ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_err

อุบัติเหตุจริงๆนะ ตอน 2

เริ่มโดย err, พฤษภาคม 26, 2010, 01:59:31 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

err

"ผมให้สัญญาครับ" พีรพงษ์ตอบ เขายกสะโพกสาวควยขึ้นจากรูหีวิภาดาแล้วก็กดพรืดลงไปจนมิดอีกครั้ง วิภาดาสูดปากครางกระเส่าด้วยความเสียวซ่าน ตอนนี้ความอายฝ่ายตรงข้ามได้เลือนหายไปหมดแล้วเพราะในขณะนี้ทั้งคู่เปรียบเสมือนบุคคลเดียวกันไปเรียบร้อย วิภาดายกหัวขึ้นมองลงไปด้านล่าง ภาพที่เธอเห็นคือลำควยอวบอ้วนเป็นมันปลาบด้วยน้ำเงี่ยนของเธอเองขยับเข้าออกหีเธออย่างเป็นจังหวะจะโคน
"อูยย ดาเห็นด้วย เห็นควยพงษ์เข้าหีดา ซี๊ด" วิภาดาสูดปาก
"เสียวมั้ยจ๊ะที่รัก พงษ์เองก็เสียวเหลือเกิน หีดาดูดควยพงษ์ดีเหลือเกิน" พีรพงษ์ชมคนรัก เมื่อเห็นว่าวิภาดากำลังเงี่ยนได้ที่จนไม่รู้สึกเจ็บแล้ว เขาก็เร่งจังหวะกระเด้าขึ้นจนเต้านมวิภาดาสั่นกระเพื่อมตามแรงหนุ่ม กระเด้าแต่ละครั้งเรื่องไม่มิดลำเป็นไม่มี เสียงควยพุ่งเข้าออกรูหีที่เปียกแฉะดังเจ๊าะแจ๊ะ ๆ เพิ่มความกำหนัดแก่พีรพงษ์ที่เพิ่งรู้จักการเย็ดเป็นกำลัง ส่วนวิภาดาเองก็เสียวไม่แพ้กัน ก่อนหน้านี้ที่ถึงสวรรค์ด้วยลิ้นของพีรพงษ์เธอก็ว่าสุขล้ำแล้ว แต่การที่ถูกเย็ดด้วยลำควยของจริงมันดียิ่งกว่าจนเทียบกันไม่ได้ ความตึงแน่นในโพรงหีกับความรู้สึกที่มีลำควยร้อนผ่าววิ่งเข้าออกตัวเธอทำให้เธอเสียวอร่อยจนอยากกรีดร้องออกมา
พีรพงษ์ก้มหน้าลงไปบดปากแลกจูบกับคนรัก วิภาดาในตอนนี้ก็เสียวจนลืมอาย ส่งลิ้นนุ่ม ๆ ออกมาตวัดรัดพันกับลิ้นของพีรพงษ์จนน้ำลายปนเปกันไม่รู้ว่าของใครเป็นของใคร ในระหว่างนั้นสะโพกของทั้งสองก็ขยับเข้าหากันเร็วขึ้นเรื่อย ๆ วิภาดาเรียนรู้โดยธรรมชาติว่าถ้าเธอแอ่นสะโพกขึ้นไปหาเขาในจังหวะที่เขากดควยลงมา มันจะทำให้ควยเข้าไปในหีเธอได้ลึกขึ้นและเพิ่มความเสียวขึ้นอีกเป็นทวีคูณ วิภาดาโอบแขนรัดลำตัวพีรพงษ์ไว้แน่น ตาเธอหลับพริ้มดื่มด่ำกับความสุขเสียวที่คนรักรุ่นน้องมอบให้ สองหนุ่มสาวเหงื่อชุ่มตัวหายใจหอบกระเส่าจากการกระเด้าเย็ดอย่างไม่ลืมหูลืมตา
"อูยย์ ผมจะถึงแล้วนะดา ผมแตกในตัวดาได้มั้ย อาวว์" พีรพงษ์ใกล้ถึงจุดจบ ต้องรีบถอนปากแล้วขอความเห็นจากวิภาดา
"ดา...ดาก็จะเสร็จเหมือนกันค่ะ ได้สิคะพงษ์ ประจำเดือนดาเพิ่งหมดไปอาทิตย์ที่แล้วเอง ซี๊ด โอยย์" วิภาดาส่งเสียงตอบกระท่อนกระแท่น
"ถึง...ถึงแล้ววววว" พีรพงษ์โหย่งตูดกดควยลงไปสุดแรงเป็นครั้งสุดท้ายเมื่อถึงจุดสุดยอด น้ำควยอุ่น ๆ ฉีดพุ่งเข้าโพรงหีสาวคนรักชุดแล้วชุดเล่าจนวิภาดารู้สึกร้อนวูบไปทั่วท้องน้อยและเธอเองก็เสร็จเหมือนกัน
"โอ๊ยยย เสร็จแล้ว..." วิภาดากรีดร้องออกมาโดยไม่อายพร้อมกับยกขาเรียวงามขึ้นรัดรอบก้นพีรพงษ์ช่วยกดให้ควยเขาจมลึกเข้าไปในหีเธอยิ่งขึ้น โพรงหีเธอบีบรัดลำควยเขาเป็นจังหวะเหมือนจะรีดน้ำรักเขาให้หมดตัว
พีรพงษ์ฟุบตัวลงไปกับเนื้อตัวนุ่ม ๆ ของวิภาดา ทั้งคู่หอบหายใจเหนื่อยราวกับวิ่งทางไกล แต่บนใบหน้าทั้งสองกลับประดับด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขที่ได้มอบสิ่งที่หวงแหนให้กันและกัน พีรพงษ์ยกตัวขึ้นแล้วประทับจูบวิภาดาอย่างดูดดื่ม แล้วบอกเธอว่า "ผมรักดาที่สุด ผมจะไม่มีวันทิ้งดา"
"ดาก็เช่นกันค่ะ" วิภาดายิ้มให้เขาแล้วโอบแขนกอดพีรพงษ์แน่น
ทั้งคู่นอนกอดกันต่ออีกราวสิบนาทีก่อนจะลุกขึ้นไปทำความสะอาดตัวในห้องน้ำ วิภาดาต้องรีบกลับบ้านก่อนที่พ่อแม่ของพีรพงษ์จะกลับมา พีรพงษ์จึงออกมาส่งเธอที่หน้าบ้าน
หลังจากวันนั้น ทั้งคู่ก็นัดพบกันและหาความสุขด้วยกันอีกหลายต่อหลายครั้งจนทั้งพีรพงษ์และวิภาดาต่างก็ชำนาญในชั้นเชิงกามมากขึ้น มีการเปลี่ยนท่าทางร่วมรักอย่างหลากหลายยิ่งขึ้น ความรักของทั้งคู่ก็ยิ่งเบ่งบานสดใส จนถึงวันที่พีรพงษ์เรียนจบม.6 เขาบอกพ่อแม่ว่าเขาจะไม่เรียนต่อ แต่จะออกมาหางานทำและแต่งงานกับวิภาดา ทั้งพ่อและแม่เขาคัดค้านหัวชนฝาแม้ว่าเขาจะบอกว่าเขาและวิภาดาได้เสียกันแล้ว พ่อแม่เขาติดต่อพูดคุยกับพ่อแม่ของวิภาดาอย่างเคร่งเครียดแล้วทั้งสองฝ่ายก็เห็นพ้องต้องกันว่าสองหนุ่มสาวนี้ไม่เหมาะสมกัน ทางฝ่ายพ่อแม่ของวิภาดาส่งตัววิภาดาไปเรียนต่อที่ต่างประเทศในทันทีโดยทั้งสองหนุ่มสาวไม่มีโอกาสได้เจอกันอีกเลย
ตั้งแต่วิภาดาจากไป พีรพงษ์ก็เอาแต่นั่งซึมกระทือ ไม่เป็นอันกินอันนอน ใครพูดด้วยก็ไม่พูดด้วยจนพ่อแม่เขาผิดสังเกตุ ต้องไปปรึกษาจิตแพทย์ ซึ่งจิตแพทย์ก็แนะนำว่า เป็นอาการของโรคซึมเศร้า ควรเปลี่ยนบรรยากาศไม่ให้อยู่ที่เดิมซึ่งจะทำให้คิดมาก พ่อแม่พีรพงษ์จึงส่งเขาเข้ามาทำงานในกรุงเทพ
"พงษ์...พงษ์..." เสียงเรียกชื่อเขา พร้อมกับมีมือมาเขย่าตัว พีรพงษ์หลุดจากภวังค์แห่งความคิดคำนึงกลับมาสู่ความเป็นจริงในปัจจุบัน วิลาสินีกำลังจับแขนเขาเขย่าเบา ๆ พร้อมจ้องมองใบหน้าเขาด้วยสีหน้าเป็นห่วง
"ครับคุณวิ มีอะไรเหรอครับ" พีรพงษ์เอ่ยถาม สีหน้าวิลาสินีค่อยคลายความกังวลลง
"ก็เธอเอาแต่เหม่อลอย ฉันบอกให้เธอเริ่มเดโมโปรแกรมให้ลูกค้าดูตั้งหลายครั้งแต่เธอก็ไม่ตอบ"
"ขอโทษครับ ผมไม่เป็นไรแล้ว เริ่มกันเลยนะครับทุกท่าน" พีรพงษ์กล่าวขอโทษทุกคนในที่ประชุม แล้วเริ่มนำเสนอโปรแกรมที่ได้เตรียมมา การนำเสนอเป็นไปด้วยความกระชับ เน้นฟีเจอร์หลัก ๆ ที่โรงพยาบาลต้องใช้ น้ำเสียงของพีรพงษ์ก้องกังวาลเต็มไปด้วยความมั่นใจในผลิตภัณฑ์ของบริษัทตัวเอง หลังการนำเสนอจบลงก็เป็นการสอบถามข้อสงสัยต่าง ๆ ซึ่งทั้งวิลาสินีและพีรพงษ์ก็ตอบได้เป็นที่พอใจทุกข้อ
"ขอบคุณครับสำหรับการนำเสนอในครั้งนี้ ผมขออนุญาตประชุมกรรมการบริหารเป็นการส่วนตัวสักครู่นะครับ เชิญคุณวิและเจ้าหน้าที่ออกไปรอที่ห้องรับรองก่อนนะครับ" ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบอกวิลาสินี
ในห้องรับรอง วิลาสินีและพีรพงษ์นั่งติดกันบนโซฟา วิลาสินีหันมามองสำรวจพีรพงษ์อย่างเป็นห่วงพร้อมสอบถามว่าไม่สบายหรือเปล่า ซึ่งพีรพงษ์ก็ตอบว่าไม่เป็นอะไร แค่คิดอะไรเพลิน ๆ เท่านั้นเองแล้วก็ก้มหน้าก้มตาเล่นกับเจ้าโน้ตบุ้คคู่กาย วิลาสินีถอนหายใจแล้วส่ายหน้าด้วยความเป็นห่วง
ทั้งสองคนนั่งรออยู่ราวครึ่งชั่วโมง จากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่มาเชิญวิลาสินีกลับไปที่ห้องประชุม ทิ้งให้พีรพงษ์นั่งรออยู่ที่ห้องรับรอง สิบห้านาทีต่อมา วิลาสินีก็กลับมาพร้อมรอยยิ้ม แต่ละก้าวที่เธอเดินเหมือนติดสปริง พีรพงษ์ไม่ต้องรอให้วิลาสินีเอ่ยปากเขาก็รู้ว่าการเจรจาครั้งนี้ประสบความสำเร็จ
หลังจากขับรถออกมาจากโรงพยาบาลโดยพีรพงษ์เป็นคนขับและวิลาสินีนั่งอยู่ข้าง ๆ ขณะนั้นเป็นเวลาสี่โมงครึ่งแล้ว พีรพงษ์ถามเธอว่าจะกลับไปที่ออฟฟิซรึเปล่า วิลาสินีตอบว่าไม่ต้อง วันนี้ต้องไปฉลองความสำเร็จกันหน่อย แล้วบอกทางให้พีรพงษ์ขับไปตามที่เธอสั่ง
ทั้งคู่เดินเข้าไปในร้านอาหารหรูแห่งหนึ่งในย่านพัฒน์พงษ์ พอบริกรมาพาไปนั่งโต๊ะและสั่งอาหารแล้วก็คุยกันเรื่องที่เพิ่งไปเสนอโปรแกรมมา ดูวิลาสินีจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เธอยิ้มและหัวเราะตลอดเวลา พีรพงษ์ก็เออออไปกับเธอตามมารยาท
เมื่อบริกรเสริฟอาหาร วิลาสินีก็สั่งเบียร์มาหนึ่งขวดและแก้วสองแก้ว ทั้งสองคนรับประทานอาหารแล้วดื่มเบียร์ไปด้วย บรรยากาศในร้านอาหารแห่งนั้นกำลังคึกคัก เสียงเปียโนที่บรรเลงจากฟลอร์ด้านซ้ายเป็นเพลงคลาสสิคของบีโธเฟ่น แสงไฟสีนวลสาดส่องลงมาจากเพดานสะท้อนกับบานกระจกที่ติดอยู่ตามเสาและผนังห้องเป็นประกายวับวาว วิลาสินีที่ดื่มเบียร์ไปสองแก้วเริ่มผ่อนคลายมากขึ้น เธอยิ้มและพูดคุยอย่างร่าเริง ส่วนมากแล้วพีรพงษ์จะเป็นฝ่ายฟังเธอพูดเสียมากกว่า เขาจ้องมองวิลาสินีที่นั่งอยู่ตรงข้ามโต๊ะ แสงที่สะท้อนจากกระจกทำให้ใบหน้ารูปไข่ของเธอดูเด่นเป็นพิเศษ ริมฝีปากอิ่มทาลิปมันเป็นสีแดงสดตัดขับผิวหน้าที่ขาวผ่อง ตอนที่เธออารมณ์ดีเช่นนี้ ดูใบหน้าเธออ่อนเยาว์กว่าอายุจริงมากนัก
"คุณวิครับ อย่าดื่มมากไปกว่านี้เลยนะครับ เดี๋ยวจะเมา" พีรพงษ์เตือนเธอด้วยความหวังดี
"แหม มันก็ต้องฉลองกันหน่อยที่งานนี้สำเร็จอย่างงดงาม เธอก็มีส่วนช่วยเยอะนะ โดยเฉพาะการเดโมที่ตรงใจผู้บริหารมากจนเขาตกลงใจซื้อโปรแกรมของบริษัทเรา" วิลาสินีตอบอย่างอารมณ์ดี
พีรพงษ์ไม่พูดอะไรต่อ อาการซึมเศร้าของเขาแม้ว่าจะดีขึ้นบ้างแล้ว แต่ในบางขณะเขาก็ยังอยากอยู่คนเดียวเช่นในขณะนี้ หลังจากที่เขาและวิลาสินีกินข้าวเย็นเสร็จ เขาถึงกับต้องประคองเธอไปขึ้นรถ เพราะวิลาสินีดื่มเบียร์ไปคนเดียวจนเกือบหมดขวด
พอเขาพาเธอไปนั่งตรงที่นั่งข้างคนขับแล้ว พีรพงษ์ก็เดินอ้อมไปเปิดประตูข้างคนขับแล้วถอยรถออกจากที่จอดของร้าน ก่อนจะออกสู่ถนนใหญ่ เขานึกขึ้นได้ว่าวิลาสินียังไม่ได้รัดเข็มขัดนิรภัยเลย เขาจึงหันไปกะจะบอกเธอ แต่ก็พบว่าเธอเมาจนเกือบหมดสติแล้ว เสื้อสูทของเธอหลุดลุ่ย กระดุมเม็ดบนหลุดออกจนมองเห็นฐานอกอวบอิ่มขาวผ่อง ส่วนกระโปรงผ่าข้างก็ร่นขึ้นมาจนมาถึงกลางท่อนขาอ่อน รอยผ่าที่ยาวอยู่แล้วก็ทำให้เขามองเห็นขึ้นไปถึงโคนขาเธอที่มีขนอ่อน ๆ ปกคลุมอยู่ พีรพงษ์ต้องสูดลมหายใจลึก ๆ สะกดข่มความรู้สึกพลุ่งพล่านในใจลง แล้วเอื้อมมือไปเขย่าตัววิลาสินี แต่วิลาสินีได้แต่ส่งเสียงดังอ้อแอ้และไม่มีท่าทีว่าจะรู้สึกตัวเลย
พีรพงษ์มองซ้ายมองขวา เมื่อไม่เห็นว่ามีคนอยู่แถวนั้น เขาก็ปลดเข็มขัดนิรภัยของตัวเองออกแล้วโน้มตัวข้ามวิลาสินีไปหยิบปลายเข็มขัดด้านซ้ายของเธอ ขณะที่เขาโน้มตัวไปนั้น กลิ่นกายของวิลาสินีที่ปนไปด้วยกลิ่นเหงื่อและเบียร์ก็โชยมากระทบจมูก แผงอกเขาเสียดสีกับหน้าอกหน้าใจที่พุ่งโชนของเธอโดยไม่ได้ตั้งใจจนเขารู้สึกได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจเธอ เขารีบดันตัวออกห่างแต่มือซ้ายเจ้ากรรมดันลื่นหลุดจากเบาะทำให้ใบหน้าเขาซุกลงไปตรงหน้าตักเธอพอดี จมูกเขากดลงไปบนเนินเนื้อของเธอด้วยความบังเอิญ วิลาสินีส่งเสียงครางออกมาทั้งที่ยังหลับตาอยู่ พีรพงษ์รีบยันตัวขึ้นแล้วเงยหน้าขึ้นมามอง เมื่อเห็นวิลาสินียังไม่รู้สึกตัว เขาก็ถอนใจด้วยความโล่งอกแล้วรีบดึงสายเข็มขัดอ้อมผ่านตัวเธอมายังปลายอีกด้านหนึ่ง สายตาเขาอดไม่ได้ที่จะมองต่ำลงไปยังขาอ่อนขาว ๆ ของเธอที่โผล่พ้นชายกระโปรงที่ร่นขึ้นมา มันขาวเนียนและดูเต่งตึงจนไม่น่าเชื่อว่าเป็นของผู้หญิงวัย 39 เกือบสี่สิบแล้ว จากท่อนขาอ่อนที่อวบกำลังเหมาะกับรูปร่างลงไปยังหัวเข่าที่กลมมนและส่วนน่องที่เป็นรูปเรียวไม่มีเส้นเลือดขอดเลยแม้แต่เส้นเดียว เป็นช่วงขาที่สาว ๆ หลายคนต้องอิจฉา
พีรพงษ์หักห้ามใจตัวเองเบือนสายตาออกจากเรียวขาขาว ๆ เบื้องหน้า เขารัดเข็มขัดนิรภัยอีกครั้งแล้วขับรถออกจากร้านอาหารแล้วออกสู่ถนนใหญ่กลับไปยังบ้านของวิลาสินี
วันนั้นรถติดเป็นพิเศษ กว่าจะถึงบ้านของวิลาสินีก็ใช้เวลาร่วมสองชั่วโมง ในระหว่างที่รถติดอยู่นั้น วิลาสินีก็ค่อย ๆ สร่างเมา เธอร้องขอน้ำดื่มแล้วเทน้ำลงบนผ้าเช็ดหน้า จากนั้นก็เอามาเช็ดหน้าเช็ดตาตัวเอง พีรพงษ์ถอนหายใจด้วยความโล่งอกที่เขาคงไม่ต้องอุ้มเธอขึ้นบ้าน
พอขับรถเข้าโรงจอดและดับเครื่องแล้ว พีรพงษ์ก็ลงจากรถแล้วเดินอ้อมไปเปิดประตูให้วิลาสินี
"เชิญครับคุณวิ" พีรพงษ์พูดอย่างสุภาพ
"แหมอะไรกันจ๊ะพงษ์ ลืมไปแล้วเหรอว่าที่บ้านน่ะไม่ต้องเรียกคุณวิหรอก นั่นน่ะใช้เรียกตอนที่เราอยู่ที่ทำงานเท่านั้นจ้ะ" วิลาสินีกระเง้ากระงอดต่อว่าต่อขานหลานชาย
"ขอโทษครับป้าวิ ผมลืมไป" พีรพงษ์ตอบผู้เป็นป้า วิลาสินีเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของแม่เขา แม่เขาแต่งงานตั้งแต่อายุ 17 และคลอดพีรพงษ์ในปีถัดมา ส่วนวิลาสินีเป็นคนเรียนเก่ง สอบชิงทุนไปต่างประเทศได้และเรียนต่อจนได้ปริญญาเอกที่นั่น พอกลับมาที่ประเทศไทย เธอก็ทำงานให้กับบริษัทหลายต่อหลายบริษัทจนเก็บหอมรอมริบได้พอสมควรจึงออกมาเปิดบริษัทซอฟท์แวร์ของตัวเอง แม่ของพีรพงษ์จึงฝากเขาเข้าทำงานในบริษัทของพี่สาวเพราะเห็นว่าพีรพงษ์ชอบคอมพิวเตอร์เป็นทุนเดิมและวิลาสินีจะได้ช่วยดูแลอาการซึมเศร้าของหลานชายให้ด้วย พีรพงษ์จึงย้ายมาอยู่บ้านวิลาสินีได้เดือนกว่า ๆ แล้ว แต่เวลาที่อยู่ที่บริษัท เขาต้องเรียกป้าว่าคุณวิเพื่อไม่ให้พนักงานคนอื่นรู้ว่าทั้งสองคนเป็นญาติกันเพราะวิลาสินีเกรงว่าจะเสียการบังคับบัญชา ซึ่งพีรพงษ์เองก็ไม่ได้คิดอะไรมากในส่วนนี้
วิลาสินีก้าวลงจากรถ สายตาของพีรพงษ์ที่ก้มต่ำก็เหลือบเห็นท่อนขาขาว ๆ ตอนที่แยกออกจากกันก่อนที่จะเบือนสายตาหลบ วิลาสินีลุกขึ้นแต่แล้วก็เซจนเกือบล้ม พีรพงษ์ต้องรีบประคองเธอขึ้นไปบนบ้าน หลังจากให้เธอนอนพักอยู่บนโซฟาในห้องรับแขกจนหายเวียนหัวแล้ว พีรพงษ์ก็ขอตัวกลับขึ้นห้องตัวเอง ส่วนวิลาสินีก็กลับเข้าห้องตัวเอง อาบน้ำแล้วเข้านอน

ธวัช จันสำราญ