่เคยหยุดตั่งแต่ผมกับพี่ชายเกิดมาจนจำความได้ที่พวกท่านไม่เคยว่างทุกๆวันถาไม่ป่วยหรือมีเหตุให้ต้องหยุด พ่อกับแม่ก็จะพากันไปทำงานกับแทบทุกวันไม่มีหยุด ให้พี่ชายใช้กระบะ 4 ประตูสีแดงคันใหม่ที่เพิ่งถอยมาไม่ถึงปีดีไปส่งผมที่โรงเรียนที่ผมต้องไปประจำ 2 วันก่อนกำหนดรายงานตัว

ที่นั่นผมได้รู้จักกับ 'ครูสุพจน์' แกเป็นครูระดับครูใหญ่ของโรงเรียนที่ผมจะต้องรายงานตัวกับแกเป็นคนแรกในวันจันทร์หรือมะรืนนี้ ครูสุพจน์แกอายุได้ 57 ปีแกเลยเหมือนกับมารอเกษียณที่โรงเรียนนี้เหตุเพราะว่าโรงเรียนนี้อยู่ไม่ไกลจากบ้านเกิดของแกที่อยู่แถวๆเขื่อนป่าสักฯกับครูผู้หญิงอีกคนที่แกมีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยครูใหญ่หรือรองครูใหญ่ชื่อว่าครูรุจี อายุแกตอนนั้นก็เกือบๆ 48 แล้ว นัยว่ามารอเสียบเป็นครูใหญ่แทนครูสุพจน์ที่จะเกษียณในอีกไม่กี่ปี

ที่โรงเรียนนี้มีนักเรียนนับได้ทั้งหมดก็ 600 กว่าๆ เกือบๆ 700 คน รับเด็กตั่งแต่ชั้นอนุบาล 1 จนมาถึงชั้น ป.6 มีครูประจำที่ได้บรรจุเป็นข้าราชการครูแบบเต็มตัวอยู่ 2 คนก็เป็นระดับครูใหญ่ (ครูสุพจน์) กับระดับผู้ช่วยครูใหญ่ (ครูรุจี) กับครูผู้ช่วยที่ยังไม่ได้บรรจุเป็นข้าราชการเต็มตัวที่รวมผมด้วยก็อีก 2 คนและมีครูอัตราจ้างอยู่อีก 8 คน

ครั้งแรกที่ผมมาถึงโรงเรียนที่ต้องมาสอนครั้งแรกมันเป็นช่วงบ่ายๆใกล้เย็นของวันเสาร์ตอนนั้นที่โรงเรียนไม่มีใครอยู่เลยแต่เพราะชาวบ้านที่ช่วยนำทางแกพาผมไปหา 'ลุงชิต' แกเป็นนักการหรือภารโรงของโรงเรียนแกเลยอาสาพาพวกผมไปดูโรงเรียนและพาไปดูบ้านพักครูที่ยังเหลืออยู่อีก 2 หลังที่อยู่หลังโรงเรียน

ที่โรงเรียนนี้มีบ้านพักครูอยู่รวมกันทั้งหมด 5 หลัง โดย 3 หลังแรกที่อยู่หน้าโรงเรียนติดกับทางออกของโรงเรียน (ที่ประตูแทบจะปิดไว้ตลอดเวลา) มีครูที่มาอยู่ก่อนผมมาจองไว้แล้วทั้ง 3 หลัง หลังแรกเป็นของครูรุจีที่วันนั้นแกกลับบ้านแกที่ชัยนาทและครูผู้ช่วยอีกคนที่เป็นคนลำปางและมาอยู่ก่อนผม 1 ปี ที่วันนั้นแฟนแกมาหาเลยพากันออกไปเที่ยวยังไม่กลับมาและอีกหลังที่เหลือมีครูอัตราจ้างผู้หญิงคนหนึ่งที่บ้านเธออยู่ที่ตัวเมืองลพบุรีเลยมาขอใช้บ้านที่เหลืออีกหลังและเธอจะกลับบ้านในวันหยุดวันัน้นเธอเลยไม่ได้อยู่ที่โรงเรียน

พอรู้อย่างนั้นแล้วลุงชิตแกเลยพาผมกับพี่ชายและพ่อแม่ผมไปที่บ้านพักที่เหลืออีก 2 หลังที่อยู้หลังโรงเรียนเลยอาคารเพาะชำและแปลงสวนครัวรวมถึงเล้าไก่ของโรงไปอีก พอมาถึงบ้านพักครูหลังโรงเรียนที่ครั้งแรมผมเห็นถึงกับต้องอึ้งเพราะบ้านพักครูทั้ง 2 หลัง (บอก 2 หลังแต่จริงๆมันเป็นอาคารเดียวแต่ถูกแบ่งครึ่งข้างใน) มันทั้งเก่าและโทรมด้วยไม่มีคนมาอยู่ที่บ้าน 2 หลังนั้นกว่า 4 ปีแล้วตามที่ลุงชิตแกเล่าให้ฟังแถมยังไม่เคยมีการดูแลหรือซ่อมบำรุงอะไรมาเลยเกือบ 10 ปีแถมยังมีหญ้าที่สูงแทบจะท่วมหัวขึ้นอยู่เต็มรอบๆอาคารที่ถ้าบอกว่ามันเป็นบ้านผีสิงผมก็คงเชื่อตามคำบอกเล่าจริงๆ

 

ผมที่ต้องมานั่งต่อคิวรอสั่งของที่จะให้ไปส่งที่โรงเรียน จนมาถึงคิวผมที่ได้เจอกับเสมียนสาวที่เป็นสาวเจ้าเนื้อรูปร่างอ้วนกลมแทนสาวสวยหุ่นดีที่อยู่เคาน์เตอร์ข้างๆ หลังจากผมยื่นใบสั่งของให้เจ้าหล่อนเรียบร้อยพอน้องผู้หญิงรูปร่างอ้วนท้วมเธอก็จัดการอ่านก่อนจะทวนของที่ผมต้องใช้ออกมาก่อนจะออกใบเสร็จแล้วเอาไปให้เจ้านายของเธอในห้องกระจกที่อยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์ได้ดูและจัดการอีกรอบ

พอพนักงานคนนั้นเอาใบเสร็จที่มีรายเซ็นของเจ้าของร้านออกมาคืนตัวจริงให้ผมพร้อมทวนสถานที่ส่งของและบอกนัดเวลาส่งของที่เป็นวันพรุ่งนี้ให้ผมเรียบร้อย ผมเลยเอ่ยลาและทำท่าจะกลับโรงเรียนแต่ก่อนที่ผมจะทันได้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ ประตูบานเลื่อนกระจกด้านหลังก็เปิดออกมาพร้อมสาวสวยผมยาวรูปร่างดีมากๆในความทรงจำผมที่เธออยู่ในชุดเสื้อยืดแบบครอปแขนยาวลายแถบหนังม้าลายที่ฟิตพอดีตัวจนเน้นหุ่นและรูปร่างทรงนาฬิกาทรายกับกระโปรงยีนส์ยาวทรงดินสอผ่าหน้าที่เน้นรูปร่างที่น่ามองของเธอให้น่ามองเข้าไปใหญ่

ด้วยหุ่นและรูปร่างของหญิงสาวแสนสวยในความทรงจำคนนั้นที่มันเซ็กซี่ดีอยู่แล้ว ยิ่งเธอมาใส่ชุดที่เน้นรูปร่างที่น่ามองของตัวเองมันเลยยิ่งเซ็กซี่จนชวนให้ใจของหนุ่มๆและแก่ๆที่กำลังรอคิวสั่งของและดูของแถวๆนั้นที่เหลืออยู่มี่คนให้แกว่งเข้าไปใหญ่ หญิงสาวที่ก้าวเดินออกมาจากห้องพร้อมร้องถามเหล่าพนักงานที่ต่างก็เป็นลูกน้องของเธอที่อยู่แถวๆเคาน์เตอร์ถึงข้าวเที่ยงที่ทุกคนคงยังไม่ได้กินเพราะก่อนหน้าที่ร้านเหมือนกำลังยุ่งกันอยู่

เพราะเสียงและรูปร่างที่มองผ่านแวบๆของหญิงสาวคนนั้นที่โผล่ออกมา ผมที่กำลังจะออกไปก็เลยหันไปมองแบบเต็มๆตาก่อนจะสะดุดเข้ากับเธอคนนั้นเพราะว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมได้เจอเธอ

"พี่ผึ้งใช่พี่ผึ้งหรือเปล่าครับ?" ทันทีที่เห็นผมเลยเผลอหลุดปากเอ่ยทักเธอออกมา

"เอ๋!!! นี่น้องเมศหรอ?" เสียงหวานๆของหญิงสาวที่น่าจะเป็นเจ้าของร้านร้องออกมา

แน่ละหลังจากที่ได้เจอกันอีกครั้งและได้พูดคุยทักทายกันอยู่ครู่ก่อนที่เธอจะถามถึงเหตุผลที่ผมมาอยู่ที่นี่จนผมต้องบอกถึงเหตุผลที่ผมมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่กับเธอก่อนจะต้องรีบลาขอตัวจากพี่ผึ้งคนสวยแล้วรีบขี่มอไซค์คันเก่งของผมกลับโรงเรียนเพื่อให้ทันสอนนักเรียนในรอบบ่ายอีกครั้ง แต่เหตุการณ์หลังจากนั้นสิ่งที่ผมกับพี่ผึ้งที่เราต่างก็ไม่เคยคิดกันเลยนั่นก็คืออนาคตต่อมาผมกับเธอเราจะร่วมกันทำผิดกับสามีของเธอจนกลายมาเป็นบาป! บาป!ที่ติดตัวผมต่อมาจนสุดท้ายมันก็กลายมาเป็นผลกรรมที่วนมาเกิดกับผมหลังจากนั้นในอีกกว่า 15 ปีต่อมา

 
พอเช้ามาผมเลยขอให้ลุงชิตแกขี่รถมอไซต์เก่าๆรุ่นกว่า 30 ปีก่อนของแกให้ผมซ้อนท้ายออกมาส่งผมที่ทางใหญ่เส้นสุนารายณ์และขณะที่ผมกำลังรอรถเมล์ที่วิ่งอยู่ชั่วโมงละคันเพื่อเข้าไปยังตัวเมืองลพบุรีอยู่นั้น ที่ริมถนนก็มีรถเก๋ง BMW Series7 สีขาวมุกวิ่งเข้ามาจอดข้างๆผมก่อนที่กระจกข้างของรถจะเปิดออก ภายในพี่ผึ้งที่ยื่นหน้าข้ามเบาะข้ามมาหาผมพร้องร้องเรียกผมออกมา

"เมศ! กำลังกลับบ้านหรอ?" เสียงหวานที่ท่าทางไม่ดีนักกับใบหน้าเรียวรูปไข่ที่ซีดขาวตัดกับดวงตาที่บวมแดงเหมือนพึ่งผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักปรากฏออกมาให้ผมได้เห็น

"สวัสดีครับพี่ผึ้ง พอดีปลายอาทิตย์หน้าพี่อิฐเค้าจะแต่งงานเลยต้องรีบกลับไปช่วยงานเค้านะครับ" ผมกล่าวสวัสดีเธอก่อนจะตอบพี่ผึ้งเธอออกไปตรงๆพร้อมส่งยิ้มเจื่อนๆให้เธอ

"ขึ้นมา! เดียวพี่ไปส่งที่ระยอง" เสียงแหบๆอู้อี้ที่ร้องบอกออกมาก่อนที่เธอจะเปิดประตูให้ผมขึ้นรถ

ผมมองอึ้งๆไปก่อนที่พี่ผึ่งเธอจะร้องย้ำออกมาอีกทีแถมทำมือเรียกให้ขึ้นไปนั่งบนรถกับเธอ ผมรังเรอยู่อีกครู่จนพี่ผึ้งเธอเรียกผมเป็นครั้งที่ 3 นั่นละผมถึงยอมขึ้นไปนั่งข้างๆเธอ ภายในรถเก๋งหรูตัวท๊อปราคาไม่ต่ำกว่า 7-8 ล้านได้ ที่พี่ผึ้งเธอเรียกให้ผมขึ้นมานั่ง พอได้นั่งลงบนเบาะหนังแท้สีดำที่แสนสบายอย่างไม่เคยได้สัมผัสทำเอาผมรู้สึกสบายแถมกลิ่นหอมของสเปรย์ปรับอากาศที่อวลอยู่ในรถแล้วยังอุณหภูมิจากเครื่องปรับอากาศที่กำลังดีเล่นเอาผมแทบหลับถ้าไม่ติดตรงที่ท่าทีของพี่ผึ้งที่ผมรู้สึกแปลกๆผมคงนอนหลับสบายไปตลอดทางจนถึงปลวกแดงแล้ว

พี่ผึ้งที่เธอขับรถเงียบๆแบบถามคำตอบคำโดยมีแค่ผมที่พยายามชวนเธอคุยมาตามทางถนนสุนารายณ์จนมาถึงแยกม่วงค่อมก่อนจะขึ้นมาที่ทางหลวงหมายเลข 21 สระบุรี-หล่มสัก จนมาถึงแยกหินกองผมถึงชี้ให้เธอเข้าเส้นสุวรรณศร แต่พอวิ่งมาได้ครู่ก่อนจะถึงนครนายกก็มามีเรื่องต้องเปลี่ยนตัวคนขับมาเป็นผมก่อนที่ผมจะขับต่อตรงไปที่บ้านสร้าง ตรงเข้าพนมสารคามก่อนจะมาขึ้นเส้น 331 ที่สนามชัยฯ ตามความเคยชินของผมแล้วจะต้องต่อตรงลงมาถึงที่แยกมาบปูเพื่อจะเลี้ยวเข้าระยองแล้วเลี้ยวเข้าปลวกแดงที่แยกเขาน้อยแล้วขับตรงมาที่แยกมาบเตยแล้วค่อยเข้าบ้านของผมตามเส้นทางที่เคยชินของผมก็ต้องมาเปลี่ยนเป้าหมายซะก่อน

เหตุที่ต้องเปลี่ยนเป้าหมายเพราะตลอดทางที่ว่ากันตามจริงพี่ผึ้งเธอต้องขับรถเกือบๆ 6 ชั่วโมง ที่เราจะต้องมาอยู่บนรถด้วยกันจนถึงปลวกแดงแต่มันก็มีเรื่องที่มาจากการเสือกของผมล้วนๆที่ตอนแรกๆผมที่พยายามชวนพี่ผึ้งคุยพยายามที่จะเรียกเสียงหัวเราะจากเธอตามสันดารของผมที่วันนั้นพี่ผึ้งเธอออกซึมๆเอาแต่ขับรถเงียบๆไม่หัวเราะตามมุกที่ผมพยายามหยอดออกไปเหมือนปกติ

จนผ่านแยกหินกองมาพักใหญ่ก่อนจะมาถึงเส้นเลียงเมืองนครนายกผมที่เห็นพี่ผึ้งเธอเงียบๆไม่คุยแทบจะไม่โต้ตอบเหมือนทุกๆทีก็เลยเสือกไปถามถึงเรื่องที่ทำให้พี่ผึ้งเธอเสียใจจนร้องไห้เพราะอาการเธอที่เห็นๆกันอยู่ พอผมเซ้าซี้ถามเธอไปที่สุดเธอก็ยอมเปิดปากเล่าเรื่องออกมา ที่พอเธอเล่าก็บ่อน้ำตาแตกออกมาอีกครั้งจนเธอขับรถต่อไม่ไหวจนต้องเข้าจอกที่ข้างทางก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นผมที่ต้องขับต่อแทนเธอตังแต่ยังไม่ถึงเส้นเลี่ยงเมืองนครนายก

เรื่องที่ผมรู้ก็กลายมาเป็นว่าพี่เบิร์ดสามีของเธอไปแอบมีอะไรกับเด็กเสมียนที่เป็นลูกน้องของเธอในร้านตั่งแต่เธอกำลังอุ้มลูกของเค้าในท้อง จนมาเมื่อเช้านี้ที่ยัยเด็กนั่นมาบอกเธอที่ร้านความเลยแตกเอาเมื่อเช้านี้เองแถมพี่เบิร์ดที่แกลงมาเจอเข้าพอดีแกยังเข้าไปดึงยัยเด็กนั่นออกไปจากร้านด้วยกัน พี่ผึ้งเธอเลยหนีออกจากบ้านมาที่ทั้งเนื้อทั้งตัวไม่มีอะไรติดตัวมาเลยนอกจากรถและกระเป๋าตัง โดยตอนนั้นเธอกะจะมาหาที่สงบๆทำใจก่อนจะกลับไปพูดคุยตกลงกับพี่เบิร์ดสามีของตัวเอง

พอผมรู้เรื่องอย่างนั้นเข้าผมเลยได้แต่พยายามพูดปลอบใจเธอไปจนเธอสงบลง ในรถเลยเงียบจนมาถึงเกาะขนุนที่เลยพนมสารคามมาแล้วผมถึงได้ถามเธอไปว่า 'ใจจริงเธอกะไปไหน?' พอเธอได้ยินผมถามเธอเลยบอกเป้าหมายที่เธอว่าจะไปตอนออกจากบ้านก่อนมาเจอผมที่กำลังรอรถเมล์ว่า 'ทีแรกพี่กะจะไปกระบี่แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจจะไประยองแล้ว' ผมเลยตัดสินใจแทนที่จะกลับบ้านที่ตอนนั้นกำลังขึ้นเส้น 331 แล้วผมเลยวิ่งตรงลงมาตามเส้น 331 ก่อนจะเลี้ยวเข้าพนัสฯที่แยกเกาะโพธิ์ตรงมาขึ้นมอเตอร์เวย์ ที่ด่านพานทองโดยตอนนั้นผมคิดแค่จะพาเธอไปกระบี่ตามที่เธออยากไปในตอนแรก (ตอนนั้นแค่กะไปเป็นเพื่อนเธอเพราะไม่อยากปล่อยให้เธออยู่คนเดียว 'กลัวเธอคิดสั้น')

 

ที่สุดในคืนวันนั้นตอน 4 ทุ่มกว่า เราก็มาถึงปั้ม ปตท ท่าแซะ ที่ผมเคยแวะมาพักกับพี่ชายตอนจะลงไปที่กระบี่ไปร่วมงานสัมมนาที่ผมได้เจอกับพี่ผึ้งเป็นครั้งแรก คืนนั้นผมเลยพาเธอเข้าพักที่โรงแรม Jumbo ในปั้ม ปตท ที่ผมว่ามันใช้ได้เพราะสะอาดดีแล้วราคาเข้าพักยังไม่แพง (ผมจ่ายไหว) แล้วเรายังแค่พักที่นี่กันแค่คืนนี้คืนเดียวก่อนจะออกเดินทางไประนองที่เป็นเป้าหมายที่วางไว้ในวันรุ่งขึ้น

พอตกลงเข้าพักที่โรงแรมนี้ผมกับพี่ผึ้งเลยออกมาหาข้าวเย็นกินกันแต่น่าเสียดายพวกเรามามืดเกินร้านอาหารแดนใต้ที่อยู่ใกล้ๆโรงแรมปิดไปเรียบร้อยแถมร้านขายข้าวขายก๋วยเตี๋ยวแถวๆนั้นไม่ปิดก็หยุดไปหมดแล้วเราเลยต้องขับรถออกมาหาที่กินข้าวกันเพราะเราทั้งคู่ยังไม่ได้กินข้าวเย็นกันมาเลย มาหาได้ที่ตัวเมืองชุมพรแถวๆสถานีรถไฟ ระหว่างกินข้าวเย็นผมเอ่ยปากชวนพี่ผึ้งเธอไปไหว้ 'กรมหลวงชุมพรฯ' กันในเช้าวันรุ่งขึ้นเธอเองก็เอ่ยตกลงเพราะกว่าเราจะไปขึ้นเรือที่ระนองก็เป็นเรือรอบบ่าย 2 และทางรีสอร์ทเองก็นัดเข้าเช็คอินตอนบ่าย 4 โมงเย็น

เช้ามาไม่ทันจะ 7 โมงดีผมกับเธอก็รีบเข้าชุมพรไปกราบกรมหลวงชุมพรฯกันตามที่คุยกันไว้เมื่อคืนก่อนจะออกมาตรงไปที่ระนองหาข้าวเช้ากินกันที่ทับหลี โดยพี่ผึ้งเธออยากจะไปลองกินข้าวมันไก่กับซาลาเปาเพราะได้ยินมาว่า 'อร่อย' พอกินกันเสร็จเราจึงตรงเข้าระนอง แต่ก่อนจะถึงตัวเมืองผมชวนพี่ผึ้งขึ้นไปชมวิวแม่น้ำกระบุรีและเขตต่อพรมแดนพม่าบนเขาฝาชีกันก่อนเพราะมีเวลาอีกหลายชั่วโมง กว่าจะมาถึงตัวเมืองระนองก็เลย 11 โมงไปใกล้เที่ยงแล้ว พี่ผึ้งเธอเลยเสนอว่าไปลองโรตีนิสราเป็นข้าวเที่ยงที่หงาวเลยตัวเมืองระนองไปนิดแต่พอพวกเราไปถึงที่ร้านก็ปรากฏว่าโรตีเค้าหมดไปก่อนแล้วผมกับพี่ผึ้งเราเลยต้องสั่งไก่ทอดกับข้าวยำทางใต้มากินแกล้มกับชาชักแดนใต้แทน

พอกินกันเสร็จพี่ผึ้งเธอเลยชวนผมเข้าไปที่ตลาดระนองไปหาซื้อเสื้อผ้าและของใช้เธอก่อนก่อนที่จะลงเรือไปเกาะพยาม ที่ตลาดพี่ผึ้งเธอเลือกได้แค่เสื้อยืดตัวละ 299 กับกางเกง JJ ที่เธอซื้อมากว่า 10 ชุด (เผื่อไว้ใส่เล่นน้ำทะเลด้วย) กับชั้นในที่ทางร้านมีขนาดของเธอเพียง 4 ชุดเธอเลยเหมามาหมดและของใช้ส่วนตัวของเธอ พอใกล้บ่ายโมงครึ่งเราถึงตรงไปที่ท่าเรือปากน้ำเพื่อขึ้นเรือไปเกาะพยามในเที่ยวบ่าย 2 โมงตามที่เจ้าหน้าที่ที่รีสอร์ทแนะนำมา

คืนแรกที่ได้มาอยู่ในห้องพักของรีสอร์ทระดับ 4 ดาว รีสอร์ทที่เหมือนกับมัลดีฟส์ที่พี่ผึ้งเธอจองไว้ 2 ห้อง จองอยู่ 7 วัน ค่าพัก 2 ห้องก็กดไปเกือบแสนแล้ว ห้องพักทรงกลมที่ดูดีดูสวยมากๆถูกยกสูงมีทางเดินเชื่อมห้องพักแต่ละห้องเข้ากันกับอาอาคารหลังใหญ่ที่อยู่อยู่ด้านหน้าติดหาดทรายและทางเข้ารีสอร์ท ภายในที่มีที่นั่งกึ่งๆที่นอนติดหน้าต่างทางเข้าออกระเบียงทางด้านหลัง แถมเตียงนอนที่นุ่มสบายใหญ่ระดับ King Size และยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างพร้อมมูลทำให้ผมที่เพิ่งวางกระเป๋าเป้ก่อนจะมองห้องพักไปรอบๆอย่างพอใจก่อนจะเข้าไปใช้บริการห้องน้ำเพื่อล้างเนื้อล้างตัวก่อนจะต้องเตรียมตัวออกมากินข้าวเย็นที่ทางรีสอร์ดจะจัดเลี้ยงให้กับพี่ผึ้งที่เธอเองก็แยกตัวไปพักที่ห้องพักข้างๆผม

พอ 6 โมงกว่า ผมที่เตรียมตัวเสร็จแล้วเลยเดินออกมามองก่อนจะไปเคาะประตูห้องพักพี่ผึ้งเรียกเธอออกมากินข้าวกันก่อนจะมานั่งรอที่ชุดที่นั่งพักที่ทำจากไม้และหวายมองดูแขกคนอื่นที่มาพักที่นี่เดินผ่านไปมาจนพี่ผึ้งเธอออกมาจากห้องของเธอ หลังจากได้กินข้าวเย็นที่ต้องบอกว่าจัดหนักพอดูสำหรับผมเพราะความแปลกใหม่ของอาหารซีฟู้ดแบบตะวันตกกับไวน์ขาวที่พนักงานของรีสอร์ทรินให้กินคู่กับอาหารทะเลคนละ 1 แก้วแล้วยังพี่ผึ้งที่เธอเปิดโอกาสให้ผมสั่งเพิ่มได้เต็มที่จนผมอิ่มหนำไปเลย

หลังจากจัดหนักไปเรียบร้อยพี่ผึ้งเธอก็ชวนผมนั่งฟังเพลงชิวๆพร้อมจิบไวน์แดงที่เธอสั่งมาอีกขวดชวนให้ผมดื่มเป็นเพื่อนเธอจนขวด 2 หมดไปเกือบครึ่งพี่ผึ้งที่เธอออกอาการเมาหน้าหวานที่เคยขาวใสเนียนละเอียดของเธอตอนนั้นมันแดงก่ำเลย ผมเลยชวนเธอกลับไปพักที่ห้อง ทีแรกผมนึกว่าเธอเดินไหวแต่ที่ไหนได้ผมต้องเข้าไปพยุงประคองเรือนร่างที่ทำเอาผมควยลุกไปส่งเธอถึงห้องพักเธอที่อยู่ข้างๆห้องของผมก่อนจะกลับเข้าไปอาบน้ำดับอารมณ์ที่เริ่มคุกรุ่นที่ห้องของตัวเอง

เช้ามาผมต้องไปเคาะประตูห้องของพี่ผึ้งเธอตอนจะ 7 โมงครึ่งได้ ก่อนต้องมานั่งรอที่จุดนั่งเล่นตรงทางเดินหน้าห้องพักที่เป็นที่เดิมที่ผมมานั่งรอเธอเมื่อคืน รอจนเธออาบน้ำแต่งตัวเสร็จตอนแปดโมงกว่าแล้วจึงพากันไปจัดการอาหารเช้าที่ทางรีสอร์ทจัดให้กินฟรีกันจนอิ่ม ผมเลยชวนพี่ผึ้งขี่จักรยานที่ทางรีสอร์ทมีไว้ให้บริการไปอ่าวใหญ่ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามอีกด้านของเกาะที่กลายเป็นผมที่ต้องมานั่งเป็นเพื่อนเธอที่พี่ผึ่งจะนั่งมองทะเลแบบเศร้าๆแถมยังมีแอบร้องไห้ให้ผมเห็นด้วย เห็นอย่างนั้นแล้วผมเลยชวนเธอไปดูทะเลที่อ่าวเขาควายอีกที่ก่อนชวนเธอเดินเล่นบนหาดทรายจนใกล้เที่ยงเลยชวนเธอไปหาอะไรกินกันแถวๆนั้น

หลังกินกันเสร็จพี่ผึ้งเลยชวนผมกลับรีสอร์ทจนเริ่มบ่ายหน่อยพอแสงงแดดเริ่มอ่อนลงผมเลยชวนพี่ผึ้งเอาเรือแคนูของรีสอร์ทที่จอดอยู่ที่หน้าหาดที่ผมเลงไว้แต่เช้ามาพายเรือหาที่เล่นน้ำกัน (ทะเลตรงหน้ารีสอร์ทไม่ค่อยน่าเล่นเท่าไหร่เพราะมันอยู่ใกล้ชุมชนบนเกาะเลยมีขยะลอยอยู่แถวนั้นให้เห็นแยะพอดูจะดีก็ตรงที่น้ำยังใสไม่สกปรก) พอลงพายเรือได้ผมกับพี่ผึ้งเราก็เลยช่วยกันพาย ทีแรกแรกพี่ผึ้งเธอชวนพายผ่านสะพานข้ามทางเข้ารีสอร์ทเข้าไปตามทางน้ำข้างในที่ตอนนั้นน้ำกำลังขึ้นเลยเข้าไปท่วมเต็มพื้นที่ของรีสอร์ทจนห้องพักที่อยู่ข้างในเหมือนอยู่ลอยอยู่บนน้ำบนทะเล

พอพายไปได้ครู่ผมเลยชวนพี่ผึ้งเธอพายออกไปทะเลเปิดด้านนอก พวกเราเลยช่วยกันพายออกมาเลียบเกาะจนอ้อมโขดหินมาโผล่อีกด้านของเกาะจนมาเจอเข้ากับหาดร้างเล็กๆแคบๆที่อยู่ไม่ไกลจากรีสอร์ทมากนัก ผมเลยชวนพี่ผึ้งลงเล่นน้ำกันที่หาดนี้เพราะมองแล้วมันไม่มีขยะเหมือนตรงหน้ารีสอร์ทเพราะผมไม่อยากเห็นเธอเศร้าหรือนั่งเหงาๆเหมือนช่วงเช้าเลยพยายามหากิจกรรมมาชวนเธอให้เธอทำจะได้ไม่คิดถึงเรื่องพี่เบิร์ด

พอลงเล่นน้ำได้ครูผมก็เลยชวนพี่ผึ้งเล่นไล่จับกันโดยมีพนันเลี้ยงข้าวมื้อเย็นเป็นเดิมพัน ผลจากการเล่นไล่จับที่ผลัดกันไล่ผลัดกันกอดมันทำให้ผมได้สัมผัสกับเรือนร่างของพี่ผึ้งแบบจัดเต็มเป็นครั้งแรกจนเจ้าดุ้นเนื้อที่หว่างขามันแข็งจนปวดไปหมด พอผมเห็นพี่ผึ้งเธอเริ่มเหนื่อยมากผมเลยทำเป็นยอมแพ้เธอและชวนเธอขึ้นไปนั่งพักบนหาดก่อนจะช่วยกันพายเรือกลับรีสอร์ทมาอาบน้ำกันที่ห้องพักของเราแล้วจึงชวนเธอออกมาอีกครั้งโดยครั้งนี้ผมได้ถามพนักงานของรีสอร์ทถึงร้านอาหารที่กินได้ น้องพนักงานก็แสนดีแนะนำร้านอร่อยเจ้าดังของเกาะพยามที่มันอยู่หน้ารีสอร์ทนี่เอง

มื้อเย็นที่ผมตั่งใจจะเป็นฝ่ายออกเงินเองผมเลยไปเรียกพี่ผึ้งเธอถึงหน้าห้องอีกครั้งก่อนต้องมานั่งรอที่หน้าห้องเธอตรงจุดเดิมที่เคยนั่งรอเธอ หลังรอเกือบครึ่งชั่วโมงพี่ผึ้งในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นโชว์เรียวขาขาวๆเหมือนเมื่อเช้าเมื่อตอนเย็นก็ก้าวเดินออกมาจากห้องพักของเธอ เราเลยตรงออกไปที่ร้านอาหารทะเลที่น้องพนักงานของรีสอร์ทแนะนำไว้ อาหารมื้อเย็นของที่ร้านรสชาติใช้ได้อร่อยเลยทีเดียวแถมพอผมได้กินพร้อมกับเจ้า BLEND 285 ที่ผมสั่งมาอีกขวดพร้อมน้ำแข็งและโซดาด้วยแล้วมันยิ่งเข้ากันถูกใจหนุ่มโสดอย่างผมมากเลย

หลังจากที่พวกเรากินกันเรียบร้อยผมเองที่เป็นคนชวนให้พี่ผึ้งเธอลองไปเที่ยวบาร์ที่นี่ดู ทีแรกที่เข้าไปพี่ผึ้งเธอก็เป็นฝ่ายขมวดคิ้วจนผมสังเกตเห็นเลยรู้ว่าเธอไม่ชอบที่แบบนี้เลยต้องชวนเธอเปลี่ยนที่อีกที ครั้งนี้กลับเป็นเธอเองที่เป็นฝ่ายชวนผมให้ไปซื้อไวน์ที่รีสอร์ทไปกินที่ห้องพักของเธอเพราะผมยังเหลือเจ้า BLEND 285 ที่ยังเหลืออยู่ถึง 3 ใน 4 ของขวด ได้ยินอย่างนั้นผมเลยพยักหน้าเออออไปกับเธอ โดยแอบคิดว่า 'ถ้าพี่ผึ้งเธอเมาหลับไปผมจะแอบออกมาหาที่เที่ยวเองอีกที'

พอกลับมาถึงรีสอร์ทผมเลยปล่อยให้พี่ผึ้งเธอถือเหล้าของผมไปรอที่ห้องพักส่วนผมก็เดินตรงไปซื้อไวน์ที่บาร์ของรีสอร์ทมา 3 ขวด (ซื้อแบบจำยอมเพราะบนฝั่งในห้างใหญ่ที่ผมกับพี่ชายเคยลองซื้อไวน์ยี่ห้อนี้มากินกันขวดนึงไม่ถึงพันแต่ที่นี่ขวดนึง 2 พันกว่า) กับขนมขบเคี้ยวเบาๆประเภทมันฝรั่งทอดมาแกล้มกับน้ำแข็งและก็โซดาอีก 3 ขวดก่อนจะหิ้วกลับมาที่ห้องของพี่ผึ้ง ผมก็จัดการเปิดไวน์ที่ซื้อมาก่อนรินให้พี่ผึ้งเธอได้ดื่ม พอเธอดื่มไปจนเกือบหมดขวดแรกอาการเมาแล้วพูดมากก็เริ่มออกอาการ

พอเริ่มเมาเธอก็เริ่มบ่นเริ่มโวยวายถึงสามีที่นอกใจถึงการทรยศแบบไร้ยางอายของเด็กเสมียนที่เธอฝึกสอนมากับมือ  จนขึ้นขวด 2 และพอขวด 2 หมดไปเกือบครึ่งอาการต่อมน้ำตาแตกก็ออกอาการอีก จนขึ้นขวดที่ 3 เธอก็คว้าเอาขวดไวน์ขวดที่ 3 มากระดกเข้าปากตรงๆเลยก่อนจะออกอาการร้องไห้ฟูมฟายครู่ใหญ่แล้วสุดท้ายเธอก็เลยหันมาถามผมมาด้วยอาการของคนเมาเหล้าว่า

"เมศว่าพี่สวยไหม?" คำถามด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้ของคนเมาที่พี่ผึ้งพูดออกมาพร้อมๆกับที่เธอใช้นิ้วมือเธอเกี่ยวคอเสื้อเธอลงมาโชว์ให้ผมเห็นสายคล้องไหล่สีฟ้าอ่อนๆของยกทรงที่กำลังประคองเต้านมอวบใหญ่ขนาดคัพ D ของแม่ลูกอ่อนจนเห็นเนินอกเนื้อขาวๆตัดกับเส้นเลือดสีเขียวจางๆของหญิงสาวรุ่นพี่ที่เคยเป็นอดีตดาวมหาลัยเอกชนดังของไทยอดีตพรีตตี้ดังของงานมอเตอร์โชว์ที่เธอเคยเล่าว่าไปรับงานมาติดๆกัน 2 ปีเพราะอยากหาตังกินหนม

ผมที่แค่ออกอาการมึนนิดๆถึงเหล้าที่กินไปจริงๆมันหมดไปเกิน 3 ใน 4 ของขวดเหลือติดแค่ก้นขวดแล้วได้แต่กลืนน้ำลายลงคอและพยักหน้าพร้อมเหลือบมองมองเนื้ออ่อนขาวๆที่เคยแต่ซ่อนอยู่ใต้ร่มผ้าของสาวรุ่นพี่จนต้องกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอติดๆกันอีก 2 อึก ท่อนควยที่อยู่ในกางเกงตอนนี้มันตั่งโด่แข็งจนกลับมาปวดอีกครั้งหลังจากที่มันอ่อนลงเพราะได้เอาน้ำข้นๆออกระหว่างอาบน้ำที่ห้องพักเมื่อเย็น

"ถ้าพี่สวยจริงทำไมพี่เบิร์ดเค้าถึงไปมีคนอื่นละ" เสียงเธอที่อ้อแอ้ออกมาก่อนร้องไห้โฮออกมาอีกครั้งพร้อมโผเข้ามาหาผมเข้ามากอดร้องไห้โฮๆเหมือนเด็กเล็กๆจนผมทำได้แค่ลูบหลังเอ่อปลอบเธอไปตามเรื่อง ยอมรับละตอนนั้นพอเห็นท่าทีของพี่ผึ้งผมเองก็หมดอารมณ์ไปแล้วได้แต่สงสารเธอ แต่ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ผึ้งที่เธอขยับออกมาก่อนจะเงยหน้าที่อยู่ใกล้ๆผมจนได้กลิ่นกายหอมๆผสมกับกลิ่นไวน์มองหน้าผมด้วยแววตาที่ปรือๆเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์

สายตาของเธอที่แสนจะเว้าวอนมันทำให้ผมเริ่มกลับมามีอารมณ์จนอดไม่ได้ที่จะมองสบตาเธอ แล้วสิ่งที่ผมไม่เคยคิดว่าผู้หญิงอย่างพี่ผึ้งเธอจะกล้าทำก็เกิดขึ้น หลังจากที่ผมเผลอไผมองสบตาพี่ผึ้งที่เธอเองก็กำลังมองสบตาผมเหมือนกันและหลังจากที่เราเงียบกันไปได้ครู่ พี่ผึ้งเธอก็จะขยับใบหน้าสวยหวานรูปไข่ของเธอเข้ามาหาหน้าผมและจูบปากผมก่อนอย่างเผลอไผล

เรื่องผิดบาปของเรามันคงไม่เกิดขึ้นถ้าไม่ใช่เพราะพี่ผึ้งเธอเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ริมฝีปากนุ่มๆหอมหวานที่ทีแรกที่ริมฝีปากเธอสัมผัสกับปากผม ผมที่ตอนนั้นก็เริ่มมึนนิดๆทีแรกก็ได้แต่ตกใจเบิกตาโตเพราะไอ้ตัวดีในใจผมมันกำลังกู่ร้องบอกผมว่า 'อย่านะมึงเค้ามีลูกมีผัวแล้วนะ' แต่เพราะรสชาติจากน้ำลายหวานๆและลิ้นของพี่ผึ้งเธอที่มันถูกเธอกดแทรกผ่านริมฝีปากที่เผลอเผยอออกและไม่ได้ป้องกันของผมเข้ามาสัมผัสกับลิ้นผมในช่องปาก

ตอนนั้นผมมันยังไม่มีความคิดที่จะทำผิดกับพี่เบิร์ดสามีของพี่ผึ้งเลยแต่เพราะไอ้ตัวเลวที่มันเริ่มมีอิทธิพลเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่มันได้ลดทอนสติของผมไปก่อนจนคำว่า 'ช่างมัน!!' จะแทรกเข้ามาในห้วงความนึกคิด ผมเลยตัดสินใจทำเรื่องผิดบาปอย่างการเป็น 'ชู้' ลงไป โดยเริ่มตวัดลิ้นของผมรับกับลิ้นของพี่ผึ้ง ผมที่เริ่มส่งลิ้นเข้าไปโตตอบจนลิ้นของเราเริ่มตวัดพัวพันกันไปมาพร้อมๆกับของเหลวในช่องปากของเราก็เริ่มถูกแลกเปลี่ยนกัน

ตอนนั้นมือผมก็เริ่มอยู่ไม่สุกเริ่มขยับลูบไล้สัมผัสกับเรือนร่างที่เริ่มอวบของคุณแม่ลูกอ่อนที่เพิ่งผ่านการคลอดลูกมาได้ไม่ถึง 2 เดือนดีของพี่ผึ้ง พอแขนผมเริ่มโอบรอบร่างบางที่เริ่มอวบขึ้นมานิดๆของพี่ผึ้งเธอก็เหมือนเธอเริ่มได้สติเริ่มรู้ตัวเธอพยายามที่จะดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดที่เริ่มลัดแน่นขึ้นของผมและดันให้ร่างผมถอยห่างออกจากร่างเธอแต่ตอนนั้นอารมณ์ผมมันกระเจิงไปแล้วในหัวมีแต่ความอยากความต้องการที่อัดอั้นและสั่งสมมาเกือบปีที่ไม่ได้มีอะไรกับผู้หญิงจริงๆตั่งแต่ได้บรรจุเข้าเป็นครู

จนมาตอนนั้นตอนที่ผมได้โอกาสกับพี่ผึ้งเป็นครั้งแรกที่เธอเองก็เป็นเหมือนนางในฝันของผมตั่งแต่ที่ผมได้เจอเธอครั้งแรกเมื่อปีกว่าก่อนหน้าที่ผ่านมา แต่ตลอดเวลาที่ผมต้องพยายามหักห้ามใจเพราะมันติดที่เธอแต่งงานมีลูกมีผัวไปแล้ว จนมาถึงตอนนั้นที่ทุกอย่างมันกำลังดำเนินและเกิดขึ้นมาจริงๆด้วยความปรารถนาที่ถูกเพิ่มเติมจนผมไม่อาจจะกดหรือควบคุมมันได้อีกครั้งแล้วทุกอย่างมันเลยระเบิดออกมาเป็นความผิดบาปที่ไม่อาจคืนกลับไปได้

ตอนนั้นผมไม่สนใจอะไรอีกแล้วแขนผมรัดร่างของรุ่นพี่สาวแน่นขึ้นปากผมก็กำลังเพิ่มแรงบดจูบและสอดลิ้นเข้าไปคว้านโพงปากที่หวานฉ่ำ เสียง 'อู่อี่' ที่ดังออกมาของพี่ผึ้งเธอตอนนั้นผมไม่เหลือสติที่จะฟังมันเลย ผมเอาแต่จูบแต่ขยับลิ้นพันลิ้นของเธอจนร่างเริ่มอวบนิดๆของรุ่นพี่สาวเริ่มอ่อนลงปากผมเลยขยับถอนจากริมฝีปากรุ่นพี่คนสวยจูบที่แก้มเนียนก่อนไถไปหาใบหูที่แดงก่ำด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์

พอร่างของพี่ผึ้งเริ่มอ่อนลงแขนผมก็เริ่มขยับจากโอบรัดเริ่มปล่อยแขนขวามาคลำก้อนเนื้อใหญ่ๆที่แทบจะล้นฝ่ามือที่ผมแอบจ้องมองมันมานาน นิ้วที่สัมผัสก้อนเนื้อนุ่มๆเริ่มเกรงบีบก้อนเนื้อนุ่มที่คัดแข็งของรุ่นพี่สาวแต่พอผมนวดก้อนเนื้ออวบไปได้แค่ 3 ที ฝ่ามือผมที่กำลังโอบรัดก้อนเต้านมของแม่ลูกอ่อนก็รับรู้ถึงความชื้นของน้ำนมที่ซึมผ่านผ้าทั้ง 2 ชั้นมาสู่อุ้มมือผม

พอรู้ถึงน้ำนมลำคอผมก็รู้สึกแห้งผากหิวน้ำขึ้นมาทันที ตอนนั้นตอนที่ผมกำลังเล่นกับใบหูของพี่ผึ้งก็เลยเปลี่ยนเป้าหมายใหม่ขยับเคลื่อนลงมาที่คางและลำคอระหงของรุ่นพี่สาวที่ได้แต่ส่งเสียง 'อืออา' ออกมาแผ่วๆ มือที่โอบประคองก้อนเนื้อหยุ่นก็เคลื่อนลงมาที่ชายเสื้อยืดสีชมพูลายการ์ตูนกระต่ายน่ารักที่เธอซื้อมาด้วยราคา 299 บาท แล้วค่อยขยับดึงชายเสื้อของเธอขึ้นมาด้านบน

ผิวเนื้อขาวๆที่เริ่มปรากฏขึ้นจากชายเสื้อยืดที่ถูกรั้งให้สูงขึ้นมากขึ้นจนที่สุดก็มาถึงยกทรงลายลูกไม้สีฟ้าที่เธอสวมใส่ ผมที่ตอนนั้นหยุดจูบหยุดสูดดมกลิ่นกายของรุ่นพี่สาวทำได้แค่ก้มหน้ามองดูทรวงอกอวบใหญ่ของคุณแม่มือใหม่ ผมที่ตอนนั้นคอแห้งไปหมดแล้วเลยรีบก้มหน้าลงไปหาเจ้าก้อนเนื้อที่เพิ่งปรากฏออกมาคลุกใบหน้าเข้ากับซอกเนื้อขาวๆที่อยู่ระหว่างกลางของก้อนเนื้อขาวๆ 2 ก้อนที่เห็นเส้นเลือดสีเขียวจางบนเนินอกที่พ้นแถบประคองเต้าของยกทรงสูดดมกลิ่นหอมที่เหมือนกลิ่นนมวัวของพี่ผึ้งก่อนจะถกยกทรงของเธอขึ้นมาด้านบน

หัวนมสีแดงอมน้ำตาลที่ใหญ่พอๆกับถั่วแดงที่มันชูชันตั่งเด่นขึ้นมาในสายตาผมเห็นเหมือนมีหยดน้ำสีขาวออกเหลือง 3-4 หยดที่ผุดออกมาที่ยอดหัวนม ภาพที่ผมเห็นมันทำให้ผมต้องรีบก้มหน้าลงไปและอมหัวนมของพี่ผึ้งเข้ามาในปากออกแรงดูดน้ำนมที่พุ่งออกมาจากหัวนมเธอทันทีที่ผมดูด ผมดูดจนน้ำนมพี่ผึ้งเต็มปากก่อนกลืนเครื่องดื่มชั้นยอดนั้นลงคอ ดูดจนเต็มปากแล้วก็กลืนไปอีกครั้ง ก่อนจะไซ้ไปหาอีกเต้าจะเริ่มทำซ้ำอีกรอบ

ผลจากการได้ดูดกินน้ำนมของพี่ผึ้งเธอเองตอนนั้นคงเริ่มเสียวจนต้องแอ่นหน้าอกเข้าหาใบหน้าเข้าหาปากของผม ผมเลยเพลินกับเต้านมคู่อวบของคุณแม่ลูกอ่อนที่ตอนนั้นเธอเองคงยอมผมให้ผมได้ดูดกินน้ำนมของเธอแล้ว มือผมที่ตอนนั้นมันได้แต่ลูบคลำเรือนร่างที่อวบนิดๆประสาแม่ลูกอ่อนของพี่ผึ้งก็เริ่มขยับต่ำลงและสอดแทรกมือผ่านขอบยางของกางเกง JJ ที่ซื้อมาจากระนองเข้าไปหาซอกขาอวัยวะสืบพันธ์ของรุ่นพี่สาว พอมือผมแทรกผ่ายขอบยางของชั้นในตัวจิ๋วเข้าไปสัมผัสกับพงหญ้าขนสากๆที่ขึ้นเต็มพื้นที่หวงแหนของเธอ ร่างของรุ่นพี่คนสวยก็สะดุ้งขึ้นมาทันที เสียงร้องห้ามที่ดันออกมาพร้อมๆกับมือทั้ง 2 ข้างของเธอที่ขยับลงมากุมข้อมือผมที่กำลังล้วงเข้าไปในซอกขาของเธอ

'เมศ!!! ยะหยุดไม่เอานะ ปะปล่อยพี่!!!' เสียงร้องที่ดังออกมามันดันได้เพียงเท่านั้นแล้วร่างอวบของเธอก็กระตุกตัวทำท่าเหมือนจะลุกขึ้นแต่ติดที่ตัวเธอถูกผมกอดกดร่างของเธอเอาไว้

 

"ยะหยุดเถอะเมศ พะพี่มีผัวมีลูกแล้ว!!!" เสียงร้องเตือนอย่างหวาดๆของพี่ผึ้งที่ดังออกมามันแทบไม่มีผลอะไรกับผมในตอนนั้นเลย ตอนนั้นอารมณ์ผมมันลุกโชนจนกดให้มันดับไปเหมือนก่อนหน้าไม่ได้อีกแล้ว ตอนนั้นผมยอมรับละว่า 'หน้ามืด' ไปเรียบร้อยแล้วในหัวผมมันมีแต่คำว่า 'กูจะเย็ดๆๆๆๆๆๆ'

 
ซิปกางเกงขาสามส่วนแบบคาร์โก้ที่มีกระเป๋าหลายลูกถูกผมรูดลงมาจนสุดก่อนจะควักเอาเจ้ายักษ์ตาเดียวที่ปวดหนึบจนแทบทนต่อไม่ไหวออกมา เหตุที่ผมเรียวควยผมว่า 'เจ้ายักษ์' ก็เพราะมันมีเหตุเกิดกับผมสมัย ป.2 อย่างที่ท่านๆรู้กันว่าบ้านผมเป็นช่างก่อสร้างทั้งพ่อผมที่เป็นช่างก่อช่างปูนและแม่ผมที่เป็นช่างปูกระเบื้อง เด็กๆผมกับพี่ชายเลยต้องไปใช้ชีวิตส่วนใหญ่ที่ไซต์ก่อสร้างที่พ่อกับแม่ผมต้องไปทำงาน ตอนนั้นพ่อกับแม่ผมกำลังไปสร้างบ้านใหม่ให้อดีตผู้ใหญ่บ้านคนดัง (ที่ต่อมาแกจะกลายมาเป็นกำนันก่อนจะถูกยิงตายไป) ที่ต้องการลื้อเอาบ้านหลังเก่าที่เป็นบ้านไม้อายุกว่า 40 ปีออกแล้วจะสร้างบ้านใหม่ให้เป็นตึกแทนที่

กองไม้ที่เป็นชิ้นส่วนของบ้านเก่าที่ถูกลื้อออกมามันเลยเป็นเหมือนจุดอับสายตา ผมที่ตอนนั้นเพิ่งกลับมาจากโรงเรียนและกำลังปวดขี้สุดๆเลยไม่สนใจอะไร วิ่งไปหลังกองไม้ได้ก็รีบถอดกางเกงที่ได้รับสืบทอดมาจากพี่ชายออกจากขาวางลงบนกองไม้และนั่งยองลงขี้ทันที เพราะความเป็นเด็กในตอนนั้นพอขี้เสร็จตอนใส่กางเกงเลยไม่ได้ดูอะไรรีบๆใส่ให้เรียบร้อยผลเลยกลายเป็นว่า แมงป่องช้างตัวนึงมันอยู่ในกางเกงผมและสุดท้ายผมเลยไปจบลงที่โรงพยาบาล กว่าวันกว่าๆที่ต้องไปนอนใน ICU และต้องมานอนในห้องรวมของเด็กอีก 11 วันจึงกลับบ้านได้

หลังเหตุการณ์นั้นก็เลยมีผลให้เจ้าเจ้าควยเด็กๆของผมมันกลายเป็นยักษ์ใหญ่ไปตั่งแต่ตอนนั้น แรกๆสมัยก่อนมันเหมือนเป็นปมด้อยเป็นสิ่งน่าอายของเด็กน้อยอย่างผมเพราะควยเด็ก ป.2 ที่ใหญ่กว่าของผู้ชายโตเต็มวัยซะอีก จนขึ้น ม.ปลายและเข้ามหาลัยผมก็ยังหาสาวๆมาเปิดซิงตัวเองไม่ได้ซักที ขนาดหมอนวดที่เพื่อนซี้พี่ชายผมยอมควักตังออกเงินพาผมไปเปิดซิงใช้บริการสาวอาบอบนวดที่ทางเข้าบางแสนยังไม่มีใครกล้ารับของผมเลย

แต่สุดท้ายตอนอยู่ปี 2 ผมดันมาเจอเข้ากับอาจารย์ท่านหนึ่ง (ไม่ขอเปิดเผยชื่อท่านนะครับ) ท่านได้พาผมไปเปิดซิงและเปิดประสบการณ์ของหนุ่มเต็มวัยให้ผมได้รู้จักก่อนจะพาผมเข้าไปในคลับลับๆ (คลับของสาวๆที่มาซื้อบริการจากหนุ่มๆ) ที่ตอนนั้นมันเกิดขึ้นมาจากพวกจบนอกแล้วเคยพบเจอกับคลับแบบนั้นมา (ตอนนั้นมันยังไม่แพร่หลายเพราะมันเป็นเหมือนสถานบริการสำหรับผู้หญิงที่จะเข้าไปซื้อไปใช้บริการผู้ชาย) พอพวกแกเรียนจบมาเลยเอามาเปิดมาก่อตั้งในเมืองไทยโดยมีอาจารย์ของผมที่แกจบมาจากอเมริกามาเป็นหุ้นส่วนกับเพื่อนแกเปิดคลับลับนั่นขึ้น แกเลยแนะนำและพาผมเข้าไปเพราะแกถูกใจกับขนาดเจ้าน้องชายของผมและรูปร่างหน้าตาที่ดูดีแต่ดิบเถื่อนของผม

ให้พูดเพราะไอ้คลับลับๆที่เป็นเหมือนงานพาร์ทไทม์แหล่งหารายได้พิเศษที่พิเศษสุดๆจนพาให้ผมเรียนจบโดยไม่ต้องขอตังพ่อกับแม่หรือพี่ชายแถมมีเงินเหลือใช้พร้อมประสบการณ์อย่างว่าที่เกินหน้าใครนี่แหละ (ช่วงนั้นเงินมันได้ไม่มากเหมือนเดียวนี้ที่หนุ่มบาร์โฮสต์ถึงกับออกเก๋งสปอร์ตมาขับได้สบายๆ) เพราะแบบนี้ผมเลยมีฝีมือจนเอามาใช้กับสาวๆที่มาใช้บริการหรือสุดท้ายที่ผมเอามาเปิดซิงพวกสาวนักศึกษาที่หลงมาติดผมแล้วยังมีพวกสาวสวยๆที่ตอนเรียนจบมาช่วยพี่ชายทำงานแล้วถูกผมหลอกเอาที่ทีแรกพวกเธอโดนผมจัดไปจะออกอาการเข็ดขยาดแต่สุดท้ายก็เป็นพวกเธอเองที่กลับมาให้ผมจัดหนักจัดเต็มให้อีกหลายๆรอบจนพวกพี่ๆผมพากันอิจฉาผมจนผมมาสอบบรรจุได้นั่นแหละผมถึงได้หยุด


เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

DeMo20220

ต่อ...

 

พอโควิทเริ่มระบาดตอนนั้นเริ่มมีการสั่งล็อกดาวน์การที่จะกลับบ้านที่เชียงรายเพื่อมาหาเมียหาลูกมันเลยเป็นไปไม่ได้จนเปิดเมือให้เดินทางได้ที่แรกๆผมก็รีบกลับลงมาหาเมียหาลูกผมทันทีที่เดินทางได้ แต่คืนแรกที่ผมได้อยู่บ้านอยู่กับน้องกีเมียผมผมเริ่มรู้สึกว่าเมียผมเธอเหมือนจะเปลี่ยนไป ผมใช้เวลาหาสาเหตุถึงความรู้สึกแปลกๆนั้นอยู่กว่า 3 เดือนจนที่สุดผมก็มาจับได้ถึงสาเหตุที่ทำให้เธอเปลี่ยนไปนั่นเป็นเพราะว่าเธอมี 'ชู้' เธอไปได้กับช่างไฟในโรงแรมที่เธอทำงานอยู่ในช่วงที่ผมลงมาหาเธอไม่ได้ แต่ที่ผมชำใจที่สุดก็ตรงที่ว่า ตอนที่ผมรู้เรื่องของเธอเธอกำลังอุ้มลูกของมันในท้องของเธอที่ตอนนั้นก็ 4 เดือนเข้าไปแล้วนั่นแหละ และนั่นคือสิ่งที่ผมคงเรียกมันได้อย่างเต็มปากว่า 'กรรมตามทัน' 

The END


ขอเตือนก่อนนะครับพอดีผมเป็นพวกชอบบรรยายเนื้อเรื่องเลยอาจยืดหน่อยถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องอ่านก็ได้นะครับไม่ว่ากัน

ปล เรื่องนี้ผมพิมพ์มาทั้งหมด 25,419 คำ
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

mario

#2
หรือจะตั้งชื่อเรื่องเป็น อิทธิฤทธิ์แมงป่องช้างดีครับ

ns52800189NS

มีประสบการณ์มากกว่าก็มีชัยไปกว่าครึ่ง

2000HP

นับถือผู้เขียน พิมพ์ไปได้สองหมื่นกว่าคำ บางทีก็สงสัยว่านั่งพิมพ์กันไปได้ไงไม่หมดอารมณ์ไปซะก่อน ผมนี่ไม่กี่คำก็เซ็งและ เหมือนสมองมันไปไวกว่ามือ

sarawut chanart


singkanong

ขอติดตามดูครับผมก็เคยกะคนที่มีสามีแล้วกรรมจะเป็นแบบไหนหนอ

n_neng

นมแม่ลูกอ่อนหวานไหมครับ 

adnpon

อ้างจาก: DeMo20220 เมื่อ สิงหาคม 09, 2022, 10:08:40 หลังเที่ยง
เรื่องนี้ผมเคยเอาไปลงที่บอร์ดของป๋าชาติมาก่อนแต่พอกลับไปอ่านเต็มๆรู้สึกมันไม่สมูทเลยอยากแก้ไขเนื้อเรื่องใหม่ พอมีเวลา พอแก้เสร็จกายเป็นว่าบอร์ดของป๋าชาติปิดแก้ไขปรับปรุงไปก่อนเลยยังไม่ทันลงแก้ เอามาลงที่บร์ดนี้แทนละกันให้ท่านนักอ่านลองเอาไปอ่านดู อ่านแล้วช่วยติชมด้วยนะครับ

ปล เรื่องนี้ผมแก้คำที่พิมพ์ตกพิมพ์ผิดไปแล้วแต่ถ้ายังมีหลงก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

...

ผิดที่รัก...


ปรเมศวร์ ครูเมศหรืออาจารย์เมศ นี่แหละคือชื่อผม แค่แนะนำเท่านี้ทุกคนก็น่าจะพอรู้กันละว่าผมมีอาชีพเป็นอาจารย์หรือเป็นครู เรื่องเลวๆของผมที่ได้เผลอตัวเผลอใจกระทำผิดกับผู้ชายคนนึงครอบครัวครอบครัวนึงเมื่อหลายปีถ้านับรวมเวลาก็คงจะเกือบๆ 15 ปีได้ มันเป็นเรื่องผิดศีลธรรมที่ไม่ควรเอ่ยถึงควรที่จะเป็นความลับตลอดไปแต่เพราะสิ่งที่มาเกิดขึ้นกับตัวเองมันเลยทำให้ผมเริ่มมารับรู้ถึงบาปกรรมที่ผมเคยทำเอาไว้

เรื่องความผิดบาปของผมมันคงเริ่มต้นเอาเข้าจริงๆก็ตอนที่ผมเพิ่งสอบ กพ ได้เพิ่งได้บรรจุเป็นครูแต่ตอนนั้นโรงเรียนที่ผมต้องไปประจำอยู่เป็นโรงเรียนแห่งแรกเลยนั้นมันกลับเป็นจุดพลิกผันในชีวิต โรงเรียนแห่งนั้นตั่งอยู่ห่างไกลจากบ้านผมไปกว่า 300 กิโลฯ (ถ้าวิ่งตรงไม่อ้อมเข้ากรุงเทพฯก็ประมาณนั้น) มันเป็นโรงเรียนในชุมชนเล็กๆแห่งหนึ่งในโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี จากบ้านผมที่อยู่แถวๆเขตปลวกแดงติดๆนิคมพัฒนา จังหวัดระยองที่ต้องถือว่าไกลพอดู

หลังจากรู้ข่าวผมเลยต้องเริ่มเก็บข้าวของเตรียมชุดและเสื้อผ้ากับของใช้ส่วนตัวพร้อมด้วยรถมอเตอร์ไซค์ Honda Wave 100 สีน้ำเงินคู่ใจที่ผมได้มาจากน้ำพักน้ำแรงจากงานพิเศษสมัยเรียนมหาลัยให้พี่ชายที่อายุมากกว่าผม 9 ปี ที่ตอนนั้นพี่ผมได้รับช่วงต่อจากอาชีพของพ่อกับแม่ผมที่เป็นช่างก่อสร้างมือดีของแถวบ้านที่มีคนมาจ้างให้ไปทำบ้านซ่อมบ้านต่อเติมบ้านจนไม่เคยหยุดตั่งแต่ผมกับพี่ชายเกิดมาจนจำความได้ที่พวกท่านไม่เคยว่างทุกๆวันถาไม่ป่วยหรือมีเหตุให้ต้องหยุด พ่อกับแม่ก็จะพากันไปทำงานกับแทบทุกวันไม่มีหยุด ให้พี่ชายใช้กระบะ 4 ประตูสีแดงคันใหม่ที่เพิ่งถอยมาไม่ถึงปีดีไปส่งผมที่โรงเรียนที่ผมต้องไปประจำ 2 วันก่อนกำหนดรายงานตัว

ที่นั่นผมได้รู้จักกับ 'ครูสุพจน์' แกเป็นครูระดับครูใหญ่ของโรงเรียนที่ผมจะต้องรายงานตัวกับแกเป็นคนแรกในวันจันทร์หรือมะรืนนี้ ครูสุพจน์แกอายุได้ 57 ปีแกเลยเหมือนกับมารอเกษียณที่โรงเรียนนี้เหตุเพราะว่าโรงเรียนนี้อยู่ไม่ไกลจากบ้านเกิดของแกที่อยู่แถวๆเขื่อนป่าสักฯกับครูผู้หญิงอีกคนที่แกมีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยครูใหญ่หรือรองครูใหญ่ชื่อว่าครูรุจี อายุแกตอนนั้นก็เกือบๆ 48 แล้ว นัยว่ามารอเสียบเป็นครูใหญ่แทนครูสุพจน์ที่จะเกษียณในอีกไม่กี่ปี

ที่โรงเรียนนี้มีนักเรียนนับได้ทั้งหมดก็ 600 กว่าๆ เกือบๆ 700 คน รับเด็กตั่งแต่ชั้นอนุบาล 1 จนมาถึงชั้น ป.6 มีครูประจำที่ได้บรรจุเป็นข้าราชการครูแบบเต็มตัวอยู่ 2 คนก็เป็นระดับครูใหญ่ (ครูสุพจน์) กับระดับผู้ช่วยครูใหญ่ (ครูรุจี) กับครูผู้ช่วยที่ยังไม่ได้บรรจุเป็นข้าราชการเต็มตัวที่รวมผมด้วยก็อีก 2 คนและมีครูอัตราจ้างอยู่อีก 8 คน

ครั้งแรกที่ผมมาถึงโรงเรียนที่ต้องมาสอนครั้งแรกมันเป็นช่วงบ่ายๆใกล้เย็นของวันเสาร์ตอนนั้นที่โรงเรียนไม่มีใครอยู่เลยแต่เพราะชาวบ้านที่ช่วยนำทางแกพาผมไปหา 'ลุงชิต' แกเป็นนักการหรือภารโรงของโรงเรียนแกเลยอาสาพาพวกผมไปดูโรงเรียนและพาไปดูบ้านพักครูที่ยังเหลืออยู่อีก 2 หลังที่อยู่หลังโรงเรียน

ที่โรงเรียนนี้มีบ้านพักครูอยู่รวมกันทั้งหมด 5 หลัง โดย 3 หลังแรกที่อยู่หน้าโรงเรียนติดกับทางออกของโรงเรียน (ที่ประตูแทบจะปิดไว้ตลอดเวลา) มีครูที่มาอยู่ก่อนผมมาจองไว้แล้วทั้ง 3 หลัง หลังแรกเป็นของครูรุจีที่วันนั้นแกกลับบ้านแกที่ชัยนาทและครูผู้ช่วยอีกคนที่เป็นคนลำปางและมาอยู่ก่อนผม 1 ปี ที่วันนั้นแฟนแกมาหาเลยพากันออกไปเที่ยวยังไม่กลับมาและอีกหลังที่เหลือมีครูอัตราจ้างผู้หญิงคนหนึ่งที่บ้านเธออยู่ที่ตัวเมืองลพบุรีเลยมาขอใช้บ้านที่เหลืออีกหลังและเธอจะกลับบ้านในวันหยุดวันัน้นเธอเลยไม่ได้อยู่ที่โรงเรียน

พอรู้อย่างนั้นแล้วลุงชิตแกเลยพาผมกับพี่ชายและพ่อแม่ผมไปที่บ้านพักที่เหลืออีก 2 หลังที่อยู้หลังโรงเรียนเลยอาคารเพาะชำและแปลงสวนครัวรวมถึงเล้าไก่ของโรงไปอีก พอมาถึงบ้านพักครูหลังโรงเรียนที่ครั้งแรมผมเห็นถึงกับต้องอึ้งเพราะบ้านพักครูทั้ง 2 หลัง (บอก 2 หลังแต่จริงๆมันเป็นอาคารเดียวแต่ถูกแบ่งครึ่งข้างใน) มันทั้งเก่าและโทรมด้วยไม่มีคนมาอยู่ที่บ้าน 2 หลังนั้นกว่า 4 ปีแล้วตามที่ลุงชิตแกเล่าให้ฟังแถมยังไม่เคยมีการดูแลหรือซ่อมบำรุงอะไรมาเลยเกือบ 10 ปีแถมยังมีหญ้าที่สูงแทบจะท่วมหัวขึ้นอยู่เต็มรอบๆอาคารที่ถ้าบอกว่ามันเป็นบ้านผีสิงผมก็คงเชื่อตามคำบอกเล่าจริงๆ

ผมที่ต้องมานั่งต่อคิวรอสั่งของที่จะให้ไปส่งที่โรงเรียน จนมาถึงคิวผมที่ได้เจอกับเสมียนสาวที่เป็นสาวเจ้าเนื้อรูปร่างอ้วนกลมแทนสาวสวยหุ่นดีที่อยู่เคาน์เตอร์ข้างๆ หลังจากผมยื่นใบสั่งของให้เจ้าหล่อนเรียบร้อยพอน้องผู้หญิงรูปร่างอ้วนท้วมเธอก็จัดการอ่านก่อนจะทวนของที่ผมต้องใช้ออกมาก่อนจะออกใบเสร็จแล้วเอาไปให้เจ้านายของเธอในห้องกระจกที่อยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์ได้ดูและจัดการอีกรอบ

พอพนักงานคนนั้นเอาใบเสร็จที่มีรายเซ็นของเจ้าของร้านออกมาคืนตัวจริงให้ผมพร้อมทวนสถานที่ส่งของและบอกนัดเวลาส่งของที่เป็นวันพรุ่งนี้ให้ผมเรียบร้อย ผมเลยเอ่ยลาและทำท่าจะกลับโรงเรียนแต่ก่อนที่ผมจะทันได้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ ประตูบานเลื่อนกระจกด้านหลังก็เปิดออกมาพร้อมสาวสวยผมยาวรูปร่างดีมากๆในความทรงจำผมที่เธออยู่ในชุดเสื้อยืดแบบครอปแขนยาวลายแถบหนังม้าลายที่ฟิตพอดีตัวจนเน้นหุ่นและรูปร่างทรงนาฬิกาทรายกับกระโปรงยีนส์ยาวทรงดินสอผ่าหน้าที่เน้นรูปร่างที่น่ามองของเธอให้น่ามองเข้าไปใหญ่

ด้วยหุ่นและรูปร่างของหญิงสาวแสนสวยในความทรงจำคนนั้นที่มันเซ็กซี่ดีอยู่แล้ว ยิ่งเธอมาใส่ชุดที่เน้นรูปร่างที่น่ามองของตัวเองมันเลยยิ่งเซ็กซี่จนชวนให้ใจของหนุ่มๆและแก่ๆที่กำลังรอคิวสั่งของและดูของแถวๆนั้นที่เหลืออยู่มี่คนให้แกว่งเข้าไปใหญ่ หญิงสาวที่ก้าวเดินออกมาจากห้องพร้อมร้องถามเหล่าพนักงานที่ต่างก็เป็นลูกน้องของเธอที่อยู่แถวๆเคาน์เตอร์ถึงข้าวเที่ยงที่ทุกคนคงยังไม่ได้กินเพราะก่อนหน้าที่ร้านเหมือนกำลังยุ่งกันอยู่

เพราะเสียงและรูปร่างที่มองผ่านแวบๆของหญิงสาวคนนั้นที่โผล่ออกมา ผมที่กำลังจะออกไปก็เลยหันไปมองแบบเต็มๆตาก่อนจะสะดุดเข้ากับเธอคนนั้นเพราะว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมได้เจอเธอ

"พี่ผึ้งใช่พี่ผึ้งหรือเปล่าครับ?" ทันทีที่เห็นผมเลยเผลอหลุดปากเอ่ยทักเธอออกมา

"เอ๋!!! นี่น้องเมศหรอ?" เสียงหวานๆของหญิงสาวที่น่าจะเป็นเจ้าของร้านร้องออกมา

แน่ละหลังจากที่ได้เจอกันอีกครั้งและได้พูดคุยทักทายกันอยู่ครู่ก่อนที่เธอจะถามถึงเหตุผลที่ผมมาอยู่ที่นี่จนผมต้องบอกถึงเหตุผลที่ผมมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่กับเธอก่อนจะต้องรีบลาขอตัวจากพี่ผึ้งคนสวยแล้วรีบขี่มอไซค์คันเก่งของผมกลับโรงเรียนเพื่อให้ทันสอนนักเรียนในรอบบ่ายอีกครั้ง แต่เหตุการณ์หลังจากนั้นสิ่งที่ผมกับพี่ผึ้งที่เราต่างก็ไม่เคยคิดกันเลยนั่นก็คืออนาคตต่อมาผมกับเธอเราจะร่วมกันทำผิดกับสามีของเธอจนกลายมาเป็นบาป! บาป!ที่ติดตัวผมต่อมาจนสุดท้ายมันก็กลายมาเป็นผลกรรมที่วนมาเกิดกับผมหลังจากนั้นในอีกกว่า 15 ปีต่อมา
พอเช้ามาผมเลยขอให้ลุงชิตแกขี่รถมอไซต์เก่าๆรุ่นกว่า 30 ปีก่อนของแกให้ผมซ้อนท้ายออกมาส่งผมที่ทางใหญ่เส้นสุนารายณ์และขณะที่ผมกำลังรอรถเมล์ที่วิ่งอยู่ชั่วโมงละคันเพื่อเข้าไปยังตัวเมืองลพบุรีอยู่นั้น ที่ริมถนนก็มีรถเก๋ง BMW Series7 สีขาวมุกวิ่งเข้ามาจอดข้างๆผมก่อนที่กระจกข้างของรถจะเปิดออก ภายในพี่ผึ้งที่ยื่นหน้าข้ามเบาะข้ามมาหาผมพร้องร้องเรียกผมออกมา

"เมศ! กำลังกลับบ้านหรอ?" เสียงหวานที่ท่าทางไม่ดีนักกับใบหน้าเรียวรูปไข่ที่ซีดขาวตัดกับดวงตาที่บวมแดงเหมือนพึ่งผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักปรากฏออกมาให้ผมได้เห็น

"สวัสดีครับพี่ผึ้ง พอดีปลายอาทิตย์หน้าพี่อิฐเค้าจะแต่งงานเลยต้องรีบกลับไปช่วยงานเค้านะครับ" ผมกล่าวสวัสดีเธอก่อนจะตอบพี่ผึ้งเธอออกไปตรงๆพร้อมส่งยิ้มเจื่อนๆให้เธอ

"ขึ้นมา! เดียวพี่ไปส่งที่ระยอง" เสียงแหบๆอู้อี้ที่ร้องบอกออกมาก่อนที่เธอจะเปิดประตูให้ผมขึ้นรถ

ผมมองอึ้งๆไปก่อนที่พี่ผึ่งเธอจะร้องย้ำออกมาอีกทีแถมทำมือเรียกให้ขึ้นไปนั่งบนรถกับเธอ ผมรังเรอยู่อีกครู่จนพี่ผึ้งเธอเรียกผมเป็นครั้งที่ 3 นั่นละผมถึงยอมขึ้นไปนั่งข้างๆเธอ ภายในรถเก๋งหรูตัวท๊อปราคาไม่ต่ำกว่า 7-8 ล้านได้ ที่พี่ผึ้งเธอเรียกให้ผมขึ้นมานั่ง พอได้นั่งลงบนเบาะหนังแท้สีดำที่แสนสบายอย่างไม่เคยได้สัมผัสทำเอาผมรู้สึกสบายแถมกลิ่นหอมของสเปรย์ปรับอากาศที่อวลอยู่ในรถแล้วยังอุณหภูมิจากเครื่องปรับอากาศที่กำลังดีเล่นเอาผมแทบหลับถ้าไม่ติดตรงที่ท่าทีของพี่ผึ้งที่ผมรู้สึกแปลกๆผมคงนอนหลับสบายไปตลอดทางจนถึงปลวกแดงแล้ว

พี่ผึ้งที่เธอขับรถเงียบๆแบบถามคำตอบคำโดยมีแค่ผมที่พยายามชวนเธอคุยมาตามทางถนนสุนารายณ์จนมาถึงแยกม่วงค่อมก่อนจะขึ้นมาที่ทางหลวงหมายเลข 21 สระบุรี-หล่มสัก จนมาถึงแยกหินกองผมถึงชี้ให้เธอเข้าเส้นสุวรรณศร แต่พอวิ่งมาได้ครู่ก่อนจะถึงนครนายกก็มามีเรื่องต้องเปลี่ยนตัวคนขับมาเป็นผมก่อนที่ผมจะขับต่อตรงไปที่บ้านสร้าง ตรงเข้าพนมสารคามก่อนจะมาขึ้นเส้น 331 ที่สนามชัยฯ ตามความเคยชินของผมแล้วจะต้องต่อตรงลงมาถึงที่แยกมาบปูเพื่อจะเลี้ยวเข้าระยองแล้วเลี้ยวเข้าปลวกแดงที่แยกเขาน้อยแล้วขับตรงมาที่แยกมาบเตยแล้วค่อยเข้าบ้านของผมตามเส้นทางที่เคยชินของผมก็ต้องมาเปลี่ยนเป้าหมายซะก่อน

เหตุที่ต้องเปลี่ยนเป้าหมายเพราะตลอดทางที่ว่ากันตามจริงพี่ผึ้งเธอต้องขับรถเกือบๆ 6 ชั่วโมง ที่เราจะต้องมาอยู่บนรถด้วยกันจนถึงปลวกแดงแต่มันก็มีเรื่องที่มาจากการเสือกของผมล้วนๆที่ตอนแรกๆผมที่พยายามชวนพี่ผึ้งคุยพยายามที่จะเรียกเสียงหัวเราะจากเธอตามสันดารของผมที่วันนั้นพี่ผึ้งเธอออกซึมๆเอาแต่ขับรถเงียบๆไม่หัวเราะตามมุกที่ผมพยายามหยอดออกไปเหมือนปกติ

จนผ่านแยกหินกองมาพักใหญ่ก่อนจะมาถึงเส้นเลียงเมืองนครนายกผมที่เห็นพี่ผึ้งเธอเงียบๆไม่คุยแทบจะไม่โต้ตอบเหมือนทุกๆทีก็เลยเสือกไปถามถึงเรื่องที่ทำให้พี่ผึ้งเธอเสียใจจนร้องไห้เพราะอาการเธอที่เห็นๆกันอยู่ พอผมเซ้าซี้ถามเธอไปที่สุดเธอก็ยอมเปิดปากเล่าเรื่องออกมา ที่พอเธอเล่าก็บ่อน้ำตาแตกออกมาอีกครั้งจนเธอขับรถต่อไม่ไหวจนต้องเข้าจอกที่ข้างทางก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นผมที่ต้องขับต่อแทนเธอตังแต่ยังไม่ถึงเส้นเลี่ยงเมืองนครนายก

เรื่องที่ผมรู้ก็กลายมาเป็นว่าพี่เบิร์ดสามีของเธอไปแอบมีอะไรกับเด็กเสมียนที่เป็นลูกน้องของเธอในร้านตั่งแต่เธอกำลังอุ้มลูกของเค้าในท้อง จนมาเมื่อเช้านี้ที่ยัยเด็กนั่นมาบอกเธอที่ร้านความเลยแตกเอาเมื่อเช้านี้เองแถมพี่เบิร์ดที่แกลงมาเจอเข้าพอดีแกยังเข้าไปดึงยัยเด็กนั่นออกไปจากร้านด้วยกัน พี่ผึ้งเธอเลยหนีออกจากบ้านมาที่ทั้งเนื้อทั้งตัวไม่มีอะไรติดตัวมาเลยนอกจากรถและกระเป๋าตัง โดยตอนนั้นเธอกะจะมาหาที่สงบๆทำใจก่อนจะกลับไปพูดคุยตกลงกับพี่เบิร์ดสามีของตัวเอง

พอผมรู้เรื่องอย่างนั้นเข้าผมเลยได้แต่พยายามพูดปลอบใจเธอไปจนเธอสงบลง ในรถเลยเงียบจนมาถึงเกาะขนุนที่เลยพนมสารคามมาแล้วผมถึงได้ถามเธอไปว่า 'ใจจริงเธอกะไปไหน?' พอเธอได้ยินผมถามเธอเลยบอกเป้าหมายที่เธอว่าจะไปตอนออกจากบ้านก่อนมาเจอผมที่กำลังรอรถเมล์ว่า 'ทีแรกพี่กะจะไปกระบี่แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจจะไประยองแล้ว' ผมเลยตัดสินใจแทนที่จะกลับบ้านที่ตอนนั้นกำลังขึ้นเส้น 331 แล้วผมเลยวิ่งตรงลงมาตามเส้น 331 ก่อนจะเลี้ยวเข้าพนัสฯที่แยกเกาะโพธิ์ตรงมาขึ้นมอเตอร์เวย์ ที่ด่านพานทองโดยตอนนั้นผมคิดแค่จะพาเธอไปกระบี่ตามที่เธออยากไปในตอนแรก (ตอนนั้นแค่กะไปเป็นเพื่อนเธอเพราะไม่อยากปล่อยให้เธออยู่คนเดียว 'กลัวเธอคิดสั้น')

ที่สุดในคืนวันนั้นตอน 4 ทุ่มกว่า เราก็มาถึงปั้ม ปตท ท่าแซะ ที่ผมเคยแวะมาพักกับพี่ชายตอนจะลงไปที่กระบี่ไปร่วมงานสัมมนาที่ผมได้เจอกับพี่ผึ้งเป็นครั้งแรก คืนนั้นผมเลยพาเธอเข้าพักที่โรงแรม Jumbo ในปั้ม ปตท ที่ผมว่ามันใช้ได้เพราะสะอาดดีแล้วราคาเข้าพักยังไม่แพง (ผมจ่ายไหว) แล้วเรายังแค่พักที่นี่กันแค่คืนนี้คืนเดียวก่อนจะออกเดินทางไประนองที่เป็นเป้าหมายที่วางไว้ในวันรุ่งขึ้น

พอตกลงเข้าพักที่โรงแรมนี้ผมกับพี่ผึ้งเลยออกมาหาข้าวเย็นกินกันแต่น่าเสียดายพวกเรามามืดเกินร้านอาหารแดนใต้ที่อยู่ใกล้ๆโรงแรมปิดไปเรียบร้อยแถมร้านขายข้าวขายก๋วยเตี๋ยวแถวๆนั้นไม่ปิดก็หยุดไปหมดแล้วเราเลยต้องขับรถออกมาหาที่กินข้าวกันเพราะเราทั้งคู่ยังไม่ได้กินข้าวเย็นกันมาเลย มาหาได้ที่ตัวเมืองชุมพรแถวๆสถานีรถไฟ ระหว่างกินข้าวเย็นผมเอ่ยปากชวนพี่ผึ้งเธอไปไหว้ 'กรมหลวงชุมพรฯ' กันในเช้าวันรุ่งขึ้นเธอเองก็เอ่ยตกลงเพราะกว่าเราจะไปขึ้นเรือที่ระนองก็เป็นเรือรอบบ่าย 2 และทางรีสอร์ทเองก็นัดเข้าเช็คอินตอนบ่าย 4 โมงเย็น

เช้ามาไม่ทันจะ 7 โมงดีผมกับเธอก็รีบเข้าชุมพรไปกราบกรมหลวงชุมพรฯกันตามที่คุยกันไว้เมื่อคืนก่อนจะออกมาตรงไปที่ระนองหาข้าวเช้ากินกันที่ทับหลี โดยพี่ผึ้งเธออยากจะไปลองกินข้าวมันไก่กับซาลาเปาเพราะได้ยินมาว่า 'อร่อย' พอกินกันเสร็จเราจึงตรงเข้าระนอง แต่ก่อนจะถึงตัวเมืองผมชวนพี่ผึ้งขึ้นไปชมวิวแม่น้ำกระบุรีและเขตต่อพรมแดนพม่าบนเขาฝาชีกันก่อนเพราะมีเวลาอีกหลายชั่วโมง กว่าจะมาถึงตัวเมืองระนองก็เลย 11 โมงไปใกล้เที่ยงแล้ว พี่ผึ้งเธอเลยเสนอว่าไปลองโรตีนิสราเป็นข้าวเที่ยงที่หงาวเลยตัวเมืองระนองไปนิดแต่พอพวกเราไปถึงที่ร้านก็ปรากฏว่าโรตีเค้าหมดไปก่อนแล้วผมกับพี่ผึ้งเราเลยต้องสั่งไก่ทอดกับข้าวยำทางใต้มากินแกล้มกับชาชักแดนใต้แทน

พอกินกันเสร็จพี่ผึ้งเธอเลยชวนผมเข้าไปที่ตลาดระนองไปหาซื้อเสื้อผ้าและของใช้เธอก่อนก่อนที่จะลงเรือไปเกาะพยาม ที่ตลาดพี่ผึ้งเธอเลือกได้แค่เสื้อยืดตัวละ 299 กับกางเกง JJ ที่เธอซื้อมากว่า 10 ชุด (เผื่อไว้ใส่เล่นน้ำทะเลด้วย) กับชั้นในที่ทางร้านมีขนาดของเธอเพียง 4 ชุดเธอเลยเหมามาหมดและของใช้ส่วนตัวของเธอ พอใกล้บ่ายโมงครึ่งเราถึงตรงไปที่ท่าเรือปากน้ำเพื่อขึ้นเรือไปเกาะพยามในเที่ยวบ่าย 2 โมงตามที่เจ้าหน้าที่ที่รีสอร์ทแนะนำมา

คืนแรกที่ได้มาอยู่ในห้องพักของรีสอร์ทระดับ 4 ดาว รีสอร์ทที่เหมือนกับมัลดีฟส์ที่พี่ผึ้งเธอจองไว้ 2 ห้อง จองอยู่ 7 วัน ค่าพัก 2 ห้องก็กดไปเกือบแสนแล้ว ห้องพักทรงกลมที่ดูดีดูสวยมากๆถูกยกสูงมีทางเดินเชื่อมห้องพักแต่ละห้องเข้ากันกับอาอาคารหลังใหญ่ที่อยู่อยู่ด้านหน้าติดหาดทรายและทางเข้ารีสอร์ท ภายในที่มีที่นั่งกึ่งๆที่นอนติดหน้าต่างทางเข้าออกระเบียงทางด้านหลัง แถมเตียงนอนที่นุ่มสบายใหญ่ระดับ King Size และยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างพร้อมมูลทำให้ผมที่เพิ่งวางกระเป๋าเป้ก่อนจะมองห้องพักไปรอบๆอย่างพอใจก่อนจะเข้าไปใช้บริการห้องน้ำเพื่อล้างเนื้อล้างตัวก่อนจะต้องเตรียมตัวออกมากินข้าวเย็นที่ทางรีสอร์ดจะจัดเลี้ยงให้กับพี่ผึ้งที่เธอเองก็แยกตัวไปพักที่ห้องพักข้างๆผม

พอ 6 โมงกว่า ผมที่เตรียมตัวเสร็จแล้วเลยเดินออกมามองก่อนจะไปเคาะประตูห้องพักพี่ผึ้งเรียกเธอออกมากินข้าวกันก่อนจะมานั่งรอที่ชุดที่นั่งพักที่ทำจากไม้และหวายมองดูแขกคนอื่นที่มาพักที่นี่เดินผ่านไปมาจนพี่ผึ้งเธอออกมาจากห้องของเธอ หลังจากได้กินข้าวเย็นที่ต้องบอกว่าจัดหนักพอดูสำหรับผมเพราะความแปลกใหม่ของอาหารซีฟู้ดแบบตะวันตกกับไวน์ขาวที่พนักงานของรีสอร์ทรินให้กินคู่กับอาหารทะเลคนละ 1 แก้วแล้วยังพี่ผึ้งที่เธอเปิดโอกาสให้ผมสั่งเพิ่มได้เต็มที่จนผมอิ่มหนำไปเลย

หลังจากจัดหนักไปเรียบร้อยพี่ผึ้งเธอก็ชวนผมนั่งฟังเพลงชิวๆพร้อมจิบไวน์แดงที่เธอสั่งมาอีกขวดชวนให้ผมดื่มเป็นเพื่อนเธอจนขวด 2 หมดไปเกือบครึ่งพี่ผึ้งที่เธอออกอาการเมาหน้าหวานที่เคยขาวใสเนียนละเอียดของเธอตอนนั้นมันแดงก่ำเลย ผมเลยชวนเธอกลับไปพักที่ห้อง ทีแรกผมนึกว่าเธอเดินไหวแต่ที่ไหนได้ผมต้องเข้าไปพยุงประคองเรือนร่างที่ทำเอาผมควยลุกไปส่งเธอถึงห้องพักเธอที่อยู่ข้างๆห้องของผมก่อนจะกลับเข้าไปอาบน้ำดับอารมณ์ที่เริ่มคุกรุ่นที่ห้องของตัวเอง

เช้ามาผมต้องไปเคาะประตูห้องของพี่ผึ้งเธอตอนจะ 7 โมงครึ่งได้ ก่อนต้องมานั่งรอที่จุดนั่งเล่นตรงทางเดินหน้าห้องพักที่เป็นที่เดิมที่ผมมานั่งรอเธอเมื่อคืน รอจนเธออาบน้ำแต่งตัวเสร็จตอนแปดโมงกว่าแล้วจึงพากันไปจัดการอาหารเช้าที่ทางรีสอร์ทจัดให้กินฟรีกันจนอิ่ม ผมเลยชวนพี่ผึ้งขี่จักรยานที่ทางรีสอร์ทมีไว้ให้บริการไปอ่าวใหญ่ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามอีกด้านของเกาะที่กลายเป็นผมที่ต้องมานั่งเป็นเพื่อนเธอที่พี่ผึ่งจะนั่งมองทะเลแบบเศร้าๆแถมยังมีแอบร้องไห้ให้ผมเห็นด้วย เห็นอย่างนั้นแล้วผมเลยชวนเธอไปดูทะเลที่อ่าวเขาควายอีกที่ก่อนชวนเธอเดินเล่นบนหาดทรายจนใกล้เที่ยงเลยชวนเธอไปหาอะไรกินกันแถวๆนั้น

หลังกินกันเสร็จพี่ผึ้งเลยชวนผมกลับรีสอร์ทจนเริ่มบ่ายหน่อยพอแสงงแดดเริ่มอ่อนลงผมเลยชวนพี่ผึ้งเอาเรือแคนูของรีสอร์ทที่จอดอยู่ที่หน้าหาดที่ผมเลงไว้แต่เช้ามาพายเรือหาที่เล่นน้ำกัน (ทะเลตรงหน้ารีสอร์ทไม่ค่อยน่าเล่นเท่าไหร่เพราะมันอยู่ใกล้ชุมชนบนเกาะเลยมีขยะลอยอยู่แถวนั้นให้เห็นแยะพอดูจะดีก็ตรงที่น้ำยังใสไม่สกปรก) พอลงพายเรือได้ผมกับพี่ผึ้งเราก็เลยช่วยกันพาย ทีแรกแรกพี่ผึ้งเธอชวนพายผ่านสะพานข้ามทางเข้ารีสอร์ทเข้าไปตามทางน้ำข้างในที่ตอนนั้นน้ำกำลังขึ้นเลยเข้าไปท่วมเต็มพื้นที่ของรีสอร์ทจนห้องพักที่อยู่ข้างในเหมือนอยู่ลอยอยู่บนน้ำบนทะเล

พอพายไปได้ครู่ผมเลยชวนพี่ผึ้งเธอพายออกไปทะเลเปิดด้านนอก พวกเราเลยช่วยกันพายออกมาเลียบเกาะจนอ้อมโขดหินมาโผล่อีกด้านของเกาะจนมาเจอเข้ากับหาดร้างเล็กๆแคบๆที่อยู่ไม่ไกลจากรีสอร์ทมากนัก ผมเลยชวนพี่ผึ้งลงเล่นน้ำกันที่หาดนี้เพราะมองแล้วมันไม่มีขยะเหมือนตรงหน้ารีสอร์ทเพราะผมไม่อยากเห็นเธอเศร้าหรือนั่งเหงาๆเหมือนช่วงเช้าเลยพยายามหากิจกรรมมาชวนเธอให้เธอทำจะได้ไม่คิดถึงเรื่องพี่เบิร์ด

พอลงเล่นน้ำได้ครูผมก็เลยชวนพี่ผึ้งเล่นไล่จับกันโดยมีพนันเลี้ยงข้าวมื้อเย็นเป็นเดิมพัน ผลจากการเล่นไล่จับที่ผลัดกันไล่ผลัดกันกอดมันทำให้ผมได้สัมผัสกับเรือนร่างของพี่ผึ้งแบบจัดเต็มเป็นครั้งแรกจนเจ้าดุ้นเนื้อที่หว่างขามันแข็งจนปวดไปหมด พอผมเห็นพี่ผึ้งเธอเริ่มเหนื่อยมากผมเลยทำเป็นยอมแพ้เธอและชวนเธอขึ้นไปนั่งพักบนหาดก่อนจะช่วยกันพายเรือกลับรีสอร์ทมาอาบน้ำกันที่ห้องพักของเราแล้วจึงชวนเธอออกมาอีกครั้งโดยครั้งนี้ผมได้ถามพนักงานของรีสอร์ทถึงร้านอาหารที่กินได้ น้องพนักงานก็แสนดีแนะนำร้านอร่อยเจ้าดังของเกาะพยามที่มันอยู่หน้ารีสอร์ทนี่เอง

มื้อเย็นที่ผมตั่งใจจะเป็นฝ่ายออกเงินเองผมเลยไปเรียกพี่ผึ้งเธอถึงหน้าห้องอีกครั้งก่อนต้องมานั่งรอที่หน้าห้องเธอตรงจุดเดิมที่เคยนั่งรอเธอ หลังรอเกือบครึ่งชั่วโมงพี่ผึ้งในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นโชว์เรียวขาขาวๆเหมือนเมื่อเช้าเมื่อตอนเย็นก็ก้าวเดินออกมาจากห้องพักของเธอ เราเลยตรงออกไปที่ร้านอาหารทะเลที่น้องพนักงานของรีสอร์ทแนะนำไว้ อาหารมื้อเย็นของที่ร้านรสชาติใช้ได้อร่อยเลยทีเดียวแถมพอผมได้กินพร้อมกับเจ้า BLEND 285 ที่ผมสั่งมาอีกขวดพร้อมน้ำแข็งและโซดาด้วยแล้วมันยิ่งเข้ากันถูกใจหนุ่มโสดอย่างผมมากเลย

หลังจากที่พวกเรากินกันเรียบร้อยผมเองที่เป็นคนชวนให้พี่ผึ้งเธอลองไปเที่ยวบาร์ที่นี่ดู ทีแรกที่เข้าไปพี่ผึ้งเธอก็เป็นฝ่ายขมวดคิ้วจนผมสังเกตเห็นเลยรู้ว่าเธอไม่ชอบที่แบบนี้เลยต้องชวนเธอเปลี่ยนที่อีกที ครั้งนี้กลับเป็นเธอเองที่เป็นฝ่ายชวนผมให้ไปซื้อไวน์ที่รีสอร์ทไปกินที่ห้องพักของเธอเพราะผมยังเหลือเจ้า BLEND 285 ที่ยังเหลืออยู่ถึง 3 ใน 4 ของขวด ได้ยินอย่างนั้นผมเลยพยักหน้าเออออไปกับเธอ โดยแอบคิดว่า 'ถ้าพี่ผึ้งเธอเมาหลับไปผมจะแอบออกมาหาที่เที่ยวเองอีกที'

พอกลับมาถึงรีสอร์ทผมเลยปล่อยให้พี่ผึ้งเธอถือเหล้าของผมไปรอที่ห้องพักส่วนผมก็เดินตรงไปซื้อไวน์ที่บาร์ของรีสอร์ทมา 3 ขวด (ซื้อแบบจำยอมเพราะบนฝั่งในห้างใหญ่ที่ผมกับพี่ชายเคยลองซื้อไวน์ยี่ห้อนี้มากินกันขวดนึงไม่ถึงพันแต่ที่นี่ขวดนึง 2 พันกว่า) กับขนมขบเคี้ยวเบาๆประเภทมันฝรั่งทอดมาแกล้มกับน้ำแข็งและก็โซดาอีก 3 ขวดก่อนจะหิ้วกลับมาที่ห้องของพี่ผึ้ง ผมก็จัดการเปิดไวน์ที่ซื้อมาก่อนรินให้พี่ผึ้งเธอได้ดื่ม พอเธอดื่มไปจนเกือบหมดขวดแรกอาการเมาแล้วพูดมากก็เริ่มออกอาการ

พอเริ่มเมาเธอก็เริ่มบ่นเริ่มโวยวายถึงสามีที่นอกใจถึงการทรยศแบบไร้ยางอายของเด็กเสมียนที่เธอฝึกสอนมากับมือ  จนขึ้นขวด 2 และพอขวด 2 หมดไปเกือบครึ่งอาการต่อมน้ำตาแตกก็ออกอาการอีก จนขึ้นขวดที่ 3 เธอก็คว้าเอาขวดไวน์ขวดที่ 3 มากระดกเข้าปากตรงๆเลยก่อนจะออกอาการร้องไห้ฟูมฟายครู่ใหญ่แล้วสุดท้ายเธอก็เลยหันมาถามผมมาด้วยอาการของคนเมาเหล้าว่า

"เมศว่าพี่สวยไหม?" คำถามด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้ของคนเมาที่พี่ผึ้งพูดออกมาพร้อมๆกับที่เธอใช้นิ้วมือเธอเกี่ยวคอเสื้อเธอลงมาโชว์ให้ผมเห็นสายคล้องไหล่สีฟ้าอ่อนๆของยกทรงที่กำลังประคองเต้านมอวบใหญ่ขนาดคัพ D ของแม่ลูกอ่อนจนเห็นเนินอกเนื้อขาวๆตัดกับเส้นเลือดสีเขียวจางๆของหญิงสาวรุ่นพี่ที่เคยเป็นอดีตดาวมหาลัยเอกชนดังของไทยอดีตพรีตตี้ดังของงานมอเตอร์โชว์ที่เธอเคยเล่าว่าไปรับงานมาติดๆกัน 2 ปีเพราะอยากหาตังกินหนม

ผมที่แค่ออกอาการมึนนิดๆถึงเหล้าที่กินไปจริงๆมันหมดไปเกิน 3 ใน 4 ของขวดเหลือติดแค่ก้นขวดแล้วได้แต่กลืนน้ำลายลงคอและพยักหน้าพร้อมเหลือบมองมองเนื้ออ่อนขาวๆที่เคยแต่ซ่อนอยู่ใต้ร่มผ้าของสาวรุ่นพี่จนต้องกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอติดๆกันอีก 2 อึก ท่อนควยที่อยู่ในกางเกงตอนนี้มันตั่งโด่แข็งจนกลับมาปวดอีกครั้งหลังจากที่มันอ่อนลงเพราะได้เอาน้ำข้นๆออกระหว่างอาบน้ำที่ห้องพักเมื่อเย็น

"ถ้าพี่สวยจริงทำไมพี่เบิร์ดเค้าถึงไปมีคนอื่นละ" เสียงเธอที่อ้อแอ้ออกมาก่อนร้องไห้โฮออกมาอีกครั้งพร้อมโผเข้ามาหาผมเข้ามากอดร้องไห้โฮๆเหมือนเด็กเล็กๆจนผมทำได้แค่ลูบหลังเอ่อปลอบเธอไปตามเรื่อง ยอมรับละตอนนั้นพอเห็นท่าทีของพี่ผึ้งผมเองก็หมดอารมณ์ไปแล้วได้แต่สงสารเธอ แต่ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ผึ้งที่เธอขยับออกมาก่อนจะเงยหน้าที่อยู่ใกล้ๆผมจนได้กลิ่นกายหอมๆผสมกับกลิ่นไวน์มองหน้าผมด้วยแววตาที่ปรือๆเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์

สายตาของเธอที่แสนจะเว้าวอนมันทำให้ผมเริ่มกลับมามีอารมณ์จนอดไม่ได้ที่จะมองสบตาเธอ แล้วสิ่งที่ผมไม่เคยคิดว่าผู้หญิงอย่างพี่ผึ้งเธอจะกล้าทำก็เกิดขึ้น หลังจากที่ผมเผลอไผมองสบตาพี่ผึ้งที่เธอเองก็กำลังมองสบตาผมเหมือนกันและหลังจากที่เราเงียบกันไปได้ครู่ พี่ผึ้งเธอก็จะขยับใบหน้าสวยหวานรูปไข่ของเธอเข้ามาหาหน้าผมและจูบปากผมก่อนอย่างเผลอไผล

เรื่องผิดบาปของเรามันคงไม่เกิดขึ้นถ้าไม่ใช่เพราะพี่ผึ้งเธอเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ริมฝีปากนุ่มๆหอมหวานที่ทีแรกที่ริมฝีปากเธอสัมผัสกับปากผม ผมที่ตอนนั้นก็เริ่มมึนนิดๆทีแรกก็ได้แต่ตกใจเบิกตาโตเพราะไอ้ตัวดีในใจผมมันกำลังกู่ร้องบอกผมว่า 'อย่านะมึงเค้ามีลูกมีผัวแล้วนะ' แต่เพราะรสชาติจากน้ำลายหวานๆและลิ้นของพี่ผึ้งเธอที่มันถูกเธอกดแทรกผ่านริมฝีปากที่เผลอเผยอออกและไม่ได้ป้องกันของผมเข้ามาสัมผัสกับลิ้นผมในช่องปาก

ตอนนั้นผมมันยังไม่มีความคิดที่จะทำผิดกับพี่เบิร์ดสามีของพี่ผึ้งเลยแต่เพราะไอ้ตัวเลวที่มันเริ่มมีอิทธิพลเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่มันได้ลดทอนสติของผมไปก่อนจนคำว่า 'ช่างมัน!!' จะแทรกเข้ามาในห้วงความนึกคิด ผมเลยตัดสินใจทำเรื่องผิดบาปอย่างการเป็น 'ชู้' ลงไป โดยเริ่มตวัดลิ้นของผมรับกับลิ้นของพี่ผึ้ง ผมที่เริ่มส่งลิ้นเข้าไปโตตอบจนลิ้นของเราเริ่มตวัดพัวพันกันไปมาพร้อมๆกับของเหลวในช่องปากของเราก็เริ่มถูกแลกเปลี่ยนกัน

ตอนนั้นมือผมก็เริ่มอยู่ไม่สุกเริ่มขยับลูบไล้สัมผัสกับเรือนร่างที่เริ่มอวบของคุณแม่ลูกอ่อนที่เพิ่งผ่านการคลอดลูกมาได้ไม่ถึง 2 เดือนดีของพี่ผึ้ง พอแขนผมเริ่มโอบรอบร่างบางที่เริ่มอวบขึ้นมานิดๆของพี่ผึ้งเธอก็เหมือนเธอเริ่มได้สติเริ่มรู้ตัวเธอพยายามที่จะดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดที่เริ่มลัดแน่นขึ้นของผมและดันให้ร่างผมถอยห่างออกจากร่างเธอแต่ตอนนั้นอารมณ์ผมมันกระเจิงไปแล้วในหัวมีแต่ความอยากความต้องการที่อัดอั้นและสั่งสมมาเกือบปีที่ไม่ได้มีอะไรกับผู้หญิงจริงๆตั่งแต่ได้บรรจุเข้าเป็นครู

จนมาตอนนั้นตอนที่ผมได้โอกาสกับพี่ผึ้งเป็นครั้งแรกที่เธอเองก็เป็นเหมือนนางในฝันของผมตั่งแต่ที่ผมได้เจอเธอครั้งแรกเมื่อปีกว่าก่อนหน้าที่ผ่านมา แต่ตลอดเวลาที่ผมต้องพยายามหักห้ามใจเพราะมันติดที่เธอแต่งงานมีลูกมีผัวไปแล้ว จนมาถึงตอนนั้นที่ทุกอย่างมันกำลังดำเนินและเกิดขึ้นมาจริงๆด้วยความปรารถนาที่ถูกเพิ่มเติมจนผมไม่อาจจะกดหรือควบคุมมันได้อีกครั้งแล้วทุกอย่างมันเลยระเบิดออกมาเป็นความผิดบาปที่ไม่อาจคืนกลับไปได้

ตอนนั้นผมไม่สนใจอะไรอีกแล้วแขนผมรัดร่างของรุ่นพี่สาวแน่นขึ้นปากผมก็กำลังเพิ่มแรงบดจูบและสอดลิ้นเข้าไปคว้านโพงปากที่หวานฉ่ำ เสียง 'อู่อี่' ที่ดังออกมาของพี่ผึ้งเธอตอนนั้นผมไม่เหลือสติที่จะฟังมันเลย ผมเอาแต่จูบแต่ขยับลิ้นพันลิ้นของเธอจนร่างเริ่มอวบนิดๆของรุ่นพี่สาวเริ่มอ่อนลงปากผมเลยขยับถอนจากริมฝีปากรุ่นพี่คนสวยจูบที่แก้มเนียนก่อนไถไปหาใบหูที่แดงก่ำด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์

พอร่างของพี่ผึ้งเริ่มอ่อนลงแขนผมก็เริ่มขยับจากโอบรัดเริ่มปล่อยแขนขวามาคลำก้อนเนื้อใหญ่ๆที่แทบจะล้นฝ่ามือที่ผมแอบจ้องมองมันมานาน นิ้วที่สัมผัสก้อนเนื้อนุ่มๆเริ่มเกรงบีบก้อนเนื้อนุ่มที่คัดแข็งของรุ่นพี่สาวแต่พอผมนวดก้อนเนื้ออวบไปได้แค่ 3 ที ฝ่ามือผมที่กำลังโอบรัดก้อนเต้านมของแม่ลูกอ่อนก็รับรู้ถึงความชื้นของน้ำนมที่ซึมผ่านผ้าทั้ง 2 ชั้นมาสู่อุ้มมือผม

พอรู้ถึงน้ำนมลำคอผมก็รู้สึกแห้งผากหิวน้ำขึ้นมาทันที ตอนนั้นตอนที่ผมกำลังเล่นกับใบหูของพี่ผึ้งก็เลยเปลี่ยนเป้าหมายใหม่ขยับเคลื่อนลงมาที่คางและลำคอระหงของรุ่นพี่สาวที่ได้แต่ส่งเสียง 'อืออา' ออกมาแผ่วๆ มือที่โอบประคองก้อนเนื้อหยุ่นก็เคลื่อนลงมาที่ชายเสื้อยืดสีชมพูลายการ์ตูนกระต่ายน่ารักที่เธอซื้อมาด้วยราคา 299 บาท แล้วค่อยขยับดึงชายเสื้อของเธอขึ้นมาด้านบน

ผิวเนื้อขาวๆที่เริ่มปรากฏขึ้นจากชายเสื้อยืดที่ถูกรั้งให้สูงขึ้นมากขึ้นจนที่สุดก็มาถึงยกทรงลายลูกไม้สีฟ้าที่เธอสวมใส่ ผมที่ตอนนั้นหยุดจูบหยุดสูดดมกลิ่นกายของรุ่นพี่สาวทำได้แค่ก้มหน้ามองดูทรวงอกอวบใหญ่ของคุณแม่มือใหม่ ผมที่ตอนนั้นคอแห้งไปหมดแล้วเลยรีบก้มหน้าลงไปหาเจ้าก้อนเนื้อที่เพิ่งปรากฏออกมาคลุกใบหน้าเข้ากับซอกเนื้อขาวๆที่อยู่ระหว่างกลางของก้อนเนื้อขาวๆ 2 ก้อนที่เห็นเส้นเลือดสีเขียวจางบนเนินอกที่พ้นแถบประคองเต้าของยกทรงสูดดมกลิ่นหอมที่เหมือนกลิ่นนมวัวของพี่ผึ้งก่อนจะถกยกทรงของเธอขึ้นมาด้านบน

หัวนมสีแดงอมน้ำตาลที่ใหญ่พอๆกับถั่วแดงที่มันชูชันตั่งเด่นขึ้นมาในสายตาผมเห็นเหมือนมีหยดน้ำสีขาวออกเหลือง 3-4 หยดที่ผุดออกมาที่ยอดหัวนม ภาพที่ผมเห็นมันทำให้ผมต้องรีบก้มหน้าลงไปและอมหัวนมของพี่ผึ้งเข้ามาในปากออกแรงดูดน้ำนมที่พุ่งออกมาจากหัวนมเธอทันทีที่ผมดูด ผมดูดจนน้ำนมพี่ผึ้งเต็มปากก่อนกลืนเครื่องดื่มชั้นยอดนั้นลงคอ ดูดจนเต็มปากแล้วก็กลืนไปอีกครั้ง ก่อนจะไซ้ไปหาอีกเต้าจะเริ่มทำซ้ำอีกรอบ

ผลจากการได้ดูดกินน้ำนมของพี่ผึ้งเธอเองตอนนั้นคงเริ่มเสียวจนต้องแอ่นหน้าอกเข้าหาใบหน้าเข้าหาปากของผม ผมเลยเพลินกับเต้านมคู่อวบของคุณแม่ลูกอ่อนที่ตอนนั้นเธอเองคงยอมผมให้ผมได้ดูดกินน้ำนมของเธอแล้ว มือผมที่ตอนนั้นมันได้แต่ลูบคลำเรือนร่างที่อวบนิดๆประสาแม่ลูกอ่อนของพี่ผึ้งก็เริ่มขยับต่ำลงและสอดแทรกมือผ่านขอบยางของกางเกง JJ ที่ซื้อมาจากระนองเข้าไปหาซอกขาอวัยวะสืบพันธ์ของรุ่นพี่สาว พอมือผมแทรกผ่ายขอบยางของชั้นในตัวจิ๋วเข้าไปสัมผัสกับพงหญ้าขนสากๆที่ขึ้นเต็มพื้นที่หวงแหนของเธอ ร่างของรุ่นพี่คนสวยก็สะดุ้งขึ้นมาทันที เสียงร้องห้ามที่ดันออกมาพร้อมๆกับมือทั้ง 2 ข้างของเธอที่ขยับลงมากุมข้อมือผมที่กำลังล้วงเข้าไปในซอกขาของเธอ

'เมศ!!! ยะหยุดไม่เอานะ ปะปล่อยพี่!!!' เสียงร้องที่ดังออกมามันดันได้เพียงเท่านั้นแล้วร่างอวบของเธอก็กระตุกตัวทำท่าเหมือนจะลุกขึ้นแต่ติดที่ตัวเธอถูกผมกอดกดร่างของเธอเอาไว้

"ยะหยุดเถอะเมศ พะพี่มีผัวมีลูกแล้ว!!!" เสียงร้องเตือนอย่างหวาดๆของพี่ผึ้งที่ดังออกมามันแทบไม่มีผลอะไรกับผมในตอนนั้นเลย ตอนนั้นอารมณ์ผมมันลุกโชนจนกดให้มันดับไปเหมือนก่อนหน้าไม่ได้อีกแล้ว ตอนนั้นผมยอมรับละว่า 'หน้ามืด' ไปเรียบร้อยแล้วในหัวผมมันมีแต่คำว่า 'กูจะเย็ดๆๆๆๆๆๆ'
ซิปกางเกงขาสามส่วนแบบคาร์โก้ที่มีกระเป๋าหลายลูกถูกผมรูดลงมาจนสุดก่อนจะควักเอาเจ้ายักษ์ตาเดียวที่ปวดหนึบจนแทบทนต่อไม่ไหวออกมา เหตุที่ผมเรียวควยผมว่า 'เจ้ายักษ์' ก็เพราะมันมีเหตุเกิดกับผมสมัย ป.2 อย่างที่ท่านๆรู้กันว่าบ้านผมเป็นช่างก่อสร้างทั้งพ่อผมที่เป็นช่างก่อช่างปูนและแม่ผมที่เป็นช่างปูกระเบื้อง เด็กๆผมกับพี่ชายเลยต้องไปใช้ชีวิตส่วนใหญ่ที่ไซต์ก่อสร้างที่พ่อกับแม่ผมต้องไปทำงาน ตอนนั้นพ่อกับแม่ผมกำลังไปสร้างบ้านใหม่ให้อดีตผู้ใหญ่บ้านคนดัง (ที่ต่อมาแกจะกลายมาเป็นกำนันก่อนจะถูกยิงตายไป) ที่ต้องการลื้อเอาบ้านหลังเก่าที่เป็นบ้านไม้อายุกว่า 40 ปีออกแล้วจะสร้างบ้านใหม่ให้เป็นตึกแทนที่

กองไม้ที่เป็นชิ้นส่วนของบ้านเก่าที่ถูกลื้อออกมามันเลยเป็นเหมือนจุดอับสายตา ผมที่ตอนนั้นเพิ่งกลับมาจากโรงเรียนและกำลังปวดขี้สุดๆเลยไม่สนใจอะไร วิ่งไปหลังกองไม้ได้ก็รีบถอดกางเกงที่ได้รับสืบทอดมาจากพี่ชายออกจากขาวางลงบนกองไม้และนั่งยองลงขี้ทันที เพราะความเป็นเด็กในตอนนั้นพอขี้เสร็จตอนใส่กางเกงเลยไม่ได้ดูอะไรรีบๆใส่ให้เรียบร้อยผลเลยกลายเป็นว่า แมงป่องช้างตัวนึงมันอยู่ในกางเกงผมและสุดท้ายผมเลยไปจบลงที่โรงพยาบาล กว่าวันกว่าๆที่ต้องไปนอนใน ICU และต้องมานอนในห้องรวมของเด็กอีก 11 วันจึงกลับบ้านได้

หลังเหตุการณ์นั้นก็เลยมีผลให้เจ้าเจ้าควยเด็กๆของผมมันกลายเป็นยักษ์ใหญ่ไปตั่งแต่ตอนนั้น แรกๆสมัยก่อนมันเหมือนเป็นปมด้อยเป็นสิ่งน่าอายของเด็กน้อยอย่างผมเพราะควยเด็ก ป.2 ที่ใหญ่กว่าของผู้ชายโตเต็มวัยซะอีก จนขึ้น ม.ปลายและเข้ามหาลัยผมก็ยังหาสาวๆมาเปิดซิงตัวเองไม่ได้ซักที ขนาดหมอนวดที่เพื่อนซี้พี่ชายผมยอมควักตังออกเงินพาผมไปเปิดซิงใช้บริการสาวอาบอบนวดที่ทางเข้าบางแสนยังไม่มีใครกล้ารับของผมเลย

แต่สุดท้ายตอนอยู่ปี 2 ผมดันมาเจอเข้ากับอาจารย์ท่านหนึ่ง (ไม่ขอเปิดเผยชื่อท่านนะครับ) ท่านได้พาผมไปเปิดซิงและเปิดประสบการณ์ของหนุ่มเต็มวัยให้ผมได้รู้จักก่อนจะพาผมเข้าไปในคลับลับๆ (คลับของสาวๆที่มาซื้อบริการจากหนุ่มๆ) ที่ตอนนั้นมันเกิดขึ้นมาจากพวกจบนอกแล้วเคยพบเจอกับคลับแบบนั้นมา (ตอนนั้นมันยังไม่แพร่หลายเพราะมันเป็นเหมือนสถานบริการสำหรับผู้หญิงที่จะเข้าไปซื้อไปใช้บริการผู้ชาย) พอพวกแกเรียนจบมาเลยเอามาเปิดมาก่อตั้งในเมืองไทยโดยมีอาจารย์ของผมที่แกจบมาจากอเมริกามาเป็นหุ้นส่วนกับเพื่อนแกเปิดคลับลับนั่นขึ้น แกเลยแนะนำและพาผมเข้าไปเพราะแกถูกใจกับขนาดเจ้าน้องชายของผมและรูปร่างหน้าตาที่ดูดีแต่ดิบเถื่อนของผม

ให้พูดเพราะไอ้คลับลับๆที่เป็นเหมือนงานพาร์ทไทม์แหล่งหารายได้พิเศษที่พิเศษสุดๆจนพาให้ผมเรียนจบโดยไม่ต้องขอตังพ่อกับแม่หรือพี่ชายแถมมีเงินเหลือใช้พร้อมประสบการณ์อย่างว่าที่เกินหน้าใครนี่แหละ (ช่วงนั้นเงินมันได้ไม่มากเหมือนเดียวนี้ที่หนุ่มบาร์โฮสต์ถึงกับออกเก๋งสปอร์ตมาขับได้สบายๆ) เพราะแบบนี้ผมเลยมีฝีมือจนเอามาใช้กับสาวๆที่มาใช้บริการหรือสุดท้ายที่ผมเอามาเปิดซิงพวกสาวนักศึกษาที่หลงมาติดผมแล้วยังมีพวกสาวสวยๆที่ตอนเรียนจบมาช่วยพี่ชายทำงานแล้วถูกผมหลอกเอาที่ทีแรกพวกเธอโดนผมจัดไปจะออกอาการเข็ดขยาดแต่สุดท้ายก็เป็นพวกเธอเองที่กลับมาให้ผมจัดหนักจัดเต็มให้อีกหลายๆรอบจนพวกพี่ๆผมพากันอิจฉาผมจนผมมาสอบบรรจุได้นั่นแหละผมถึงได้หยุด

adnpon

มารู้ประวัติแบบนี้ผึ้งหลงหัวปักหัวปำแน่ๆ

cyborg0011

ไม่มีผิดถูกในความรัก...จำไม่ได้ว่าใครพูดไว้ เช่นกันที่ย่อมไม่มีใคร"ผิดที่จะรัก" หากปฏิบัติการจากความรักนั้นต่างหากที่จะออกมาผิด/ถูก

Asujimaster

 ครูบ้านนอกที่ไม่ธรรมดาเลยนะเนี่ย

ads_s7


Matsudaira777

เคยโดนแมงป่องธรรมดาต่อยเท้ายังแทบดิ้น นี่โดนแมงป่องช้างเข้าเป้าพอดีไม่อยากคอดสภาพเลย  ::Horror:: ::Horror:: ::Horror::

Iscore

ขอบคุณครับ คิดว่าจะประชดผัวแต่มีสติก่อนเป็นใครก็ไม่ให้รอดครับมาขนาดนั้นแล้วแต่โดนเข้าไปนี้ถึงกับลืมผัวแน่ไอ้แมลงป่อง