ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

ศึกสองนางพญา 1-5 โดย...เหมียวคำราม

เริ่มโดย slotass, พฤศจิกายน 08, 2009, 03:48:52 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

slotass


ศึกสองนางพญา   โดย...เหมียวคำราม

ตอนที่ 1 ขันทีโฉด

รัชกาลฉุงเจิงฮ่องเต้ แผ่นดินเกิดทุพภิกขภัย ทางการยังเก็บภาษีเพิ่มประชาชนเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า เหล่าโจรปล้นชิงทรัพย์ ขันทีโฉดครองเมือง กองกำลังแมนจูทางภาคเหนือยังรุกรานเข้ามา สั่นคลอนต่อบัลลังก์มังกรอย่างรุนแรง

ปีที่สิบห้าในรัชกาลฉุงเจิงฮ่องเต้

ณ ตึกผู้บัญชาการค่ายตะวันออก ยามวิกาล แสงโคมสองดวงส่องตรงป้ายขวางคฤหาสน์ตระกูลเฉา

ที่นี่เป็นที่พักของ เฉาฮั่วฉุน ขันทีกังฉินที่มักใหญ่ใฝ่สูงและเกาะกุมขุมกำลังใหญ่ มีอำนาจล้นฟ้าล้นแผ่นดิน ความเข้มงวดของมาตรการป้องกันตึก หาได้ด้อยกว่าในวังหลวงไม่
ช่วงราตรีที่องครักษ์พิทักษ์ตึกกำลังสับเวรกัน เงาร่างดำอ้อนแอ้นสายหนึ่งโลดลิ่วจากกำแพงตึกทิ้งตัวลงพื้นโดยปราศจากสุ้มเสียงผิดปกติ แล้วลอบเข้าคฤหาสน์ตระกูลเฉาโดยปราศจากผู้พบเห็นใดๆ

บนเตียงกว้างใหญ่ในห้องนอนเฉาฮั่วฉุน นอนไว้ด้วยชายชราผมขาวโพลงดุจไหมเงิน รูปกายอ้วนฉุราวสุกร สวมเสื้อกางเกงสีขาวผู้หนึ่ง เนื่องเพราะหันหลังจึงไม่อาจเห็นโฉมหน้าแท้จริงได้

ที่ข้างเตียงนอน แยกย้ายยืนขึ้นด้วยหญิงรับใช้สองนาง ทั้งคู่เห็นเฉาฮั่วฉุนหลับสนิทแล้ว ก็ปลดม่านมุ้งลงแล้วเดินออกจากห้องแยกย้ายไปพักผ่อน

วิกาลคล้อยดึก ทันใดม่านประตูเลิกวูบ คนชุดดำที่ลอบเข้าคฤหาสน์สืบเสาะมาถึงห้องนอนเฉาฮั่วฉุน เท้าของคนชุดดำไม่สัมผัสพื้นเลย ร่างอ้อนแอ้นไต่ไปตามประตูวงเดือนลอบเข้าห้องไป
เมื่อมองลอดม่านมุ้งเข้าไป เห็นขันทีโฉดพลิกตัวนอนหงาย ปกเสื้อแบะอ้าสยายออก คนชุดดำขยับแขนขา เคลื่อนกายบนเพดาน จากนั้นห้อยหัวลงมา เลิกม่านมุ้งออกชักกระบี่สั้นออกมาเล่มหนึ่ง

ในความมืดคนชุดดำคุมกระบี่แทงปราดเข้าใส่ท้องที่นูนออกมาของเฉาฮั่วฉุนดุจสายฟ้า ปลายกระบี่จมลงในเนื้อท้องวูบหนึ่งจากนั้นดีดกลับออกมา

ท่าสังหารที่แม่นยำ กลับไม่อาจทำร้ายเฉาฮั่วฉุนได้!

ร่างอ้อนแอ้นของคนชุดดำถูกกระแทกกลิ้งไปตามพื้นดินทอดหนึ่ง รีบดีดกายขึ้นทะลวงม่านประตูออกไป

เฉาฮั่วฉุนกระโดดปราดขึ้นจากเตียง ตะโกนว่า
"มีคนร้าย"
เสียงร้องพอดัง หัวหน้าองครักษ์ก็พาองครักษ์กรูเข้ามาอย่างเร่งร้อน
"เฉากงกง คนร้ายเล่า?"
เฉาฮั่วฉุนกระชากเสียงว่า
"ยังมิรีบไปค้นหาอีก โจรผู้นี้ยังหนีไปไม่ไกลแน่"
หัวหน้าองครักษ์รีบโบกมือนำองครักษ์พิทักษ์ตึงหลายคน เร่งรุดออกจาห้องอย่างรวดเร็ว
เฉาฮั่วฉุนเหลียวไปยังหัวหน้าองครักษ์อีกผู้หนึ่ง สั่งว่า
"จินเปียว ตามตัวผู้พิทักษ์ที่สิบสี่มาพบเราในบัดดล"
หัวหน้าองครักษ์จินเปียวรับคำ

...................................................................................

ผู้พิทักษ์ที่สิบสี่มีนามจั่วหวินหลิง เป็นลูกเลี้ยงของเฉาฮั่วฉุน บุรุษหนุ่มอายุเยาว์ แต่ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย มีวิทยายุทธสูงล้ำ ทั้งมีความคิดอ่านลึกซึ้งชั่วร้าย หาด้อยกว่าบิดาเลี้ยงไม่

ยามนี้จั่วหวินหลิงนั่งดื่มน้ำชาอยู่ที่โต๊ะกลางห้อง มีคนรับใช้ยืนอยู่ด้านข้าง
สตรีนางหนึ่งเดินเข้ามา พร้อมกับย่อกายคำนับ
"นายน้อย"
จั่วหวินหลิงเงยหน้ามองก็กระจ่างตาวูบ สตรีนางนี้ช่างงดงามนัก นางน้อมคำนับแล้วเดินเข้าไปในห้องนอน

จั่วหวินหลิงหันไปทางคนรับใช้ที่ยืนอยู่ด้านข้าง
"นางเป็นใคร เราไม่เคยเห็นมาก่อน"
คนรับใช้รีบน้อมกายตอบ
"นางมีนามว่า เฉินอี้หลิง เดิมเป็นธิดาของเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงพระองค์หนึ่ง แต่สามีนางทำผิดถูกลงโทษขับไล่ออกจากวัง ทรัพย์ถูกยึด กงกงจึงส่งนางมาเป็นคนรับใช้ของนายน้อย"
"มิน่า กิริยาท่วงทีจึงผิดจากสาวรับใช้ทั่วไป"
จั่วหวินหลิงรำพึง จากนั้นจึงเผยอยิ้มอย่างชั่วร้าย โบกมือไล่คนรับใช้ออกไป แล้วเดินเข้าไปในห้องนอน เห็นเฉินอี้หลิงกำลังจัดเตรียมที่นอน เรือนร่างของนางบอบบาง เอวคอดกิ่ว สะโพกผายกว้าง จั่วหวินหลิงถึงกับใจเต้นระทึกด้วยความเร่าร้อน เสียงฝีเท้ากระตุ้นให้เฉินอี้หลิงรู้สึกตัวเหลียวมามอง
"นายท่าน"
เฉินอี้หลิงอุทาน จั่วหวินหลิงตรงเข้าไปสวมกอดร่างของนางไว้
"นายท่าน ...อย่า.."
เฉินอี้หลิงร้องห้ามด้วยความร้อนรุ่ม นางทราบว่าจั่วหวินหลิงตระเตรียมระบายอารมณ์ใคร่ใส่นาง แต่ครอบครัวนางแตกสลาย บิดาถูกขับไล่ มารดา ตลอดจนพี่น้องที่เป็นสตรีก็ถูกส่งไปเป็นหญิงรับใช้ตามที่ต่างๆ นางย่อมไม่สามารถจะขัดขืนได้ ได้แต่ร่ำร้องวิงวอน
"นายท่าน..อย่ารังแกผู้น้อย"

แต่จั่วหวินหลิงหารับฟังไม่ ก้มลงจูบไซร้ไปทั่วใบหน้าของนาง เฉินอี้หลิงแสดงอาการตื่นตกใจอย่างเต็มที่พร้อมกับเบือนหน้าหนี จั่วหวินหลิงจูบไซร้ไปบริเวณซอกคอและติ่งหูมากขึ้น ในขณะที่มือก็บีบเคล้นที่ปทุมถันหยุ่นมือที่ยังไม่ใหญ่นักแ พักเดียวเท่านั้นเฉินอี้หลิงก็เริ่มพ่ายแพ้แก่อารมณ์ที่บุรุษหนุ่มป้อนให้ ถึงกับอ่อนปวกเปียกอยู่ในวงแขน จังหวะนั้นจั่วหวินหลิงจึงอุ้มตัวนางเข้าไปในห้องนอน ก่อนวางนางลงบนที่นอนอย่างแผ่วเบา เฉินอี้หลิงมองอย่างตื่นตระหนก ร้อนรุ่มใจจนน้ำตาหลังไหลออกมา จั่วหวินหลิงเห็นน้ำตานางกลับมีอารมณ์ใคร่พลุ่งพล่านขึ้นมาอย่างประหลาด โน้มหน้าลงจูบริมฝีปากนาง ลิ้มรสเค็มกร่อยของน้ำตาบนใบหน้านาง..จูบไซร้จากบริเวณหน้าลงมาเรื่อย ๆ สองมือที่เกาะกุมอยู่ที่ปทุมถันเต่งตึงของนาง ก็เคล้นคลึงอย่างเมามัน

เฉินอี้หลิงร้อนรุ่มใจแต่ไม่กล้าขัดขืน ได้แต่หลับตาลง ปล่อยให้จั่วหวินหลิงปลดเปลื้องเสื้อของนางออก น้ำตายังไหลพรั่งพรูอาบนวลแก้มไม่ขาดสาย

เฉินอี้หลิงยังเยาว์วัย ทรวงอกอูมทั้งสองคล้ายบัวตูมกลางสระ องค์เอวคอดกิ่ว แผ่นท้องแบนราบ กระโปรงของนางถูกมือของจั่วหวินหลิงถลกขึ้นมาเห็นเป็นช่วงขาที่เรียวงามกลมกลึง

จั่วหวินหลิงสวมกอดนางอย่างรุนแรง สองมือไม่คลาดคลาจากปทุมถันน้อยคู่นั้น ตะโบมโลมเล้าทุกส่วนสัดทั่วเรือนกายของนาง  ร่างบริสุทธิ์ของเฉินอี้หลิงไม่เคยต้องมือชายมาก่อน พอถูกตะโบมอย่างรุนแรงก็เจ็บปวดจนกรีดร้องออกมา จั่วหวินหลิงหัวเราะชอบใจ
"นายท่าน บ่าวเจ็บ..."
"อย่ากลัวไปเลยอี้หลิง ข้าจะสอนให้เจ้ารู้จักความสุข..."
พูดจบก็หัวร่อฮาๆ จ้องมองไปที่ทรวงอก เม็ดแดงที่ปลายถันเป็นสีชมพูระเรื่อ จั่วหวินหลิงก้มลงดูดเลียอย่างหื่นกระหาย
"นายท่าน..นายท่าน..."

จั่วหวินหลิงฝังศีรษะกับทรวงอกน้อย ขบกัดปลายถันสีแดงสดของนาง กลิ่นหอมกรุ่นของสาวบริสุทธิ์โชยเข้าจมูกสร้างความเร่าร้อนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ต้องเผลอขบฟันงับลงไปอย่างรุนแรง
"นายท่าน..บ่าวเจ็บ.."
เฉินอี้หลิงคิดผลักไสอีกฝ่ายหนึ่งพ้นจากกาย แต่สองแขนอ่อนล้าไม่สามารถผลักไสได้ นางเจ็บปวดจนน้ำตาไหลรินหลั่ง แต่ได้แต่ขบกรามกล้ำกลืนรับไว้

จั่วหวินหลิงหลังดูดดื่มความหอมหวานจากยอดถันของเฉินอี้หลิงจนพอใจแล้ว ก็หันมาจัดการกับเสื้อผ้าของตัวเอง พร้อมกับเริ่มปลดเสื้อผ้าชิ้นสุดท้ายของนางออกเช่นกัน ทันใดนั้น เรือนร่างอันเปลือยเปล่าของเด็กสาวที่อวบอิ่มและโหนกนูน ก็ปรากฏแก่สายตา

อารมณ์ของจั่วหวินหลิงยิ่งพลุ่งพล่านมากขึ้น เริ่มใช้นิ้วกระตุ้นอารมณ์บริเวณเนินสวรรค์ของนาง ทันทีที่นิ้วสัมผัส เฉินอี้หลิงก็สะดุ้งขึ้นมาทันที
"ไม่..." เฉินอี้หลิงร่ำร้อง แต่ร่องสวรรค์ของนางตอนนี้มีน้ำทิพย์ฉ่ำเยิ้มออกมามากมาย ในขณะที่ปากของจั่วหวินหลิงก็ไล่ดูดงับบริเวณเนินอกสลับไปมาทั้งสองข้าง หน้าท้องของนางเกร็งตัวด้วยความปั่นป่วน จากการโจมตีทั้งบนและล่าง ริมฝีปากบางก็ร้องครวญครางอย่างลืมตัว

จั่วหวินหลิงขยับตัวนำท่อนเนื้อที่แข็งตัวจนแทบจะระเบิดจับมันจ่อบริเวณร่องสวรรค์ที่ดกดำของนางแล้วเขี่ยขึ้นลงเพื่อให้น้ำหล่อลื่นของเธอที่หลั่งออกมาชโลมท่อนเนื้อให้ทั่ว เพื่อที่จะได้ไม่เจ็บเกินไปนักเวลาสอดเข้าไป ทันทีที่สัมผัส เฉินอี้หลิงก็สะดุ้งทันทีพร้อมกับร้องออกมาอย่างตกใจ ดวงตากลมโตเบิกกว้างจ้องมองมังกรร้ายอย่างตื่นตระหนก....

...................................................................................

ตอนที่ 2 ลอบสังหารล้มเหลว

พลันบังเกิดเสียงฝีเท้าดังสับสน ดรุณีรับใช้นางหนึ่งร้องเรียกว่า
"นายน้อย.."
จั่วหวินหลิงผวาลุกขึ้นจากเตียงเหลียวขวับไปตามเสียง

"อุ๊ย"
ดรุณีรับใช้อุทานหน้าแดงซ่านเมื่อเห็นร่างเปล่าเปลือยของผู้เป็นนาย เจ้ามังกรร้ายผงกหัวบานร่าอย่างน่ากลัว
"เรื่องอะไร" จั่วหวินหลิงตวาดถาม
ดรุณีน้อยรีบระงับจิตใจกล่าวอย่างร้อนรน
"ท่านหัวหน้าองครักษ์จินเปียว แจ้งว่ามีคนร้ายบุกรุกคฤหาสน์กลางวิกาลคิดทำร้ายเฉากงกง..."
"บิดาเป็นไรหรือไม่"
"เฉากงกงไม่เป็นไร ท่านผู้เฒ่าต้องการพบท่าน"
จั่วหวินหลิงไม่รอฟังจบ รีบสวมเสื้อผ้าโลดแล่นกลับไปโดยมีสุนัขเจินจูวิ่งตามหลัง

...................................................................................

เฉาฮั่วฉุนออกจากห้องนอน รอรับฟังคำรายงานขององครักษ์
"เรียนเฉากงกง พวกเราตรวจค้นพื้นที่รัศมีห้าลี้โดยละเอียด แต่ไม่พบร่องรอยคนร้ายแม้แต่เงา"
เอ่ยถึงตอนนี้ จั่วหวินหลิงเร่งรุดมาถึง สาวเท้าถึงเบื้องหน้าเฉาฮั่วฉุน กล่าวอย่างร้อนรุ่ม
"บิดา ผู้บุตรมาสายก้าวหนึ่ง เป็นเหตุให้ท่านผู้เฒ่าได้รับความตระหนก"
เอ่ยถึงตอนนี้ เหลียวหน้าไปถามว่า
"สือฉี จับกุมคนร้ายได้หรือไม่"
สือฉีลังเลเล็กน้อยไม่ทันตอบคำ พลันบังเกิดเสียงสุนัขเห่ากระชั้นเร่งร้อน
เป็นสุนัขเจินจูของจั่วหวินหลิงเอง มันสูดได้กลิ่นผิดปกติ ดังนั้นเงยหัวเห่ากรรโชกเป็นการใหญ่
จั่วหวินหลิงเงยหน้าตาม ก็เห็นคนชุดดำร่างอ้อนแอ้นแนบร่างอยู่บนเพดานห้องดุจจิ้งจกมหึมา
...ที่แท้คนร้ายไม่ได้หลบหนีออกจากตึก หากแต่ซ่อนตัวอยู่บนเพดานห้องเอง!

องครักษ์พิทักษ์ตึกสองคนตวัดทวนคู่มือขึ้น จั่วหวินหลิงพลันช่วงชิงทวนสะบัดซัดใส่คนชุดดำนั้นดุจประกายไฟ คนชุดดำใช้กระบี่สั้นปัดป่ายทวนพลิกตัวหลบทวนอีกเล่มหนึ่ง จั่วหวินหลิงตะปบคว้าทวนจากมือองครักษ์ข้างเคียงอีกเล่มหนึ่งซัดตามติดโดยกระชั้นชิด

ประกายทวนพุ่งวาบ ซัดถูกท้องของคนชุดดำได้ยินเสียงครางหนักๆ ทั้งคนทั้งทวนตกวูบลงมาโดยพร้อมเพรียง ร่างอ้อนแอ้นร่วงฟาดลงกับพื้นฟุบแน่นิ่งไม่เคลื่อนไหว

สือฉีสืบเท้าไป ใช้ทวนเขี่ยร่างของคนชุดดำพลิกกลับมา ยื่นมือดึงผ้าคลุมหน้าของอีกผ่ายออก สายตายามกวาดตามองต้องงงงันวูบ

หลังผ้าคลุมหน้าเป็นวงหน้าผุดผาด ขนคิ้วที่เรียวยาว ดวงตาทั้งคู่พริ้มสนิท ที่แท้เป็นสตรีนางหนึ่ง
สือฉีร้องโพล่งว่า
"เป็นสตรีนางหนึ่ง..."
ไม่ทันขาดคำ สตรีงามชุดดำพลันลืมตาขึ้น สือฉีเอากระบี่สั้นจี้ที่ลำคอนางบังคับให้ลุกขึ้นยืน

จั่วหวินหลิงกระชากเสียงถาม
"ใครใช้เจ้ามาลอบสังหาร"
ดรุณีชุดดำหลับตาขบกรามแน่น
จั่วหวินหลิงบันดาลโทสะ ตวัดมือตบฉาดจนนางหน้าหัน
"บัดซบ นางแพศยา ดูซิว่าเจ้าจะปิดปากได้นานแค่ไหน"
พูดจบหันไปกล่าวกับองครักษ์
"สือฉี เตรียมเครื่องทรมานเท้าลา!"

เสียงฮือฮาดังลั่นห้อง ดรุณีชุดดำสีหน้าซีดเผือด แม้แต่สาวรับใช้สองนางที่อยู่ในห้องก็มีใบหน้าแดงซ่าน แสดงให้เห็นว่าฑัณฑ์ทรมานชนิดนี้คงโหดร้ายเหลือคณา

ชั่วครู่สือฉีก็คุมทหารคงรักษ์สองคนลาก แท่นไม้ประหลาดที่มีลักษณะคล้ายม้านั่งออกมา หากตรงกลางที่นั่งมีรูกลมๆขนาดเท่าข้อมือเจาะอยู่อย่างประหลาด

เสียงหัวเราะฮิฮะดังลั่นห้อง จั่วหวินหลิงก็แย้มยิ้มกล่าวเสียงเหี้ยมเกรียม
"สือฉี ทดลองเปิดกลไกให้นางชมดู"

องครักษ์สือฉีรับคำ เอื้อมมือไปกดกลไก ทันใดก็มีเสียงครืนครั่ง พร้อมกับมีท่อนไม้รูปร่างคล้ายอวัยวะเพศชายขนาดใหญ่ทะลวงขึ้นลงออกมาจากรูนั้น สตรีชุดดำที่กวาดตามองถึงกับตัวสั่นระริก นางรู้แล้วว่า จั่วหวินหลิงคงจะจับนางเปลือยกายนั่งลงบนม้า ปล่อยให้ท่อนไม้ทะลวงถ้ำหยกของนางนั่นเอง...

"พอแล้ว" จั่วหวินหลังสั่ง แล้วหันมามองหน้าสตรีชุดดำ "ข้าจะให้โอกาสสุดท้ายแก่เจ้า จะบอกหรือไม่?"

สตรีชุดดำเบิ่งตามองจั่วหวินหลิงด้วยความอาฆาต แล้วก็หลับตาลงอีกครั้ง
จั่วหวินหลิงหัวเราะเสียงเหี้ยม
"ดีล่ะ เราคงจะได้ดูของสนุกกันคราวนี้ สือฉีถอดเสื้อผ้านางออก"

สือฉีก้าวเท้าเข้ามา ตะปบมือฉีกอกเสื้อนางของนางเสียงดังคว้ากกก

"อาาาาาา...."

เสียงฮือฮาดังขึ้นลั่นห้อง เมื่อปทุมถันอวบใหญ่ขาวผ่องหลุดผึงออกมาเต้นสั่นระริกอยู่ต่อหน้าคนทั้งหลาย ยอดปทุมถันมีสีชมพูระเรื่อ ปลายยอดนั้นเป็นเม็ดเล็กๆยังไม่ทันเบ่งบาน แสดงว่าสตรีชุดดำนี้ยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่

สตรีชุดดำเป็นยอดฝีมือผู้หนึ่ง พอถูกเหยียดหยามก็อดไม่ได้ที่จะต้องตวาดด่าด้วยความโกรธ
"คนเลวทราม เป็นถึงองครักษ์แต่พฤติกรรมไม่ผิดกับสัตว์ป่า"
จั่วหวินหลิงหาได้มีโทสะไม่ แต่สั่งต่อไปอย่างยิ้มแย้ม
"ถอดกางเกงนางออกด้วย! สือฉี! ถอดให้หมด!"

สือฉีรับคำ มือฉกปราดอย่างคล่องแคล่ว เสียงเสื้อผ้าขาดวิ่นอยู่ชั่วครู่ ในที่สุดร่างของสตรีชุดดำก็เปลือยเปล่าอวดโฉมอยู่ต่อหน้าคนทั้งหมด

เรือนร่างของสตรีชุดดำงดงามสมบูรณ์ ปทุมถันของนางอวบอูมตูมตั้งกระเพื่อมไปมาอย่างเย้ายวนด้วยความกดดันจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เอวคอดกิ่ว ผิวขาวผ่อง ช่วงขาเรียวงามแฝงแรงดีดสะท้อนที่ทรงพลัง น่าเสียดายที่นางเอามือปิดอวัยวะสำคัญไว้ทำให้มองเห็นไม่ถนัด แต่ถึงกระนั้นพงขนก็ยังโผล่ให้เห็นรำไรจากฝ่ามือน้อยๆที่ปิดไว้ไม่มิด แสดงให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของสตรีนางนี้

เม้แต่ดรุณีรับใช้สองนางถึงกับหน้าแดงเป็นลูกตำลึงสุกเมื่อเห็นร่างเปลือยเปล่าของสตรีชุดดำปรากฏอยู่ตรงหน้า!

"เอาตัวนางขึ้นนั่งได้" จั่วหวินหลิงร้องสั่งอย่างเหี้ยมเกรียม

องครักษ์สองคนก้าวเข้ามาจับที่แขนนาง

ทันใดนั้น สตรีชุดดำพลันลืมตาขึ้น ขบฟันในปากคราหนึ่ง บัดเกิดเสียงดังกร๊อบ ร่างอ้อนแอ้นของนางสะท้านเฮือกหนึ่ง มุมปากกรากฏโลหิตไหลซึมออกมา

สือฉีฉุกคิดว่าผิดท่า ยื่นมือรออยู่ที่ริมจมูกของนาง พบว่าไม่มีลมหายใจอีก จึงกล่าว
"นางขบยาพิษในปาก ชิงฆ่าตัวตายแล้ว"
พลางตรวจค้นเสื้อผ้านาง พบป้ายหยกอันหนึ่งซุกอยู่ จึงส่งมอบต่อจั่วหวินหลิง
จั่วหวินหลิงรับป้ายหยกไป ส่งมอบต่อเฉาฮั่วฉุน กล่าวว่า
"บิดา ท่านดู"
เฉาฮั่วฉุนพลิกดูป้ายหยกเที่ยวหนึ่ง กล่าวเสียงเครียดว่า
"นี่เป็นป้ายผ่านทางในวังหลวง คำนวณจากวิทยายุทธของคนร้ายนางนี้ คงต้องเป็นนางกำนัลที่มีวิทยายุทธติดตัวในวังหลวง"
"บิดา ในความคิดของท่าน คนร้ายผู้นี้เป็นผู้ใดส่งมา"
เฉาฮั่วฉุนกล่าวอย่างครุ่นคิด
"ในความคิดของเรา สมควรเป็นองค์หญิงเจาเหยิน"

...เจาเหยินกงจู้ (องค์หญิงเจาเหยิน) เป็นราชธิดาองค์รองของฉุงเจินฮ่องเต้


ตอนที่ 3 องค์หญิงยอดยุทธ

ภายในวังเวี้ยหัว กลางสระอบเชย

เจาเหยินกงจู๊เปลือยกายแหวกว่ายอยู่กลางสระ สรงสนานด้วยจิตใจสำราญ
นางเกล้าผมเป็นมวยลวกๆ ดวงตากลมโตดำขลับ วงหน้ากลมเกลี้ยงดั่งจันทร์เพ็ญ ช่วงคองามระหงเนินไหล่กลมมนละเอียดอ่อน ปทุมถันกลมกลึงเต่งตึง ปลายยอดเป็นสีชมพูระเรื่อ ยื่นนิ้วเรียวงามดุจลำเทียนทั้งสิบ วักน้ำเล่นด้วยความเบิกบาน

ที่ขอบสระนั่งไว้ด้วยนางกำนัลหน้าตาน่ารักหน้าเอ็นดูสองนางคอยเฝ้าปรนนิบัติเจาเหยินกงจู๊ นางหนึ่ง กำลังขบเคี้ยวของว่าง อีกนางนั่งเท้าแขนจับตาดูร่างเปลือยเปล่างดงามของเจ้าหญิงเจาเหยินแหวกว่ายน้ำไปมา ดวงตาของนางกำนัลน้อยดำขลับฉ่ำเยิ้มเป็นประกายสุกใส

นี่เป็นส่วนลึกในวังหลวง นอกจากนางกำนัลคนสนิทแล้ว ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่สามารถเหยียบย่างเข้ามา นางกำนัลทั้งสองล้วนเป็นคนสนิทของเจาเหยินกงจู๊ คนแรกนั้นเรียกว่าแนเสี่ยวเชี่ยน ส่วนคนที่นั่งเท้าแขนเรียกว่าเฟยจินเอ๋อ
"พี่เสี่ยวเชี่ยน องค์หญิงรองของเราสวยจริงๆเลยนะ โดยเฉพาะถันนมนั้นกลมกลึงได้รูปดีเหลือเกิน เมื่อไหร่ข้าจะมีหน้าอกแบบนี้สักทีนะ"
แนเสี่ยวเชี่ยนหัวเราะเบาๆ
"อีกไม่นานหรอกน่าจินเอ๋อ ตอนนี้ก็เริ่มโตขึ้นแล้วไม่ใช่หรือ อายุเจ้าแค่นี้เอง ข้าว่านมเจ้าออกจะโตเกินวัยด้วยซ้ำ"
"ได้ยินว่า ถ้าให้ผู้ชายลูบๆคลำๆแล้วมันจะโตเร็วขึ้น จริงมั๊ยคะพี่เสี่ยวเชี่ยน"
แนเสี่ยวเชี่ยนหน้าแดง
"ใครบอกเจ้าล่ะ"
"ข้าได้ยินพวกนางกำนัลพูดกันน่ะ" เฟยจินเอ๋อพึมพำ สายตาจับจ้องมองเจาเหยินกงจู๊ที่เปลี่ยนเป็นนอนหงายตีกรรเชียง เห็นโคกหีของนางลอยปริ่มน้ำผลุบโผล่ๆ ขนหมอยดกดำปกคลุมโคกหีที่นูนเด่นเป็นรูปใบพลูไว้อย่างงดงามต้องเอ่ยถามต่อ
"พี่เสี่ยวเชี่ยน"
"อะไรอีกล่ะ"
"ขนตรงนั้นของพี่ขึ้นเยอะเท่ากับองค์หญิงรองหรือเปล่า"
แนเสี่ยวเชี่ยนหน้าแดงก่ำดุเบาๆ
"นี่จินเอ๋อ เจ้าชักจะทะลึ่งใหญ่แล้วนะ"
"โธ่ พี่เสี่ยวเชี่ยน ข้าไม่ได้ทะลึ่งนะ ข้าอยากรู้จริงๆ ของข้าทำไมขึ้นมานิดเดียว"
แนเสี่ยวเชี่ยนเห็นสีหน้าไร้เดียงสาของเฟยจินเอ๋อ ก็รู้ว่าไม่ได้แกล้งหยอกล้อนางจึงตอบตามตรง
"ของข้าก็พอๆกับองค์หญิงนั่นแหละ"
เฟยจินเอ๋อยิ้มอย่างซุกซน
"จริงเหรอพีเสี่ยวเชี่ยน งั้นพี่ก็เป็นสาวแล้วซิ อยากรู้จังว่าผู้ชายนะจะโชคดีคนไหนได้เย็ดหีพี่เสี่ยวเชียนเป็นคนแรก"
"บ้า!" แนเสี่ยวเชี่ยนร้องอุทาน พร้อมกับไล่ทุบเฟยจินเอ๋อที่หัวเราะคิกคักลุกขึ้นหนี แนเสี่ยวเชี่ยนรีบลุกขึ้นไล่ตามแล้วปล้ำกอดร่างนุ่มนิ่มของเฟยจินเอ๋อไว้ที่ริมสระ พร้อมกับเอามือจี้เอวของเฟยจินเอ๋อ นางกำนัลน้อยถึงกับหัวเราะไปวิงวอนไป
"อุ๊ย พี่เสี่ยวเชี่ยน ข้ายอมแพ้แล้ว  อย่าจี้เอว คิก คิก พี่เสี่ยวเชี่ยนคนสวย ข้ายอมแล้ว คิกคิก"

เสียงหัวเราะหยอกล้อต่อกระซิกของสองนางกำนัลทำให้เจาเหยินกงจู๊หันมามองด้วยความสงสัย
"นี่เจ้าสองคนเล่นอะไรกัน" เจาเหยินกงจู๊ถามยิ้มๆ พร้อมกับแหวกว่ายมาใกล้ทั้งคู่
"ก็จินเอ๋อน่ะซิเพคะองค์หญิง มาล้อหม่อมฉันว่าจะมีชายไหนได้เย็ดหีหม่อมฉันเป็นคนแรก" แนเสี่ยวเชี่ยนรีบฟ้อง
เจาเหยินกงจู๊ทำท่าดุใส่นางกำนัลน้อย
"นี่จินเอ๋อเป็นเด็กเป็นเล็ก ก็หัดแก่แดดแล้ว โตขึ้นจะขนาดไหนเนี่ย"
เฟยจินเอ๋อเชิดปาก
"เด็กที่ไหนเพคะ อ่อนกว่าองค์หญิงแค่สองปีเอง"
"สองปีก็อ่อนกว่า อย่างน้อยข้าก็รู้อะไรมากกว่าเจ้าก็ละกัน"
"จริงอ่ะ? งั้นองค์หญิงรู้เรื่องผู้ชายกับผู้หญิงเย็ดกันรึยัง" เฟยจินเอ๋อถามตรงๆอย่างไม่เกรงกลัวศักดิ์ศรี ทั้งสามนางแม้จะได้ชื่อว่าเป็นนายบ่าว แต่จริงๆก็เติบโตมาด้วยกันและสนิทกันเหมือนพี่น้อง ยามอยู่ตามลำพังก็จะหยอกล้อกันโดยที่เจาเหยินกงจู๊ไม่เคยถือสา เพียงแต่ครั้งนี้จินเอ๋อออกจะหยาบคายมากกว่าทุกครั้ง
เจาเหยินกงจุ๊เบะปาก
"ทำไมจะไม่รู้ ข้าศึกษาตำรามาจนหมดสิ้นแล้ว"
แนเสี่ยวเชี่ยนหัวเราะคิก นางรู้ดีว่าเจาเหยินกงจู๊มากอย่างที่คุยหรอก แต่ทำเป็นอวดรู้ไปอย่างนั้นเองเพื่อข่มเฟยจินเอ๋อ เจาเหยินกงจู๊ได้ยินแนเสี่ยวเชี่ยนหัวเราะก็หันไปถลึงตาใส่ แนเสี่ยวเชี่ยนรีบกลั้นหัวร่อ แล้วทำหน้าเคร่งขรึมทันที
"หึ หึ องค์หญิงแค่ศึกษาจากตำรา แต่หม่อมฉันเคยแอบดูพี่เพ่ยเพ่ย กับพี่ชิงชิงมาแล้วเพคะ" เฟยจินเอ๋อคุยทับ คราวนี้ทั้งแนเสี่ยวเชี่ยนกับเจาเหยินกงจู๊ต้องหันมาจ้องหน้านางกำนัลน้อยด้วยความสงสัย
"จริงน่ะหรือ" เจาเหยินกงจู๊ถามเบาๆ
"จริงสิเพคะ แหมรุ่งเช้าตาเป็นกุ้งยิงเลย" เฟยจินเอ๋อทำท่าทางภาคภูมิใจ
"วันหนึ่งเจ้าพาข้าไปแอบดูมั่งได้มั้ย"
"อุ๊ย" เฟยจินเอ๋อจ้องสบตากับเจ้าหญิง พลันพูดขึ้นเบาๆ
"อย่าดูเลยเพคะ เห็นแล้วมันเสียวไส้"
"แต่ข้าอยากดูมั่งนี่นา"
"พูดเล่นหรือเปล่า เพคะ"
"จริงซิจินเอ๋อ"
"หากมีพระประสงค์เช่นนั้น หม่อมฉันจะพาพี่เพ่ยๆกับแฟนมาเล่นเสียวต่อหน้าพระพักตร์เลย"
"ก็ดีน่าซิ เย็ดกันให้ข้าดู" เจาเหยินกงจู๊พูดอย่างไม่กระดากปาก เพราะเห็นเป็นผู้หญิงด้วยกัน แล้วแหวกว่ายออกไป
ถ้าได้เห็นภาพอย่างว่า หัวใจคงเต้นระทึก สายเลือดคงเดือดพล่าน เจ้าหญิงยิ่งคิดก็ยิ่งมีความกระหายจัด เลือดลมร้อนวูบวาบไปทั่วสรรพางค์กาย ให้รัญจวนปั่นป่วนในพระทัยสุดระงับ

พลันบังเกิดเสียงฝีเท้าดังขึ้น นางกำนัลหน้าตาน่ารักอีกนางหนึ่งเร่งรุดมาถึง กระซิบที่ข้างหูนางกำนัลทั้งสองหลายคำ

นางกำนัลทั้งสองชักชวนกันมาถึงข้างสระ เรียกหาว่า
"องค์หญิงรอง"

ได้ยินเฟยจินเอ๋อรายงานว่า
"พี่เสี่ยวชิงลอบสังหารเฉาฮั่วฉุนล้มเหลว ชิงอัตวินิบาตกรรม"

เจาเหยินกงจู๊หมดอารมณ์สนุกในทันที รีบแหวกว่ายถึงขอบสระ ก้าวขึ้นจากสระน้ำ เฟยจินเอ๋อ กับแนเสี่ยวเชี่ยน รีบเข้าไปปรนนิบัติเช็ดไปตามร่างกายเปล่าเปลือยของนาง เฟยจินเอ๋อค่อยๆใช้ผ้าเช็ดไปตามทรวงอก เอว สะโพก ส่วนแนเสี่ยวเชี่ยนก็เช็ดไปที่โคกหีของเจ้าหญิง ถูไถไปมาบนพงขนดกดำนุ่มนวลจนแห้งสะอาด จากนั้น เฟยจินเอ๋อจึงคลี่เสื้อคลุมออก ปรนนิบัติสวมใส่ลงบนร่าง

เจาเหยินกงจู๊หมุนกายรอบหนึ่ง เดินออกจากสระอบเชย ยามเยื้องย่างเผยเห็นขาอ่อนขาวผ่องกลมกลึง ปากกล่าวว่า
"เฉาฮั่วฉุนผู้นี้ยากจัดการได้จริงๆ"

ตอนที่ 4 องค์หญิงเจ้าปัญญา

เฉาฮั่วฉุนปั้นหน้าเคร่งเครียด โบกมือคราหนึ่ง เหล่าองครักษ์พิทักษ์ตึกก็ล่าถอยออกจากห้องเหลือเพียงจั่วหวินหลิง
"บิดา เรื่องนี้ระแวงสงสัยว่าเป็นฝีมือขององค์หญิงเจาเหยิน พวกเราสมควรเคลื่อนไหวแล้ว"
"เจาเหยินผู้นี้ชอบจับดาบควงกระบีแต่เล็ก เคยกราบอาจารย์เลิศล้ำ ซ้ำนางกำนัลก็มีวิทยายุทธมิใช่ชั่ว หากคิดจัดการนางควรวางแผนให้รอบคอบ"
"อย่างนั้นบิดาเห็นควรทำอย่างไร"
"เช้าวันพรุ่งนี้เราจะเข้าเฝ้า บีบบังคับฉุงเจินสอบสวนเรื่องนี้"
คนผู้นี่ถือดีกุมอำนาจล้นฟ้า บังอาจเรียกพระนามฉุงเจินฮ่องเต้ตรงๆ
จั่วหวินหลิงกลอกตากล่าว
"บิดา องค์หญิงเจาเหยินมีวิทยายุทธ แต่ความคิดอ่านยังเป็นเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมไม่เป็นที่น่าวิตก"
"เฮอะ หรือจะเลิกราในลักษณะนี้..ทำไม่ได้เด็ดขาด"
"บิดา ครั้งนี้เราจะละเว้นองค์หญิงเจาเหยิน แล้วป้ายความผิดไปยังสื่อเข่าฟ่า บีบบังคับให้ฮ่องเต้ประหารชีวิตมัน"
เฉาฮั่วฉุน ฉุกใจคิดแหงนหน้าหัวร่อกล่าว
"เจ้าสิบสี่มีมันสมองจริงๆ ตอนนี้พวกเรามีพยานหบักฐานกับมือ ฉุงเจินหากไม่สำเร็จโทษสื่อเข่อฝ่าก็ต้องเสียสละเจาเหยิน แต่ฉุงเจินปกป้องนังกะหรี่น้อยต้องไม่ทำเช่นนี้แน่นอน เต่เยี่ยงนี้เท่ากับปล่อยปละเจาเหยินแล้ว"
"บิดา ซึ่งความจริงในวังหลวงยังมีคนผู้หนึ่งน่ากลัวกว่าองค์หญิงเจาเหยินสิบเท่า พวกเราสมควรทุ่มเทกำลังทั้งหมดจัดการนางจึงถูกต้อง"
"เจ้าหมายถึงผู้ใด"
"องค์หญิงฉางผิง"
ฉางผิงกงจู้ เป็นราชธิดาองค์โตของฉุงเจินฮ่องเต้

...................................................................................

เช้าวันรุ่งขึ้น ฉุงเจิงฮ่องเต้ในชุดฉลองพระองค์ลายมังกร เสด็จว่าราชการ ณ ท้องพระโรงใหญ่ โดยมีฉางผิงกงจู้ตามเสด็จ
ฉุงเจิงฮ่องเต้ประทับนั่งบนบัลลังก์มังกร
องค์หญิงฉางผิงประทับอยู่ด้านข้าง นางเกล้าผมเป็นมวยสูง ประดับมุกมณีแพรวพราย มีสิริลักษณ์หมดจดงดงาม สมกับที่เป็นราชนิกูลสูงศักดิ์โดยแท้จริง
ยามนี้ฉางผิงกงจู้สวมใส่อาภรณ์แพรสีขาว ปกเสื้อปักรูปหงส์สีคราม ยิ่งขับเน้นลักษณะราศีของนางจนสูงส่งสุดอาบเอื้อม
ฉุงเจินฮ่องเต้รับสั่งว่า
"ท่านทั้งหลายมีเรื่องใดให้กราบทูล ไม่มีเรื่องก็เลิกประชุม"
เฉาฮั่วฉุนในเครื่องแบบขันทีเต็มยศ มือโบกแส้ปัดคุกเข่าถวายบังคม
"ข้าพระองค์เฉาฮั่วฉุนถวายบังคมฮ่องเต้"
ฉุงเจินรับสั่งให้ลุกขึ้น เฉาฮั่วฉุนยืดกายขึ้นกราบทูลว่า
"ขอเดชะ เมื่อคืนปรากฏคนร้ายลอบเข้าคฤหาสน์เรา คิดประทุษร้ายข้าพระองค์ ด้วยพระบารมีปกเกล้า คนร้ายถูกจับกุมน่าเสียดายที่ชิงฆ่าตัวกายก่อน"
"คิดไม่ถึงในนครหลวงมีคนบังอาจปานนี้ เฉากงกงวางใจ ข้าจะสืบสาวเรื่องนี้ให้กระจ่างชัด"
"มิต้องให้ฮ่องเต้กังวลพระทัย ข้าพระองค์สืบทราบแล้ว"
ฉุงเจินตรัสโพล่งว่า
"เป็นผู้ใด"
"เป็นสมุหกลาโหมเมืองนางกิง...สื่อเข่อฝ่า ขอให้ฮ่องเต้ทรงลงอาญา ตัดสินประหารชีวิตเพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป"
ฉุงเจินฮ่องเต้ตรัสตะกุกตะกักว่า
"นี่..ข้าจะสืบสาวเรื่องนี้..."
"หลักฐานแน่ชัดไม่ต้องสืบสาวให้เสียเวลาแล้ว" เฉาฮั่วฉุนพูดเสียงเด็ดขาด
ฉุงเจินฮ่องเต้มีพระพักตร์บึ้งตึง
ฉางผิงกงจู้พลันตรัสว่า
"ผู้ฆ่าคนต้องตาย อย่าว่าแต่คนบงการยิ่งสมควรตาย พระบิดา ขอพระองค์ประทานความตายแก่สื่อเข่อฝ่า"
ฉุงเจินฮ่องเต้ได้แต่ตรัสว่า
"เฉากงกง เรื่องนี้มอบให้ท่านจัดการเถอะ"
เฉาฮั่วฉุนค่อยรับพระราชกระแสด้วยความสบใจ

...................................................................................

ฉุงเจินฮ่องเต้ เสด็จกลับเข้าห้องทรงพระอักษร รับสั่งต่อฉางผิงกงจู้ว่า
"ตอนนี้ สื่อเข่อฝ่าเป็นผู้ที่จงรักภักดีต่อข้าที่สุด เจ้าไฉนให้ข้าประหารชีวิตมัน"
"นี่เป็นแผนถ่วงเวลาของผู้บุตรตางหาก"
"แต่ข้ามีพระราชกระแสไปแล้ว"
ตาคู่งามของฉางผิงกงจู้ทอประกายปัญญา กล่าวว่า
"พระบิดาโปรดวางพระทัย หากผู้บุตรคาดเดาไม่ผิด เฉาฮั่วฉุนต้องส่งจั่วหวินหลิงผู้เป็นบุตรบุญธรรมไป คนผู้นี้มีวิทยายุธสูงเยี่ยม ตราบใดที่อยู่ข่างกายเฉาฮั่วฉุนยกจะฆ่ามันได้ พระบิดามีพระราชกระแสเช่นนี้ เท่ากับสั่นกระสุนเดียวยิงนกสองตัว ทั้งสามารถกันจั่วหวินหลิงออกไป ทั้งสามารถฆ่าเฉาฮั่วฉุน"
"ที่แท้เป็นเช่นนี้"
"พระบิดา โปรดทรงมีพระบรมราชโองการลับนิรโทษแก่สื่อเข่อฝ่า บุตรีจะให้นางกำนัลปลอมตัวถือสาส์นไป หากแม้นจั่วหวินหลิงเดินทางถึง ขอเพียงสื่อเข่อฝ่าแสดงสาส์นนิรโทษก็จะปลอดภัยไร้เรื่องราว"
"ประเสริฐ เป็นอุบายประเสริฐจริงๆ"

...................................................................................

ใต้แสงอาทิตย์เจิดจ้า บริเวณจุดเปลี่ยนม้าเมืองฟงเอี๋ยง
นี่เป้ฯตัวเมืองที่อยู่ระหว่างนครหลวงกับนานกิง ทางการจึงจัดที่เปลี่ยนม้า ทั้งสร้างที่พักสำหรับเจ้าหน้าที่บ้านเมือง
วันนี้ปรากฏหนุ่มน้อย หน้าตาหล่อเหลา ผิวพรรณเกลี้ยงเกลาขาวสะอ้านเดินทางถึงหน้าประตูตึก ทหารที่เฝ้าประตูทั้งสองพากันไขว้สลับทวนขวางกันไว้
หนุ่มน้องหน้าในล้วงป้ายทองประจำตัว แสดงต่อทหารทั้งสอง ทหารทั้งสองตรวจดูแวบหนึ่งก็อนุญาตให้ผ่านเข้าไป

โดยแระชั้นชิดตามติด ผู้พิทักษ์ที่สิบสี่จั่วหวินหลิงก็ตามเข้ามายังตึกที่พัก ผู้ดูแลตึกออกมาปฎิเสธแขก แต่เมื่อสือฉีล้วงป้ายหยกกวัดแกว่งแสดงตัวว่าทำงานกับเฉากงกง ผู้ดูแลตึกก็รีบน้อมกายคารวะ
จั่วหวินหลิงซักถามว่า
"เมื่อครู่ใช่มีชายหนุ่มรูปงามเข้าพักหรือไม่"
"ถูกแล้ว เป็นขันทีในวังของกงจู้ใหญ่ ตอนนี้พักอยู่ในห้องข้างชั้นที่หนึ่ง"
จั่วหวินหลิงยิ้มอย่างเยือกเย็น กล่าวว่า
"คืนนี้พวกเราจะพักอยู่ที่นี่"

ยามวิกาล ขันนี้นั้นขณะจะเข้านอน พลันบังเกิดเสียงโครมใหญ่ประตูห้องข้างถูกเตะเปิดผางออก
ขันทีนั้นเหลียวขวับไปด้วยความตระหนก เห็นคนเตะประตูเป็นสือฉี ด้านข้างยังยืนไว้ด้วยจินเปียว ต้องถามโพล่งว่า
"พวกท่านเป็นใคร" น้ำเสียงนั้นหวานใส ราวกับเสียงสตรีไม่ผิดเพี้ยน
"ผู้พิทักษ์ที่สิบสี่จั่วหวินหลิง" ในเสียงกล่าว จั่วหวินหลิงเดินช้าๆ เข้าห้องมา เพ่งตาถามขันทีนั้นว่า
"องค์หญิงฉางผิงใช้ท่านไปที่ใด"
ขันทีรูปงามกลอกตากลมโตกล่าว
"องค์หญิงใช้เราไปยังเมืองนานกิง เพื่อจัดซื้อสมุนไพรตัวยา"
"หน้าที่ในราชสำนัก ล้วนผ่านมือเฉากงกงตลอดมา ครั้งนี้ไฉนส่งทานมา"
"ระหว่างนี้องค์หญิงร่างกายไม่สบาย ต้องการยาบำรุง ผู้ต่ำตอยมีความรู้ทางสมุนไพรตัวยา ดังนั้งองค์หญิงจึงส่งเรามา"
"ท่าสคิดจัดซื้อสมุนไพรอันใด"
"เป็นยาตังกุยและจำพวกโสม"
สือฉีออกมา กล่าวว่า
"ตังกุยเป็นเครื่องบรรณาการจากแคว้นยูนาน โสมมาจากภูเขาฉางไป่ทางภาคเหนือ เมืองนานกิงหามีสมุนไพรจำพวกนี้ไม่"
เอ่ยถึงตอนนี้ พลันยื่นมือตะปบคว้าคอเสื้อขันทีนั้น ตะคอกถามว่า
"ท่านเดินทางไปยังเมืองนานกิงด้วยภารกิจใด"
ขันทีนั้นหน้าซีดเผือด อ้ำอึ้งไม่ตอบคำ สือฉีพลันล้วงมือเข้าไปในคอเสื้อ พลันก็อุทานดังอา ร้องว่า
"นายน้อย ขันทีนี้ประหลาดแท้กลับมีหน้าอกอวบอัดหยุ่นมือดีแท้" พูดไปมือก็ควานไปๆมาๆในคอเสื้อพร้อมกับขยำอย่างเมามัน ขันทีนั้นยืนตัวสั่นไม่กล้าขัดขืนแม้แต่น้อยปล่อยให้มันใช้มือสำรวจไปในร่มผ้าตามใจชอบ
"มีเรื่องเช่นนี้ ไหนถอดเสื้อมันออกมาให้ข้าชมดู"

ขันทีนั้นอุทาน กรีดร้องร่ำไห้ สือฉีหัวเราะฮาฮา ฉีกกระชากเสื้อดังควากๆ ชั่วพริบตาท่อนบนของขันทีก็เปลือยเปล่าขาวโพลน ขันทีรีบเอามือปิดก้อนเนื้อด้านบนเอาไว้ แต่เพราะก้อนเนื้อทั้งสองก้อนนั้นมีขนาดใหญ่เกินมาตราฐาน ทำให้มือน้อยๆของขันทีปิดไม่มิดแลเห็นก้อนเนื้อบางส่วนขาวเนียนรำไรยั่วตายั่วใจ จั่วหวินหลิงกับพวกถึงกับตาลุกวาวหัวร่อด้วยความหื่นกระหาย

"เฮอะ เฮอะ ขันทีที่ไหนมีนมใหญ่ขนาดนี้ บอกมาว่าเจ้าเป็นใครกันแน่"
ขันทีนั้นตัวสั่นงันงก ตอบเสียงสั่นเครือ
"ข้า.. ข้า.... คือชิงชิง เป็นนางกำนัลขององค์หญิงฉางผิง"


ตอนที่ 5 บรรเลงสวาทนางกำนัล

ขณะนั้นสืฉีพลันค้นพบม้วนแพรม้วนหนึ่งจากใต้เตียง ยื่นส่งต่อจั่วหวินหลิงกล่าวว่า
"นายน้อย เป็นพระบรมราชโองการลับของฮ่องเต้"
จั่วหวินหลิงตาทอประกายวูบ ตวาดถามชิงชิงว่า
"พระบรมราชโองการลับนี้คิดส่งไปยังที่ใด"
ชิงชิงได้แต่ตอบว่า
"ส่งไปยังสมุหกลาโหมเมืองนานกิง...สื่อเข่อฝ่า"
"เจ้ามีหลักฐานอันใด"
ชิงชิงปล่อยมือข้างหนึ่งจากปทุมถัน ล้วงป้ายประจำตัวจากกางเกงยื่นส่งให้ จั่วหวินหลิงรับไปเหวียงทิ้งลงบนพื้น ยกเท้าเหยียบจนบี้แบน กล่าวอย่างเยือกเย็น
"ตอนนี้เจ้าไม่มีหลักฐานอันใดแล้ว"
สือฉีกล่าวเสริมขึ้น
"นายน้อย นางไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว"
ชิงชิงใจหายวาบ คุกเข่าลงวิงวอนว่า
"ท่านสิบสี่โปรดละเว้นชีวิต ผู้ต่ำต้อยเพียงทำตามคำสั่งองค์หญิงฉางผิงเท่านั้น"
จั่วหวินหลิงยิ้มพลางกล่าวว่า
"วางใจเถอะ ชิงชิงเมื่อเป็นผู้ส่งพระบรมราชโองการ เท่ากับเป็นผู้แทนพระองค์ เราไหนเลยฆ่าเจ้าได้ จงยืนขึ้น"
ชิงชิงลุกขึ้นยืน มือยังปิดบังก้อนเนื้อทั้งสองก้อนไว้อย่างแนบแน่น
จั่วหวินหลิงสั่งต่อ
"ไม่ต้องเอามือปิด"
ชิงชิงรู้ว่าไม่มีทางจะขัดขืน จำเป็นต้องปล่อยมือออกแนบข้างกาย เผยให้เห็นปทุมถันอวบอูมตูมตั้ง หัวนมตั้งชันท้าทาย จั่วหวินหลิงกับพวกถึงกับจ้องเขม็งควยลุกตุงกางเกงขึ้นมาพร้อมกันทุกคนโดยไม่ต้องนัดหมาย

จั่วหวินหลิงยิ้มเล็กน้อยกล่าว
"คิดไม่ถึงว่าองค์หญิงฉางผิงจะมีน้ำพระทัยกับเราถึงเพียงนี้ เห็นว่าพวกเราเดินทางโดยโดดเดี่ยวเลยพระราชทานนางกำนัลมาให้พวกเราเย็ด "
ชิงชิงตกใจจนหน้าซีดเผือด
สือฉีตาลุกวาว แลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างหื่นกระหาย
"นายน้อย ให้นางถอดกางเกงออกเถอะ"
จั่วหวินหลิงหัวเราะเบาๆ หันมาพยักหน้ากับชิงชิง
"ได้ยินแล้วใช่มั้ย ที่รัก ถอดกางเกงออกมาให้พวกเราชมดู"

ชิงชิงยื่นมืออันสั่นเทาปลดสายรัดเอวของตัวเองออก ปล่อยให้กางเกงไหลลงกรอมตรงเท้าแล้วก็รูดกางเกงในออกไปจากปลายเท้า บัดนี้ร่างของนางกำนัลสาวสวยก็ยืนเปล่าเปลือยล่อนจ้อนหน้าแดงก่ำ อวดของสงวนของตัวเองต่อหน้าบุรุษทั้งสามคน

"อื้อฮือ" เสียงครางฮือดังกันขรม นัยน์ตาของจั่วหวินหลิงกับพวกเปล่งประกายวาวขึ้นมาทันที เมื่อมองเห็นความอวบนูนของเนื้อโคกตรกหว่างขาของนางกำนัลสาวเข้าอย่างเต็มตา เนื้อแคมทั้งคู่นั้นเบ่งพองออกมานูนเป่ง เพราะความงามของนางกำนัลสาวในวัยยี่สิบเศษๆ มองเห็นรอยผ่าแดงระเรื่อราวกับกลับกุหลาบสด

"ขึ้นไปนั่งยองๆบนโต๊ะ แล้วแหกหีให้พวกข้าดูเดี่ยวนี้ นังชิงชิง" จั่วหวินหลิงสั่ง

ชิงชิงหน้าร้อนวูบวาบด้วยความอับอาย ถึงนางจะพอมีวิทยายุทธบ้างแต่ก็รู้ตัวว่าเป็นชั้นปลายแถว ไม่มีทางจะสู้จั่วหวินหลิงกับพวกได้ เพื่อรักษาชีวิตเอาไว้ก็จำเป็นต้องยอมอับอายทำตามที่มันสั่ง นางขึ้นไปบนโต๊ะด้วยท่าทางกระมิดกระเมี้ยน จากนั้นก็ค่อยๆนั่งยองๆแยกขาออก แล้วใช้นิ้วสองข้างแบะแคมนูนให้เผยออกจากกัน จนปากรูเผยออ้าอวดความแดงอร่าม เนื้อเงี่ยนซึ่งฝังอยู่ตรงกลางร่อง เนื้ออวบก็โผล่ปลายจงอยอันแดงเข้มออกมากระดืบดิ้นให้เห็นราวกับว่ามีชีวิตจิตใจ

"ฮือ นายน้อย ที่เค้าลือกันว่านางกำนัลขององค์หญิงฉางผิงคัดมาแต่คนหีสวยๆทั้งนั้นคงจะเป็นจริงแท้แน่เลย" สือฉีกล่าว
"สวยจริงๆ ขนาดหีของนางกำนัลยังสวยขนาดนี้ แล้วหีขององค์หญิงฉางผิงจะสวยขนาดไหนนะ" จั่วหวินหลิงคิดในใจอย่างเสียวซ่าน ข้างฝ่ายชิงชิงนั้นหลับตาแหกหีด้วยความอับอาย ไม่กล้าแม้แต่จะชำเลืองมองใครทั้งสิ้น แต่หูยังคงได้ยินเสียงของทั้งสามคนช่วยกันวิจารณ์หีตัวเองอย่างชัดเจน

แล้วจั่วหวินหลิงก็ก็ฝังจมูกลงบนกะเปาะท้องน้อยอันขาวนูนเหนือเนินนั้นทันที ไซร้จูบอย่างหนักหน่วงจนนางกำนัลสาวสวยสะท้านไปทั้งตัว เพราะแฟนของนางไม่เคยไซร้บริเวณนี้เนื่องจากชิงชิงไม่อนุญาต และแล้วชิงชิงก็ต้องสยิวสุดตัว เมื่อจั่วหวินหลิงกดจมูกลงบนเนินโคกอย่างรวดเร็ว ใช่แต่เท่านั้นปากหนาของมันยังเม้มดูดตรงปากร่องเนื้อแดงอร่ามอยู่จุ๊บๆ ในที่สุดก็เม้มเอาปลายจงอยแตดเข้าไว้ด้วยริมฝีปาก...เน้น...ดูด และดูดอย่างรุนแรง พิษสงของการดูดร้ายแรงอย่างชนิดที่นางกำนัลสาวถึงกับผวาบิดตัวเอี๊ยดอ๊าด
สือฉีที่จับตาลูบควยของตัวเองอยู่ทนดูไม่ไหว ขึ้นไปนั่งประกบด้านหลังเอาควยถูไถไปที่ร่องตูดของชิงชิง แล้วสอดมือผ่านใต้แขนเข้าไปขยำเต้านม เจอรุมสองแบบนี้ ชิงชิงถึงกับร้องครวญครางออกมา เพราะความเสียวปร๊าบจนไม่อาจจะทนอยู่นิ่งได้

"อุ๊ยยย....อย่า...อย่า...อูยยย...ซี๊ด"
ชิงชิงร้องครวญคราง
"หีหอมเหลือเกินชิงชิงจ๋า น้ำแตกออกมาเต็มเลย อูยยย...หวานชื่นใจดีแท้ๆ"
จั่วหวินหลิงพร่ำชมหีของชิงชิง ยิ่งเพิ่มความเสียวซ่านทำให้ชิงชิงขมิบหีปล่อยน้ำเสียวแตกออกมาเป็นระยะจนชุ่มโชกลิ้นของจั่วหวินหลิงเต็มไปหมด

"นมก็ใหญ๊ หย่ายยย น้องชิงชิงนี่นมแข็งดีเหลือเกิน บีบมันส์จริงๆ อูยยย..มันเขี้ยวโว๊ย" สือฉีคำราวแล้วขยำขยี้อย่างไม่ปราณี
"อูยยย...เบา..เบา...ท่านพี่ นมชิงชิงจะแหลกแล้ว...อูยยย..." ชิงชิงร้องครวญคราง มือขยี้ไปที่มุ่นมวยผมของจั่วหวินหลิง

จั่วหวินหลิงแบะแคะของชิงชิงให้ถ่างอ้าออกอีก แล้วเม้มขบความเด่แข็งของเม็ดแตดจนรู้สึกว่าปากของเขากระทบกับน้ำเงี่ยนลื่นๆระลอกสองที่ชิงชิงขมิบเพิ่มออกมาอีก

จอมวายร้ายจึงเปลี่ยนวิธีใหม่ด้วยการดุนลิ้นสากหนาเข้าไปในร่องเนื้ออันอวบ ลื่นด้วยน้ำรัก ขยี้รัวลิ้นถูไถไปตามผนังอ่อน รสสวาทที่นางกำนัลคนสวยได้รับการปรนเปรออย่างหนักหน่วงจากจั่วหวินหลิงทำให้อารมณ์เงี่ยนของนางแผ่ซ่านไปทั่วร่าง เสียวจนสุดประมาณ อีกทั้งสือฉีก็ทั้งขยำขยี้ปทุมถันทั้งสองก้อน... ยกแขนนางขึ้นเลียไปที่ใต้วงแขนขาวผ่อง... สูดดมกลิ่นกายสาวที่บริเวณนั้น ขนแข็งๆเสียดสีไปที่ผิวเนื้อขาวละเอียดอ่อนยิ่งทำให้ชิงชิงตัวสั่นระริกด้วยความเสียวเกินที่จะพรรณนา



kerdsopa


review1972

อ่านแล้วรู้สึกได้ทันทีครับว่าผู้เขียนเป็นแฟนนิยายกำลังภายในตัวยง สำนวนต่างๆแจ๋วมากๆ