ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

คุนพ่อยอดรัก1/3

เริ่มโดย slotass, พฤศจิกายน 17, 2009, 08:50:30 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

slotass

แก้ไขล่าสุด slotass เมื่อ 2009-11-17 08:54

วรุตม์เช็ค เวลากับนาฬิกาข้อมือแล้วก็ทอดถอนใจด้วยความอึดอัด เขาเงยหน้ามองไปรอบ ๆ ซุ้มต้นไม้ อากาศยามบ่ายช่างร้อนระอุราวกับเตาเผา แถมลมยังไม่มีกระดิกเลยแม้แต่น้อย แต่บรรดานักศึกษาที่เดินกันขวักไขว่กลับไม่มีทีท่าจะสนใจ หัวร่อต่อกระซิกกันอย่างร่าเริงด้วยพลังความสดชื่นของวัยหนุ่มสาว
นี่เขายังต้องรออีกนานเท่าไหร่กันหนอ วรุตม์คิดในใจ สถานที่เช่นนี้ไม่เหมาะกับคนวัยสี่สิบกว่า ๆ เช่นเขาเลย ดูเอาเถอะ พวกนักศึกษาผู้หญิงสมัยนี้แต่งตัวโชว์ส่วนสัดกันอย่างไม่อายฟ้าดิน เสื้อก็เลือกสวมกันแต่ตัวเล็กเกินพอดี รัดนมต้มเสียจนแทบจะปลิ้นทะลักออกมา กระโปรงแทนที่จะยาวกรอมข้อเท้าก็เป็นสั้นเต่อเหนือหัวเข่าไปเป็นฟุต เวลาเดินแทบจะมองลึกเข้าไปเห็นขาอ่อนได้
เขายกโทรศัพท์มือถือขึ้นเตรียมจะกดเรียก แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ ถอนหายใจแล้วหลับตาลง พยายามข่มสติให้เยือกเย็นในสภาพอากาศที่ร้อนแทบจะเป็นบ้าแบบนี้

"มาแล้วค่ะคุณพ่อ"
เสียงแหลม ๆ ใส ๆ ดังกรอกหูพร้อม ๆ กับที่ร่างนุ่มนิ่มถลาเข้ามากอดเอวเขาจากข้างหลัง ทำเอาวรุตม์เซไปข้างหน้าแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว ดีว่าปฏิกิริยาเขายังไวอยู่ ยันเท้าไว้ได้ ไม่งั้นคงล้มกลิ้งลงไปกองกับพื้นแล้ว
"บ้าจริงยัยเจน เล่นอะไรแบบนี้ พ่อเกือบล้มแล้วเห็นมั้ย"
วรุตม์เอี้ยวตัวมาดุเจนจิราลูกสาวคนโต เจนจิราหัวเราะ
"แหม ล้อเล่นนิดเดียวทำไมโกรธเป็นฟืนเป็นไฟยังงี้ล่ะคะ ยังไม่แก่ซักหน่อย หัดบ่นเก่งยังกับหมีกินผึ้ง"
วรุตม์ส่ายหน้าด้วยความเอือมระอาในความขี้เล่นของลูกสาวคนโต เจนจิราเป็นคนร่าเริง มั่นใจในตัวเองสูง กล้าแสดงออกมาตั้งแต่เด็ก ผิดกับวารุณีลูกสาวคนเล็กที่เป็นคนขี้อาย เรียบร้อยและไม่ชอบเข้าสังคม แม้นิสัยจะแตกต่างกัน แต่ทั้งสองสาวพี่น้องก็รักใคร่กลมเกลียวกันดีมาตั้งแต่เด็ก
"พ่อจะไม่โมโหแบบนี้หรอก ถ้าเรามาให้มันตรงเวลา นัดกันไว้บ่ายสามโมง นี่ปาเข้าไปสี่โมงแล้ว ร้อนก็ร้อน แล้วยัยวาล่ะ ไม่ได้มาด้วยกันเหรอ"
วรุตม์ถาม เจนจิราไม่ตอบ เธอคลายมือออกแล้วชี้ไปทางด้านหลังด้วยสีหน้ายิ้ม ๆ วารุณียกมือไหว้
"สวัสดีค่ะคุณพ่อ ที่จริงวาก็ไม่อยากให้คุณพ่อรอนานอย่างนี้หรอกค่ะ แต่พี่เจนน่ะสิคะมัวแต่โอ้เอ้แวะโน่นแวะนี่ทั้ง ๆ ที่วาเตือนแล้วเตือนอีกว่าคุณพ่อรออยู่"
เจนจิราอ้าปากเตรียมโต้กลับ แต่วรุตม์ตัดบทเสียก่อน
"พอ ๆ ไม่ต้องเถียงกัน เดี๋ยวจะยิ่งช้ากันไปใหญ่ รีบไปขึ้นรถกันซะ เดี๋ยวแม่เขาจะรอ"
พูดจบ เขาก็เดินตรงไปที่รถซึ่งจอดอยู่ใกล้ ๆ โดยไม่รอฟังคำแก้ตัวของลูกสาวคนโต ทำเอาเจนจิราและวารุณีต้องรีบจ้ำตามไปติด ๆ

บ้านของวรุตม์เป็นบ้านสองชั้นมีบริเวณพอสมควรสำหรับปลูกต้นไม้ใหญ่รอบบ้าน ให้ความร่มรื่นกับผู้อยู่อาศัยได้ดี วรุตม์ต้อนลูกสาวทั้งสองเข้าไปข้างในบ้านซึ่งติดแอร์เย็นฉ่ำ
"สงสัยจัง คุณแม่มีเรื่องสำคัญอะไรนะ ถึงให้เรากลับบ้านเร็วกว่าทุกที"
เจนจิราพึมพำ ส่วนวารุณีได้แต่นิ่งเงียบ
"พ่อก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ท่าทางแม่เขาจริงจังมากจนพ่อไม่กล้าขัด"
ทั้งสามเดินไปหยุดอยู่ตรงประตูไม้สลักของห้องที่ชั้นล่าง วรุตม์บิดลูกบิดประตูเปิดเข้าไป ภายในห้องจัดแต่งแบบเน้นความโปร่ง ผนังห้องทาสีเขียวอ่อนดูแล้วสบายตา เตียงเล็ก ๆ ตั้งอยู่ริมหน้าต่าง บนเตียงมีร่างของใครบางคนนอนหันหน้ามองออกไปทางหน้าต่าง
พยาบาลในชุดขาวที่นั่งอยู่ข้างเตียงหันมามองทางประตู พอเห็นวรุตม์กับลูก ๆ เธอก็รีบลุกขึ้นเดินเข้ามาหาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
"อาการคุณกรรณไม่ค่อยดีตั้งแต่คุณรุตม์ออกไปแล้วค่ะ หายใจหอบอยู่ตลอดจนต้องให้ออกซิเจนบ่อย ๆ ตอนแรกดิฉันจะโทรตามคุณรุตม์แต่คุณกรรณห้ามไว้ บอกว่าคุณทำธุระสำคัญมาก ดิฉันขอแนะนำให้พาเธอไปโรงพยาบาลดีกว่าค่ะ"
วรุตม์กับเจนจิราและวารุณีมีสีหน้าเครียดลงทันที วรุตม์เชิญพยาบาลส่วนตัวออกไปนอกห้องก่อน บอกว่าเขามีเรื่องสำคัญที่จะคุยกับกรรณิการ์
"แม่ พ่อพาลูก ๆ มาแล้ว"
วรุตม์เอ่ยเบา ๆ ร่างที่อยู่บนเตียงนั้นหันหน้ามาทางประตูแล้วยิ้มให้ทั้งสามคน วรุตม์เจ็บแปลบในอกเมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าที่ซูบซีดนั้น พักหลังมานี้ กรรณิการ์ผ่ายผอมลงไปมาก อาหารก็กินไม่ค่อยได้ เบื่อไปหมด ทั้งเจนจิราและวารุณีก็มีท่าทีซึมลงไปถนัดเมื่อเห็นสภาพของมารดา
"ขอบคุณมากจ้ะพ่อ แม่ขอคุยกับลูก ๆ สองคนสักครู่นะ"
กรรณิการ์พูดเสียงแผ่วเบา วรุตม์พยักหน้าแล้วเดินออกไปจากห้อง ก่อนปิดประตู เขาเห็นลูกสาวทั้งสองคุกเข่าอยู่ข้างเตียงจับมือผู้เป็นแม่ไว้แน่นแล้วซุบ ซิบคุยกัน
วรุตม์ยืนพิงประตูห้อง สายตาเหม่อมองนาฬิกาติดผนังที่อยู่ด้านตรงข้าม ครุ่นคิดถึงอาการป่วยของกรรณิการ์ที่มีแต่จะทรงกับทรุด แม้ว่าเขาจะพยายามพาเธอไปรักษาตามโรงพยาบาลมีชื่อทุกแห่งแล้ว แต่ความหวังก็ยังริบหรี่ สุดท้ายกรรณิการ์ก็ปลงตก เธอยืนกรานจะไม่ไปรักษาที่ไหนอีกแล้ว ถ้าจะตาย ก็ขอตายที่บ้านในอ้อมกอดสามีและลูก ๆ ดีกว่า
น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมาโดยที่วรุตม์กลั้นไม่อยู่ สองมือเขากำแน่นจนข้อนิ้วซีดขาว เขาตำหนิตัวเองที่ไม่สามารถช่วยเหลือภรรยาสุดที่รักได้เลย ได้แต่มองดูเธอค่อย ๆ จากไปอย่างช้า ๆ
นานเท่าไหร่ไม่รู้ เขามารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่มีเสียงเคาะประตูห้องที่เขาพิงอยู่ วรุตม์หันตัวไปบิดลูกบิดประตูเปิดออก ทั้งเจนจิราและวารุณีต่างมีน้ำตานองหน้า ก้มหน้าก้มตาไม่สบตาเขาแล้วเบียดตัวเดินออกไปจากห้อง วรุตม์มองตามลูกสาวทั้งสองคนแล้วหันกลับมามองภรรยาที่นอนอยู่บนเตียง
"เข้ามาสิคะพี่รุตม์"
เสียงเธอเรียกเขาแผ่ว ๆ วรุตม์ปิดประตูห้องแล้วก้าวเข้าไปคุกเข่าข้างเตียง กรรณิการ์ฝืนยิ้มให้สามีแต่มันดูเหมือนกับเธอกำลังร้องไห้เงียบ ๆ อยู่ข้างใน วรุตม์พูดอะไรไม่ออก น้ำตาที่เพิ่งหยุดไหลกลับทะลักออกมาอีกครั้ง
"อย่าร้องไห้สิคะ กรรณยังไม่ได้เป็นอะไรไปสักหน่อย"
เธอปลอบสามี
"กรรณมีเรื่องอยากจะขอร้องพี่รุตม์เป็นครั้งสุดท้าย จะเรียกว่าสั่งเสียก็คงได้ เพราะกรรณรู้ตัวดีว่าคงอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว"
วรุตม์กำมือที่ซูบซีดไว้แน่น
"ไม่เอา กรรณอย่าพูดเป็นลางแบบนั้นซิ พี่กับลูก ๆ จะพยายามหาทางรักษากรรณให้หายขาด แล้วเราจะได้ไปเที่ยวทะเลที่กรรณชอบด้วยกันอีกครั้ง"
กรรณิการ์ส่ายหน้าช้า ๆ ตาเธอที่จ้องมองเขาเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง
"อย่าพยายามปลอบกรรณเลยค่ะ ถ้าพี่รุตม์ยังสงสารกรรณ ยังรักกรรณอยู่ ก็ขอให้พี่รุตม์รับปากทำตามคำขอร้องครั้งสุดท้ายของกรรณเถอะค่ะ"
วรุตม์กล้ำกลืนก้อนสะอื้นในอก
"กรรณต้องการให้พี่ทำอะไรหรือ"
"กรรณต้องการให้พี่ดูแลยัยเจนกับยัยวาให้ดีที่สุด ให้เหมือนกับที่พี่รักและดูแลกรรณ" กรรณิการ์ยกมือขึ้นลูบใบหน้าสามีด้วยความรักถนอม
"โธ่ เรื่องแค่นี้กรรณไม่เห็นต้องเป็นห่วงเลย ยังไงก็ลูกเราทั้งสองคน พี่ย่อมต้องดูแลอย่างดีที่สุดอยู่แล้ว"
"พี่รุตม์ยังไม่เข้าใจความหมายของกรรณ กรรณรู้ดีว่ายัยเจนหลงรักพี่รุตม์มานานแล้ว กรรณอยากให้พี่รุตม์รับยัยเจนไว้ทำหน้าที่ภรรยาแทนกรรณค่ะ"
กรรณิการ์พูดกระท่อนกระแท่น ลมหายใจเธอชักขาดเป็นห้วง ๆ วรุตม์ตกตะลึง
"ทำไมกรรณถึงได้พูดแบบนี้ พี่ว่ากรรณนอนพักสักหน่อยก่อนดีกว่านะ แล้วพรุ่งนี้เราค่อยคุยกัน"
กรรณิการ์ส่ายหน้า แต่ยามนี้เธอแทบจะไม่มีแรงพูดแล้ว เสียงเธอแผ่วเบายิ่งกว่ากระซิบจนวรุตม์ต้องเอียงหูเข้าไปใกล้ ๆ
"กรรณ...ไม่มีเวลาแล้วค่ะ...พี่รุตม์สัญญานะคะว่าจะทำตามที่กรรณขอร้อง ...กรรณ...เป็นห่วงลูก กลัวจะเตลิดเสียผู้เสียคน....อีกอย่าง...กรรณก็เป็นห่วงพี่รุตม์...อนาคตยัง อีกยาวไกล...กรรณไม่เห็นใครที่กรรณไว้วางใจให้ดูแลพี่เท่ากับลูกของเราอีก แล้ว...รับปากกรรณนะคะพี่รุตม์...."
ลมหายใจกรรณิการ์แผ่วล้าลงทุกขณะ มือที่วรุตม์กำอยู่ก็เริ่มเย็นลง ๆ
"ได้ พี่รับปากกรรณ"
วรุตม์กอดร่างภรรยาสุดที่รักไว้แนบแน่น เขาจึงไม่ได้เห็นรอยยิ้มอย่างเป็นสุขของเธอเป็นครั้งสุดท้ายในขณะที่เธอจาก เขาและลูก ๆ ไปตลอดกาลนาน....

งานศพที่เต็มไปด้วยความเศร้าโศกผ่านไปแล้วหนึ่งเดือน ตลอดเวลานั้นทั้งวรุตม์และลูกสาวทั้งสองวุ่นกับการจัดงานและการปรับเปลี่ยน อะไรหลาย ๆ อย่างในชีวิตจนแทบไม่ได้มีเวลาคุยกัน
วันนี้เป็นเช้าวันเสาร์ วรุตม์ลงมานั่งกินกาแฟที่ห้องรับแขกและดูข่าวไปด้วย เขารู้สึกเหมือนขาดอะไรไปสักอย่างตั้งแต่กรรณิการ์จากเขากับลูก ๆ ไป ทุกเช้าที่ตื่นขึ้นมา เขายังเดินไปดูที่ห้องที่กรรณิการ์เคยนอนป่วยอยู่ด้วยความเคยชิน และเมื่อพบกับความว่างเปล่า หัวใจเขาก็เจ็บแปลบขึ้นมาทุกครั้ง
เสียงฝีเท้าดังเบา ๆ มาจากด้านหลัง วรุตม์วางถ้วยกาแฟในมือลงบนโต๊ะแล้วหันไปมอง เจนจิรานั่นเอง เธอยังอยู่ในชุดนอนแบบคลุม ท่าทางคงเพิ่งตื่นนอน เธอเดินเข้ามาข้างหลังวรุตม์แล้วก้มลงจุ๊บแก้มเขาเบา ๆ ก่อนจะเดินไปที่รื้อค้นตู้เย็นในครัว
วรุตม์มองเจนจิราที่ง่วนอยู่ที่ตู้เย็น เนื้อผ้าบาง ๆ ของชุดนอนถูกรั้งขึ้นมาจนสูงถึงหลังเข่าในขณะที่เธอก้มลงค้นหาอาหารในตู้ เย็น ความกลมกลึงผึ่งผายของลอนสะโพกและเส้นผมที่ห้อยลงมาปรกใบหน้าช่วยเพิ่มความ เซ็กซี่ให้แก่เจนจิรามากยิ่งขึ้น
วรุตม์นึกถึงคำสั่งเสียของภรรยาแล้วก็ร้อนวูบไปทั้งตัว เขาพยายามสะกดอารมณ์ให้เย็นลงในขณะที่เจนจิราเดินกลับมาที่โต๊ะรับแขกพร้อม ไส้กรอก แฮมและขนมปังแผ่น เธอทรุดนั่งลงข้าง ๆ เขาแล้วเริ่มลงมือกินอาหารเช้าพร้อมกับดูทีวีไปด้วย
"คุณพ่อตื่นนานแล้วเหรอคะ"
เจนจิราถามอ้อมแอ้มเพราะขนมปังยังอยู่เต็มปาก
"ฮื่อ พักใหญ่แล้วลูก แล้วยัยวาล่ะยังนอนอยู่หรือ"
วรุตม์ถาม เขาพยายามไม่สนใจกับกลิ่นกายสาวที่หอมระรวยมาจากตัวเธอ
"ค่ะ เมื่อคืนยัยวาก็ร้องไห้คิดถึงแม่อีกแล้ว เจนต้องคอยปลอบอยู่จนตีหนึ่งโน่นถึงจะหลับได้"
เจนจิรามองไส้กรอกในมือแล้วค่อย ๆ แลบลิ้นสีชมพูกวาดเลียไปรอบ ๆ ก่อนจะยัดมันเข้าปาก ทำเอาวรุตม์ที่มองอยู่เสียวควยวาบไปด้วย
"อีกแล้วเหรอเนี่ย พ่อเองก็เหมือนกัน มองไปที่ไหนในบ้านก็มีความหลังให้นึกถึงแม่เขาอยู่ทุกที่ ทำไมคนดี ๆ ต้องอายุสั้นแบบนี้นะ"
พูดจบ วรุตม์ก็ถอนหายใจยาว สีหน้าขรึมลงไปถนัด เจนจิรามองหน้าพ่อด้วยประกายตาเหมือนซ่อนอะไรบางอย่างไว้ เธอรีบเคี้ยวแล้วกลืนอาหารที่เหลือลงไปจนหมด
"เอางี้ดีมั้ยคะ เจนว่า อยู่แต่ในบ้านแบบนี้มีแต่จะซึมกับเศร้า เราไปเปลี่ยนบรรยากาศกันบ้างดีกว่า เป็นต้นว่าไปค้างกันที่พัทยาสักคืนแล้วค่อยกลับวันอาทิตย์"
"เออ ความคิดดีนี่ลูก ไปอาบน้ำเตรียมข้าวของลงกระเป๋าได้เลย อ้อ แล้วอย่าลืมปลุกยัยวาด้วยล่ะ พ่อจะไปเช็คสภาพรถ พร้อมเมื่อไหร่เราจะได้ออกเดินทางกันเลย"
วรุตม์ลุกขึ้น ยกถ้วยกาแฟไปวางไว้ในซิงค์น้ำก่อนจะเดินออกไปที่โรงรถ

บ่ายสามโมงวันนั้น สามพ่อลูกก็เลี้ยวรถเข้าไปในรีสอร์ทหรูแห่งหนึ่งในพัทยา หลังจากเช็คอินเรียบร้อย ก็ตามเบลบอยขึ้นไปที่ห้องซึ่งอยู่ที่ชั้น 20 เป็นห้องสวีทมี 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ และมีเทอร์เรซให้ออกไปชมความงามของท้องฟ้าและทะเลอีกด้วย
พอเบลบอยออกไปแล้ว เจนจิราก็กระโดดขึ้นไปนอนแผ่อยู่บนเตียงคู่ในห้องนอนใหญ่ทันที
"สบายจังเลย นั่งเมื่อยในรถมาตั้งหลายชั่วโมง เตียงนุ๊มนุ่มนะคะคุณพ่อ"
วรุตม์หัวเราะหึ ๆ ส่วนวารุณียิ้มน้อย ๆ แล้วยกกระเป๋าไปวางบนโต๊ะ ขนเอาเสื้อผ้าเครื่องใช้ออกมาใส่ตู้เสื้อผ้า
"ถ้าเมื่อยขนาดนั้นไปลองสปาของรีสอร์ทดูก็ได้ พ่อเห็นแว๊บ ๆ อยู่ชั้นกราวด์น่ะ"
วรุตม์เลื่อนบานกระจกที่กั้นเทอร์เรซกับห้องนอนออก สายลมเย็นฉ่ำที่พาเอากลิ่นไอของทะเลก็พัดวูบเข้ามาในห้องทันที เขาเดินออกไปที่เทอร์เรซแล้วจ้องมองทะเลสีครามที่มีคลื่นเล็ก ๆ ซัดมากระทบชายฝั่งจนเป็นฟองฟู่ก่อนจะไหลกลับลงไป ท้องฟ้าสดใสไร้เมฆหมอกมาบดบัง ดวงอาทิตย์ส่องสว่างกระทบน้ำทะเลเป็นประกายระยิบระยับ เสียงหัวเราะและร้องเรียกกันดังแว่วมาจากชายหาด

เขาเคยพากรรณิการ์มาเที่ยวที่พัทยาหลายต่อหลายครั้งเพราะเธอชอบทะเลมาก บอกว่ามันให้ความรู้สึกสดชื่นเป็นธรรมชาติดี เขาหวนนึกถึงวันเวลาอันหวานชื่นที่ผ่านมาแล้วก็จมอยู่ในความขมขื่นอีกครั้ง เมื่อวันนี้ไม่มีเธอเคียงข้างเขาอีกต่อไป
เขาสะดุ้งตื่นจากภวังค์เมื่อแขนเล็ก ๆ อ้อมมาโอบเอวเขาไว้ เจ้าของร่างแนบแก้มกับแผ่นหลังเขา ให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด
"คุณพ่อคิดถึงคุณแม่หรือคะ"
วารุณีถาม
"ฮื่อ พ่อยังทำใจรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ค่อยได้ แถวนี้พ่อเคยพาแม่มาเที่ยวตอนเพิ่งแต่งงานกันใหม่ ๆ เรามีความสุขกันมาก...."
วรุตม์พูดได้เพียงแค่นั้นก็มีก้อนสะอื้นมาจุกลำคอจนพูดต่อไม่ได้
"วาก็เหมือนกันค่ะ คิดถึงคุณแม่เหลือเกิน คิดถึงตอนคุณแม่ยังแข็งแรงอยู่ คอยดูแลพี่เจนกับวาและคุณพ่อ ช่วงนั้นเป็นช่วงที่วามีความสุขที่สุดเลย"
เสียงวารุณีสั่นเครือ ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้พูดต่อ ก็มีเสียงหนึ่งพูดสอดมาจากในห้อง
"อ้าว แล้วกัน มาร้องไห้น้ำตาท่วมชายหาดซะแบบนั้น ไม่เอาน่า มาเที่ยวกันทั้งที ลงไปเล่นน้ำกันดีกว่านะคะ" เจนจิรานั่งอยู่บนเตียง วรุตม์พยักหน้า
"ไปเปลี่ยนชุดกันเถอะลูก เล่นน้ำสักพักแล้วค่อยไปหาอะไรกินกัน"

ที่ชายหาดติดรีสอร์ทคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ ลงเล่นน้ำและอาบแดด ทะเลยามบ่ายแก่ ๆ เริ่มมีคลื่นเป็นระลอกสาดซัดเข้าหาฝั่งเสียงดังซู่ซ่าเป็นจังหวะ
วรุตม์กับเจนจิราและวารุณีกวาดตามองสำรวจรอบ ๆ ข้าง วรุตม์ชี้ไปที่เพิงอาบแดดใกล้ ๆ ที่ยังว่างอยู่
"ไปที่นั่นดีกว่าลูก พ่อจะเฝ้าของให้ เราสองคนลงเล่นน้ำกันก่อน"
วรุตม์ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ชายหาดแล้ววางผ้าขนหนูกับกระเป๋าเงินลงบนโต๊ะ เขาอยู่ในชุดกางเกงว่ายน้ำตัวเดียว กล้ามเนื้อแผงอกล่ำสักบึกบึนสมชายชาตรี ตลอดทางที่เดินจากรีสอร์ท มีแต่คนมอง โดยเฉพาะสาว ๆ ต่างชาตินอกจากจะมองแล้วยังยิ้มแล้วชี้มือชี้ไม้อีกด้วย ทำเอาทั้งเจนจิราและวารุณีออกอาการหวงพ่ออย่างออกหน้าออกตา กอดแขนวรุตม์ไว้คนละข้างตลอดทาง
เจนจิรากับวารุณีวางผ้าขนหนูไว้บนโต๊ะแล้วถอดเสื้อคลุมออก ลมหายใจวรุตม์แทบหยุดชะงัก เจนจิราอยู่ในชุดว่ายน้ำแบบทูพีซ ท่อนบนเป็นแถบผ้ายืดสีดำแคบ ๆ รัดรอบอกผ่านหัวนม เผยความอวบอัดครัดเคร่งของสองเต้าขาวอล่องฉ่องให้เห็นอย่างเต็มตา ร่องอกเบียดชิดเป็นร่องลึก ต่ำลงมาเป็นหน้าท้องที่แบนราบสู่หลุมสะดือที่ลึกล้ำมีเสน่ห์แล้วผายออกที่ ช่วงสะโพกดูสบายตา บิกินี่ท่อนล่างเป็นเพียงผ้าสามเหลี่ยมที่มีสายรัดผูกอยู่ด้านโคนขาเท่านั้น ยามที่เจนจิราหมุนตัว ทำให้วรุตม์มองเห็นก้นกลมกลึงของลูกสาวคนสวยได้เต็มตาประหนึ่งเธอมาแก้ผ้า อยู่เบื้องหน้า แสงแดดยามบ่ายส่องสะท้อนผิวกายที่ขาวปานหยวกกล้วยเป็นประกาย
ส่วนวารุณีแม้ว่าจะเลือกชุดว่ายน้ำที่เป็นแบบวันพีซแต่ก็เป็นสีเนื้อและบาง เฉียบจนเหมือนไม่ได้ใส่อะไรเลย หน้าอกอวบตูมขนาดกำลังพอมือรับกับช่วงเอวที่คอดกิ่วราวกับมดตะนอยซึ่งช่วย เน้นส่วนสะโพกที่ผายกว้างอวบอั๋นยิ่งกว่าเจนจิราเสียอีก ช่วงขาเรียวยาวดูแข็งแรงเพราะเธอเป็นนักกีฬาวอลเล่ย์บอลของคณะ
วรุตม์กลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นลูกสาวทั้งสองในชุดว่ายน้ำ เพราะครั้งสุดท้ายที่เขาและครอบครัวมาเที่ยวทะเลกันก็เป็นช่วงก่อนที่ กรรณิการ์จะล้มป่วยซึ่งก็ราวหกเจ็ดปีที่แล้ว เวลาที่ผ่านไปทำให้สรีระของลูกสาวทั้งสองเปลี่ยนแปลงไปมาก มากเสียจนผู้เป็นพ่อแทบจะปรับตัวไม่ทัน
เจนจิราไม่มีทีท่าเขินอายแม้แต่น้อย เธอยืดตัวเต็มที่จนทรวงอกอวบอั๋นพุ่งโชน ส่วนวารุณีนั้นก้มหน้าก้มตาวอร์มอัพก่อนลงทะเล หนุ่ม ๆ ที่เดินผ่านไปหันมามองสาวสวยทั้งสองเป็นตาเดียวกัน บางคนถึงกับเป่าปากวี๊ดวิ๊ว เจนจิรานั้นไม่สนใจสายตาคนรอบข้าง แต่วารุณีเขินจนหน้าแดงจนวรุตม์ต้องทำตาเขียวใส่บรรดาหนุ่ม ๆ ที่ใช้สายตาโลมเลียสรีระของลูกสาว
"ลงทะเลเถอะลูก พ่อไม่อยากให้หนูเป็นอาหารตาของไอ้พวกผู้ชายแถวนี้"
วรุตม์บอกลูกสาว เจนจิราจูงมือวารุณีเดินลงทะเลไปท่ามกลางสายตานับสิบคู่ที่จ้องมองตามการเยื้องย่างของสองสาว ซึ่งก็รวมถึงวรุตม์ด้วย
วรุตม์ปล่อยลมหายใจที่อั้นมานาน ความรู้สึกบางอย่างคุกรุ่นขึ้นในใจ นับแต่กรรณิการ์ป่วย เขาก็ไม่ได้ข้องแวะกับผู้หญิงคนอื่นอีก ทำให้เขาซึ่งยังหนุ่มแน่นแข็งแรงต้องกดความรู้สึกทางเพศไว้ตลอดเวลาเหมือน การตั้งทำนบกั้นกระแสน้ำเชี่ยวกรากไว้
แต่บัดนี้เมื่อกรรณิการ์ตายจากไป ความเหงาก็เริ่มกัดเซาะกำแพงใจของเขาทีละน้อย ๆ เขานึกถึงคำพูดสุดท้ายของกรรณิการ์แล้วก็หัวใจก็ร้อนผ่าวไปหมด
วรุตม์หลับตาลงฟังเสียงคลื่นกระทบหาดทราย สมองก็คิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปตามแต่ใจจะพาไปจนหลับผล็อยไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ ไม่รู้ มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่วารุณีมาเขย่าแขนเขา
"คุณพ่อคะ ลงไปเล่นน้ำเถอะค่ะ วาจะเฝ้าของแทนเอง เดี๋ยวจะเย็นก่อนนะคะ"
วรุตม์ขยี้ตาด้วยความงัวเงีย คงเพราะเพลียจากการขับรถทางไกลประกอบกับจิตใจที่หนักอึ้งมาตลอดนั่นเอง เขาลุกขึ้นยันเอวบิดตัวซ้ายขวาอยู่สิบกว่าครั้งเพื่อขับไล่ความง่วงแล้วก็ วิ่งเหยาะ ๆ ลงทะเล
น้ำทะเลอุ่น ๆ ช่วยให้เลือดลมในกายเขาฉีดซ่าน ความง่วงก็หายไปเป็นปลิดทิ้ง เขาดำผุดดำว่ายออกกำลังอยู่พักนึงก็นึกขึ้นได้ว่าไม่เห็นเจนจิราอยู่บนชาย หาด แสดงว่าลูกสาวคนโตเขายังคงเล่นน้ำทะเลอยู่ที่ใดที่หนึ่งเป็นแน่
เขามองไปรอบ ๆ มีคนเล่นน้ำอยู่เต็มไปหมด ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ทำให้ลำบากในการค้นหาเป็นอย่างยิ่ง หลังจากพยายามอยู่สองสามนาทีเขาก็ยอมแพ้ คิดว่าเดี๋ยวอีกสักพักจะขึ้นจากทะเลแล้วก็คงไปเจอกันบนชายหาดเอง
วรุตม์ว่ายน้ำห่างออกไปจากชายฝั่ง เป้าหมายของเขาคือแนวหลักหินที่ตั้งอยู่ห่างจากฝั่งไปราวครึ่งกิโล ระยะทางเพียงแค่นี้เขามั่นใจในสมรรถภาพร่างกายของตัวเองว่าว่ายไปกลับได้ สบาย
พอไปถึงหลักหิน เขาก็หลับตาหยุดพักให้หายเหนื่อยครู่หนึ่ง ขณะกำลังจะเตรียมว่ายกลับ ก็มีอะไรบางอย่างมาดึงขาเขาไว้แน่น ฉุดให้เขาจมลงไปใต้น้ำ หัวใจวรุตม์แทบหล่นลงไปอยู่ใต้ตาตุ่ม แต่พอได้ยินเสียงหัวเราะของเจนจิราเขาก็ทั้งขำทั้งฉุนเฉียว
"ปั้ดโธ่ยัยเจน ทำเอาพ่อใจหายหมด นึกว่าพรายทะเลมาฉุดซะแล้ว มิน่าล่ะ มองหาอยู่ตั้งนานถึงไม่เจอ ว่ายมาอยู่นี่เอง"
วรุตม์ลอยตัวแล้วหันไปมองลูกสาวคนโตที่ลอยตัวอยู่ใกล้ ๆ เจนจิรายิ้มที่มุมปากด้วยความซุกซน เส้นผมที่เปียกน้ำทะเลลู่ลงมาตามข้างแก้ม
"แหม คุณพ่อขวัญอ่อนจังนะคะ ล้อกันเล่นแค่เนี้ยก็ตกใจแล้ว"
เจนจิราว่ายเข้ามาใกล้ผู้เป็นพ่อ วรุตม์นึกหมั่นไส้ลูกสาวจอมแกล้งจึงดำน้ำอ้อมไปข้างหลังแล้วจี๋เอวเธอ เจนจิราร้องว้ายแล้วบิดตัวหนี วรุตม์ว่ายตามไปติด ๆ พอใกล้ถึงตัว เขาก็โผเข้ากอดเอวเจนจิราไว้แน่นพอดีกับจังหวะที่เธอยันเสาหินไว้ ร่างของเจนจิราจึงถูกวรุตม์ที่ลอยตามมาอัดก็อปปี้เข้ากับเสาหิน ด้วยอารามตกใจ วรุตม์ปล่อยมือจากเอวลูกสาวไปกอดเสาหินแทน ใบหน้าเขาซุกอยู่ตรงซอกคอเธอพอดี ในขณะที่หน้าขาก็เบียดอัดกับแก้มก้นเจนจิราแนบแน่น
ความรู้สึกของวรุตม์ยากที่จะบรรยายออกมาเป็นคำพูด สิ่งที่กั้นระหว่างควยของเขากับก้นขาว ๆ ของเจนจิราคือกางเกงว่ายน้ำกับกางเกงในเท่านั้นซึ่งมันก็บางและนุ่มมากจน เหมือนควยเขาได้สัมผัสกับแก้มก้นเธอตรง ๆ กระแสคลื่นที่ผันผวนดึงร่างของเขาให้กระแทกเข้าออกกับตัวลูกสาวคนสวยราวกับ เขากำลังตั้งใจกระเด้าเย็ดเธอ ความที่อัดอั้นเรื่องเซ็กส์มานานทำให้ควยเขาตื่นตัวได้เร็วมากจนแข็งดัน กางเกงขึ้นมาเป็นลำซึ่งเจนจิราก็คงรู้สึกได้ว่ามีอะไรทิ่มแทงร่องก้นเธออยู่ แต่เธอไม่ได้ว่าอะไร กลับก้มหน้าแนบกับเสาหินและหลับตาพริ้ม
"เจน...."
วรุตม์กระซิบข้างหูลูกสาว
"ขา..."
เธอตอบทั้ง ๆ ที่ยังหลับตาอยู่
"พ่อขอกอดลูกอย่างนี้สักพักได้ไหม ลูกทำให้พ่อคิดถึงแม่เหลือเกิน"
วรุตม์พูดออกไปทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ตั้งใจ วงแขนเขารัดร่างลูกสาวคนสวยแน่นขึ้น ส่งผลให้ลำควยเขาฝังเข้าไปในง่ามก้นเธอทั้งลำ วรุตม์ขยับสะโพกวนเป็นวงเพื่อดื่มด่ำกับความสัมผัสที่เขาไม่ได้เจอมาเสียนาน เจนจิราเริ่มส่งเสียงครางในลำคอออกมาเบา ๆ
วรุตม์ปล่อยมือข้างหนึ่งจากเสาหินลงไปกอบกุมแก้มก้นอวบอิ่มของเธอ ความรู้สึกแรกที่ได้สัมผัส มันช่างนุ่มมือแต่แฝงความหยุ่นเด้งยั่วเย้าให้บีบเคล้นไม่รู้เบื่อ ในเวลานี้วรุตม์ลืมไปหมดแล้วว่าร่างที่อยู่ในอ้อมกอดของเขาไม่ใช่กรรณิการ์ เมียรัก หากแต่เป็นเจนจิราลูกสาวคนโต ความปรารถนาที่สุมแน่นอยู่ในอกมันแผดเผาอนุสติของเขาไปจนหมดสิ้น
หลังจากเคล้นคลึงแก้มก้นจนพอใจแล้ว วรุตม์ก็เลื่อนมือขึ้นไปที่หน้าอกเจนจิราเกาะกุมเต้าอวบเต่งไว้แล้วเคล้น คลึงเบา ๆ เน้นที่กลางฝ่ามือให้เสียดสีหัวนมทุกครั้ง เนื้อผ้าบิกินี่ส่วนบนเมื่อสัมผัสน้ำทะเลก็แนบเนื้อจนเหมือนได้สัมผัสตรง ๆ วรุตม์ใช้นิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้บีบบี้หัวนมจนมันลุกชูชัน แค่สัมผัสนอกร่มผ้ายังไม่ทำให้เขาพอใจ เขาจึงดันแถบผ้าให้เลื่อนขึ้นไปคาอยู่ที่ฐานอก ทำให้ปทุมถันคู่งามปลิ้นออกมาสู่ฝ่ามือผู้เป็นพ่อ
"อูยยย์....ซี๊ดดดดส์...."
เจนจิราหลับตาห่อปากครางกระเส่า แต่ไม่มีทีท่าขัดขืนแม้แต่น้อย ยิ่งทำให้วรุตม์ย่ามใจหนักขึ้น เขาพลิกตัวเธอให้หันมาโดยให้แขนเธอรัดรอบลำคอเขาไว้ ส่วนแขนเขาก็ยังกอดอัดตัวเธอแน่นกับเสาหิน ลำควยที่ยังถูกขังอยู่ในกางเกงบดอัดเข้ากับเนินหีโหนกอูมของลูกสาวใต้บิกิ นี่ผืนน้อย เจนจิราแม้จะยังหลับตาอยู่แต่สะโพกงามของเธอเริ่มขยับตัวเสียดสีกับหน้าขา ผู้เป็นพ่อ ปากงามก็ห่อเป็นวงส่งเสียงครางที่ฟังแล้วเขย่าอารมณ์ออกมาไม่ขาดระยะ
วรุตม์ประกบปากจูบพร้อมสอดลิ้นเข้าไปข้างใน เจนจิราทำท่าตกใจในตอนแรกแต่แล้วก็อ่อนลง แรก ๆ เธอยังจูบอย่างเคอะเขิน แต่พักเดียวเท่านั้น เธอก็ส่งปลายลิ้นออกมาพัวพันกับลิ้นของวรุตม์จนน้ำลายพ่อลูกแยกกันไม่ออก ต่างดูดกลืนความหวานชื่นในอุ้งปากของกันและกันราวกับกระหายมานาน
สองพ่อลูกแลกจูบกันอยู่พักใหญ่ ทะเลก็ช่างเป็นใจเหลือเกิน คลื่นลมที่เคยมีก็สงบลงจนผิวน้ำเรียบสนิท เสียงร้องของนกนางนวลแว่วมาแต่ไกล สะโพกสองพ่อลูกขยับกระแทกเข้าหากันจนเกิดคลื่นน้ำเป็นวงแผ่กระจายออกไปรอบ ข้าง วรุตม์ดึงมือขวาของเจนจิราลงไปสัมผัสกับลำควยเขานอกร่มผ้า ตอนแรก เจนจิราก็ลูบไล้มันอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ แต่พอเวลาผ่านไป เธอก็เริ่มคุ้นเคยกับมัน บางครั้งก็กำบีบเป็นจังหวะ สร้างความเสียวให้กับผู้เป็นพ่ออย่างล้นเหลือ วรุตม์ไม่เอาเปรียบเธอ เขายื่นมือข้างหนึ่งลงไปตะปบกุมเนินหีที่ซ่อนอยู่ใต้บิกินี่ชิ้นเล็กแล้ว เคล้นคลึงนวดวนเน้น ๆ บางครั้งก็กรีดนิ้วขึ้นลงตามร่องกลีบ เสียงครวญครางของเจนจิรายิ่งดังขึ้นอีก มือเธอบีบควยเขาแรงขึ้นแถมยังมีการรูดกระทอกเป็นครั้งคราว
วรุตม์จูบไซ้ตั้งแต่มุมปาก พวงแก้ม ลงมาตามลำคอจนถึงเนินเต้าที่มีบิกินี่ชิ้นบนขวางไว้ เจนจิราแหงนคอเริ่ด ครางในลำคออย่างสุดเสียว วรุตม์ก้มหน้าลงไปดูดอมหัวนมข้างซ้ายพร้อมวนเลียและขบด้วยฟันด้วยความหมั่น เขี้ยว เจนจิราตัวสั่นราวกับลูกนก แขนเรียวงามของเธอยิ่งกอดกระหวัดรัดร่างผู้เป็นพ่อไว้แน่นขึ้นแอ่นอกเสนอ เต้าให้วรุตม์ฟอนเฟ้นด้วยปากและลิ้นได้โดยสะดวก
วรุตม์เลื่อนมือควานหาปมเชือกบิกินี่ แต่เจนจิราคว้ามือเขาไว้ก่อนที่จะกระตุกเชือก
"อย่าค่ะคุณพ่อ นี่เราก็หายไปนานแล้ว เดี๋ยวยัยวาจะเป็นห่วง เจนว่าเรากลับกันก่อนดีกว่านะคะ"
เธอพูดเสียงหอบ ๆ วรุตม์เองก็แสนเสียดายกับจังหวะที่กำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็ม ควยเขาแข็งปานเสาหินต้องการการปลดปล่อยใจจะขาด แต่ใจหนึ่งก็เห็นด้วยกับเจนจิรา เพราะเขาและลูกสาวคนโตออกมานานมากแล้ว ท้องฟ้าก็เริ่มจะมืด อากาศเย็นลงทุกขณะ ลมทะเลก็ทำท่าจะก่อตัวขึ้นมา หากนานกว่านี้ วารุณีอาจเป็นห่วงถึงขั้นตามยามชายฝั่งซึ่งหากมาพบเจอเขาและลูกสาวในสภาพที่ กำลังเย็ดกันกลางทะเลมันคงจะเป็นเรื่องอื้อฉาวขึ้นข่าวหน้าหนึ่งหนังสือ พิมพ์ทุกฉบับเป็นแน่ แล้วเขาคงไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
วรุตม์ปล่อยมือจากเชือกบิกินี่และยังไม่วายสอดนิ้วเข้าไปขยุกขยิกอยู่ใต้ผ้า สามเหลี่ยมนั้นจนเจนจิราต้องยักย้ายส่ายสะโพกหลบพร้อมหัวเราะคิกคักและปัด มือเขาออกเป็นพัลวัน
เขาและเจนจิราจูบกันอย่างดูดดื่มอีกครั้งก่อนที่เจนจิราจะดันบิกินี่ชิ้นบนกลับลงมาในสภาพเดิมและว่ายน้ำกลับฝั่งด้วยกัน

หลังอาหารเย็นที่ร้านซีฟู้ดหรูริมหาด วรุตม์ขับรถพาลูกสาวทั้งสองเที่ยวชมเมืองพัทยายามราตรี สองสาวต่างตื่นตาตื่นใจกับแสงสีและความสนุกสนานที่พวกเธอไม่เคยได้เห็นใน กรุงเทพฯ พากันชี้โน่นชี้นี่และหัวเราะกันตลอดเวลา

วรุตม์แอบยิ้มที่การเปลี่ยนบรรยากาศมาเที่ยวพัทยาช่วยให้เขาและลูก ๆ หลุดพ้นจากความเศร้าโศกที่ดำเนินมาเป็นเดือนได้ แต่เมื่อเขาคิดย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกลางทะเลเมื่อตอนบ่าย ความรู้สึกผิดก็เข้าครอบงำจิตใจเขาทันที ไม่รู้ว่าเป็นผีห่าซาตานตนใดเข้าสิงให้เขาปฏิบัติกับเจนจิราเช่นนั้น
ตั้งแต่กลับขึ้นฝั่ง เจนจิราก็พยายามหลบตาเขาอยู่ตลอดเวลา แม้แต่ในตอนที่นั่งรับประทานอาหารด้วยกัน เธอก็เงียบขรึมกว่าปกติจนวารุณีสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น ทำเอาทั้งเจนจิราและวรุตม์ต้องคอยกลบเกลื่อนกันวุ่นวาย
ดูเอาเถอะ ขนาดหลับตาลงเขายังจำความนุ่มเนียนของผิวกายและความอวบเต่งตึงของเนื้อหนัง ลูกสาวคนสวยได้ดี เรือนร่างเธอเหมือนมีแรงดึงดูดให้เขาคอยถวิลหาอยู่ตลอดเวลา แม้แต่ในตอนนี้ที่เขารู้สึกผิดกับสิ่งที่ได้กระทำลงไป ส่วนลึกในจิตใจเขาก็ยังปรารถนาที่จะได้กอดจูบลูบไล้ร่างงามนั้น
วรุตม์สะบัดหน้าแรง ๆ เขาจะทำอย่างนั้นไม่ได้ แม้ว่าจะเป็นคำขอร้องก่อนตายของกรรณิการ์ก็ตามที ถึงอย่างไรเจนจิราก็เป็นลูกสาวแท้ ๆ ของเขาที่เลี้ยงมาตั้งแต่ยังแบเบาะ เขาไม่ต้องการให้ลูกสาวต้องมีมลทินจากพ่อแท้ ๆ ของเธอเอง ชีวิตของเธอยังเพิ่งเริ่มต้น ยังมีสิ่งดี ๆ อีกมากรอคอยให้เธอไขว่คว้า เขาจะเห็นแก่ความต้องการส่วนตัวไปทำลายชีวิตลูกไม่ได้
เขาสาบานกับตัวเองว่า เขาจะลืมเรื่องนี้ไปให้หมด และปฏิบัติต่อเจนจิราในฐานะพ่อคนหนึ่งเท่านั้น
พอตัดสินใจได้แล้ว วรุตม์ก็สบายใจขึ้น เริ่มหัวเราะได้เมื่อถูกลูกสาวเย้าแหย่ เขาขับรถวนไปทั่วพัทยาใต้จนเกือบสองทุ่ม เห็นวารุณีทำท่าหาวหลายครั้งเขาจึงขับรถกลับรีสอร์ท

หลังอาบน้ำเสร็จ วรุตม์ก็นอนอ่านหนังสือโดยเปิดโคมไฟหัวเตียงดวงเดียว ขณะที่เขากำลังจะตัดสินใจปิดไฟเข้านอน ก็มีเสียงประตูเปิดดังเอี๊ยดเบา ๆ พร้อมกับมีร่างของใครคนหนึ่งแทรกเข้ามาและเดินเข้ามาหาเขาที่เตียง
"คุณพ่อง่วงหรือยังคะ"
เจนจิรานั่นเอง
"ก็กำลังเคลิ้ม ๆ น่ะลูก เจนมีอะไรรึเปล่า"
วรุตม์เอื้อมมือเตรียมจะเปิดไฟกลางห้อง แต่เจนจิราห้ามไว้ก่อน
"คือ...เจนนอนไม่หลับน่ะค่ะ อยากลงไปเดินเล่นที่ชายหาดแต่เจนกลัว อยากให้คุณพ่อไปเป็นเพื่อน แต่ถ้าคุณพ่อง่วงแล้วก็ไม่เป็นไรค่ะ"
เจนจิราทำท่าจะเดินกลับออกไปจากห้อง แต่วรุตม์คว้ามือเธอเอาไว้ก่อน ทั้งคู่หยุดชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อผิวกายสัมผัสเสียดสีกัน
"พ่อยังไม่ง่วงอะไรมากมายหรอก นาน ๆ มาเที่ยวที ไปเดินชายหาดเล่นตอนกลางคืนก็ดีเหมือนกัน ไป พ่อไปเดินเป็นเพื่อน"
วรุตม์ลุกขึ้นจัดเสื้อคลุมให้เรียบร้อยก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับเจนจิรา

ชายหาดพัทยายามกลางคืนสว่างนวลไปด้วยแสงจันทร์ ลมทะเลที่พัดออกจากฝั่งช่วยคลายความร้อนอบอ้าวในช่วงกลางวันได้ดี คืนนั้นชายหาดเงียบเหงาไร้ผู้คนเว้นแต่วรุตม์และเจนจิราเท่านั้น
ตั้งแต่ออกมาจากรีสอร์ท ทั้งคู่ก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีก เดินย่ำชายหาดเงียบ ๆ มีแต่เสียงคลื่นกระทบฝั่งดังเหมือนดนตรีช่วยขจัดความเงียบงันที่ปกคลุมทั่ว ทั้งชายหาด

วรุตม์หันไปมองหน้าลูกสาว สีหน้าเจนจิราเรียบเฉยปราศจากความซุกซนร่าเริงเช่นปกติ แสงจันทร์ลูบไล้ผิวหน้าเธอเป็นประกายสว่างไสว วรุตม์เจ็บแปลบที่ตัวเองเป็นต้นเหตุให้ลูกสาวหมองหม่นเช่นนี้
"เอ้อ...เรื่องเมื่อตอนกลางวัน พ่อ...พ่ออยากจะบอกว่าพ่อขอโทษ ไม่รู้ว่าพ่อทำลงไปได้ยังไง พ่อไม่ได้ตั้งใจจะทำอะไรกับลูกแบบนั้นเลย สาบานได้"
คำพูดพรั่งพรูออกจากปากวรุตม์ก่อนที่เขาจะยับยั้งไว้ทัน เจนจิรายังคงก้มหน้านิ่ง เดินทอดน่องต่อไป ส่วน วรุตม์ก็ไม่รู้จะทำตัวอย่างไรดี เขาจึงหันมองไปที่ชายหาดแล้วเดินเคียงคู่ไปกับลูกสาว

"คุณพ่อไม่ต้องขอโทษเจนหรอกค่ะ เจนไม่ได้โกรธคุณพ่อเลย เพียงแต่...เจนมีเรื่องที่ต้องคิดอีกหลายอย่างแค่นั้นเอง"
เจนจิราพูดเสียวแผ่วเบาราวกระซิบ วรุตม์แอบถอนหายใจอย่างโล่งอก คำพูดของเธอทำให้เขารู้สึกผิดน้อยลง แต่เพื่อให้เจนจิราสบายใจยิ่งขึ้น เขาจึงหาเรื่องชวนเธอคุยต่อ
"คิดเรื่องอะไรเหรอลูก เล่าให้พ่อฟังได้มั้ย ถึงพ่ออาจจะช่วยอะไรลูกไม่ได้ แต่ถ้าได้ระบายออกมาก็คงดีกว่าเก็บไว้อัดอั้นคนเดียว"
เจนจิราหันมามองหน้าวรุตม์ สีหน้าเธอเหมือนกำลังตัดสินใจเรื่องสำคัญอะไรบางอย่าง เธอเอื้อมมือมาดึงแขนเขาให้หยุดเดินแล้วหันเข้าหากัน
"เจนคิดเรื่องของแม่ แล้วก็เรื่องที่แม่สั่งเสียกับเจนก่อนตาย...."
เจนจิราพูดถึงตรงนี้แล้วก็นิ่งเงียบไป
"อ้อ คิดเรื่องที่แม่เขาสั่งเสียไว้หรอกเหรอ พ่อเองก็เหมือนกัน...."
วรุตม์ชะงักเมื่อคิดว่าลูกสาวอาจถามเขาว่ากรรณิการ์สั่งเสียเรื่องอะไร แต่ยังดีที่เจนจิราไม่ได้ทำอย่างนั้น เธอเงยหน้ามองพ่อ
"แม่สั่งให้เจนทำหน้าที่แทนแม่ ดูแลพ่อให้ดีที่สุด ให้เหมือนตอนแม่ทำให้พ่อ...ในทุก ๆ เรื่อง...แม้แต่...แม้แต่...เรื่องบนเตียง"
พอพูดถึงตรงนี้ เสียงของเธอก็แผ่วเบายิ่งกว่ากระซิบ แก้มเธอแดงซ่านด้วยความอุธัจ แสงจันทร์ที่สว่างนวลช่วยขับเน้นใบหน้าเธอให้งามน่าทะนุถนอมเป็นที่สุด
วรุตม์ถึงกับอึ้งที่ได้ยินคำพูดนี้ออกจากปากลูกสาวคนสวย จิตใจเขาสับสนไปหมด ไม่นึกว่ากรรณิการ์จะจริงจังกับเรื่องนี้ถึงขนาดสั่งเสียไว้กับเจนจิราด้วย
"เอ้อ พ่อว่าอย่าไปคิดมากเรื่องนี้เลยนะลูก แม่เขาอาจจะเพ้อสับสนในวาระสุดท้ายของชีวิตก็เป็นได้ พ่อว่าเราก็ดำเนินชีวิตของเราไปตามปกติก็ดีอยู่แล้ว"
เขาปลอบลูกสาวคนโต เจนจิราโผเข้ากอดเขาไว้แน่น แนบใบหน้ากับแผงอกผู้เป็นพ่อ
"ไม่ค่ะ เจนรักพ่อ รักมานานมากแล้วด้วยแต่ไม่กล้าแสดงออก กลัวว่าจะเป็นการทำร้ายจิตใจแม่ แต่แม่ก็ยังดูออกอยู่ดี เจนไม่อยากให้พ่อต้องเป็นทุกข์เพราะคิดถึงแม่ เจนอยากจะเป็นเมียพ่อแทนแม่"
คำพูดพรั่งพรูออกจากปากลูกสาวคนสวยเหมือนเธอกลัวว่าถ้าไม่ระบายออกเสียตอนนี้เธอจะไม่กล้าพูดอีก
"เจน...นี่ลูก"
วรุตม์พูดได้เพียงเท่านั้นก็ถูกริมฝีปากลูกสาวประกบปิดไว้ รสจูบเธอเหมือนมีไฟฟ้าวิ่งแปลบไปทั่วร่างเขา ทำให้วรุตม์เผลอกอดรัดร่างงามนั้นไว้แน่นแล้วบดริมฝีปากแลกจูบกับเธออย่าง ถึงพริกถึงขิง อา...เรื่องมาถึงแบบนี้แล้วเขายังจะลังเลใจอยู่อีกทำไม ในเมื่อมันเป็นความต้องการและยินยอมพร้อมใจของทุกคนรวมทั้งตัวเขาด้วย

มือเขาเลื่อนลงไปตามแผ่นหลังจนถึงหนั่นเนื้อสะโพกแล้วบีบตะโบมอย่างมันมือ พร้อมรั้งสะโพกลูกสาวคนสวยให้เข้ามาเบียดแน่นกับหน้าขาเขา ควยเขาแข็งปานตอกตะปูได้ตั้งแต่ได้ฟังคำสารภาพของเจนจิรา และบัดนี้มันกำลังอัดขยี้โหนกนูนของลูกสาวอย่างไม่ลืมหูลืมตา เจนจิราส่งเสียงครางแผ่วโหยในลำคอแล้วใช้มือยันอกวรุตม์ผละออก วรุตม์มองลูกสาวคนสวยด้วยความฉงนสงสัย แต่แล้วก็โล่งอกเมื่อได้ยินคำพูดของเธอ
"ตรงนี้ไม่เหมาะค่ะคุณพ่อ กลับห้องเรากันดีกว่า"
เสียงของเจนจิราแหบพร่าด้วยความต้องการ วรุตม์ไม่รอช้า จูงมือลูกสาวคนโตเดินกลับรีสอร์ทโดยเร็วที่สุด


chinji23

ลุ้น เจนจิราจะแสดงออกยังไง สนุกมากครับ

johnywalker

นี่มันยอดคุณพ่อชัดๆ เชื่อฟังคำสั่งของเมียดีมาก

panther


review1972

คุณพ่อที่โชคดีที่สุดในโลก

forxonly8

คุณพ่อต้องเชื่อฟังคำสั่งเสียของเมียแล้วจะดีเอง ::Bloody::