ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

เล่ห์สวาทเพลิงราคะ 9 (Copy)

เริ่มโดย bananaa, เมษายน 24, 2010, 11:24:34 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

bananaa

ว่างเว้นภารกิจก็มาต่อกันครับ
ความเดิมตอนที่แล้ว
เล่ห์สวาทเพลิงราคะ 1 http://xonly.net/main/thread-73194-1-5.html
เล่ห์สวาทเพลิงราคะ 2 http://xonly.net/main/thread-73467-1-4.html
เล่ห์สวาทเพลิงราคะ 3 http://xonly.net/main/thread-74734-1-1.html
เล่ห์สวาทเพลิงราคะ 4 http://xonly.net/main/thread-75011-1-1.html
เล่ห์สวาทเพลิงราคะ 5 http://xonly.net/main/thread-75218-1-2.html
เล่ห์สวาทเพลิงราคะ 6 http://xonly.net/main/thread-75683-1-1.html
เล่ห์สวาทเพลิงราคะ 7 http://xonly.net/main/thread-75684-1-1.html
เล่ห์สวาทเพลิงราคะ 8 http://xonly.net/main/thread-75690-1-5.html
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เสียงหวานใสนั้นเอ่ยขอโทษ พร้อมๆ กับหน้าที่ก้มเดินงุดๆ เงยขึ้นไป แล้วก็ต้องชะงักค้างราวกับต้องมนต์สะกดจากใบหน้าคร้ามคมที่มีเครารกหน้าและดวงตามีประกายแปลกคู่นั้นที่จ้องมองลงมายังเธอ จนใบหน้าของเด็กสาวร้อนวูบ แก้มใสเป็นพวงอิ่มนั้นปรากฏสีระเรื่อขึ้นงามจับตาคนที่ก้มลงมอง อาการแข็งตะลึงลานนั้นราวกับจะเนิ่นนานไปจนไม่มีที่สิ้นสุด ถ้าหากว่าไม่มีเสียงปนหัวเราะดังขึ้นมาจากริมฝีปากที่ถูกปกคลุมด้วยหนวดเครา

"นี่หนู....ผู้ปกครองเขาทราบไหมว่า...ไม่ควรให้เด็กเล็กๆ มาในร้านแบบนี้น่ะ..."

ความรู้สึกซ่านๆ ประหลาดที่จับใจอยู่เมื่อครู่สลายวับไปกับคำพูดที่ได้ยิน หลงเหลืออยู่เพียงความรู้สึกขัดเขิน เสียหน้า เสียความรู้สึกมั่นใจในตัวเองที่มีเสมอมา และที่สำคัญความรู้สึกที่ถูกคำพูดยั่วเย้านั้นรื้อฟื้นปมด้อยที่เด็กสาวร่างเล็กนี้เก็บมาเป็นเรื่องใหญ่สำหรับตัวเองเสมอก็คือร่างกายที่เล็กบางราวกับยังเป็นเด็กเล็กๆ อยู่ของเธอนั่นเอง เพราะแม้กระทั่งน้องสาวคนสุดท้องที่อายุน้อยกว่าเธอสามปีก็ยังมีความสูงมากกว่าเธอด้วยซ้ำ

ดวงตากลมโตนั้นลุกวาบราวกับแมวน้อยถูกเหยียบหาง ปากเล็กบางขู่ฟ่อ

"นี่..นี่..คุณว่า..ใคร..เป็นเด็ก..."

เสียงแหลมๆ นั้นแสดงให้เห็นว่าอยู่ในวัยสาวสะพรั่ง ต่างจากทีแรกที่เขาคาด หน้าใสๆ ตากลม ผูกผมม้า ตัวเล็กนิดเดียว นึกว่าจะเป็นเด็กอายุสิบห้าสิบหกปี .....เยาว์เกินกว่าจะอยู่ในกลุ่มเป้าหมายของเขา...แต่ตอนนี้...พอมองเต็มๆ แล้วชายหนุ่มรู้สึกสนุก จนอยากจะบิดปลายจมูกรั้นๆ งอนๆ แหลมๆ นั้นนักเชียว

ร่างสูงใหญ่นั้นกระเพื่อมด้วยความรู้สึกขันในท่าทีของสาวน้อยร่างบางตรงหน้า ก่อนผงกศีรษะให้ยิ้มๆ เป็นเชิงขอโทษ แต่ก็ไม่กล่าวตอบคำถามที่แสดงอาการรวนหาเรื่องเต็มที่นั้นแต่อย่างใด แล้วหลีกทางให้เธอก้าวเข้าไปในร้าน ส่วนตัวเขานั้นเดินสวนออกไปโดยไม่ได้เหลียวหน้ากลับมา ทิ้งไว้แต่เพียงเสียงหัวเราะที่เด็กสาวได้ยินแล้วรู้สึกมันเขี้ยว อยากจะตามไปข่วนให้ลายพร้อยทั้งตัว...ฮึ....อีตาบ้า...หน้าอย่างกับโจรห้าร้อย

ใบหน้างามนั้นยังหันกลับไปมองแผ่นหลังอันหนาบึกบึน ดวงตากลมนั้นเขม้นมองอย่างดุดัน ก่อนที่ในที่สุดจะหันตัวกลับเดินป่องๆ เข้าไปในร้าน

เจ้าของร้านผู้ที่มีใบหน้าขาวบ่งบอกความเป็นคนอารมณ์ดี สวมแว่นตา เงยหน้าขึ้นก็ยิ้มทักทายผู้ที่เข้ามาใหม่

"อ้าว..นุช..แหมทำไมทำหน้าหงิกมาอย่างนั้นล่ะ...."

ใบหน้างอๆ นั้นบ่งบอกอารมณ์ได้ดีจนเจ้าของร้านทักทายด้วยอาการที่แสดงว่ามีความสนิทสนมกันไม่น้อย

อรนุชค้อนคนร่างใหญ่ที่เดินหายไปนานแล้วจนตาคว่ำ ก่อนจะเปรยๆ กระฟัดกระเฟียด แบบหงุดหงิดหัวเสียแต่หาที่ลงไม่ได้ เลยมาลงกับเจ้าของร้านผู้สูงวัยกว่า

"นุชไม่ยักรู้ว่า ร้านพี่ทินนี่ขายของให้กับโจรห้าร้อยด้วย ระวังนะคะเดี๋ยวจะหาว่านุชไม่เตือน ถ้าเผื่อโจรมันเอาไปก่อคดี...พี่ทินก็ติดร่างแหไปด้วย..."

ทินกรเจ้าของร้านขายอาวุธและเครื่องกระสุนปืน ทำหน้าเหรอหรา รีบโบกมือ

"เดี๋ยว...เดี๋ยว...นี่นุชไปเอาข่าวมาจากไหนว่าพี่ขายของให้โจร..."

เด็กสาวแสนสวยกล่าวด้วยใบหน้าที่ยังบึ้งไม่คลาย จมูกเชิดรั้น กล่าวว่า

"ก็นาย..นาย..โจร...ที่เพิ่งสวนกับนุชไปไงคะ"

เจ้าของร้านงงๆ ก่อนจะระเบิดหัวเราะออกมาเสียงดัง ก่อนจะพูดพลางหัวเราะพลางถามว่า

"นายสิงห์น่ะหรือ....ฮะ..ฮะ...ทำไมนุชไปว่ามันเป็นโจรล่ะ..."

อ๋อ ชื่อสิงห์หรือ ฮึ สมแล้ว หน้าโจร ก็ต้องชื่อเหมือนโจร โจรใจสิงห์...เชอะ...

เด็กสาวครุ่นคิดอย่างโกรธา กล่าวสะบัด

"ไม่รู้ค่ะ ก็เห็นหน้าเหมือนโจรห้าร้อยอย่างนั้น..."

ทินกรหัวเราะก๊าก จนหน้าแดง น้ำตาไหล

"ไอ้คนที่นุชว่าหน้าเหมือนโจรน่ะ มันเป็นหนุ่มเนื้อหอม มีสาวๆ รุมชอบกันตรึมเชียวนะ"

อรนุชเบะปาก ...หน้าตาอย่างกับหมีป่าอย่างนั้นเหรอะ มีผู้หญิงมาชอบ...แหว่ะ...อยากจะอ้วก

เจ้าของร้านเดินไปหยิบกล่องกระสุนที่รู้ขนาดดีว่าลูกค้าสาวน้อยนี้ต้องการเบอร์อะไร ปากถามเรื่อยๆ

"คราวนี้จะเอากี่กล่องล่ะ...สองเหมือนเคย?"

เด็กสาวยิ้มใส ลืมเรื่องขุ่นหมองไปชั่วขณะ ซึ่งพอขจัดความเง้างอนออกไปจากวงหน้า ใบหน้าอ่อนเยาว์นั้นกระจ่างสวยจับตานัก

"สี่กล่องค่ะ...ซัมเมอร์แล้วมีเรียนไม่กี่ตัว เวลาว่างขึ้นเยอะ...นุชเตรียมตัวกะจะยิงให้ฉ่ำมือเลยเชียว...พี่อรก็ไม่อยู่ด้วย....ไม่มีก้างขวางคอ...คิกคิก"

เสียงแจ้วๆ ดังกระตือรือร้น เจ้าของร้านหัวเราะเบาๆ อย่างอารมณ์ดี หยิบกล่องกระสุนปืนหัวตัด .38 มม. ออกมาสี่กล่องจากชั้นเก็บ และพูดเรื่อยๆ เหมือนไม่ได้ตั้งใจ

"พูดถึงนายสิงห์ หมอนั่นมือแม่นอย่างกับจับวาง..."

ชื่อสิงห์ที่ได้ยินกระตุ้นต่อมจี๊ดของเด็กสาวให้พลุ่งขึ้นมาอีกครั้ง จนตาสวยนั้นขวาง

แหว่ะ แม่นหรือไม่แม่น นุชไม่เห็นอยากจะสนใจ

ในใจบอกกับตัวเองอย่างนั้น แต่ปากงามกลับเอ่ยถามราวกับว่าไม่ได้สนใจอะไรเป็นพิเศษ

"นายโจร..เอ๊ย..นายสิงห์..เขามีอาชีพอะไรคะ..ใช่เป็นมือปืนรับจ้างหรือเปล่า..หน้าให้ออก..คิกคิก"

ประโยคหลัง เด็กสาวพูดพลางหัวเราะอย่างสมใจที่ได้แขวะคนที่ไม่มีโอกาสได้ยิน ทินกรตาลุกโพลงอยู่ภายใต้กรอบแว่นสายตาสั้นของตนเอง

"บ๊ะ ยายนุชนี่ปากร้ายเหลือ...นายสิงห์..ชื่อจริงเขาชื่อคมศร...คนนี้นี่เขาเป็นพ่อค้าป่าไม้คนดังของภาคเหนือเชียวนะ...ทำเป็นพูดเล่นไปได้"

เด็กสาวสวยที่จ่ายเงินค่ากล่องกระสุนเสร็จ ก็สปริงตัวขึ้นจากเก้าอี้อย่างคล่องแคล่ว ทำหน้าแบบไม่สนใจอะไร กล่าวลอยๆ

"เชอะ...พ่อค้าป่า...ก็พวกลักลอบตัดไม้ล่ะสิ...มิน่า..."

ว่าแล้วก็พนมมือยิ้มไหว้อย่างน่ารักให้กับเจ้าของร้านอาวุธ ก่อนจะโบกมือลา

"ไม่เอาล่ะ ขี้เกียจพูดถึง..นาย..สิงห์นั่นแล้ว...นุชไปล่ะค่ะ...ป่านนี้ยายษารอเงกในรถแล้ว"

"อ้าว ทำไมไม่พาเข้ามาด้วยล่ะ พี่จะได้ถามไถ่หน่อย ได้ข่าวมาว่าเพิ่งออกจากโรงพยาบาลไม่ใช่หรือ..ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง"

ทินกรกล่าวถาม อรนุชยิ้มกว้างสดใส

"ไม่เป็นไรแล้วค่ะ แล้วนุชจะบอกยายษาให้ว่าพี่ทินฝากความเป็นห่วง"

จากนั้นก็โบกมือลาเดินออกไปจากร้าน ซึ่งยังไม่ทันจะสิ้นเสียงพวงกระดิ่งที่ดังกรุ๋งกริ๋งตรงประตูยามเปิดปิดดี เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ทินกรยกหูรับพอได้ยินเสียงอีกด้านก็กล่าวว่า

"อ้าว...สิงห์..มีอะไร...จะสั่งอะไรเพิ่มหรือ..."

"ไม่มีอะไรหรอก แค่อยากจะถามอะไรหน่อย....แม่สาวน้อยที่เพิ่งออกจากร้านของแกคือใครวะ"

ใบหน้ายิ้มๆ อารมณ์ดีของเจ้าของร้านนิ่วหน้าลงไปพลัน ถามเสียงเรียบๆ

"ทำไม..แกจะถามไปทำไม..."

เสียงทางปลายสายหัวเราะร่วน

"ก็ไม่ทำไม แค่อยากรู้..ไม่ได้เรอะ..ไอ้ทิน"

ใบหน้าขาวของทินกรมีร่องรอยจริงจัง

"ไอ้สิงห์...เอ็งอย่าไปยุ่งกับยายนุชเลย...แกเป็นเด็กน่ารัก....เป็นเด็กอยู่เลย...."

"อ้อ..ชื่อนุช ชื่อเต็มว่าไรวะ....หึหึ เท่าที่ฉันเห็นน่ะไม่เด็กแล้วโว้ย....ดูดีๆ นมเป็นนม สะโพกเป็นสะโพกแล้ว..คนที่ฉันรู้จักวัยนี้มีลูกเป็นพรวนแล้วก็เยอะแยะหลายอยู่นา..."

เสียงของคมศรดังร่วนมาอย่างสนุก ทินกรกล่าวเสียงเครียด

"ไอ้สิงห์ ..ขอร้องล่ะ ยกมือไหว้เลย...คนนี้ข้าขอได้ไหม...อย่างเอ็งน่ะไม่อดอยากปากแห้งหรอก...เดี๋ยวก็มีคนอื่นให้เลือกถมไป"

น้ำเสียงเจ้าของร้านเริ่มแสดงอารมณ์เดือด แต่ไม่มีผลอะไรกับอีกฝ่ายที่ยังคงสนุกครึกครื้น สายตาของเขาที่นั่งอยู่ในรถที่จอดห่างอยู่ออกไปนั้น จับจ้องไปยังร่างเล็กบางนั้นอย่างไม่วางตา จนแลเห็นอีกฝ่ายหายเข้าไปในรถฮอนด้าสีขาวคันหนึ่ง และขับออกไป

คมศรหัวเราะหึหึ ตอนนั้นกล่าวตัดบท

"เออ..แกไม่ช่วยฉันก็แล้วไป แค่นี้ล่ะนะ...ของที่สั่งจะให้คนลงมาเอา..."

"เดี๋ยว...เดี๋ยว...ไอ้สิงห์...พูดกันให้รู้เรื่องก่อน...อย่าเพิ่งวางสาย...ไอ้สิงห์..."

เสียงเพื่อนรักเอะอะโวยวายมา แต่คมศรไม่สนใจปิดสัญญาณโทรศัพท์มือถือไปพลัน

ดวงตามีประกายเหล็กนั้นคมกล้า..... ชายหนุ่มยักไหล่ ก่อนจะขับรถแยกไปอีกเส้นทางหนึ่ง

ทะเบียนรถฮอนด้าที่เขาจดเอาไว้เรียบร้อยแล้ว.........ชื่อที่เรียกสั้นว่าๆ นุช

แค่ข้อมูลนี้ก็เกินพอสำหรับเขาแล้วในการสืบประวัติของสาวน้อยร่างเล็กแต่ตาโตคนนั้น

.................................

ภายในรถฮอนด้าสีขาวทรงเฉียบที่วิ่งฉิวหลีกการจราจรที่ค่อนข้างหนาแน่นอย่างแคล่วคล่อง คนขับรถสาวน้อยกำลังรับโทรศัพท์จากสายที่เธอพอเห็นเบอร์เรียกก็ต้องทำหันมาทำหน้าเบ้กับเด็กสาวที่นั่งข้างๆ ผู้ซึ่งมีรูปใบหน้ากลมหวาน ดวงตาโตมีประกายนั้นมองออกได้ชัดเจนว่าดูคล้ายๆ กับตัวเธอ ริมฝีปากสีชมพูอ่อนอิ่มเอิบ เป็นสาวน้อยหน้าหวานสดใสที่ดูน่ารักน่าทะนุถนอมราวกับตุ๊กตา

ซึ่งในเวลานั้นเด็กสาวผู้อ่อนวัยกว่ายกมือปิดปากยิ้ม ริมฝีปากที่ได้รูปสวยราวกับกลีบกุหลาบเต่งตึงเผยออกมาแลเห็นไข่มุกเม็ดเล็กๆ ขาวเป็นระเบียบงดงาม

ส่วนเด็กสาวผู้ทำเป็นคนขับรถแม้จะทำหน้าเมื่อย แต่อรนุชก็ต้องกรอกเสียงลงไปอ่อนๆ ว่า

"คะ..พี่ธนา..."

หญิงสาวฟังคำพูดจากปลายสายแล้ว หน้าเมื่อยนั้นยิ่งเมื่อยหนักเข้าไปอีก ก่อนจะลอบผ่อนหายใจช้าๆ ระวังไม่ให้คนทางปลายสายได้ยิน ก่อนจะว่า

"คงไม่ได้ค่ะ นุชมีนัดแล้ว และวันนี้มากับยายษาด้วย ต้องรีบพากลับบ้าน หมอเขาสั่งนักสั่งหนาว่าไม่ให้พาออกมาตากลมนานๆ"

จากนั้นปากบางงามนั้นรีบจีบพูดฉอดๆ เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายแซงพูดขึ้นได้ทัน

"นะคะๆ พี่ธนา...เอาไว้คราวหลังก็แล้วกัน วันนี้นุชไม่ว่างจริงๆ มีการบ้านต้องทำด้วยเยอะแยะเลย...แค่นี้นะคะ...ดูสิ...คุณตำรวจมองตาขวางแล้ว...นุชลืมเอา bluetooth มาด้วยค่ะ...แค่นี้ก่อนนะคะ...สวัสดีค่ะ.."

พูดจบก็ตัดสายปั๊บ ก่อนจะร้อง เฮ้ออ ออกมาดังๆ พึมพำ มุสาอีกแล้วเรา....

อรอุษามองพี่สาวคนรองอย่างนึกขัน แล้วหัวเราะคิก กล่าวยิ้มๆ

"แหม ถ้าพี่นุชไม่อยากให้พี่ธนาตื้อ ทำไมไม่บอกเขาไปตรงๆ ล่ะคะ"

อรนุชเร่งเครื่องรถคันงามปาดซ้ายแซงขวาอย่างสนุกเท้า กล่าวเซ็งๆ

"ถ้าไม่ติดเกรงใจพี่เทพ ป่านนี่พี่ก็พูดไปแล้ว...เฮ้อ...ทำไงได้ล่ะ..."

เด็กสาวร่างบางนึกถึงพี่เขยผู้ใจดี ผู้ซึ่งรักห่วงใยพวกเธอสามพี่น้องอย่างอาทร และก็ต้องยักไหล่งามของตัวเองเมื่อคิดไปถึงชายหนุ่มอีกคน..ธนา...ผู้ซึ่งเป็นน้องชายแท้ๆ ของปานเทพพี่เขยของเธอ พลางว่า

"เอาเถอะ..ไว้สักวัน..พี่จะลองพูดกับพี่ธนาเขาตรงๆ..."

"ว่าแต่น๊า...ษา..สงสัยจริง..พี่ธนาเขามีอะไรไม่ดีพี่นุชถึงไม่เปิดใจให้เขาบ้างเลย...ษารู้สึกสงสารพี่ธนามากค่ะ...หน้าแห้งไปก็หลายครั้งเวลาที่พี่นุชปฏิเสธ..."

อรนุชไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมใจของเธอจึงไม่ได้เปิดใจให้กับชายหนุ่มผู้เป็นน้องชายของพี่เขย ซึ่งเป็นบุคคลที่เพื่อนฝูงต่างพากันมาแสดงความยินดีกับเธอว่าโชคดีแค่ไหนที่มีชายหนุ่มทั้งหล่อทั้งรวยนิสัยดีมาเสนอตัวเป็นแฟน ทั้งๆ ที่ตลอดชีวิตแห่งวัยสาวที่เริ่มตั้งแต่เป็นสาวรุ่นจนกระทั่งโตสะพรั่งเต็มวัยนี้เธอก็ไม่เคยมีใครเป็นพิเศษ แค่คบกันฉันท์เพื่อนทั้งนั้น

ไม่มีใครเลยจริงๆ ที่ทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงเมื่อคบหากัน...ไม่มี..แม้แต่พี่ธนา

ในเวลานั้นใบหน้าคร้ามคมแว่บเข้ามาในห้วงความคิด รอยยิ้มที่ดูเหมือนยั่วเย้าเธออยู่ตลอดเวลา...ประกายตาสีแปลกๆ....แว่บแรกที่เห็น...ทำให้...ทำให้ใจของเธอเต้นแรงอย่างนั้น...

อรนุชใบหน้าร้อนวาบ รู้สึกโกรธตัวเองขึ้นมาครามครัน ก่อนที่จะรีบสลัดความคิดนั้นออกไปจากใจ และเร่งเครื่องรถคันงามมุ่งหน้าไปยังสนามซ้อมยิงปืนที่เป็นงานอดิเรกสุดโปรดปรานของเธอ

...........................

ธนาวางเครื่องโทรศัพท์ลงบนโต๊ะอย่างเซ็งๆ ใบหน้าที่ขาวสะอาดหล่อเหลาของเขามีร่องรอยของความหงุดหงิดผิดหวัง ตั๋วดูละครสองใบตรงหน้าถูกเขวี้ยงทิ้งลงถังขยะที่ข้างโต๊ะทำงานอย่างไม่สนใจไยดีอีกต่อไป ทั้งๆ ที่ราคาหน้าตั๋วนั้นเป็นเงินหลักหลายพันบาท

บุตรชายคนรองของนักธุรกิจใหญ่ทางด้านการเงินที่นั่งอยู่ในห้องทำงานบนตึกระฟ้าอันเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ทางการเงินที่มีชื่อเสียงระดับต้นๆ ของประเทศไทยที่มีเงินหมุนเวียนในการดำเนินงานในแต่ละปีนับหมื่นล้านบาท

ชายหนุ่มที่ตระหนักดีถึงคุณสมบัติอันครบถ้วนของตัวเองไม่ว่าจะพิจารณาจากมุมไหน เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆ ทำไมเด็กสาวร่างเล็กบางคนนั้นจึงใจแข็งกับเขาอยู่ได้ ทั้งๆ ที่ตัวเขาขอให้แค่พยักหน้าครั้งเดียวก็พร้อมที่จะมีผู้หญิงสาวมากมายมาเสนอตัวมาให้เลือก

ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิดใจ จนใบหน้าหล่อนั้นบึ้งตึง จนกระทั่งพี่ชายที่เดินเข้ามาเพื่อจะชวนไปรับประทานอาหารกลางวัน ส่งเสียงทักเคล้าหัวเราะ

"เป็นไง...นายธนา..หน้าหงิกอย่างนี้ ...ก็คงไม่แคล้วเพราะ...ยายนุชอีกแล้วล่ะสิ..."

ธนามองพี่ชายอย่างสุดอิจฉาที่สามารถคว้าเอากุหลาบงามคนโตที่เบ่งบานผลิกลีบใบเต็มที่นั้นมาครองได้ ส่วนตัวเขานั้นสุดแสนจะอึดอัดกับทีท่าของดอกไม้งามคนรองที่ตัวเองเฝ้าพยายามเข้าหามาโดยตลอด แต่ก็ยังไม่เห็นวี่แววว่าเขาจะสามารถพิชิตใจของเด็กสาวให้มาเป็นของเขาได้เลย ทำให้ตอนนั้นชายหนุ่มต้องผ่อนลมหายใจยาวๆ ออกมา ผงกศีรษะยอมรับว่า

"ครับ...ผมรึอุตส่าห์วิ่งเต้นแทบตายกว่าจะหาตั๋ว VIP สองใบที่งานแสดงละครเวทีคืนนี้มาจนได้ แต่น้องนุชกลับปฏิเสธแบบไม่ไยดีเลย..."

ปานเทพหัวเราะเบาๆ ยกมือตบบ่าน้องชายของตัวเอง ปลอบใจ

"เอาน่า ยายนุชน่ะยังเด็กอยู่มาก เขาก็อยากสนุกไปตามประสา แกอย่าไปเร่งรัดอะไรเขาเลย"

"ผมก็ไม่ได้เร่งรัด อะไรนะครับพี่เทพ...แค่จะให้เขายอมไปไหนมาไหนกับผมตามลำพังบ้าง ทั้งๆ ที่พี่อรก็ไม่ได้ขัดขวาง..ซ้ำจะสนับสนุนด้วย...แต่เธอก็ยอมไปกับผมแบบสองต่อสองแทบจะนับครั้งได้..."

ความจริงอรชาที่เกิดปีเดียวกับธนานั้นอายุน้อยเดือนกว่าชายหนุ่มเสียอีก แต่ธนาก็เรียกหญิงสาวพี่สะใภ้ว่าพี่อรอย่างเต็มอกเต็มใจ สาเหตุนึงเป็นเพราะการวางตัวของพี่สะใภ้ในการเป็นผู้ปกครองของหญิงสาวที่เขาพึงใจ และการที่อีกฝ่ายนั้นประสบความสำเร็จในหน้าที่จะกลายเป็นผู้บริหารเบอร์หนึ่งอย่างเต็มภาคภูมิ ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกทั้งนิยมยกย่องและเกรงใจอยู่ในที

"เอาเถอะน่า..ใจเย็นๆ...แกก็เห็นๆ นี่หว่า ยายนุชก็ไม่มีใคร...ยังไงซะ...อย่างที่แกบอก อรเขาเปิดโอกาสกว้างให้กับแกอย่างนี้แล้ว เท่ากับว่าแกน่ะอยู่ในตำแหน่งที่มีเปรียบมากกว่าผู้ชายคนไหนๆ ทั้งหมดนะ.."

ธนามีใบหน้าชื้นใจขึ้นเล็กน้อย ปานเทพยิ้มตบบ่าน้องชายหนักๆ แล้วก็ชวนเดินลงไปรับประทานอาหารกลางวัน

..............................................

"โธ่ น้องนุชจ๋า เห็นใจพี่แต๋วหน่อยเถอะจ้ะ...ตอนนี้พี่ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครแล้วนะคะ"

สตรีวัยกลางคนแต่ยังมีทีท่าทะมัดทะแมง กล่าวน้ำเสียงอ่อนในการกล่าวหว่านล้อมเด็กสาวร่างบางตรงหน้า ที่กำลังนั่งดื่มน้ำส้มอั๊กๆ อย่างกระหาย หลังจากซ้อมยิงปืนซะจนฉ่ำมือ กระสุนสี่กล่องที่เพิ่งได้มาใช้หมดไปครึ่งหนึ่งอย่างรวดเร็ว