ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_err

Friend (เพื่อน) ตอน 10

เริ่มโดย err, พฤศจิกายน 11, 2010, 11:23:07 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 2 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

err

ปีสี่เป็นปีที่ผมมีกิจกรรมทางเพศน้อยมากเพราะต้องเรียนหนัก ทำเป็นเล่นไป เกรดผมสูงกว่าเกณฑ์ที่จะอนุมัติจบแค่นิดเดียวเอง พลาดพลั้งไปต้องมาเรียนอีกปีเพื่อแก้เกรด เสียเวลาตายห่าเลย และจะบอกเพื่อนๆว่าไอ้หนุ่มเลิกกับแฟนแล้ว ผมว่าแฟนมันคงทนอยู่กับนกกระจอกอย่างมันไม่ได้แน่ๆเลย...
ถ้าจะให้เล่าเรื่องกิจกรรมบนเตียงสมัยปีสี่ อืม..มันไม่มีอะไรในคณะจะเล่าให้ฟังอีกแล้ว เพราะน้ำก็แตะไม่ได้ รินก็แตะไม่ได้ ส่วนแตงโมนี่ผมไม่อยากแตะเอง ผมไปมีอะไรข้างนอกทิ้งทวนการเรียนกับน้องจากมหาวิทยาลัยเพื่อนบ้าน น้องฝ้ายอยู่ปีสองของมหาวิทยาลัยนั้น ผมได้รู้จักกับเธอผ่านทางเพื่อนที่อยู่ชมรมเชียร์ซึ่งทั้งสองมหาวิทยาลัย มักจะนัดคุยกันเกี่ยวกับงานเชียร์เสมอๆ ผมก็ไปกับเพื่อนด้วย ไม่ได้มีอะไรหรอก ก็แค่อยากเปลี่ยนบรรยากาศแค่นั้น เจอหน้าเธอครั้งแรก บอกตรงๆว่าผมไม่ได้มีความสนใจแม้แต่นิดเดียวเพราะเธอโคตรของโคตรเด็กเรียน เลย เด็กอะไรวะ เรียนปีสองแล้วยังผูกผมเปียอยู่เลย ผมเจอเธอครั้งแรกเนี่ยเธอกำลังนั่งซ่อมเพลทอยู่ เพื่อนๆที่เคยแปรอักษรคงรู้จักนะ...
ผมมักจะพูดเสมอๆว่าคนมันจะได้เอา ยังไงๆมันก็ได้เอา เหมือนฟ้ากำหนดมาไว้แล้ว เพียงแต่เป็นเรื่องของเวลาเท่านั้น ว่าจะได้เอาเมื่อไหร่แค่นั้นเอง...
อานิสงค์ที่ผมไปนั่งๆนอนๆ บางทีก็แอบเอารายงานไปนั่งทำด้วยที่มหาวิทยาลัยนั้นกับเพื่อน ทำให้ผมกับฝ้ายได้คุยกันมากขึ้น ฝ้ายเป็นเด็กขี้อายมากๆ ล้ออะไรนิดนึงก็นั่งหน้าแดง ม้วนไปม้วนมา ตอนนั้นผมมองเธอแบบเอ็นดูจริงๆนะ ไม่ได้คิดอะไรเลย เพื่อนๆลองมองเด็กซักคนนึงสิ แล้วตัดความรู้สึกว่าน่าเอาออกไปซะ ที่เหลือนั่นแหล่ะคือความรู้สึกของผม ผมนั่งคุยกับฝ้ายไปเรื่อยๆ เอ๊ะ! ชักสนิทแฮะ ตอนหลังๆ กลายเป็นว่าผมเป็นคนเร่งเพื่อนเองว่าเมื่อไหร่จะไปที่นั่นซักที คุยไปคุยมา ฝ้ายชวนให้ผมช่วยซ่อมเพลทกับเธอ ที่จริงผมเกลียดงานอย่างนี้มากๆเพราะมันน่าเบื่อ แต่ก็ไม่อยากขัดใจ อีกอย่างนึงก็เห็นว่าตัวเองว่างๆ ช่วยก็ได้วะ...
แต่พอผมช่วยเธอทำเพลทแค่ครั้งเดียว ตั้งแต่นั้นมา ผมก็ช่วยเธอมาตลอด ที่จริงก็ไม่ใช่เป็นคนดีอะไรหรอกนะ แต่เพราะเวลานั่งทำเพลท เรานั่งทำกับพื้น ฝ้ายก้มหน้าก้มตาทำ ไอ้ผมนั่งอยู่ตรงข้ามก็เลยเผลอมองเข้าไปในเสื้อเธอ ไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะ มันเห็นเองนี่หว่า ถ้าเธอไม่อยากให้ผมเห็น ก็ต้องปิดกระดุมมาถึงคอสิ แต่นี่เล่นใส่ตามปกติ มันก็ต้องเห็นอยู่แล้ว ครั้งแรกที่เห็น เธอใส่ยกทรงสีชมพูอ่อน ผมเสียสมาธิการซ่อมเพลทเลย ใส่โค๊ดผิดๆถูกๆ คราวนี้รู้สึกว่าฝ้ายไม่ใช่เด็กอย่างที่คิดแล้ว ไอ้ความรู้สึกเอ็นดูมันก็ชักจะเปลี่ยนไปยังไงๆชอบกล แล้วอย่างที่เคยบอกเพื่อนๆไงว่าช่วงหลังๆนี่ ผมแทบไม่มีกิจกรรมบนเตียงเลย พอมีหนังตัวอย่างมาให้ดูอย่างนี้ ก็เลยชักจะนั่งทำงานไม่ได้แล้ว แล้วความรู้สึกโลภก็บังเกิดขึ้น เห็นแค่ยกทรงอย่างเดียวก็ชักอยากเห็นอย่างอื่นบ้าง แต่ทำยังไงจะได้เห็นล่ะ แล้วนี่ก็ไม่ใช่คณะของผมนี่ จะได้เป็นฝ่ายได้เปรียบเรื่องสถานที่ ช่วงนั้นเลยกลายเป็นว่าผมไม่ค่อยได้อยู่ในคณะเท่าไหร่ พอว่างก็รีบล็อกคอเพื่อนมาที่มหาวิทยาลัยของน้องฝ้ายเพื่อช่วยเธอทำเพลท ทันที เราสนิทกันมากขึ้น ฝ้ายม้วนไปม้วนมาน้อยลง เพื่อนๆที่มหาวิทยาลัยนั้นมองหน้าผมแปลกๆ คล้ายกับว่ามาจีบน้องชมรมเขาหรือเปล่าวะ ผมอยากจะบอกพวกมันว่ากูไม่ได้มาจีบ กูมาหาทางดูไอ้ที่อยู่ข้างในของน้องชมรมมึงต่างหาก แต่พูดไม่ได้นะ ผมไม่อยากถูกกระทืบออกมาจากที่นั่น ก็ทำไม่รู้ไม่ชี้นั่งช่วยฝ้ายทำโน่นทำนี่จนเพื่อนชวนกลับคณะ ผมก็ไม่กลับ อยู่ช่วยเธอจนเย็น...
จากการที่อยู่จนเย็นบ่อยๆเข้า ผมก็ได้มีโอกาสส่งเธอกลับบ้าน แต่ไม่ได้เข้าบ้านเธอหรอกนะเพราะคนในบ้านมีเยอะมาก ผมขี้เกียจทัก ก็ส่งเธอแค่หน้าบ้าน บ่อยๆเข้าก็กล้าที่จะชวนเธอกินข้าวข้างนอกก่อนเข้าบ้านเธอ แรกๆเธอก็ปฏิเสธ แต่ผมก็ไม่ว่าอะไร ก็ชวนเธอเรื่อยๆจนเธอยอมกินข้าวกับผม ผมได้จับมือเธอแล้วนะตอนข้ามถนน เธอม้วนอยู่กลางถนนจนผมกลัวว่าเราจะตายซะก่อน แล้วอย่างที่บอกไงว่าถ้าเริ่มจับมือ อย่างอื่นมันก็จะตามมาเองโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว แล้วก็จริงๆด้วย วันเวลาผ่านไป ผมไปตามสเตปจนแอบหอมแก้ม หรือไม่ก็กอดไหล่เธอเวลาไปเที่ยวด้วยกันจนเป็นเรื่องปกติ...
วันหนึ่งเป็นวันอาทิตย์ ฝ้ายชวนผมมาที่ชมรมเชียร์ของเธอ เรานั่งกันสองคนอยู่ในห้องชมรม ฝ้ายก็นั่งทำโน่นทำนี่ของเธอ ผมมองตามแล้วมันรู้สึกปั่นป่วนไปหมด ผมว่ารินเด็กแล้วนะ แต่ฝ้ายนี่เด็กกว่าเยอะเลย นึกยังไงก็ไม่รู้ ผมกระโดดไปนั่งข้างๆเธอแล้วถามว่าเดี๋ยวจะมีใครมาหรือเปล่า เธอส่ายหน้าบอกว่าไม่ได้นัดใครไว้ เธอตั้งใจจะมาทำงานที่ค้างไว้ให้เสร็จเท่านั้น ผมรู้สึกว่าตัวเองเสียเวลามามากพอแล้วกับการเทียวไปเทียวมาที่นี่และอีกอ ย่าง ผมต้องเริ่มเน้นเรื่องเรียนแล้ว เลยตัดสินใจหอมแก้มเธอทีนึง ฝ้ายทำตาโตหันมามองหน้า คงไม่นึกว่าผมจะกล้าหอมแก้มเธอในชมรม ผมนึกว่าเธอจะด่า แต่กลายเป็นว่าเธอนั่งหน้าแดง ก้มหน้าไม่พูดอะไร ผมได้ทีก็เลยวิ่งไปล็อคประตูและกลับมานั่งข้างๆพลางเอียงหน้าไปหอมแก้มเธอ อีกครั้ง เธอหันมาจะพูด ผมยื่นหน้าเอาริมฝีปากไปแตะกับริมฝีปากเธอ สงสัยว่าเธอจะเป็นโรคความดันเพราะบนหน้าเธอมีแต่สีแดง หาพื้นที่สีขาวแทบไม่เจอเลย ฝ้ายกระซิบถามเบาๆว่าพี่ทำอะไร ผมไม่ค่อยชอบอธิบายเป็นภาษาพูด ก็เลยประกบปากกับเธออีกครั้ง ฝ้ายจะผงะหน้าออก แต่ผมรีบประคองศีรษะเธอไว้แล้วแนบริมฝีปากกับเธอไว้จนแน่น เธอทำเสียงอึกอักซักพักปิดปากแน่น ผมใช้ปลายลิ้นเกลี่ยอยู่บนริมฝีปากเธอ ลิปมันที่เธอใช้มันหอมชื่นใจจริงๆ ผมค่อยๆแซะปลายลิ้นเข้าไปในปากของเธอ ผ่านไปชั่วครู่ ฝ้ายจึงยอมเปิดปากของเธอออก ผมรออยู่แล้ว ปลายลิ้นฉกเข้าไปในปาก ควานหาปลายลิ้นของเธอจนสัมผัสกัน ฝ้ายนั่งตัวเกร็งปล่อยให้ผมบรรเลงเพลงลิ้นเข้าใส่เธอ ลมหายใจเธอหอมสดชื่น ยิ่งสร้างความอึดอัดให้ผมมากขึ้นไปอีก ไอ้ข้างล่างของผมไม่ต้องพูดถึง มันตื่นขึ้นมาตั้งแต่หอมแก้มเธอครั้งแรกแล้ว ยิ่งพอได้สัมผัสปลายลิ้นนุ่มของเธอ ยิ่งตื่นมากขึ้นกว่าเดิม ตอนนี้ฝ้ายไม่ได้ห้ามอะไรอีกแล้ว หลับตาพริ้ม เปิดปากรับปลายลิ้นของผมนิ่ง...
ผมจูบไปก็คิดคำนวณเวลาไปด้วย ถ้าผมเอา ถึงแม้จะรีบๆก็เถอะ ต้องใช้เวลาประมาณยี่สิบนาที แล้วไอ้ภายในยี่สิบนาทีนี่จะมีใครมาเคาะประตูหรือเปล่าวะ ไม่น่าจะมีนะ ส่วนที่นอนนั้นไม่ต้องเป็นห่วงเพราะในห้องจะมีกำมะหยี่ซึ่งเขาไว้ใช้ตัดทำ เพลทวางอยู่บนพื้น ตัดปัญหาเรื่องเจ็บหลังไปได้เลย พอคิดคำนวณทุกเรื่องแบบเข้าข้างตัวเองนิดๆเสร็จแล้วก็ไม่ต้องรออะไรอีก ผมลูบไล้ร่างของเธอภายนอกเสื้อผ้าอย่างแผ่วเบาจนทั่ว ฝ้ายใส่เสื้อยืด กางเกงผ้า จนมือผมเลื่อนกลับมาอยู่บริเวณหน้าอกเธอ ฝ้ายเริ่มขยับจะปัดมือผมออก แต่เรื่องอะไรจะยอม มาถึงตรงนี้แล้ว ผมลูบไล้ด้านหน้าและใช้อุ้งมือคลึงสองเต้าของเธอเบาๆ ฝ้ายสะดุ้งจะร้อง แต่ผมยังประกบปิดปากเธออยู่ จากอุ้งมือที่คลึงอยู่ ผมเปลี่ยนมาใช้ทั้งฝ่ามือบีบเคล้นสองเต้าของเธอแผ่วเบา สองเต้าของเธอมีขนาดปานกลาง ไม่ใหญ่ ไม่เล็ก แต่มันสร้างความตื่นเต้นให้ผมได้มากเลย เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ผมข้ามถิ่นมาทำอย่างนี้นอกคณะหรือสถานที่ประจำ ถ้าเจ้าถิ่นรู้ มีหวังผมตายห่าแน่ๆ...
ผมล้วงมือเข้าไปในเสื้อด้านหลังจนพบตะขอยกทรง เหมือนฝ้ายจะรู้ เธอพยายามดิ้นหลบ แต่มือผมสัมผัสกับตะขอจนได้ ขยับปลายนิ้วนิดเดียว ตะขอยกทรงของเธอก็หลุดออกจากกัน ฝ้ายพยายามขยับตัวหนีแต่ผมเลื่อนมือซ้ายโอบร่างของเธอไว้ ส่วนมือขวาขยับย้ายมาด้านหน้า ขยับมืออีกนิดเดียว ฝ่ามือของผมก็เข้าไปสัมผัสกับเต้าเนื้อแท้ๆภายในยกทรงที่ถูกดันขึ้นไปด้านบน ฝ้ายสะดุ้งเฮือกไปทั้งตัว จะดันมือผมออก แต่ตอนนั้นผมโอนสัญชาติเป็นตุ๊กแกเรียบร้อยแล้ว พอมือเกาะบนเต้าของเธอก็กดแนบแน่นอยู่ตรงนั้นพลางบีบเคล้นเบาๆ เธอแอ่นตัวตามแรงเคล้นคลึงของผมอย่างเป็นจังหวะ ผมคลึงอยู่อย่างนั้นและรู้สึกว่าแรงต่อต้านค่อยๆลดลง อยากจะเล่นอย่างนี้ไปนานๆ แต่ไอ้ที่อยู่ข้างล่างมันคอยกระตุกเตือนอยู่ว่าทนไม่ไหวแล้ว และเวลาก็มีไม่มากด้วย...
ผมค่อยๆช้อนร่างเธอขึ้นมาแล้วไปวางบนกำมะหยี่ทั้งที่ปากยังประกบอยู่เช่น นั้น พอวางลง ฝ้ายรีบบอกว่าอย่าทำเธอเลย ผมโกหกเธออย่างแรงที่สุด กับรินหรือน้ำหรือใครๆที่ผ่านมา ผมไม่เคยบอกสาวๆพวกนั้นเลยว่าผมรักพวกเธอ แต่ผมบอกฝ้ายว่าผมรักเธอ จะบอกเพื่อนๆว่าผมไม่ได้รักเธอหรอกนะ แต่ตอนนั้นเหตุการณ์มันพาไป ถ้าไม่พูดอย่างนั้น มันก็ต้องอธิบายเยอะว่าผมทำอย่างนั้นทำไมและเธอก็ต้องไม่ยอมแน่ๆเลย ผมบอกฝ้ายว่าผมรักเธอ ทำทุกอย่างก็เพราะรัก แต่ถ้าฝ้ายไม่รักผม ก็ไม่ต้องยอมก็ได้นะ ผมไม่บังคับใครอยู่แล้ว เธอนิ่งไป ส่วนผมโคตรลุ้นเลยเพราะวางรุกฆาตไปอย่างนี้ ถ้าเธอล้มกระดาน ผมต้องกลับคณะมือเปล่าแน่ๆ แต่รออยู่ก็ไม่เห็นเธอตอบอะไร ผมก็ลองก้มลงไปจูบปากเธอเบาๆ คราวนี้เธอเปิดริมฝีปากรอรับปลายลิ้นของผมเอง ถ้าอย่างนี้ก็ไม่ต้องรอคำตอบแล้ว ผมล้มตัวลงนอนข้างๆ ริมฝีปากยังประกบกันอยู่ มือขวาลูบไล้ร่างของเธออย่างแผ่วเบาจนทั่ว ฝ้ายหลับตานอนนิ่ง ผมค่อยๆล้วงมือเข้าไปในเสื้อเธอและกุมเต้าที่แน่นกระชับเป็นก้อนพลางเคล้น มือเบาๆ เธอบิดตัวไปมา ซักพักเมื่อเห็นว่าถึงเวลาแล้ว ผมจึงค่อยๆขยับตัวถอดเสื้อยืดของเธอออกจากศีรษะและปลดตะขอกางเกงรูดซิปก่อน จะดึงกางเกงผ้าออกจากปลายขาของเธอ ฝ้ายรีบเอาแขนบังส่วนบนและส่วนล่างจากสายตาของผม...
ผมอยากจะใช้เวลาชมความงามของเธอให้มากเหมือนกัน แต่ไม่กล้าเสี่ยงที่จะอ้อยอิ่ง เมื่อเปลื้องชุดของเธอจนเหลือแต่ยกทรงที่ค้างครึ่งๆกลางกับซับในชั้นล่างตัว จิ๋วแล้ว ผมก็รีบขยับตัวถอดชุดของตัวเองออกอย่างรวดเร็วจนไม่เหลืออะไรแม้แต่กางเกงใน เมื่อพร้อมแล้วก็หันกลับไปให้ความสนใจกับร่างที่นอนอยู่ข้างๆ ฝ้ายนอนหลับตาหน้าแดงกล่ำ ผิวของฝ้ายขาวละเอียด มีไรขนบางๆขึ้นตามแขน อยากจะใช้เวลากับเรือนร่างเธอให้นานๆแต่เอาไว้คราวหน้าก็แล้วกัน พอคิดอย่างนั้นแล้วก็ค่อยๆถอดยกทรงที่ยังค้างอยู่บนเนินอกออกจากปลายแขน คนกินดีอยู่ดีนี่มันได้เปรียบจริงๆ เพราะผิวเนื้อภายในมันสะอาดสะอ้านไม่มีรอยอะไรมาทำให้สะดุดตาแม้แต่นิดเดียว โดยเฉพาะสองเต้าของเธอที่ชูชันขึ้นมา ผมมองแล้วก็ยิ้มเพราะปลายยอดของมันแข็งชันขึ้นมาเป็นเม็ด บ่งบอกถึงอารมณ์ของเจ้าของเป็นอย่างดี ผมค่อยๆใช้ปลายลิ้นแตะกับปลายยอดเบาๆ แต่ฝ้ายเด้งตัวขึ้นมารับอย่างแรง ปลายลิ้นสัมผัสยอดเต้าชั่วขณะ ริมฝีปากก็ตามลงไปประกบปลายยอดนั้นไว้และเม้มดูดเบาๆ เสียงครางของฝ้ายยิ่งทำให้ผมอึดอัดมากยิ่งขึ้น มือป่ายลงไปด้านล่างจนสัมผัสโหนกเนื้อใต้ซับใน ฝ้ายตะครุบหลังมือผมไว้แน่น แต่พอทำอย่างนั้น ปลายนิ้วก็ขยับลงไปด้านล่างและเกลี่ยขึ้นลงตามรอยแยกกลางลำตัว ฝ้ายเอียงตัวหลบไปมา ระล่ำระลักถามว่าผมทำอะไร ผมเอานิ้วชี้แตะริมฝีปากตัวเองเป็นเชิงว่าไม่ต้องถาม มือขวายังคงขยับปลายนิ้วไปมาอยู่ตามรอยแยกนั้น ซักพักก็รู้สึกว่าปลายนิ้วเริ่มมีอาการเปียกชื้นจากบริเวณที่เขี่ยไปมาอยู่ ได้ยินเสียงฝ้ายร้องเบาๆว่าพอแล้ว พอแล้ว แต่ใครจะไปยอมหยุดวะ ผมค่อยๆดึงซับในตัวสุดท้ายออกจนหลุดจากปลายเท้าของเธอ...
ผมว่าเธออาจจะเป็นลูกพี่ลูกน้องกับรินก็ได้ เพราะเนินเนื้อของเธอที่เห็น มันดำสนิทแทบจะมองหาพื้นที่ที่เป็นเนื้อไม่เจอเลย ฝ้ายจะเอียงตัวหนี แต่ผมรีบยึดร่างเธอนอนหงายไว้และก้มลงไปแนบใบหน้ากับเส้นไหมดำของเธอ คราวนี้ฝ้ายสะดุ้งเฮือกทั้งตัว พยายามจะดึงศีรษะผมออก แต่บอกแล้วไงว่าผมแปลงร่างเป็นตุ๊กแกแล้ว แกะไม่ออกหรอก แนบใบหน้ากับเนินเนื้อแล้วใช้ริมฝีปากเม้มดึงเส้นไหมแผ่วเบา ฝ้ายร้องครางเหมือนจะตายตอนนั้น ผมเล่นอยู่บนเนินซักพักก็ค่อยๆเลื่อนใบหน้าลงไปด้านล่าง รู้สึกว่าขาของเธอจะสั่นไปหมด จนใบหน้าแนบกับรอยแยกกลางลำตัวและฉกปลายลิ้นเข้าไปในร่อง ฝ้ายเด้งเอวขึ้นรับ ได้ยินเธอครางสะอื้นเบาๆ ผมก้มหน้าก้มตาตวัดปลายลิ้นเข้าใส่ร่องของเธอจากช้าจนเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนรู้สึกว่าเธอคงพร้อมทุกอย่างแล้วเพราะหยาดน้ำในร่องของเธอมันเอ่อซึมออกมา จนเปียกโชกไปทั่วทั้งร่อง ผมค่อยๆเลื่อนใบหน้าขึ้นมาตามร่างของเธอและมาหยุดอยู่บนสองเต้านั้นอีกครั้ง เพื่อให้เธออยู่ในสภาพพร้อมที่สุด จากนั้นจึงค่อยๆแทรกตัวเข้าไปอยู่ในหว่างขาของเธอ ใช้หัวเข่าแยกต้นขาเธอออกจนกว้างโดยที่ยังนอนทับอยู่บนร่างเธออย่างนั้น เอื้อมมือไปจับท่อนเนื้อมาจ่ออยู่หน้าร่องรอยแยกแล้วขยับเขี่ยขึ้นลงตามรอย แยก ฝ้ายหลับตาร้องครางเบาๆ ริมฝีปากผมยังประกบแนบแน่นกับสองเต้าสลับไปมา จนเห็นว่าถึงเวลาแล้วจึงค่อยๆจับท่อนเนื้อดันเข้าไปในร่างเธอช้าๆ ฝ้ายสะดุ้งทั้งตัว พยายามผลักร่างผมออก แต่ผมนอนคร่อมร่างเธออยู่ ใครจะไปยอมเลิก จนรู้สึกว่าส่วนหัวมันเข้าไปในร่องแล้ว ตอนนี้ฝ้ายนอนหลับตานิ่ง เกร็งไปทั้งตัว ผมก็ไม่ว่าอะไร เกร็งได้ไม่นานหรอก เดี๋ยวก็ต้องผ่อน แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ซักพักก็รู้สึกว่าร่างเธอคลายจากอาการเกร็ง คงเป็นเพราะผมยังละเลงปลายลิ้นอยู่บนเต้าของเธอมั๊ง...
พอรู้สึกว่าเธอคลายจากอาการเกร็งแล้ว ผมก็ค่อยๆดันเข้าไปในร่างเธอต่อทีละนิด รู้สึกว่ามันเข้าไปได้ยากเหลือเกิน จนกระทั่งเฮือกสุดท้าย ผมตัดใจกดร่างลงบนตัวเธอ ดันท่อนเนื้อที่เหลือเข้าไปจนสุด ฝ้ายร้องโอ้ย บีบแขนผมแน่นจนเจ็บ ผมปล่อยให้เธออยู่ในสภาพอย่างนั้นซักพัก ตอนนี้ฝ้ายไม่ได้หน้าแดงแล้ว แต่หน้าซีดจนขาวไปหมด ผมก็สงสารนะ แต่ไหนๆก็มาถึงนี่แล้ว ทำให้มันเสร็จๆไปก็แล้วกัน คิดอย่างนั้นแล้วก็เริ่มขยับตัวบนร่างของเธอทันที เธอขยับตัวตามแรงโยกของผม คงเพราะยังแน่นอยู่ ซักพักก็รู้สึกว่าร่องของเธอเริ่มคล่องขึ้น ผมเริ่มขยับตัวได้เร็วขึ้น ฝ้ายนอนอยู่ข้างล่างจับแขนผมไว้แน่น กำลังโยกตัวอยู่ดีๆก็รู้สึกว่าเธอเกร็งตัววูบขึ้นมา ร่องข้างล่างบีบรัดท่อนเนื้อผมจนแน่น ซักพักก็กระตุกไปทั้งร่าง ผมอมยิ้มในใจเพราะรู้ว่าเธอถึงจุดสุดยอดไปแล้ว ไม่อยากเสียเวลาแล้วล่ะ ผมเร่งจังหวะโยกทันที แต่ขยับไม่ได้มากนักหรอกเพราะรอยแยกนั้นมันแน่นจนขยับตัวไม่ได้มากนัก โยกได้อีกไม่กี่ทีผมก็ไม่ไหวแล้ว กัดฟันโยกอีกครั้งก่อนจะกดร่างบนตัวของเธอและฉีดน้ำเข้าไปในรอยแยกกลางลำตัว เธอเป็นจังหวะ ฝ้ายกระตุกร่างรับ กอดร่างผมไว้แน่น ผมก็กอดเธอไว้จนแน่นจนหยาดน้ำในร่างปลดปล่อยเข้าไปในตัวเธอจนหมดแล้วจึงแยก ตัวมานอนข้างๆเธอ...
อยากจะบอกเพื่อนๆว่าเรื่องของฝ้าย ที่จริงมันใช้เวลาแค่ประมาณสิบห้านาทีเอง แต่ผมรู้สึกว่าผมบรรยายจนมันเกินเวลาไปกว่านั้น เพราะเวลาทำจริงๆ มันรวบรัดกว่าการบรรยายเป็นตัวหนังสือเยอะเลย ก็ทนๆอ่านหน่อยก็แล้วกันนะ...
วันนั้นเรามีอะไรกันสองครั้ง ครั้งที่สองเกิดขึ้นหลังจากที่ผมต้องนั่งคุยนั่งปลอบเธอตั้งนาน ฝ้ายร้องไห้ไม่หยุดเลย พูดแต่ว่าได้เธอแล้ว อย่าทิ้งเธอไปไหน ผมไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี ก็เออออตามเธอไปจนเธอเริ่มมีอาการดีขึ้น ซักพักนึงเราก็ต่อครั้งที่สองกัน พอเสร็จแล้วตอนจะกลับบ้าน ผมต้องเอากำมะหยี่ผืนนั้นไปทิ้งเพราะมันเลอะคราบน้ำทั้งของเธอและของผมจน เสียหมดเลย...
ตั้งแต่วันนั้นมา ผมไม่ค่อยได้ไปที่นั่นอีก ถ้าไปแล้วต้องเจอฝ้าย ผมจะเลือกเวลาที่มีคนอยู่ด้วยเยอะๆ ไม่เปิดโอกาสให้เธอได้พูดอะไรมากนักเพราะบอกตรงๆว่าผมไม่อยากฟัง เรื่องของผมในคณะก็เยอะพออยู่แล้ว ไหนจะเรื่องเรียนอีกล่ะ จนหลังๆ ผมก็ไม่ได้ไปที่นั่นอีกเลย ก็มีบ้างที่เพื่อนผมมาบอกว่าฝ้ายฝากถามมาว่าเมื่อไหร่จะไปที่นั่นอีก ผมก็ไม่เคยฝากคำตอบไปกับเพื่อนเลย...
เรื่องของฝ้ายค่อนข้างรวบรัดเพราะเขียนไปเขียนมา มันหลายหน้าแล้ว ก็จะบอกแค่ว่าช่วงปีสี่ผมต้องเรียนหนักมากๆ ต้องทำรายงานเพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่ผมไว้ใช้ต่อรองกับอาจารย์ในการขอเกรด คนอื่นๆที่อยู่ท้ายๆก็เป็นเหมือนผมทั้งนั้น พอใกล้สอบก็ต้องอ่านหนังสือเอาเป็นเอาตายเลยเพราะทุกคะแนนในการสอบ มีค่าสำหรับผมทั้งนั้น ยิ่งสองเดือนสุดท้ายนี่ผมงดกิจกรรมทุกชนิดรวมทั้งกิจกรรมบนเตียงด้วย ส่วนน้ำก็ยังเป็นน้ำ ขนาดไม่พูดกัน เธอก็ยังมาคอยดูว่าผมทำงานเสร็จแล้วหรือยัง ผมยังนึกถึงทุกวันนี้เลยว่าทำไมตอนนั้นผมไม่บอกรักเธอวะ เพราะว่าจนวันสุดท้ายของการสอบ เธอก็ยังดีเสมอต้นเสมอปลายอยู่เลย พอออกจากห้องสอบ ผมก็ไม่สนใจแล้วล่ะ ตกหรือผ่านก็ช่างหัวมัน หมดหน้าที่ผมแล้ว...
จบปีสี่แล้ว หมดเรื่องเล่าให้ เพื่อนๆฟังแล้ว ผมก็เรียนจบตามปกติเพียงแต่หืดขึ้นคอนิดหน่อยเท่านั้น พอคิดย้อนกลับไปแล้วก็อยากกลับไปเรียนใหม่เหมือนกันนะเพราะชีวิตช่วงนั้น สนุกที่สุดเลย แต่วันที่รู้สึกแย่ที่สุดคือวันที่คณะจัดบายศรีซีเนียร์ สาขาของเราจัดแยกต่างหาก ใครที่เคยผ่านมาแล้วคงพอจะจำภาพได้ วันนั้นไม่ได้หัวเราะเลยนะเพราะเรารู้ว่าไม่มีวันรุ่งขึ้นสำหรับเราในคณะอีก แล้ว จำได้ว่านังจุ๋มมาทำตาแดงๆบอกว่าผมอย่าหายหัวไปเลยนะ ว่างๆให้กลับมาสาขาบ้าง ส่วนน้ำนี่ร้องไห้ทั้งวันจนตาบวมเลย ทำไมผมจะไม่รู้ว่าน้ำร้องไห้เพราะอะไร ที่ผ่านมาเราอาจจะไม่คุยกัน แต่เราก็ยังได้เห็นหน้า ได้ทำงานร่วมกัน ก็ไม่เป็นไร ฟ้าไม่ได้กำหนดให้เรามาคู่กันแค่นั้นเอง ตอนกลางคืน น้องๆเค้าจุดเทียนในห้องประชุมแล้วร้องเพลงของสาขา จะบอกเพื่อนๆว่านึกถึงตอนนั้นเมื่อไหร่ก็ยังได้ยินเพลงของสาขาแว่วอยู่ เลย...
จบแล้วครับ...

pinmonkey


samrong

ทำไมใจร้ายกับผู้หญิงอย่างนี้ โดยเฉพาะ เคเคกับฝ้าย
								

myidol

เหี้ยนะครับ ฟันไปทั่ว ผู้หญิงดีๆเสียหมด อ่านแล้วขึ้นมาก ขี้เย็ดแบบหลอกเย็ดนี่มันโคตรเลวอ่ะ

artbicon

จบแล้ว แต่รู้สึกว่า ไรท์ ออกไปทางฟันแล้วทิ้งนะนี่ แต่ก็ต้องขอบคุณที่เอาเรื่องราวมาเล่าให้อ่านกัน

forxonly8

มาสไตล์ฟันแล้วทิ้ง เปลี่ยนวนไปเรื่อยๆ