ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

เชลย(สวาท) /เรื่องสั้นจบในตอน

เริ่มโดย twintower, ธันวาคม 03, 2022, 04:09:12 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

twintower

เสียงระเบิดที่ดังออกมาเป็นระยะ พร้อมเปลวไฟที่ลุกไปทั่วบริเวณลานกว้างของตึกแห่งหนึ่ง  ชายคนหนึ่งที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของถนนหน้าตึกนั้น กำลังค่อยๆยันตัวขึ้นมานั่งแล้วมองไปในตรงที่มีเปลวไฟอย่างมึนงง  ร้อยเอกสุรศักดิ์นั้นพยายามเรียกสติกลับคืนมา แรงดันของระเบิดที่เกิดขึ้นทำเอาหัวหน้าชุดรักษาความปลอดภัยของสถานที่แห่งนี้นั้นสลบไปชั่วขณะ ผู้กองสุรศักดิ์นั้นลองขยับนิ้วมือจนครบ 10 นิ้วแล้วใช้มือเลื่อนไปลูบคลำตามตัว ซึ่งไม่พบเลือดหรือบาดแผลตรงส่วนไหน มีแต่อาการเคล็ดขัดยอกเท่านั้น  พอมองไปยังรถฮัมวี่ที่นั่งมา รถนั้นตะแคงอยู่ไม่ห่างออกไป หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยรีบลุกขึ้นยืนแล้ววิ่งที่รถ ในรถมีร่างของสิบเอกโชคชัยที่เป็นคนขับติดอยู่ตรงที่นั่ง ดูจากสายตาหมู่โชคชัยนั้นยังไม่ตายแต่ดูแล้วคงแค่สลบ

"หมู่เป็นยังไงบ้าง"

ผู้กองถามพร้อมก้มลงไปเขย่าตัวลูกน้องคู่ใจ

" ผู้กองเหมือนผมจะขาหัก"

อีกฝ่ายตอบมาหลังจากที่ได้สติ โชคยังดีที่ขาของหมู่โชคชัยนั้นไม่ติดในตัวรถและรถเป็นแบบไม่มีประตู ทำให้ผู้กองสุรศักดิ์สามารถประคองร่างของ หมู่โชคชัยออกมาได้ และกล่องอุปกรณ์ปฐมพยาบาลที่อยู่ด้านหลังของรถไม่เสียหาย

"ผู้กองเข้าไปดูข้างในเถอะ ไม่ต้องห่วงผม ผมทำแผลเองได้"

หมู่โชคชัยบอกขณะที่นั่งพิงไปกับตัวรถหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยเห็นด้วยกับหมู่โชคชัยเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นรอช้าไม่ได้

"โอเค แต่เอาอย่างนี้แล้วกันหมู่ เราจะใช้โทรศัพท์ติดต่อกันแทนวิทยุมันเสี่ยงเกินไป ฉิบหายเอ๊ย"

ผู้กองสุรศักดิ์อุทานออกมาอย่างหัวเสีย เพราะโทรศัพท์ของตัวเองนั้นหน้าจอแตกละเอียด มันคงมาจากการกระแทกอย่างแรงตอนที่กระเด็นออกจากรถ หมู่โชคชัยนั้นรีบหยิบโทรศัพท์ของตนเองมาออกมาดูก่อนจะบอกกับหัวหน้า

"ถึงไม่พังก็ใช้ไม่ได้ครับ ผู้กองโทรศัพท์มันไม่มีสัญญาณ พวกมันคงบล็อกคลื่นโทรศัพท์ไว้ด้วย ป้องกันไม่ให้เราโทรขอความช่วยเหลือ"

หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยก้มลงไปดูหน้าจอโทรศัพท์ของลูกน้อง และเห็นว่ามันไม่มีสัญญาณจริงๆ ผู้กองสุรศักดิ์จึงตัดสินใจทันที

"เอางี้หมู่ ลองเสี่ยงใช้ช่องสำรอง 3 ดูก่อน ตอนผมเข้าไปผมจะลองค้นดูวิทยุจากศพพวกมันว่าพวกมันดักฟังคลื่นสำรองของเราด้วยหรือเปล่าผมจะกด 2 คลิกกก่อนจะเรียกมาที่หมู่ถ้าผมรู้ว่าพวกมันดักฟังได้เราค่อยหาวิธีติดต่อกันอีกที ถ้าไม่ใช่เราติดต่อกันได้ตามเดิม"

"ครับ ผู้กอง รีบไปเถอะครับ"

หมู่โชคชัยกำชับมาอีกครั้ง ผู้กองสุรศักดิ์ตรวจปืนกลมือประจำตัวก่อนแล้วรีบผละจากลูกน้องแล้วเดินกิ่งวิ่งขณะข้ามถนน พอเข้าไปถึงประตูรั้วที่ตอนนี้เหลือแต่ซาก หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัย ก้มตัวลงเล็กน้อยและมองผ่าเปลวไฟที่ลุกขึ้นเป็นหย่อมๆ เพื่อจะหาลู่ทางเลี่ยงเข้าไปภายในอาคาร ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่นานนักเขากับหมู่โชคชัยนั้นขับรถออกไปลาดตระเวนรอบๆ อาคารแห่งนี้ ที่มาสร้างอยู่ในหุบเขาที่ห่างไกลชุมชนด้วยเหตุผลเรื่องความปลอดภัย ขณะที่กำลังขับรถกลับเข้ามา ได้เห็นรถบรรทุก 6 ล้อ 2 คันที่มีผ้าใบคลุมมิดชิด วิ่งมาจอดที่หน้าประตูทางเข้า ซึ่งมีรายงานมาแล้วว่าวันนี้จะมีการส่งอุปกรณ์ทางเทคนิคมาที่นี่ เป็นเวลาเดียวกับที่รถที่ผู้กองสุรศักดิ์วิ่งมาจอดที่ฝั่งตรงข้าม

ผู้กองสุรศักดิ์มองไปที่รถบรรทุกด้วยความสงสัย ถึงรหัสที่แจ้งมาวิทยุจะถูกต้องทุกอย่าง แต่ที่สะดุดตาคือรถคันที่ 3 ที่เป็นรถเอสยูวีสีดำที่ขับตามมา แต่ข้อมูลที่ส่งมานั้นระบุไว้มีว่าเพียงรถบรรทุก 6 ล้อ 2คันพร้อมเลขทะเบียนของรถทั้ง 2คันเท่านั้น ทำให้ผู้กองสุรศักดิ์ได้วิทยุไปถาม เจ้าหน้าที่ ที่กำลังตรวจเอกสารอยู่ มีคำตอบมาว่ามีช่างเทคนิคมาตรวจอุปกรณ์ ยิ่งทำให้ผิดสังเกตเพิ่มขึ้นอีกเพราะทุกครั้งที่มีช่างเทคนิคมาด้วยจะมีการแจ้งล่วงหน้าตลอด แต่ก่อนที่ผู้กองสุรศักดิ์จะสั่งให้เจ้าหน้าที่สื่อสารวิทยุไปสอบถามที่ศูนย์บัญชาการ คนที่นั่งคู่กับคนขับในรถ 6 ล้อคันหน้าได้ใช้ปืนยิงไปที่เจ้าหน้าที่ ที่กำลังตรวจเอกสารอยู่ และวิ่งเข้าชนประตูรั้วทันที หลังจากนั้นเสียงปืนดังรัวขึ้นอย่างไม่หยุด ยิ่งฝ่ายที่บุกเข้ามาดูจะมีการเตรียมพร้อมมาอย่างดี มีพวกที่อยู่ในชุดดำสวมหมวกไหมพรมปิดหน้า พร้อมอาวุธครบมือต่างกระโดดลงมาจากทางด้านท้ายรถและกระจายกำลังออกพร้อมกับการยิงไปที่บรรดา หน่วยรักษาความปลอดภัย ที่กำลังระดมยิงมา

"เร็วหมู่ขับไปที่ป้อม"

ผู้กองสุรศักดิ์สั่งไปที่ลูกน้อง เพื่อจะได้เข้าไปช่วยยิงสนับสนุนพวกตนเองที่กำลังยิงปะทะอยู่ แต่รถวิ่งมาได้ไม่ถึง 5 เมตรได้เกิดระเบิดขึ้นจากรถ 6ล้อคันหนึ่ง แรงระเบิดนั้นรุนแรงพอสมควร พอเกิดระเบิดหมู่โชคชัยที่ทำตามสัญชาตญาณนั้นหักพวงมาลัยรถหลบทันที ด้วยแรงระเบิดรถฮัมวี่นั้นเสียหลักจนรถพลิกตะแคง ทำให้ผู้กองสุรศักดิ์กระเด็นออกมานอกตัวรถ และตัวผู้กองยังโชคดีที่พื้นบริเวณนั้นเป็นดินปนทรายเลยทำให้ไม่เป็นอะไรมากนักนอกจากแรงกระแทกทำให้สลบไปชั่วขณะ จนถึงตอนนี้ผู้กองสุรศักดิ์วิ่งเข้ามาในป้อมรักษาการณ์ เจ้าหน้าที่ในป้อม 2 คนนั้นถูกยิงตายทั้งคู่ แรงระเบิดนั้นทำให้กระจกรอบป้อมแตกละเอียดหมด รวมถึงบรรดาจอ LED ที่ติดผนังเพื่อแสดงภาพจากกล้องวงจรปิดที่มีนับสิบตัวที่ติดตั้งทั้งในและโดยรอบอาคารนั้นหน้าจอแตกทุกจอ แต่ผู้กองสุรศักดิ์เหลือบไปเห็นแท็ปเล็ตเครื่องหนึ่งที่อยู่บนโต๊ะทำงาน  พอหยิบขึ้นมาดูมันยังใช้งานได้ดี มันเป็นแท็ปเล็ตที่หน่วยรักษาความปลอดภัยใช้สำรองไว้เพื่อดูภาพจากกล้องวงจรปิด กรณีจอที่ติดบนผนังมีปัญหา หรือนำติดตัวไประหว่างเดินตรวจรอบอาคาร

"โชคยังดีอยู่"

ผู้กองสุรศักดิ์พึมพำออกมาแล้วรีบเปิดดูภาพจากกล้องวงจรปิดและพบว่ากล้องที่ใช้ดูพื้นที่บริเวณด้านหน้าที่ติดตั้งอยู่ภายนอกอาคารนั้นดูจะเสียหายจากแรงระเบิดไปทั้งหมด เหลือแต่กล้องภายในอาคารรวมไปถึงด้านข้างและด้านหลังที่ไปยังลานจอดเฮลิคอปเตอร์นั้นยังใช้ได้อยู่  แต่พอเห็นภาพภายในห้องควบคุม ที่เป็นห้องที่สำคัญสุด เพราะเป็นจุดรวมของข้อมูลทุกอย่างที่อยู่บนชั้น 3 ที่เป็นชั้นบนสุดของอาคารหลังนี้ หัวหน่วยหน่วยรักษาความปลอดภัยเห็นร่าง 4 ร่างนอนตายอยู่บนพื้น  4ศพนี้คงจะเป็นเจ้าหน้าที่ของศูนย์ข้อมูลแห่งนี้ และมีอีก4 คนที่เคลื่อนไหวไปมา 3 คนอยู่ในชุดดำพร้อมสวมหมวกแบบไอ้โม่งที่ปิดหน้า แต่อีกคนนั้นใส่เครื่องแบบของเจ้าหน้าที่ของศูนย์เป็นผู้ชายวัยกลางคนและที่สำคัญมีตำแหน่งเป็นถึงรองหัวหน้าของสถานที่แห่งนี้

"ไอ้ชลิต"

ดูเหมือนกุญแจไขความลับ ที่ทำไมจู่ๆทำไมสถานที่เก็บข้อมูลสำคัญระดับประเทศถึงได้ถูกบุกโจมตี อย่างง่ายดาย เพราะมีหนอนบ่อนไส้ แถมหนอนตัวนั้นเป็นถึงระดับรองหัวหน้าของศูนย์แห่งนี้ ทำให้ผู้กองสุรศักดิ์นั้นหายสงสัยทันที  ศูนย์แห่งนี้เป็นแหล่งเก็บข้อมูลสำคัญๆของประเทศ บรรดาข้อมูลสำคัญและข้อมูลลับของหน่วยราชการนั้นจะถูกส่งมาสำรองที่ศูนย์แห่งนี้ตลอดเวลา เพื่อป้องกันกรณีข้อมูลหลักของหน่วยงานนั้นๆเสียหาย จะได้นำข้อมูลที่สำรองไว้มาใช้ต่อ และที่ศูนย์แห่งนี้สามารถเรียกข้อมูลต่างๆขึ้นมาดูได้ตลอด  ที่ผ่านมาตั้งแต่ผู้กองสุรศักดิ์เข้ามารับผิดชอบดูแลความปลอดภัยที่ศูนย์แห่งนี้ ได้ทำการร้องขอ เรื่องการขอเพิ่มกำลังพลรักษาความปลอดภัยเพราะที่มีอยู่เพียง 25 คนนั้นไม่พอที่จะดูแลศูนย์แห่งนี้ แต่ถูกชลิตที่เป็นรองหัวหน้าศูนย์ข้อมูลแห่งนี้ปฏิเสธมาตลอด และเป้าหมายของพวกมันคือข้อมูลที่เก็บไว้ในศูนย์แห่งนี้อย่างแน่นอน และมันเป็นหน้าที่ของตนเองที่จะต้องขัดขวางไม่ให้พวกมันได้ข้อมูลไป


ผู้กองสุรศักดิ์มองออกไปข้างนอก รถบรรทุกทั้ง 2 คันนั้นกำลังถูกไฟลุกไหม้ ตัวหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยนั้นคาดการณ์ว่าแรงระเบิดที่เกิดขึ้น คงมีลูกน้องเอาเครื่องยิงจรวดแบบประทับบ่าที่พึ่งได้รับมาเมื่อ 2 วันที่แล้วยิงใส่รถบรรทุก แต่ในรถคันที่ถูกยิงมันคงมีพวกวัตถุระเบิดมาด้วย ทำให้เกิดการระเบิดอย่างรุนแรง ผู้กองสุรศักดิ์เดินออกมานอกป้อม และมองไปรอบๆอีกครั้ง นอกจากกองไฟที่กระจายไปทั่วแล้ว ยังมีบรรดาซากศพที่นอนตายกันเกลื่อนทั้งฝ่ายบุกรุกและบรรดาลูกน้องของตน

ผู้กองสุรศักดิ์พยายามข่มความเศร้าในใจของการตายของบรรดาลูกน้อง ส่วนใหญ่คงตายเพราะแรงระเบิด หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยมองไปยังทางเข้าตัวอาคาร  รถเอสยูวีสีดำนั้นอยู่ในลักษณะตะแคงข้าง  ใกล้กับบันไดที่ขึ้นไปยังทางเข้าตัวอาคาร  ที่ตอนนี้ประตูที่เข้าออกนั้นกระจกแตกละเอียด  ผู้กองสุรศักดิ์ก้มไปดูที่หน้าจอแท็ปเล็ตอีกครั้งก่อนจะวิ่งไปที่ประตูทางเข้าอาคาร แต่ขณะที่วิ่งผ่านศพของพวกที่บุกรุก ผู้กองสุรศักดิ์ก้มลงไปค้นที่ตัว และพบกับวิทยุสื่อสาร จึงได้ทำตามที่ตนเองได้บอกกับหมู่โชคชัยไว้แล้ว ผู้กองหยิบวิทยุของตนเองขึ้นมาแล้วกดไปที่คีย์ 2คลิก แล้วเรียกไปที่หมู่โชคชัย

"มัค 20 จาก มัค 1 มันเกิดอะไรขึ้นที่อาคาร"

ไม่นานนักมีเสียงตอบกลับมา

"จากมัค 20ไม่ทราบเหมือนกันครับจากจุดที่ผมอยู่เห็นแต่ควันผมกำลังเข้าไปดูครับ"

ผู้กองสุรศักดิ์ยิ้มออกมาอย่างพอใจที่อีกฝ่ายนั้นมีไหวพริบอย่างดี จึงตอบกลับมาแบบนี้  คงมาจากการกดคีย์ตามที่ตกลงกันไว้ก่อน หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัย ดูภาพจากแท็ปเล็ตและ คอยฟังเสียงจากวิทยุของฝ่ายศัตรูว่าจะรับรู้ถึงเรื่องที่ตนพึ่งพูดหรือไม่ แต่คนในห้องควบคุมดูจะสนใจแต่คอมพิวเตอร์ตัวหลัก ผู้กองสุรศักดิ์ลองทดสอบคุยกับหมู่โชคชัยอีก2-3 ครั้งและดูอีกฝ่ายนั้นไม่มีปฏิกิริยาใดๆทั้งสิ้น จึงกดคีย์พูดกับหมู่โชคชัยอีกครั้ง

"หมู่พวกมันไม่ได้ดักฟังคลื่นนี้ ผมยึดวิทยุมันได้มาเครื่องหนึ่ง มันไม่มีวิทยุสั่งงานมา ตอนนี้ผมกำลังเข้าไปในอาคาร"

"โชคดีครับผู้กอง ถ้าด้านนอกมีอะไรคืบหน้าผมจะรายงานทันที"

ผู้กองสุรศักดิ์จบการติดต่อแล้วก้มลงดูศพอีกครั้งและเห็นปืนพกติดท่อเก็บเสียงอยู่ในซองจึงหยิบปืนขึ้นมาเหน็บไว้ตรงหลัง แล้วรีบขึ้นไปในตัวอาคารทันที ตรงบันไดทางขึ้นมีหน่วยรักษาความปลอดภัยนอนตายอยู่ 2คนส่วนประตูกระจกนั้นแตกละเอียดทำให้ตัวหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยเดินเข้าไปในอาคารอย่างง่ายดาย ภายในอาคารตอนนี้มีแสงจากไฟฉุกเฉิน แต่สัญญาเตือนไฟนั้นไม่ดังคงจะถูกปิดไปเป็นที่เรียบร้อย ผู้กองสุรศักดิ์ก้มดูแท็ปเล็ต ภายในห้องควบคุมยังเหมือนเดิม มีคนอยู่ 4 คน 2คนกำลังง่วนอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่ดูเหมือนชลิตจะคอยยืนกำกับอยู่ ส่วนอีกคนนั้นเหมือนจะคอยดูแลความปลอดภัยให้ ส่วนตามทางและบริเวณอื่นๆที่กล้องยังคงทำงานอยู่นั้นว่างเปล่าไม่เห็นมีคนปรากฏอยู่ในกล้องยกเว้นภาพจากกล้องวงจรปิดตัวที่อยู่หน้าทางเข้าห้องควบคุมนั้น มีร่างเจ้าหน้าที่นอนคว่ำอยู่พร้อมกับรอยเลือดที่ปรากฏอยู่บนพื้น ซึ่งคงถูกพวกมันฆ่าไปแล้ว ส่วนพวกที่บุกรุกคนอื่นอาจจะเป็นไปได้ว่ากำลังส่วนใหญ่ของพวกมันตายจากการระเบิด ส่วน 3 คนที่เหลือนั้นคงมากับรถเอสยูวี สีดำ

หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยนั้นทบทวนขั้นตอนต่างๆเวลาเกิดเหตุร้ายที่ตัวเองจำได้ดีจนขึ้นใจ  แต่ตอนนี้ทุกอย่างในการติดต่อขอความช่วยเหลือนั้นคงทำไม่ได้ เพราะดูแล้วรองหัวหน้าศูนย์คงจัดการให้ระบบต่างๆทำงานไม่ได้ เพราะดูจากการบล็อกคลื่นโทรศัพท์ และพอลองยกหูโทรศัพท์ที่อยู่บนผนังนั้น โทรศัพท์ไม่มีสัญญาณ  และวันนี้เป็นวันหยุด ทำให้มีเจ้าหน้าของศูนย์มาเข้าเวรเพียง 4 คนจากปกติจะมีเพียง 2 คนในวันหยุดแต่วันนนี้มีเพิ่มเข้ามาอีก 2คน เพราะมีการตรวจสอบและซ่อมบำรุงอุปกรณ์ ศูนย์ข้อมูลแห่งนี้จะมีเจ้าหน้าที่ทั้งหมด 40 คน ส่วนหน่วยรักษาความปลอดภัยนั้นมีเข้าเวรอยู่ 15 คน ส่วนใหญ่คงจะตายอยู่ด้านนอก อีก 2 คนที่นอนตายอยู่หน้าอาคาร รวมอีกคนที่ตายหน้าห้องควบคุม และอีกคนในห้องวิทยุคงถูกฆ่าไปด้วย ผู้กองสุรศักดิ์ใช้เวลาไม่นานนักขึ้นมาถึงชั้น 3 ด้วยความชำนาญในพื้นที่รวมถึงการรู้จุดที่ตั้งกล้องวงจรปิดทำให้หลบเลี่ยงได้อย่างง่ายดาย จากตอนแรกที่ตั้งใจไว้จะไปที่ห้องเก็บอาวุธ แต่ดูจากภาพของกล้องวงจรปิดแล้วมันไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะถ้าตนเข้าไปพวกที่อยู่ในห้องควบคุมต้องเห็นตนเองอย่างแน่นอน

ตอนนี้ผู้กองสุรศักดิ์เคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วจนมาถึงมุมที่จะออกมาทางเดินใกล้ห้องควบคุม และก้มลงไปตรวจปืนอีกครั้งพร้อมดูแท็ปเล็ตอีกเพื่อจดจำตำแหน่งของคนที่อยู่ในห้อง ถ้าเข้าไปที่ห้องเก็บอาวุธมันคงจะง่ายกว่านี้ถ้าได้แก็สน้ำตากับระเบิดควันมา แต่ตอนนี้ต้องจัดการกับกล้องวงจรปิดที่อยู่ตรงทางเดินและหน้าห้องควบคุมก่อน  ปืนพกติดที่เก็บเสียงที่ยึดมาถูกดึงมาจากที่เหน็บไว้ข้างหลัง  เป้าหมายคือกล้องวงจรปิดตรงทางเดินมันอยู่เยื้องห่างไปประมาณ 2เมตร แต่เป้าหมายถัดไปคือกล้องที่อยู่หน้าห้องมันห่างออกไปประมาณ 5 เมตรจากมุมที่ยืนอยู่ ผู้กองยกปืนขึ้นแล้วเล็งพร้อมเหนี่ยวไกทันที

ส่วนภายในห้องควบคุมนั้นดูจะยุ่งเหยิงอย่างมาก แผนที่เตรียมไว้ไม่เป็นไปอย่างที่คิด ชลิตนั้นเป็นคนวางแผนเองเกือบทั้งหมด เพราะรู้ระบบภายในแทบทุกอย่างด้วยเงินจำนวนอันมาศาล มันไม่ยากที่จะให้รองหัวหน้าศูนย์ข้อมูลแห่งนี้ยอมที่จะขายตัว และตัวขลิตเองก็มีภรรยาเป็นคนของประเทศที่กำลังขโมยข้อมูลอีกด้วย ชลิตนั้นรู้ดีว่าข้อมูลในศูนย์แห่งนี้นั้นไม่สามารถที่จะส่งต่อไปยังที่อื่นได้ยกเว้นแต่ได้รับการอนุมัติจากหัวหน้าศูนย์ที่รู้รหัสผ่านเพียงคนเดียวเท่านั้นรวมทั้งปลายทางที่รับข้อมูลก็ต้องมีรหัสผ่านเช่นเดียวกัน ดังนั้นการที่จะโอนข้อมูลไปนั้นไม่สามารถที่จะทำได้เลย วิธีเดียวที่จะทำได้คือการดึงข้อมูลจากที่เก็บโดยตรง ซึ่งชลิตนั้นไม่สามารถที่จะลักลอบทำได้เพราะการเฝ้าระวังที่เข้มงวด ดังนั้นการที่จะเอาข้อมูลไปได้คือการใช้กำลังเข้ามาโจมตี

ทุกอย่างเตรียมการวางแผนมาอย่างดี  ชลิตใช้เวลาเตรียมการอยู่นานพอสมควร รวมถึงการจัดหาอาวุธและอุปกรณ์ต่างๆไว้ให้กองกำลังที่จะมายึดอาคารแห่งนี้ ชลิตเฝ้ารอเวลาจนถึงวันนี้ที่เป็นวันหยุดและที่สำคัญคือจะมีการตรวจเช็คอุปกรณ์ทั้งระบบ ซึ่งจะมีช่วงเวลาที่ต้องปิดอุปกรณ์เพื่อตรวจเช็คโดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ชลิตตั้งใจจะใช้ช่วงเวลานี้ในการจู่โจมเพื่อขโมยข้อมูล  ส่วนกองกำลังพวกนี้เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อนหน้านี้ประมาณ 1อาทิตย์ แผนการเริ่มตั้งแต่การจัดการสวมรอยแทนเจ้าหน้าที่ระหว่างที่รถขนอุปกรณ์มาที่ศูนย์แห่งนี้ ทุกคนในขบวนรถถูกฆ่าทั้งหมด 

จากแผนเดิมที่วางไว้หลังจากที่ขโมยข้อมูลได้ทั้งหมดแล้ว ศูนย์ข้อมูลแห่งนี้จะถูกระเบิดทิ้งและชลิตจะได้ถือโอกาสสวมรอยให้ทุกคนเข้าใจว่าตนเองนั้นตายจากการระเบิดด้วย จึงนำระเบิดจำนวนมากใส่ในรถบรรทุก แต่สิ่งที่ชลิตนั้นไม่รู้ว่าหน่วยรักษาความปลอดภัยนั้นมีเครื่องยิงจรวดไว้ใช้งานด้วย เพราะที่ผ่านมาอาวุธที่หนักที่สุดของหน่วยรักษาความปลอดภัยคือ ปืนกลหนักแบบ M-60 3 กระบอกเท่านั้น  ซึ่งเครื่องยิงจรวดที่พึ่งได้รับมอบเรื่องนี้รู้กันเฉพาะในหน่วยรักษาความปลอดภัยและหัวหน้าศูนย์แห่งนี้เท่านั้นว่าได้รับอาวุธเพิ่มตามคำขอของสุรศักดิ์

พอรถคันที่บรรทุกระเบิดมาด้วยถูกยิงด้วยจรวดทำให้เกิดการระเบิด ซึ่งมันไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ชลิตที่ก่อนหน้านั้นได้ใช้ปืนที่แอบพกมาฆ่าเจ้าหน้าที่ในห้องสื่อสาร ในช่วงที่เริ่มมีการยิงกัน และได้ทำทีวิ่งมาที่ห้องควบคุมก่อนจะฆ่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่อยู่หน้าห้อง ตามด้วยเจ้าหน้าที่ของศูนย์ข้อมูลอีก 4คน ที่นั่งทำงานอยู่ในห้อง ทักคนต่างถูกฆ่าอย่างง่ายดายเพราะนึกว่าชลิตจะมาสั่งการป้องกันกับเหตุที่เกิดขึ้น แต่โชคยังดีที่คนในรถเอส ยู วี ทั้ง 3 คนไม่เป็นอะไร 2 คนนั้นมีความชำนาญในระบบคอมพิวเตอร์ อีกคนที่ยืนดูแลความปลอดภัยให้นั้นเป็นรองหัวหน้าของชุดปฏิบัติการนี้แต่คนที่ควบคุมปฏิบัติการครั้งนี้เป็นผู้หญิงชื่อจันทา ที่กำลังทำหน้าที่ดึงข้อมูลกับผู้ช่วยที่เป็นผู้ชายอีกคน

"อีกนานไหมครับผู้การจันทา"

"ไม่เกิน 10 นาที มันยากกว่าที่ฉันคิด เพราะตัวที่แบ็กอัพข้อมูลเราเอาไปใช้งานไม่ได้มันมีรหัสซ้อนกันหลายชั้น เราต้องดึงข้อมูลมาโดยตรง"

คนที่ถูกถามนั้นตอบพร้อมดึงไอ้โม่งที่ปกปิดหน้าออก

"งั้นผมจะได้เรียกเฮลิคอปเตอร์มารับพวกเรา แต่น่าเสียดายเรื่องระเบิด คุณชลิตไม่น่าพลาดเรื่องนี้เลย"

รองหัวหน้าได้ถามกับผู้บังคับบัญชาในปฏิบัติการนี้ แต่ประโยคหลังยังไม่วายที่บ่นเรื่องความผิดพลาดของชลิต

"ผมก็บอกไปก่อนแล้วไงว่าเรื่องอาวุธของหน่วยรักษาความปลอดภัยนะผมไม่สามารถที่จะเข้าไปดูในรายละเอียดได้ว่าพวกมันมีอาวุธหนักอะไรบ้างที่เก็บไว้"

"เอาละๆ อย่างพึ่งเถียงกัน ยังไงมันก็ต้องมีจุดที่ผิดพลาดกันได้ เรียกเฮลิคอปเตอร์มาได้เลย ส่วนคุณชลิต คุณลบข้อมูลของกล้องวงจรปิดให้หมดได้เลย อย่าให้กู้คืนขึ้นมาได้ละ"

จันทาที่เป็นหัวหน้าได้กล่าวตัดบทและสั่งการทันทีด้วยภาษาไทยที่เจ้าตัวพูดออกมาอย่างชัดเจน แผนการนั้นผิดพลาดไปเล็กน้อยเพราะกำลังทหาร 20 คนที่มาด้วยนั้นตายเพราะแรงระเบิดทั้งหมด โชดดีที่ตอนเกิดระเบิดทั้ง 3 คนนี้ได้เข้ามาในตัวอาคารแล้วไม่อย่างนั้นคงมีคนบาดเจ็บอย่างแน่นอนยังดีที่ภายในอาคารนั้นชลิตเคลียร์พื้นที่ให้แล้ว ยังดีที่มีแผนสำรองไว้คือมีเฮลิคอปเตอร์ที่เช่ามาจากเอกชนเพื่อเตรียมสำหรับการหลบหนีถ้าเกิคเหตุที่ไม่คาดคิดขึ้น

"เรื่องภาพในกล้องไม่มีปัญหาผมทำแป็บเดียวก็ลบได้หมด"

ชลิตตอบอย่างมั่นใจ เพราะรู้ว่าเวลานั้นยังมีเหลือเฟือ ตนเองนั้นตัดการติดต่อสื่อสารป้องกันการขอความช่วยเหลือไว้หมดแล้วทั้งทางโทรศัพท์และทางวิทยุที่ตนเองได้ทำลายวิทยุเครื่องใหญ่ไปเรียบร้อย  กว่าที่ทางการจะรู้เรื่องพวกตนเองก็คงหนีไปถึงชายแดนเป็นที่เรียบร้อย จันทากับผู้ช่วยกำลังเร่งมือในการดึงข้อมูล จังหวะนั้นประตูค่อยๆถูกเปิดขึ้นทันทีถึงจะถูกล็อค คนที่โผล่เข้ามามีปืนกลมือที่ประทับบ่า พร้อมกับเสียงที่ประกาศออกมาอย่างชัดเจน

"ทุกคนยกมือขึ้น ใครขยับกูยิง"

ทำให้ทุกคนในห้องหันไปมองที่ประตูทันทีพอเห็นคนที่เข้ามาชลิตนั้นไม่สงสัยว่าทำไมประตูถูกเปิดออกอย่างง่าย เพราะคนที่เข้ามาเป็นถึงหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัย บัตรประจำตัวนั้นสามารถใช้เปิดประตูในอาคารนี้ได้ทุกห้อง ซึ่งสุรศักดิ์ได้จัดการกล้องทั้งสองตัวด้วยปืนเก็บเสียงทำให้คนในห้องนั้นไม่ได้ยินเสียงปืน จึงไม่ทันได้ระวังตัว

"ผู้กองฟังผมก่อน เรามาคุยกันดีๆก็ได้นะ"

ชลิตรีบพูดออกมาทันที แต่อีกฝ่ายนั้นไม่สนใจที่จะตอบ

"ผู้กองใจเย็นๆก่อน...."

ชลิตพูดขึ้นมาอีกครั้งแต่ไม่ทันจบประโยค ปืนในมือหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยดังขึ้น 1 นัดเป้าหมายคือหน้าผากของชลิต ร่างของชลิตล้มคว่ำลงทันที ทำให้คนที่ยืนคุ้มกันอยู่ยิงปืนใส่ผู้กองสุรศักดิ์ พร้อมตะโกนด้วยภาษาของตนเอง

"ผู้การหนีไปจุดนัดพบ"

โชคยังดีที่อีกฝ่ายยิงด้วยความรีบร้อนและผู้กองสุรศักดิ์นั้นไวพอที่จะพุ่งหลบไปอีกด้าน กระสุนนั้นพุ่งไปกระทบกับผนังห้อง จันทาฉวยจังหวะนั้นดึงสายยูเอสบีออกแล้วคว้ากระเป๋าเป้ที่ใส่ฮาร์ดดิสที่บรรจุข้อมูลที่ถูกบันทึกขึ้นมาถือ ก่อนจะพุ่งตัวไปทางประตูทันที ตามด้วยลูกน้องอีกคนที่วิ่งตามหัวหน้าออกไป แต่คนที่ 2ยังไม่ทันพ้นประตูถูกผู้กองสุรศักดิ์ที่นอนอยู่นั้นยิงใส่เข้าไป 1ชุด กระสุนฝังเข้าไปที่โคนขาทำเอาคนที่ถูกยิงร้องลั่นและล้มลงทันที แต่ผู้กองสุรศักดิ์ต้องกลิ้งตัวหลบทันทีเพราะกระสุนเฉี่ยวร่างตนเองไป2-3นัด ส่วนคนยิงนั้นหลังจากยิงได้รีบวิ่งออกจากประตูฉวยจังหวะที่อีกฝ่ายหลบกระสุนของตน

ผู้กองสุรศักดิ์รีบลุกขึ้น แต่ยิงไม่ทันเพราะอีกฝ่ายนั้นวิ่งพ้นประตูออกไปแล้ว หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดวิ่งตามออกไปทันที แต่พอผ่านร่างที่นอนร้องครวญครางอยู่ ผู้กองสุรศักดิ์ลั่นไกใส่ที่หัวไป 1 นัด แล้วทำท่าจะวิ่งตามออกไป แต่ด้วยประสบการณ์ของอดีตครูฝึกหน่วยรบพิเศษทำให้ยั้งตัวไว้ก่อนที่จะผ่านประตู ผู้กองดึงร่างของคนที่ตัวเองฆ่าไปสดๆร้อนๆให้ยืนขึ้นแล้วถีบร่างออกไป ซึ่งมันเป็นไปอย่างที่คิด ห่ากระสุนรัวมายังร่างที่ถูกถีบออกไป  หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยยื่นแค่ปืนออกไปแล้วยิงไปโดยไม่สนใจว่าจะถูกอีกฝ่ายหรือไม่  แล้วค่อยๆยื่นหน้าออกมาพอเห็นไม่มีการยิงโต้กลับมา

ทางเดินนั้นว่างเปล่า ผู้กองสุรศักดิ์รีบวิ่งตามออกไปเพราะพอจะเดาออกว่าอีกฝ่ายนั้นวิ่งลงบันไดไปทางไหน  ผู้กองสุรศักดิ์นั้นพอจะฟังภาษาของอีกฝ่ายออก ทำให้พอจะเดาออกว่าจุดนัดพบนั้นคงเป็นลานจอดเฮลิคอปเตอร์ที่อยู่ด้านหลังของอาคารด้วยความที่ชำนาญในพื้นที่ทำให้หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยที่ตอนนี้ไม่ต้องพะวงเรื่องกล้องวงจรปิดแล้วได้วิ่งตรงไปประตูหนีไฟที่อยู่ด้านข้างอาคารที่อยู่ไม่ห่างออกไปนัก ซึ่งตรงทางเข้าออกและขึ้นลงของบันไดหนีไฟนั้นมีกล้องวงจรปิดอยู่ 3ตัว ผู้กองวิ่งลงบันไดอย่างรวดเร็วและไปดักรอตรงบันไดภายในอาคาร และเป็นไปอย่างที่คิด อีกฝ่ายนั้นยังลงมาไม่ถึง ผู้กองสุรศักดิ์ได้ยินเสียงวิ่งลงบันได ปืนในมือยกขึ้นเล็งไปด้านบน พอเป้าหมายโผล่มาให้เห็นตรงขั้นพักที่จะเลี้ยวลงมา นิ้วชี้นั้นกดลงไปที่ไกปืนทันที ร่างที่วิ่งนำลงมานั้นฟุบลงไปทันทีแล้วกลิ้งลงมาด้านล่าง ด้วยอีกคนที่ตามนั้นนั้นรีบหันกลับวิ่งหนีขึ้นไปด้านบนทันที

ผู้กองสุรศักดิ์เตะเข้าไปที่ร่างที่กลิ้งลงมาซึ่งร่างนั้นไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ มันตายสนิทกับกระสุนที่พุ่งเข้าไปที่หน้า ผู้กองวิ่งตามขึ้นไปชั้นบนทันที คนที่หนีคงเป็นผู้หญิงที่มีกระเป๋าที่เก็บข้อมูลที่ขโมยมา   พอขึ้นมาที่ชั้น 2 ผู้กองสุรศักดิ์รู้สึกเจ็บใจที่ตนเองไม่หยิบแท็ปเล็ตที่วางไว้ก่อนเข้าไปในห้องเก็บข้อมูล ทำให้ไม่เห็นว่าอีกฝ่ายทางไปไหน จึงตัดสินใจไปทางซ้ายมือซึ่งทางนั้นจะมีห้องให้หลบอยู่หลายห้อง

สุรศักดิ์นั้นเข้าใจไม่ผิด ตอนนี้จันทาหลบอยู่ตรงมุมผนังตึกทางที่ไปยังห้องพักของทหารที่เข้าเวรในตึกช่วงกลางคืน เธอนั้นเจ็บใจตัวเองไม่ได้หยิบปืนกลติดมือมาด้วยความรีบ แถมปืนพกก็พึ่งหลุดมือไปตอนวิ่งหนีกระสุนที่ยิงมาจากด้านล่างตอนนี้เธอเหลือแต่มืดพกเท่านั้น มือเธอบีบด้ามมีดแน่น ทุกอย่างไม่เป็นตามแผนที่วางไว้ มันพินาศไปหมด ตอนนี้เธอต้องหาวิธีให้รอดตายจากที่นี่ไปก่อน เธอพยายามเงี่ยหูฟังฝีเท้าของอีกฝ่าย จะเลื่อนตัวไปมองตรงมุมผนังเธอก็กลัวอีกฝ่ายจะเห็น  แต่ด้วยความกังวลและตื่นกลัวพันเอกหญิงจันทาลืมไปอย่าง แสงไฟฉุกเฉินที่บนผนังที่อยู่ด้านหลังของเธอ ทำให้เงาของเธอทอดยาวออกไปที่พื้นทางเดิน

ทำให้ผู้กองสุรศักด์เห็นเงาของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน  หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยค่อยๆเลื่อนตัวที่แนบกับผนังไปข้างหน้าจนถึงมุมที่จะเลี้ยว  แต่ยังไม่ทันที่ทำอะไรอีกฝ่ายนั้นพุ่งตัวออกมาทันที  มีดนั้นเฉี่ยวหน้าผู้กองไปนิดเดียว จันทานั้นปลดเป้ที่สะพายออกและรอจังหวะ เธอได้ยินเสียงที่ขยับตัวมาตามผนัง เธอจึงรอให้เสียงนั้นเข้ามาใกล้ๆก่อนจะตัดสินใจพุ่งออกหา แต่ดีที่ผู้กองเห็นเงานั้นเคลื่อนไหว ทำให้หลบคมมีดได้ทันแต่ปืนที่ถืออยู่นั้นหลุดมือหล่นไปที่พื้น ทั้งคู่ต่างปล้ำกอดรัดมือของผู้กองสุรศักดิ์จับมือที่ถือมีดของอีกฝ่ายแน่น พร้อมบิด แต่จันทาเองก็ไม่ใช่หมูที่จะให้อีกฝ่ายหนึ่งกินอย่างๆง่าย เพราะเธอเองก็เป็นถึงหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยให้กับลูกสาวของผู้นำประเทศเธอ

จันทาใช้หัวโขกไปที่อีกฝ่าย ทำให้สุรศักดินั้นผงะออกไปจากตัวเธอ จันทาพุ่งมีดเข้าไปอีกครั้งเป้าหมายคือลำคอ แต่อีกฝ่ายเตะตัดขาเธอทำให้เสียหลักเกือบจะล้ม แต่เธอยังไม่ทันตั้งตัวอีกฝ่ายนั้นประชิดตัวเธออีกครั้ง จับมือข้างที่ถือมีดนั้นชูให้สูงและบิดที่ข้อมือเธออีกครั้ง ครั้งเธอทนไม่ไหวต้องปล่อยมีดให้หลุดมือ แต่เธอฉวยจังหวะใช้เท้ายันผนังเพื่อถีบให้ตัวลอยขึ้นไปนั่งบนบ่าของศัตรู เธอตั้งใจจะใช้ศอกใส่ลงบนหัวของอีกฝ่าย  แต่มันเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดครั้งใหญ่ของเธอ เป้าของเธอมันอยู่ตรงหน้าของสุรศักดิ์ แต่พออีกฝ่ายดันตัวเธอไป ทำให้เธอผวากลัวจะตกรีบเอามือทั้งสองจับที่หัวของอีกฝ่ายก่อนที่เธอจะประเคนศอกลงไปยังหัวของอีกฝ่าย

ตัวผู้กองสุรศักดิ์หลังจากที่กอดปล้ำกับอีกฝ่ายที่เป็นผู้หญิงทำให้ปลุกอารมณ์หื่นกามของผู้กองคนนี้ขึ้นมา เพราะที่ผ่านๆมาตัวผู้กองสุรศักดิ์เองก็มีประวัติในเรื่องเป็นเสือผู้หญิงมาพอสมควรแถมเคยเกือบถูกดำเนินคดีข่มขืนมาแล้ว2-3ครั้ง สมัยที่ประจำการแถวๆชายแดน แต่มีผู้ใหญ่คอยช่วยเหลือเพราะเห็นว่าเป็นคนที่มีฝีมือและไม่อยากให้ภาพลักษณ์ของกองทัพเสียหาย เป็นสาเหตุให้ตัวสุรศักดิ์ถูกย้ายมาประจำการที่นี่ ด้วยเหตุนี้ถึงจะเป็นการต่อสู้กันถึงชีวิตแต่การที่ได้สัมผัสตัวอีกฝ่ายทำให้อารมณ์แบบกามวิปริตของสุรศักดิ์นั้นตื่นขึ้นมาจากการหลับไหล พอได้จังหวะที่เป้าของอีกฝ่ายนั้นมาทาบตรงหน้า หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัย ดันตัวอีกฝ่ายให้ไปแนบกับผนัง และจับมือทั้งสองข้างของอีกฝ่ายที่กำลังจับหัวตัวเองเพราะคงกลัวตก หน้าของผู้กองสุรศักดิ์สีไปมาที่เป้าของอีกฝ่ายจนจันทาร้องออกมาด้วยความตกใจ

"แกจะทำอะไรนะ"

"อยู่นิ่งๆอีเวร เป้าใหญ่เหมือนกันนี่หว่า"

จันทาพยามยามดิ้นหลบด้วยความตระหนกเพราะคาดไม่ถึง แต่สุรศักดิ์ไม่สนใจจับมือเธอดันให้ไปแนบกับผนังพร้อมเอาหน้าสีไปมาไม่หยุด จนพอใจแล้วเหวี่ยงตัวเธอให้ลงมาอยู่บนพื้น แล้วสุรศักดิ์รีบก้มไปหยิบปืนกลที่หล่นอยู่ใกล้ตัวขึ้นมาจ้องไปที่จันทา

"ลุกขึ้นมานั่งคุกเข่าเดี๋ยวนี้มึงไม่เจ็บมากอย่าสำออย กูรู้ว่ามึงฟังภาษากูออก"

จันทาที่ฟังภาษาไทยออกอย่างดี รีบลุกขึ้นเพราะสุรศักดิ์ลั่นกระสุนออกมา 1 นัด กระสุนกระทบลงพื้นไม่ห่างจากตัวเธอมากนัก

"แล้วเอามือมาประสานที่ท้ายทอยเร็วๆ"

จันทาทำตามเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายนั้นก็ไม่ธรรมดา แถมยืนห่างจากเธอเกินระยะที่มือหรือเท้าเธอจะไปถึง สุรศักดิ์เดินเข้าไปประชิดจับมือทั้งสองของเธอลงมาที่หลังระดับเอว แล้วหยิบสายเคเบิ้ลไทร์ที่มีติดตัวตลอดเวลาออกลาดตระเวน มารัดที่ข้อมือของจันทาอย่างแน่นหนา แถมเอาผ้าพันคอมาปิดตาเธอ ก่อนจะเริ่มค้นตัวเธอพร้อมลูบคลำไปตามร่างกายจนถึงบริเวณอกสุรศักดิ์ทั้งลูบทั้งขยำอย่างมันมือ

"อย่าทำอะไรฉันเลย"

เสียงของเธอเริ่มสั่นด้วยความกลัว เธอกำลังคิดหาวิธีจะเอาตัวรอด แต่สุรศักดิ์ไม่สนใจมือเลื่อนลงไปด้านล่างขยำไปที่เป้ากางเกงอีกฝ่ายรีบบีบขาให้แน่น

"หุบปากกูบอกให้อยู่นิ่งๆไม่งั้นกูเอาลูกปืนยัดสมองมึง"

สุรศักดิ์พร้อมขยับตัวมาด้านหลัง แล้วเอามือไปจับที่สะโพกเธอแล้วขยำไปแรงหลายครั้งๆก่อนจะบอก

"ลุกขึ้น"

สุรศักดิ์รอให้เชลยลุกขึ้นแล้วจับแขนเป้าหมายคือจะพาไปห้องพักของทหาร สุรศักดิ์ลากจันทาเข้าไปในห้องพักทหาร พอเข้าไปในห้องสติเธอดับวูบลงเพราะสุรศักดิ์ใช้สันมือฟันไปที่ท้ายทอยเธอ จันทารู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้ง เธอพยายามขยับตัวแต่เคลื่อนไหวไม่ได้ มือทั้งสองข้างนั้นถูกผ้ามัดให้มารวมกันชูขึ้นไปยังหัวเตียงชายผ้านั้นถูกมัดกับกับเหล็กที่หัวเตียงส่วนขาทั้งสองข้างนั้นถูกผ้ามัดแยกจากกันไป โดยอีกด้านมันติดกับเหล็กที่ปลายเตียง และที่สำคัญตอนนี้ร่างของเธอนั้นเปลือยไม่อะไรปกปิด ที่ข้างๆเตียง ผู้ชายคนที่สู้กับเธอนั้นก็เปลือยกายอยู่เช่นกัน เธอมองไปเห็นสายตาที่มองมาที่ร่างเปลือยของเธอนั้นดูหื่นกระหายอย่างมาก

"แก แก จะทำอะไรฉัน"

"เย็ดมึงไง มาถึงขนาดนี้กูไม่ปล่อย ถึงนมมึงจะเล็กไปหน่อยแต่หีก็ใหญ่ใช้ได้"

"อย่าๆๆ ทำฉันได้โปรดขอร้องละ เราคุยกันดีๆก็ได้"

เธอบอกด้วยน้ำเสียงที่วิงวอนและดิ้นไปมา

"ช้าไปแล้วอีเวรกูไม่คุย ลูกน้องกูถูกพวกมึงฆ่าตายเกือบหมด มึงไม่รอดแน่"

"อย่านะ แกกำลังละเมิดสัญญาเจนีวา ฉันเป็นเชลย"

"ฮ่าๆๆ อย่านึกว่ากูโง่ พวกมึงเป็นโจรไม่ใช่ทหาร ประเทศกูกับประเทศมึงไม่ได้ประกาศสงครามกัน กูจะทำอะไรมึงก็ได้ตามสบาย"

จันทาเริ่มดิ้นแรงขึ้นด้วยความหวาดกลัว สุรศักดิ์ตบไปที่หน้าเธอย่างแรง จนมีเลือดไหลออกจากมุมปาก แรงตบทำให้เธอนิ่ง พร้อมน้ำตาที่เริ่มไหลออกมาเพราะรู้ดีว่าชะตากรรมของเธอต้องเผชิญกับอะไร สุรศักดิ์ก้มหน้าลงไปที่ทรวงอกที่ขนาดไม่ใหญ่ หัวนมสีคล้ำถูกดูดดื่มทันทีส่วนอีกข้างถูกมือที่หยาบกระด้างขยำอย่างแผ่วเบาพร้อมเอานิ้วมาบี้ที่หัวนม

"กรุณาเถอะ อย่าทำอะไรฉันเลย ฉันของร้อง"

"ถ้ามึงไม่หยุดพูดกูจะระเบิดมายัดปากมึง อยู่นิ่งๆแล้วกูจะสร้างความเสียวให้อย่างที่มึงไม่เคยเจอมาก่อน"

เสียงขู่ของสุรศักดิ์ทำให้จันทานั้นไม่กล้าร้องอะไรออกมานอกจากมีเสียงสะอื้นในบ้างครั้ง ส่วนสุรศักดิ์นั้นดูดดื่มกับหน้าอกของจันทาอย่างเพลิดเพลิน ดูดสลับไปมาทั้งสองเต้าพร้อมกับกัดไปเบาๆ ส่วนมืออีกข้างนั้นลงไปจับที่โคกหีที่ใหญ่ของเธอแล้วขยำไปเบาๆ ก่อนจะเอานิ้วเขี่ยไปที่ร่องหีไปมา จันทานั้นตัวสั่นไปด้วยความกลัว มันเป็นครั้งแรกในชีวิตเซ็กส์ของเธอที่จะต้องเจอกับผู้ชาย เพราะเธอเป็นเลสเบี้ยนมีประสบการณ์กับเพศหญิงด้วยกันเท่านั้น ที่ผ่านๆมาทหารหญิงในสังกัดของเธอน้อยรายที่จะรอดจากนิ้วมือกับลิ้นของเธอ และตอนนี้คู่รักของเธอคือลูกสาวคนเดียวของผู้นำประเทศของเธอ พันเอกหญิงจันทานั้นเป็นหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยประจำตัวของลูกสาวผู้นำประเทศ  และภารกิจนี้คนสั่งการคือคนรักของเธอนั่นเอง แต่เธอไม่รู้สาเหตุอะไรที่ลูกสาวคนเดียวของผู้นำประเทศของเธอต้องการข้อมูลในศูนย์แห่งนี้

เธอได้รับคำสั่งให้เป็นหัวหน้าของปฏิบัติการครั้งนี้จากแฟนสาวของเธอ แต่ตอนนี้เธอกำลังถูกข่มขืน  สุรศักดิ์กำลังเลื่อนหน้าลงมาที่โคกหีของเธอ ลิ้นของสุรศักดิ์ลากผ่านหน้าท้องที่อุดมไปด้วยมัดกล้าม จนมาถึงโคกทีที่เริ่มแฉะ ลิ้นของสุรศักดิ์ไล้ผ่านหมอยที่ดกดำของเธอ แต่ยังไม่ลงลิ้นที่ร่องหี สุรศักดิ์จูบไปที่หน้าขาพร้อมกัดไปเบาๆตรงหน้าขาของเธอแล้วเลื่อนลงมาเรื่อยจนถึงข้อเท้า ก่อนจะเปลี่ยนไปจูบอีกข้าง ลีลาแบบนนี้ทำเอาจันทาแบบจะกลั้นเสียงไม่ให้ร้องออกมา จนใบหน้าของสุรศักดิ์มาถึงโคกหี จันทาพยายามที่จะบิดตัวไม่ให้อีกฝ่ายเลียหีเธอได้สะดวกแต่มันทำอะไรไม่ได้มากนักเพราะขาเธอถูกมัดแยกจากกัน สุรศักดิ์จูบไปแรงๆแล้วเอาลิ้นเลียเข้าไปที่ร่องหีที่ชื้นแฉะ จันทาผวาตัวทันที ยิ่งสุรศักดิ์เลียลึกเข้าไป จนเธอลืมตัวเผลอตัวครางออกมา

"ซี๊ดดดดด"

"เงี่ยนละสิมึง เจอลิ้นกูเข้าไป"

เธอไม่ตอบและหลับตาสนิทเพราะไม่อยากเห็นว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอ แต่เธอไม่วายที่เผลอตัวจะแอ่นก้นรับลิ้น ความเสียวของเธอทวีขึ้นอีกเพราะสุรศักดิ์เอานิ้วมาบี้หัวนมของเธอทั้งสองข้าง และเธอเองก็กลั้นเสียงครางที่ดังออกมาไม่หยุดจนเธอรู้สึกว่าอีกฝ่ายเลื่อนตัวมาคร่อมบนตัวเธอ และมีอะไรที่แข็งๆมาสีตรงหน้าขาของเธอไปมาไม่นานนักเธอได้รับความเจ็บปวดอีกครั้งเมื่อควยอันใหญ่ของสุรศักดิ์ดันเข้ามาในรูหีของเธอ

"อูยย หีมึงแน่นดีนี่ เหมือนไม่เคยโดนทะลวงมาก่อน แต่ทำไมนมมึงถึงเละได้"

สุรศักดิ์พูดพร้อมกระเด้าไม่หยุด แต่จันทาไม่ตอบเธอไม่ยอมลืมตาขึ้นมาดูแล้วเบือนหน้าออกไปพร้อมน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด ถึงอีกฝ่ายจะสร้างความเสียวให้แต่ยังไงมันก็การข่มขืน ใจเธอไม่ตอบรับแต่ร่างกายมันตอบสนองกับสิ่งที่ถูกกระทำ

"หรือว่ามึงจะเป็นพวกชอบตีฉิ่ง เจอแค่ลิ้นกับนิ้ว รูมึงเลยฟิต ถือว่ากูโชคดีที่เจอหีฟิตๆแบบมึง"

จันทาเม้มปากแน่นพยายามที่จะไม่ให้มีเสียงครางออกมา เพื่อให้อีกฝ่ายนั้นได้ใจกับการข่มขืนเธอ เธอปล่อยให้สุรศักดิ์พูดอยู่ฝ่ายเดียวพร้อมพยามสกัดอารมณ์ไม่พลุกพล่านไปกว่านี้ ทั้งๆที่ทั้งเจ็บและแสบที่รูหี แต่ลีลาการเย็ดของสุรศักดิ์นั้นก็ใช่ย่อยแถมมีน้ำอดน้ำอด สุรศักดิ์กระเด้าช้าสลับเร็วไปเรื่อยๆ  จนจันทาทนไม่ไหว เธอร้องครางออกมาสุดเสียงเมื่อร่างกายได้รับความเสียวจนถึงจุดหมายแต่สุรศักดิ์ยังไม่ถึง จึงกระเด้าต่ออย่างไม่สนใจ ยิ่งใกล้จะถึงจุดหมายสุรศักดิ์ยิ่งกระเด้าแรงขึ้น จนจันทานั้นเจ็บเธอเผลอร้องออกมา จนสุรศักดิ์ดันควยเข้าไปสุดแรงพร้อมพ่นน้ำกามใส่รูหีเธอ ทำให้เธอนึกว่าจะพ้นเวรพ้นกรรมแล้ว แต่มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิด

สุรศักดิ์ถอนควยที่อ่อนตัวออกจากรูหีของจันทา แต่ตัวยังนอนทาบอบู่บนตัวเธอ สุรศักดิ์เลื่อนหน้าลงมาคลอเคลียที่เต้านมของเธอ แล้วดูดสลับไปมา แถมกัดไปเบาๆบนเต้านมของเธอ จันทาไม่กล้าลืมตาไปดู ผู้กองสุรศักดิ์ดูดสลับไปมาพร้อมเอามือมาบี้ที่หัวนมข้างที่ไม่ถูกดูดของเธอ แต่เธอยังนอนนิ่งไม่ยอมขยับร่างกาย จนสุรศักดิ์เลื่อนตัวขึ้นมา เอาควยที่อ่อนตัวถูไปมาบนนมของเธอ ทำให้จันทานั้นสะอิดสะเอียนอย่างมาก

"มึงไม่ต้องห่วง วันนี้กูจะพามึงไปถึงสวรรค์อย่างที่มึงไม่เคยเจอมาก่อน กูอดมาหลายเดือนแล้วน้ำเงี่ยนกูไม่ระบายมานาน สวรรค์ส่งมึงมาบำเรอกามให้กับกู รับรองกูจะจัดให้หายยาก แล้วมึงจะถวิลหาผู้ชายตลอดไม่ใช่พวกผู้หญิงอย่างที่มึงเคยเอามาตีฉิ่งด้วย"

จันทายังหลับตานิ่งเงียบไม่ยอมตอบ แต่อีกฝ่ายไม่สนใจลวนลามเธอไม่หยุด ถึงนิ้วของอีกฝ่ายเริ่มที่จะบี้ที่เม็ดแตดเธอและล้วงเข้าไปในรูหี แต่เธอเม้มปากแน่นไม่ให้มีเสียงหลุดออกมา จนสุรศักดิ์ดันควยเข้ารูหีเธออีกครั้ง ครั้งนี้จันทานอนนิ่งแต่สุรศักดิ์ไม่สนใจ กระเด้าอย่างต่อเนื่องจนหลั่งน้ำกามเข้ารูหีเธออีกครั้งพร้อมอาการตอดรัดของอีกฝ่าย

หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดยิ้มอย่างสะใจ เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายพยายามที่จะอดกลั้นไม่ให้มีอารมณ์ร่วม แต่การตอดรัดที่ผ่านมาสดๆร้อนๆทำให้ว่าผู้หญิงที่ถูกตนเองข่มขืนนั้นก็มีอารมณ์เหมือนกัน   สุรศักดิ์มองหญิงสาวที่ถูกมัดและเปลือยกายอยู่ตรงหน้าด้วยสายตาที่หื่นกามโดยไม่มีความสงสารแม้แต่น้อยทั้งที่ตอนนี้จันทาเริ่มมีเสียงสะอื้นออกมาอีกครั้ง สุรศักดิ์ลุกขึ้นมาแล้วเดินไปที่ปลายเตียงเพื่อแก้ผ้าที่มัดขาทั้ง 2ข้างของจันทาออก เธอรีบฉวยจังหวะนั้นถีบไปที่สุรศักดิ์ทันทีแต่อีกฝ่ายที่ระวังตัวอยู่แล้วเบี่ยงตัวหลบทัน พร้อมหัวเราะออกมา

"โดนไป 2ดอกยังฤทธิ์เยอะอยู่นะมึง แบบนี้กูชอบ "

จันทาพยามดิ้นพร้อมขาทั้งสองที่ยกถีบไปมาไม่ให้สุรศักดิ์เข้าถึงตัว แต่สุรศักดิ์ก้มลงไปหยิบกางเกงที่ถอดวางทิ้งไว้บนพื้นแล้วดึงปืนพกจากซอง แล้วเดินมาทางหัวเตียง ทำให้เธอยกเอาเท้าถีบไม่ได้ สุรศักดิ์เอาปืนพกยัดเข้าไปในปากเธอพร้อมขู่อีกครั้ง

"ถ้ามึงยังมีฤทธิ์อีก กูจะไม่พูดแล้วนะ กูจะเอาลูกปืนปิดปากมึงจำไว้"

จันทาหยุดทันที สุรศักดิ์ดึงปืนออกจากปาก แต่ปืนยังจ้องมาที่เธอตลอด แล้วเดินมาประชิดเตียงแล้วพลิกตัวเธอให้นอนคว่ำลง สุรศักดิ์นั้นไม่แก้ผ้าที่มัดแขนทั้งสองของเธอออก จันทานอนคว่ำหน้าด้วยใจระลึก เธอพยามดึงแขนให้หลุดจากผ้าที่มัดแต่ไม่เป็นผล แถมสุรศักดิ์เอายกทรงของเธอมารัดปิดปากเธออีกด้วย

"มึงไม่ต้องห่วงกูจะจับมึงเย็ดจนกูหมดแรง  ถึงมึงจะเป็นเอดส์กูก็ไม่กลัว เพราะกูกลัวเอดส์ยศมากกว่า ถ้ามึง งงว่ามันคืออะไรกูจะบอกให้เอดส์ก็อดเย็ดมึงไง ฮ่าๆๆๆๆๆ"

ถึงจะเข้าใจภาษาไทยอย่างชัดเจนแต่เธอก็ไม่ใส่ใจว่าอีกฝ่ายพูดอะไรเพราะความวิตกว่าเธอจะเจออะไรอีก ตอนนี้ปากของสุรศักดิ์เริ่มไล่จูบไปตามแผ่นหลังของเธอไปทั่ว ก้นที่ผายกว้างของเธอถูกขยำแรงๆเป็นการกระตุ้นอารมณ์ของเธอ จนหน้าของสุรศักดิ์มาที่ก้นของเธอทพร้อมจูบและกัดอย่างเบาๆ และไล่ลงมาที่น่องๆ จันทาพยายามสะกดอารมณ์ที่กำลังพลุกพล่านขึ้นมาอีกครั้ง แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล เพราะลีลาการปลุกสวาทของสุรศักดิ์นั้นใช่ย่อย ทำให้ผู้หญิงที่กำลังถูกข่มขืนและชอบผู้หญิงด้วยกันอย่างเธอมีอารมณ์ขึ้นมาอีกครั้ง สุรศักดิ์จับก้นเธอให้ยกสูงขึ้น จันทาไม่กล้าขัดขืน เพราะถึงจะถีบสุรศักดิ์ได้แต่เธอยังไงก็ดิ้นไม่หลุด สุรศักดิ์ขยับตัวมาประกบด้านหลังของเธอ และเอาควยที่แข็งตัวเต็มที่อีกครั้งมาจ่อที่รูก้นเธอ


 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

jaojom

ผู้กองลืมลูกน้องที่บาดเจ็บข้างนอกไปเสียสนิทเลย
อดมานานก็อย่างนี้แหละครับ หน้ามืดตามัวแล้ว

Long Sakorn


livpool

คราวซวยของจันทาแท้ๆที่มาเจอผู้กองขี้เงี่ยน  อย่าจัดเชลยจนลืมลูกน้องหล่ะ

hunterkung

เจอเต็มๆ หายชอบสาวแน่ๆ ชอบผู้ชายแทนละรอบนี้

จรัญ บุญชู

ของแบบนี้ไม่เข้าใครออกใครหรอก...มีโอกาสต้องจัดก่อนครับ

solomon1977

มันเลยนะครับผู้กองลูกน้องที่นอนเดี้ยงอยู่ไม่สนใจเลยมันส์อยู่คนเดียวเลยนะครับ


banana_nakrab

เป็นการแก้แค้นที่ทรมาณอย่างมีความสุข

Twow


Nitty


kodzilla

#11
เรื่องนี้เริ่มต้นก็ดุเดือดมากเลย มันกว่าเรื่องที่ผ่านมา

Eric Cantona


ผู้เฒ่าเซราะกราว

โอ้งานนี้ผู้กองได้ล่อสาวเลสระดับผู้พันของฝ่ายตรงกันข้ามเสียด้วย  งานนี้ยันเช้าแน่ๆ เพราะลูกน้องโดนสังหารเกือบทั้งหมด ว่าแต่งานนี้มีแผนซ้อนแผนอะไรหรือเปล่านะ....????

adios2nd