ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_ΜoNoTΩИ∑ ★★★

ครั้งหนึ่ง ณ ทะเล ตอนที่ 13 ( เรื่องเล่าของนายโทนกับพี่เหมียว )

เริ่มโดย ΜoNoTΩИ∑ ★★★, สิงหาคม 29, 2022, 02:13:16 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

ΜoNoTΩИ∑ ★★★

ทะเล๊ ทะเลมาแล้วครับ


ความเดิมตอนที่แล้ว


พี่เท่ส์มันพกเมียมาด้วย จะเอามาเคลียร์

แต่กลับกลายเป็นว่าเมียพี่เท่ส์ ก็เป็นเด็กของ

หัวหน้าฝ่ายบุคคลที่ผมรู้จัก เรื่องมันก็เลยไม่ยาก

เฮ้อ เด็กเส้นของจริงเลยครับโผมมม

พอผ่านเรื่องนี้ไปได้ก็เข้าสู่ชวงเย็น

เรามีการแต่งตัวแฟนซี และมีดนตรีมาแด๊นซ์กัน

แต่ว่า !!! เจอ โจทก์เก่า !!!!

.......................



ตอนนั้นรู้สึกว่าฮาคิสังเกตของตัวเองตื่นครับทำให้รับรู้ว่ามีแววตาคู่นึงมองมาอยู่ แววตาของสาวน้อย เสียงใสๆคนนึงที่เมื่อก่อน ผมก็ได้รับน้ำใจจากเธอมากกก มากกก ในการช่วยสอนงานเกี่ยวกับการทำงานหลังวงดนตรี แถมยังสอนให้ผมร้องเพลงเป็นด้วย อื้อหืออยากจะกวักมือเรียกพี่ DJ จังโว๊ยยยย



สายตาแบบเหมือนจะไม่อะไร แต่เพราะไม่อะไรนี่แหละที่น่ากลัวครับ ผมก็เดินเลี่ยงง เลี่ยงง มาอีกฝั่งนึง แต่ว่าเอี๊ยดดดด  สาวสวยหุ่นดี แต่งตัวแนวสตรีท เสื้อเกาะอกสีขาว กางเกงวอร์ม เสื้อคลุมเอวลอย อื้อหือ หุ่นเป๊ะมากจริงๆครับ เธอยืนมองแล้วพูดว่า ว่างายย ไม่ได้เจอกันกี่ปีนะตั้งแต่หายไปน่ะ



ผมก็มองๆแล้วบอกโย่วไม่เจอกันนาน ผมโดนทุบเข้าที่หน้าอกเลยครับ มายง มาโย่วอะไร ทักทายรุ่นพี่ให้ดีๆหน่อย ผมก็บอกโย่วรุ่นพี่ เธอก็มองๆแล้วบอกให้มันได้แบบนี้สิ่ เจอกันทั้งทีพูดจาดีๆไม่ได้เหรอ แล้วนี่มาทำอะไร ผมก็บอกว่า ผมทำงานที่บริษัทนี้ไง



งั้นขอตัวก่อนนะคร๊าบบ ไปทำงานก่อน พอจะเดินไปก็โดนกระชากดึงคอเสื้อไว้เบาๆ เธอถามผมว่ายังไม่หายโกรธอีกเหรอ ผมก็บอกไปว่าจะโกรธอะไรกันเล่า ไม่ได้โกรธไรหรอกกก ผมไปเตรียมตัวก่อนนะ พี่เขาไม่ยอมปล่อย แล้วบอกว่าจบงานแล้วมาคุยกันด้วย ผมก็เอ่อ... เอาจริงๆไม่อยากคุยนะ เพราะผมคิดว่าอาจจะเมาอ่ะวันนี้ คงลิ้นเหลวคุยกันไม่รู้เรื่องและอีกอย่าง




ผมยังค้างๆจากที่โดนเหมียวบ๊วบอยู่ด้วยย คืนนี้ถ้าผมเมาๆ ผมคงจะกลืนน้ำลายตัวเองที่พูดมาในหลายๆตอนว่าไม่อยากยุ่งกับเหมียว แล้วเข้าไปจัดเหมียวซักครั้งสองครั้งก็ได้ ก็ถ้าเธอยอมอ่ะนะ แต่ผมก็ต้องตอบไปว่าเอ่อครับ แล้วก็หมุนตัวสวนทางให้มือของเธอที่จับปกเสื้อนั้นตึงๆนิดนึง แล้วปล่อยเอง แต่ว่าก็ต้องแลกกับการที่ต้องหันมายืนมองตากันอีกที เธอเอามือนุ่มๆของเธอมาจับตรงหน้าผากแล้วดันเสยผมขึ้นนิดหน่อยแล้วพูดว่า




ตรงนี้แผลไม่มีแล้วเหรอ ดีจังนะ ผมก็ตอบครับแล้วก็แว๊ปออกมาเลย พอเดินออกมาหัวหน้าผมก็บอกว่า แหม่ !!! พ่อขุนแผนรู้จักไปทั่วเลยนะมึง ผมก็บอกว่าแล้วพี่เหอะไปจ้างมาได้ไงเนี่ย พี่เขาบอกว่าเอ้า DJ นี่กำลังดังเลยนะ แล้วการที่จ้าง DJ ที่กำลังเริ่มดังค่าใช้จ่ายมันไม่เยอะมาก แต่ว่าเรื่องฝีมือนี่ของจริง ผมก็บอกว่าอยู่แล้วล่ะพี่ ฝีมือระดับนั้นแล้ว



หัวหน้าผมก็ถามว่าเออรู้จักเหรอวะ ผมก็บอกว่าเคยไปทำงานพิเศษที่ผับเลยรู้จักน่ะครับ เมื่อก่อนพี่เขาทำวงดนตรีอยู่ ก็เลยได้ฝึกวิชาไปด้วยเลยได้รู้จักกัน แต่ก็อย่างที่พี่เห็นอ่ะตอนนี้ผันตัวไปเป็น DJ เปิดแผ่นแล้ว พี่เขาบอกว่าเออ เห็นฝีมือดี เอนเตอร์เทน ก็ไม่ธรรมดา แต่ราคาไม่สูงมากเลยจ้างมา โลกมันก็กลมเกินไป



พี่จักรก็บอกว่าบางทีที่โลกกลม ก็เพราะทุกคนต่างผลักดันตัวเองอ่ะแหละพี่ ถ้าพี่ไอ้โทนไม่ได้ผันตัวมาเป็น DJ แล้วฝึกฝนมาเรื่อยๆ จนมาเข้าตาพี่ พี่ก็คงไม่จ้างมาแล้วคงไม่ได้เจอนี่หรอก พี่เขาก็บอกว่าคงงั้นมั้ง แล้วก็หันมาบอกว่าจำคำพี่ได้ใช่มั้ยไอ้โทน



พี่ไม่อยากให้มึงทำงานที่นี่เกิน 5 ปี เต็มที่ 7 ปี ประเทศเราวิธีเลื่อนขึ้น และได้เงินเดือนเยอะๆแบบก้าวกระโดดคือการเปลี่ยนงาน แต่ว่ามึงก็ต้องฝึกวิชาเก็บโปร์ไฟล์ไปด้วย ผมก็บอกครับๆ พี่เขาบอกว่ามึงไม่ต้องมาคิดว่าตัวเองจะเนรคุณ เพราะอนาคตที่มึงยังจมปลักอยู่กับที่เดิม มันหนักกว่าคำด่าว่าเนรคุณเยอะ



เพราะถ้าไม่ก้าวหน้ามึงอ่ะแหละจะลำบาก ผมก็ถามว่าอ้าวแล้วพวกพี่ล่ะ หัวหน้าผมบอกว่า พี่ไม่ทันละอย่างมากตอนนี้ก็ทำได้แค่ ดันตัวเอง หรือไม่ก็รอให้คนใหญ่คนโตมาดึงตัวไป พี่จักรก็บอกว่าช่วงของพี่ก็หมดแล้ว ถ้าไปสมัครงานที่อื่นอายุก็ไม่ผ่านแล้ว เพราะงั้นก็ต้องผลักดันตัวเองในหน้าที่การงานตอนนี้แหละ แต่มึงยังโชคดีที่มาทำงานเร็ว ฝึกๆวิชาไปซะ



ผมก็บอกครับพี่ แล้วหัวหน้าผมก็บอกว่าถ้าอนาคตมึงมีเส้นสายนะ ก็ใช้มันให้ถูก มีเส้นสายมันไม่ใช่เรื่องผิด การใช้เพื่อให้ตัวเองเจริญก้าวหน้ามันก็ไม่ผิด แต่มึงต้องดูด้วยว่ามึงเอามาใช้แบบไหน เอามาใช้เพื่อเปิดโอกาสให้ตัวเองได้แสดงฝีมือ หรือเอามาใช้เพื่ออวดเบ่งกดหัวเหมือนที่เมียไอ้เท่ส์มันทำวันนี้



ผมก็เงียบเลยครับตอนนั้น ลูกพี่ก็ตบหัวไหล่ปั้ปๆ แล้วบอกว่าจะอยู่ในรอดในวงการนี้เส้นสายมันก็เป็นเรื่องสำคัญว่ะ มึงจะมาทำตัวเป็นคนดีมันไม่รอด คนดีก็แค่ได้รับความเอ็นดู แต่คนดีที่มีเส้นมีสายมันจะไปได้ไกลกว่านี้โข ผมก็ตอบครับพี่ แล้วพี่เขาถามว่าเอ้อหรือพาร์ทวิชาการอีกเปล่าวะจักร



พี่จักรบอกเหลืออีกหน่อยครับ เดี๋ยวผมคิดกิจกรรมเองไม่ยากๆ หัวหน้าบอกเออวานหน่อย พวกพี่ DJ เขาก็ไปเตรียมงานครับ ทีมงานของเขาอีก 2-3 คนเดินมาเจอผมก็เอ้าเฮ้ย แล้วก็แท็คมือชนไหล่ตามประสาที่พวกเราทำกันครับ เขาถามว่าเป็นไงไม่เจอกันนานหล่อจังวะเดี๋ยวนี้



ผมก็บอกว่าอย่าชมๆ เดี๋ยวผมเหลิง พี่เขาก็บอกแหม่ เดี๋ยวนี้ดูแลตัวเองดีกว่าเดิมเยอะเลยมึง เขาก็ชกที่หน้าอกปึ้กๆ แล้วบอกฟิตเหมือนเดิมนี่หว่า แล้วเจอ... เขามองซ้าย ขวา ซ้าย ขวา ผมบอกว่าเจอแล้ว พี่เขาก็มองหน้าแล้วบอกว่าอุ้ยถ่านไฟเก่าเปล่า ผมก็บอกว่าถ่านเถิ่นอะไรพี่ ไม่มีอะไรหรอก พี่เขาก็มึงที่หัวหน้าผมแล้วยิ้มๆก้มหัวงึกๆ แล้วดึงผมไปแล้วพูดว่า



เอ้า !!! ตอนนั้นเห็นคั่วๆกันอยู่ไม่ใช่เหรอวะ ผมก็ถามไปว่าพี่เห็นว่าคั่วเหรอ ผมจะเอาเวลาไหนไปคั่วแค่ทำงานก็เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว แล้วอีกอย่างพอผมเดินผ่านหน้าหน่อยนึงก็โดนด่าแล้ว แล้วไหนจะกิ๊กของพี่เขาอีก ด่าผมยั๊งหมูยั๊งหมา พี่ทีมงานก็บอกว่า แต่มึงก็ซัดเปรี้ยงเดียวจบไม่ใช่ไง ร้องยั๊งหมา ผมก็บอกว่าช่างเถอะ แต่สบายดีนะพี่



พี่เขาบอกเอ้อสบายดี เดี๋ยวทิตย์หน้าไปเดินสายทัวร์แล้ว งานจ้างเยอะเลย ผมก็บอกเฮ้ยดีเลย ๆ ๆ วันนี้มันส์ๆนะ พี่เขาบอกเดี๋ยวจัดซาวด์ให้หวานเจี๊ยบๆเลย แล้วเขาก็เดินไปอีก ผมก็เดินกลับมาที่เดิม พี่จักรก็บอกว่ารู้จักคนเยอะจังวะโทน ผมก็บอกว่า พวกนี้ก็ทีมงานดนตรีที่ผมไปทำงานพิเศษแหละครับพี่จักร



ตอนนี้หลายคนก็เดินเข้ามาในงานครับ แต่งตัวกันมาเต็มที่เลยครับสวยๆ หล่อ ๆ กันทั้งนั้น หัวหน้าก็ถามว่าแล้วไอ้ห่าเท่ส์ไม่ใช่ว่าหนีกลับไปแล้วเหรอ ผมก็ถามว่าถ้ากลับไปแล้วมันจะเป็นไงอ่ะพี่ หัวหน้าก็บอกว่าก็ไม่อะไร แค่จะมีผลนิดๆหน่อยๆตามมาทีหลังนั่นแหละ ก็ส่งชื่อมาสัมมนาแต่หนีกลับ กิจกรรมในวันหน้าๆมันก็คงไม่ได้มาแล้ว ถ้ามีชื่อเสนอมา



ผมก็อื้อหือติด Black List ซะด้วย แล้วไอ้แบนเพื่อนนักยูโดของผมก็มาครับ มันก็ยังพอมีแต่งตัวมาบ้าง ผมก็บอกเอ้าไอ้ห่าแล้วบอกไม่ได้เตรียมอะไรมา มันก็บอกว่าเพื่อนๆเอามายำๆให้นี่แหละพอได้อยู่ ผมก็บอกเออๆไปยังเหลือวิชาการอีกหน่อยนึง มันก็บอกได้เลยครับลวกเพี่ย แล้วก็เดินเข้าไป ผมยืนรออีก 5 นาที โอเคได้เวลาเข้าไปข้างในแล้ว



พอเดินเข้าไปในห้องประชุม คนก็จับกลุ่มคุยกันอยู่ ผมก็เลยตบมือแปะๆ แล้วบอกเอาล่ะป้าๆทั้งหลาย เบาๆหน่อยเดี๋ยวน้ำหมากกระเด็น เท่านั้นแหละครับโดนด่าเลย ปากดีแล้วอีโทนนนนน  แหม่รักผมกันจริงๆ พี่จักรก็ตบมือปั้ปๆ แล้วบอกว่า แบ่งกลุ่มตามเดินนะ เดี๋ยวมีกิจกรรมให้เล่นกันนิดนึงก่อนที่จะมันส์กัน



แล้วทุกคนก็ ขลุก ๆ ๆ ๆ ๆ แบบเดียวก็ได้กลุ่มแล้วครับ หัวหน้าผมบอกว่าเออว่ะ พวกมันไวกันขึ้นเยอะเลยถ้าเทียบกับวันแรกๆ สงสัยกิจกรรมละลายพฤติกรรมจะได้ผลว่ะ แล้วพี่เขาก็จบไหล่พี่จักรปั้ปๆ ๆ  ทีมงานที่เหลือก็เดินมารวมกันครับ เหมียวเองก็ด้วย  ตอนนั้นพวกทีม DJ ก็เตรียมเครื่อง เตรียมซาวด์เช็คกันเลยครับ



ผมก็เลยเดินแวะไปทางนั้นหน่อย เพราะเอาจริงๆก็อยากรู้เหมือนกันว่าเครื่อง DJ มันมีอะไรบ้าง เพราะเคยเล่นแบบหยอดเหรียญมา คือช่วงนั้นที่ชั้น4 ของเซ็นปิ่นฯ มันจะมีแบบเครื่องเล่น DJ เลย เอามาให้หยอดเหรียญเล่น ถ้าจำไม่ผิดมันตั้งตรงเสา ที่ก่อนจะเดินเข้าโซนโรงหนังอ่ะครับ



ผมก็เดินเข้าไปแต่ว่า ก็รักษาระยะนิดนึง เพราะว่าผมเองก็ไม่อยู่กับทีมงานนี้มานานพอควรและผมก็ไม่รู้ว่าไอ้เครื่องนี้มันบอบบางแค่ไหน พูดง่ายๆคือกลัวว่าเครื่องมันจะพัง และก็ต้องระวังเรื่องระเบียบของวงดนตรีนี้ด้วย พี่เขาก็ถามว่าไงวัยรุ่นยังไงซักหน่อยมั้ยล่ะ ผมบอกม่ายยย ผมมาดูเฉยๆ แล้วผมก็เหลือบไปเห็นสายตาที่มองแบบแข็งเป๊กเลย แล้วก็บอกว่าผมไปเตรียมงานก่อนดีกว่า



แล้วก็เดินกลับมาทางทีมงานครับผม ตอนนั้นพี่จักรบอกว่าเดี๋ยวทำกิจกรรมอะไรนิดหน่อย แล้วก็แจงแจกมาว่าจะทำยังไงเป็นยังไง ผมก็ฟัง ๆ ๆ แล้วก็อื้มม อาจจะเพราะด้วยความที่มีพื้นฐานของกิจกรรมครับ กิจกรรมแทบทุกประเภทล้วนมุ่งหวังให้เข้าใจในจุดประสงค์ที่ผู้สร้างเกมส์จะสื่ออยู่แล้ว



และการมาสัมมนาครั้งนี้ สิ่งสำคัญคือการพัฒนาบุคลิกภาพและปรับทัศนคติในการทำงาน แต่ว่าการพยายามยัดเยียดวิชาการมากเกินไป มันจะทำให้ต่อต้านโดยธรรมชาติ และยิ่งคนที่ทำงานมานานๆ มีประสบการณ์มานานเขาก็จะเบื่อง่าย รู้เยอะ EGO เยอะ เพราะงั้นก็ควรทำให้มันสนุกด้วย ได้แนวคิดด้วย นั่นแหละสัมมนาครั้งนี้



แต่เพื่อไม่ให้เป็นการดึงเวลามากเกินไป ผมก็เลยออกไปแก้หน้าแก้เวลาก่อน เฮ้อเกมส์ที่คิดสดๆมันก็งี้แหละ ผมก็บอกว่า 1 กลุ่มขอเก้าอี้ 1 ตัวนะครับหยิบมาได้เลย แต่ละคนก็ไปเอาเก้าอี้มาครับเอาไว้ตรงหน้า พี่จักรก็เดินมาแล้ว ตอนนี้หัวหน้าคือไม่ได้เข้ามายุ่งแล้วนะ เขาแค่คอยสังเกตการเท่านั้น


พี่จักรบอกว่า ขอตัวแทนที่คิดว่าขาแข็งๆหน่อย มายืนบนเก้าอี้ ที่เหลือก็ช่วยๆเซฟเพื่อนนะ ทุกคนก็ยังงงๆว่ายืนทำไม ยืนเพื่ออะไร พี่จักรก็เลยบอกเอ้าโทน ผมนี่หันเลยฮึ๊ !!!   ผมเหรอ พี่จักรบอกเออมึงแหละ เสียงฮาก็มาเลยครับ ผมก็อ่ะ ๆ ๆ แล้วก็ขึ้นไปยืนบนเก้าอี้ พี่จักรก็บอกว่ายกขึ้นขานึงอ่ะ ผมก็ยกได้สบายๆไม่มีอะไรนะ อันนี้ใครจะลองทำตามก็ได้นะ แต่ไม่ต้องขึ้นบนเก้าอี้ ให้ยืนบนพื้นก็พอ




พี่จักรบอกโอเคโทนพอแค่นี้แหละ แล้วคือผมว่าทุกคนก็คงเคยทำแหละครับ พอให้พวกผู้ร่วมสัมมนาทำ มันก็ไม่ใช่ว่าจะยืนได้เนอะ เหตุผลที่พี่จักรให้ใช้เก้าอี้ เพราะบางคนก็กลัวครับ แค่สูงกว่าพื้น 30-40 Cm มันก็น่ากลัวแล้วสำหรับบางคน พื้นที่ยืนบนเก้าอี้ก็ราวๆ 20*20  บางคนยืนได้ บางคนก็โยกเยกๆ



พอยกขาข้างนึงบางคนก็กลัวจนยืนไม่ได้ แต่ก็ได้เพื่อนๆที่ยืนล้อมเข้าไปจับไว้ครับ ตอนนี้คือแยกกันไปเซฟผู้ร่วมกิจกรรมนะ แต่ว่านี่ไม่ใช่ทั้งหมดครับ คนที่ยืนข้างเดียวบนที่สูงๆแล้วยังไม่ไหวก็ให้ลงมาช่วยจับเพื่อนๆไว้ ส่วนใครที่ยืนได้ไม่โยก ยกขาข้างเดียวแล้วไม่โยก ยังมีขั้นต่อไปรออยู่



พี่จักรบอกเอาล่ะเมื่อกี้ใครที่ยืนยกขาข้างเดียวได้ ให้ขึ้นไปอีกครั้ง คราวนี้พวกคนที่ได้ก็ไปยืนเลยครับ ผมมองๆ อ้อไอ้แบนเองก็ติดมากับเขาด้วย ก็ปกติแหละครับไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่พอได้ขึ้นไปยืนแล้ว พี่จักรให้จับเวลาโอเค 30 วินาทีพอ เอาขาลงและเริ่มอีกครั้ง แต่คราวนี้พี่จักรให้ยกขาข้างเดียวไว้ และให้หลับตา


เชื่อมั้ยครับจากที่ยืนกันได้ 10 20 30 วินาที พอหลับตาปุ๊ปไม่ถึง 10 วินาทีร่วงหมด เอาจริงๆไม่เกิน 5-6 วินาทีด้วยซ้ำ บางคนหลับตาปุ๊ปแล้วเสียหลักก็มีไม่ถึงวินาทีด้วยซ้ำ แต่ทุกคนไม่บาดเจ็บนะเพราะทุกคนรอรับอยู่ คือมันก็เป็นการทดสอบร่างกายที่ทำตอนมัธยมนั่นแหละครับ


ปกติมันก็ยืนได้ มองเห็นภาพตรงหน้ามันจะทำให้เราบาลานซ์ตัวเองได้ แต่พอหลับตาเท่านั้นแหละเหวอเลย ลองทำตามดูก็ได้ครับคุณผู้อ่าน ทุกคนก็ไล่ไป ไล่ไป ไล่ไป ไอ้แบนก็ยืนได้ราวๆ 6-7 วิครับ ส่วนมากที่เริ่มขยับๆกันคือเริ่มที่ฝ่าเท้าเลยขยับกึ้ก ๆ ๆ ๆ แล้วก็เซ



ทุกคนก็วี๊ดว๊ายสนุก สนานกันครับ อย่าลืมว่าพวกผมส่งตัวแทนทีมนันทนาการไปเซฟผู้ร่วมกิจกรรมทุกคน จนพอครบพี่จักรบอกเอาล่ะนั่ง ๆ ๆ  ทุกคนก็นั่งแล้วก็มีคุยกันขำๆด้วยว่ายืนได้แปปเดียว ยืนได้นิดเดียว พี่จักรบอกว่ากิจกรรมนี้มันก็แค่การทดสอบสมรรถภาพทั่วไปอ่ะแหละนะ แต่ว่าที่พี่ให้ทุกคนลองทำเพราะอยากให้จำได้ว่าความรู้สึกมันเป็นยังไง


แล้วพี่จักรก็เอาไมค์ไปให้หัวหน้า ผมว่าการจะพูดอะไรแบบนี้ต้องให้คนที่มีพาวเวอร์แบบระดับหัวหน้านี่แหละพูด แล้วตอนนั้นก็มีพวก ผู้บริหารของแผนกอื่นเดินแทรกๆเข้ามาด้วย หัวหน้าผมก็หยุดแปปนึง ผู้ร่วมสัมมนาบางคนพอเห็นว่าหัวหน้าแผนกมาก็ยกมือไหว้ย่อเข่าเหมือนกระตุกนิดนึง กลายเป็นเล่นเวฟเลย พอมาถึงหัวหน้าเขาก็พยักหน้าให้พูดต่อ



หัวหน้าบอกว่าจริงๆแล้วถ้าลองเปรียบเกมส์เมื่อกี้เหมือนงานของเรา มันจะชัดเจนมากเลยนะ บางคนทำบางจุดได้ดี บางคนทำได้ไม่ดีมาก แต่มันก็ได้ทำกันหมด ได้รู้ว่าอะไรด้อยอะไรเด่น อะไรต้องแก้ไข อะไรต้องรักษา และอะไรต้องพัฒนา กิจกรรมเมื่อกี้ผมไม่ได้อยากให้อวดกันนะว่าทำได้นาน ทำได้แปปเดียว


เพราะทุกคนก็ได้ทำเหมือนกัน แต่ว่าลองคิดดูสิ่ ยืนอยู่ขาเดียวทำได้ง่ายๆสบายๆ เป็นนาที เป็นสองนาที แต่ว่าพอทำเหมือนเดิมทุกอย่างแค่หลับตาไปแปปเดียวก็เป๋ไปดื้อๆ การงานของพวกเราก็เหมือนกันนะ งานบางงานพวกคุณอาจจะผ่านมา 10 ครั้ง 20 ครั้ง ทำได้แปปเดียวเหมือนปอกกล้วย



แต่ว่าพอมีปัญหานิดเดียวเข้ามา นิดเดียวจริงๆ มันกลับทำให้งานชะงักลง ใครเคยเป็นมั้ย อื้อหือทุกคนคือยกมือกันพรึ่บเลย ซึ่งผมเองก็ยกครับ แต่หัวหน้าหันมามองว่า มึงไม่ต้องยกอันนั้นพี่รู้มึงนี่ตัวชิ่งเลย ทุกคนก็หัวเราะใหญ่เลย รวมถึงซุ้ม DJ ด้วย หัวหน้าก็ถามว่ามึงตอบเลยไหนๆแล้ว



เวลามึงเจองานสะดุด มึงทำไง เอาตามความสัตย์จริง ผมก็ตอบว่าเดินไปชงกาแฟแล้วค่อยมานั่งแก้งานครับ หัวหน้าก็เลยถามว่าแล้วทำไมไม่หาทางแก้ปัญหาก่อนแล้วค่อยไปกินกาแฟล่ะ ผมก็เงียบบ หัวหน้าบอกว่าตามสัญชาตญาณของคนเราเวลาเจอปัญหามักจะเลี่ยงปัญหาออกมาก่อนแล้วค่อยหาทางแก้ปัญหา



แต่ว่าถ้าพวกคุณเติบโตขึ้นมาในระดับเดียวกับผมหรือระดับเดียวกับหัวหน้าของพวกคุณ คุณจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ หัวหน้ามอง มองแล้วก็ยื่นไมค์ให้หัวหน้าแผนกอีกแผนกนึง อื้มม คงต้องเปลี่ยนเสียงครับ คนจะได้ฟังกันไม่เบื่อและเอาจริงๆผมว่าคนอีกแผนกก็อยากฟังหัวหน้าเขามากกว่าแหละครับ



พี่หัวหน้าแผนกที่เป็นผู้หญิงก็บอกว่า อย่างที่พี่ ( ชื่อหัวหน้าผม ) บอกไว้ เหตุผลที่ตอนลืมแม้จะยืนขาเดียวเราก็ยังทรงตัวอยู่ได้ เพราะเรายังมองเห็นทาง ยังสามารถบังคับบาลานซ์ในตัวได้ ถึงจะยืนไปนานๆมันจะเมื่อยแต่ก็ยังอดทน และคอนโทรลแขนให้กางรักษาสมดุลได้ สามารถขยับขาเพื่อปรับองศาได้



แต่ว่าพอเราหลับตาร่างกายเรามันเหมือนเสียการรับรู้เช่นระยะรอบตัว มองไม่เห็นว่าจะมีใครคอยจับมั้ย และสมองก็จะบอกว่ากลัว ร่างกายที่เสียสมดุลไม่ถึง 1 วิเราก็จะล้ม แปลกมั้ยล่ะทั้งๆที่ยืนก็เท่าเดิม ตำแหน่งก็ตำแหน่งเดิม แต่พอหลับตาแล้วทุกอย่างมันดูยากไปหมด



ให้คุณเอาไปเทียบกับงานของคุณทั้งหลายดูนะ งานที่ทำมาดีๆมาตลอด พอเจอจุดพลิกจนนึงทำไมมันถึงพังไม่เป็นท่า หัวหน้าแผนกเงียบไปแปปนึง คนก็ยังเงียบกันอยู่ หัวหน้าแผนกก็เลยพูดต่อว่า แต่ไม่เป็นไรเพราะอย่าลืมว่าโปรเจ็คๆนึงเราไม่ได้ทำคนเดียว มันจะมีประโยชน์อะไรล่ะ ถ้าต้องทำงานไปเจ็บตัวไปทั้งๆที่ยังมีทีมงานคอยช่วยเหลือ



สิ่งที่ต้องพัฒนาไม่ใช่ทักษะในการทำงานแค่ส่วนตัว แต่ต้องพัฒนาความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน เปิดใจคุยก่อนทำงาน ปัญหาที่มันดูใหญ่เพราะเราไปจ้องมัน ลองถอยออกมาแล้วมองไปอีกครั้ง คุณอาจจะเห็นว่ามันไม่ได้ใหญ่อย่างที่คิด ที่มันใหญ่เพราะคุณไปโฟกัสกับมันมากเกินไป





ให้ลองถอยออกมาแล้วปัญหาที่มันเหมือนใหญ่นั้น จริงๆแล้วมันแค่นิดเดียวแต่เรายังใช้ความถือตัวยังใช้ Ego ในการทำงาน Ego มันเป็นเรื่องที่ดี มันทำให้เรามีความมั่นใจ แต่ต้องใช้ให้ถูกต้องวางให้เป็น และมองให้ออก งานน่ะมันสำเร็จไม่ได้ถ้าทำด้วยตัวคนเดียว สิ่งนึงที่น่ากลัวสำหรับคนเก่งหรือคนที่มีประสบการณ์สูงๆแบบพวกคุณมันคือความเคยชินและการถือตัว


เคยชินกับความยากลำบากในการทำงาน เคยชินกับปัญหาเดิมๆ พี่ไม่สงสัยเรื่องความเก่งและชั่วโมงบินที่สูงของพวกน้องๆนะ เพราะการได้มาที่นี่มันคือคำตอบว่าน้องๆเก่งทุกคน แต่ปัญหาของคนเก่งคือบางครั้งจะไม่ฟังคนอื่นหรือไม่ยอมปรึกษาคนอื่น นั่นเพราะน้องๆผ่านความยากลำบากมาได้หลายครั้ง แต่ลองคิดดูว่ากว่าจะผ่านมาได้แต่ละครั้งมันบั่นทอนความรู้สึกแค่ไหน บั่นทอนต่อความรักในการทำงานมากแค่ไหน



อ่ะพี่ถามน้องๆ ว่าทุกวันนี้ที่มาทำงาน นอกจากมีภาระหนี้สินแล้ว อะไรที่ทำให้ยังตื่นมาทำงาน ทุกคนก็เงียบบ ซึ่งมันเป็นปฏิกิริยาธรรมชาติอยู่แล้ว พี่หัวหน้าแผนกว่า เพราะยังสนุกกับงาน เพราะ อยากพบปะผู้คน อยากเจอเพื่อน หรือเพราะอยากมาเจอแฟนใช่มั้ยล่ะ



เสียงตอบก็ระงมออกมา ใช่ ใช่  ค่ะ ครับ  แล้วตอนนั้นหัวหน้าแผนกก็เรียกผม  คุณโทน   ผมก็ฮึ๊ !!! กำลังจดแนวทางอยู่เลย แต่ก็ต้องตอบครับๆ หัวหน้าแผนกถามว่า อายุงานของคุณตอนนี้เท่าไรแล้ว  ผมก็บอกว่าร่วมๆปีครึ่งครับ



หัวหน้าแผนกถามว่างั้นก็น้อยที่สุดในสัมมนานี่ใช่มั้ย ผมบอกคงใช่ครับ เรียนจบแล้วก็มาทำงานเลย หัวหน้าแผนกถามว่างั้นด้วยอายุงานแค่ไหน จากสมุดบันทึกของบริษัท ทำไมได้ทำงานเยอะมาก แล้วยังได้มาเป็นหัวหน้าทีมสันทนาการล่ะ



ผมก็บอกว่า จริงๆแล้วพี่จักรเป็นหัวหน้าแค่ผมโดนโยนมาให้ครับ พี่จักรบอกเอ้าไอ้นี่ ทุกคนก็หัวเราะเลยครับ หัวหน้าแผนกเลยถามว่า แล้วทำไมคุณจักรถึงให้คุณโทนเป็นหัวหน้าแทนล่ะ ทั้งๆที่คุณวุฒิและวุฒิภาวะคุณสูงกว่าและทุกคนก็ยังยอมรับด้วย



พี่จักรตอบว่า ถ้าสัมทนานี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับวิชาการ 100% ผมก็คงขอรับหน้าที่นี้ไว้ครับ แต่ว่าสัมมนานี้มีช่วงกิจกรรมแทรกอยู่เยอะ ผมคิดว่าการที่ให้เด็กกิจกรรมแบบโทนมาออกแบบกิจกรรมบันเทิง มันน่าจะดีกว่าครับ



คุณหัวหน้าแผนกก็เงียบ แล้วเดินมายืนต่อหน้าผู้ร่วมสัมมนา พี่หัวหน้าเขาพูดว่า ทุกคนพี่ถามหน่อยว่าถ้าต้องทำงานด้วย ระหว่างคุณโทน กับ คุณจักร ใครดูมีภาษีดีกว่า ทุกคนตอบพี่จักร  !!!!!


ผมอยู่นิ่งๆก็ เอาฮาซักหน่อย ทำท่าเหมือนนักบอลเวลายิงประตูไม่เข้า ผมจับหน้าแล้วแหงนมองเพดาน ดึงมือลงมาช้า ๆ ทุกคนก็ฮากันนนนนน เออออ ฮาาา ไปเลยยยย



แล้วพี่หัวหน้าแผนกก็พูดว่า แต่งานสัมมนาครั้งนี้ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าน้องโทนเองก็เป็นหัวเรือใหญ่ในการคิดกิจกรรม พี่หัวหน้าถามว่า แผนงานที่ส่งมาให้คร่าวๆมีกี่กิจกรรมนะคุณจักร พี่จักรบอกไอเดียจากโทนมีมา 25 ครับ  ใช่ครับผมคิดกิจกรรมสำหรับเล่น สำหรับทำกิจกรรม ร่วม 25 กิจกรรมครับ



แต่ก็เอามากลั่นกรอง เพื่อให้เหมาะสมกับแนวทางผลลัพธ์ที่อยากให้ได้กัน อย่างกิจกรรมตามหาบุคลิกของตัวเอง ลักษณะสัตว์ในการทำงานของแต่ละคน  หมี อินทรี กระทิง หนู อันนั้นผมก็เอาผลักการมาจากที่ไหนซักที่นึง



แล้วเอามาปรับให้เหมาะกับจำนวนคนและอุปกรณ์ที่เอื้ออำนวย  การชายหาด ทำกิจกรรมบนทรายทหรือแม้แต่กิจกรรมในห้องประชุม ผมเสนออะไรไป พี่จักรเป็นคนช่วยขัด ช่วยทำให้มันเข้าที่ พี่หัวหน้าถามอีกว่า แล้วน้องโทนเป็นสัตว์ตัวไหน



ผมก็บอก อินทรี กระทิงครับ แต่หัวหน้าผมพูดแทรก ควายเผือกกกก เอ้าได้หัวเราะกันไปอีก 1 ฮือออ พี่หัวหน้าแผนกก็หัวเราะด้วย แล้วพูดว่า


" Put the right man on the right job "


น้องๆเข้าใจคำนี้ใช่มั้ย การเอาคนที่เหมาะสมไปลงกับงานที่ใช่ยัง ไม่ว่ายังไงงานมันก็จะออกมาดี เราต้องพิจารณาให้ดีว่าตัวงานมันคืออะไร และใครที่เหมาะสม


RightMan อาจจะเป็นคนที่อายุงานน้อยกว่า ประสบการณ์ทำงานน้อยกว่า แต่เขาเหมาะกับตัวงานประเภทงานกว่าเรา แล้วพี่หัวหน้าก็อืม . พี่พูดไปอาจจะไม่ค่อยเห็นภาพ


แล้วบอกว่าพี่คงต้องให้อีกท่านมาพูดคุยกับน้องๆน่าจะดีกว่า แล้วแปปนึง อื้อหือมีคนเดินมาว่ะ เช็ดเด้ !!! เจ้าของบริษัทมาเอง  ทุกคนฮืออ ฮาาาา แบบโห !!! มาได้ไงวะนั่นน่ะ



พอมาถึงคือทุกคนยืนปรบมือแบบไม่ต้องมีใครบอกเลยครับ ท่านแต่งตัวมาแบบว่าสบายๆ แต่กึ่งทางการนิดหน่อย พอมาถึง ทุกคนก็นั่งลง นั่งลง นั่งลง เอาจริงๆถ้าเขียนไทม์ไลน์นี้ก่อน คุณผู้อ่านคงจะสงสัยว่า



แค่งานสัมมนาจองพนักงาน 200 คนนิดๆ ทำไมคนระดับเจ้าของบริษัทต้องมา แต่ท่านอย่าลืมนะว่าวัฒนธรรมองค์กรของผมคืออะไร เวลาใครทำงานสำเร็จ เราจะมี มินิ เร๊คคอกไนซ์ เป็นการแสดงความยินดี ก็อย่างเช่นยินดีที่พี่แมนสามารถปิดดีลธุรกิจกับกลุ่มนายทุนใต้หวันได้ หรือ ตอนที่ผมกับจอยได้ดอกไม้ในตอนที่ 91 นั่นแหละ และนี่เป็นงานสัมมนาเลยนะการที่ท่านจะมาก็ไม่แปลก



มาถึงท่านก็ทักทายทุกคนเลย แล้วถามว่าที่พักถูกใจมั้ย ทุกคนตอบค่ะ ๆ  ครับ ๆ  กันระงมเลย ท่านพูดอีกว่าสัมมนาครั้งนี้เป็นแค่ต้นแบบในการจัดครั้งๆต่อไป ถ้าครั้งนี้ผลลัพธ์มันออกมาดี mind set ศักยภาพของทุกคนพัฒนาขึ้น สัมมนาครั้งต่อๆไปมันต้องเกิดขึ้นแน่ๆ และทุกคนก็มีสิทธิ์เข้าร่วม



แล้วท่านก็หันมาถามว่าเอ... คุณ ( ชื่อหัวหน้าผม ) คราวหน้าถ้าได้ไปจัดสัมมนาควรไปที่ไหนดี ซัก 300 ที่ พอได้ยินว่า 300 ทุกคนก็ฮืออออ กันขึ้นมาเลยครับ หัวหน้าผมก็โค้งหัวให้แล้ว รับไมค์จากพี่จักรไปพูดขออนุญาตครับท่าสประธาน ผมว่าควรถามคนที่คลุกคลีกับผู้ร่วมสัมมนาจะเหมาะกว่าครับ


แล้วหัวหน้าก็ อึ่ อึ้ม  ว่าไงครับคุณ ( ชื่อจริง นามสกุลจริงของผม ) ในฐานะหัวหน้าคณะสันทนาการคิดว่าไง ผมก็มอง มอง มอง แล้วก็คิดในใจเอาวะ ยกมือขออนุญาตท่านผู้ถือหุ่นก่อนเลย แล้วเดินมาข้างหน้าแล้วถามว่า



ป้าๆ ทั้งหลาย ชอบฝน หรือ ชอบอากาศเย็นๆมากกว่า ป้าก็โวยวาย ๆ ๆ เหมือนลืมตัวว่าท่านประธานอยู่ ผมก็เลยบอกเย็นไว้ เย็นไว้โยมป้า โยมลุงทั้งหลายยย   นี่แหละครับการที่เด็กสุดในบริษัทก็งี้แหละ  ผมบอกไปว่า ฝนตกมันก็ดี แต่การทำกิจกรรมอะไรมันก็ติดๆขัดๆ ถ้ามีโอกาสที่บริษัทเราจะจัดสัมมนาอีก ก็อยากให้จัดช่วงหน้าหนาว อย่างเช่น รีสอร์ตดีๆซักที่ไม่สระบุรีก็นครนายก เพราะใกล้ดี


พอได้ยินแบบนั้นทุกคนคือเฮ !!! สลับปรบมือกันดังลั่นเลยครับ แบบนี้ถูกใจแน่นอน ผมเลยรีบบอกว่าเดี๋ยว !!!!! ใจเย็น ใจเย็นๆ ผมพูดแค่ถ้ามีโอกาส ใจเย็นๆ ทุกคนก็โห่ววว แล้วค่อยๆเงียบ ผมก็ก้มหัวเดินถอย ๆ ๆ  แอบชำเรืองไปที่ซุ้ม DJ นิดนึง พวกพี่ๆนี่ยกนิ้วให้เลย ผมถอยกลับมายืนที่เดิมครับ ท่านประธานก็พูดอืม.. นครนายก สระบุรีเหรอ   โอเค ผมอนุมัติ




แล้วปั้ดติโธ่ เสียวกรี๊ดเสียงเฮ นี่ยิ่งกว่าคอนเสิร์ตอีก ผู้ชายก็วู้วววววว ขึ้นมาสมทบเหมือนหัน อย่าว่าแต่ผู้ร่วมสัมมนาเลยครับ ขนาดทีมงานสันทนาการเองก็พากันดีใจ แต่บอกเลยคราวหน้าผมไม่เอาแล้วนะ มันเหนื่อยยย ท่านประธานก็ยิ้มม เลยตอนนั้นแล้วก็ทำสัญญาณมือให้เบาเสียง เบาเสียง เบาเสียง



แล้วท่านประธานผู้ถือหุ้นก็พูดต่อว่า แต่มันก็ขึ้นอยู่ที่พวกคุณด้วยนะ ว่าจะสามารถทำผลงานออกมาได้ดีมากน้อยแค่ไหน ผมจะไม่มองแค่รายบุคคล แต่จะมองภาพรวม  ทุกคนเงียบแล้วฟังเลย ผมว่าท่านประธานเตะตัดขาได้ถูกจังหวะมากครับ



เพราะว่าถ้าบอกไปว่าจะดูผลงานแล้วได้ไป ผมว่าคงมีคนทำอะไรที่ไม่น่ารักแน่ๆ แต่การที่บอกว่าไปกันเป็นหมู่คณะ ไปเป็นแผนก เออแบบนี้ค่อยโล่งใจหน่อยครับ ท่านประธานพูดอีกว่า หัวใจสำคัญที่ผมจะพูดคืออยากให้องค์กรของเรา สื่อสารกันให้ดีกว่านี้


เวลาเจอปัญหา เวลาเจอทางตันอย่าคิดว่าต้องบุกไปข้างหน้าอย่างเดียว การเดินช้าลงมันไม่ได้แย่เสมอไป สำคัญว่าอย่าหยุดเดินก็พอ หยุดเท่ากับถอยหลังผมว่าทุกคนน่าจะรู้ดี ว่าการพาตัวเองไปยังความสำเร็จน่ะ มันไม่แค่การวิ่งอย่างเดียว



วิ่งไม่ไหวก็เดิน เดินไม่ไหวก็คลาน ไปข้างหน้าทีละนิด ทีละนิด ยังไงมันก็ดีกว่าหยุดเดิน แต่ !!!!!!!  นั่นมันคือสำหรับการทำงานตัวเดียว ทุกคนเงียบครับตอนนี้ ... ท่านประธานก็พูดอีกว่า เรามีองค์กร เรามีแผนก ไว้เพื่อซัพพอร์ต การทำงานของทุกคน ก็จริงว่าขั้นตอนมันอาจจะเยอะ จะยุ่งยาก แต่อย่าลืมว่ายังมีคนคอยช่วย



ถ้าไปคนเดียวไม่ไหว ก็ไปด้วยกัน ตัวผมบริการบริษัทคนเดียวไม่ได้ ถ้าไม่มีทุกแผนกช่วยกัน และทุกแผนกก็อาจจะทำผลงาน ทำโปรเจคดีๆออกมาไม่ได้ ถ้าคนในแผนกไม่ช่วยเหลือกัน  ทุกแผนกมีคนเก่ง และในทุกแผนกยังไงก็ต้องมี RightMan ในนั้นเหมือนกัน



ผมจะไม่เถียงว่า การทำธุรกิจมันคือเรื่องของเม็ดเงิน บริษัทของเราก็ต้องการกำไรเหมือนกัน แต่สิ่งสำคัญคือพนักงานทำงานอย่างมีประสิทธิภาพหรือเปล่า สิ่งสำคัญในองค์กร คือการสื่อสาร และวางคนให้ถูกหน้าที่งาน ถ้าพวกคุณตามหา RightMan ที่ใช่กับโปรเจคที่ได้รับ และสื่อสารกันในแผนกอย่างมีประสิทธิภาพ  ไม่ว่ายังไงมันก็ต้องผ่านไปได้ด้วยดี สำคัญที่ว่าเมื่อเก่ง มีประสบการณ์สูง คุณต้องรู้จักการลดระดับการวางตัวให้ลงมาคุยกับคนที่ระดับด้อยกว่า



ไม่ใช่เวลาเจอทางตัน หรือ มืด จนมองไม่เห็น ( เหมือนกิจกรรมเมื่อกี้ ) ยังพุ่งไปอย่างเดียว ความเด็ดเดี่ยวเป็นเรื่องที่ดี แต่มันจะดีกว่า ถ้าไปด้วยกันอย่างเด็ดเดี่ยว นักบินที่ดี ไม่ใช่คนที่บินได้สูงตลอดเวลา แต่ต้องบินในระดับที่เหมาะสม เมื่อเจอกับสถานการณ์ต่างๆ




ทุกคนตั้งใจฟังกันมากๆเลยนะตอนนั้น ไม่ต้องบินให้สูงที่สุด แต่ต้องบินให้คล่องที่สุดงั้นเหรอ... ท่านประธานก็บอกอีกว่า เอาล่ะๆ วันสองวันมานี้คงจะอัดวิชาการกันเยอะแล้ว ยังไงก็ขอให้ทุกคนสนุกให้เต็มที่สำหรับดนตรีที่คุณ ( ชื่อเล่นลูกพี่ ) จัดมาให้นะ แต่อย่าลืมว่าพรุ่งนี้ยังมีโค้งสุดท้ายของสัมมนาล่ะ พอท่านประธานพูดจบทุกคนก็ปรบมือเลยล่ะครับ แล้วตอนนั้นท่านประธานก็หันมาหาผมแล้วกวักมือเรียก อ่ะผมก็เดินไปมา ก้มหัวนิดนึง แล้วถามว่า



อืมม แล้วถ้าจะจัดสัมมนาไกลๆ อย่างพวกภาคเหนืออะไรพวกนี้ล่ะ แหมม พอบอกว่าภาคเหนือนี่ตาตั้งกันเลยยย ผมบอกว่า ถ้าไปช่วงไลว์ซีซั่น ก็สามารถจองที่พัก และทำกิจกรรมแบบไม่รบกวนนักท่องเที่ยวได้ครับ มีรีสอร์ตสำหรับจัดสัมมนาและกิจกรรมกลุ่มหลายที่ครับ ที่สันทราย  แม่แตง ช้างเผือกครับ



ท่านประธานก็มองครับ ตอนนี้ผมก็เฉยๆนะ ก็จริงว่าท่านเป็นถึงผู้ถือหุ่นใหญ่ แต่ผมเองก็เคยติดตามเรียนฝาน และ รับใช้คนระดับนี้มาเหมือนกัน เพราะงั้นผมค่อนข้างมั่นใจเรื่องจังหวะการพูดครับ แล้วท่านผู้ถือหุ้นก็อื้ม งั้นขอให้สนุกนะทุกคน ท่านพูดจบพี่จักรก็รีบเข้าไปรับไมค์ทันที หัวหน้าแผนกอีกคน และลูกพี่ก็รีบเดินไปส่ง แต่ว่าหัวหน้ากวักมือเรียกผมไปด้วย ผมก็เดินตามไป




ตอนนี้ทุกคนมองตาม คือไม่รู้ว่าจะเชื่อกันมั้ยนะ แต่สายตาที่มองมาคือเหมือนเป็นความหวังของหมู่บ้าน แน่ะ รู้นะคิดอะไรอยู่พวกนี้ ผมเดินตามหัวหน้าออกมาด้านนอก อ้าวว ไม่ได้มีแค่ท่านผู้ถือหุ้นนี่หว่า ยังมีรองประธานมาด้วยกัน อื้มม เข้าใจได้ๆ จะให้มาคนเดียวก็แปลกๆ แล้วท่านก็บอกกับหัวหน้าแผนกทั้งสองคนว่า ผมค่อนข้างพอใจกับการจัดสรรค์งบประมาณครั้งนี้นะ คุณ ( ชื่อเล่นลูกพี่ )



ลูกพี่ผมก็ตอบขอบคุณมากครับ ท่านพูดอีกว่า ทรัพยากรบุคคลเราเด่นด้านไหนก็เอามาใช้ให้เกิดประโยชน์ การที่เราไม่ต้องจ้างออแกไน มันเลยทำให้เหลืองบที่จะเอามาใช้เพื่อคนในองค์กรอย่างคุ้มค่า ถ้าจ้างออแกไนซ์ ก็คงจ้างวงดนตรีก็คงไม่ได้มาแบบนี้ เพราะงั้นผมขอชื่นชมนะคุณ ( ชื่อจริงหัวหน้า ) ที่จัดสรรงบประมาณได้ดีมากๆ ตอนแรกที่เห็นตัวเลขงบประมาณที่ขอมาผมก็ยังสงสัยว่าจะพอหรือเปล่า แต่พอมาเห็นวันนี้ผมขอชื่นชมจริงๆ




ท่านผู้ถือหุ้นใหญ่ก็บอกว่า ถึงจะเป็นผู้จัดงานมืออาชีพแค่ไหน จะเอาคนระดับประเทศมาแค่ไหน แต่คงไม่มีใครรู้จักองค์กรเรา มากไปกว่าคนในองค์กรนั่นแหละนะ ท่านเดินไปแล้วก็พูดไป จนกระทั่งอ้าว !!! ตกลงท่านมาพักอยู่อีกมุมเหรอเนี่ย ผู้บริหารหลายๆท่านก็มาในชุดฮาวายสบายๆเลยครับ แต่กางเกงขาสั้นของแต่ละคนนี่อื้อหือ ยี่ห้อแพงๆทั้งนั้น คือแต่งตัวดูสบายๆ แต่ราคานี่ไม่สบายเลยยย ท่านประธานพูดว่า เฮ้อ ผมว่าบางทีผมเองก็ควรลดบทบาทลงมั่งนะ




ผมสะดุ้งเลย แบบฮึ๊ !!! คืออะไร อย่านะครับ อย่าบอกว่าจะวางมือนะ ขนาดผมทำงานที่นี่แค่ปีเดียวยังรู้เลยว่า ลึกๆแล้ววัฒนธรรมองค์กรนี้ ส่งเสริมให้คนเจริญก้าวหน้ามากเลยนะ ขนาดผมฟังยังใจหายแล้วคนที่อยู่มานานแล้วได้ยินล่ะจะว่าไง แล้วใครจะมาแทนท่านได้ครับเนี่ย หัวหน้าผมก็บอกว่าท่านเองก็ทำงานเพื่อพวกเรามาเป็นสิบๆปีแล้วนะครับ



ท่านประธานหัวเราะแล้วบอกว่าแต่ผมคงทิ้งไปเฉยๆไม่ได้หรอก พวกคุณอยู่กับผมมาตั้งหลาย 10 ปี แต่เชื่อผมสิ่ว่าอนาคตจะมีคนที่ห่วงใยพวกคุณมาแน่ๆ เอาล่ะหว่าอยู่ดีๆก็ได้ยินเรื่องจะวางมือเฉยเลย ผมควรทำไงดีล่ะเนี่ย ผมก็หยุดเดินเลยครับ หยุดดื้อๆ เพราะคิดว่าตัวเองคงไม่สมควรจะฟัง



ผมหยุดแล้วก็ขยับเข้าข้างๆเหมือนยืนรอนะ ให้พวกเขาเดินไปกันก่อน แต่ลูกพี่ผมก็เรียกๆเฮ้ยมานี่ ผมก็เดินมาครับ ท่านประธานก็ถามว่า ถ้าจัดสัมมนาที่เชียงใหม่คิดว่าไงคุณโทน อุ้ยท่านประธานถามว่ะ ผมก็บอกว่า ต้องใช้เวลาศึกษาพื้นที่ของที่พักเผื่อการทำกิจกรรมครับท่าน ถ้าไปช่วงโลว์ซีซั่น ค่าที่พักก็จะถูก ยิ่งไปเป็นคณะสัมมนาก็จะได้ส่วนลดเพิ่ม อุ่ยชิบหายละ ไปพูดเรื่องส่วนลดต่อหน้าคนรวยแบบนี้จะเป็นอะไรมั้ยเนี่ย



ท่านถามอีกว่าแล้วมีอะไรที่จะแนะนำอีกมั้ย... อุ้ยย ไปไงต่อดี เอาวะลุยต่อ ผมก็บอกไปว่าเรื่องการเดินทางด้วยครับ ถ้ามีโอกาสที่บริษัทของเราจะจัดงานสัมมนา สำหรับผมแล้วตัวเลือกเดียวในการเดินทางคือเครื่องบินครับท่าน เพราะว่ากรุงเทพฯ - เชียงใหม่ ใช้เวลา 55 นาที  เราอาจจะใช้เวลาเพิ่มอีกไม่เกิน 2 ชั่วโมงในการเข้าที่พักและจัดข้าวของครับ ถ้าเทียบกับการนั่งรถทัวร์ คงดีกว่าเยอะเลยครับ



ท่านประธานเลยพูดกลับมาว่า ข้อมูลมันยังหลวมๆนะ ผมฝากให้คุณเอาไปคิดแล้วกันว่าทำยังไงดีให้ เวลามันกระชับมากกว่าที่พูดมา เชียงใหม่อาจจะไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุดนะลองดู อย่างพวกแม่ฮ่องสอน หรือ สถานที่ที่สงบๆสวยๆ บ้างก็ได้ รวบรวมข้อมูลมานะ แล้วประชุมสรุปสัมมนาให้คุณ ( ชื่อหัวหน้า กับ พี่จักร ) เข้ามาประชุมด้วย



เอ้า... ผมไม่ได้เข้าประชุมเหรอ แต่คิดอีกที ดีแล้ววว แบบนี้ดีแล้ว ผมไม่ชอบการไปพรีเซ๊นต์อะไรแบบนั้น แล้วอีกอย่างด้วยตำแหน่งต๊อกต๋อยแบบผมก็คงไม่ได้เข้าไปในห้องประชุมหรอก ขอทำผลงานแล้วมีรายชื่อแบบสบายๆแบบนี้ดีกว่า แล้วพอเดินมาถึงจุดที่ท่านพัก หัวหน้าผมก็หยุดเดินครับ ผมก็หยุดตาม อื้อหือคนที่อยู่ที่นี่มีแต่ระดับผู้บริหารทั้งนั้นเลยครับ ผมก็โค้งหัวให้แล้ว พอหัวหน้าเดินออกมาผมก็เดินตามมาด้วย



 



เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน


okai

เป็นหัวเรือจัดงานได้เข้าตาผู้บริหารระดับสูง.. มาถูกทางแล้วครับ.. เหลือแค่พัฒนาวิชาการคราวนี้ก้าวกระโดดไปได้อีกหลายก้าวแน่ๆครับ..
แบบนี้เรียกถ่านไฟเก่าได้ไหมนะครับ..


latipk




Slave

คุณโทนนี่เรื่องเอนเตอร์เทนนี่ข้อมูลพร้อมเลยอ่ะ.. ยกนิ้วให้เลยครับ.. ขอบคุณ​มาก​ครับ​


Titanจู่โจม

ทะเลตอนท้ายแล้วแอบใจหายอยุ่นะ

ปล. จะมีตอนแยกเพิ่มอีกมั้ยครับนี่ รออ่านเลยครับ 555

toy5599



Joepure~☆


sunnies

จบจากงานสัมมนา​จ่ะมีงานเข้ามาหาโทนเรื่อยๆ​ ดูจากที่สัมมนา​ที่ทะเลแล้วเป็นที่พอใจของผู้บริหาร

Slave