ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_ΜoNoTΩИ∑ ★★★

ครั้งหนึ่ง ณ ร้านคาราโอเกะ [ Part 7 ] ตอนที่ 116 ( ประสบการณ์ของนายโทน )

เริ่มโดย ΜoNoTΩИ∑ ★★★, กุมภาพันธ์ 16, 2023, 12:03:57 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

ΜoNoTΩИ∑ ★★★

สวัสดีครับ สวัสดี ร้านเกะมาละครับ

ยินดีต้อนรับสมาชิกร้านเกะท่านใหม่ๆด้วย

แล้วก็ขอบคุณสำหรับลูกค้าผู้ที่มาเยี่ยมร้านเกะตั้งแต่ตอนที่ 1 จนถึงปัจจุบัน

รู้สึกขอบคุณมากๆเลยคร๊าบบบบบบ ขอบคุณทุกคอมเมนต์จริงๆครับ  ผมอ่านทุกตอมเมนต์นะครับ สั้นยาวผมก็อ่านหมด

และขอบคุณทุก EDIT และแสดงความคิดเห็นเพิ่มหลังอ่านจบ  มันเป็นกำลังใจอย่างดี

อย่างที่บอกครับกระทู้นี้ Free STYLE คอมเมนต์อะไรก็ได้ครับ เพื่อจะอ่านเนื้อหาที่ซ่อนไว้

ไม่จำเป็นต้อง EDIT ไม่ต้องกลัวผิดกฎใดๆ แต่ระวังกระทู้อื่นๆ หมวดอื่นๆด้วยนะครับ

เราต้องทำตามกฎของบอร์ดและกระทู้นั้นๆนะครับ เพราะเวลา MOD ลงดาบก็เด็ดขาดมา



ปล. สำหรับท่านที่ต้องการอ่าน ซีรีย์คาราโอเกะ หรือ ทุกซีรีย์ย้อนหลัง




สามารถคลิกที่ภาพ เพื่อวาร์ปไปห้องสมุดนายโทนได้เลยครับ








★★★★★★★★★★★



ปล.2 สำหรับใครสมาชิกใหม่ที่พึ่งสมัครเมมยูซเซอร์เข้ามาแล้วพออ่านเรื่องนี้แล้วอยากอ่านต่อก็ง่ายๆครับ
ตามภาพเลย ขั้นตอน 1 2 3  แต่ระวังการคอมเมนต์ไว้ให้ดีๆ อย่ามาแต่ อีโม นะ





★★★★★★★★★★★


แนะนำจั๊กหน่อย


ดาว / แม่เสือดาว / image Ms Puiyi





★★★★★★★★★★★




มิ้นต์






★★★★★★★★★★★



แก้ม / ยัยตัวแสบ






★★★★★★★★★★★



ความเดิมตอนที่แล้ว

หลังจากจบงานการ์ดผมกลับมาใช้ชีวิตพนักงานออฟฟิศปกติเหมือนเดิม

มันมีอะไรต้องปรับจูนเยอะเลย เพราะพอหยุดไปนานมันก็เริ่มขี้เกียจ

จนพอพักกลางวันก็กินข้าว กินเสร็จก็มานั่งพักข้างๆตึก รับลมเย็นๆ

ตอนนั้นเหมียวก็เดินมาทักครับก็คุยกันนิดๆหน่อย

อยู่ดีๆคุณท่านก็มา แล้วก็บอกว่าให้ผมเข้าไปหาที่บ้านมีธุระจะคุย

แต่ที่เฮ้อออ ไม่คิดไม่ฝันก็คือพระบิดาของผมนี่แหละมายังไงละนั่น

แล้วเหมียวเห็นนี่ก็ยิ้มแล้วยกมือไหว้สวยๆเลย พ่อผมก็ดันจำเหมียวได้อีก

เหมียวก็ยิ้มหนักเลยทีนี้ คราวนี้แหละงามใส้แน่ๆ


★★★★★★★★★★★


นายโทนไดอารี่ 116


เดี๋ยววว อะไร ยังไง คือพ่อมาทำอะไรเนี่ย ผมหันไปมองเหมียว เหมียวก็ยิ้มแฉ่งเลยครับตอนนี้ ผมก็ถามพ่อมาไงเนี่ย พ่อผมก็บอกเดินมาไง ก็เห็นแล้วนี่ ผมบอกไม่ใช่ !!! หมายความว่ามาที่นี่ได้ไง แล้วมาทำไร พ่อผมบอกเอ้ ไอ้ลูกหมานี่ยังไง แล้วพ่อผมก็ล็อคคอผมลากตัวออกมาคุยเลย แล้วถามว่า เฮ้ยๆ ไอ้ลูกหมา แล้วทำไมอยู่กับหนูเหมียวได้ละ




ผมก็บอกว่า เอ๊าา ก็นั่งพักกลางวันอยู่ แล้วเหมียวเดินมาเอง พ่อผมก็ถามว่าแน่ใจนะ ผมก็บอกเดี๋ยว ๆ ๆ พ่อ พูดแบบนี้มีความหมายแฝงอีกแล้วไง พ่อผมก็ปล่อยจากการล็อคคอ พ่อบอกงั้นก็แล้วไป แล้วที่นี่เขาปิดไฟทำงานกันหรือเปล่า พรืดดด เดี๋ยวพออ่ะไรเนี่ย นี่พ่อพูดถึงเรื่องที่บ้านเหรอออออ อะไรของพระบิดาเนี่ย ผมก็สะกิดว่าพ่อ พ่อใจเย็นๆ พอก็บอกอ้อ อื้ม


แล้วพ่อผมก็ขยับเสื้อสูทของเขาอ่ะ แล้วคุณท่านก็ถามว่าไปยังทศ พ่อผมก็พยักหน้าอ่ะ แล้วบอกว่าอย่าโดดงานล่ะไอ้ลูกหมา ผมบอกจะโดดไปทำไมเล่าาา ผมถามแล้วแม่ล่ะพ่อ พ่อก็บอกอยู่บ้าน วันนี้คุณนายไปที่บ้าน


โอ่ยย อะไรกันนี่ แล้วพ่อผมกับคุณท่านก็เดินไป การ์ดที่มาด้วย ผมก็ยกมือไหว้สวัสดีครับ สวัสดีครับ พวกเขาก็ตบไหล่ผมเบาๆ ทักทายคืน พอพ่อผมไปแล้วเหมียวก็ถามว่า พ่อมาทำไมอ่ะโทน


ผมบอก ไม่รู้ดิ่ มาทำงานอ่ะมั้ง เพื่อนเหมียวเดินมาบอกชั้นไปก่อนนะแก เหมียวบอกเคๆ เจอกันตอนเลิกงานนะ พวกนั้นก็เดินแยกไปเลย ผมกุมขมับเลย เฮ้อออ พระบิดามาทำไมเนี่ย


เหมียวก็มาคุยบอก พ่อโทนดูสนิทกับคุณ ( ชื่อคุณท่าน ) มากเนอะ ตอนนี้มือซ้ายของผมเท้าเอว มือขวาของผมกุมขมับเลยครับ เฮ้ออ เกิดมาก็ไม่เคยคิ๊ดดดดด  ว่าจะได้มาทำงานแล้วพ่อมารู้พ่อมาเห็น


คือไม่รู้ดิ่ครับถ้าไล่ความคิดมาตั้งแน่สมัยมัธยม ผมคิดว่าถ้าจบจากมัธยมก็อยากจะเรียนมหาวิทยาลัยใช้ชีวิตอิสระ พอจะจบมหาวิทยาลัยก็คิดว่าจะหางานทำ เพราะพ่อเองก็บอกว่าไม่จำเป็นต้องมาช่วยทำสวน ไปหาอะไรทำให้เข้าใจชีวิตก่อน เอาง่ายๆคือมึงไปลำบากซะก่อนไป


แล้วคือพูดตรงๆว่าชีวิตคนเราเนี่ย ถ้าไม่ได้เกิดในตระกูลที่เป็นเจ้าของบริษัท ยังไงในความคิดของคนทั่วไปคงเหมือนผมที่คิดว่า คงไม่ได้มาทำงานกับครอบครัวแน่นอน คือลืมคำว่าทำงานในสวนในไร่ไปเลย เพราะมันเป็นเรื่องที่ทำมาตั้งแต่เกิด ผมแทบไม่เคยคิดว่ามันเป็นการทำงานด้วยซ้ำ


ผมคิดว่ามันคือการช่วยครอบครัวแบ่งเบาภาระ เออว่ะหรือพี่แมนก็คิดแบบนี้เหมือนกันว่า การบริหารบริษัทเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระของคุณท่าน เออน่าคิดนะ พอๆกลับมาเรื่องของผมก่อน แล้วเนี่ยตอนจบมาแล้วเข้ามาทำงานบริษัทนี้ มันไม่มีแม้แต่เสี้ยวของเสี้ยวๆๆ ความคิดเลยว่าจะได้มาทำงานกับพ่อ


แต่เนี่ย ตอนเนี้ยพ่อผมเป็นที่ปรึกษาแผนกรักษาความปลอดภัย มีพวกฝีมืออันตรายๆอยู่ใต้ปกครองเป็นสิบ ๆ คน แล้วยังขึ้นตรงกับคุณท่านคนเดียว แล้วไหนจะท่าทางที่พวกผู้บริหารระดับสูงให้การยอมรับ และการที่พี่แท-โอ ยังยอมรับคำขอไปและการไว้หน้าขนาดนั้น... นี่พ่อผมคืออะไรเนี่ยยยย แล้วเนี่ยการที่มาเจอพ่อตัวเองที่บริษัทแบบนี้ และในฐานะคนทำงานองค์กรเดียวกันด้วย มันไม่น่าจะเป็นไปได้ หรือที่ปู่เคยบอกไว้จะเป็นจริงเนี่ย....



ผมก็ถอนหายใจเฮ้อแล้วก็จะเดินขึ้นไปเลย เหมียวถามไปไหน ๆ ๆ ตามพ่อไปเหรอ ผมบอกเปล่า จะขึ้นแผนก เหมียวบอกอื้อ ๆ ๆ ๆ ป่ะ ๆ ๆ ขึ้นกัน ผมก็หืมขึ้นอะไร เหมียวก็บอกขึ้นไปบนแผนกไง ไอ้โทนบ้าคิดว่าขึ้นอะไร ผมก็บอกเปล่านี่นา



ผมกลับขึ้นมาทำงานอีกครั้ง เดินมาพร้อมๆเหมียวนั่นแหละครับ ส่วนไอ้ชาติหมาเองก็เหมือนเดิมครับ ถือแก้วกาแฟเดินแอ๊คมาเลย มันก็ถามว่าเอ้าคุณ ( ชื่อจริงผม ) ไปไหนมาครับเนี่ย


ผมก็มองหน้ามันแล้วถอนหายใจ เป็นรุ่นพี่ที่ผมทำใจเคารพไม่ลงจริงๆว่ะ...   ผมก็บอกกินข้าว มันก็นิ่งแปปนึงแล้วถามเหมียวๆ เย็นนี้ว่างเปล่า เหมียวก็ถามไปตามมารยาทว่ามีอะไรหรือเปล่าชาติ


ชาติบอกอ๋อ พอดีมันมีงานบางตัวที่ไม่เข้าใจ ผมก็คิดว่ามึงมีอะไรที่ไม่เข้าใจวะ เอาจริงๆ ไอ้ชาติหมาเก่งกว่าผมอีก ติดตรงที่มันขี้เกียจนี่แหละ ทำงานแบบเช้าชามเย็นชาม ผักชีโรยหน้าให้รอดไปเท่านั้น เหมียวก็ตอบทันทีว่า มีอะไรก็ถามในเวลางานก็ได้



ตอนเย็นเหมียวมีนัดกับเพื่อนแล้วอ่ะ เอ้อ หน้าชาไปดิ่สัด เหมียวก็ตอบแบบนิ่มนวลไปอ่ะ... แต่ช่างเถอะคงเป็นสไตล์ของเหมียวแหละตอบแบบรักษาน้ำใจ


พรี่ชาติหมาก็ยังนิ่งอยู่นะ แล้วบอกอื้มเดี๋ยวขอรบกวนด้วยแล้วกัน แล้วมันก็เดินกลับไปทำงานของมัน เอาจริงๆ ผมไม่ได้มีอคติกับการดื่มกาแฟราคาแพงนะ เพราะมันเป็นความชอบส่วนบุคคลและเงินที่ซื้อก็ไม่ใช่ของเรา


แต่ทำไมต้องถือแก้วแล้วทำแอ็คด้วยวะไม่เข้าใจ เฮ้ออออ ผมกับเหมียวมองหน้ากันแล้วก็แยกกันไปทำงานครับ ทำงาน ทำงาน ทำงาน    ชีวิตพนักงานออฟฟิศก็แบบนี้แหละครับ จนมาบ่าย 2  ลุกมายืดเส้นยืดสาย


แวะกินแซนวิชนิดหน่อย มาเจอพวกพี่ๆหยิบของออกจากตู้เย็นเหมือนกัน ก็คุยกันตามปกติเรื่อยๆแหละครับ พี่จักรก็เดินมาพอดี แกก็หยิบกล่องทัพเพอร์แวร์ของแกมาด้วย


อย่างที่ผมบอกเลยครับว่า ภรรยาของพี่จักรชอบทำขนมปัง เธอจะอบมาให้พี่จักรกินในทุกๆเช้า ผมกับพี่จักรก็เลยมานั่งกินขนมปังด้วยกันนั่นแหละครับ พี่จักรก็ถามเป็นไงบ้างเอ็งกลับมาทำงาน


ผมก็บอกว่าโคตรขี้เกียจเลยพี่ หยุดไปนาน สบายจนเคยตัวแล้วมาทำงานแบบเดิม พี่จักรก็เตือนผมว่า เฮ้ย... พูดเล่นกันน่ะพูดได้ แต่อย่าไปพูดนอกแผนกหรือพูดให้คนอื่นได้ยืน


ผมก็บอกไปนะว่าก็พูดไปงั้นแหละพี่ ( ตอนนี้ผมเหงื่อเริ่มตกละ ) พี่จักรบอกว่า บางเรื่องมันก็ไม่ควรพูด คนอื่นมันเอาไปแปลได้หลายทางมาก พอผมจะแก้ตัวอีก พี่จักรก็ยกมือห้ามแล้วพูดว่า


อย่าอ้างว่าตัวเองเป็นคนพูดตรงๆ  อุ้ย พี่จักรพูดมาผมสะดุ้งเลย...  เพราะผมจะพูดทำนองนั้นแหละครับ พี่จักรบอกผมว่าพูดตรงๆ กับพูดไม่คิด มันมีเส้นบางๆกั้นอยู่ ก่อนจะพูดอะไรไป ต้องคิดให้ดีและถี่ถ้วน คำพูดคนเรามันพูดไปแล้ว ผลของมันก็จะอยู่ตลอด


และยิ่งพอมันถูกพูดปากต่อปาก ความหมายของมันก็จะผิดแปลกไปด้วย แต่ร้อยเปอร์เซ็นเลยคือมันจะไม่มีทางแปลกไปในทางที่ดีขึ้นมีแต่จะแย่ลงๆ ผมก็รับฟังอย่างเดียวเลยตอนนั้น พี่จักรตบไหล่ปั้ปๆ แล้วบอกว่าสังคมทำงานมันเหลี่ยม


คนที่อยากเติบโตเจริญก้าวหน้า มันไม่มีใครหวังดีกับคนอื่น 100% อย่างเอ็งก็ไม่ชอบหน้าไอ้ชาติจริงมั้ยล่ะ ผมก็เอ่อครับๆ พี่ชาติบอกอื้ม ในขณะที่พวกบิ๊กๆเอ็นดูเอ็ง แต่เอ็งก็อย่าลืมว่ามีคนไม่ชอบเอ็งเหมือนกัน แต่อย่าเอามันมาใส่ใจมากนัก


พี่จักรเคี้ยวขนมปังงั้บๆ แล้วพูดว่า รับรู้ได้แต่อย่าเอามาใส่ใจ อย่าเอามาถ่วงแข้งถ่วงขาตัวเอง ผมก็ตอบครับพี่จักร โอ่ยยย ขนมปังพี่จักรหอมว่ะ ทำตั้งแต่เช้า แต่พอเอามาเวฟนิดหน่อยก็หอมเหมือนเดิม


ในขณะที่ผมต้องขนมปังอยู่นั้น พี่จักรก็ฉีกก้อนขนมปังแบ้งมาให้ ผมก็มอง แล้วบอกไม่เป็นไรพี่ พี่จักรก็บอกกินๆไปเถอะเห็นมองอยู่ ผมก็รับมากิน อื้อหือยังอุ่นๆอยู่เลย เคี้ยวไปคำแรก หูยย อร่อยใช้ได้เลย ขนาดว่าทำมาตั้งแต่เช้าแล้วนะเนี่ย พี่จักรถามเป็นไงฝีมือเมียพี่ ผมบอกอร่อยเลยครับพี่จักร ผมก็ถามว่าเมียพี่ทำทุกวันเลยเหรอครับ


พี่จักรบอกอื้ม  จูนเขาชอบทำขนมปัง ( นามสมมติ ) ผมก็ถามโหยกินหมดเหรอพี่ พี่จักรบอกเฮ้ย ๆ ๆ มีออเดอร์เข้ามาเรื่อยๆนะเว้ย ผมก็บอก แม่จ๊าว ไม่ธรรมดาาา  เราคุยกันไปอีกแปปนึงแล้วพี่จักรก็ไปทำงานต่อ ผมก็เก็บของ ล้างมือ


เหมียวก็เดินผ่านมา แล้วถามมองไร ผมก็อ่ะปั้ดชะเฮ้ย อะไรเนี่ย อยู่ดีๆก็หาเรื่องกันเฉยเลย ผมบอกไม่ได้มอง เหมียวก็บอกมองชัดๆก็เห็นอยู่ ผมก็เลยบอกจ้าๆ เดี๋ยวนี้หาเรื่องเก่งจริงๆนะแม่คุณ แล้วคือไม่รู้ผมหมั่นใส้หรือคิดพิเรนทร์อะไร พอไม่เห็นว่ามีคน


อยู่ดีๆ ตอนที่เดินผ่านกันตรงมุมตู้เย็น ผมตีตูดเมียวเบาๆ แบบเดินๆผ่าน แล้วมือแนบลำตัว ก็ดีดมือขึ้นมาเบาๆ ไม่ใช่ง้างแบบโฟร์แฮนด์ท็อปสปินนะ เหมียวสะดุ้งหันมาทางผมมือก็จับก้นตัวเอง แล้วมองแบบงอนๆ แล้วพูดไอ้บ้าโทน





เหมียวเข้ามาทุบไหล่ แล้วเม้มปากตามองแบบแข็งๆ แล้วพูดเก็บเสียงไว้ในลำคอว่า เดี๋ยวนี้กล้าทำแบบนี้เลยเหรอ ผมก็บอกโอ๊ยไหล่หลุดแล้ววว เหมียวไม่ได้ทุบกะเอาตายครับ คงทุบแก้เขินอ่ะแหละ เหมียวพูดหึ้ยย แล้วตกลงพ่อเขามาทำไรอ่ะ


ผมก็บอกว่าไม่รู้ดิ่ เรื่องงานของพ่อก็ไม่รู้เหมือนกัน มารู้ก็ตอนวันงานเลี้ยงอ่ะแหละ เหมียวขยับมาจับขมับแล้วจูนสมองผม บอกว่าโทน โทน สติ สติ นี่พ่อโทนทำงานที่ปรึกษาเลยนะทำไมไม่รู้เรื่องเลย ผมก็บอกอีกครั้งว่า



ก็ไม่เคยถาม ไม่เคยยุ่งเรื่องงานของพ่อเลยจริงๆเหมียว ตอนนั้นพี่อ้อมเดินเข้ามาเจอผมกับเหมียวกำลังจูนกันอยู่เลย จูนสมองครับ จูนสมองท่านผู้เจริญทั้งหลาย พี่อ้อมก็อุ้ย แล้วเหมียวไม่ได้มีท่าทางตกใจเลยนะ พี่อ้อมก็ถามแบบ แหย่ๆ มาว่า อุ้ยพี่ขัดจังหวะเปล่าเนี่ย



เหมียวบอกเปล่าค่ะ และเหมียวก็ยังทำท่าจูนสมองผมต่อ เหมียวบอกว่าจูนเยอะๆหน่อยเหอะ พี่อ้อมก็ถามเป็นไรเนี่ยอีโทน เหมียวก็เลยบอกสงสัยสมองเออเร่อมั้งพี่อ้อม เหมียวถามอะไรก็บอกไม่รู้ ไม่รู้


แหม่.... ดูพูดเขา พี่อ้อมก็บอกงานรุมอ่ะดิ่ ไปนั่งพักไป ผมก็บอกโอยย เหมียวก็ยิ่งจูน ๆ ๆ แล้วบอกไปเลย ปายย แหม่มาทำเป็นไล่กันเดี๊ยะ ๆ ๆ ๆ  ผมก็เดินออกมา.. เอ่อ เหมียวแก้ไขสถานการณ์ไวดีจัง ผมกลับมาก็ตั้งใจจะทำงานครับ


แต่ MSN ของไอ้คิงก็เด้งมาแล้วบอก เฮ้ยย กูไปงานเลี้ยงรุ่นได้โว้ยยย ผมก็พิมพ์ตอบเพื่อนคิงไปว่า เรื่องของมึง แปปเดียวเท่านั้นแหละมือถือผมดังเลย มันโทรมาถามว่า อ้าวว มึงกวนตีนกูนี่หว่า ผมก็เลยบอกใส่นวมมั้ยล่ะสาดด มันบอกขอโทษครับไอ้สาด ต่อยกับมึงกูก็เจ็บตัวเปล่า


ผมบอกโถ่ ไม่ได้ออกแรงเลยไรวะเนี่ย แล้วมึงทำไรอยู่โทรมาได้เนี่ย มันก็บอกเออๆ กำลังจะกลับบ้านแล้ว อยู่บนรถ ผมก็บอกเออๆ กูก็ไปแหละ มันบอก เออแค่นี้แหละกูนอนก่อน ผมบอกเฮ้ย มึงยังไงเนี่ย ไหนบอกกลับบ้านไง


เสียงมันหาวว ออกมาแล้วพูดไม่เต็มเสียงว่ากูยังไม่ได้นอนเลยเนี่ย คิวงานตั้งแต่ตี2 พึ่งเสร็จ ผมบอกเออๆ ไสหัวไปนอนเหอะมึงน่ะ มันบอกเออๆ กูตื่นแล้วเดี๋ยวโทรไป แล้วก็ตัดสายไป แปปนึงหัวหน้าเปิดประตูมา แล้วบอก ไอ้โทนมึงจะคุยโทรศัพท์ก็ไปคุยข้างนอก


มันรบกวนคนอื่นเขา ทำงานมาเป็นปีแล้วนะ หรือจะเอาใบเตือน อุ้ย... ผมก็บอกขอโทษครับพี่ ไม่เอาหรอก พี่เขาบอกเออ อย่าให้มีอีก... เฮ้ออ ดุจริงวุ๊ย แต่พี่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรเดินไป หรือแรงเกินไป แค่นี้อ่ะจิ๊บๆ ถ้าเทียบกับพวกเสือสิงห์ ที่บริษัทคุณท่าน


แปปนึงมี MSN ของเหมียวเด้งมามีข้อความว่า " สมน้ำหน้า " ฮึ้ยยยย อะไรเนี่ยย   ผมพิมพ์กลับไปเดี๋ยวมีเรื่องหรอก เหมียวบอกมาดิ่ ๆ ๆ   นั่นแน่ ท้าทายยย ผมพิมพ์ตัดบทไปว่าทำงานแล้ว เดี๋ยวหัวหน้าด่า แล้วก็เริ่มทำงานต่อ


พอถึงเวลาจะเลิกงาน ก็ส่งรีพอร์ตให้หัวหน้าตรวจสอบอีกครั้ง วันนี้ก็ยังผิดพลาดเหมือนเดิม แต่เป็นที่จุดอื่นๆแทน หัวหน้าคอมเมนต์มาว่า เฮ้ย มึงพัฒนาจุดที่เสียแล้ว มึงต้องสนใจจุดอื่นด้วย ไม่งั้นมันก็ไม่จบไม่สิ้นสักที ผมก็ตอบครับกลับไป


พอเก็บของอะไรเรียบร้อย ก็ออกมาเลยครับ คนอื่นๆที่กำลังเลิกงาน ก็คุยกันวันนี้ไปกินข้าวที่ไหนกันดี บางคนก็คุยไปปาร์ตี้ที่ไหนดี อีกกลุ่มก็พากันไปช็อปปิ้ง ผมมองตัวเอง เอ่อ.. 1 ปีที่ผ่านมา ผมไปกับเพื่อนร่วมงานน้อยมากๆ แทบจะนับครั้งได้เลยนะ


มันไม่เหมือนแบบในละครหรือที่เล่าๆกันมาเลยว่า ทำงานบริษัท จะมีเพื่อนเยอะ เอ่อ...หรือพื้นฐานผมมีเพื่อนน้อยอยู่แล้ว เพราะจะว่าไป เพื่อนรุ่นเดียวกัน บางคนมันยังเที่ยวพักผ่อนหลังเรียนจบอยู่เลย ใช่เส้พวกบ้านรวย


เฮ้อ  ช่างเถอะชีวิตคนเรามันไม่เหมือนกันนี่หว่า... ทำงานเร็วแบบนี้มันก็ดีแล้ว อยากกินอะไรก็ได้กิน อยากไปเที่ยวไหน ก็แบ่งเงินมาเที่ยวได้ ไม่ต้องไปเดือดร้อนพ่อแม่ สิ่งนึงนะที่ผมรู้สึกดีที่ได้เจอสามสาวก็คือ


ผมไม่ต้องกังวลเลยเรื่องจะมีเงินพอให้พวกเธอหรือเปล่า เพราะถ้าทุกท่านอ่านมานาน ท่านจะรู้เลยว่าสามสาวไม่เคยมาขอเงิน หรืออ้อนขออะไรเลย ส่วนเรื่องเต๊นท์ผมไม่นับนะ เพราะลึกๆ ผมเองก็อยากได้เหมือนกัน


เอาตรงๆ ถ้าวันนั้นมิ้นต์ไม่ไป ยังไงผมก็ซื้อ แต่อาจจะกลับไปคิด ให้มันกระวนกระวายเล่นแล้วค่อยกัดฟันซื้อ ซึ่งกรณีนี้มันเกิดขึ้นมาแล้วครับ กับเตียงคิงไซส์ และโซฟาในห้องพักของผม ซึ่งผมย้ำตลอดว่ากัดฟันซื้อ นี่แหละครับเหตุผล



ส่วนเรื่องเต๊นท์ ผมอยากได้อยู่แล้วแต่เพราะสายตาของมิ้นต์นั่นแหละ มันเลยเป็นการช่วยให้ผมตัดสินใจได้เร็วขึ้น ไม่ต้องมานั่งหงุดหงิดงุ่นง่าน อยากด้าย อยากด้ายยย หลายๆวัน เอาเถอะช่างมัน ซื้อมาแล้ว และปฏิกิริยาของมิ้นต์กับแก้ม ก็ตอกย้ำอีกครั้งว่าผมคิดถูกที่ซื้อมา


แปปนึงผมเจอกลุ่มเพื่อนเหมียว ยืนอยู่หน้าบริษัทครับ พอเจอผมพวกเธอก็ถาม อ้าวโทนเหมียวยังไม่ลงมาเหรอ ผมก็อ้าวนึกว่าลงมาแล้ว ผมก็บอกลองโทรตามดูยัง แต่แปปนึงพอหันไปมองทางที่ผ่านมา เหมียวกับพี่อ้อมก็เดินลงมาครับ


ดูสองคนนี้สนิทกันมากขึ้นนะหลังจากกลับมาจากทะเล ผมก็บอกว่ามานู่นแล้ว เหมียวก็เดินมากับพี่อ้อมนะ พี่อ้อมบอกแน่ะโทนรอใครอ่ะ ผมก็บอกว่าเพื่อนเหมียวถามหาน่ะพี่อ้อม พี่อ้อมบอกอ้อ


ผมก็จะถามนะว่าไปไหนมา แต่อย่าเลย เหมียวก็บอกชั้นท้องเสียพวกแกรรรรร แล้วเหมียวก็บอกแยกกันตรงนี้เนอะพี่อ้อม แล้วพี่อ้อมก็แยกไป แต่หางตาผมเห็นว่าคนที่รออยู่คือพี่ตั้มแน่ๆ เหมียวเดินมาแล้วบอกหลบเด้ อย่าขวางทาง


อ่ะผมก็ถอยก้าวสองก้าว... แต่เหมียวบอกระวังคนหลัง ผมก็หันหน้ามองแว๊ปนึงแล้วหมุนเท้าครึ่งวงกลมออก จากที่จะถอย 2-3  ก้าวก็กลายเป็นเมตรกว่า พวกเพื่อนเหมียวมองอึ้งๆนิดนึง ผมก็ลืมตัวเลยแฮะ


จากนั้นก็ไม่มีอะไร ผมก็ขอแยกตัวออกมา เหมียวบอกเดี๋ยวววว ผมก็หืออะไรเหรอ เหมียวบอกพรุ่งนี้มีประชุมตอน 10 โมง ผมก็อ่ออื้อ แล้วเหมียวก็ทำหน้าประหม่าคือรู้สึกได้เลยครับ ผมถามมีอะไรเปล่า เหมียวบอกม่ายมี โอเค๊งั้นกลับก่อนนะ


แล้วผมกับเหมียวก็แยกกันครับ แล้วเหมือนจะรู้เวลาแฮะ พอผมเลิกงานปุ๊ป พี่พลอยก็โทรมาเลย ผมรับสายนะ พี่พลอยถามโทนจ๋าาา ทำไรอยู่ ผมบอกกำลังกลับห้องพักครับ พี่พลอยถามว่างคุยมั้ย ผมบอกว่างครับคุยได้ดิ่ พี่พลอยบอกอื้ออออออ ขออึ๊บหน่อย ผมสะอึกเลย แล้วบอกเดี๋ยว ๆ ๆ นั่นบทผม


พี่พลอยหัวเราะเลยครับตอนนั้น พี่พลอยบอกโอ๋ยย งานเยอะมากมายเลยอ่ะ เครี๊ยดเครียด พาไปคลายเครียดแบบจอยหน่อยดิ่ ผมบอกหราา อยากคลายเครียดหรา พี่พลอยบอกอื้ออออออ ซักทีสองทีก็ดี





เราก็คุยเรื่องสัพเพเหระมากมาย แถมยังมีหยอดเรื่องบนเตียงกันนิดๆหน่อยๆ แต่กลายเป็นว่าผมโดนหยอดอยู่ฝ่ายเดียว เพราะพี่พลอยรู้ว่าจุดที่ผมอยู่น่ะคนเยอะ ผมคงไม่กล้าพูดอะไรทำนองนี้ ต่อหน้าคนเยอะๆ ผมก็ถามว่า วันนี้ไม่ไปไหนเหรอพี่พลอย พี่พลอยบอกอื้ออ ออกงานมาหลายวันแล้ว วันนี้อยากกลับบ้านเร็ว อยากนอนเร็วๆ เราคุยกันอีกสักพักนะ พี่พลอยก็บอกว่า นี่โทนนนน อย่าลืมดูแลเทคแคร์จอยบ้างน๊าาาาาา


ผมก็ถามหืมทำไมพูดแบบนั้นล่ะ พี่พลอยบอกเอ๋า นางเองก็บ่นว่างานเยอะมาก ณ จุดๆนี้ผมรู้เลยครับว่าพี่พลอยหมายความว่าไง ผมก็ถามพี่พลอยแน่ใจเหรอ


พี่พลอยบอกโถ่ว มาถามอะไรตอนนี้ ปัญหาอยู่ที่โทนอ่ะแหละ จะมีแรงอ๊ะเปล่าาา ผมบอกโหวหมายฟาม ว่าไง พี่พลอยหัวเราะนะแล้วบอกว่า คุยแบบนี้แล้วสบายใจจังเนอะ แล้วพี่พลอยก็ถามมาว่า แล้วกับคุณรุกะน่ะ คุยกันยัง





ผมก็บอกว่าจะให้คุยอะไรเล่าเธอกลับญี่ปุ่นไปแล้ว พี่พลอยบอกว่านี่ โทนนนนน ถ้าสมมติวันนึงโทนต้องมีแฟนจริงๆ พี่เชียร์คุณรุกะนะ ผมก็บอกมันจะเป็นไปได้ยังงายย พี่พลอยบอกเป็นไปได้ดิ่ ก็เขาชอบโทนอ่ะ


อุ่ยย ผมนิ่งเลย ในนึงก็เขินนะแล้วพูดไปว่าไม่จริงม๊างง พี่พลอยบอกว่ายืนมองจากปากซอยยังรู้เลย อาการออกซะแบบนั้นอ่ะ พี่พลอยก็บอกภูมิใจในตัวเองหน่อยดิ่ดาร์ลิ๊งขา อุ้ยพี่พลอยเรียกดาร์ลิ๊งด้วย


ผมถามเดี๋ยว ๆ ๆ ๆ  เรียกผมว่าอะไรนะ พี่พลอยบอกดาร์ลิ๊งงายยย จะเรียกว่าผัวก็ตรงตัวเกินไป เรียกดาร์ลิ๊งแล้วกัน โอ้ยเขินชิบหายเลย พี่พลอยบอกแอ้ะเขินอ่ะดิ้ ผมบอกโอยย ใครไม่เขินก็แย่แล้วพี่


พี่พลอยหัวเราะเลยครับ พี่พลอยบอกอ่ะเค พี่ขับรถกลับบ้านก่อน ถึงบ้านแล้วจะยิงไปนะ ใครเกิดยุคเดียวกับผมคงเข้าใจครับ พอวางสาย รถไฟฟ้าก็กำลังจะถึงศาลาแดง อีกสถานีนึงก็ช่องนนทรี ผมก็ลองโทรหาจอยก่อนดีกว่า





เพราะถ้าถึงห้องพักแล้วก็คงต้องให้เวลากับสามสาวเท่านั้น สายแรกไม่รับ โอเคสายสองรับเลย โหล ๆ ๆ ๆ ๆ เรียกคุณล่ามๆ ๆ ได้ยินมั้ย เสียงวี๊ดกลับมาเลย อะไรล่ามอะไร ผมก็หัวเราะเบาๆ แล้วถามว่างคุยเปล่า จอยบอกเกือบจะไม่ว่างแล้ว


[ ผม ]  :  อ้าว งั้นวางก่อน ๆ ๆ

[ จอย ]  : คุยได้ คุยดิ่

[ ผม ]  : ไม่เป็นไร ค่อยโทรมาใหม่

[ จอย ]  :  คุยเลยๆๆๆ วันนี้นอนดึกไม่ได้


เนี่ยครับ การสนทนาก็พูดตอบ พูดตอบแบบนี้แหละ ไม่มีเวลาคิดอะไรทั้งนั้น แต่จอยยืนยันว่าคุยได้ ผมก็คุยนะ ผมก็ถามว่า ทำงานอยู่เหรอเนี่ย จอยบอกเปล่าาา นี่กลับบ้านอ่ะ อยู่กับพ่อแม่ไงเลยบอกว่ากำลังจะไม่ว่าง


ผมก็อ้อ ๆ ๆ จอยถามมีไร พูดมาาาา ผมก็บอกนะว่า จะถามนะว่าเลิกงานยังง จอยก็บอกวันนี้ลากลับบ้านไง ผมบอกค๊าบ ๆ ๆ ๆ จอยบอกอื้ออ แล้วถามว่าเสื้อผ้าโทนยังอยู่ที่หอพักพนักงานนะ ผมก็บอกอื้อ เดี๋ยวแวะไปเอา แต่ตอนนี้งานอย่างเยอะเลย


จอยบอกก็ธรรมดาจะบ่นทำไม ผมก็อ่ะจ้าาาา จอยบอกอารายจ้าอาราย   มาทำเสียงระรื่นเฉยเลย   ผมก็บอกเปล่านี่.. แล้วจอยก็พูดว่า หรือจะโทรมานัดไปทำอะไร ผมบอกเดี๋ยวววว คิดอะไรเนี่ย เธอบอกจะรู้เรอะนิสัยโทนไว้ใจไม่ได้อ่ะ ผมก็ถามนี่เห็นผมเป็นคนยังไงเนี่ย


จอยตอบมา 3 คำครับ " คน ลา มก "  อ้าววว ผมบอกเอ้าา อะไรล่ะนิ จอยบอกก็คนลามกไง ชวนคุยแต่เรื่องอะไรไม่รู้ ผมบอกใจเย็นๆ จอยต้องใจเย็นๆ ยังไม่ได้ชวนคุยไรเลยยย จอยบอกไม่รู้แหละ ผมก็เลยบอก โหย ใครมาชวนแช่อ่างก่อน บอกมาดิ๊ จอยบอกไอ้บ้าโทนอย่าพูดดิ้


ผมก็หัวเราะเลยครับตอนนั้น เออดูจอยเธอ โก๊ะๆดีนะ ผมชอบภาพลักษณ์แบบนี้จัง คือมันก็ถูกที่เธอต้องคี๊ปลุ๊คเนี๊ยบๆตอนทำงานนะ แต่ฉากหลังนี่ดูโก๊ะๆดี ผมก็บอกอ่ะ ๆ ๆ ไม่แกล้งละ วางแล้วๆ แต่จอยบอกเดี๋ยว ๆ ๆ


ผมถามหืมอะไร จอยก็ถาม.. โทน นี่เลิกทำหน้าตึงใส่คุณรุกะหรือยัง ผมก็เอ๊ะอะไรหว่า ผมก็ถามอะไรเนี่ย อยู่ดีๆก็พูดถึงคุณรุกะเฉยเลย จอยบอกก็เปล่าา แต่แบ่บ สงสารคุณรุกะอ่ะ โทนก็ใจร้ายเกิน ผมบอกว่า อ้าววยังไงนั่น


จอยบอก โหโทน โดนคนที่มีความรู้สึกดีๆให้เมินใส่แบบนั้น แถมยังทำตัวห่างเหินอีก น่าสงสารออก ผมบอกพอเลย เป็นอะไรหืม จอยบอกก็สงสารรรร คุณรุกะใจดี นิสัยดี ไม่อยากให้เป็นแบบนั้นอ่ะ ถึงโปรเจคจะจบแล้ว แต่ก็ยังคุยกันได้นี่


ผมบอกเฮ้อออ จอยก็เห็นว่าชิบะมันบ้าขนาดไหน ขี้หึงขนาดไหน ขนาดแค่ไปเดินใกล้คู่หมั้นในเวลางานนะน่ะ มันยังทำอะไรบ้าๆบอๆแบบนั้น ขี้เกียจมีเรื่องอ่ะบอกตรงๆ จอยบอกชิบะเกี่ยวไร คุยกับคุณรุกะ ไม่ได้คุยกับชิบะ แปปนึงก็ได้ยินเสียงเรียก จอย จอยลูก


เสียงจอยตอบ ค่าาาาา แล้วจอยก็บอกแค่นี้ก่อนนะแม่เรียก ผมก็โอเค ๆ ๆ แล้วก็วาง เฮ้อ... หมดค่าโทรไปกี่บาทแล้วเนี่ย สงสัยต้องรับ BB มาด้วยความเต็มใจแล้วล่ะ ผมเดินลงสะพานลอย ลงไปข้างล่างต่อรถสาย 77 แล้วก็โทรหาดาว ดาวรับสายถามว่าเลิกงานยังพี่โทน


ผมบอกว่าขึ้นสาย 77 แล้ว ดาวบอกอื้ออ เสียงมิ้นต์กับแก้ม งุ้งงิ้งๆ ๆ กันอยู่ ผมถามว่าสองคนนั้นทำอะไรกันน่ะ ดาวบอกก็เอาเต๊นท์มากางน่ะสิ่พี่โทน ผมก็ถามฮึ๊ !!! เอาเต็นท์มากางเหรอ ช่างเถอะๆ ถึงจะไม่ได้คิดว่าจะถึงขั้นเอามากางเล่นกัน แต่มันก็คงไม่แปลกอะไรถ้าจะเกิดขึ้น ถ้าคุณผู้อ่านมาเป็นผมแล้วเห็นสายตาของพวกเธอสองคนตอนเมื่อวานก็คงจะเข้าใจครับ


พอลงรถเมล์ก็ต่อพี่วินมาลงหน้าหอพักเลย เอ้า !!! ชิบหายละลืมซื้อกับข้าว โอยยยย เวรกรรม ผมก็คิดว่าช่างเถอะค่อยเดินไปซื้อแถวๆนี้ก็ได้ พอเข้ามาที่หน้าหอพักดาวก็มานั่งรออยู่แล้ว พอผมเดินมาดาวก็ลุกมาเลยล่ะ มาถึงก็กอดแขนถามว่าเหนื่อยมั้ยเนี่ย ผมก็งงๆอยู่นิดนึง แล้วบอกนิดนึงแหละ แต่ร้อนเฉยๆ


ดาวบอกไปซื้อข้าวเย็นกันพี่โทน ผมกำลังเช็ดเหงื่อเลยก็บอกอื้อป่ะๆ แล้วสองคนนั้นล่ะ ดาวบอกปล่อยให้เล่นไปก่อนเถอะ ผมก็เดินมากับดาวนะตอนนั้น ดาวก็ถามร้อนมั้ยเนี่ยเหงื่อออกเยอะเลย ผมบอกไม่เป็นไร ไม่เป็นไร แล้วเราก็เดินมาร้านตรงแยกถนนจันทน์แหละครับ


แปปนึงก็ได้ยินเสียงพี่โทนน พี่ดาวว พอหันไปสองแสบก็เดินตามมาเลยครับหน้านี่มุ่ยมาเชียว พอมาถึงแก้มก็เข้าไปหาดาวแล้วบอกว่า ละสายตาไม่ได้เลยกะแล้ววววววว ว่าต้องมารอพี่โทน มิ้นต์ก็มองผมแล้วบอกว่าไว้ใจไม่ได้ เดี๋ยววว อะไรเนี่ย ดาวหัวเราะครับ ผมก็ถามว่าจะงอนจริงๆอ่ะ มิ้นต์บอกเปล๊าไม่ได้งอน จะมาซื้อของกิน แล้วเรา 4 คนก็เดินซื้อของกิน ซื้อกับข้าวกันนั่นแหละครับ


ยัยตัวแสบนี่ชอบกินลูกชิ้นย่างมากๆ ซื้อมาพอราดน้ำจิ้มก็กินเลย บอกอร่อย ๆ ๆ ส่วนมิ้นต์นี่พอเจอขนมโตเกียวใส้หวานก็เสียอาการเลย ผมกับดาวก็ง่วนอยู่กับการซื้อกับข้าวและเนื้อไก่เอาสำหรับอาหารเย็นและสำหรับมื้อเช้าพรุ่งนี้ครับ อืมม ชีวิตตอนนี้มันก็ไม่ได้แย่เท่าไรนะ


มันก็จริงที่ผมอาจจะไม่ได้มีสังคมอย่างที่เคยคิดไว้ ไม่ได้ไปกิน ไปเที่ยว กับคนในแผนก แต่ที่เป็นแบบนี้มันก็ดีเหมือนกันล่ะนะ สามสาวเดินไปด้วยกันครับ สองตัวแสบก็ถามพี่ดาวซื้ออะไรมามั่ง แล้วก็แบ่งๆกันดู จนมาถึงหอพักนี่แหละครับ ทุกๆอย่างที่กำลังสวยงาม มันหายวับไปทันทีเมื่อมีเสียงของเจ๊เตยดังออกมาจากทางออฟฟิศว่า









" อีโทน มากินยาเดี๋ยวนี้ "






 

เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

eltas007

ขออนุญาตเจิมก่อนอ่าน

เหมือนเจ้าหญิงจะเปิดใจให้พี่โทนขึ้นมาหน่อยนึ่งนะเนีย

ปล.p4 ตัวแห้งแน่นอนพรุ้งนี้มีประชุมนะพี่โทนฮาๆ

only1A


namogt

คิดถึงฉากเต็มๆของเจ๊เตยกับเจ๊หมิวมากเลยครับ จัดสักตอนสองตอนนะครับ เทพโทน

lnw007

ดูช่วงนี้อ่านเพลินมากไม่มีดราม่าเลย
รอเทพโทนพาสามสาวไปบ้านน่าจะสนุก

ฟ้าเหลือง แน่นอนวันต่อไปจะทำงานไหวไหมนี่




piya kanakit


peddo

เหมือนซิตคอมเลย​ กำลังหนุงหนิง​ นางเอกตัวจริงโผล่​ ทำเอาเสียวสันหลัง
แต่ต้องบำรุงน่ะถูกแล้วครับ​ อยู่กับสามสาว​ ถ้าไม่ฟิตจริงจะไม่ตกถึงเจ๊​555
ถูกรุมจริงด้วย​ สวยละทีนี้กินยาป๊ามาแล้ว​ ถึงไหนถึงกัน

ton29048


LMnade