ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

รวมสูตรอาหารและความรู้ที่ผมสนใจ

เริ่มโดย kilo, พฤษภาคม 31, 2025, 10:25:17 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

kilo

ไก่ผัดพริกเผา : เมนูง่ายๆอร่อย 😋

- เนื้อไก่ 300 กรัม
- หอมใหญ่ 1/2 หัว
- กระเทียมสับ 2 ช้อนโต๊ะ
- พริกสดแดงผ่าครึ่ง 4 เม็ด
- น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
- พริกเผา 1 ช้อนโต๊ะ
- ซอสภูเขา 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทรายขาว 1 ช้อนชา
- น้ำเปล่า 100 กรัม
- พริกไทยป่น
- ต้นหอมหั่นท่อน 4 ต้น

- 300 grams of chicken meat
- 1 / 2 head onion
- 2 tablespoons chopped garlic
- Fresh, red peppers cut in half by 4 grains.
- 1 tablespoon shellfish oil
- 1 tablespoon of burned peppers
- 1 tablespoon mountain sauce
- 1 teaspoon white sugar
- 100 grams of water
- Pepper meal.
- Four slices of onion.

#สูตรอาหาร #ไก่ผัดพริกเผา #บ่าวต๊อบ


https://www.facebook.com/share/v/16FBwC5c8u/

kilo

กลิ่นตัวแรง ปากเหม็น หายเกลี้ยงด้วยใบพลูใบเดียว! เต่าแรงแค่ไหน เหนียว เหม็น เปียกโชก แค่ไหนก็เอาอยู่
🛁 อาบน้ำเสร็จ ปุ๊บ!
เด็ดใบพลู 1 ใบ บี้ให้ช้ำๆ จนน้ำออกนิดๆ
แล้วโปะตรงใต้แขนให้ทั่ว ทิ้งไว้ 15 นาที
จากนั้นล้างออกให้สะอาด
ทำทุกวันเช้า-เย็น ใช้ 3 วัน กลิ่นตัวหายเงียบ กลิ่นตุๆ หายเรียบ สบายตัว ไม่ต้องพึ่งโรลออน
👄ปากเหม็นจนคนเมิน? เคี้ยวใบพลูจบเลย! แค่เคี้ยวใบพลูหลังข้าว อมไว้แป๊บเดียวแล้วคาย ลมหายใจหอมขึ้น ฟันแน่น เหงือกดี ไม่โยกไม่หลุดง่าย กลิ่นตุๆ ในปากจะหาย ลมหายใจสะอาด หอมเหมือนเพิ่งแปรงฟันใหม่ๆ
เคี้ยวใบเดียว...เอาอยู่ยันเย็น! เราชอบทำใช้มาก #ปากหอมด้วยพลู #กลิ่นปาก #กลิ่นตัว
Cr. ภัสสร สาระดี


https://www.facebook.com/share/p/1Bi5YP9yUt/

kilo

ก่อนหน้านี้ผมมีสารพัดอาการ
เข่าตึง ขาหนัก ปวดเข่า ขาชา ชาลงถึงปลายเท้า
ไอบ่อยจนรำคาญตัวเอง เสลดข้นเต็มคอ
ปัสสาวะก็ขัดๆ ไม่สุดบ้าง เผลอเล็ดเลอะกางเกงก็มี
มีคนแนะให้ลองต้ม "ต้นต้อยติ่ง"
ใช้ทั้งต้น ใบ กิ่ง หั่นพอประมาณ ต้มกับน้ำ 2 ลิตร ดื่มอุ่นๆ ก่อนอาหารเช้า วันละแก้ว
แค่ 2 วัน อาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เดินคล่อง ไอลด เสมหะหาย ปัสสาวะกลับมาเป็นปกติ
ของดีอยู่ใกล้ตัวครับ ลองดูแล้วจะทึ่งเหมือนผม #ต้อยติ่ง #สมุนไพร
Cr. สันติ สาระดี


https://www.facebook.com/share/p/1Ff4gNodni/

kilo

#ขนมอบครีมไข่ขาว ดึ๋งๆอร่อย ทำทานเองที่บ้าน
...วัตถุดิบง่ายๆไม่ยุ่งยากค่ะ
1.ไข่ขาว 2 ฟอง
2.แดง 2 ฟอง
3.น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
4.เนยเค็มละลาย 20 กรัม
5..น้ำมะนาว1/2ช้อนชา


https://www.facebook.com/share/v/18vb27imrS/

kilo

💁�♀️ ใครที่น้ำตาลพุ่ง ความดันวิ่ง ปวดหัวบ่อยแบบงงๆ ลองหันกลับมามองต้นมะยมหลังบ้านดูหน่อย!!
- ช่วยฟื้นฟูตับอ่อนให้กลับมาทำงานดีขึ้น
- น้ำตาลในเลือดค่อยๆ ลด เบาหวานเบาใจ
- ความดันสูงๆ ก็เริ่มนิ่ง
- แถมยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอวัยอีกต่างหาก
🥣 จะกินแบบสดก็ง่ายนิดเดียว เด็ดมา 3 ก้านเน้นยอดอ่อนๆ เป็นผักเคียง กับอาหาร
👉 หรือจะต้มใบแก่ๆ สักหนึ่งกำมือลงในหม้อ น้ำพอท่วม ต้มดื่มเช้า กลางวัน เย็น
📌 บางคนดื่มตอนปวดหัว บอกเลยว่า...แค่แก้วเดียวก็โล่งหัวแล้ว! #ใบมะยม #ต้านเบาหวาน #ลดความดัน


https://www.facebook.com/share/p/1CZBtRT6t7/

kilo

#20
สงคราม ส่งด่วน: ซีรีส์และวงการสตรีมมิ่งไทย
(คำตอบที่บันทึกไว้จะเป็นแบบดูอย่างเดียว)
สรุปสาระสำคัญ: ซีรีส์ "สงคราม ส่งด่วน (Mad Unicorn)" และภูมิทัศน์อุตสาหกรรมบันเทิงไทย
บทความและบทวิจารณ์เกี่ยวกับซีรีส์ไทยเรื่อง "สงคราม ส่งด่วน (Mad Unicorn)" พร้อมด้วยข้อมูลเชิงลึกจากผู้ผลิตคอนเทนต์และภาพรวมธุรกิจสตรีมมิ่งในประเทศไทย ชี้ให้เห็นถึงประเด็นสำคัญหลายด้าน ดังนี้:

1. "สงคราม ส่งด่วน (Mad Unicorn)" ซีรีส์ที่สะท้อนความจริงและสร้างแรงบันดาลใจ:

แรงบันดาลใจจากชีวิตจริง: ซีรีส์เรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องจริงของ "คมสันต์ แซ่ลี" CEO และผู้ก่อตั้ง Flash Express ซึ่งเป็นสตาร์ตอัพยูนิคอร์นรายแรกของไทย (Longtungirl, thepeople). เรื่องราวของ "สันติ" ตัวละครหลักที่เริ่มต้นจากศูนย์ สะท้อนถึงความยากลำบากของคนตัวเล็กในสังคมและความพยายามที่จะพัฒนาตัวเองให้ไปถึงเป้าหมาย (Pantip, ชาตินี้ต้องสำเร็จ, thepeople).
การเล่าเรื่องที่เข้มข้นและเข้าถึงง่าย: บทวิจารณ์ชื่นชมซีรีส์ว่ามีเนื้อเรื่องที่สนุก เข้มข้น และน่าติดตาม (Pantip, workpointTODAY). แม้จะเป็นเรื่องราวทางธุรกิจที่ซับซ้อน แต่ซีรีส์สามารถเล่าออกมาได้อย่างเข้าใจง่าย พาผู้ชมที่ไม่มีความรู้ด้านการตลาดตามทันทุกฝีเก้า (thepeople). การผสมผสานระหว่างเรื่องจริงและเรื่องแต่งทำให้ตัวละครและเรื่องราวมีความจับต้องได้ (thepeople).
สะท้อนประเด็นทางสังคม: ซีรีส์นำเสนอประเด็นความขัดแย้งระหว่างคนรวยและคนจน กลุ่มทุนใหญ่และคนชายขอบได้อย่างน่าเจ็บปวดแต่ก็จุดประกายความหวัง (workpointTODAY, thepeople). ฉากที่แสดงให้เห็นถึงการทำงานอย่างหนักของทีม "ธันเดอร์" เปรียบเทียบกับการทำงานของกลุ่มทุนใหญ่ สะท้อนความอยุติธรรมที่พบเห็นได้ในสังคม (workpointTODAY).
การแสดงที่โดดเด่น: นักแสดงหลักหลายคน เช่น ไอซ์ซึ ณัฐรัตน์ (รับบท สันติ), เอก ธเนศ (รับบท เจ้าสัวคณิน), เจนเย่ เมธิกา (รับบท เสี่ยวหยู), และ ดร. พลัง โลกศิลป์ (รับบท รุ่ยเจี๋ย) ได้รับคำชมอย่างมากสำหรับการแสดงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังและความละเอียดอ่อน (Pantip, workpointTODAY). โดยเฉพาะไอซ์ซึ ณัฐรัตน์ ที่แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทในการเรียนรู้ภาษาจีนและการแสดงฉากแอ็กชัน (workpointTODAY).
โปรดักชันคุณภาพ: งานโปรดักชันของซีรีส์ได้รับการยกย่องว่ามีมาตรฐานที่ดีทัดเทียมกับซีรีส์ต่างประเทศ ทั้งมุมกล้อง การตัดต่อ ฉาก และเพลงประกอบ (workpointTODAY).
บทเรียนชีวิต: นอกเหนือจากเรื่องราวความบันเทิง ซีรีส์ยังแฝงไปด้วยบทเรียนชีวิตเกี่ยวกับการไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค การใช้ความยากจนเป็นแรงผลักดัน การเรียนรู้จากคู่แข่ง การสร้างทีมที่แข็งแกร่ง การกล้าได้กล้าเสียอย่างมีสติ และการค้นหาแรงขับเคลื่อนจากภายใน (ชาตินี้ต้องสำเร็จ, thepeople).
Quote สำคัญ:

"...นี่ถือว่าเป็นซีรีส์ไทยอีกเรื่องที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยดูมา ทั้งเนื้อเรื่อง ตัวละคร ความดราม่า ที่เล่าออกมาได้สนุกมากๆ และยังสะท้อนให้เห็นถึงความยากลำบากของคนที่พยายามพัฒนาตัวเองให้ไปถึงเป้าหมายในชีวิต ด้านมืดของวงการขนส่ง ความเครียดความกดดันของคนทำธุระกิจ ความเหน็ดเหนื่อยของพนักงาน การห้ำหันกันของบริษัทขนส่ง ต่างฝ่ายต่างไม่ยอม สิ่งเหล่านี้ทำให้ตัวซีรีส์ดูเข้มข้นและน่าติดตาม" (Pantip)
"ความจนมันกดให้คนต้องคิด" (อ้างอิงจากคำพูดของเจ้าสัวคณินในซีรีส์ - thepeople)
"เมื่อ ล้ม แล้ว ต้อง ลุก ให้ ไว ที่สุด ใน 3 โลก หัวใจ ของ คน ชนะ คือ พลัง ใน การ ฟื้น คืน ตัว เอง อย่าง รวด เร็ว" (ชาตินี้ต้องสำเร็จ)
"จง หา แรง ขับ เคลื่อน จาก ข้าง ใน จิตใจ ของ คุณ ให้ เจอ เพราะ เมื่อ เป้า หมาย ใน ชีวิต ของ คุณ มัน ชัดเจน แจ่ม แจ้ง แล้ว อุปสรรค ทั้ง หลาย ก็ เป็น แค่ ทาง ผ่าน เท่า นั้น เอง แหละ นะ จริง ๆ" (ชาตินี้ต้องสำเร็จ)
2. ศักยภาพและความท้าทายของคอนเทนต์ไทยในตลาดโลกและธุรกิจสตรีมมิ่งในประเทศไทย:

ตลาดสตรีมมิ่งที่เติบโตและแข่งขันสูง: ธุรกิจสตรีมมิ่งในไทยมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีผู้ให้บริการหน้าใหม่เข้ามาและมีการยกระดับการผลิตคอนเทนต์ (Thailand Media Landscape). รายได้จาก OTT ในไทยคาดว่าจะขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ ทำให้การแข่งขันด้านบริการและคอนเทนต์ดุเดือด (Thailand Media Landscape).
พฤติกรรมการรับชมที่เปลี่ยนไป: ผู้บริโภคไทยมีการใช้งานหลายแพลตฟอร์มพร้อมกัน (Multi-platform) โดยมีสัดส่วนผู้ชมที่รับชมผ่านสตรีมมิ่งเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในกลุ่ม Gen Z และ Gen Y ที่ยินดีจ่ายเงินเพื่อรับชมคอนเทนต์พรีเมียม (Thailand Media Landscape). Smart TV และ Connected TV เป็นอุปกรณ์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในการรับชมสตรีมมิ่ง (Thailand Media Landscape).
คอนเทนต์ไทยกับการก้าวสู่เวทีโลก: ซีรีส์ไทยกำลังก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญบนเวทีนานาชาติ (dataxet:infoquest). ความสำเร็จของซีรีส์อย่าง "สืบสันดาน" บน Netflix ที่ติดอันดับผู้ชมสูงสุดทั่วโลก แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของคอนเทนต์ไทยในการสื่อสารกับผู้ชมทั่วโลก (dataxet:infoquest, Thailand Media Landscape).
ปัจจัยสู่ความสำเร็จของคอนเทนต์ไทย: การสร้างคอนเทนต์ที่มีแก่นเรื่องสากลแต่ยังคงบริบททางวัฒนธรรมและสังคมไทย การร่วมมือกับแพลตฟอร์มระดับโลกอย่าง Netflix และการนำเสนอประเด็นที่เป็นข้อเท็จจริงหรือประเด็นที่ถกเถียงกันในเนื้อหา มีส่วนช่วยผลักดันความสำเร็จของซีรีส์ไทย (dataxet:infoquest). นอกจากนี้ การสร้างคอนเทนต์ประเภทหนังสยองขวัญ ละครอิงประวัติศาสตร์ และซีรีส์วาย (Boys' Love) ก็มีความน่าสนใจในตลาดต่างประเทศ (dataxet:infoquest).
"Glocal" Strategy: ผู้สร้างคอนเทนต์ไทยควรเน้นการสร้างคอนเทนต์ "Glocal" ซึ่งมีแก่นความเป็นไทยแต่มีประเด็นที่สามารถดึงดูดผู้ชมทั่วโลกได้ (dataxet:infoquest).
การสนับสนุนจากภาครัฐ: ผู้ผลิตคอนเทนต์เน้นย้ำถึงความสำคัญของการสนับสนุนจากภาครัฐ เช่น การส่งเสริมการลงทุนใน IP ระดับโลก การนำระบบ cash rebate มาใช้ และการเสนอการยกเว้นภาษี เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันระดับโลกของอุตสาหกรรม (dataxet:infoquest).
กลยุทธ์ Localization: แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งบางรายใช้กลยุทธ์ Localization หรือการปรับคอนเทนต์ให้เข้ากับบริบทท้องถิ่น เช่น การพากย์คอนเทนต์ภาษาต่างประเทศเป็นภาษาไทยถิ่น ซึ่งพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพในการเข้าถึงผู้ชม (Thailand Media Landscape).
การปรับตัวของผู้ผลิตคอนเทนต์: ผู้ผลิตคอนเทนต์ในไทยหันมาให้ความสนใจกับการทำคอนเทนต์ลงบนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งมากขึ้น เพื่อตอบรับกับพฤติกรรมผู้ชมที่เปลี่ยนไปและตลาดที่มีการแข่งขันสูง (Thailand Media Landscape).
ความสำคัญของบทและตัวละคร: ในการสร้างคอนเทนต์ให้ประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะซีรีส์ Boy Love/Girl Love ควรให้ความสำคัญกับบทและการพัฒนาตัวละคร เพื่อดึงดูดผู้ชม (Thailand Media Landscape).
คำศัพท์ธุรกิจสตาร์ตอัพในซีรีส์: ซีรีส์ "สงคราม ส่งด่วน" ได้นำเสนอคำศัพท์ทางธุรกิจที่น่าสนใจ เช่น "Keyman" (บุคคลที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจในบริษัทและมักถือหุ้นส่วนใหญ่) และ "Series E" (หนึ่งในรอบการระดมทุนของสตาร์ตอัพ) ซึ่งช่วยให้ผู้ชมได้เรียนรู้เกี่ยวกับโลกของสตาร์ตอัพ (Longtungirl).
Quote สำคัญ:

"ในยุคที่ซีรีส์เอเชียกำลังเป็นที่นิยมทั่วโลก ซีรีส์ไทยก็กำลังก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญบนเวทีนานาชาติ" (dataxet:infoquest)
"การร่วมมือกับแพลตฟอร์มระดับโลกอย่าง Netflix สามารถเพิ่มการเข้าถึงของซีรีส์ได้อย่างมีนัยสำคัญ" (คุณปิยะรัฐ กัลย์จาฤก, กันตนา กรุ๊ป - dataxet:infoquest)
"มุ่งเน้นการสร้างคอนเทนต์ "Glocal" – มีแก่นความเป็นไทยแต่มีประเด็นที่สามารถดึงดูดผู้ชมทั่วโลกได้ ทำให้ผู้ชมที่ไม่ได้อยู่ในไทยเข้าใจเนื้อหาได้" (คุณเอกชัย เอื้อครองธรรม - dataxet:infoquest)
"เราได้เห็นความต้องการคอนเทนต์ท้องถิ่นที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดผู้ชมให้มาใช้ Netflix" (คุณยงยุทธ ทองกองทุน, Netflix - Thailand Media Landscape)
"คอนเทนต์ Boy Love / Girl Love ได้กลายเป็น Soft Power ของบ้านเราไปเรียบร้อยแล้ว" (คุณอคิรากร อิกิติสิริ, Viu ประเทศไทย - Thailand Media Landscape)
โดยสรุปแล้ว "สงคราม ส่งด่วน (Mad Unicorn)" เป็นซีรีส์ไทยที่น่าสนใจและประสบความสำเร็จอย่างสูง ซึ่งไม่เพียงแต่มอบความบันเทิงและเรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจ แต่ยังสะท้อนถึงสถานการณ์และแนวโน้มที่สำคัญในอุตสาหกรรมบันเทิงและธุรกิจสตรีมมิ่งในประเทศไทย การเติบโตของคอนเทนต์ไทยบนเวทีโลก การแข่งขันของแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง และความสำคัญของการปรับตัวและสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่มีคุณภาพ ล้วนเป็นประเด็นที่น่าจับตาในอนาคต.

NotebookLM อาจแสดงข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ดังนั้นโปรดตรวจสอบคำตอบอีกครั้ง




kilo

#21
ประโยชน์ของท่านอนขาพาดกำแพง
 1. ช่วยไหลเวียนเลือดกลับหัวใจ โดยเฉพาะเลือดจากขา ลดอาการขาบวม เหมาะมากหลังยืนหรือนั่งนานๆ
 2. ผ่อนคลายระบบประสาท ลดความเครียด วิตกกังวล และช่วยให้นอนหลับดีขึ้น
 3. ลดความตึงของกล้ามเนื้อหลังล่าง และแฮมสตริง
 4. ส่งเสริมการทำงานของระบบย่อยอาหาร และลดความดันโลหิต
 5. ฟื้นฟูพลังงาน เหมาะมากสำหรับการฝึกหลังจากวันที่เหนื่อยล้า

✅ คำแนะนำเพิ่มเติม
 • ถ้าวางสะโพกบนหมอนหรือผ้าห่มพับ จะช่วยให้สบายขึ้นและกระตุ้นการไหลเวียนดีขึ้น
 • ควรอยู่ในท่านี้ประมาณ 5–15 นาที แล้วค่อยๆ พลิกตัวออกช้าๆ
 • ถ้ามีปัญหาเกี่ยวกับตาหรือความดันในหัว ควรปรึกษาครูก่อนฝึก




https://www.facebook.com/share/p/1DR4A1PiSj/

kilo

1. "เวลาชีวิตลดลง" เลิกเสียดายอดีตที่แก้ไขไม่ได้ และทำข้างหน้าให้ดีที่สุด
2. "ความสุข" ไม่ได้วัดจากการมีมากหรือน้อย แต่อยู่ที่เราพอใจในจุดไหนและเมื่อไหร่
3. "พบ พราก จาก ลา" มันคือเรื่องธรรมดา และวันหนึ่งมันก็จะวนมาเพราะมันคือ วัฏจักร ต้องทำตัวให้ชินเสมอ
4. "สิ่งที่ควบคุมไม่ได้" เราก็ควรปล่อยวาง ไม่ใช่ดันทุรังทำมัน
5. "พอใจในสิ่งที่เรามี" อย่าอิจฉาคนขี้อวด นอกจากเขาจะไม่หยุดและเขาก็ยังทำต่อไปไม่สิ้นสุด
6. "ไม่มีใครเก่งทุกเรื่อง" และไม่มีใครไม่เก่งเลย ต่างคนต่างมีข้อดีและข้อเสียของตัวเอง
7. "อย่าคิดเยอะ" ทำวันนี้ให้ได้ดีสุด เรื่องของวันพรุ่งนี้ปล่อยให้เป็นของวันพรุ่งนี้ แค่นี้ก็สุขใจ
8. "ช่างมัน ช่างแม่ง ไม่เป็นไร" หัดใช้มันบ้างในบางเรื่อง บางเวลา บางสิ่งอาจจะพอดีในความไม่สมบูรณ์
9. "เสียใจ" ใครๆก็เป็น แต่อย่าเสียดาย อย่างน้อยมันคือประสบการณ์ชีวิต
10. "ชัดเจน" กับตัวเองทั้งร่างกายและจิตใจ มันดีกว่าปล่อยให้ดำเนินไปอย่างครึ่งๆกลางๆ
11. "คาดหวัง" = "ผิดหวัง"
ควรมีเท่าๆกัน แล้วจะเจ็บน้อยลง
12. อะไรไม่ใช่ของๆเรา พยายามแค่ไหนมันก็ไม่ใช่ ถ้ามันใช่มันจะเข้ามาในช่วงเวลาที่ถูกที่ควร
13. "เลิกยึดติด" ทุกสิ่งเปลี่ยนไปตามวันและเวลา รวมถึงจิตใจคน
14. "อย่าเก็บความรู้สึกแย่ๆ" ไว้คนเดียว ควรปล่อยมันออกมาบ้าง และเลือกวิธีที่ทำแล้วไม่ให้ใครเดือดร้อน
15. "อย่าดูถูกผู้อื่น" ในวันที่เราทำได้ดี บางครั้งมันอาจจะเกิดขึ้นกับเราในวันที่เราล้ม
16. "ความผิดหวัง" มองให้เป็นประสบการณ์ เพื่อนำไปแก้ไขและพัฒนาให้ดีขึ้น
17. "อดีต" เป็นตัวกำหนดปัจจุบัน ทำปัจจุบันให้เป็นตัวกำหนดอนาคตดีกว่า จงอย่ารื้อฟื้นอดีตถ้ามันไม่สวยงาม เก็บไว้เป็นเพียงความทรงจำ
18. "คนที่เรารัก" ควรนึกถึงเขาบ้างในวันที่เขาสามารถโต้ตอบเราได้ ไม่ใช่ในวันลา
19. "บั้นปลายชีวิต" ไม่รู้จะเป็นยังไงหรือมันอาจจะไม่มีจริง จงอยู่กับปัจจุบัน บางครั้งปลายทางชีวิตมันอาจจะสั้นกว่าที่เราคิด
20. การมีชีวิตและลมหายใจในตอนนี้เป็นสิ่งดี ดังนั้นก็ควรทำสิ่งดีๆ นอกจากจะดีกับตัวเองและยังดีกับผู้อื่น ให้โลกคิดถึงเราในความดีตอนไม่มีชีวิตและลมหายใจ
จากหนังสือ "จงเป็นเธอในเวอร์ชั่นที่ดีที่สุด"
#คนเฝ้าเกาะ


kilo

#23
  พรุ่งนี้อาจตายก็ได้นะ

พบกับหนังสือขายดีต่อเนื่องนานกว่า 10 ปีในญี่ปุ่น
ซึ่งจะมอบ 27 คำถามที่ช่วยให้เราได้ฉุกคิด
แล้วเปลี่ยนมาใช้ชีวิตแบบที่ไม่เสียใจในภายหลัง

เพราะพรุ่งนี้อาจตายก็ได้นะ

▪️วันนี้ที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศและทางออนไลน์

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมใต้โพสต์

ผู้เขียน ฮิซุย โคทาโร่
ผู้แปล ธนภัส สนธิรักษ์
จำนวนหน้า 264 หน้า
ราคา 260 บาท

▪️สั่งซื้อทางออนไลน์พร้อมรับส่วนลดได้ที่

🛒 www.welearnbook.com
🛒 shopee : https://shope.ee/9pGwmLkiXD
🛒 Lazada : https://s.lazada.co.th/s.7A6BI





kilo

เผชิญความตาย ใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย
(คำตอบที่บันทึกไว้จะเป็นแบบดูอย่างเดียว)
เอกสารสรุปประเด็นสำคัญ: การเผชิญความไม่แน่นอนและความตาย
เอกสารนี้สรุปประเด็นสำคัญ แนวคิด และข้อเท็จจริงที่น่าสนใจจากแหล่งข้อมูลที่ได้รับมา ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับการมองเห็นความไม่แน่นอนของชีวิต การเผชิญหน้ากับความตาย และการใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย

แหล่งข้อมูล:

5 ข้อคิด ฝึกเห็นความไม่แน่นอนของชีวิต #บทเรียนชีวิต
17° เตรียมพร้อม เข้าใจ เป็นมิตรกับความตาย - มูลนิธิเครือข่ายมะเร็ง
EP 2496 Book Review พรุ่งนี้อาจตายก็ได้นะ (นพดล Story)
ถ้าพรุ่งนี้ตาย เราจะยังใช้ชีวิตแบบวันนี้อยู่ไหม? - Lemon8 (โพสต์โดย อ่านไปเรื่อยๆ และโพสต์ที่เกี่ยวข้อง)
สบตาความตาย เรียนรู้ความหมายของชีวิต | Shortcut ปรัชญา EP.15 (The Standard podcast)
สรุปหนังสือ "พรุ่งนี้อาจตายก็ได้นะ" [รีวิวเล่มที่ 63/2025] | krapalm หนังสือซื้อแล้วอ่านด้วย
เผชิญความตายอย่างสงบ - มูลนิธิเครือข่ายพุทธิกา
ประเด็นหลัก:

แหล่งข้อมูลทั้งหมดมีแก่นร่วมกันในการชวนให้ผู้อ่าน/ผู้ฟังตระหนักถึงความไม่แน่นอนของชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "ความตาย" ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเผชิญ และใช้การตระหนักรู้นี้เป็นแรงผลักดันให้ใช้ชีวิตในปัจจุบันอย่างมีคุณค่าและไม่เสียใจภายหลัง การเผชิญหน้ากับความตายอย่างสงบไม่ได้หมายถึงการยอมแพ้หรือหดหู่ แต่เป็นการทำความเข้าใจธรรมชาติของชีวิตและเตรียมพร้อมทั้งภายนอกและภายใน

แนวคิดและข้อเท็จจริงที่สำคัญ:

ชีวิตคือความไม่แน่นอนและไม่มีสิ่งใดคงอยู่ตลอดไป:
แนวคิดพื้นฐานที่ปรากฏในหลายแหล่ง คือชีวิตเปรียบเสมือนดอกไม้ที่บานและร่วงโรย ("ชีวิต เหมือน ดอก ไม้ บาน และ ร่วง โรย ไม่ มี สิ่ง ใด คง อยู่ ตลอด ไป" - 5 ข้อคิด ฝึกเห็นความไม่แน่นอนของชีวิต) การยอมรับความไม่แน่นอนนี้ช่วยลดความทุกข์
ความแน่นอนเพียงอย่างเดียวในชีวิตคือความไม่แน่นอนนั้นเอง ("ความ แน่ นอน คือ ความ ไม่ แน่ นอน" - 5 ข้อคิด ฝึกเห็นความไม่แน่นอนของชีวิต)
"เราทุกคนมี 'วันสุดท้าย' ที่ไม่มีใครบอกล่วงหน้า" (ถ้าพรุ่งนี้ตาย เราจะยังใช้ชีวิตแบบวันนี้อยู่ไหม? - Lemon8)
การยอมรับความไม่แน่นอนและความตายช่วยลดความทุกข์:
เมื่อเข้าใจว่าอะไรก็ไม่แน่นอน ความทุกข์จะลดน้อยลง ("เมื่อ เรา เข้าใจ ว่า อะไร ก็ ไม่ แน่ นอน เรา ก็ จะ ทุกข์ ลด น้อย ลง" - 5 ข้อคิด ฝึกเห็นความไม่แน่นอนของชีวิต)
ความทุกข์เกิดจากการยึดติด ความสุขเกิดจากการปล่อยวาง ("ความ ทุกข์ เกิด จาก การ ยึด ติด ความ สุข เกิด จาก การ ปล่อย วาง" - 5 ข้อคิด ฝึกเห็นความไม่แน่นอนของชีวิต)
"การไม่มองดูความตายคือ 'การไม่มองดูความเป็นจริง'" (สรุปหนังสือ "พรุ่งนี้อาจตายก็ได้นะ" - krapalm) การปฏิเสธความตายคือการปฏิเสธการมีอยู่ที่เป็นจริงแท้ (Shortcut ปรัชญา EP.15)
การควบคุมทุกอย่างทำให้ยิ่งทุกข์:
ความพยายามที่จะควบคุมทุกสิ่งในชีวิตยิ่งนำมาซึ่งความทุกข์ เพราะไม่มีอะไรให้ควบคุมได้อย่างแท้จริง ("เรา ยิ่ง พยายาม ควบ คุม ทุก อย่าง ก็ ยิ่ง เป็น ทุกข์ เพราะ ไม่ มี อะไร ให้ ควบ คุม ได้ จริง" - 5 ข้อคิด ฝึกเห็นความไม่แน่นอนของชีวิต)
การตระหนักถึงความตายเป็นเครื่องเตือนใจให้ใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย:
การคิดคำนึงถึงความตายไม่ได้เป็นเรื่องไม่มงคลเสมอไป แต่มีประโยชน์มหาศาล (Shortcut ปรัชญา EP.15)
"ความตายคือ switch ชั้นยอดที่ผมให้เราทุ่มเทกับชีวิตอย่างเต็มที่" (สรุปหนังสือ "พรุ่งนี้อาจตายก็ได้นะ" - krapalm)
การถามตัวเองว่า "ถ้าพรุ่งนี้ตาย เราจะยังใช้ชีวิตแบบวันนี้อยู่ไหม?" เป็นคำถามที่กระตุ้นให้เห็นคุณค่าของชีวิตและเวลา (ถ้าพรุ่งนี้ตาย เราจะยังใช้ชีวิตแบบวันนี้อยู่ไหม? - Lemon8)
"พรุ่งนี้อาจตายก็ได้นะ" ไม่ใช่แค่คำเปรียบเปรย แต่เป็นสัจธรรมที่ทำให้เรามีสติในการใช้ชีวิต (The Bookmarks Story - YouTube)
การเตรียมพร้อมสำหรับความตายไม่ใช่เรื่องน่ากลัว แต่เป็นเรื่องธรรมชาติและจำเป็น:
ความตายเป็นธรรมชาติเช่นเดียวกับการเกิด การมองเช่นนี้ช่วยลดความกลัวและความกังวล (17° เตรียมพร้อม เข้าใจ เป็นมิตรกับความตาย - มูลนิธิเครือข่ายมะเร็ง)
เราไม่อาจรู้ได้ว่าวันตายจะมาถึงเมื่อไหร่ การเรียนรู้เพื่อเตรียมพร้อมจึงเป็นสิ่งที่ดีเสมอ (17° เตรียมพร้อม เข้าใจ เป็นมิตรกับความตาย - มูลนิธิเครือข่ายมะเร็ง)
ความกลัวความตายมักเกิดจากความไม่รู้ ความเจ็บปวด หรือความเสียดายสิ่งที่ยังไม่ได้ทำ (Shortcut ปรัชญา EP.15)
"ตายดี" หมายถึงการเตรียมพร้อมทั้งทางจิตใจและสัมพันธภาพ:
ตายดีเชิงจิตใจ: การเข้าใจความตาย วางใจ และตายด้วยใจที่สงบ ทำได้โดยการดูแลสุขภาพจิต ฝึกสติ ทำความเข้าใจจิตใจ และฝึกวางใจเบาๆ กับสิ่งรอบตัว (17° เตรียมพร้อม เข้าใจ เป็นมิตรกับความตาย - มูลนิธิเครือข่ายมะเร็ง)
ตายดีเชิงสัมพันธภาพ: การมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้าง ไม่มีสิ่งค้างคาใจ ไม่ทิ้งภาระให้คนข้างหลัง ทำได้โดยการสะสางสิ่งที่ค้างคา ปล่อยวาง ให้อภัย เห็นอกเห็นใจผู้อื่น สื่อสารอย่างเหมาะสม และวางแผนจัดการเรื่องทรัพย์สิน (17° เตรียมพร้อม เข้าใจ เป็นมิตรกับความตาย - มูลนิธิเครือข่ายมะเร็ง)
คุณค่าของการใช้ชีวิตอยู่ในปัจจุบันและสิ่งที่เรามอบให้ผู้อื่น:
"วันที่เหมาะที่สุดต่อการเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นคนใหม่คือวันนี้" (EP 2496 Book Review พรุ่งนี้อาจตายก็ได้นะ - นพดล Story) อย่าผัดวันประกันพรุ่ง (""สักวัน" คือคำโกหกที่เราเล่าให้ตัวเองฟังบ่อยที่สุด" - ถ้าพรุ่งนี้ตาย เราจะยังใช้ชีวิตแบบวันนี้อยู่ไหม? - Lemon8)
ความสุขมักอยู่ในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวัน ซึ่งเราอาจมองข้ามไป ("ความสุขไม่ใช่สิ่งที่จะมีในอนาคต แต่เป็นสิ่งที่มีอยู่แล้วในตอนนี้" - สรุปหนังสือ "พรุ่งนี้อาจตายก็ได้นะ" - krapalm, "วันธรรมดาๆ แต่ละวันที่ผ่านไปอย่างเรียบง่ายนี่แหละคือแก่นแท้ของความสุข" - EP 2496 Book Review พรพุ่งนี้อาจตายก็ได้นะ - นพดล Story) จงสังเกตความสุขนี้ก่อนที่มันจะหายไป
"เมื่อเราตายไป เนี่ย สิ่ง ที่ เหลือ อยู่ จะ ไม่ใช่ สิ่ง ที่ เรา สะสม แต่ เป็น สิ่ง ที่ เรา มอบ ให้ คน อื่น ครับ" (EP 2496 Book Review พรุ่งนี้อาจตายก็ได้นะ - นพดล Story) การช่วยเหลือผู้อื่นทำให้โลกจดจำเรา
การใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าคือการได้ทำสิ่งที่รักและให้ความสำคัญกับความฝัน (ถ้าพรุ่งนี้ตาย เราจะยังใช้ชีวิตแบบวันนี้อยู่ไหม? - Lemon8)
ความสัมพันธ์กับคนที่รักเป็นแหล่งความสุขที่ยิ่งใหญ่:
การมีคนที่เรารักยังมีชีวิตอยู่ถือเป็นความสุขอย่างยิ่งแล้ว (EP 2496 Book Review พรุ่งนี้อาจตายก็ได้นะ - นพดล Story) จงให้ความสำคัญกับการบอกความรู้สึกดีๆ กับพวกเขาในวันนี้
การเอาชนะความยากลำบากต้องเริ่มที่การลงมือทำ:
"ไม่ใช่เพราะเรามีแรงเราจึงฮึดสู้ได้ แต่เป็นเพราะเราฮึดสู้เราถึงมีแรง" (EP 2496 Book Review พรุ่งนี้อาจตายก็ได้นะ - นพดล Story) พลังมักเกิดขึ้นเมื่อเราเริ่มลงมือทำ ไม่ใช่รอให้มีแรงก่อน
ไม่มีอะไรยากลำบากเท่าตอนเกิด ทุกคนได้ผ่านความยากลำบากที่สุดมาแล้ว (EP 2496 Book Review พรุ่งนี้อาจตายก็ได้นะ - นพดล Story)
ชีวิตนี้ไม่มีรอบที่สอง:
ชีวิตนี้คือชีวิตนี้ ไม่ว่าจะเชื่อเรื่องชาติหน้าหรือไม่ ชีวิตนี้มีครั้งเดียว จงใช้มันให้ดีที่สุด (EP 2496 Book Review พรุ่งนี้อาจตายก็ได้นะ - นพดล Story)
ความกลัวความตายในมุมมองทางปรัชญา:
บางแนวคิดทางปรัชญา เช่น Epicurus มองว่าความตายไม่น่ากลัว เพราะ "เมื่อ เรา มี ตัว ตน ความ ตาย ไม่ อยู่ เมื่อ ความ ตาย มา อยู่ เรา หาย ไป แล้ว" (Shortcut ปรัชญา EP.15) เรากลัวสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเรายังมีตัวตนอยู่ แต่ความตายเกิดขึ้นเมื่อเราไม่มีอยู่แล้ว
ความกลัวความตายอาจทำให้เราพลาดการใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ในปัจจุบัน
การยอมรับความตายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตช่วยให้เราใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณค่าและไม่เสียดาย (Shortcut ปรัชญา EP.15)
ความตายในมุมมองทางสังคมและปัจจัยแวดล้อม:
แม้ความตายจะเป็นเรื่องส่วนตัวอย่างถึงที่สุด แต่ก็ไม่สามารถแยกออกจากปัจจัยทางสังคม เศรษฐกิจ และการเมืองได้ กระบวนการของการตายและความสามารถในการ "ตายดี" อาจไม่เท่าเทียมกันสำหรับทุกคน (Shortcut ปรัชญา EP.15)
การตระหนักถึงความไม่เท่าเทียมกันในกระบวนการของการตายช่วยให้เรามองชีวิตและความตายในมุมที่สัมพันธ์กับผู้อื่นในสังคมมากขึ้น (Shortcut ปรัชญา EP.15)
คำถามชวนคิดที่ปรากฏซ้ำๆ:

ถ้าพรุ่งนี้ตาย เราจะยังใช้ชีวิตแบบวันนี้อยู่ไหม?
ในวันสุดท้ายของชีวิต อะไรคือเรื่องที่เสียใจที่สุด?
เราอยากให้คนจดจำเราในเรื่องใดหลังจากที่เราจากไป?
ข้อเสนอแนะจากการอ่าน:

หนังสือ "พรุ่งนี้อาจตายก็ได้นะ" และแนวคิดที่คล้ายกันในแหล่งข้อมูลอื่นๆ เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการทำ Self Reflection เพื่อสำรวจตัวเองและค้นหาคุณค่าของการใช้ชีวิต การอ่านหรือฟังเนื้อหาเหล่านี้ควรใช้เวลาในการไตร่ตรองและตอบคำถามที่เกิดขึ้น เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในมุมมองและการใช้ชีวิตอย่างแท้จริง

สรุป:

แหล่งข้อมูลเหล่านี้เน้นย้ำว่าการตระหนักถึงความไม่แน่นอนของชีวิตและความจริงที่ว่าทุกคนต้องตาย ไม่ได้เป็นเรื่องน่าหดหู่ แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการใช้ชีวิตอย่างมีสติ เต็มที่ และมีความหมาย การเตรียมพร้อมเผชิญหน้ากับความตายทั้งทางจิตใจและสัมพันธภาพ การให้คุณค่ากับปัจจุบันและคนที่รัก รวมถึงการทำสิ่งดีๆ เพื่อผู้อื่น ล้วนเป็นหนทางสู่ชีวิตที่เต็มไปด้วยคุณค่าและไร้ความเสียดายในท้ายที่สุด แม้ว่าความตายจะเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ปัจจัยทางสังคมก็ส่งผลต่อการเผชิญหน้ากับความตายอย่างมีศักดิ์ศรี การทำความเข้าใจในมิติต่างๆ นี้จะช่วยให้เราไม่เพียงแต่ใช้ชีวิตของเราเองให้ดี แต่ยังเห็นความสำคัญของการมีส่วนร่วมในสังคมเพื่อสร้างโลกที่เอื้อต่อการมีชีวิตและการตายที่ดีสำหรับทุกคน.

NotebookLM อาจแสดงข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ดังนั้นโปรดตรวจสอบคำตอบอีกครั้ง

kilo

🍌 แจกทิปการใช้งาน NotebookLM สุดยอดเครื่องมือสำหรับการเรียนรู้ที่ดีที่สุดในโลก ณ เวลานี้ ของดีจาก Google ใช้แล้วเก่งปุบปับ ยั๊งงง 555+
.
วันนี้แอดนั่งอ่านคู่มือเตรียมสอบ Business Marketing Strategist เซอร์ตัวใหม่ของ Meta เป็นไฟล์ PDF 100+ หน้า เลยลองโยนเข้า NotebookLM (NbLM) เหยยย อะเมซิ่ง 555+
.
แอดว่าชั่วโมงนี้ไม่มีเครื่องมือตัวไหนช่วยเราเรียนได้เหมือน NbLM อีกแล้นนน แค่ฟีเจอร์ Audio Overview กับ Mind Map ชนะขาดทุกตัว ขนลู๊กกก
.
✅ 3 เหตุผลที่ทำให้ NbLM ต่างจาก AI ตัวอื่นๆ
.
[1] เบื้องหลังของ NBLM คือโมเดล AI ชื่อ "LearnLM" ที่ Google สร้างขึ้นมาช่วยเราเรียนโดยเฉพาะ โมเดลที่มีความขี้สงสัย กระตุ้นความอยากรู้ ฯลฯ
.
อัปเดต งาน I/O 2025 ที่ผ่านมา Google ฝัง LearnLM เข้าไปใน Gemini 2.5 เยย โหดมาก
.
[2] NbLM ใช้คอนเซปต์ "Grounding" คือ AI จะเรียนรู้จากไฟล์ (หรือ Sources ต่างๆ) ที่เราส่งให้มันเท่านั้น รู้บอกรู้ ไม่รู้ก็บอกไม่รู้ ทุกคำตอบที่ส่งกลับมามี Reference เสมอ แฮร่
.
[3] Google เปิด NbLM ให้ใช้งานฟรี จัดเต็ม ไม่มีกั๊กใดๆ บ้าบอออ 555+ แอดใช้แบบ Pro (รวมอยู่ใน Gemini Plan) จะได้ Limit การใช้งานมากขึ้นหน่อย
.
✅ 6 ฟีเจอร์สำคัญของ NbLM ปลดล็อคพลังการเรียนรู้ไม่สิ้นสุด ไฟมาแล้ววว
.
[1] Sources เพิ่มไฟล์รูปแบบต่างๆให้ NbLM ศึกษา ได้ตั้งแต่ PDF, Web, YouTube, Docs, Slides และ Plain Text
.
[2] Chat พูดคุย ถามตอบกับ AI เรียนรู้ได้ดียิ่งขึ้น อันนี้ใช้คอนเซ็ปต์ Learning Assist i.e. Agent ที่ช่วยเราเรียนรู้เรื่องใหม่ๆ
.
[3] Notes อันนี้อย่างเด็ด ให้ AI เขียนสรุป ไม่ต้องเขียนเองให้เมื่อยมือ 555+ ตัวอย่างเช่น Brief Note, Summary, Quiz, FAQ มาเต็ม
.
แต่ถ้าจะเขียนโน้ตเองก็ได้เช่นกันคร้าบบบ Manual Mode
.
[4] Audio Overview กดปุ่มเดียวสร้าง Podcast เล่าเรื่องนั้นๆให้เราฟังได้เลย แบบสั้น 20-30 นาที (Free) แบบยาว 50-60 นาที (Pro) ได้ทั้งภาษาอังกฤษและไทย กราบบบ
.
Google เพิ่งเพิ่มฟีเจอร์ "Interactive Mode" ให้เราพูดคุยกับ AI ใน Podcast ได้เลย คือเปิดไมค์คุยกับ AI แรกๆจะเขิลๆหน่อย หลังๆคุยสนุก เหมือนเป็นเพื่อนคลายเหงา เดี๋ยวๆ 555+
.
[5] Mind Map สร้างมายด์แมปให้เราเห็นเนื้อหาต่างๆใน Sources ได้ดียิ่งขึ้น เวลากดที่แผนที่ มันจะโหลด Chat ใหม่ขึ้นมาด้วย เหมือนถามตอบตามหัวข้อนั้นๆได้
.
[6] Share กดคลิกเดียวแชร์ Learning ของเราให้เพื่อนๆได้อ่านโน้ต ศึกษาไปพร้อมๆกันได้ด้วย (ต้อง Sign-In) ทำงานกลุ่มต่อไปสบายแว้ว
.
อ่านมาขนาดนี้แล้ว ต้องลุยแล้วไหม ทุกคนนนน 555+
.
🦖 สมัครใช้งาน NotebookLM ฟรีที่
https://notebooklm.google.com/
.
📝 อ่านคู่มือการใช้งาน NotebookLM ได้ที่
https://support.google.com/notebooklm/
.
ตอนนี้ขาดฟีเจอร์เดียว ช่วยทำการบ้านหน่อย ยั๊งงง 555+
.
ใครลองใช้แล้วเป็นยังไงบ้าง มาแชร์กันได้นะคร้าบ แอดรัก Google แอดรัก NotebookLM เก่งปุบปับบบ
.
#NotebookLM #GoogleAI


https://www.facebook.com/share/19GVjggdvN/

kilo

#26
สาเหตุที่ผู้มีอำนาจเลี่ยงที่จะเผชิญหน้ากับกัมพูชา ไม่กล้าปิดด่าน และยอมเสียเปรียบ กระทั่งปรามคนไทยด้วยกันเองให้เพลาๆ การด่ากัมพูชา

ก็เพราะชนชั้นนำกลัวจะเสีย "ตลาดกัมพูชา"

ผลประโยชน์ที่ทุนไทยและนักการเมืองไทยได้จากกัมพูชานั้นมหาศาล จะยอมให้เกิดสงครามหรือการตัดเยื่อใยไม่ได้

ผู้มีอำนาจในไทยทั้งฝ่ายการเมืองและเศรษฐกิจจึงต้องพินอบพิเทาตระกูลฮุนและเครือข่ายอำนาจเขมร

ถึงขั้นเรียกพี่เรียกน้อง และเอาใจใส่กันปานเครือญาติก็เพราะเหตุนี้

ยอมกระทั่งให้พวก "ฮุนคอนเนกชั่น" หากินกับชาตินิยมที่มีไทยเป็นผู้ร้าย เพื่อที่พวกฮุนจะอยู่ในอำนาจชั่วกัลปาวสาน เพราะประชาชนเขมรจะลืมว่าศัตรูตัวจริงคือพวกในทำเนียบ แล้วหันมาจะฆ่าจะแกงกับศัตรูตัวปลอม คือไทย

นานวันเข้า ชาตินิยมเขมรก็เป็นพิษ อาการหนักจนอยากได้แผ่นดินไทย เพราะถูกล้างสมองว่าไทยชิงดินแดนกัมพูชาไป เช่นเดียวกับวัฒนธรรมไทยที่เขมรอ้างเป็นเจ้าของอย่างไร้ยางอาย

พวกมีอำนาจในไทยก็รู้เพราะคนไทยร้องเรียนไม่เว้นแต่ละวัน

แต่เพราะต้องรักษาแหล่งกอบโกยให้ทุนไทยและนักการเมืองไทย

ดังนั้นพอคนไทยเรียกร้องให้ทำอะไรบ้างเถอะกับพวก "กรรมพูชา"

นอกจากจะหลอกคนไทยว่า "ไม่มีอะไรน่า" แล้ว บางคนยังบันดาลโทสะด่าคนไทยที่รักชาติว่า "คลั่งชาติ"

คนที่ปากพล่อยคนนี้เป็นถึงเสนาบดีกลาโหม

เรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงความอัปยศตอนหนึ่งในประวัติศาสตร์จีน คือ "สนธิสัญญาเส้าซิง" ระหว่างอาณาจักรซ่งใต้ และอาณาจักจิน

ก่อนหน้านี้ พวกจินตีซ่งเหนือแตก จับจักรพรรดิฮุยจง ชินจง และพระบรมวงศ์ทั้งหลายไว้

ยังเหลือเกาจงหนีลงใต้ข้ามแม่น้ำแยงซีเกียงมาได้แล้วตั้งอาณาจักรใหม่ คือ ซ่งใต้

ความจริงซ่งใต้มีขุนศึกที่เก่งกาจ สามารถจะแย่งชิงดินแดนซ่งเหนือคืนมาได้ คือ ขุนศึกงักฮุย

พวกจินนั้นกลัวงักฮุยมาก และงักฮุยก็รักบ้านเมืองยิ่งชีพ

จักรพรรดิเกาจงควรจะปลาบปลื้มที่มีคนรักขาติปานนี้

แต่เกาจงกลับกลัวว่าถ้างักฮุยเอาชนะพวกจินได้ แล้วจักรพรรดิองค์เดิมกลับมา ตนจะสิ้นอำนาจวาสนา

พอพวกจินขอทำสนธิสัญญา แทนที่ซ่งใต้จะเป็นฝ่ายได้เปรียบ เกาจงกลับยอมทำตามคำขอของพวกจิน คือ หาเรื่องประหารงักฮุยเสีย

ดังนั้นโอกาสที่จะทวงแผ่นดินคืนจึงหมดไป แล้วเตะถ่วงการกลับมาของจักรรดิเดิมของซ่งเหนือจนสวรรคตไป

ซ่งใต้ยังต้องเสียบรรณาการให้พวกจินหลายแสนต่อปี เสียดินแดนที่ตีได้มา และยอมลดสถานะเป็นเมืองประเทศราชของจิน

ยอมเขาหมดเพียงเพื่อจะไม่ต้องเสียอำนาจ และเสพสุขในแดนใต้ อันเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และมั่งคั่งที่สุด

แทนที่จะชุบเลี้ยงคนรักชาติและใช้พลังทางเศรษฐกิจบดขยี้พวกจิน

กลับศิโราบเขาเพื่อที่ตัวเองจะมีอำนาจและกอยโกยความมั่งคั่งเข้าตัวเอง

ประชาชนชาวซ่งใต้ได้แต่มองดูด้วยความเจ็บแค้น

แค้นที่ต่างชาติที่ด้อยกว่ามาย่ำยีจนมันดูถูกเป็นขี้ข้า

แค้นที่ผู้ทีอำนาจ "ขายตัว" เพื่อความอยู่รอดของตน

ผมดูคนใหญ่คนโตในเมืองไทยแล้วไม่ต่างจากเกาจงและพวกซ่งใต้ขายตัวในยุคสนธิสัญญาเส้าซิง

และชั้นของความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ไม่ได้มีแค่ความขัดแย้งเรื่องดินแดน แต่ยังมีแง่มุมทางเศรษฐกิจด้วย

เกาจงขายศักดิ์ศรีให้พวกจินเพื่อแลกกับดินแดนอันมั่งคั่งทางตอนใต้แยงซีเกียงฉันใด

ผู้มีอำนาจในไทยก็ยอมขายศักดิ์ศรีเพื่อแลกกับตลาดกัมพูชาฉันนั้น


ฮุน เซน กับกัมพูเชี่ยนทั้งปวงมักจะหาเรื่องขึ้นศาลโลกเพราะรู้ว่าสู้ด้วยกำลังไม่ได้

และศาลโลกนั้นก็ไม่ได้ยุติธรรมกับไทย เพราะมีอำนาจมืดคอยช่วยกัมพูชาเอาไว้โดยแลกกับผลประโยชน์

ส่วนไทยนั้นเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย เพราะเชื่อว่าทำตามกติกาโลกแล้ว "นานาอารยะประเทศ" จะยอมรับ

แต่ไอ้พวกอารยะประเทศจอมปลอมพวกนั้นแหละที่ชิ่งจากกติกาโลกก่อนใคร

ยิ่งในตอนนี้ "ระเบียบโลก" กำลังพังทลาย ประเทศใหญ่น้อยละเมิดกติกากันเป็นว่าเล่น

การทูตหมดความหมายแล้ว

ความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชาเลยขอบเขตทางการทูต แต่เข้าสู่ขอบเขตการสู้ด้วยกำลัง โดยอีกฝ่ายนั้นเรียกร้องเอง ด้วยการล้ำเส้นครั้งแล้วครั้งเล่า และปล่อยให้ประชาชนของตนปลุกปั่นลัทธิต้องการดินแดนของไทย

มันไม่ได้ต้องการแค่เส้นทับซ้อน แต่คลั่งอยากได้ไทยเกินครึ่งประเทศ

บ้มบอขนาดนี้ พ่อลูกตระกูลฮุนเสือกบอกว่า "ไทยคลั่งชาติ" และทุกความขัดแย้งเกิดเพราะชาตินิยมไทยเป็นตัวการ

โดยหาได้สำเหนียกตัวเองว่าสร้างประชากรที่อยากได้ดินแดนคนอื่น วัฒนธรรมคนอื่นจนตัวสั่น อีกทั้งยังทำ "สงครามแย่งชิงอัตลักษณ์ไทย" อย่างเป็นขบวนการ

มันขยันท้าทายไทยกันปานนี้ แต่รัฐบาลไทยยังจะพินอบพิเทาให้มันอีก

คนใหญ่ตนโตบางคนในไทยมีนิสัยติดหนี้ใครแล้วต้องตอบแทน แต่ถามว่าถ้าติดหนี้กับอริของประเทศแล้ว ต้องเอาประเทศตัวเองไปชดใช้ด้วยไหม?

ตอนแรกผมว่าจะไม่เขียนทัศนะเกี่ยวกับกรณีนี้ เพราะคิดว่าอาจจะมีเส้นสนกลในอะไรบางอย่าง จึงขอดูท่าทีก่อน

พอ "เสด็จพ่อ" ของกัมพูเชี่ยนออกลายอ้างสิทธิ์ดินแดนเรา และโยนความผิดมาที่ "ชาตินิยมไทย" ผมคิดว่ามันต้องตอบโต้แล้ว

มันเป็นมนุษย์ประเภทที่คนไทยผู้รักชาติจะให้อภัยในสิ่งที่ทำไม่ได้จริงๆ

รวมถึงคนไทยที่รักใคร่คนผู้นี้เป็นดั่งพี่น้องด้วย

ผมไม่ติดขัดที่จะเรียกพี่เรียกน้องกัน

แต่ถ้าพี่น้องคนนี้เหยียบตีนคนไทยทั้งชาติ คุณยังจะกุมมือแล้วบอกรักมันลงอีกหรือ?

ประเทศอ่อนลง ว่านอนสอนง่าย อ่อนไหวกับความรู้สึกคนอื่น เสียจนประเทศและผู้นำพรรค์นี้มันหยามเราได้ แสดงว่าเรามาถูกทางแล้วครับ

ทางตกต่ำลงเรื่อยๆ


https://www.facebook.com/share/p/1Biawr8BXe/

https://www.facebook.com/share/p/1BhaApPevU/

kilo

มิตรภาพ ความทรงจำ และการตลาดคิดถึงอดีต
(คำตอบที่บันทึกไว้จะเป็นแบบดูอย่างเดียว)
การบรรยายสรุป: มิตรภาพ ความทรงจำ และอิทธิพลของสื่อ
เอกสารนี้เป็นการบรรยายสรุปโดยละเอียดเกี่ยวกับประเด็นหลักและแนวคิดที่สำคัญที่สุดที่พบในแหล่งข้อมูลที่ได้รับ โดยเน้นการอ้างอิงข้อความจากแหล่งที่มาดั้งเดิมเมื่อเหมาะสม ประเด็นหลักที่ปรากฏขึ้นจากการวิเคราะห์แหล่งข้อมูลคือ: ลักษณะที่เปลี่ยนแปลงไปของมิตรภาพในยุคดิจิทัล, อิทธิพลของความทรงจำในอดีต (โดยเฉพาะ Reminiscence bump) ต่อความรู้สึกในปัจจุบัน, และการใช้ประโยชน์จาก Nostalgia Marketing ในอุตสาหกรรมบันเทิงและการสื่อสาร

ประเด็นหลักที่ 1: ลักษณะที่เปลี่ยนแปลงไปของมิตรภาพในยุคดิจิทัลและความสำคัญของการมีความสัมพันธ์ที่ดี
แหล่งข้อมูลหลายฉบับเน้นย้ำถึงความสำคัญของการมีมิตรภาพที่ดีต่อความสุขและสุขภาพจิต การมีเพื่อนที่ดีได้รับการกล่าวถึงว่าเป็นปัจจัยสำคัญในชีวิต ALTV ระบุว่า "การมีเพื่อนดีมีชัยไปกว่าครึ่ง คงเป็นประโยคที่ไม่เกินจริงนัก งานวิจัยหลายชิ้นต่างยืนยันแล้วว่า มิตรภาพที่ดี มีส่วนสำคัญในการสร้างความสุขและส่งเสริมสุขภาพจิตให้ดีขึ้นได้"

อย่างไรก็ตาม แหล่งข้อมูลยังชี้ให้เห็นถึงความท้าทายในการสร้างและรักษามิตรภาพแท้ในยุคดิจิทัลที่ทุกอย่างรวดเร็ว Pantip ตั้งคำถามที่สะท้อนถึงความรู้สึกนี้ในหัวข้อ "วัยทำงาน คุณมีหรือเหลือเพื่อนสนิท เพื่อนแท้ กี่คนในชีวิตกันคะ?" ซึ่งแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่จำนวนเพื่อนสนิทลดลงเมื่อคนเราเติบโตขึ้นและมีความรับผิดชอบมากขึ้น โดยผู้เขียนกระทู้กล่าวว่า "พอโตขึ้นจะรู้เลยว่า เราไม่จำเป็น ต้องพยายามรักษา ความสัมพันธ์ที่เราไม่ได้โอเคไว้เลย" และยอมรับว่าตัวเองมีเพื่อนสนิทจริงๆ เพียง 2 คนเท่านั้น

รายงานสุขภาพคนไทยยืนยันแนวโน้มนี้ในกลุ่มวัยรุ่น โดยระบุว่า "วัยรุ่นไทยมีเพื่อนสนิทน้อยลง ครอบครัวจึงยิ่งสำคัญ" และอ้างอิงจากการสำรวจที่พบว่าสัดส่วนของนักเรียนมัธยมที่ไม่มีเพื่อนสนิทเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 3.5 ในปี 2551 เป็นร้อยละ 6.6 ในปี 2558 รายงานนี้เชื่อมโยงแนวโน้มนี้กับการเพิ่มขึ้นของความเป็นปัจเจกในสังคม และบทบาทของเทคโนโลยี "ส่วนหนึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการเข้ามามีบทบาทของเทคโนโลยี โดยเฉพาะสื่อสังคมออนไลน์ และสมาร์ทโฟน ที่เข้ามาแทนการมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างได้ในระดับหนึ่ง ทำให้ความสัมพันธ์กับเพื่อนของวัยรุ่นและเยาวชนไทยมีความห่างเหินกันมากขึ้น" ในบริบทนี้ ครอบครัวจึงมีบทบาทที่สำคัญยิ่งขึ้นในการเป็นเสาหลักทางจิตใจ

"ทฤษฎีเพื่อน 7 แบบ" (7 Friends Theory) ที่กล่าวถึงใน ALTV นำเสนอแนวคิดที่ให้มุมมองเกี่ยวกับความหลากหลายของมิตรภาพและบทบาทที่เพื่อนแต่ละประเภทมีในชีวิต แม้จะขาดการสนับสนุนทางวิทยาศาสตร์อย่างเป็นทางการ นักจิตบำบัดหลายคนมองว่าทฤษฎีนี้เน้นย้ำความสำคัญของการมีมิตรภาพที่ดีและช่วยให้เข้าใจว่าเพื่อนแต่ละคนเติมเต็มด้านที่แตกต่างกันในชีวิต "ทฤษฎีดังกล่าวยังช่วยให้เข้าใจว่าเพื่อนแต่ละคนล้วนมีหน้าที่และบทบาทแตกต่างกันในชีวิตของเรา และแต่ละบทบาทก็มีความสำคัญในแบบของมันเอง" ประเภทของเพื่อนที่กล่าวถึงได้แก่ เพื่อนในวัยเด็ก, เพื่อนที่สร้างเสียงหัวเราะ, เพื่อนที่ห่างกันไปแต่ไม่เคยลืม, เพื่อนที่สามารถบอกความลับได้, เพื่อนที่สนิทราวกับคนในครอบครัว, เพื่อนที่ปล่อยให้เราเป็นตัวเองได้, และเพื่อนที่ขาดไม่ได้ ทฤษฎีนี้ไม่ได้เน้นปริมาณ แต่เน้นคุณภาพของมิตรภาพ โดยระบุว่า "การมีเพื่อนสนิทเพียงไม่กี่คนที่เข้าใจเรา และคอยให้กำลังใจเราเสมอ ก็อาจเพียงพอที่จะทำให้เรารู้สึกมีความสุขได้เช่นเดียวกัน"

ประเด็นหลักที่ 2: อิทธิพลของความทรงจำในอดีตและความรู้สึกคิดถึง (Reminiscence bump & Nostalgia)
แหล่งข้อมูล Thai PBS NOW อธิบายถึงปรากฏการณ์ "Reminiscence bump" ซึ่งคือ "การปะทุขึ้นของความทรงจำในอดีต" โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวัยรุ่นถึงวัยผู้ใหญ่ตอนต้น (ประมาณ 10-30 ปี) สมองในช่วงนี้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดในการเรียนรู้ จัดเก็บ และเชื่อมโยงข้อมูล นอกจากนี้ สมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ (Limbic System) เพิ่งเติบโตเต็มที่ในช่วงวัยรุ่น ทำให้เหตุการณ์ที่สำคัญทางอารมณ์ในช่วงนี้ถูกจดจำได้เป็นพิเศษ "เหตุการณ์ที่สำคัญทางอารมณ์ เช่น การสำเร็จการศึกษา, การทำงาน, ความรัก, การแต่งงาน ประสบการณ์ต่าง ๆ ในชีวิต เมื่อทำงานร่วมกับสมองส่วนความจำ ยิ่งทำให้ความทรงจำในช่วงเวลานี้ ถูกจดจำและจัดเก็บไว้เป็นเป็นพิเศษ" ปรากฏการณ์นี้อธิบายได้ว่าเหตุใด "รักครั้งเก่า เรื่องราวความสัมพันธ์ที่ทำให้เกิดอารมณ์ในอดีต ความคิดถึงอันยาวนาน ไม่เคยลืมไปจากใจ หรือจากสมองของมนุษย์เรา"

ความรู้สึกคิดถึงอดีตนี้ หรือ "Nostalgia" เป็นธรรมชาติอย่างหนึ่งของมนุษย์ที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้

ประเด็นหลักที่ 3: การใช้ Nostalgia Marketing ในอุตสาหกรรมบันเทิงและสื่อ
แหล่งข้อมูลหลายฉบับเน้นการใช้ประโยชน์จาก Nostalgia Marketing โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวงการบันเทิง Spring News อธิบายว่า Nostalgia Marketing คือกลยุทธ์ที่ "ใช้ความรู้สึกคิดถึงอดีต" เป็นจุดขาย และเชื่อมโยงกับการกลับมาของตัวละคร "ดากานดา" และ "ไข่ย้อย" จากภาพยนตร์เรื่อง "เพื่อนสนิท" ในมิวสิกวิดีโอเพลง "I'm ok // not ok (feat. Billkin)" ของ BOYdPOD workpointTODAY เรียก "เพื่อนสนิท" ว่าเป็น "หนังรักในตำนาน" ที่ยังคงอยู่ในความทรงจำ และการกลับมาของตัวละครใน MV นี้ทำให้เกิดกระแส "คิดถึง" อย่างล้นหลาม "น้ำตาซึมกันทั้งโซเชียล เมื่อ MV เพลง "I'm ok // not ok" ซิงเกิ้ลล่าสุดจากอัลบั้ม BOYdPOD (feat. Billkin) พาคุณไปหวนคิดถึงความทรงจำเมื่อ 20 ปีที่แล้วกับตัวละครในความทรงจำ "ดากานดา - ไข่ย้อย" จากภาพยนตร์ชื่อดังอย่าง "เพื่อนสนิท""

MV นี้ถูกมองว่าเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการผสมผสาน "อารมณ์ + เวลา + ความทรงจำ" ตามที่ Spring News ระบุ การนำเรื่องราวเก่ามาเล่าต่อ (Legacy Sequel) โดยมีตัวละครหลักจากยุคก่อน พร้อมเพิ่มตัวละครใหม่ ทำให้ผู้คนทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่สามารถเข้าถึงได้ Thai PBS NOW อธิบายว่า Nostalgia Marketing "ถูกนำมาใช้เพื่อกระตุ้นการเกิด Reminiscence bump ที่ทำให้ผู้คนรู้สึกบางอย่างในอดีตมากกว่าเรื่องราวสดใหม่ในปัจจุบันผ่านกลยุทธ์ทางการตลาดที่มีชื่อเรียกกันว่า "Nostalgia maketing"" นักการตลาดใช้ประโยชน์จากองค์ประกอบต่างๆ เพื่อกระตุ้นความทรงจำในอดีต เช่น การนำสิ่งเก่ามาขายซ้ำ การสื่อสารที่เน้นสร้างความรู้สึกร่วม และการเชื่อมโยงกับวัฒนธรรมในอดีต

ดนตรีมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการกระตุ้นความรู้สึกคิดถึงอดีตนี้ ตามที่ Music Entrance ระบุ ดนตรีเป็น "องค์ประกอบสำคัญในภาพยนตร์ และสื่อบันเทิง ที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อความรู้สึก และการรับรู้ของผู้ชม" ดนตรีสามารถ "สร้างบรรยากาศและอารมณ์", "เชื่อมต่อทางอารมณ์" กับตัวละคร, และ "การเพิ่มความโดดเด่นให้กับภาพยนตร์และสื่อ (Branding and Recognition)" เพลงประกอบภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จสามารถสร้างความทรงจำที่ดีและทำให้ผลงานนั้นเป็นที่จดจำได้ยาวนาน การที่ MV "I'm ok // not ok" ใช้เพลงที่เศร้าซึ้งประกอบกับการกลับมาของตัวละคร "เพื่อนสนิท" ยิ่งเสริมสร้างอารมณ์ Nostalgia นี้ ดังที่ Pantip กล่าวถึง MV นี้ว่า "เหมือนได้เปิดกล่องกล่องความทรงจำช่วงวัยรุ่นของตัวเอง" และผู้ฟังรู้สึก "อินเข้าไปถึงข้างในใจ" กับความรู้สึกของตัวละคร

โดยสรุป แหล่งข้อมูลชี้ให้เห็นว่าแม้สังคมในปัจจุบันจะมีความเป็นปัจเจกมากขึ้นและวัยรุ่นมีเพื่อนสนิทน้อยลง ความสำคัญของมิตรภาพที่ดีก็ยังคงอยู่ "ทฤษฎีเพื่อน 7 แบบ" เสนอแนวทางในการทำความเข้าใจความหลากหลายของมิตรภาพ ในขณะเดียวกัน ปรากฏการณ์ทางจิตวิทยาอย่าง Reminiscence bump ที่ทำให้ความทรงจำในอดีต โดยเฉพาะช่วงวัยรุ่นถึงวัยผู้ใหญ่ตอนต้น ยังคงมีอิทธิพลต่อความรู้สึกในปัจจุบัน อุตสาหกรรมบันเทิงและสื่อต่างๆ ได้ใช้ประโยชน์จากความรู้สึกคิดถึงอดีตนี้ผ่าน Nostalgia Marketing โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำตัวละครและเรื่องราวที่เป็นที่รักในอดีตกลับมานำเสนอใหม่ โดยมีดนตรีเป็นเครื่องมือสำคัญในการกระตุ้นอารมณ์และความทรงจำ ทำให้เกิดปรากฏการณ์ทางสังคมและวัฒนธรรมที่น่าสนใจ.

NotebookLM อาจแสดงข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ดังนั้นโปรดตรวจสอบคำตอบอีกครั้ง

kilo

#28
จิตวิทยาต่อรอง
Never Split the Difference
(Classic Collection)

จะต้องพูดและทำอะไรในการต่อรองที่แพ้ไม่ได้

หนังสือเล่มนี้จะมอบเทคนิคทางจิตวิทยาที่ใช้กันใน FBI
พร้อมตัวอย่างจากประสบการณ์จริง
ที่จะช่วยให้คุณอ่านความคิดของคู่สนทนา
เดินเกมนำหน้าความคิดของอีกฝ่าย
และจบการต่อรองด้วยผลลัพธ์ที่น่าพอใจได้ทุกครั้ง
ไม่ว่าคุณจะอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นรองแค่ไหนก็ตาม

▪️วันนี้ที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศและทางออนไลน์

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมใต้โพสต์


ผู้เขียน Chris Voss, Tahl Raz
ผู้แปล นิติ ชนภัณฑารักษ์
จำนวนหน้า 336 หน้า
ราคา 325 บาท

▪️สั่งซื้อพร้อมรับส่วนลดได้ที่

🛒 www.welearnbook.com
🛒 shopee : https://shope.ee/9pGwmLkiXD
🛒 Lazada : https://s.lazada.co.th/s.7A6BI

kilo

  สรุป Never Split The Difference: การเจรจาเชิงจิตวิทยา
(คำตอบที่บันทึกไว้จะเป็นแบบดูอย่างเดียว)
เอกสารสรุปการบรรยาย: Never Split The Difference
เอกสารสรุปนี้ได้รวบรวมประเด็นหลัก แนวคิดสำคัญ และข้อเท็จจริงที่โดดเด่นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับหนังสือ "Never Split The Difference: Negotiating As If Your Life Depended on It" โดย Chris Voss และ Tahl Raz ผู้เขียน ซึ่งเป็นอดีตนักเจรจาต่อรองตัวประกันของ FBI

ภาพรวม:

หนังสือ "Never Split The Difference" เป็นคัมภีร์ด้านการเจรจาต่อรองที่กลั่นกรองจากประสบการณ์เกือบ 30 ปีของ Chris Voss ในสถานการณ์ที่มีความตึงเครียดสูง เช่น การเจรจากับอาชญากรและผู้ก่อการร้าย สิ่งที่ทำให้หนังสือเล่มนี้โดดเด่นคือการประยุกต์ใช้หลักจิตวิทยาและความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) เข้ากับการเจรจา แทนที่จะยึดติดกับทฤษฎีหรือสคริปต์แบบเดิมๆ ที่เน้นเหตุผลเพียงอย่างเดียว หลักการและเทคนิคที่นำเสนอในหนังสือสามารถนำไปปรับใช้ได้จริงในหลากหลายสถานการณ์ ทั้งในโลกธุรกิจ ชีวิตประจำวัน และแม้แต่ในความสัมพันธ์ส่วนตัว

แก่นสำคัญและแนวคิดหลัก:

การเจรจาคือการจัดการอารมณ์ มากกว่าเหตุผล: แหล่งข้อมูลหลายแห่งเน้นย้ำว่ามนุษย์มักตัดสินใจโดยมีอารมณ์เป็นฐาน ไม่ใช่เพียงแค่เหตุผล การต่อรองที่มีประสิทธิภาพจึงต้องมุ่งเน้นไปที่การทำความเข้าใจและจัดการกับอารมณ์ของอีกฝ่าย
จากแหล่งที่มา: "จริง ๆ แล้ว เทคนิคการต่อรองนั้นมีมาแต่ไหนแต่ไร แต่ก่อนหน้านี้เทคนิคเหล่านั้นจะเน้นไปที่ทฤษฎีและขั้นตอนที่เป็นระเบียบ อาศัยเพียงการท่องจำสคริปต์เท่านั้น ทว่าแนวคิดนี้ก็ต้องเปลี่ยนไปเมื่อเหล่าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการค้นพบว่าการต่อรองจริง ๆ นั้นเป็นเรื่องคาดการณ์ไม่ได้ ขึ้นอยู่กับอารมณ์มากกว่าเหตุผล เห็นได้ชัดจากจุดมุ่งหมายของการต่อรองคือการ "เอาในสิ่งที่ต้องการ" (I Want) ดังนั้น การต่อรองจะต้องมุ่งเน้นไปที่การจัดการกับอารมณ์ของอีกฝ่ายแทนที่จะยกเหตุผลมาคุยกัน แบบโต้งๆ เหมือนหุ่นยนต์ไร้ความรู้สึก"
ความสำคัญของการฟังอย่างตั้งใจ (Active Listening): การเป็นผู้ฟังที่ดีเป็นหัวใจสำคัญของการเจรจา การฟังอย่างลึกซึ้งช่วยให้เราเข้าใจความต้องการที่แท้จริงของอีกฝ่าย และเป็นฝ่ายที่รู้ข้อมูลมากกว่า ซึ่งนำไปสู่การมีอำนาจในการควบคุมการสนทนา
จากแหล่งที่มา: "ผู้พูดมักจะคิดว่าตัวเองมีอำนาจควบคุม แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ ผู้ฟังคือคนที่มีอำนาจ เพราะระหว่างการเจรจากัน ฝ่ายที่รู้ข้อมูลมากกว่าคือฝ่ายที่มีอำนาจแท้จริง"
จากแหล่งที่มา: "การฟังอย่างถูกต้องทําให้ผู้อื่นเปิดใจกับเราง่ายขึ้นอย่าพึ่งรีบโต้แย้ง'อย่าพึ่งรีบมีปฏิกิริยาตอบโต้ อย่าพึ่งสร้างศัตรูโดยไม่จําเป็น"
เทคนิคสำคัญทางจิตวิทยาในการเจรจา:
Mirroring (การสะท้อนคำพูด): การพูดทวนคำ 1-3 คำสุดท้ายที่อีกฝ่ายเพิ่งพูดจบไป เป็นเทคนิคทางจิตวิทยาที่ทำให้พวกเขารู้สึกว่าเรากำลังฟังและเข้าใจ โดยบางครั้งพวกเขาอาจไม่รู้ตัว
จากแหล่งที่มา: "หัวใจหลักของกลยุทธ์นี้คือการทวนคำของอีกฝ่าย... ฟังดูง่าย ๆ แค่นั้นเลย"
จากแหล่งที่มา: "การ " ทำตัวเป็นกระจกสะท้อนที่คอยสะท้อนทวนคำพูด " ของฝ่ายตรงข้ามกลับไปหาพวกเขาอีกครั้งเพื่อกระตุ้นให้เกิดการคิดไตร่ตรองและเปิดเผยข้อมูลมากยิ่งขึ้น"
Labelling (การแปะป้ายอารมณ์): การระบุและเรียกชื่ออารมณ์ความรู้สึกของอีกฝ่ายออกมา เช่น "ดูเหมือนว่าคุณกำลังกังวลเกี่ยวกับเรื่อง..." หรือ "ผมสัมผัสได้ว่าคุณอาจจะรู้สึกไม่ค่อยสบายใจกับประเด็นนี้" สิ่งนี้ช่วยปลดปล่อยแรงกดดันทางอารมณ์ (โดยเฉพาะอารมณ์ด้านลบ) และเสริมสร้างอารมณ์บวก นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นว่าเราพยายามทำความเข้าใจ แม้ว่าจะเดาผิดก็ยังนำไปสู่บทสนทนาต่อได้
จากแหล่งที่มา: "การหยิบเอาความเข้าใจนั้นออกมาพูด (labeling) เพื่อแสดงให้คู่เจรจาฝ่ายตรงข้ามเห็นว่าเราเข้าใจความต้องการและความเจ็บปวดของพวกเขาจริงๆ"
จากแหล่งที่มา: "กลยุทธ์ Labelling คือตัวช่วยที่เราจะทำให้อีกฝ่ายเข้าใจความรู้สึกตัวเองมากขึ้น อีกทั้งยังทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าเราเข้าใจเขาดี"
Calibrated Questions (คำถามชี้นำอย่างมีชั้นเชิง): การใช้คำถามปลายเปิดที่ขึ้นต้นด้วย "อย่างไร (how)" หรือ "อะไร (what)" แทนที่จะเป็นคำถามปลายปิดที่ตอบได้แค่ ใช่/ไม่ใช่ คำถามเหล่านี้ทำให้ฝ่ายตรงข้ามรู้สึกว่าตนเองเป็นผู้ควบคุม แต่จริงๆ แล้วเป็นการชวนให้พวกเขามาช่วยคิดหาทางแก้ปัญหาของเราเอง
จากแหล่งที่มา: "ให้ลืมคำถามที่ตอบได้แค่ใช่หรือไม่ใช่ไปก่อนเลยแล้วหันมาใช้คำถามปลายเปิดที่ส่วนใหญ่มักจะขึ้นต้นด้วยคำว่าอย่างไร how หรืออะไร what"
จากแหล่งที่มา: "คำถามพวกนี้เนี่ยมันจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าเขาเป็นคนคุมเกมนะ แต่จริงๆแล้วเรากำลังชวนให้เขามาช่วยคิดหาทางแก้ปัญหาของเราอยู่ครับ"
พลังของคำว่า "ไม่": ตรงข้ามกับความเชื่อทั่วไปที่พยายามให้คู่เจรจาตอบ Yes ตลอดเวลา หนังสือเล่มนี้สอนให้ "ระวังคำตอบว่า Yes และแสวงหาคำตอบว่า No" การที่อีกฝ่ายพูดคำว่า No ได้อย่างสบายใจเป็นการสร้างความรู้สึกปลอดภัยและรู้สึกว่าตนเองควบคุมสถานการณ์ได้ ซึ่งจะนำไปสู่การเปิดใจรับฟังและพิจารณาทางเลือกอื่นๆ ที่ดีกว่า
จากแหล่งที่มา: "จริงๆ แล้วการเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายพูดคำว่าไ่ได้อย่างสบายใจเนี่ยมันคือการสร้างความรู้สึกปลอดภัยให้เขารู้สึกว่าเขาควบคุมสถานการณ์ได้"
จากแหล่งที่มา: "สิ่งที่น่ากลัวที่สุดไม่ใช่คำตอบ "ใช่" หรือ "ไม่" แต่คือความกำกวม ความ "ไม่แน่ใจ" หรือการเมินเฉยไปเลย"
การไม่ประนีประนอมแบบ "แบ่งครึ่ง" (Never Split The Difference): การพบกันครึ่งทางมักนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่มีฝ่ายใดได้ประโยชน์อย่างเต็มที่ และอาจเป็นผลลัพธ์ที่แย่ที่สุดสำหรับทั้งสองฝ่าย
จากแหล่งที่มา: "ผู้เขียนแนะนำว่า อย่าพยายามประนีประนอมมากเกินไป เพราะผลลัพธ์ที่อาจจะได้ทั้งสองฝ่ายอาจจะออกมาครึ่งๆกลางๆ หรือไม่ดีเลยก็ได้"
จากแหล่งที่มา: "การไม่สามารถตกลงกันได้นั้นดีกว่าการได้ด้วยดีลที่แย่ เสมอ"
การค้นหา "หงส์ดำ" (Black Swans): หงส์ดำคือข้อมูลสำคัญที่เราไม่รู้ว่าเราไม่รู้ แต่เมื่อค้นพบแล้วจะสามารถพลิกสถานการณ์การเจรจาได้อย่างสิ้นเชิง การค้นหาหงส์ดำเกี่ยวข้องกับการทำความเข้าใจแรงกดดันส่วนตัว เป้าหมายที่ซ่อนเร้น หรือข้อจำกัดของอีกฝ่ายที่ไม่ถูกเปิดเผยออกมาอย่างชัดเจน
จากแหล่งที่มา: "การหาหงส์ดำให้เจอนี่แหละขึ้นแหล่งพลังต่อรองที่แท้จริงเลยครับไม่ใช่แค่เรื่องใครตำแหน่งใหญ่กว่าหรือใครเสียงดังกว่า"
การใช้ประโยชน์จากหลักการทางจิตวิทยาอื่นๆ:
ความกลัวต่อการสูญเสีย (Loss Aversion): มนุษย์กลัวการสูญเสียมากกว่าการได้รับ สามารถใช้ประโยชน์ได้โดยการโฟกัสบทสนทนาไปที่สิ่งที่อีกฝ่ายจะเสียไปหากดีลไม่สำเร็จ
การผูกสมอเรือทางความคิด (Anchoring): การกำหนดตัวเลขเริ่มต้นที่สูง (ในการเสนอราคา) หรือต่ำ (ในการขอราคา) เพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามใช้เป็นจุดอ้างอิงในการเจรจา ตัวเลขคี่มักทำให้ดูเหมือนผ่านการคิดมาอย่างดีแล้ว
เงื่อนไขที่ไม่ใช่เรื่องเงิน (Nonmonetary Term): การนำเงื่อนไขอื่นที่ไม่ใช่เงินมาเจรจา เพื่อเพิ่มทางเลือกและสร้างคุณค่าให้กับทั้งสองฝ่าย
การรับรองว่าข้อตกลงจะถูกนำไปปฏิบัติ (Guarantee Execution): การที่อีกฝ่ายตอบ Yes ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะปฏิบัติตามข้อตกลงจริง นักเจรจาที่ดีต้องแน่ใจว่าอีกฝ่าย "เชื่อ" ในข้อตกลงและมี "วิธีการ" ที่จะนำไปปฏิบัติจริง สามารถทำได้โดยการถามคำถามปลายเปิดอย่างต่อเนื่องเพื่อตรวจสอบความเข้าใจและแผนการ รวมถึงการสังเกตความไม่สอดคล้องกันระหว่างคำพูด น้ำเสียง และท่าทาง (กฎ 7-38-55) และการยืนยันซ้ำอย่างน้อย 3 ครั้ง
การเตรียมตัวก่อนการเจรจา: ควรเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ที่ดีที่สุดและเลวร้ายที่สุด (Best case – Worst case) และเตรียมหาวิธีรับมือล่วงหน้า การเตรียมตัวควรเป็นการเขียนภาพรวมและประโยคที่ต้องการใช้ ไม่ใช่สคริปต์ที่ตายตัว นอกจากนี้ยังควรลิสต์รายการข้อโต้แย้งเชิงลบที่อาจเกิดขึ้นและเตรียมการตอบสนอง
ทำความเข้าใจบุคลิกภาพของคู่เจรจา: การจำแนกคู่เจรจาตามลักษณะบุคลิกภาพ เช่น นักวิเคราะห์ (Analyst), ผู้ไกล่เกลี่ย (Accommodator), และผู้แน่วแน่ (Assertive) ช่วยให้เราปรับกลยุทธ์การสื่อสารให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
อย่าปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล: การควบคุมอารมณ์ของตนเองเป็นสิ่งสำคัญ การใจเย็นและใช้สติในการเจรจาจะช่วยให้สามารถใช้กลยุทธ์ต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ความสำคัญของคนเบื้องหลัง: ในการเจรจาบางครั้ง ผู้มีอำนาจตัดสินใจที่แท้จริงอาจไม่ใช่คนที่อยู่ตรงหน้า แต่เป็นคนที่อยู่เบื้องหลัง การสอบถามถึงมุมมองและความต้องการของคนกลุ่มนี้ก็มีความสำคัญ
ข้อความและคำพูดที่โดดเด่น:

"ถ้าบางคนมาคุยกับเรา นั่นหมายความว่าเรามีบางอย่างที่เขาคนนั้นต้องการ"
"การไม่สามารถตกลงกันได้นั้นดีกว่าการได้ด้วยดีลที่แย่"
"แล้วเราจะทำแบบนั้นได้อย่างไร" (ตัวอย่างคำถามชี้นำ)
"คุณจะไม่ทำงานนี้แล้วเหรอ" (ตัวอย่างคำถามกระตุ้นให้ตอบ No)
"นั่นละถูกต้อง" (That's right) - เป็น Yes ที่บ่งบอกถึงความเข้าใจและการยอมรับที่แท้จริง
โดยสรุป "Never Split The Difference" ไม่ใช่แค่หนังสือเกี่ยวกับการต่อรองราคา แต่เป็นคู่มือการใช้จิตวิทยาในการสื่อสารและการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เราต้องการโดยที่อีกฝ่ายไม่รู้สึกว่าถูกเอาเปรียบ แต่กลับรู้สึกดีกับการเจรจานั้นด้วยซ้ำ

NotebookLM อาจแสดงข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ดังนั้นโปรดตรวจสอบคำตอบอีกครั้ง