ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_bigaud

ชะตาสวาท : EP.12

เริ่มโดย bigaud, กุมภาพันธ์ 07, 2024, 04:04:36 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

Khun22


TW200


TW200

เติมจะเป็นเจ้าของโลกหลายใบคนเดียวไม่ได้

osmosis12

โลกมันแคบ มาเจอกันที่เดียวกันแน่นอน ยาวไปๆ


Khammui


jeab2504

ยินยอมทั้งสองฝ่ายความมันก้อบังเกิด

naja313

แย่เลย โลกแคบนะ เจออย่างนี้เข้า

tatong2222

พิ้งค์ก็มาใช้รีสอร์ทเดียวกัน รสนิยมดีเหมือนกันเลยนะ เติมยังไม่ได้เลยนะพิ้งค์ 

King game


Aujp

อ้างจาก: bigaud123 เมื่อ กุมภาพันธ์ 07, 2024, 04:04:36 ก่อนเที่ยง
" ตัวละคร สถานที่ องค์กร และเหตุการณ์ทั้งหมดในเรื่องเป็นเรื่อง สมมุติและแต่งขึ้น ผู้อ่านควรใช้วิจารญาณในการเสพ "wow


EP.12 : ภาพและเสียงที่แท้จริง


หลังจากงานเลี้ยงปีใหม่ผ่านพ้นมานั้นมาผมก็ไม่ได้มีโอกาสได้มีโอกาสได้นัดเจอกันภายนอกบริษัทอีกเลย แถมโอกาสที่จะปฎิบัติกามกิจภายในบริษัทในช่วงเช้าก็ไม่มีอีกเลย เพราะพี่จิว ช่วงนี้สามีของเธอก็ไม่ได้ออกต่างจังหวัดแถมช่วงนี้พี่จิว มาทำสายสายอีกต่างหากด้วยเลยทำให้ผมและพี่จิว เลยไม่มีโอกาสแอบไปเจอนอกจากวันเวลางานเลยเกือบสามสัปดาห์เลยทีเดียว ที่บริษัทเรื่องงานผมก็ทำงานเป็นปกติ เหมือนไม่มีอะไร
จนมีเหตุเกิดขึ้นมาวันนี้ที่เป็นวันศุกร์  วันนี้ พิงค์ แฟนของผมคบกันอยู่นั้นไม่ได้มาทำงานซึ่งปกติ เธอจะมาทำงานพร้อมผม แต่วันนี้ในตอนเช้าเธอกลับโทรมาบอกผมอย่างปุ้ปปับว่า
"เติม วันนี้พิงค์ ลางานนะ ต้องไปทำ IDP ที่มหาลัย" พิงค์เอ่ย
"ได้" ผม เอ่ยตอบ ซึ่งผมเองก็แปลกใจแต่ก็ไม่ได้คิดอะไร จนเวลาผ่านมาก่อนพักเที่ยง พี่จิว เดินเข้ามาหาผมที่โต๊ะ
"นี่ๆๆ เติม  เดี๋ยวเย็นนี้ไปส่งพี่หน่อยนะ ที่ห้างนะ พี่นัดพี่แอ๊ด ไว้ เดี๋ยวออกค่าน้ำมันให้เอง" พี่จิว เอ่ย
ผมเงยหน้าขึ้นไปพยักหน้าเงียบๆ"เพราะวันนี้ พิงค์ ก็ลาพอดีผมจึงไม่ได้กลับพร้อมเธอนั่นเอง
.
.
.
.
พอเลิกงานห้าโมงปั้บผมกับพี่จิว เราสองคน ก็ออกจากบริษัทมา ระหว่างทางเมื่อรถฮอนด้าของผมเลี้ยวเข้าถนนทางหลัก เมื่อผมเห็นสถานีเติมน้ำมันข้างหน้า ผมก็เอ่ยขึ้น
"พี่ ผมขอแวะเติมน้ำมันก่อนนะ"
"อืม แต่ชั้นจ่ายให้เองนะคราวนี้ แกเล่นไม่ยอมให้ชั้นจ่ายมาตลอดเลยเวลาชั้นให้แกมาส่งชั้นแบบนี้" พี่จิว เอ่ย
เมื่อผมจอดรถเทียบกับหัวจ่ายน้ำมันภายในปั้มป์แล้ว ขณะที่ผมหันไปบอกเด็กที่เติมน้ำมัน
"เต็มถังนะครับ"
จังหวะที่เราสองคนที่กำลังนั่งรอการเติมน้ำมันอยู่นั้น ผมที่มองอะไรออกไปเรื่อยเปื่อยข้างหน้าด้านนอกรถที่มีร้านกาแฟภายในสถานีบริการเติมน้ำมันตั้งอยู่ห่างออกไป ไม่เกิน 30 เมตร นั้น
สิ่งที่ผมเห็นชายหนุ่มหญิงคู่หนึ่งที่กำลังเดินพ้นประตูออกมาจากร้านกาแฟ
ทั้งสองกำลังเดินจูงมือเดินคุยกันอย่างดูมีความสุข ชายหนุ่มในชุดทำงานเหมือนพนักงานบริษัททั่วไป ส่วนหญิงสาวผมยาวดูสูงโปร่งสวมกางเกงผ้าสีกรมท่ากับชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวแต่ส่วนที่สะดุดตาผมที่สุดคงเป็นหน้าอกทั้งสองภายใต้เสื้อเชิ้ตที่หญิงสาวสวมใส่นั้นมันมีขนาดใหญ่ไม่น้อยนั้น ผมที่เพ่งมองขึ้นไปอีกก็ถึงกับร้องอุทานออกมา
"เฮ้ย  นั่น"
"มีอะไรเติม ร้องมาซะจนพี่ตกใจหมด ...." พี่จิว เอ่ยถามด้วยความตกใจที่ผมร้องออกมาจนดังลั่นรถ
"พี่จิว ตรงนั้นที่ร้านกาแฟข้างนอก ผมเห็นพิงค์ เดินออกมากับผู้ชาย พี่เห็นไหม"
ผมที่หน้าตื่นทั้งตกใจทั้งสงสัย เอ่ยถามกับพี่จิว ที่มองไปยังร้านกาแฟภายนอกรถตรงหน้าตามที่ผมบอกทันใดนั้น เสียงพี่จิว ก็ร้องออกมา
" หา ยายนมใหญ่นี่  พิงค์... พิงค์นี่ ...ใช่ไหมเติม" พี่จิว เอ่ยถามขึ้นมาอย่างลืมตัว
"........"

ตอนนี้ภายในรถเงียบ เหมือนพี่จิว เธอเองก็เห็นเช่นกันนั้นแต่เธอคงไม่อยากพูดอะไรออกมา ทำให้ผมกับเธอ ต่างคนต่างอึ้ง จนทำตัวกันไม่ถูก
" เติม ใจเย็นๆก่อนนะ อาจจะไม่ใช่" พี่จิว เอ่ยแถไถออกมาทั้งๆที่สายตาเราทั้งสองคนต่างเห็นเหมือนๆกันว่าเป็นเธอแน่นอน   แล้วเธอก็คอยบอกย้ำอยู่ตลอดให้ผมใจเย็นๆ
"ใจเย็นๆก่อนนะ เติม"
ด้วยผมกำลังทำท่าที่จะเปิดประตูรถออกไป พี่จิว ก็รีบคว้าแขนของผมไว้ แล้วเอ่ยขึ้น
"เติม พี่บอกให้ใจเย็นๆก่อนไง เติมน้ำมันให้มันเรียบร้อยก่อนนะ"
ผมที่ได้ยินหัวหน้าของผมเอ่ย
ทำให้ผมหยุดทุกอย่างแล้วทำตามที่เธอบอก
".............."
ภายในรถที่เงียบสงัดแล้วเราทั้งสองพร้อมใจกันหันกลับไปมองพิงค์ ต่อทันทีชายคนนั้นที่กำลังเดินจูงมือของหญิงสาวที่ผมถือว่าว่าเป็นแฟนของผมไปยังรถ BMW คันหนึ่งที่จอดอยู่ ก่อนที่ทั้งสองจะเข้าไปนั่งกันภายในรถคันนั้น
ตอนนี้ในระหว่างที่ผมรอการเติมน้ำมันจากพนักงานอยู่นั้น มีแต่ความเงียบที่ดูบรรยากาศที่ดูแสนจะอึดอัดราวกับบรรยากาศมาคุในการ์ตูนสมัยเด็กของผม การเติมน้ำมันเต็มถังครั้งนี้ มันช่างดูยาวนานเสียเหลือเกิน จนผมพยายามหันชะโงกหน้ามองที่มิเตอร์หัวจ่ายน้ำมันอย่างลุกลี้ลุกลน
แล้วตอนนี้ตัวเลขบนมิเตอร์หัวจ่ายก็หยุดลง พนักงานที่กำลังถอดหัวจ่ายน้ำมัน ในสถานการณ์ที่ปกติการกระทำในขั้นตอนนี้นั้นใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น เวลาเกือบๆ  60 วินาทีนั้น เป็นเวลาที่ไม่ได้นานมากในการใช้ชีวิตประจำวัน แต่เวลาแต่เมื่อในสถานการณ์ที่ไม่ปกติแบบนี้นั้นก็เป็นช่วงเวลาที่ เหมือนมันยาวนานหลายนาทีเหลือเกิน ภายในใจของผมมันพยายามเร่งเร้าให้เสร็จภารกิจจากตรงนี้ไปเร็วๆ สักที
"1,000 บาทครับ"
พนักงานเดินมาบอกค่าน้ำมันกับผม แต่ผมที่มัวแต่กังวลจนลืมหยิบบัตรเครดิตออกมาเตรียมไว้มันเลยยิ่งช้าลงไปอีก
"นี่ค่ะ น้อง" พี่จิว เอ่ย พร้อมยื่นธนบัตรหนึ่งพันบาทให้พนักงานทันที
แต่จังหวะนั้นเองผมหันมาก็เห็นรถ BMW คันนั้น กำลังเคลื่อนจะขับออกไปพอดี ผมตัดสินใจสตาร์ทรถเพื่อจะตามตามรถคันนั้นไป แต่กว่าจะออกรถออกมาได้ ผมก็ไม่เห็นรถคันนั้นแล้วเมื่อรถของผมออกมาสู่ถนนใหญ่

" เติม  ใจเย็นๆก่อน ตั้งสติหน่อย" พี่จิว หันมาเอ่ยบอกผม คงหวังว่าให้ผมตั้งสติ และใจเย็นลงกว่านี้

"แต่พวกเราเห็นจริงๆ..........พี่ก็เห็นนี่" ผมเอ่ยแย้งผู้เป็นหัวหน้าออกมา

"....................." 

พี่จิว เงียบไม่ตอบอะไรกลับมา
จนรถของผมมาหยุดระหว่างติดรอสัญญาณไฟ ผมก็เลือกที่จะโทรหาพิงค์ ในทันที
"ติ๊ด..ติ้ด ติ๊ด..ติ้ด ติ๊ด..ติ้ด ติ๊ด..ติ้ด ติ๊ด..ติ้ดติ๊ด..ติ้ด ติ๊ด..ติ้ด ติ๊ด..ติ้ด ติ๊ด..ติ้ด ... ไม่มีการตอบรับจากเลขหมายที่คุณเรียกค่ะ sorry that no answer from your number requested .... ติ้ด"

"ไม่รับเลยพี่จิว" ผมเอ่ยบอกพี่จิว พร้อมกับโทรหาเธออีกครั้ง
"ติ๊ด..ติ้ด ติ๊ด..ติ้ด ติ๊ด..ติ้ด ติ๊ด..ติ้ด ติ๊ด..ติ้ดติ๊ด..ติ้ด ติ๊ด..ติ้ด ติ๊ด..ติ้ด ติ๊ด..ติ้ด ... ไม่มีการตอบรับจากเลขหมายที่คุณเรียกค่ะ sorry that no answer from your number requested .... ติ้ด"
และคงยังเหมือนเช่นเดิมที่ไม่มีคนรับสายของผม
"เค้าอาจจะไม่ได้ยินก็ได้นี่. หรือไม่ก็เปิดสั่นอยู่......เดี๋ยวอีกสักพักค่อยโทรใหม่เอานะ เติม"
พี่จิว ยังพยายามช่วยพูดเพื่อให้ผมอารมณ์เย็น แล้วตัดสินใจอะไรให้ได้ดีกว่าการใช้อารมณ์

" งั้นเดี๋ยวผมไปส่งพี่จิว ให้เรียบร้อยก่อนแล้วกัน "
ผมเอ่ยบอกเธอไปจังหวะนั้นสัญญาณไฟเขียวขึ้น ผมจึงตัดสินใจขับรถมุ่งหน้าไปส่งพี่จิว ที่ห้างตรงหน้าตามที่ตั้งใจไว้ให้เสร็จเรียบร้อยก่อน

"ได้ๆ  เติม แกใจเย็นนะ" พี่จิว บอก

ในที่สุดก็มาถึงที่จอดรถภายในห้าง พี่จิว ตั้งท่าจะเปิดประตูรถแล้วจะออกไป แต่ยังไม่ทันที่จะก้าวขาลงจากรถ ก็มีรถ BMW คันที่พวกเราเห็นกันก็ขับผ่านเราไปก่อนจะเข้าไปจอดตรงไม่ห่างจากรถของผมนัก พี่จิวกับผมหันมามองหน้ากันอย่างหน้าตาตื่นกับสิ่งที่เพิ่งเห็นผ่านไป เพราะไม่คาดคิดว่าเราจะเจอรถคันนี้อีก และพี่จิว คงกลัวผมจะก่อเรื่องขึ้น พี่จิว มองหน้าผม ก่อนจะส่ายหัวพร้อมกับเอ่ยปากเตือนผม
"พี่ขอนะ เติม"
พี่จิว มองมาที่ผม แล้วหยุดยืนรอดูอยู่ข้างๆรถของผม ทันที่ผมพยักหน้าให้เธอแล้ว ผมก็เปิดประตูรถลง ก่อนเดินตรงไปหาพิงค์ ที่รถคันนั้น พี่จิว ที่ดูทีท่าแล้วว่าอาจจะเกิดเรื่องไม่ดีเธอเลยกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามผมมาห่างๆด้วย

ผมเดินไปเคาะกระจกรถฝั่งที่พิงค์ นั่งอยู่ แล้วเอ่ยขึ้น
"พิงค์ ......ไปไหนมา แล้วนี่ใคร"
พิงค์ ที่นั่งข้างๆกำลังคุยกับคนขับถ้าผมเดาไม่ผิดคนนั้นน่าจะเป็นชาติ เพื่อนสนิทที่พิงค์ สมัยเรียนปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยเดียวกันกับเธอที่พิงค์ เคยเอ่ยชื่อนี้ให้ผมได้ยินถึงบ่อยๆจนผมเองก็รู้สึกผิดสังเกตในความคิดของผมเหมือนที่ผมสนิทกับพี่มน จนคนอื่นหรือพิงค์ อาจจะรู้สึกแบบเดียวกับผมก็ได้เช่นกัน พิงค์ หันมามองตามเสียงเรียกของผมแล้วเธอก็ต้องถึงกับสะดุ้ง อุทานออกมา
ภายในรถ

"เติม......."
พิงค์ รีบเปิดประตูรถก้าวลงมาโดยยังไม่ได้พูดอะไรออกมาเหมือนเธอยังตกใจจนยังจับต้นชนปลายทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน

"พิงค์ เติม ระหว่างทางผ่านมาเห็นพิงค์ นั่งรถออกมา" แล้วผมพูดต่อ
"เติม โทรหาพิงค์ พิงค์ ก็ไม่รับ"
"................"
พิงค์ ปิดปากเงียบไม่พูดอะไรออกมาเพื่อจะแก้ตัวอะไร ส่วนทางด้านชาติ ก็ลงจากรถมายืนรอดูสถานการณ์เงียบๆ อีกฟากฝั่งหนึ่ง
พอพูดจบผมที่พอจะเข้าใจอะไรได้ดีอาจจะเพราะอาจจะเคยมีภูมิคุ้มกันจากตอนเคสของ อร แฟนเก่าของผมก็เป็นได้  แล้วผมก็เลยหันกลับเดินมานั่งที่รถของผมทันทีโดยไม่รอฟังคำพูดใดๆจากพิงค์ แล้วพี่จิว ที่เห็นว่าผมกำลังเดินกลับมานั้นเธอก็เปิดประตูกลับเข้าไปนั่งในรถเช่นกัน พอผมที่กลับมานั่งอยู่ภายในรถแล้ว พี่จิว รีบเอ่ยปลอบผม ทันที
" เติม ใจเย็นๆก่อน สงบสติอารมณ์ก่อน เรื่องอาจจะไม่มีอะไรก็ได้" 
ขณะเดียวกันพิงค์ และชาติ ก็เหมือนจะคุยอะไรกันก่อนจะกลับขึ้นรถแล้วก็ขับออกไปทันที
พี่จิว กับผม เราสองคนนั่งกันอยู่ในรถไปสักพักโดยที่ต่างคนต่างเงียบไม่พูดอะไรออกมา จนพี่จิว คงรู้สึกอึดอัด เธอเลยหาเรื่องคุยกับผมเมื่อเห็นอยู่ในสถานการณ์นี้เพื่อระบายความเครียด
"อยากไปกินอะไรก่อนกลับไหม เติม" พี่จิว เอ่ยถาม

"พี่จิว จะให้ผมกินอะไร ตอนนี้" ผมเอ่ยตอบไปพร้อมหันไปยิ้มแห้งๆให้เธอ
"เติม อยากกินอะไรล่ะเดี๋ยวชั้นเลี้ยงเอง หรือจะลงไปกินกับพวกเพื่อนพี่ก่อนไหม" พี่จิว เอ่ยปากชวนไปกินข้าวกับเพื่อนๆในกลุ่มของเธอที่นัดกันไว้วันนี้
" ถ้าตอนนี้ผมอยากกิน พี่จิว ได้ไหมล่ะ" ผมพูดทีเล่นทีจริงออกมาดื้อๆ
"พอเลย ไอ้บ้า แกยังมีกะใจพูดเรื่อยเปื่อยอีกนะ" พี่จิว เอ่ยว่าผมออกมา
ทันทีตามความสนิทสนมของพวกเราแล้วพี่จิว ที่เอ่ยออกมา แล้วเธอก็แอบมีรอยอมยิ้มออกมาที่มุมปาก ตอนนี้ด้วยที่ผมนั้นคงมีมีภูมิคุ้มกันเรื่องแบบนี้จากเมื่อครั้ง อร มาแล้ว ผมเลยเอ่ยออกมา
"คิดมากไปก็ปวดหัวพี่ เรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว พิงค์ เค้าอาจะคบกับชาติอยู่พร้อมๆผมก็ได้ หรือไม่เรื่องนี้ผมก็หวังว่าผมจะเข้าใจผิดเอง เอาเป็นว่าช่วงนี้ผมยังไม่พูดถึงเรื่องพิงค์ แล้วกัน"
ผมเอ่ยด้วยพลางคิดในใจว่า'ตัวผมเองก็ไม่ได้ดีกว่าพิงค์เท่าไหร่นักหรอกในเรื่องแบบนี้กับในสิ่งที่ผมทำอยู่'
.
.
.
พี่จิว ที่ได้ยินผมพูดเธอก็นิ่งไปสักครู่เหมือนคิดอะไรอยู่ ก่อนที่เธอก็จะอมยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง แล้วพี่จิวก็เอ่ย
"อือ พี่ได้ยินเธอคิดยังงั้นแล้วก็ค่อยโอเคหน่อย "
ก่อนที่พี่จิว จะหยิบโทรศัพท์ของเธอขึ้นมากดโทรออก
"ตี้ดๆๆๆๆๆ"  "แกร๊ก"
"แอ๊ด วันนี้พี่แคนเซิลนัดก่อนนะเผอิญพี่ติดธุระ" เสียงพี่จิว คุยบอกปลายสายกับรุ่นน้องของพี่จิวไป แล้วเธอก็วางสายไป
"โอเค พี่แคนเซิลพี่แอ๊ดแล้วนะ" พี่จิว หันมาคุยกับผมก่อนเธอจะเอ่ยต่อ
"แต่เดี๋ยวพี่จะโทรคุยธุระอีกหน่อย เติม ช่วยเงียบๆเลยนะ"
"โอเคครับ พี่คุยธุระไปเถอะครับ"

"งั้นก็ออกรถไปได้แล้ว ไป"
พี่จิว เอ่ยใส่ผมอีกครั้ง พร้อมทุบเข้าที่ต้นขาอย่างแรง แล้วให้ผมก็ขับรถออกจากห้าง โดยเธอไม่ได้เอ่ยถามอะไรออกมาว่าผมกำลังจะพาเธอไปที่ไหนตลอดทางบนรถ ผมที่ตัดสินใจขับรถมุ่งหน้าไปที่รีสอร์ทแบบรายวันที่ผมเคยไปในทันที ผมขับรถไปได้ไม่นาน รถผมก็เลี้ยวเข้ารีสอร์ทรายวันแห่งหนึ่งเลี้ยวลัดข้ามสะพานคลองประปาตรงเข้าที่ลานจอดรถอย่างรวดเร็วจนพี่จิว ที่นั่งมองดูผมที่ดูเป็นงานไปหมด จนเธออดเอ่ยแซวผมไม่ได้
"แหม เติม ทำไมคุ้นเคยกับที่นี่จังนะ เหมือนจะเคยมาเลยนะแก "
".................."
ผมที่เงียบไม่ตอบอะไรกลับไป จนผมก็เอารถก็เข้าจอดในที่ลานจอดรถทันที เมื่อรถจอดรถสนิท ผมก็เปิดประตูรถเดินออกไป แล้วพี่จิว ก็เดินตามผมไปแบบห่างๆ เพื่อไม่ให้เธอดูไม่ดีที่กำลังเดินเข้าในสถานที่แบบนี้ในเวลาเกือบหกโมงเย็นแบบนี้ เราสองคนเดินเข้ารีสอร์ทรายวันไปไล่ๆกัน พอเข้าประตูลอบบี้ไป พี่จิว ก็แยกไปนั่งที่โซฟาที่ลอบบี้ส่วนผมก็เดินมายืนที่เคาน์เตอร์เชคอิน หันหลังให้ประตูทางเข้ารีสอร์ท แห่งนี้
ผมที่คุยกับรีเซปชั่นได้สักพัก ผมก็หันไปกวักมือเรียกพี่จิว ให้มาหาผม เพื่อจะขอบัตรประชาชนของเธอเพื่อมาเช็คอินห้องด้วยเพราะผมไม่ได้หยิบกระเป๋าเงินมาเพียงแค่หยิบเงินค่าห้องมาอย่างเดียว พอพี่จิว เดินเข้ามาถึงใกล้ๆผมที่เคาน์เตอร์ ผมก็เอ่ยขึ้น
"ผมขอบัตรประชาชนหน่อยครับพี่" ผมเอ่ย
พอพี่จิว ได้ยินเธอก็ไม่พูดจาอะไรเพียงก้มหน้าพยายามไม่สบตากับพนักงานรีเซฟชั่นสาวอายุรุ่นคราวลูกสาวของเธอที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์นั้นพลางก้มหน้าเปิดกระเป๋าเงินแบบยาวของเธอหยิบบัตรประชาชนของเธอออกมายื่นให้พนักงานก่อนจะหลบสายตาทำเป็นมองไปทางอื่น ผมที่นึกอยากแกล้งพี่จิว เล่นบ้างเลยคว้าร่างของเธอเข้ามาแนบชิดกับร่างของผมโดยพี่จิว ที่ไม่ทันระวังก็โดนผมเข้าโอบเอวพี่จิว ที่ จนพี่จิว ถึงกับสะดุ้งแต่เธอก็ไม่ได้ร้องอุทานอะไรออกมาได้แต่เงยหน้ามองตรงมาที่ผมเท่านั้น เธอที่คงตกใจพูดอะไรไม่ออก ผมเลยเอ่ยแกล้งพี่จิว ต่อทันที
"พี่ปล่อยให้ผมเหงาทั้งคืนเลยนะ รู้ไหมผมคิดถึงพี่ทั้งคืนเลยนะ แต่วันนี้ทำไมอยู่ๆนัดผมมาเนี่ย" ผมเอ่ย แกล้งพี่จิว ก่อนจะยิ้มใส่เธอ ต่อโดยลอบสังเกตอาการเห็นพี่จิว ก้มหน้าก้มตาไม่พูดไม่จาอะไรออกมา ผมยิ่งสะใจ ที่ได้แกล้งเธอแล้วเธอไม่สามารถตอบโต้ได้

"ขอโทษนะครับ ขอห้องแบบมีห้องน้ำเอาท์เดอร์นะครับ พวกเราอยากได้แบบนั้นน่ะครับ" ผมหันไปแกล้งถามพนักงานที่หน้าเคาน์เตอร์ต่อโดยเอ่ยเน้นคำว่า"พวกเรา"

"อ่อๆ ค่ะๆ แต่ต้องขออภัยนะคะตอนนี้ไม่เหลือแล้วน่ะค่ะ งั้นดิฉันจัดห้องของคุณผู้หญิงกับคุณผู้ชายเป็นห้องเตียงใหญ่ให้แทนแล้วกันนะคะ จะอยู่ชั้นที่ 2 นะคะ" พนักงานบอกตามหน้าที่พลางยื่นกุญแจส่งให้

"ขอบคุณครับ" ผมพูดพร้อมคว้ากุญแจหมับ แล้วจูงมือพี่จิว เดินไปที่ลิฟท์ราวกับคู่รักที่เข้ามาหาความสุขกันเหมือนคู่อื่นๆกัน
"ค่า พักผ่อนให้สนุกนะคะ หวังว่าจะเป็นประสบการณ์ที่ดี.... อ่อที่เลือกมาพักกับเราค่ะ" พนักงานเอ่ยไล่หลังตามมา
ส่วนหน้าพี่จิว ตอนนี้หน้าแดงก่ำด้วยความอาย ผมเดินจูงมือพี่จิว เดินเข้าไปลิฟท์ โดยเธอไม่ยอมพูดอะไรด้วยสักคำ แต่พอประตูลิฟท์ปิดสนิทเท่านั้น พี่จิว ก็จัดการสะบัดมือของผมที่จับมือของเธออยู่สะบัดทิ้งทันที
"อีเติม แกล้งฉัน แล้วฉันจะเอาหน้าไปไว้ไหนเนี่ย แล้วดูสิวันนี้ชุดที่ชั้นใส่มาดูก็รู้ว่าทำงานที่ไหน... ว๊าย,,, ลืมเก็บบัตรพนักงงาน " พี่จิว ร่ายยาวด้วยความโมโหเพราะพี่จิว ใส่ชุดมาทำงานด้วยเสื้อโปโลที่มีตราบริษัทของพวกเราติดอยู่ที่หน้าอกกับกางเกงผ้าสีดำเข้าชุดกัน ก่อนพี่จิว จะร้องตกใจออกมาเมื่อเธอก้มหน้าลงมาจะพบว่าเธอลืมเก็บบัตรพนักงานที่เธอคล้องคอเธออยู่ตลอดที่ผ่านมาตั้งแต่ออกจากบริษัท
"ชั้นจะกลับเลยดีไหมเนี่ย อีบ้าเติม อายคนอื่นเป็นบ้า" พี่จิว บ่นออกมาไม่หยุด
"ช่างมันพี่ ที่นี่เค้าคงไม่สนใจอะไรหรอกมั้ง แต่ก็ขอโทษพี่ๆ นะ ขอโทษๆๆๆๆๆ "
ผมเอ่ยขอโทษเธอไม่หยุดเช่นกัน  แต่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไร ลิฟท์ก็มาหยุดที่ชั้น 2 แล้ว เมื่อประตูลิฟท์เปิด แล้วผมก็เอ่ยขึ้น
"แล้วผมไม่ให้พี่กลับหรอกนะพี่จิว ไปกันเถอะ"
พูดจบผมก็จูงมือพี่จิว ก็เดินเข้าไปที่ห้องทันที โดยพี่จิว ก็ตามผมมาอย่างเหมือนทุกที เมื่อเปิดห้องเข้าไป พี่จิว ก็รีบเดินตรงเข้าไปในห้องทันที ส่วนผมก็จัดแจงปิดประตูห้องและสำรวจกลอนต่างๆเพื่อความเรียบร้อย พอผมปิดประตูห้องลงแล้ว
ผมเดินเข้าไปใกล้ๆพี่จิว ทางด้านหลังแล้วยื่นหน้าไปหาพร้อมโอบเอวพี่จิว ที่กำลังยืนกดรีโมททีวีอยู่  จนเธอถึงกับสะดุ้ง
"เออใช่ อีเติม....นี่ .แกจะทำให้ฉันอายไปถึงไหนกันตอนเช็คอินก็ทีแล้วมาก่งมากอดแบบนั้นได้ไงต่อหน้าคนอื่น เดี๋ยวเถอะปีนี้ ฉันจะเอาคืนแกชั้นจะประเมินโบนัสของแกให้ไม่ได้ A แบบปีก่อนแล้ว เอา D ไปเลยแล้วกัน" พี่จิว เอ่ยปากร่ายยาวใส่ผมพร้อมหันมาที่จะออกทุบผมด้วย
"โอ๊ย ไม่เอานะพี่แบบนั้น"
ผมพูดพลางรีบวิ่งเข้าห้องน้ำก่อนเพื่อไปหลบจากสองกำปั้นของผู้เป็นหัวหน้าของผม
"ปังๆ"
"นี่แก ออกมาเลยนะ"
เสียงทุบประตู ของพี่จิว พร้อมเสียงร้องเรียกของเธอดังเข้ามาภายในห้องน้ำ
"ขอโทษๆๆพี่ เติม ล้อเล่น ไม่โกรธกันนะๆ" ผมเอ่ยย้อนกลับไป
"นี่แก ออกมาเลยนะ ไม่งั้นชั้นกลับแล้วนะ" พี่จิว เอ่ยอีกครั้ง
"ครับๆพี่ แป้บนึง ขอผมฉี่แป้บ เดี๋ยวออกไปแล้ว" ผมเอ่ยบอกพี่จิว ไป
หลังสิ้นเสียงเอ่ยของผม แล้วทุกอย่างก็เงียบลง เหมือนพี่จิว ไม่ได้อะไรผมแล้ว พอผมจัดการธุระส่วนตัวเรียบได้สักพัก ผมก็ค่อยๆแง้มประตูเดินออกจากห้องน้ำมา แต่ภาพที่ผมเห็นข้างหน้าก็ทำให้ผมแปลกใจ ภาพที่เห็นคือ เป็นพี่จิว ที่กำลังยืนเอาหูไปแนบกับผนังห้องตรงโซฟาที่ตั้งอยู่หัวเตียงของห้อง ดูพี่จิว จะตั้งใจเงี่ยหูฟัง เหมือนมีอะไรน่าสนใจ พี่จิว เห็นผมเดินออกมา เธอเลยกวักมือเรียกให้ผมไปหา พร้อมกับเอ่ยเบาๆ
" เติมๆ มานี่หน่อย พี่หูแว่วไปไหมเนี่ย"
"อะไรหรอพี่" ผมตอบ
แล้วเดินงงๆเข้าไป พี่จิว ยกนิ้วออกมาทำท่าจุ๊ปาก แล้วทำท่าให้ผมเอาหูแนบกับผนังห้องเหมือนเธอ แล้วผมก็เอาหูของผมแนบกับผนังห้องไม่ถึงกับชิดมากแบบพี่จิว ผมก็ได้ยินเสียงลอดเข้ามา เพราะฝั่งตรงข้ามส่งเสียงดังพอสมควร
"ซิ๊ดดดดด....อื้อออออ นั่นแหล่ะ.......อ๊าาา"

เป็นเสียงผู้หญิงจากห้องข้างๆ นั่นเองผมที่ได้ฟังเสียงแล้วก็รู้สึกคุ้นหูมาก


ตอนนี้ในเวลาตี 1   หลังจากที่พวกเราต่างก็แยกย้ายกันอาบน้ำเรียบร้อย
พี่จิว ยืนอยู่ที่หน้ากระจกกำลังติดกระดุมเสื้อโปโลทีละเม็ด แต่งหน้าเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยคุยกับผมว่า
" เสร็จหล่ะกลับกันเถอะ"
"ค้างกันดีไหมพี่ ไหนๆพี่ก็บอกพี่มาด ว่าพี่อาจค้างนี่" ผมเอ่ย
"บ้าเหรอ.. ไม่เอา" พี่จิว ตอบพร้อมทำหน้าจริงจัง
"ล้อเล่นนะ พูดไปงั้นแหละ555" ผมเอ่ยพลางหัวเราะไปด้วย
จากนั้นเราทั้งสองก็พากันออกจากห้องขับรถออกมาจากโรงแรม ในระหว่างทางที่กำลังขับอยู่บนถนน ทั้งสองก็ผลัดกันชวนพูดคุยสนทนาแก้ง่วงจากอาการอ่อนเพลีย บทสนทนาก็ทั่วๆไป ไม่ได้เจาะจงกันแต่เรื่องเซ็กส์อย่างเดียว ส่วนมากจะพูดถึงงานที่ทำกันในบริษัทเป็นซะส่วนใหญ่
ก่อนที่พี่จิว จะเป็นฝ่ายถามเรื่องความสัมพันธ์ของเธอกับผมว่า
"จะมีใครรู้เรื่องของเรารึเปล่า เติม"
ผมที่กำลังมีสมาธิกับการขับรถบนถนน ก็ตอบกลับไปว่า
"ไม่มีนะ พี่ถามทำไมเหรอ"
"เปล่า แค่ถามรู้สึกว่า.. แต่ช่างมันเถอะ" พี่จิว ตอบ
"ไม่ต้องห่วงหรอก ทำตัวปกติคนอื่นก็ไม่รู้แล้ว แต่ว่าวันนี้... พี่สุดยอดมากเลยนะ"
ผมที่หันไปเปลี่ยนเรื่องบอกมองด้วยสายพิศวาส ภาพในตอนที่กำลังร่วมรักกันอย่างดุเดือดในวันนี้ก็ผุดขึ้นมาในหัว พี่จิว เองก็เช่นกันเธอแสดงออกอาการเขินจนหน้าแดงเลยบอกกับผมไปว่า
"มองถนนด้วยซิยะ"
แล้วเราทั้งสองก็อดอมยิ้มกันไม่ได้ ในตอนนี้พอมองหน้ากันปุ๊บ มันคงจะยากที่จะลืมหรือลบภาพในหัวไปได้
" คิดเหมือนกันใช่ป่ะเติม" พี่จิว เอ่ยถาม
"เรื่องนั้นหรือพี่ใช่ไหม" ผมตอบพี่จิว
"แล้วจะทำไงดี" พี่จิว เอ่ยต่อดูเหมือนพี่จิว จะเริ่มกังวลในความสัมพันธ์ของผมกับเธอ
"ก็ทำตัวปกติไง แปลกตรงไหน?" ผมหันมาบอกพี่จิว
พี่จิว เงียบก่อนบอกและเมินหน้าหนีมองข้างทางแล้วเอ่ยขึ้น
"อืม จะพยายามละกัน"
"พี่ก็รู้จัก FWB แล้วนี่" ผมบอกพลางเล่นหูเล่นตา
"FWB.. อืม เข้าใจแหล่ะที่เติม เคยบอก แต่พี่ลืมไปแล้วนี่ซิ ยังไงนะ"  พี่จิว หันมาถามต่อ
"หยาบๆก็หมายถึงเพื่อนที่มีอะไรกันกันได้ไง" ผมบอกเธอไปแต่ไม่หันมาสบตากับเธอ
เมื่อเธอรู้ความหมายของ FWB อีกครั้งแล้วก็พี่จิว ก็เกิดคำถามขึ้นมาในหัวพี่จิว เลยถามกับผมมาตรงๆว่า
"เหมือนผู้หญิงจะเสียเปรียบนะพี่ว่า  ว่าแต่แล้วมันผิดไหมอ่ะ เธอว่าไงเติม "
"....."
ผมนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งเพราะไม่รู้จะตอบพี่จิว ยังไงดี ก่อนที่ผมจะเอ่ยขึ้น
"ก็... ไม่รู้ซิพี่.. ก็ถ้าไม่มีใครรู้ แล้วเราโอเคทั้งสองฝ่ายไม่ใช่เหรอ"
พี่จิว ที่ได้ยินคำตอบของผมแบบนั้นเธอก็เงียบไป พี่จิว ที่เธอถามคงเพราะเธอรู้สึกผิดที่ทำแบบนี้กับสามีลับหลังขึ้นมาเฉยๆ
ผมว่าคำถามในหัวของของพี่จิว คงกำลังตีกันยุ่งเหยิง ไม่ว่าถ้าพี่มาด รู้เรื่องนี้แล้วจะโกรธไหม... เราควรจะบอกความจริงไหม... แล้วถ้าเกิดบอกความจริงแล้วรับไม่ได้ขึ้นมาล่ะ...  นี่คงเป็นสิ่งที่อยู่ในหัวของพี่จิว ในตอนนี้
จนกระทั่งคำพูดของผมที่เอ่ยขึ้นมา
"พี่จิว ก็ต้องการเหมือนผมกันทั้งสองฝ่ายไม่ใช่เหรอ"
จากนั้นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลของพี่จิว ก็ค่อยๆจางหายไป พี่จิว หันไปคุยกับผมเป็นระยะๆจนถึงบ้าน ก็ลงจากรถและแยกกันตรงนั้น
.
.
.
.

Manazz


songphon

#147
เจอสถานนะการแบบนี้มันเรารู้สึกว่าเวลาช้าลงแต่ยังดีที่เติมยังมีพี่จิวไม่งั้นน่าจะหนัก

7878

พอ ๆกัน   ต่างคนต่างมี
เสมอกัน

asdw