ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

เข้าใจเรื่องธรรมะแบบง่ายๆ

เริ่มโดย tee_tores, สิงหาคม 19, 2010, 10:47:20 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

tee_tores

อนุโมทนาบุญแก่ผู้ที่สนใจทุกท่าน และ ขอให้บุญรักษาครับ

ขอบคุณ เวป raksa-dhamma ครับ
--------------------------------------------------------------------------
คำถาม
เรียนอาจารย์ ครับ ผมจะอ่านรายละเอียดเรื่อง การเจริญบุญกิริยาวัตุ ๑๐ ประการ หรือสรุปให้เข้าใจอีกครั้งได้ไหมครับว่าประกอบไปด้วยอะไรบ้าง ผู้ถาม อายุ36 ต้องการเจริญบุญอย่างจริงจัง ขอขอบคุณล่วงหน้าครับ

ตอบ
ระยะหลังคนเดินทางชื่นใจ ที่ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์หลายท่านแม้อายุน้อยๆก็มี ที่เกิดปัญญา เกิดศรัทธาขวนขวายที่จะเจริญกุศลไว้เป็นที่พึ่งของตน
ลองคิดดูว่า หากชาวไทยทั่วทั้งแผ่นดินหันมาถูกทางอย่างนี้ ย่อมชื่อว่า ธรรมะเจริญขึ้น.... อธรรม ทั้งหลายย่อมปราศจากไป หรือ อ่อนกำลังลงไป เพราะธรรมะเจริญขึ้นแทน ความเดือดร้อนนานาประการอย่างที่บางส่วนของประเทศที่กำลังเดือดร้อนไปทุกหัว ระแหง ย่อมปรากฏ "ความเย็น" ของศีล ของบุญนานาประการ ครอบคลุมพื้นที่ในจิตใจของทุกคน......
ดังนั้น....ทุกคนจึงหันหน้ามาเดินทางเพื่อความไม่เบียดเบียนผู้อื่นด้วย "ศีล" ย่อมสามารถกำจัดเสียซึ่งภัยจากอาวุธ จากสงคราม ภัยจากคนร้าย ภัยจากคนพาลไปเสียได้...
ดังนั้น...ทุกคนจึงพร้อมใจที่จะเอื้อเฟื้อเกื้อกูลด้วย "ทาน" อันจะส่งผลให้เกิดความรักใคร่มีไมตรีต่อกัน ใจที่พร้อมจะอภัยให้กันและกัน หันหน้าเข้าหากันด้วยไมตรี...

เรื่องอย่างนี้ กฏหมายก็คุ้มครองไม่ได้ ไปไม่ถึง...ใจที่ประกอบพร้อมด้วยศรัทธาที่มั่นคงด้วยปัญญาเท่านั้น ที่จะขึ้นมากระทำการงานทั้งหลายที่ถูกที่ควรได้
นี่เอง เป็นจุดเริ่มต้น ที่จะเบี่ยงเบนอกุศลวิบาก(ผลแห่งกรรมไม่ดี)อันหนักหน่วงที่กำลังครอบงำชาว ไทยทั้งหลายอยู่ อันเป็นผลแห่งกรรมไม่ดีของชนหมู่มาก ใครจะรับมากรับน้อยก็ขึ้นอยู่แต่กรรมที่ต่างวาระต่างเหตุปัจจัยกัน แต่ที่แน่ๆ ล้วนเป็นอารมณ์แห่งผลกรรมไม่ดีเสียโดยมากเลยในขณะนี้
ก็บัดนี้ ความทุกข์ทั้งหลายปรากฏมากแล้ว ภัยมีมากแล้ว...พวกเราจะพึ่งอะไรกันดีหนอ?
พึ่งอาวุธที่ทันสมัยหรือ? ในที่สุดก็เสียหายทั้งหมด
พึ่งทหาร ตำรวจหรือ? อธรรมก็มีกำลังมากขึ้นๆทุกที จะเอาอะไรมาพึ่ง มาคุ้มกันได้เล่า?
หากเชื่อเรื่องกรรม เรื่องวิบาก ก็ได้คำตอบ จะรู้หนทางขึ้นมาทีเดียว..
แต่ทว่า....ตรงนี้แหละยากที่สุดเลย...จริงไหมคะ?

ขออนุโมทนาท่านผู้มีปัญญาค่ะ..ถ้ามีปัญญาอย่างนี้ ก็มีชัยไปกว่าครึ่ง เพราะจะกลายเป็นผู้สั่งสมบุญ รู้ว่าบุญเป็นที่พึ่ง เป็นที่เกาะ ทั้งชีวิตนี้ และชีวิตหน้า และชีวิตต่อๆไป..
ท่านผู้ถามมีความเห็นถูกแล้วค่ะ ถูกกับอะไร..? ไม่ใช่ถูกกับคนเดินทาง ไม่ใช่ถูกกับอะไรๆ ไม่ใช่ถูกกับพระพุทธเจ้า..แต่ถูกกับธรรมชาติของธรรมทั้งหลายที่เขาเป็นไป พระพุทธองค์ไม่ได้บัญญัติขึ้นมาเอง เพียงแต่ท่านตรัสรู้มาก็มาบอกทางให้เรารู้..เราจึงรู้ว่า เรานั้นเป็นผู้มีบุญที่ได้มารู้ความจริงอย่างนี้ได้...
การสั่งสมเหตุดีในชีวิตประจำวันง่ายๆที่ไม่ต้องเดือดร้อนในการเจริญกุศล บุญทำได้ทั้ง ๑๐ อย่าง วันหนึ่งๆ..ขอยกตัวอย่างง่ายๆนะคะ...

๑.ในวันหนึ่งๆ ทาน คือ การให้ นั้น เรามีบ้างไหมคะ?..ถ้าเราไม่ได้ไปใส่บาตร เราให้อย่างอื่นแก่คนอื่นมีไหม..มีได้ทั้งวัน ให้ใบหน้าที่แย้มยิ้ม ให้หูที่รับฟัง ให้ความช่วยเหลือการงานเมื่อมีคนต้องการ ให้ขนม ให้ที่นั่ง ให้ทางแก่คนอื่น ฯลฯ ให้คำแนะนำเช่นแนะนำเว็บไซต์ให้คนอื่นได้มารับรู้ประโยชน์ด้วย อย่างนี่เรียกว่า ให้ปัญญาเลย..เป็นต้น

๒.ในแต่ละวัน ศีลล่ะ เกิดได้ไหมคะ..เคยสมาทานศีลหรือเปล่าคะ?..การสมาทานศีลก็ชื่อว่าศีล การเว้นกายวาจาทุจริตก็ชื่อว่าศีล ทำงานมาตรงเวลา ไม่อู้งานก็เป็นศีล ทำอะไรแล้วคนอื่นจะเดือดร้อนก็เว้นก็ชื่อว่าศีล อยากจะด่าใคร จะว่าใคร จะส่อเสียดใคร ก็รู้ตัวระงับได้.... อย่างนี้ก็เป็นศีล เพื่อนชวนกินเหล้า ก็งดก็ชื่อว่าศีลเกิด จะเห็นว่าเกิดได้ไม่ยากในแต่ละวัน..
แต่ทีนี้ถามว่า...หากนั่่งๆนอนคนเดียว ดูหนังฟังเพลงไปเรื่อยๆ ยุงกก้ไม่ตบ พูดก้ไม่ได้พูดอะไรกับใคร ถือว่า ศีล เกิดไหมคะอย่า่งนี้?.
ตอบว่า ไม่เกิดนะคะ ศีลไม่เกิด ใจก้ไหลไปกับอารมณืนอกตัวไป เป็นไปกับความฟุ้งซ่านบ้าง พอใจ ไม่พอใจบ้าง อย่างนี้ ก็ไม่เกิดบุญอะไรเลย
ศีล นั้นจะเกิดก็ต่อเมื่อ เรามีการตั้งใจสมาทาน ตั้งใจที่จะเว้น ประการหนึ่ง และเว้นได้เมื่อประสบอารมณ์เฉพาะหน้า อีกประการหนึ่งค่ะ

๓. ภาวนากุศลล่ะ... อย่างง่ายๆก็ฟังธรรม ศึกษาธรรมแม้อ่านเว็บนี้ก็ชื่อว่าภาวนากุศลเกิด สวดมนต์ไหว้พระก็จัดอยู่ในภาวนา ก็ง่ายใช่ไหมคะ.. หากเป็นผู้ที่มีการฝึกเจริญสติ เพื่อความรู้ตัว ตรงนี้ก็เป็นภาวนากุศล เป็นภาวนากุศลที่ยอดเยี่ยมด้วย

๔. อปจายนะมัย... คือความอ่อนน้อม..นี้เป็นกุศลที่เกิดได้ง่ายดาย..... วันหนึ่งๆเราไม่เคยค้อมกายให้ผู้หลักผู้ใหญ่บ้างหรือ? ไม่มียกมือไหว้ผู้ใหญ่หรือ? .แม้นแต่ยกมือไหว้ในหลวงในทีวี บุญอย่างนี้ก็เกิดแล้ว.. ไหว้พ่อไหว้แม่ก็เป็นอปจายนะมัยแล้ว ทำได้ง่ายใช่ไหมคะ..?..

๕. เวยยาวัจจะล่ะ..ทำงานที่ทำงานก็ทำเต็มที่ ไม่อู้ไม่ผลัดวันประกันพรุ่ง ใครมีงานอะไรๆพอจะช่วยก็ช่วยเลยทั้งงานทางโลก และงานกุศลอะไรๆก็ได้..บุญอย่างนี้ ก็เกิดได้ง่ายๆใช่ไหมคะ... ?

๖. ปัตติทานกุศลล่ะ ..ทำได้ทุกวันทั้งวันด้วยซ้ำ เพราะเราเป็นผู้ตั้งใจเจริญกุศลเนืองๆ เมืื่อ รู้ว่าทำกุศลแล้ว เราก็แผ่อุทิศบุญให้แก่ญาติผู้ล่วงลับเลยก็ได้ หรือก่อนนอนสวดมนต์ระลึกถึงกุศลที่ทำแล้วแผ่บุญไป.ก็ได้ทำบุญเพิ่มอีกอย่าง หนึ่งละค่ัะ
๘. .ปัตตานุโมทนาทานล่ะ..เกิดได้ทั้งวันเลย เพราะเราใส่ใจในความดีของตน เราจึงรู้ว่าใครคนอื่นกำลังทำความดีด้วย ใครทำความดีแม้เล็กน้อย เราก็อนุโมทนากับเขาได้ หรือรับเอาบุญที่เขาทำแล้วเผื่อแผ่มา..นี่ก็เกิดบุญได้อีกอย่างหนึ่ง โดยไม่ยากเลย...

๘. ธรรมสวนะ..ได้แก่การฟังธรรม ก็เป็นบุญชนิดหนึ่ง การได้อ่านเว็บไซต์อนุรักษ์ธรรมนี้ เป็นต้น บุญนี้ก็เกิดตลอดเลยเวลาที่อ่านที่ศึกษา..ง่ายๆใช่ไหมคะ..และเวลากุศลที่ เกิดนี่ เป็นกุศลที่ประกอบปัญญาด้วย มีกำลังมากทีเดียว
๙. การแสดงธรรม ๆ ได้แก่ ธรรมเทศนา ..ถ้าเราทำไม่ได้ เราก็เว้นได้...ไม่เป็นไร.... แต่ถ้าเป็นลูกของเรา เป็นญาติของเรา ถ้าเห็นสมควรแก่บุคคล แก่โอกาส สถานการณ์ เมื่อมีโอกาสก็เกื้อกูลธรรมะง่ายๆให้เขาได้ บุญนี้ก็เกิดอีก...

ส่วนข้อที่ ๑๐ ทิฏฐุชุกรรม..ก็ศึกษาเว็บไซต์อนุรักษ์ธรรมนี้แล้ว กุศลนี้ต้องเกิดได้แน่..เพราะธรรมะที่นำมาเผยแผ่ ไม่ใช่ทิฏฐิความเห็นส่วนตัวของคนเดินทาง.. คนเดินทางได้นำมาจากหลักฐาน มีตำรา ไม่ได้คิดเอง ไม่ได้เอาความเห็นตัวมาแสดง
ดังนั้น เว็ปไซต์นี้เป็นไปเพื่อทิฏฐุชุกรรมโดยตรง คือความเห็นถูก เป็นไปเพื่อปัญญาสัมมาทิฏฐิเบื้องต้นโดยแท้...จะเห็นว่าเป็นเรื่องไม่ยาก ถ้ารู้ ถ้าใส่ใจ บุญเกิดได้บ่อยๆและทุกวันเลย

พอรู้อย่างนี้ จึงเห็นว่า เรามีโอกาสสร้างกุศลได้ทุกรูปแบบ ทุกสถานการณ์ เราจึงไม่ต้องไปทำบุญที่วัดในฤดูเทศกาลเท่านั้น บุญเกิดได้ทั้งรูปแบบที่ต้องใช้เงิน แต่บุญที่ไม่ได้จำเป็นต้องใช้เงินก็มีอีกมากมายที่เราท่าน สามารถเจริญได้ทุกวัน ขอให้ท่านผู้ถาม เป็นผู้เจริญในบุญ และมีบุญรักษานะคะ อนุโมทนาค่ะ