ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_ฟัก อยู่แม้น

เพชรลับ โดย เพชรกันยา

เริ่มโดย ฟัก อยู่แม้น, สิงหาคม 10, 2017, 12:10:47 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

ฟัก อยู่แม้น

เพชรลับ
โดย เพชรกันยา

ผมเป็นนักสืบของกรมศุลกากร
หน้าที่ของผมคือการสอบสวนและสืบสวนบุคคลที่จะนำของหนีภาษีมีค่าเข้ามาในประเทศหรือออกนอกประเทศ
สั่งของที่มีค่าเหล่านั้นก็คือ
เพชรนิลจินดาทั้งหมด
วัตถุโบราณทุกชนิด
และเงินตราภายในประเทศ
ผมทำหน้าที่ให้กับกรมศุลกากรมาสามปี
ตลอดสามปี ผมทำหน้าที่อย่างเคร่งครัด ผมไม่เคยรับสินบนจากพวกทุจริตคนไหน

จนกระทั่งวันหนึ่ง ผมได้รับคำสั่งจากอธิบดีกรมศุลกากร
ท่านเรียกผมไปพบในห้องทำงานส่วนตัวของท่าน
"ผมทราบว่าจะมีการลักลอบเอาเพชรสีชมพูออกไปจากประเทศไทย" ท่านกล่าวชัดๆเป็นการเป็นงาน
"ทราบเวลาไหมครับ?" ผมเรียนถามท่าน ท่านตอบผมว่า
"คงจะไม่เกินสองอาทิตย์นี้"
"พอจะทราบบุคคลที่ต้องสงสัยบ้างไหมครับ?" ผมชัก
ท่านตอบโดยไม่ให้รายละเอียดอะไรมากนัก
"คุณไปสืบเอาเองจากพวกนักท่องเที่ยว ผมแน่ใจว่าจะเป็นพวกทางยุโรปมากกว่า เพราะจุดหมายปลายทางรู้สึกว่าจะเป็นฝรั่งเศส"
ผมรับคำสั่งของท่าน
"ขอรับ"
"พลาดไม่ได้นะคุณนริศ เพราะเพชรชมพูเม็ดนี้มีค่ามากกว่าห้าร้อยล้านบาททีเดียว"
ผมรับคำอย่างแข็งขัน
"ขอรับ"
แล้วผมก็ลาท่านอธิบดีออกจากห้อง ลงมือปฏิบัติงานตามคำสั่งของท่านทันที

สถานที่ผมจะลงมือปฏิบัติงานก็คือบริษัททัวร์และสายการบิน
ที่สายการบินลุฟฮันซ่า ผมมีเพื่อนสาวอยู่คนหนึ่งที่เป็นเจ้าหน้าที่ของบริษัท
ผมตรงไปยังบริษัทสายการบินแห่งนั้น ผมเข้าไปยังห้องทำงานของลาวัณย์
ภายหลังจากที่ขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่ในสำนักงาน เพราะลาวัณย์มีหน้าที่เป็นผู้ช่วยผู้จัดการ
พอเห็นผม เธอก็ร้องอย่างดีใจ
"นริศ...แหมวัณย์โทรไปหาคุณตั้งหลายหนไม่พบ มีเรื่องอะไรถึงได้มาถึงที่นี่"
ผมทรุดร่างลงนั่งตรงข้ามกับหล่อน มองดูสีหน้ากระเง้ากระงอดของหล่อนอย่างพอใจ เพราะปกติเราสองคนรักกันอยู่แล้ว
"คิดถึงคุณนะซิ"
ลาวัณย์ค้อนผม
"จริงเหรอเปล่า?"
ผมหัวเราะในลำคอ
"ผมไม่เคยบอกคุณหรอกหรือว่ารักคุณมากแค่ไหน..."
"แล้วทำไมหายไปนานนักล่ะ?"
"หมู่นี้ผมมีงานยุ่งมาก เราออกไปจากสำนักงานได้หรือยังล่ะ?"
ลาวัณย์ค้นผมเสียวงใหญ่
"พอมาถึงก็จะพาออกจากสำนักงาน จะไปไหนล่ะ?"
ผมหัวเราะอีก
"ก็ไปคุยกันน่ะซิ"
พอผมบอกว่าจะพาไปคุยกัน พวงแก้มทั้งสองข้างของลาวัณย์ก็แดงซ่านขึ้นมา นัยน์ตาทั้งสองข้างฉ่ำเหมือนหยอดด้วยมิวรินส์
"ไม่เอาล่ะ กลางวันแสกๆ"
ผมกลับย้อนหล่อนอย่างยิ้มๆ
"แล้วกลางวันๆนะ เราไม่เคยเข้าไปหาที่คุยกันหรอกหรือ?"
หล่อนปั้นสีหน้างอนๆ
"เวลาพบกันน่ะทำเหมือนไฟ ร้อนไปหมด"
"น่า..คนดี ผมมีเรื่องสำคัญที่จะคุยด้วย"
หล่อนทำเป็นไม่กระตือรือล้นกับความเร่าร้อนของผม
"คุยกันที่นี่ไม่ได้เด็ดขาด..."
"ไม่หรอก เดี๋ยวคนอื่นมาขัด"
"คุณน่ะเอาเปรียบวัณย์ รู้มั๊ยคุณแม่น่ะบ่นจะตาย อยากให้แต่งงานกันเสียที เดี๋ยวพลาดพลั้งเกิดท้องขึ้นมาล่ะ ยุ่งกันใหญ่เชียว"
"เวลาผมมาหาคุณน่ะ ผมเตรียมยามาทุกครั้ง ทำไมคุณจะต้องกลัว"
พวงแก้มทั้งสองข้างของหล่อนยิ่งแดงเข้มมากขึ้น หล่อนกลับไม่ตอบคำถามของผม จัดแจงเก็บข้าวของโดยไม่มองหน้าผม เสร็จแล้วก็หยิบกระเป๋าลุกขึ้นยืน
"ไปซิ" หล่อนยิ้มอายๆ
ผมลุกขึ้นเดินตามลาวัณย์ไปด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความกระตือรือล้น เพราะเกือบสองอาทิตย์ที่เราสองคนไม่ได้พบกันเลย
ในที่สุดผมก็ขับรถพาลาวัณย์เข้าโรงแรมที่หรูหราที่สุด เพราะไม่มีที่ไหนที่เราจะคุยกันได้สะดวกสองต่อสอง
และเป็นการคุยที่ทำให้เราสองคนเป็นสุขอย่างที่สุด
เมื่อเข้าไปอยู่ในห้องอย่างที่เราเคยอยู่ด้วยกันมาตลอดเวลาเกือบสองปี...
ผมก็ได้พบว่ายิ่งนานลาวัณย์ก็ยิ่งเต็มไปด้วยความงดงาม เนื้อหนังของเธอเปล่งปลั่งนวลเนียนขาวสะอาด
ผมรวบร่างของเธอมาไว้ในวงแขนท่ามกลางเครื่องปรับอากาศที่ช่วยทำให้บรรยากาศเย็นฉ่ำ แม้ว่าหัวใจเราทั้งสองจะเร่าร้อน
ก่อนที่จะมาประจำสำนักงานนั้น ลาวัณย์เคยเป็นแอร์โฮสเตสมาก่อน ชีวิตของเธอจึงผาดโผนและไม่ค่อยแคร์ผู้ชาย ชีวิตของเธอเปิดเผยไม่เหมือนผู้หญิงชาวบ้านธรรมดา หล่อนไม่แคร์แม้แต่เรื่องบนเตียงนอน
เพราะฉะนั้น จึงทำให้ผมหลงหล่อนอย่างคลั่งไคล้
ผมเปลื้องผ้าให้หล่อนอย่างบรรจง
ตั้งแต่เสื้อชั้นนอกจนเสื้อชั้นใน แล้วก็กระโปรงและซับใน
ในที่สุดร่างของหล่อนก็เปลือยอยู่ต่อหน้าของผม
เนื้อหนังของหล่อนขาวสะอาดจนผมอยากจะกลืนร่างของเธอเข้าไปในหัวอก ผมรั้งร่างของเธอเข้ามา
เธอบอกกับผมว่า
"เปลื้องเสื้อผ้าของเค้าแล้ว คุณอย่าเอาเปรียบฉันซิคะนริศ"
คำพูดของหล่อนทำให้ผมนึกขึ้นมาได้ แล้วก็หัวเราะ ปล่อยร่างของเธอแล้วลุกขึ้น
เธอกลับบอกผมว่า
"ไม่ต้องหรอก วัณย์จะเปลื้องเสื้อผ้าของคุณเอง เป็นการตอบแทน ไงคะ"
ผมเลยลุกขึ้นยืน ปล่อยให้เธอเปลื้องเสื้อผ้าจนเหลือกางเกงชั้นใน แล้วมันก็หลุดลงไปกรอมพื้นด้วยมือของเธอ
ร่างของเธอก้มตามกางเกงที่หลุดไปกรอมข้อเท้า และเข่าทั้งสองของเธอก็คุกลงอยู่ตรงหน้าขาผม เธอค่อยเงยหน้าขึ้น พร้อมกับนัยน์ตาที่หวานฉ่ำ และสองมือของหล่อนช้อนไอ้จ้อนของผมไว้ในฝ่ามือ หล่อนสำรวจเหมือนกับว่ามันเป็นของสงวนนุ่นมือ พอสองมือของหล่อนช้อนเข้าไปไว้เต็มฝ่ามือ หล่อนก็ยื่นปากเข้าไปจูบที่ไข่สองฟองรกด้วยไรขนสีดำมะเมื่อม พร้อมกันนั้นหล่อนก็ฝังจมูกลงไปอย่างเต็มรัก ซูดดมด้วยอารมณ์รักอันล้ำลึก
ฉับพลันไอ้จ้อนของผมก็ค่อยแข็งลำพองผงกออกไปอีกเกือบสองเท่าตัว
"อุ๊ย...." หล่อนแสร้งจริตทำเป็นตกใจ
ไอ้จ้อนของผมมันผงาดง้ำขึ้นมาค้ำปลายจมูกของหล่อน ลาวัณย์จับมันเต็มตัวกดลงไปที่ฝ่ามือข้างหนึ่ง เอาปลายจมูกของหล่อนค้ำมันไว้ไม่ให้มันผงกขึ้น
"ร้องทำไมล่ะ? ...ทำเป็นเหมือนไม่เคยโดน"
หล่อนร้องอุทานออกมาอีก
"อุ๊ย...คุณนี่หยาบจังเลย"
"หยาบหรือละเอียด มันก็เหมือนกัน ประเดี๋ยวคุณก็ครางเสียงระห้อย..'นริศขา นี่คุณกำลังทำอะไร..ฉันเหรอ?..แรงอีกหน่อยซิ อย่าหยุด..นริศขา...ขยับเข้าซินริศขา...'" ผมแกล้งเย้าหล่อน
ลาวัณย์เอาปลายเล็บดีดลงไปกลางหัวไอ้จ้อน เสียววูบ เล่นเอาผมสะดุ้งสุดตัว
"อุ๊ย..เสียวจังเลยวัณย์ คุณนี่เล่นอะไรไม่รู้ ประเดี๋ยวมันเกิดไม่สู้ขึ้นมา" ผมแกล้งขู่
"ลองดูสิ ถ้าไม่สู้ล่ะก้อ ฉันจะหักคอมันเสียเลย"
ผมหัวเราะไม่ออก เพราะหล่อนค่อยประคองหัวไอ้จ้อนผงาดง้ำเข้าไปจ่อที่ริมฝีปาก แล้วแลบลิ้นออกมาเลีย เริ่มต้นเบาๆแลเวค่อยหนักขึ้น จนเสียวไปหมดทั้งหัวใจ เล่นเอาผมต้องอ้าปากห่อตัว อร่อยน่ะมันอร่อยแหละครับ แต่ไอ้ตอนเสียวนี่ซิ...ตอนที่หล่อนเอาหน้าฟันถากที่ตรงชง่อนไอ้จ้อนของผมนี่ซิ ผมต้องแขม่วจนหนังท้องเข้าไปแนบหน้าท้อง
"อู๊ย...วัณย์ครับ ผมเสียวจังเลย"
หล่อนไม่พูดพล่าม อ้าริมฝีปากออกกว้างแล้วค่อยงับหัวไอ้จ้อน ดูดลึกเข้าไปจนถึงชง่อนคอ แล้วดูดเข้าดูดออก คือดูดแล้วค่อยคลาย ทำให้ผมต้องแอ่นหน้าท้องตามเวลาที่เธอดูด
ผมซี๊ดริมฝีปากไม่ส่างซาเหมือนเคี้ยวพริกเข้าไปเต็มปาก
อร่อยนะอร่อยเหลือล่ะครับ ไม่เคยมีใครทำให้ผมอร่อยได้เหมือนลาวัณย์ ผมเห็นว่าจะทนไม่ไหว เพราไอ้จ้อนของผมมันจะคลายน้ำลายออกมาอยู่รอมร่อ จึงผลักหน้าของเธอออกไปแล้วค่อยยกร่างของเธอขึ้น ช้อนเข้าไว้ในวงแขน พาไปวางลงบนเตียง
ผมโถมตัวลงไป แล้วระดมจูบตั้งแต่หน้าผากเรื่อยลงมาจนถึงริมฝีปาก
ไซ้ตามซอกรักแร้ที่ขาวสะอาด
แล้วเรี่ยเรื่อยลงมาที่นมทั้งสองเต้า เอาริมฝีปากขบที่หัวนมเบาๆ ร่างของลาวัณย์แอ่นขึ้น ผมกดแน่นลงไป ดูดเหมือนเด็กดูดนมแม่ หล่อนครางอี๋ย์อยู่ในลำคอ
ผมไซ้เรื่อยลงไป จนกระทั่งถึงหน้าท้อง ขาทั้งสองของเธอยกลอยขึ้น แล้วค่อยฉีกออกจนเกือบเป็นเส้นตรง
ปลีแคมทั้งสองข้างอวบ ค่อยอ้าฉีกออกเพราะการฉีกขาทั้งสองของเธอ จนเห็นจงอยเนื้อสีชมพูโผล่ปลิ้นออกมาท่ามกลางขนที่ปกคลุมดำสนิทหนาแน่น เหมือนหอยแครงที่อ้าเปลือก
พอเห็นเท่านั้น ผมก็พลิกร่างอย่างรวดเร็ว หย่อนร่างสวมเข้ากลางหว่างขาทั้งสอง
หล่อมเอื้อมมือมาจับไอ้จ้อนผมไว้เต็มมือ ผงกศีรษะขึ้นมาจับตามอง ดึงเอาหัวของมันไปจรดปากปลีแคมหีที่อ้าออก หล่อนฉีกขาออกไปอีกจนเกือบเป็นเส้นตรง สุดที่ผมจะอดกลั้นได้อีกต่อไป จึงขยับสะเอวกระดกก้นสอดหัวไอ้จ้อนเข้าไปในรูปลีแคมทั้งสองอย่างรวดเร็วและหนักหน่วง
หล่อนเองก็กระดกก้นรับอย่างรวดเร็วและรุนแรงไม่น้อยไปกว่าผม
เสียงโหนกเนื้อกระทบกันดังพอที่จะเรียกเร้าอารมณ์ของเราให้เหิมเกริมเหมือนไฟที่รุนด้วยเชื้อ
หล่อนเริ่มร่ำร้อง
"เร่งถี่หน่อยซิคะ กระแทกแรงอีกนิดซิ" ขณะที่เสียงครางออกมาจากลำคอ
มือทั้งสองของเธอก็ช่วยปลุกอารมณ์ผม ด้วยการกำโคนล่างของไอ้จ้อนไว้เวลาผมกระแทกเข้าไปเธอก็ดึงมันเช้าไป
แล้วสองนิ้วของเธอก็คอยฉีกแคมเพื่อให้กว้างออกไม่ยู่เนื้อของเธอเข้าไปในรูเมื่อผมกระแทกไอ้จ้อนเข้าไปเต็มแรง
หล่อนขยับขยอกร่างเพื่อช่วยให้การกระแทกกระทั้นของผมสะดวกที่ถึงใจหล่อนยิ่งขึ้น
หลังจากที่ผมพลิกร่างของเธอหงายบ้างคว่ำบ้างอยู่อีกเกือบครึ่งชั่วโมง
เกมแรกของเราก็จบลงด้วยเสียงเธอพร่ำว่า
"อร่อยเหลือเกินคะนริศขา...อร่อยเหลือเกิน..."
เกมจบลงไปแล้ว แต่ไอ้จ้อนของผมมันไม่ยอมจบลงไปด้วย ผมจึงบอกกับเธอว่า
"วัณย์จ๋า ให้ผมเข้าทางประตูหลังหน่อยนะ"
เธอพยักหน้า ทั้งๆที่ทำท่าเหมือนจะสิ้นแรง
ด้วยการโก้งโค้งขึ้นมา
ผมลุกขึ้นไปจัดการเกาะก้นของหล่อนแล้วจัดการให้ไอ้จ้อนของผมชำแรกเข้าไปทางประตูหลังของหล่อน
ถึงแม้ว่าประตูหลังของหล่อนจะคับแคบไปหน่อย แต่ประเดี๋ยวก็คล่อง หล่อนส่ายก้นและซี๊ดปากอย่างเอร็ดอร่อย
พร้อมทั้งอารมณืของหล่อนเหิมขึ้นอีก หล่อนให้ผมเอานิ้วเขี่ยที่ปลายจงอยเนื้อที่ปลิ้นออกมาจากร่องแคมของหล่อน ในขณะที่ไอ้จ้อนของผมกำลังโขยกขยับอยู่ที่ประตูหลัง
"คุณนี่ช่างสรรหาท่าปรนความอร่อยได้เด็ดเหลือเกิน เอาทีไรอร่อยทุกที ฉันคิดถึงคุณมากรู้มั๊ย? อยากให้คุณเอาทุกวันเลย บางวันน่ะอยากให้คุณเอาไอ้จ้อนของคุณน่ะค้างยัดเอาไว้ในรู ฉันกระหายทั้งวันเลยเมื่อคิดถึงคุณ..."
หล่อนปริแคมก้นให้ผมเอาไอ้จ้อนกระแทกเข้าไปในประตูหลัง หล่อนบอกว่าอร่อยไม่แพ้กับประตูหน้า บางครั้งอร่อยกว่าเสียด้วยซ้ำ
บ่ายวันนั้นกว่าจะถึงทุ่ม ผมกับหล่อนเอากันถึงห้าครั้ง
เราเอากันเกือบทุกชั่วโมง
แล้วผมก็เริ่มเล่าเรื่องที่ผมมาพบเธอให้ฟัง ขอร้องให้หล่อนเช็คไปตามบริษัทการบินทุกแห่งว่าเที่ยวบินอาทิตย์นี้มีทัวร์จากประเทศไหนเข้ามาบ้าง แล้วให้โทรไปบอกผมโดยด่วน
หลังจากเธอรับทราบแล้ว เราทั้งสองออกจากโรงแรมและสัญญาว่าอาทิตย์หน้าเราจะพบกันอีก
หล่อนจะเอาหนังสือภาพคู่จากสวีเดนมาให้ผม และบอกว่าจะให้ผมเอาเธอตามภาพด้วย
ผมบอกว่าถ้าได้เรื่องที่ผมสั่งไว้ ผมจะเอาให้ถึงใจ
แล้วผมก้พาเธอไปกินอาหารที่โรงแรมอีกแห่งหนึ่ง จากนั้นผมก็พาเธอไปส่งบ้าน

ผมรออยู่สองวันก็ได้ข่าวจากลาวัณย์
เธอโทรศัพท์มาบอกผมว่า
"จะมีทัวร์จากฝรั่งเศสเข้ามาพรุ่งนี้ค่ะ เวลาสามทุ่ม"
"สายการบินไหน?" ผมถาม
เธอตอบ
"ลูฟฮันซ่าส์ค่ะ" เธอตอบพลางบอกผมต่อไปว่า "นี่อาทิตย์นี้ไปรับที่บ้านแต่เช้าเลยนะ" เธอย้ำ
ผมหัวเราะไปตามสาย
"ตกลงแม่ยอดรัก ผมรับรองจะตอบแทนรางวัลให้ถึงใจ"
หล่อนล้อผมมาตามสายว่า
"จริงไม่กลัว แต่กลัวไม่จริง... ภาพนั้นได้มาแล้วนะ"
"งั้นก็เล่นไม่ยากส์..."
หล่อนหัวเราะแล้วก็วางสาย
ผมเริ่มวางแผนที่จะแปลกปลอมเข้าไปเป็นพนักงานนำเที่ยวของบริษัทเมืองไทยทัวร์ ซึ่งจะเป็นบริษัทนำนักท่องเที่ยวจากฝรั่งเศสมาเที่ยวประเทศไทยเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์
การแปลกปลอมเข้าเป็นพนักงานนำเที่ยวของสยามนำเที่ยวก็ด้วยการช่วยเหลือของลาวัณย์ ผมจึงนำตัวเข้าไปเป็นพนักงานนำเที่ยวได้
และเที่ยวแรกผมได้รับการบรรจุเข้าเป็นพนักงานนำเที่ยวหรือที่เรียกกันว่าไก๊ด์ นำคณะนักท่องเที่ยวจากฝรั่งเศส ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นผู้หญิงเสียเกือบเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ ในจำนวนนักท่องเที่ยวเกือบสามสิบคน
ในจำนวน ๓๐ คนนั้น มีหญิงสาวที่มาเดี่ยวเสีย ๔ คน นอกนั้นเป็นคู่ผัวตัวเมียทั้งสิ้น และอยู่ในวัยชรากับวัยสี่สิบห้า
จากจำนวนสาว ๔ คน ผมต้องยอมรับว่ามาดามซองเยร์เป็นสาวสวยที่สุด อายุของเธอประมาณ ๒๘ หรืออาจต่ำกว่านั้นเล็กน้อย นอกนั้นเป็นหญิงสาววัยสามสิบเศษเสีย๓คน ผมยังมองไม่ออกว่าจะเพ่งจุดไปที่ใคร...
ใครจะเป็นผู้มานำเอาเพชรสีชมพูออกไปจากประเทศไทย?

วันแรก...
ผมได้นำนักท่องเที่ยว ๓๐ คนโดยรถปรับอากาศไปเที่ยวยังสวนสามพรานและเมืองโบราณ และไปรับประทานอาหารที่ห้องอาหารริมแม่น้ำเจ้าพระยา
ผมได้เฝ้าสังเกตผู้หญิงทั้งสี่ และได้พยายามทำความสนิทสนมกับพวกเธอ
เพียงวันแรก ผู้หญิงทั้งสี่ก็สนิทสนมกับผมพอสมควร ถึงกับเข้ามาพูดคุยกับผมอยู่ตลอดเวลาที่ผมนำพวกเธอเที่ยว
พวกที่มากันเป็นคู่นั้นก็พอใจผมมั่ง ไม่สนมั่ง
ผมสังเกตดูทุกคนหมด แต่ไม่เห็นร่องรอยพิรุธอะไรจากคนพวกนั้น
รุ่งขึ้นวันที่ ๒  ผมพาไปเที่ยวตลาดน้ำวัดไทร
ตลอดเวลาที่ผมพาเธอไปเรือ มาดามซองเยร์พยายามเข้ามาสนิทสนมกับผมตลอดเวลา เธอพูดภาษาอเมริกันเก่งมาก และผมก็สามารถพูดได้เก่งเท่าเธอ
เธอเป็นผู้หญิงที่เก่งมาก และค่อนข้างจะปล่อยตัว เธอพยายามอยู่ใกล้ผมตลอดเวลา และระหว่างที่เรือล่องเข้าไปตามคลองบางกอกน้อย พวกที่มากันกำลังสนใจกับเรือและข้างของในคลอง
มาดามซองเยร์เข้ามากระซิบบอกกับผม
"คุณนเรศคะ คืนนี้เราไปเที่ยวด้วยกันตามลำพังมั๊ย?"
ผมมองเธออย่างเต็มตา เธอยิ้มด้วยแววตาที่ฉ่ำ และรอยยิ้มที่เย้ายวนอย่างร้ายกาจ
"พวกที่มาด้วย เขาอาจว่าคุณได้" ผมตอบอย่างไม่แน่ใจ
เธอตอบผมว่า
"ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เพราะคืนนี้ฉันจะแยกห้องนอนกับเขา ฉันจะอยู่ห้องต่างหากโดยจะออกค่าใช้จ่ายเอง" เธอบอกกับผมอย่างละเอียด
ฟังคำบอกเล่าของเธอ ผมพอจะนึกออกว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างเธอกับผม ซึ่งสายตากำลังต้องกันเข้าทุกขณะ เพียงแต่ในสองวันเท่านั้นเอง
ผมรีบตอบสนองทันทีโดยไม่ต้องคิดอะไรให้มากมาย
"ตกลงครับ...ตกลง"
"คืนนี้สี่ทุ่ม พบกันที่ค็อฟฟี่ช้อปของโรงแรมนะ"
ผมพยักหน้ารับ
"ตกลงครับ" ผมจะพูดอะไรต่อ พอดีกับอีก ๓ หญิงสาวเดินจากหัวเรือมาทางท้ายเรือ ซึ่งผมกับมาดามซองเยร์กำลังนั่งคุยกันอยู่ พอสามสาวเดินเข้ามาผมจึงหยุดชงักการคุย
เป็นอันว่าเราเข้าใจกันดีทุกอย่าง
คืนนี้สี่ทุ่ม เราพบกันที่ค็อฟฟี่ช้อป
เมื่ออีกสามสาวเข้ามาสมทบ มาดามซองเยร์ก็เดินเลี่ยงไปเสียทางหัวเรือ
"เรามาทำลายบรรยายกาศของคุณหรือเปล่าคะ?" สาวหนึ่งถามขึ้น
ผมรีบตอบเพื่อไม่ให้เสียมารยาทว่า
"โอ้...ไม่เลยหรอกครับ ผมกำลังอธิบายให้เธอทราบถึงประวัติของคลองบางกอกน้อย ไม่เป็นไรหรอกครับ..."
ถึงแม้สามหญิงนั้นอายุจะเลยสามสิบ แต่ก็ล้วนแต่เคยแต่งงานมาแล้วทั้งสิ้น และเดี๋ยวนี้ได้แยกทางกับสามีของหล่อน
ผมต้องตาคนอายุสามสิบเอ็ดมาก เธอชื่อ..เอริเช่
เอริเช่ยังคงนิยมนุ่งกระโปรงสั้น หรือที่เรียกว่ามินิ
เวลาลมพัดกระโปรงของเธอเพยิบขึ้นไปจนเห็นโคนน่องของหล่อนขาวจนเกือบจะเป็นสีชมพู
เธอชอบมองสบนัยน์ตาผมบ่อยๆคล้ายจะมีความรู้สึกหรืออยากจะพูดอะไรสักอย่างที่ซ่อนอยู่ในใจกับผม
แต่โอกาสไม่ยอมเปิดให้ เธอจึงได้แต่มองสบนัยน์ตาผมบ่อยๆ
จนกระทั่งถึงเวลากลับ เราทั้งหมดไม่ได้ค่อยได้พูดอะไรกัน นอกจากส่งสายตาบอกกันอยู่จนกระทั่งถึงกรุงเทพฯ

ผมไปนั่งรอมาดามซองเยร์อยู่ตั้งแต่สามทุ่ม
พอสี่ทุ่มเธอก็เดินเข้ามาหาผมตามนัดหมาย ซึ่งผมเลือกมุมที่มืดไม่มีใครมองเห็นได้ถนัด
พอร่างของเธอเข้ามา ผมก็มองเห็นและเธอก็มองเห็นผม เธอปราดเข้ามาทักทายผมพร้อมกับทรุดร่างลงนั่งข้างๆผม
"พวกเขารู้หรือเปล่าว่าคุณมาพบผม?" ผมตั้งคำถาม
เธอตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
"เขารู้ว่าฉันมา แต่ฉันบอกเขาว่าจะไปหาเพื่อนที่สถานทูต คงไม่มีใครสงสัยหรอกคะ"
"ทำไมคุณต้องการให้ผมพาเที่ยว?" ผมยิงคำถาม
เธอตอบว่า
"ฉันชอบสนุกค่ะ ไปกันเถอะค่ะ ดิฉันอยากเที่ยวคลับ" เธอบอกความประสงค์
ผมพาเธอออกทางหลังห้องค็อฟฟี่ช้อปโดยไม่มีใครเห็น
ผมพาเธอขึ้นรถส่วนตัวไปยังคลับที่ฝั่งธนฯ
พอเข้าไปเห็นแสงสี เสียงเพลงและการเต้นรำ เธอบอกกับผมว่าเธอตื่นเต้นมากแต่เธอเกลียดพวกผู้หญิง เพราะแต่งตัวออกจะโบราณเกินไปไม่ค่อยโป๊
ผมคิดว่าพวกผู้หญิงฝรั่งเศสก็งั้น มองอะไรเป็นเรื่องโป๊ไปหมด บ๋อยพาเราไปห่ที่นั่งมุมมืด
เธอเป็นคนสั่งเบียร์พร้อมด้วยไส้กรอกเยอรมัน
แล้วเราก็คุยกันถึงเรื่องต่างๆระหว่างกรุงเทพฯกับปารีส เธอเป็นคนคุยสนุกมาก เธอชอบเอามือมาป่ายเปะที่หน้าขาผมอยู่เสมอ
เมื่อเบียร์หมดไปหนึ่งขวด เธอสั่งมาเพิ่มอีกหนึ่งขวด เธอดื่มเบียร์ได้เก่งมาก
พอเบียร์แก้วที่สี่พร่อง เธอก็ถามผม
"คุณนริศค่ะ ฉันคิดว่าคุณคงมีเพื่อนที่ดอนเมือง มีมั๊ยค่ะ?"
ผมย้อนถามเธอว่า
"มีอะไรจะให้ผมช่วยหรือครับ?"
"ฉันต้องการนิดหน่อย อยากได้ของออกไปจากเมืองไทย คือมันเป็นของโบราณ เพื่อนฉันที่สถานทูตเขาจะให้"
หัวใจผมเต้นแรง เพราะบัดนี้ผมได้คลำทางมาถูกแล้ว
"เอ้อมีครับ ผมจะลองติดต่อให้"
"ถ้าติดต่อได้ ฉันจะให้รางวัล ของราคานิดหน่อยเท่านั้นเอง"
ผมตกลงอย่างไม่สนใจเท่าไหร่นัก แล้วพาหล่อนออกไปเต้นรำ
ระหว่างที่เต้นนั้นเอง เธอเอามือมาคลำที่เป้ากางเกงผมอยู่ตลอดเวลา เหมือนจะบอกให้รู้ๆว่าเธอจะให้รางวัลอะไรผมสักอย่าง
ดังนั้นหลังจากเต้นรำจนสาแก่ใจแล้วเธอก็บอกผมว่าจะกลับโรงแรม
เมื่อผมพาเธอไปส่งที่โรงแรม เธอกลับชวนผมเข้าไปในห้อง บอกว่าจะเลี้ยงกาแฟผมต่อ
ผมเข้าไปอย่างว่าง่าย เพราะรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
ถึงอย่างไร มันก็ไม่ใช่ของที่หาง่ายเลย
พอเข้าไปในห้อง ขณะนั้นเป็นเวลาเที่ยงคืน
เธอถอดเสื้อกระโปรงโยนไปบนเตียง เหลือแต่เสื้อยกทรงและกางเกงในบางๆสีชมพูอ่อน
เธอสูงประมาณ ๑๖๗ สมส่วนและเนื้อหนันเต่งตึง
"คุณมีอารมณ์มั๊ยคุณนริศ?" เธอถาม
ผมตอบว่า
"ทำไมหรือครับ?"
"ฉันจะให้รางวัล ที่จะติดต่อกับศุลกากรให้ฉัน"
ผมรีบรับทันที
"ครับ ผมมีอารมณ์"
พอได้รับคำตอบเป็นที่ที่พอใจ เธอก็เบี่ยงตัวขึ้นไปบนเตียง พร้อมกับเชื้อเชิญผม
"ขึ้นมาซีคะ"
ผมไม่รอช้า เพราะถ้าขืนช้าอาจมีอุปสรรค ของดีๆนานๆได้กินที ผมจัดแจงเปลื้องเสื้อผ้ากางเกงบุกขึ้นไปบนเตียงนอนของเธอทันที
เธอร้องอย่างตื่นเต้น
"โอโฮ้...คุณนริศของคุณช่างใหญ่โต"
"ผู้ชายฝรั่งเศสใหญ่กว่าผมตั้งเยอะ"
"ไม่จริงหรอกค่ะ ของคุณใหญ่กว่า"
"คุณเคยโดนมาแล้วหรือครับ"
เธอยิ้ม
"ค่ะ ฉันโดนผู้ชายฝรั่งเศสมาแล้วสองสามครั้ง มันไม่อร่อยหรอกค่ะ พวกนั้นน่ะเล็กนิดเดียว แล้วไม่ค่อยชำนาญเป็นพวกเด็กหนุ่มรุ่นๆ"
"งั้นลองผม"
"เขาว่าพวกเอเชียนะเก่งมากแล้วก็ทน ฉันอยากพบตั้งแต่เมื่อคิดว่าจะเดินทางมาประเทศไทย"
หล่อนเป็นคนจัดแจงเปลื้องเสื้อยกทรงและกางเกงในออกจากร่าง
พอเห็นโคกขาวสะอาดของเธอซึ่งปกคลุมด้วยขนสีทองเต็มไปหมดทั้งคู่สองแคม ผมค่อยจรดฝ่ามือครอบลงไปบนจาวปลีของเธอ ปรากฏว่าฝ่ามือของผมปิดเกือบไม่มิด มันทะเล้นออกมานิดหนึ่ง
เธอยกหน้าท้องขึ้นเพื่อให้มือของผมปิดจาวเนื้อของเธอได้สนิท ผมกดแน่นลงไป เธอหัวเราะคิก
"ปิดมิดไม๊?"
"เกือบมิด"
"ก็แสดงว่าฝ่ามือของคุณเล็ก"
"ไม่หรอกครับ จาวเนื้อของคุณใหญ่ตะหาก ผมกลัวว่าจะหลวม"
"ทดลองก่อนซิถึงจะรู้....เถอะคะ" เธอเชิญชวนให้ผมทดลอง
ผมจึงจัดการลงมือทดลองโดยท่าธรรมดา เธอนอนหงายและผมยกขาทั้งสองของเธอขึ้นแล้วแยกกว้างออกไปข้างๆตัว
พอขาทั้งสองแยกออกไป
รอยฉีกกลางขาก็แยกออกกว้างเป็นร่องกว้าง จงอยเนื้อยาวแพลมพ้นขอบแคมขึ้นมาแข็งเป็นไตเหมือนหอยแครง
ผมเอานิ้วไปเขี่ยเล่นเบาๆ
หล่อนหัวเราะชอบใจ
ผมจึงลงมือคุกเข่าตรงหว่างขา แล้วค่อยเลยปลายหัวไอ้จ้อนเข้าไปตรงปากรู ค่อยกดกระแทกเข้าไปเบาๆ
ผมคิดว่าคงไม่ยาก เพราะจาวเนื้อของเธอของเธอทั้งอวบทั้งใหญ่ แต่ที่ไหนได้มันไปติดอยู่แค่ตรงหยักของคอไอ้จ้อนเท่านั้นเอง
"ของฉันเป็นไงค่ะ ไม่ใหญ่เหมือนอย่างที่คุณคิด"
ผมถอนหายใจเฮือก
"ครับ ผิดคาดมากทีเดียว" ผมพยายามกระแทกเข้าไปอีกสองสามที มันเข้าไปได้อีกนิดหนึ่ง
เธอแยกขาให้กว้างออกอีก พร้อมกับเอาปลายเล็บสองนิ้วฉีกข้างๆจนฉีกอ้าออกมาอย่างถนัดชัดเจน
"กระแทกซิ" เธอเร่ง
ผมกระแทกอีกที คราวนี้เข้าไปได้ครึ่งลำตัวของไอ้จ้อน
"เจ็บมั๊ย?" ผมถาม
เธอตอบ
"เจ็บนิดหน่อย...กระแทกอีกซิ ไม่ถึงกับฉีกหรอกน่า"
ผมมองดูแล้วเอานิ้วเขี่ยขนที่ลู่ตามแคมเข้าไป เพราะกลัวว่าจะบาดเาลำไอ้จ้อนเข้า เพราะรู้สึกแสบๆนิดหน่อย
ขณะที่ผมกระแทกเข้าไปอีกนั้น เธอแอ่นขึ้นรับอย่างเต็มที่ และเพื่อที่จะให้ผมดันไอ้จ้อนเข้าไปได้สะดวก
ไอ้จ้อนของผมมันแข็งตัวเต็มที่ ลำดุ้นของมันพองเกือบเท่าขวดเป๊บซี่ขนาดเล็ก
"ฉันไม่คิดว่าผู้ชายเอเซียจะใหญ่ ฉันเคยดูถูกว่าคงเล็กนิดเดียว ที่ไหนได้ ฉันคิดว่าของฉันใหญ่ กลับเล็กนิดเดียว" เธอพล่ามอย่างพอใจ เพราะความคับทำให้เธอเกิดความอร่อย
เธอเร่งให้ผมกระแทกเข้าไปแรงๆ
ซึ่งผมก็ทำตามใจเธอ
และหลังจากกระแทกเข้าไปจนมิดแล้ว เธอก็เร่งให้ผมลงมือกระแทกเข้าและชักออกโดยไม่ให้ผมเสียเวลาพัก
ซึ่งผมก็พอใจ
เพราะไอ้จ้อนของผมนั้นยิ่งกดถูรูของเธอ มันยิ่งร้อนและพองตัวใหญ่ขึ้นคับเสียจนรูของเธอปลิ้น
ขณะที่ก้นของผมทำหน้าที่กระแทก
เธอขอร้องให้ผมเอาปากดูดหัวนมของเธอ
ผมดูดนมของเธอแรงและเร่งเร้า
จนเธอครางเกือบไม่เป็นเสียงคน ร่างของเธอไม่ได้นอนนิ่ง มันไหวติงและส่ายสะเอวไปตามจังหวะที่ผมกระแทกลงไป
หลังจากผมดูดนมเธอแล้ว เธอก็ผงกศีรษะขึ้นและเอื้อมมือมาโน้มคอผมจูบที่ริมฝีปากอย่างเผ็ดร้อนรุนแรง
ชั้นเชิงการจูบของเธอร้ายกาจมาก
เพราะขณะที่ปากของเราจูบกันนั้น เราก็กระแทกกันอย่างรุนแรงจนหน้าขาของเธอเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำที่ทะลักหลั่งออกมาจากร่องรู ขนเปียกแฉะชุ่มเหนอะเหนียว
แต่กำลังของเธอเหลือเกิน ยิ่งกระแทกกำลังของเธอยิ่งแรงขึ้น รับการกระแทกอย่างเร่าร้อนไม่หยุดยั้ง
ปากของเธอก็พร่ำแต่ว่า
"ของคุณช่างใหญ่สะใจฉันจริงๆ..."
ทั้งๆที่เราอยู่กันในห้องปรับอากาศ แต่เหงื่อกลับแตกออกมาเกือบชุ่มโชก เพราะว่ามีแรงเท่าไหร่ต่างกระแทกและร่อนรับอย่างไม่ออมกำลัง
จนเกือบชั่วโมง
เนื้อหนังของเธอจึงได้อ่อนปวกเปียก
"น้ำของคุณออกแล้วหรือ?" ผมถาม
เธอพยักหน้า แต่บอกผมว่า
"กระแทกเถอะค่ะ กระแทกเถอะ ฉันยังต้องการมันอยู่อีก"
ผมจึงลงมือกระแทกต่อ อีกประมาณ ๕ นาที เธอถามผมว่า
"คุณทำนานวิเศษจังเลย น้ำเกือบออกหรือยัง?"
"เกือบแล้ว ผมกำลังขมิบ"
เธอรีบดันตัวผมลุกขึ้น และบอกว่า
"เอามาใส่ปากฉันซินริศ เอามาใส่ปากฉัน"
พอดีน้ำของผมจะออก ผมจึงเลื่อนตัวไปตรงปากของหล่อนอย่างรวดเร็ว
เธออ้าปากออก แล้วผมก็ทิ่มไอ้จ้อนพรวดเข้าไป เธออ้าปากงับและดูดผมอย่างแรง น้ำผมมีเท่าไหร่ก็กระฉูดเข้าปากของเธอเกือบหมด
เธอจึงบอกผมว่า
"เอากลับไปใส่รูฉันบ้าง"
ผมเลื่อนกลับมาอีก เอาหัวไอ้จ้อนยัดพรวดเข้ารูไป
เธอสะดุ้งนิดหนึ่ง มันเข้าไปขมิบอยู่ตรงปากมดลูกของเธออยู่ครู่หนึ่ง ผมก็ชักออก เธอเอื้อมมือมาจับไอ้จ้อนผมไว้แน่นด้วยความพออกพอใจ

วันที่ ๗ ซึ่งเป็นวันกำหนดกลับประเทศของเธอ เธอขอร้องให้ผมมาพบเธอตอนบ่ายโมงตรง เพราะเธอจะต้องออกจากโรงแรมตอนบ่ายสี่โมง
เครื่องบินจะออกจากท่าอากาศยานประมาณ ๖ โมง
เธอรอผมด้วยความกระวนกระวายใจ เพราะเธอต้องการเสพสมกับผมอีกสักทีสองทีก่อนที่เธอจะออกจากโรงแรม
จนกระทั่งเหลืออีกเพียงสิบนทีจะ ๔ โมงเย็น ผมจึงมาหาเธอ
ขณะนั้นเธอเ๖มไปด้วยความหงุดหงิดใจเพราะคิดว่าผมคงไม่มาหาเธอ
แต่เมื่อผมเข้าห้องนั้น เธอแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยเตรียมข้าวของจะออกจากโรงแรม
"คุณมาช้าเหลือเกิน นริศ" เธอต่อว่า
"ผมมีธุระครับ ไม่สายเกินไปไม่ใช่หรือ?"
"ไม่ค่ะ เราไม่มีเวลาแล้ว พวกเขาโทรศัพท์มาให้ลงไปที่ห้องโถงโรงแรม"
"เถอะน่านาทีเดียวเท่านั้น" ผมขอร้อง
แต่เธอปฏิเสธ
"ไม่หรอกค่ะ ฉันแต่งตัวแล้ว และไม่ทันหรอก ปีหน้าฉันจะมาใหม่ เราค่อยมาเอากัน ฉันคิดถึงคุณและอยากมาก" เธอตอบ
ผมอ้อนวอนและจับข้อมือเธอไว้
"น่า เดี๋ยวเดียวเท่านั้น เราต่างเร่งเอากันสักสิบนาที"
แต่เธอก็ยืนกรานปฏิเสธอยู่นั่นเอง ทั้งๆที่เธอแสดงความอยากออกมาด้วยการกอดและกำไอ้จ้อนของผมไว้
ผมไม่ยอม พยายามจะเปลื้องผ้าของเธอ
เธอดิ้นพยายามหนี
แต่ในที่สุด เธอก็ต้องยอมโดยไม่ต้องเปลื้องเสื้อผ้า เธอถลกกระโปรงให้สูงขึ้นไปถึงสะเอว
ผมดึงกางเกงในของเธอออก
แล้วให้เธอแบะขากว้าง แทนที่ผมจะเอาไอ้จ้อนผมสอดเข้าไป ผมกลับเอานิ้วล้วงเข้าไป
เธอร้องอย่างตกใจ
"นริศคุณทำอะไร?"
"ผมก็จะเอาเพชรชมพูออกจากรูหีของคุณน่ะสิ"
"คุณรู้หรือนริศ?" เธอร้องอย่างตกใจ
ผมสารภาพกับเธอ
"ผมเป็นนักสืบของกนมศุลกากร ผมได้รับคำสั่งให้มาเอาเพชรจากคุณ" ผมล้วงลึกเข้าไปในรู และล้วงเอาเพชรชมพูออกมา
เธอร้องไห้โฮ
เมื่อเอาเพชรชมพูออกมาจากรูหีของเธอแล้ว ผมจึงจัดการปลอบด้วยการเอาอย่างรุนแรง ทั้งรูหน้าและรูหลัง เอาอย่างปราศจากความปรานี
ซึ่งกลับถึงอกถึงใจเธอยิ่ง
เมื่อมีโทรศัพท์ขึ้นมาเร่ง เธอตอบลงไปว่าขอเวลาอีกครึ่งชั่วโมง กำลังหาของที่ไม่รู้ว่าที่ไหน
ในครึ่งชั่วโมงนั้น
เราทั้งสองสามารถเอากันได้ถึงสองยก
เราต่างใช้ลิ้นและริมฝีปากกันอย่างถึงอกถึงใจ
จนเธอบอกว่าไม่อยากจากผมไปเลย ผมจะต้องทำให้เธอคิดถึงและอยากอยู่ตลอดเวลา
ก่อนจากกัน เธอไม่ลืมที่จะจับไอ้จ้อนของผมไว้แน่น แสดงความเสียดายออกมาด้วยการหลั่งน้ำตา
เธอบอกว่า
"ฉันเสียดายไอ้จ้อนของคุณมากกว่าเพชรชมพูเม็ดนี้..."
แล้วเธอก็จากไป

๑๑๑๑๑๑ จบ ๑๑๑๑๑๑
แค่เธอยักคิ้ว ต้นงิ้วก็แค่ถั่วงอก

peddo

คลาสสิคมากครับ พากันทำกิจกรรมสมชื่อท่านผู้แต่งเลย สำหรับยุคนั้นถือว่าเราร้อนมาก ที่สำคัญความสละสลวยยังคงอยู่ให้ความรู้สึกอิ่มครับ ขอบคุณครับ

ponggunyuki2527

สนุก คลาสสิคดีกครับ เห็นภาพแล้วซี้ดแล้ว