ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_KaohomLM

มั่วรัก นักเปิดซิง ตอนที่ 15: คู่หมั้น

เริ่มโดย KaohomLM, กุมภาพันธ์ 18, 2024, 08:11:39 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้





ananchai2002


onemanx002


vwdt41


Koyasure

เนื่อเรื่องเข้มข้นแฮะ น้องไผ่หลิวจะเอาให้ได้เลยสินะ



lit260499


xonly-1786

ขอบคุณมากครับ ทำไมไผ่หลิวกับมาพร้อมแม่ของชาคริตล่ะครับ

pradit

อ้างจาก: KaohomLM เมื่อ กุมภาพันธ์ 18, 2024, 08:11:39 ก่อนเที่ยงกว่าชาคริตจะกลับมาถึงบ้านก็เกือบสี่โมงเย็นแล้ว
   โชคดีที่แม่ยังกลับมาไม่ถึง
   ดีไม่ดี กลับไทยรอบนี้ แม่อาจจะไม่ได้กลับบ้านอีกรอบนึงแล้วก็ได้
   เห้ออออออ
   แต่ถึงจะยังน้อยเนื้อต่ำใจเรื่องแม่อยู่ แต่การได้พบกับริน ก็ทำให้เขาได้แรงบันดาลใจในการฮึดสู้ขึ้นมาใหม่
   เขาทำเลวมามากแล้ว แต่ยังมีเวลาอีกเยอะ ให้เขาได้ชดใช้ความผิด กลับตัวกลับใจเป็นคนที่เขาควรเป็นได้นานแล้ว
   และแก้ไขสิ่งที่เคยทำลงไป
   โกรธ โมโห น้อยใจ เสียใจ คิดมากไปก็แก้ไขอะไรไม่ได้
   จะแก้ไข ต้องอาศัยเจตนารมณ์อันกล้าแกร่ง
   เจตนารมณ์อันกล้าแกร่ง ที่เขาต้องมีให้ได้
   ชาคริตทำความสะอาดรอบบ้านอีกรอบ ก่อนจะออกไปทำความสะอาดบ้านพักคนสวน ที่ตั้งอยู่หลังตัวบ้านหลักให้มันโสโครกน้อยลงนิดนึง กว่าบ้านพักคนสวนจะเริ่มดูพอจะอยู่อาศัยได้ เข้าก็ได้ยินเสียงเลี้ยวรถเข้ามาหน้าบ้านพอดี
   ชาคริตรีบวิ่งกลับเข้าบ้านมารอรับแม่ที่หน้าประตู
   แต่.....
   ทำไมมีรถสองคันล่ะ....
   คันแรกเป็นรถแม่ รถที่ปกติจอดอยู่ที่บริษัท เขาจำได้ รถธรรมดา เรียบ ๆ ที่แม่เคยบอกว่าแค่พาไปถึงจุดหมายได้ก็ดีแล้ว แม่นาน ๆ กลับที ไม่ต้องใช้รถหรูหราอะไรหรอก เทียบกับรถของเขาเองที่จอดอยู่ข้าง ๆ รถแม่นับว่ากระจอกสุด ๆ ไปเลย
   แต่เบนซ์สุดหรูที่ตามมานั่นล่ะ.....
   ประตูรถคันเรียบเปิดออก หนิงก้าวออกมา
   เห็นหน้าแม่วูบเดียวชาคริตก็รู้ว่ามีอะไรผิดปกติมาก ๆ
   ประตูทั้งสองฝั่งของเบนซ์คันงามเปิดออก
   ฝั่งหนึ่ง.....ชายวัยใกล้ชรา ร่างอ้วนเตี้ย ค่อย ๆ ขโยกเขยกออกมา
   แต่อีกข้าง...
   ขาเรียวก้าวออกมา ตามด้วยกระโปรงสีชมพู กับร่างเตี้ยเล็กผอมบาง ผมซอยสั้นเสมอบ่า
   ใบหน้าเดียวในสามคนที่ยิ้มแย้มแจ่มใส....
   ไผ่หลิว....



   หนิงรีบสั่งชาคริตต้อนรับแขกในห้องกินข้าวก่อน ส่วนตัวเองตรงเข้าไปที่ลังยักษ์ที่อยู่ในห้องนั่งเล่น
   ถุงยางที่ซื้อไว้ให้ชาคริตแหว่งไปเกือบครึ่งแล้ว เซ็กส์จัดจริง ๆ พ่อคุณเอ๋ย
   แต่ถ้าไม่มีให้ ป่านนี้เธอคงได้อุ้มหลานแล้ว
   หนิงรีบกวาดตามองโดยรอบ ก่อนจะดึงผ้าเช็ดตัวผืนหนึ่งมาปิดลังไว้ และเอาหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ของชาคริตสองสามเล่มบนโซฟามาวางทับอีกที
   ปกติเธอไม่ได้ใช้บ้านตัวเองเป็นที่รับแขกเท่าไหร่ ถึงได้มีแบบนี้
   โชคดีที่เหมือนชาคริตจะทำความสะอาด ปัดกวาดเช็ดถูบ้านไว้ดีพอสมควร ไม่งั้นอายเขาแย่
   เมื่อปกปิดหลักฐานแล้ว เธอจึงได้โบกมือให้สัญญาณให้ชาคริตพาแขกเข้าห้องนั่งเล่นได้

   "พูดตรง ๆ เลยแล้วกันนะ...." คุณพงศ์พูดเมื่อนั่งลงที่โซฟาตัวยาวได้ "วันนี้ ผมพาลูกสาวมาสู่ขอลูกชายคุณหนิง"
   ไผ่หลิวยิ้มแฉ่งพยักหน้าหงึก ๆ
   หนิงกัดฟันกรอด ส่วนชาคริตอึ้ง คุณพงศ์ทำหน้าเหมือนเกลียดตัวเอง
   "งั้น.....ดิฉันก็ขอตอบตรง ๆ บ้างนะคะ อย่างที่ดิฉันตอบมาหลายครั้งแล้ว" หนิงกัดฟันตอบ "ดิฉันไม่เคยเห็นด้วยเรื่องการคลุมถุงชนค่ะ คิดมาตลอด ว่ายังไงก็จะให้ชาคริตเขาเลือกภรรยาเอง แล้วตอนนี้เขาก็มีแฟนที่คบหาดูใจกันอยู่แล้วด้วย"
   ชาคริตอยากจะเข้าไปกอดแม่แรง ๆ เมื่อได้ยินแม่พูดอย่างนั้น   
   คุณพงศ์ทำหน้าเหมือนกับเห็นด้วย แต่พอหันไปมองลูกสาววูบหนึ่ง ก็หันกลับมาเพิ่มแรงกดดัน
   "แต่...เมื่อตอนที่เราเจรจาร่วมทุนกันตอนนั้น...ชาคริตก็ตกลงไม่ใช่เหรอครับ ว่าโตขึ้นจะแต่งงานกับไผ่หลิว"
   "คุณพงศ์จะเอาอะไรกับคำสัญญาของเด็ก ป.2 คะ ถ้าชาคริตเค้าจริงจังกับเรื่องนั้นก็คงไม่ไปมีแฟนหรอก"
   "แปลว่า.....ฝ่ายคุณหนิงจะเบี้ยวสัญญาที่ทำกับฝ่ายผมเหรอครับ"
   "ในทางธุรกิจ สัญญาปากเปล่าไม่มีความหมายค่ะ" หนิงโต้ "คุณพงศ์มีสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรไหมล่ะคะ ว่าชาคริตตกลงจะแต่งงานกับไผ่หลิวน่ะ"
   คุณพงศ์กัดฟัน ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้นะ ว่าประเด็นที่ตัวเองพยายามใช้กดดันอีกฝ่ายมันไร้สาระแค่ไหน แต่ทางเลือกก็มีไม่มาก
   
   วันเสาร์ที่แล้ว
   ไผ่หลิวสูดหายใจลึก ๆ หลายครั้ง
   เธอคิดว่าจะไม่ต้องกลับมาที่บ้านหลังนี้แล้วเสียอีก
   แต่ทางเลือกอื่นไม่เหลือแล้วจริง ๆ นี่นา
   เธอสะกดรอยตามพี่ชาคริตอยู่นาน พยายามใช้เครื่องมืออุปกรณ์หลายอย่างช่วยให้พี่ชาคริตตกเป็นของเธอให้ได้ แต่ผ่านมาเกือบเทอมเต็ม ๆ แล้ว เหมือนพี่ชาคริตจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอมีตัวตนอยู่
   หรือว่าเธอสะกดรอยได้แนบเนียนเกินไป
   หลังจากวันแรกที่ถูกยัยแว่นจับได้ ไม่มีใครเคยเห็นตัวเธอด้วยซ้ำ
   ส่วนใหญ่ เธอจะสะกดรอยตามพี่ชาคริตในตึกคณะวิทยาศาสตร์ผ่านทางช่องแอร์เอา
   ถ้าพี่ชาคริตออกข้างนอก เธอก็แอบอยู่บนต้นไม้บ้าง ในพุ่มไม้บ้าง บางวันก็ซ่อนตัวในน้ำแล้วหายใจผ่านท่อ
   แต่ไม่ว่าจะระเบิดแก๊สยาสลบ ยาปลุกกำหนัด ลูกศรสื่อรัก เทียนหอมล่าหัวใจ ทุกอย่างที่เธอนำมาใช้ดึงดูดพี่ชาคริตให้เข้าหาล้วนแล้วแต่ล้มเหลวไม่เป็นท่า
   ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป อย่าว่าแต่แฟนพี่ชาคริตที่อยู่ ม.6 เลย แม้แต่ยัยแว่นหน้าตาไม่เอาไหนนั่นก็ต้องได้กับพี่ชาคริตก่อนชั้นแน่
   ครอบครัว
   ครอบครัวคือทางเลือกสุดท้าย
   "ไผ่หลิว!!!" คุณพ่อเดินขโยกเขยกออกมาเร็วเท่าที่ร่างกายที่เริ่มชราภาพจะเคลื่อนที่ได้ "หนูกลับมาแล้ว"
   "ค่ะ พ่อ.....หนูขอโทษที่หนีออกไปนะคะ"
   "ไม่ ไม่ หลิว พ่อสิต้องขอโทษ พ่อไม่เคยรู้เลย..." พ่อระล่ำระลัก "ที่หลิวพูดวันที่ออกจากบ้าน.....พ่อไม่รู้จริง ๆ ว่าที่พ่อให้หลิวทำมาตลอด มันลำบากใจหลิวขนาดนั้น"
   "พ่อแค่เป็นห่วงหนู ค่ะ หนูรู้" ไผ่หลิวพูดเสียงเย็นชา "แล้วก็เป็นห่วงว่าจะไม่มีใครสานต่อธุรกิจที่เริ่มมาตั้งแต่ปู่ของปู่ทวด"
   แม้แต่ตอนนี้ ไผ่หลิวก็ยังคิดว่าเหตุผลข้อที่สองยังคงสำคัญกว่าข้อแรกสำหรับพ่อ
   คุยกับพ่อ แทบไม่เคยมีครั้งไหน ที่พ่อไม่เอ่ยถึง 'ธุรกิจ ที่เริ่มมาตั้งแต่สมัยปู่ของปู่ทวด'
   ทุกส่วนในชีวิตเธอ คือการเตรียมตัวสานต่อธุรกิจนี้ โดยไม่มีใครเคยถามสักนิด ว่าเธออยากหรือเปล่า
   ธุรกิจนี้ สืบทอดมาในลูกชายคนโตของตระกูลมาตลอด จนถึงพ่อของเธอ
   พ่อแต่งงานเพราะถูกคุณปู่คลุมถุงชน แต่ถึงกระนั้นก็รักแม่มาก หลังจากแม่ตายตอนคลอดลูกคนแรกและคนเดียว พ่อก็ไม่เคยแม้แต่เหลียวมองผู้หญิงคนอื่น
   ไผ่หลิวจึงกลายเป็นผู้สืบทอดเพียงหนึ่งเดียวที่ต้องแบกรับน้ำหนักมหาศาลของธุรกิจพันล้านนี้
   พงศ์ก้มหน้ามองพื้น เห็นได้ชัดว่าเจ็บปวดกับน้ำเสียงของลูกสาว
   "พ่อรู้ไหมคะ สิบแปดปีในชีวิตหนู ก่อนหนูจะหนีออกจากบ้านไป หนูมีความสุขจริง ๆ แค่สามวันแค่นั้นเอง"
   "พ่อขอโทษ..." แต่เหมือนพงศ์จะจับเสียงของลูกสาวได้ ว่าเธอกำลังจะเอ่ยนำสู่อะไรสักอย่าง "สามวันไหน"
   "สามวัน ที่บ้านพักชายทะเล.....คุณหนิง......พี่ชาคริต"
   พงศ์อึ้ง เขาลืมเรื่องนี้ไปแล้ว แล้วก็คงไม่มีวันนึกได้ ถ้าลูกสาวไม่พูดขึ้นมา
   "พ่อช่วยหนูหน่อยนะคะ..."
   "ช่วยเหรอ...."
   "ช่วย....ให้หนูได้แต่งงานกับพี่ชาคริต แล้วหนูจะเรียนบัญชีให้จบ ต่อโท เอก บริหารธุรกิจ ตามที่พ่อต้องการ แล้วออกมาบริหารธุรกิจที่เริ่มมาตั้งแต่สมัยปู่ของปู่ทวด"
   "แต่....นั่นมัน....." การแต่งงานแบบคลุมถุงชน แต่งงานเพื่อผูกสัมพันธ์ระหว่างตระกูลเพื่อความก้าวหน้าทางธุรกิจมันล้าสมัยไปมากแล้วนะ ถึงเขาจะบีบบังคับให้ไผ่หลิวทำอะไรที่ไม่อยากทำมาตลอด แต่เขาไม่เคยคิดสักนิดว่าต้องมีหน้าที่เจรจาหาสามีให้ลูกสาว
   "แต่ถ้าหนูไม่ได้แต่งงานกับพี่ชาคริต......พ่อก็เตรียมขายบริษัทของครอบครัวให้เป็นมหาชนได้เลยค่ะ"

   "ชาคริต...." คุณพงศ์หันมาหาชาคริต "จะไม่ลองพิจารณาดูหน่อยเหรอ..."
   ชาคริตส่ายหน้า "ผมมีแฟนแล้วครับ รักกันมากด้วย"
   "ความรัก ตอนรักกันก็หวานดี แต่พอความหวานหมดไปมันจะเหลืออะไรล่ะ" คุณพงศ์ถาม "แต่ถ้าเธอแต่งงานกับไผ่หลิว บริษัทยักษ์ใหญ่สองบริษัทควบรวมกัน เธอจะมีกินมีใช้ไปตลอดชีวิตนะ เธอเรียนคณะวิทยาศาสตร์ใช่ไหม คงไม่ได้สนใจเรื่องธุรกิจเท่าไหร่ แต่ถ้ามีภรรยาบริหารให้ เธอจะไปทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ"
   "........"
   "ถ้าดิฉันตาย แล้วชาคริตไม่อยากบริหารธุรกิจ ดิฉันยินดีให้ขายบริษัทเป็นมหาชนค่ะ" หนิงบอก "รายได้จากการขายบริษัท พอให้ชาคริตใช้ตลอดชีวิตอยู่แล้ว"
   รักแม่ รักแม่ที่สุด
   ขอโทษที่เคยคิดว่าแม่ไม่ไยดีผมนะครับ
   "แปลกนะ" คุณพงศ์บอก "ที่คุณหนิงยังสนับสนุนการแต่งงานด้วยความรักได้อีก ตัวคุณหนิงเองก็แต่งงานด้วยความรักไม่ใช่เหรอ แต่สุดท้ายความรักก็ไปไม่รอด...."
   "กรุณาอย่าเอาเรื่องส่วนตัวของดิฉันมาเกี่ยวค่ะ" หนิงพูดเสียงแข็ง "ดิฉันเชื่อว่าชาคริตต้องตัดสินใจเรื่องชีวิตคู่ได้ดีกว่าดิฉันแน่นอนและ....ต่อให้ความรักไปไม่รอด มันก็จะเป็นความล้มเหลวจากการตัดสินใจของเขาเอง ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ใหญ่โง่เง่าสองคนยัดเยียดให้"
   ผมรักแม่ที่สุดดดดดดดดดด
   แต่ข้างหลังคุณพงศ์ ไผ่หลิวทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แล้ว
   หัวใจของชาคริตหล่นวูบเมื่อเห็นความเศร้าหมองในดวงตาของสาวร่างเล็ก
   ไม่ อย่าไปมอง คิดถึงหน้าน้องญากับน้ำฟ้าไว้
   คุณพงศ์ถอนหายใจ
   "งั้น....ผมคงไม่มีทางเลือกสินะ"
   ขอโทษด้วยนะ คุณหนิง ทั้งหมดนี้ ผมทำเพื่อลูก
   คุณพงศ์หยิบแฟ้มเอกสารเล็ก ๆ ขึ้นมาแฟ้มหนึ่ง แล้วยื่นให้หนิง
   "อะไรคะเนี่ย..........."
   ตาของหนิงเบิกกว้างด้วยความตกใจทันทีที่เปิดแฟ้มเอกสารออกดู
   "นี่....มัน............."
   มือที่สั่นเทากระแทกแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะกลางห้อง
   "ทำแบบนี้หมายความว่ายังไงคะ"
   "หมายความว่า"คุณพงศ์พูดเบา ๆ "ถ้าชาคริตกับไผ่หลิวไม่ได้แต่งานกัน ข้อมูลที่คุณหนิงเห็นในแฟ้มนี่ จะไปถึงมือตำรวจกับสื่อแน่นอน"
   "พ่อ....ทำไม...." ไผ่หลิวเอ่ยปาก
   "ชู่ววว"
   "คนไทยจะว่ายังไงกันนะ ถ้าได้รู้ว่าบริษัทข้ามชาติพันล้านที่เป็นชื่อเสียงเป็นหน้าเป็นตาให้ประเทศเราขนาดนี้จะมีจุดเริ่มต้นแบบนี้"
   แม้แต่ชาคริตก็ยังไม่รู้ว่าที่คุณพงศ์พูดถึงคือเรื่องอะไร แม่ทำธุรกิจถูกกฎหมายมาตลอดไม่ใช่เหรอ
   "คุณหนิงไม่เคยเล่าให้ชาคริตฟังเหรอครับ" คุณพงศ์ถามเมื่อเห็นสีหน้าสับสนของชาคริต "ว่าเงินก้อนแรกของธุรกิจ ได้มาจากไหน...."
   "....."
   "งั้นผมเล่าเองก็แล้วกัน......."
   "ก่อนชาคริตจะเกิด" หนิงกัดฟันพูดออกมา "ช่องโหว่ทางกฎหมาย ที่ทำให้ที่ดินอุทยานแห่งชาติหลายจุด ถูกเอามาขายทอดตลาดในราคาถูก"
   "งั้น...."
   "ใช่ แม่ไปกว้านซื้อมา ปลูกบ้าน ก่อนจะขายไปในราคาแพง เงินก้อนนั้น เป็นเงินก้อนแรกที่ต่อยอดมาเป็นทุกอย่างที่เรามีทุกวันนี้"
   บ้านพักตากอากาศ ทั้งหลังบนภูเขา ทั้งหลังชายทะเล มาจากที่อุทยานแห่งชาติหรือเนี่ย
   "แต่สุดท้าย...." หนิงเงยหน้าขึ้นสบตาคุณพงศ์อย่างท้าทาย แต่น้ำเสียงที่สั่นเทาก็บอกชาคริตได้ว่าแม่อยู่ในภาวะตระหนกแค่ไหน "ดิฉันก็ไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมายนี่คะ กฎหมายมันมีช่องโหว่เอง เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ก็สมรู้ร่วมคิด จะโทษเอกชนที่มาซื้อต่อได้ยังไง"
   "ก็ถูก" คุณพงศ์พยักหน้า "จนถึงตอนนี้ กรมป่าไม้ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพื้นที่หกเจ็ดผืนนั่นถูกเอกชนยึดไปแล้ว แต่ลองคิดซิ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าสื่อรู้ มันจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดไหน ที่ต้องยึดคืนแค่ไหน จะมีใครฟ้องอะไรใครบ้าง....."
   หนิงกัดฟัน
   "บริษัทของคุณหนิงเติบใหญ่จากกิจการระหว่างประเทศ แต่ผมเกรงว่าสถานะโครงสร้างในประเทศไทยอย่างเดียวคงไม่ได้แข็งแรงพอจะรับแรงกดดันแบบนี้ได้นะ แล้วถ้าบริษัทแม่ในไทยล่มไป...ธุรกิจลูกในประเทศต่าง ๆ จะอยู่ได้ไหม"
   "คิดว่าทำแบบนี้แล้ว ชาคริตจะรักไผ่หลิวลงหรือคะ" หนิงถามเบา ๆ
   "พ่อ ทำไมพ่อทำแบบนี้"
   "ก็ไผ่หลิวบอกพ่อเองไม่ใช่เหรอ ว่าต้องแต่งงานกับพี่ชาคริตให้ได้" คุณพงศ์ถาม "พ่อก็ต้องช่วยด้วยทุกวิธีที่พ่อคิดได้"
   "ถ้าอย่างนั้น ก็เชิญเอาเอกสารพวกนี้ไปให้ตำรวจกับสื่อเถอะค่ะ" หนิงล้มตัวลงนั่ง มือสั่นเทากุมมือชาคริตไว้แน่น "เพราะดิฉันยินดีจะเสียทั้งบริษัท ดีกว่าจะเสียความไว้ใจของลูก"
   ชาคริตกับไผ่หลิวสบตากัน
   ชาคริตเห็นความกลัว และความตกใจของเขาสะท้อนออกมาจากในดวงตาคู่นั้น
   เธอก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน ที่ชะตาของบริษัทยักษ์ใหญ่จะต้องมาผูกอยู่กับความรักของเด็กโง่ ๆ สองคน
   "แล้วถ้า...." ชาคริตเอ่ยปากขึ้นในที่สุด "ให้ผมลองได้รู้จักกับไผ่หลิวดีกว่านี้ก่อนหละครับ"
   "ชาคริต....ไม่ต้อง..."
   "พี่ชาคริต...."
   "ใช่ ตอนนี้ ผมบอกเลยว่าผมไม่อยากแต่งงานกับไผ่หลิวแน่นอน" ชาคริตพูดต่อ "แต่ผมก็ไม่เคยได้คุยกับไผ่หลิวอีกเลย ตั้งแต่สามวันนั้นที่บ้านพักริมทะเล ผมไม่รู้ ว่าไผ่หลิวเป็นคนยังไง จะเข้ากับผมได้ไหม ผมขอเวลา ให้เราได้รู้จักกัน ถ้ารู้จักกันมากกว่านี้ ผมจะได้รู้ ว่าผมจะเข้ากับไผ่หลิวได้หรือเปล่า และไผ่หลิวก็จะได้รู้ด้วย ว่าผมยังเป็นพี่ชาคริตที่ได้รู้จักกันตอนนั้นไหม ถ้าไม่ได้ ไม่ใช่ ไผ่หลิวก็จะได้มีโอกาสตัดใจ ไปมองหาคนอื่นที่ดีกว่าผมได้ หรือถ้าเราเกิดมาคู่กันจริง.....ก็จะได้รู้กัน ดีกว่าอยู่ ๆ ก็จะให้แต่งงานกันเลยแบบนี้นะครับ"
   "หนูเห็นด้วยค่ะ!!!" ไผ่หลิวรีบบอก
   "อืม เอาอย่างนั้นก็ได้" คุณพงศ์ตกลง

จะเลิกกับไผ่หลิวได้แน่หรือ

Chava

 ::HeyHey:: ชาคริตจะช่วยแก้วิกฤตของครอบครัวได้หรือไม่