ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

เรื่องลับของ "ของลับสตรี "จากตำราโบราณของไทย

เริ่มโดย cherrysriubon, พฤศจิกายน 10, 2009, 01:26:00 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

cherrysriubon

แก้ไขล่าสุด cherrysriubon เมื่อ 2009-11-10 01:41

เรื่องลับของ "ของลับสตรี "จากตำราโบราณของไทย

  อ่านจากชื่อบทความแล้วเหมือนลามกแต่อันที่จริงแล้วไม่ใช่เลยครับเป็นตำรา โบราณที่คำนวณแบบโหราศาตร์ของไทยที่ตกทอดกันมาน่ะครับ เจ้าตำรานี้มีชื่อว่า "เศษนารี" เป็นตำราว่าด้วยเรื่อง "ขนาดของจิ๋ม"ของหญิงสาวโดยคำนวณจาก วัน เดือน ปีเกิด แล้วทำนายทายทักว่าเหลือเศษเท่าไหร่ จิ๋มมีขนาดแค่ไหนลักษณะใด พร้อมทั้งทำนายทายวาสนาของหญิงเจ้าของจิ๋มไว้ด้วย

    ตำรานี้ลอกมาจากหนังสือเรื่อง "ชีวประวัติ พระสุนทรโวหาร(ภู่ ภู่เรือหงส์)หรือท่านสุนทรภู่ที กวีเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ของเรานี่แหล่ะ

    หนังสือเล่มนี้เขียนโดย"อาจารย์เทพ สุนทรศารทูล"อาจารย์ท่านนี้ท่านศึกษาค้นคว้าและวิจัยผลงานของท่านสุนทรภู่มา มากกว่า ๓๐ปีและตำราเศษนารีที่ค้นพบทำให้อาจารย์เทพวิเคราะห์ว่าน่าจะเป็นผลงานของ ท่านสุนทรภู่เพราะสำนวนกลอนแปดที่ใช้แปดคำและมีสัมผัสแพราวพราวคล้ายลักษณะ ผลงานของท่านกวีเอกท่านนี้เพียงแต่ไม่มีหลักฐานยืนยันแน่นอนว่าใช่หรือไม่

    เพราะเขาว่าเดิมตำรานี้เขียนเป็นร้อยแก้วธรรมดา แต่เอามาแต่งเป็นบทกลอนขึ้นใหม่แล้วแพร่หลายอยู่ในหมู่พวกผู้ชายสมัยก่อน โดยมักแอบคัดลอกกันมาอย่างปกปิดไม่เปิดเผยเหมือนตำราอื่นๆ จึงมีสำนวนแตกต่างกันไปแต่สำนวนที่อาจารย์นำมาเสนอนี้เป็นสำนวนที่ชำระแล้ว คิดว่าน่าจะถูกต้องที่สุด

     ท่านใดอ่านแล้วคิดว่าหยาบก็ต้องขออภัย แต่ตามตำรานั้นเขามุ่งเขียนเพื่อบ่งบอกถึงคุณภาพและอุปนิสัย ตลอดจนวาสนาของนารี มากกว่าจะเน้นเรื่องของรูปลักษณะภายนอกอย่างจริงจัง ส่วนจะจริงหรือไ่ม่ก็สุดแต่จะพิจารณากันเองนะครับ

    *    การคำนวณหาเศษ

      มาดูกันเลยดีกว่าครับว่าวิชาหาเศษของตำราเศษนารีเพื่อนั้นเขาทำกันอย่างไร เขาให้คำนวณโดยการเอา วัน เดือน ปี เกิดมาบวกกัน แล้วเอาเจ็ดลบ ได้ผลลัพธ์เท่าใด เอาสามคูณ แล้วก็เอาแปดหารอีกครั้ง ได้เศษเท่าใด ก็เท่านั้นแหล่ะครับ "ไซด์ของน้องหนู" ของสตรีทั้งหลาย (อันนี้ตามตำรานะครับ อิอิ)

      การนับวันเกิด ให้นับวันอาทิตย์เป็น ๑, จันทร์ ๒ ,อังคาร ๓, พุธ ๔,พฤหัส ๕,ศุกร์ ๖,เสาร์ ๗

      ส่วนเืดือน ให้นับแบบไทยๆ คือเดือนธันวาคมเป็นเดือน๑ , มกราคมเป็น ๒ , กุมภาพันธุ์ ๓ , มีนาคม ๔ , เมษายน ๕ นับเรื่อยไปจนถึงเดือน พฤศจิกายน เป็นเดือน ๑๒

      ส่วนปีเกิด ให้นับปีชวดเป็น ๑ , ฉลู ๒ ขาล ๓ , เถาะ ๔ , มะโรง ๕ , มะเส็ง ๖  , มะเมีย ๗ , มะแม ๘ , วอก ๙ , ระกา ๑๐ , จอ ๑๑ และกุน ๑๒

ยกตัวอย่างเช่น

      ถ้าเกิดวันจันทร์ เดือนมกราคม ปีจอ ก็เท่ากับ (จันทร์) ๒+(มกราคม) ๑+(จอ)๑๑ เท่ากับ ๑๔ ลบด้วย ๗ แล้ว คูณด้วย ๓ แล้วสุดท้ายหารด้วย ๘ อีกที จะเหลือเศษเท่ากับ ๐ หรือในตำราเรียกว่า เศษสูญ ครับ จากนั้นเราจึงไปดูตำราตรง "เศษสูญ"

 

    *
             ตำราเศษนารีฉบับที่คาดว่าเป็นสำนวนท่านสุนทรภู่

                                                       

                                                                           แถลงลักษณ์นารีคัมภีร์โหร

เป็นตำรับลับลี้เป็นที่โลน                                       ทายแล้วโดนเหมือนว่าตำราครู

ในลักษณะที่จะทรงกำหนด                                   ทายถูกหมดไม่พ้นทุกคนผู้

จะโึึคกขาวยาวใหญ่เท่าใดดู                                  ก็คงรู้เที่ยงแท้แน่แก่ใจฯ

    *  เ ศษหนึ่ง  ตำราท่านว่ามี                            รูปโยนีเท่าใบพลูไม่สู้ใหญ่

หนทางเข้านั้นขยับจะคับไป                                  ขนก็ไม่มีรกปกแคมรู

ทำนายว่าอาภัพอัปภาคย์                                     แต่ขันหมากไม่จนคนไม่สู้

ราคะแรงนักหนาตำราครู                                     มักหาคู่เอาเองไม่เกรงใครฯ

    * เศษสอง  ทำนายบรรยายว่า                       โตเท่าฝ่ามือกางอย่างใหญ่ใหญ่

ทั้งโลมาก็ดกรกกระไร                                        เนื่องขึ้นไปจนบนหนอกดูออกดำ

ทำนายว่าอาภัพอัปลักษณ์                                   ทั้งยศศักดิ์เสื่อมทรามแม่งามขำ

ทรัพย์สมบัติต้องหาอุตส่าห์ทำ                              เงินทองทำกว่าจะได้เหงื่อไหลเซาะฯ

    * เศษสาม  ทำนายทักทายไว้ว่า                   โตใหญ่ขาวโคกดูโหมกเหมาะ

ที่ร่องทางจะทำก็จำเพาะ                                     พอเหมาะเจาะไม่สู้กว้างเป็นอย่างดี

อันโลมามีอยู่ไม่สู้มาก                                        เว้นแต่หากดำสนิทดูมิดหมี

แม้นชายใดได้ร่วมรักภัคคินี                                 ต้องคลุกคลีเคล้าเคล้นแล่นร่ำไปฯ

    * เศษสี่  ตำราท่านว่าถ่อย                            เหมือนกาบหอยแมลงภู่ไม่สู้ใหญ่

ประการหนึ่งถ้าจะอุปไมย                                     พิเคราะห์ไปแล้วก็ลีบเหมือนกีบกวาง

ทั้งโลมาดำดกดูรกเรี้ยว                                       หนทางเที่ยวทำเลลึกดูกว้างขวาง

ถึงมีคู่คู่คิดนอกจิตนาง                                         มักจะร้างแรมสนุกไปทุกคราวฯ

    * เศษห้า  ว่าโคกกะเปาะเหลาะ                      เหมือนตาลเฉาะน่าดูสองพูขาว

พอสมกายสมกันไม่สั้นยาว                                 ไม่ห่างหาวเห็นสนิทมิดชิดดี

โลมามีรำไรไม่สู้ดก                                           ด้วยเศษตกเบญจเศษประเสริฐศรี

เป็นมหาสิทธิโชคโฉลกดี                                    ทรัพย์สินมีมากครันด้วยปัญญาฯ

    * เศษหก  โคกขาวยาวสลวย                      เหมือนกาบกล้วยตานีดีนักหนา

ทั้งโดยยาวขาวล้วนยวนวิญญาณ์                         เส้นโลมาละเอียดคลอดูพอควร

เมื่อรุ่นสาวมีทุกข์ไม่สุขแท้                                 ต่อเมื่อแก่จึงจักวายหายกำสรวญ

สุขสมบัติบริบูรณ์ประมูลมวล                              ประเสริฐส่วนเศษโชคโฉลกงามฯ

    * เศษเจ็ด  เท็จถ่อยเหมือนหอยโข่ง             กะเปาะโป่งติดตัวชั่วส่ำสาม

ตัณหามากราคะจัดกำดัดกาม                              มักทำตามใจตัวไม่กลัวใคร

ทั้งก้าวร้าวห้าวหาญในการโลกย์                          สาระโกกเกเรเถลไถล

น้ำจิตรักนักเลงโทงเทงไป                                  มีผัวได้พึ่งพาแต่สามี

ลำพังตัวแล้วต้องเที่ยวซ่องแซ่ง                          ไม่เป็นแหล่งเป็นหลักสิ้นศักดิ์ศรี

แม้นชายใดได้ร่วมประเวณี                                 ก็เป็นที่มัวหมองเหมือนต้องไฟฯ

    * เศษสูญ  นูนโหนกเป็นโคกเค้า                 เหมือนน้ำเต้าผ่าแล่งแถลงไข

 โลมารายริมรอบตามขอบไป                             ที่ลานใหญ่มีบ้างแต่บางเบา

น่าสงวนควรสนองประคองคู่                               เป็นคนรู้จักเจียมเสงี่ยมเหงา

มักชิงชังสิ่งชั่วไม่มัวเมา                                     กอปรด้วยเชาวน์ปรีชาปัญญายง

    ใจไม่พาลแต่อาการเมื่อเพ่งพิศ                       เจือนักเลงอยู่สักนิดน่าพิศวง

ตำรับท้าตำราทายที่หมายตรง                            ใช่จะลงเลขผิดประดิษฐ์เดา

ผู้จะเรียนเที่ยงทำจำสังเกต                                ประกอบเศษนารีดังนี้เข้า

เอาวันเดือนปีเกิดกำเนิดเนา                           บวกกันเอาเจ็ดลบหักกลบกัน

เอาสามคูณแปดหารการสำเร็จ                       ย่อมเผด็จรู้จบภพสวรรค์

ทำนายตามเศษเห็นเป็นสำคัญ                           ตำรับอันลับมิดปกปิดเอยฯ

 

     "ตำราดูเศษนารี"  นี้นับได้ว่าเป็นตำราเก่าแก่โบราณครับ อย่างน้อยตำรานี้ก็ต้องมีอายุมากกว่า ๒๐๐ปีมาแล้ว เพราะหากท่านสุนทรภู่นำตำราเดิมที่เคยมีแต่งไว้เป็นร้อยแก้วธรรมดาๆ มาแต่งเป็นกลอนในข้างต้น ตำราที่ว่านี้ก็ต้องมีมาก่อนหน้านั้นแล้ว ท่านสุนทรภู่ท่านเกิดเมื่อ พ.ศ.๒๓๒๙ นับถึงมีปัจจุบัน พ.ศ.๒๕๕๒ ก็เป็นเวลา ๒๒๓ ปีล่วงมาแล้ว

      ลักษณะ "ตำราดูเศษนารี" นี้จะว่าไปแล้วก็เป็นตำราโหราศาสตร์อีกแขนงหนึ่งส่วนทำนายแล้วจะตรงหรือไม่ ตรง ก็คงต้องไปสำรวจตรวจตรากันเอาเอง หรือจะวานคนใกล้ตัวช่วยดูให้ก็ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด อิอิ  แต่ถ้าบวกลบคูณหารแล้วเศษตรงกับอันที่วาสนาดีก็คงยิ้มกันไป แต่้ถ้าหากไปตกกับไอ้ที่เศษไม่ประเสริฐศรีอย่างที่ตำราทาย ก็หวังว่าคงไม่ถึงกับต้องไปตกแต่งให้สวยด้วยแพทย์เสริมโหงวเฮ้งให้"น้องจิ๋ม " กันหรอกนะครับ

     แต่ที่แน่ๆ ที่มีและที่เคยเห็นแล้วก็น่าจะเป็นแฟชั่น "แต่งโลมา" หรือ "แต่งขน" ให้"้น้องจิ๋ม"โดยเฉพาะในหนัง AV นี่หุหุสารพัดทรงชนิดที่ว่าหากมีการนำตำราเศษนารีมาพลิกฟื้นแต่งขึ้นใหม่ให้ ทันสมัย อาจจะต้องแต่งเป็นตำราว่าด้วย "ขน" หรือ "โลมา" โดยเฉพาะก็ได้ สมมตินะครับเช่น

    * สาวใดโลมาถักเป็นเปีย                           ท่านว่าต้องละเหี่ยเพลียใจขนานหนัก

ด้วยว่านุ่งกางเกงทีไรเปียมันยับ                          ชอบงอหักติดซิปรูดให้ไม่ถนัด

คลายเปียได้เมื่อใด                                           จะสบายใจเป็นยิ่งนัก

จะนุ่งห่มสิ่งไรไม่ติดขัด                                      ด้วยรูปลักษณ์ธรรมชาติตามเกิดเอยฯ

                                               ....หรือ....

    * สาวใดตัดแต่งองค์ทรงผมล่าง                   ผิดโบราณสร้างไว้ตามวิถี

ถือเป็นเสนียดจัญไรให้อัปปรีย์                             เพราะเปิดโยนีเผย...ให้คนชม

เป็นนารีหน้าไม่อายชายดูถูก                               ถ้าเป็นลูกควรตีให้สาสม

อย่าคิดว่าโลกเขาจะชื่นชม                                 คนโง่งมเสียของดีดูฟรีเอยฯ

 

ข้อมูลจากนิตรสาร"คู่สร้างคู่สม" ปีที่28 ฉบับที่579 ครับผม