ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

ประวัติพรีเดเตอร์และเอเลี่ยน (พรีเดเตอร์)

เริ่มโดย area-88, มกราคม 27, 2010, 03:02:01 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

area-88

แก้ไขล่าสุด area-88 เมื่อ 2010-1-27 15:07

พรีเดเตอร์ คืออะไร?

- พรีเดเตอร์ หรือ ย้วดจา (Yautja) เป็นเผ่าพันธุ์ต่างดาวที่มีเพียบพร้อมไปด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง โดยพวกเขาจะชื่นชอบการล่าเป็นชีวิตจิตใจ ในแต่ละวัน พวกมันจะเดินทางไปยังดวงดาวแต่ละดวง เพื่อแสวงหาคู่ต่อสู้ที่คู่ควร ในสังคมของย้วดจาจะแบ่งเป็นแคลนต่างๆ แต่ละแคลนจะมีผู้นำของตน ทางกายภาพย้วดจาเป็นนักปืนป่ายที่เก่งกาจ มีร่างกายที่ยืดหยุ่นต่ออาการเจ็บปวด หูของมันยังแยกแยะเสียงได้อย่างหลากหลาย และมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงพอที่จะใช้มือต่อยคอนกรีตให้แหลกได้ อีกทั้งยังสามารถกระโดดได้สูงอีกด้วย พวกเขาจะคล่องแคล่วเป็นพิเศษเมื่อเคลื่อนที่ผ่านที่สูงอย่างต้นไม้ หรือหลังคาบ้าน การมองเห็นพื้นฐานของย้วดนั้นเป็นสีดำแดง มันสามารถรับรู้ความร้อนที่ออกมาจากร่างกายของสิ่งมีชีวิตได้ แต่การมองเห็นนี้ก็มีข้อจำกัดมากมาย ร่างกายของพวกมันต้องการออกซิเจนมากกว่ามนุษย์ 1% และไนโตรเจนมากกว่ามนุษย์ 4% แม้บรรยากาศบนโลกมนุษย์จะไม่ทำให้พวกมันถึงตาย แต่ย้วดจาที่ไม่คุ้นเคยกับสภาพอากาศบนโลกอาจจะต้องสวมหน้ากากไว้ตลอดเวลา

ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ , พรีเดเตอร์ และซีโนมอร์ฟ
- พรีเดเตอร์เดินทางยังโลกครั้งแรก เมื่อ 2997 ปีก่อนคริสตกาล บนทวีปที่ปัจจุบันคือ แอนตาร์กติกา พรีเดเตอร์ได้มอบความรู้ในการก่อสร้าง และวัฒนธรรมต่างๆ ให้แก่มนุษย์ และมนุษย์ก็ยกย่องเคารพพวกเขาในฐานะเทพเจ้า ในทางกลับกันมนุษย์จะทำพิธีบูชายัญต่อเทพเจ้าเป็นการตอบแทน ซึ่งการบูชายัญเหล่านี้ คือ การเป็นร่างฝักตัวให้กับซีโนมอร์ฟนั้นเอง ความสัมพันธ์ระหว่างซีโนมอร์ฟ และย้วดจาไม่ทราบแน่ชัด แต่อย่างไรก็ตามอารยธรรมของย้วดจาเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาหลังยุคของ Space jockey สิ่งที่เป็นไปได้ คือ พวกเขาค้นพบซีโนมอร์ฟบนดาวเคราะห์ที่ใดสักแห่ง ด้วยความแข็งแกร่ง ดุร้าย และคุณสมบัติที่ไม่เหมือนสิ่งมีชีวิตใด คือ การเปลี่ยนแปลง DNA ไปตามโฮสต์ที่ฝักตัว ทำให้มันกลายเป็นสัตว์ยอดนิยมที่ถูกใช้ในเกมส์กีฬาของพวกย้วดจา เพราะ ซีโนมอร์ฟที่ฝักตัวในสิ่งมีชีวิตจะได้รับคุณสมบัติของสิ่งมีชีวิตนั้นมาด้วย นั่นหมายความว่า ซีโนมอร์ฟที่ฝักตัวในสิ่งมีชีวิตที่ต่างกัน จะมีวิธีรับมือที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งถือว่า เป็นความท้าทายอย่างหนึ่ง ที่แอนตาร์กติกานั้น พวกย้วดจาจะส่งนักรบฝึกหัดมาเข้าพิธีบรรลุนิติภาวะทุกๆร้อยปี เมื่อนักรบฝึกหัดสามารถสังหารซีโนมอร์ฟได้ พวกเขาจะนำเลือดที่เป็นกรดของมันมาทาเป็นสัญลักษณ์ลงบนหน้ากาก และหน้าผากของตน ยิ่งหน้ากากมีลวดลายมากเท่าใด นั้นแสดงให้เห็นว่า ย้วดจาตัวนั้นผ่านสมรภูมิมาอย่างโชกโชน และมีฐานะทางสังคมอันสูงลิ่ว แต่แล้ว พิธีกรรมครั้งหนึ่งก็จบลงด้วยการนองเลือด เมื่อซีโนมอร์ฟหลุดรอดออกไปนอกพีระมิดพร้อมกับไข่ราชินี นั้นทำให้เกิดการแพร่ระบาดครั้งใหญ่จนคุมไม่อยู่ พวกซีโนมอร์ฟได้เพิ่มจำนวนจนครอบคลุมทั้งทวีป และในเวลาอีกไม่นานจะเป็นโลกทั้งใบ ย้วดจาหลายตัวลงมาช่วยหยุดยั้งหายนะที่เกิดขึ้น แต่สุดท้าย พวกเขาก็ถูกสังหารเรียบ พวกเขาจึงตัดสินใจยุติปัญหาขั้นเด็ดขาด คือ การใช้ระเบิดนิวเคลียร์กวาดล้างทั้งทวีปไปพร้อมกับทุกชีวิตบนพื้นแผ่นดิน นั้น เมื่อเรื่องยุติลง ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ และย้วดจาก็ได้จบลง มนุษย์เพียงหยิบมือที่รอดชีวิตก็ได้แยกย้ายกันไปก่อตั้ง 3 อารยธรรมใหญ่ตามความรู้ที่ได้รับการสืบทอดมาจากย้วดจา บนทวีปที่แตกต่างกัน อันได้แก่ อียิปต์ในทวีปแอฟริกา แอซแท็คในทวีปอเมริกา และกัมพูชาในทวีปเอเชีย ในปัจจุบัน ย้วดจามองมนุษย์เป็นเพียงแค่เหยื่อสำหรับการล่า แต่อย่างไรก็ตาม มนุษย์ก็มีสิทธิ์ในการเข้าร่วมแคลนของย้วดจาด้วยเช่นกัน หากคนๆนั้น แสดงความแข็งแกร่ง และความกล้าหาญให้เป็นที่ประจักษ์ได้ มนุษย์ยังสามารถเลื่อนตำแหน่งจนเป็นถึงผู้นำแคลนได้ด้วย นั่นแสดงให้เห็นว่า ย้วดจาไม่ได้เป็นนักล่าที่ไร้เหตุผล แต่พวกเขาเคารพความแข็งแกร่ง และความกล้าหาญเหนือความแตกต่างระหว่างเผ่าพันธุ์ (แต่ก็มีบางตัวที่เป็นพวกเหยียดเผ่าพันธุ์ และชอบฆ่าไม่เลือกหน้าเหมือนกัน ซึ่งก็คงคล้ายๆสังคมมนุษย์ที่มีหลากหลายอารมณ์ และอุปนิสัยนั่นแหละ)

เกียรติยศและศักดิ์ศรีนักล่า
- สำหรับพรีเดเตอร์ถือว่า หน้ากากเป็นตัวแทนของตน พรีเดเตอร์แต่ละตัวจะมีหน้ากากเพียงชิ้นเดียว และจะอยู่ติดตัวไปจนวันตาย การถูกแย่งชิง หรือ ทำหาย(ข้อนี้ไม่น่าจะมี) เป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้ และเสื่อมเสียเกียรติเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ในการล่าแต่ละครั้ง พรีเดเตอร์จะมีการถลกหนัง และตัดศีรษะของเหยื่อเพื่อแสดงถึงอำนาจ และอวดความสามารถของตนอีกด้วย ยิ่งเหยื่อดุร้าย แข็งแกร่งมากเท่าไร เกียรติยศที่ได้ก็ยิ่งเพิ่มมากตามไปด้วย หนึ่งในกะโหลกที่มีเกียรติสูงสุด และคู่ควรแก่การครอบครองมากที่สุด คือ กะโหลกศีรษะของซีโนมอร์ฟ หรือ เอเลี่ยนที่พวกเรารู้จักกันนั่นเอง แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็มีเกียรติและศักดิ์ศรีอยู่เหมือนกัน โดยพวกเขาจะไม่ล่าสัตว์ที่ยังเยาว์วัย รวมไปถึงสัตว์ที่กำลังท้อง เครื่องหมายทางเกียรติยศอีกอย่างหนึ่งของพวกเขา คือ นากินาตะ (Naginata) รูปร่างของมันคล้ายหอก มันเป็นได้ทั้งอาวุธ และเครื่องหมายที่แสดงถึงยศฐานบรรดาศักดิ์ ในกลุ่มย้วดจาชั้นสูงจะมีนากินาตะที่สร้างขึ้นอย่างประณีต และสวยงามกว่าชนชั้นทั่วไป

หล่อไหม?

หมายเหตุ : เมื่อดูจากพรีเดเตอร์ทั้งสองภาค เราจะเห็นได้ว่า เหยื่อส่วนใหญ่เป็นมนุษย์ที่มีการฝึกฝนอย่างเช่น ทหาร หรือ โจรที่แสดงถึงความดุร้ายและป่าเถื่อน ไม่ค่อยได้เห็นพรีเดเตอร์ล่าชาวบ้านธรรมดาที่ปราศจากอาวุธกัน นั้นแสดงให้เห็นว่า สัตว์ยิ่งดุร้ายและอันตรายมากเท่าใด ยิ่งคู่ควรแก่การล่ามากเท่านั้น

ลำดับบรรดาศักดิ์ของเหล่านักล่า
- Non hunters หรือ ผู้ที่ไม่ใช่นักล่า ในสังคมของย้วดจาไม่ใช่ทุกตัวที่ชื่นชอบการล่า กลุ่มคนเหล่านี้ไม่เคยออกล่าด้วยเหตุผลต่างๆนานา (บางตัวอาจเพราะ ความกลัว หรือพูดง่ายๆว่า ขี้ขลาด -_-") พวกเขาเป็นพวกที่สังคมรังเกียจ และมียศต่ำที่สุดในทางสังคม แต่ถึงกระนั้นนี้ก็ยังไม่ใช่กลุ่มคนที่เลวร้ายที่สุดของเผ่าพันธุ์ ซึ่งจะกล่าวต่อไป

- Unblooded เป็นย้วดจารุ่นเยาว์ที่ผ่านการฝึกฝนมาแล้ว และเตรียมเข้าสู่พิธีบรรลุนิติภาวะ (พรีเดเตอร์สามหน่อ ที่ยกขโยงกันมาใน AVP ภาค 1 อยู่ในกลุ่มนี้แหล่ะ) โดยพวกเขาจะต้องผ่านการล่าจริงหนึ่งครั้ง จึงจะได้เลื่อนยศเป็น Blooded อย่างเต็มตัว

- Blooded เมื่อผ่านการทดสอบมาแล้ว ย้วดจาคนนั้นจะได้เข้าร่วมกับแคลนของพวกเขา ในระหว่างนี้ พวกเขาจะเริ่มต้นการล่าอย่างจริงๆจังๆ เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์

- Warriors ย้วดจาในกลุ่มนี้เป็นพวกนิยมความรุนแรง รักสันโดษ พวกเขาไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับแคลน และออกมาล่าตัวคนเดียว ย้วดจาในกลุ่มนี้ มักจะมีทักษะสูง และเชี่ยวชาญในการใช้อาวุธ (ไม่งั้นคงไม่กล้าออกมาสดเดี่ยวหรอกจริงไหม)
หมายเหตุ : พรีเดเตอร์ตัวที่ซัดกับอาร์โนลด์ ในภาค 1 น่าจะอยู่ในกลุ่มนี้

- Honoured เป็นกลุ่มสังคมของย้วดจาชั้นหัวกะทิ ย้วดจาในกลุ่มนี้ล้วนผ่านการล่ามากว่า 100 ครั้ง มีประสบการณ์สูง โดยแต่ละคนจะมีนากินาตะอันงดงามประจำตัวอยู่

- Elders ย้วดจาในกลุ่มนี้ คือ นักล่าในระดับสุดยอด ย้วดจาในตำแหน่งนี้จะเป็นผู้นำของกลุ่มแคลนนั้นๆ แต่ละคนล้วนผ่านการล่ามามากกว่าพันครั้ง มีกะโหลกศีรษะเก็บสะสมไว้เป็นโกดัง และมักจะมีกะโหลกของควีนเอเลี่ยนไว้ประดับฝาบ้าน ย้วดจาเหล่านี้มักสวมผ้าคลุมสีแดงไว้บ่งบอกถึงฐานะอีกด้วย

- Arbitrators ย้วดจาเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นเหมือนตำรวจที่คอยดูแลรักษาความเรียบร้อยต่างๆ และคอยคุ้มกันย้วดจาชั้น Elders อยู่ข้างๆ

- Bad bloods หากพรีเดเตอร์ที่คุณรู้จัก คือ เหล่านักล่าผู้มีเกียรติ และศักดิ์ศรี กลุ่มย้วดจาเหล่านี้จะตรงกันข้ามกับสิ่งที่คุณรู้จักทั้งสิ้น Bad
bloods คือ กลุ่มย้วดจาที่ก่ออาชญากรรมร้ายแรง ไม่สนใจในกฎเกณฑ์ และศักดิ์ศรีใดๆทั้งสิ้น พวกมัน คือ จุดด่างพร้อยของเผ่าพันธุ์ และเป็นไม้เบื่อไม้เมากับเหล่า Arbitrators ที่คอยตามล่าย้วดจานอกรีตเหล่านี้

ภาษาของเหล่าย้วดจา

สำหรับผู้ที่สนใจในภาษาของย้วดจา เชิญศึกษาขั้นเบื้องต้นจากรูปด้านล่างได้เลย

ปล.อย่าถามวิธีออกเสียงภาษาย้วดจาจากเค้าเลยอ่ะน่ะ เพราะ เค้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าที่มันขู่ฟ่อๆกัน มันมีความหมายว่ายังไง ^^
บทบาทของเหล่าย้วดจาเพศเมีย

ในสังคมย้วดจา เพศเมียจะทำหน้าที่เลี้ยงดูลูกอยู่บนดาวบ้านเกิด หรือบนยานแม่ แต่อย่าคิดว่า พวกเธอทำอะไรไม่เป็นน่ะ ในสังคมของย้วดจาก็เปิดโอกาสให้ผู้หญิงเหล่านี้ได้มีโอกาสล่าเพื่อ Trophies ของตนเองเหมือนกัน กล่าวกันว่า ย้วดจาเพศเมียแข็งแรงกว่าเพศผู้เสียอีก บางตัวมีการสังหารคู่สมรสของตนด้วย (จากข้อความดังกล่าว ทำให้ได้ข้อสันนิษฐานว่า ย้วดจาหลายตัวน่าจะเป็นพวกกลัวเมีย) แคลนของเพศเมียจะประกอบไปด้วยลูกสาว แม่ และย่า และในกลุ่มแคลนนักล่าหลายกลุ่มมีเพศเมียเป็นผู้นำ เพียงแต่เพศเมียไม่ชอบออกล่าเพื่อเกียรติยศแบบเพศผู้ซักเท่าไร

เหอๆ พรีเดเตอร์กลัวเมีย

ยานอวกาศของเหล่าย้วดจา

MAN'DACA – Migratory Craft หรือแปลตรงตัวว่า ยานอพยพ

ภายในยานแมนดาคา ประกอบไปด้วยนักล่า รวมไปถึงสมาชิกในครอบครัวของพวกเขาตั้งแต่เด็กไปจนถึงเพศเมีย และมักจะมีช่างซ่อม-ตีอาวุธอยู่ด้วย แต่ละแคลนจะมียานรูปร่างแตกต่างกัน ยานแมนดาคาไม่ค่อยลงจอดที่พื้นผิวดวงดาว นอกจากเวลาเกิดสงคราม ตัวยานแบ่งได้เป็นสองชั้นหลักๆ ที่ชั้นล่างจะค่อนข้างสกปรก ไม่มีที่นอน ใช้เป็นที่เตรียมอาหาร ส่วนชั้นบนจะกว้างขวาง สะดวกสบาย และมีห้องพัก ย้วดจาที่มีตำแหน่งสูงที่สุดในยานลำนั้น จะได้รับหน้าที่เป็นผู้บัญชาการเพื่อเริ่มต้นการออกล่า ในบางครั้งก็สร้างสถานการณ์ดังกล่าวขึ้นมาเอง โดยในยานแมนดาคาจะมีไข่ของซีโนมอร์ฟเก็บอยู่ (ในยานบางลำอาจจะมีควีนอยู่ด้วย) ย้วดจาจะค้นหาดวงดาวที่เหมาะสม ต่อจากนั้น จะให้หุ่นดรอนนำไข่ประมาณ 6-12 ฟอง ลงไปยังพื้นผิวดวงดาว และรอคอย เมื่อซีโนมอร์ฟเจริญสู่ขั้นสุดท้าย หุ่นดรอนจะส่งสัญญาณกลับมายังยานแมนดาคา เหล่านักล่าผู้เตรียมพร้อมอยู่จะถูกส่งไปยังพื้นผิวดวงดาวด้วยกระสวยขนาด เล็ก และเริ่มต้นการล่า

NER'UDA
เนอร์อุดาเป็นกระสวยขนาดเล็ก สำหรับ 1 ที่นั่ง ใช้เดินทางผ่านชั้นบรรยากาศ ก่อนจะถูกส่งออกจากยานแมนดาคา มันจะต้องติดตั้งตำแหน่งที่แน่นอนสำหรับการลงจอด ในระหว่างเดินทางผ่านชั้นบรรยากาศมันจะเปลี่ยนทิศทางไม่ได้จนกว่าจะลงถึง พื้น ตัวยานนำมาใช้ใหม่ได้ และสามารถเดินทางออกพ้นแรงดึงดูดของโลกในเวลาไม่ถึง 2 นาที แต่ไม่สามารถล่องหนได้เหมือนยานแมนดาคา และยานแม่

JAG'D'JA ATOLL – The Mothership
ใน บางครั้งที่ต้องล่าในดินแดนที่ห่างไกลจากดาวบ้านเกิดมากๆ ยานเหล่านี้จึงได้ถูกสร้างขึ้น มันคือสุดยอดเทคโนโลยีทางอวกาศของเหล่าย้วดจา ยานแม่เป็นยานอิสระ และมีขนาดใหญ่โตอย่างน่าเหลือเชื่อ ภายในยานเปรียบได้กับเมืองขนาดเล็ก มีทั้งท่าเรือที่มียานแมนดาคานับร้อยๆลำตั้งตระหง่านอยู่ ร้านค้าต่างๆ รวมไปถึงที่ทำการแคลน มีย้วดจามากกว่า 500 ตัวมา และไป อยู่เกือบตลอดเวลา สำหรับย้วดจาที่ต้องออกมาผจญภัยสุดโพ้นกาแล็กซี่แล้วเกิดอาการโฮมซิก มันเปรียบเหมือนบ้านที่ให้กลับมาพักผ่อนหย่อนใจ (บางตัวก็เป็นศพกลับมา) ที่แห่งนี้ เหล่าย้วดจายังสามารถหาซื้ออาวุธใหม่ๆ หาคู่ออกเดท รวมไปถึงแลกเปลี่ยนข่าวสารระหว่างกัน ยานแม่มักไม่เคลื่อนที่ไปจากจุดเดิมนัก ตัวยานยังติดตั้งเทคโนโลยีล่องหนไว้ด้วย

ปกรณ์ต่างๆที่ติดตั้งบนยาน
1. Radar blanketing : ยานของย้วดจาจะมีระบบป้องกันการตรวจจับโดยเรดาห์ โดยยานจะไม่ปรากฎบนเรดาห์ทุกชนิด ยกเว้น เซนเซอร์พิเศษของมนุษย์ที่ติดไว้กับยานรบชั้น Conestoga หรือสูงกว่าเท่านั้น (ยานรบมี 3 คลาส ได้แก่ Conestoga,Bougainville และ Razzia)
2. Ghost Imager : ยานทุกชนิดสามารถรบกวนระบบจับเป้าของมิซไซล์ และสามารถหลบหลีกมันได้อย่างไม่ยากเย็น
3. Turbocharger : ยานทุกชนิดสามารถบูสระบบ และเร่งความเร็วได้สามครั้ง (ลองนึกถึงไนโตรที่ใช้ในรถแข่ง คล้ายๆกัน) ยานเหล่านี้สามารถเร่งความเร็วได้เป็นสองเท่า เพียงแต่การบูสแต่ละครั้งจะมีผลแค่หนึ่งชั่วโมงเท่านั้น (3 คูณ 1 รวมแล้ว เร่งความเร็วได้ 3 ชั่วโมง)
4. Reflective coating : อุปกรณ์ตัวนี้สามารถป้องกันความเสียหายจากเลเซอร์ได้ลงครึ่งหนึ่ง แต่ไม่มีผลต่ออาวุธพลาสมา
5. Environment Protection : ยานของย้วดจาสามารถป้องกันผลจากสภาพแวดล้อมต่างๆได้ ทำให้พวกมันสามารถเดินทางผ่านชั้นบรรยากาศของโลก ดวงอาทิตย์ รวมไปถึงใต้น้ำได้
6. Remote Operation : ยานแต่ละลำมีระบบนักบินอัตโนมัติ แม้จะยิงปืนใหญ่โดยอัตโนมัติไม่ได้ แต่ตัวยานก็สามารถเดินทางหลบสิ่งกีดขวางต่างๆได้อย่างสบาย ในกรณีที่ไม่มีย้วดจาอยู่บนยาน ตัวยานเองสามารถรับคำสั่งให้ลงจอดทางรีโมทจากย้วดจาที่อยู่บนพื้นผิวดวงดาว ได้
7. Mass Destruct Sequence : เมื่อถึงคราวจำเป็น ตัวยานสามารถทำลายตัวเองได้ ด้วยการเร่งปฏิกิริยาเทอร์โมนิวเคลียร์ โดยย้วดจาต้องควบคุมระบบนี้ทางรีโมท หรือป้อนคำสั่งโดยตรงจากบนยานเท่านั้น แรงระเบิดจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างในรัศมี 1 กิโลเมตรจนราบคาบ
8. Self-Destruct : ระบบนี้ทำงานโดยอัตโนมัติ เมื่อย้วดจาเจ้าของยานตายลง ตัวยานจะทำลายตัวเองทันที เพียงแต่ยานจะไม่เกิดการระเบิดเหมือน Mass Destruct Sequence แต่จะสลายไปแบบไร้ร่องรอย
9. Targeting Analyzer : ระบบนี้ช่วยให้ย้วดจาสามารถสแกนยานของฝ่ายตรงข้าม เพื่อตรวจสอบความสามารถในการรบ รวมไปถึงสัญญาณชีวิตภายในยานลำนั้นได้

ที่มา thaibio[s:127]
โปรดติดตามตอนต่อไป ต่อไปเป็นอาวุธมัน...555+++
ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ลงการ์ตูนเพราะคอมพังอ่ะน่ะ...-*-...ต้องอาศัยโน็ตบุ๊ค,คอมคนคนอื่น,เน็ตตามร้าน,คอมบริษัท,อ่ะน่ะ...เศร้าจริงๆ....[s:188]
มีสไตล์ แต่ไร้สตางค์