ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

ว่าด้วยภาษี

เริ่มโดย kochakan, เมษายน 13, 2010, 08:27:34 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

kochakan

ประเทศที่เก็บภาษีมากที่สุดและน้อยที่สุด

หลาย ท่านอาจได้ฟังมาว่า ประเทศนั้นประเทศนี้เก็บภาษีจากประชาชนของเขาค่อนข้างมาก หรือมีเพื่อนฝรั่งมาบ่นให้ฟังว่า ประเทศของเขาเก็บภาษีมากเหลือเกิน จึงอยากมาทำมาหากินในประเทศไทย คนไทยจำนวนไม่น้อยบอกว่า ไม่เห็นต้องเสียภาษีเลย ซึ่งน่าจะเป็นเพราะว่า พวกเขาอาจมีรายได้บุคคลไม่ถึงจุดที่ต้องเสียภาษี แต่เขาไม่รู้หรอกว่า พวกเขาเสียภาษีทางอ้อมโดยไม่รู้ตัวจากการซื้อสินค้าต่างๆ ที่ถูกเก็บภาษีแว็ตร้อยละ 7 ไปเรียบร้อยแล้ว วันนี้ เราจะมาสำรวจว่า ประเทศไหนที่เก็บภาษีจากประชาชนมากที่สุด และประเทศไหนเก็บภาษีน้อยที่สุด

จากผลการสำรวจของนิตยสาร ฟอร์บส์ ใน 66 ประเทศทั่วโลกว่าประเทศใดบ้างที่เก็บภาษีมากที่สุด และประเทศใดที่บ้างที่เก็บภาษีน้อยที่สุด ซึ่งได้ทำมาตั้งแต่ปี 2543 สำหรับปี 2551 พบว่า ประเทศที่เก็บภาษีมากที่สุดในโลกจนประชาชนหน้าเขียวหน้าเหลืองไปตาม ๆ กัน 10 อันดับแรก คือ ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งได้แชมป์นี้สองปีซ้อน อันดับสองคือ เนเธอแลนด์ หรือ ฮอลแลนด์ ขยับจากอันดับที่ 17 จากปีที่แล้ว อันดับสามคือ เบลเยี่ยมซึ่งรักษาอันดับเดิมของปีที่แล้ว เพราะประชาชนมีรายได้ดีขึ้น และมีสวัสดิการสังคมดีขึ้น ส่วนอันดับสี่ คือ สวีเดน รักษาอันดับสี่มาสี่ปีติดต่อกัน อันดับ 5 คือ จีน ภาษีเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 30 เพราะเศรษฐกิจดีขึ้น อันดับ6 คือ ออสเตรีย ต่อมาคือ อิตาลี อาร์เจนตินา ฟินแลนด์ และ ฮังการี

อังกฤษซึ่งได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่เก็บภาษีหฤโหด ที่สุดประเทศหนึ่ง ถูกจัดไว้ในลำดับที่ 26 ที่น่าสังเกตคือ สหรัฐ กลายเป็นเวลาสหรัฐเป็นประเทศที่เก็บภาษีน้อยที่สุดอันดับที่ 18 ในอัตราเฉลี่ย แต่นครนิวยอร์คนั้น เก็บภาษีสูงที่สุดเป็นอันดับที่ 21 ของโลก แสดงว่า ฝรั่งเศสและประเทศอื่น 10 อันดับแรกที่เก็บภาษีมากที่สุด คงเก็บภาษีทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้า

ภาษีที่รัฐบาลเก็บจากประชาชนมีทั้งภาษีรายได้ บริษัท ภาษีส่วนบุคคล และภาษีสังคม เป็นที่น่าสังเกตว่า ประเทศยุโรปที่เก็บภาษีแพงต่างมีสวัสดิการตอบแทนสังคมอย่างที่ประชาชนพอใจ โดยให้สวัสดิการตั้งแต่เกิด เข้าเรียนหนังสือ ทำงาน เกษียรอายุ คุ้มกับภาษีที่ประชาชนต้องจ่ายให้รัฐ

ส่วนประเทศที่เก็บภาษีน้อยที่สุด 10 อันดับนับจากล่างขึ้นมา คือ คือ กาตาร์(66) เพราะรายได้ของบริษัทลดต่ำลงในปีที่ผ่านมา อันดับ 2 คือ สหรัฐอาหรับเอมิเรต หรือ ยู.เอ.อี. (65) สองประเทศนี้ร่ำรวยน้ำมัน รัฐมีรายได้มหาศาลจากการขายน้ำมัน จึงไม่จำเป็นต้องเก็บภาษีจากประชาชนมากนัก ซ้ำยังให้สวัสดิการแก่ประชาชนอย่างน่าพอใจ อันดับ 3 คือ ฮ่องกง (64) ซึ่งเก็บภาษีน้อย เพื่อให้ธุรกิจมีการแข่งขันสูง อันดับ 4 จอร์เจีย (63) รักษาอันดับปีที่แล้ว อันดับ 5 คือ มอลต้า ซึ่งใช้วิธีคืนภาษี อันดับ 6 คือ มาเซโดเนีย แห่งแหลมบอลข่าน ส่วน ไซปรัส บัลกาเรีย ปากีสถาน และคาซัคสถาน อยู่อันดับ 7-10

สำหรับประเทศในเอเชียแปซิฟิคนั้น ถือว่าอยู่ในระดับใช้ได้ กล่าวคือ รัฐบาลไม่เก็บภาษีหฤโหดเกินไป ซ้ำยังอยู่ในระดับที่เก็บภาษีค่อนข้างต่ำด้วยซ้ำ ฮ่องกงและสิงคโปร์ซึ่งถือว่าเป็นดาวเด่นของภูมิภาค ยังเก็บภาษีน้อยเพื่อให้ธุรกิจมีการแข่งขันสูง และดึงนักลงทุนต่างประเทศเข้ามา แต่อินเดียและญี่ปุ่นเก็บภาษีรายได้บริษัทสูงเป็นอันดับสองและสามของโลก บางประเทศ กำหนดเพดานสำหรับภาษีสังคม บางประเทศกำลังจะยกเลิกภาษีประเภทนี้

ประเทศในเอเชียที่รัฐบาลเก็บภาษีมากน้อยตามลำดับ นอกเหนือจากจีนซึ่งอยู่ในอันดับ 5 แล้ว รองลงมาคือ ญี่ปุ่น (16) เกาหลีใต้ (36) เวียดนาม (39) อินเดีย (46) อินโดนีเซีย (47) มาเลเซีย (48) ฟิลิปปินส์ (50) ไต้หวัน (53) สิงคโปร์ (54) ปากีสถาน (58) ฮ่องกง (64)

แม้ในรายงานไม่ได้บอกว่า บรูไนอยู่ในลำดับที่เท่าไรจาก 66 ประเทศที่มีการสำรวจ แต่เป็นที่รู้กันดีว่า บรูไนซึ่งเป็นประเทศที่ร่ำรวยจากการขายน้ำมัน เก็บภาษีจากประชาชนน้อยมาก แต่รัฐบาลได้จัดสวัสดิการอย่างดียิ่งให้กับประชาชนของตนซึ่งมีจำนวนไม่กี่ แสนคน คล้ายกับประเทศในตะวันออกลางที่ร่ำรวยน้ำมันมักเก็บภาษีน้อยแต่จัดสวัสดิการ ให้ประชาชนมากกว่า

หลายคนคงอยากรู้ว่า ไทยอยู่อันดับที่เท่าไร ปรากฎว่า ไทยเป็นประเทศที่เก็บภาษีน้อยที่สุดอันดับที่ 11 จากจำนวนทั้งหมด 66 ประเทศ หรืออยู่ในลำดับที่ 55 แม้ว่าทางการไทยเก็บภาษีน้อยมากแล้ว แต่มีคนไทยบางคนที่รวยมากและอยู่ในกลุ่ม 20% แรกของกลุ่มที่ร่ำรวยที่สุดยังพยายามหลีกเลี่ยงภาษีอยู่ตลอดเวลา บางคนอ้างว่า ตนเองจ่ายภาษีให้กับรัฐมากที่สุดในประเทศ แต่เขาไม่ยอมเปิดเผยว่า ภาษีที่ประเทศควรจะได้จากเขาและที่เขาหลบหลีกไม่ยอมจ่ายอีกเท่าไร คนพวกนี้ต้องถูกส่งไปอยู่ในฝรั่งเศส จะได้โดนเก็บภาษีทุกอย่างและหลีกเลี่ยงไม่ได้ด้วย เมื่อนั้น เขาจะรู้สึกว่าเมืองไทยนี้ดีที่สุด

คนไทยบางคนที่สถาปนาตนเองว่า เป็นที่ปรึกษาด้านการเงิน ให้กับคนรวย และบริษัทร้านค้าทั้งไทยและต่างประเทศนั้น แต่โดยแท้จริงแล้ว เขาคือผู้แนะนำวิธีการให้คนรวยทั้งหลายหลีกเลี่ยงภาษีให้รัฐนั่นเองโดยหา ช่องโหว่ทางกฎหมาย คนประเภทนี้ถือว่าเป็นคนเลวของสังคมเช่นเดียวกับคนรวยที่หลีกเลี่ยงภาษีนั่น เอง สังคมควรตราหน้าและไม่คบค้าสมาคมด้วย



ขอบคุณ แหล่งที่มา http://www.the-thainews.com/analized/inter/int200551_3.htm