ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

ก้อย season 2 ep 13 By ukisa

เริ่มโดย godgod610, สิงหาคม 01, 2011, 01:46:07 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

godgod610

ตอนนี้ผมที่ห้องพักผู้โดยสารรอเวลาเรียกขึ้นเครื่องเพื่อเดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่น ผมไม่ได้ให้แนนตามมาส่งเพราะกลัวแนนจะมาร้องไห้อีกเหมือนตอนมาส่งเจน แต่เมื่อกี้หงส์โทรมาบอกว่าอยู่กับแนนที่คอนโดแล้ว ผมคงหมดห่วงเรื่องแนนไปได้ เหลือก็แต่เพียงก้อย

หลังจากที่ดูเหมือนผมกับก้อยจะทะเลาะกันเราก็ไม่ได้คุยกันอีกจนกระทั้งผมไปรับเธอหลังเลิกงานวันศุกร์ซึ่งเธอโกรธผมมาก เราเหมือนจะทะเลาะกันอีกครั้ง

"ก้อยมีอะไรอยากบอกพี่หรือเปล่า พี่ก็แค่อยากมารับก้อยไปทานข้าวด้วยกันแค่นั้น ทำไมก้อยต้องโมโหด้วยหละ"
"ก้อยไม่ได้โมโห ก้อยก็แค่อยากใช้ชีวิตส่วนตัวของก้อยบ้าง" ก้อย
"แล้วที่เป็นอยู่นี่ไม่เรื่องโมโหหรอ ก้อยแค่บอกพี่ว่าไม่ว่างพี่ก็ไม่ว่าอะไรแล้ว"
"แล้วทำไมพี่บีไม่โทรมานัดก่อนหละ" ก้อย
"ทำไมหละก้อย แค่พี่อยากพาก้อยไปทานข้าวพี่ต้องนัดก่อนด้วยหรอ"
"พี่ไม่นัดก่อนพี่จะรู้หรือก้อยว่างหรือไม่ว่าง" ก้อย
"ตกลงระหว่างเรามันเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า"
"ไม่มีอะไร พี่บีหาเรื่องจับผิดก้อยหรอ" ก้อย
"พี่ไม่ได้จับผิดนี่ แต่ถ้าการที่พี่อยากมาหาก้อยมันกลายเป็นเรื่องที่รบกวนก้อย พี่ว่าระหว่างเรามันต้องเกิดอะไรขึ้นแน่ๆ"
"ทำไมก้อยจะต้องคอยทำตามใจพี่ด้วยหละ ก้อยก็ชีวิตของก้อย มีเรื่องส่วนตัวของก้อยเหมือนกัน" ก้อยพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
"โอเค พี่กวนก้อยแล้ว เอาไว้ก้อยอารมณ์เย็นกว่านี้เราคอยมาคุยกันอีกทีแล้วกัน"
"แต่ก้อยว่าเราห่างกันซักพักดีไหมค่ะ" ก้อย
"ก้อย" ผมรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะได้ยินประโยคนี้จากปากก้อย ถึงมันจะฟังดูดี แต่ผมก็รู้ว่ามันเป็นคำบอกเลิก
"ก็ได้ตามใจก้อยแล้วกัน แล้วเรื่องไปญี่ปุ่นถ้าก้อยไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรนะ แนนคงไปเองคนเดียวได้ พี่ไม่อยากรบกวนชีวิตส่วนตัวของก้อย" ผมเริ่มโกรธและเริ่มใช้น้ำเสียงไม่ดีใส่ก้อยบ้าง
"ก้อยยังไม่ได้ตัดสินใจ เอาไว้ใกล้ๆ ก้อยจะบอกแนนเองแล้วกันค่ะ" ก้อย
ผมยิ่งรู้สึกแย่หนักกว่าเดิม ค่าตั๋วบินไปญี่ปุ่นตั้งหลายหมื่น จะไปหรือไม่ไปก็ไม่ตัดสินใจ แล้วนี่ถ้าก้อยไม่ยอมไป ซาโตชิต้องเสียค่าตั๋วฟรีอีก ผมยิ่งรู้สึกว่าผมเริ่มโกรธก้อยมากขึ้นอีก แต่ก็พยายามควบคุมอารมณ์ไว้
"งั้นก็ตามใจนะ พี่ไม่มีธุระอะไรกับก้อยแล้ว พี่ขอตัวกลับก่อนหละ"

ผมหันหลังเดินจากก้อยมาโดยไม่หันกลับไปมองเธออีก ผมไม่รู้ว่าก้อยกำลังทำสีหน้ายังไง นี่เป็นอีกครั้งแล้วซินะที่ผมรู้สึกเจ็บแปล๊บที่หัวใจ ผมรู้ดีว่าผมไม่ได้ทำดีที่สุดเพื่อก้อย แต่ผมก็พยายามทำดีที่สุดที่ผมจะทำได้เพื่อเธอแล้ว ถ้ายังไม่พอใจ ผมก็คงต้องยอมปล่อยเธอไปhttp://youtu.be/g1zJUGqV3Cc

ผมสะดุ้งรู้สึกตัวเมื่อได้ยินเพลง อยู่อย่างเหงาเหงา แว่วมา ผมยิ่งรู้สึกเจ็บแปล๊บที่หัวใจมากขึ้น ผมมองดูนาฬิกานี่ก็ใกล้เวลาที่เครื่องจะออกแล้ว อีกเดี๋ยวพนักงานคงเรียกให้ผมไปขึ้นเครื่อง แม้ว่าตอนนี้รอบข้างผมจะมีผู้คนอยู่มากมาย แต่ผมกลับรู้สึกเหมือนอยู่ตัวคนเดียว

ตอนนี้ผมอยู่บนเครื่องบินแล้ว อีกไม่นานเครื่องคงบินขึ้น ผมได้แต่มองออกไปด้านนอกเครื่อง มองไปอย่างไร้จุดหมาย ในหัวก็คิดแต่เรื่องก้อย ระหว่างบินไปญี่ปุ่น ผมไม่ได้สนเลยว่าในเครื่องบินจะมีคนไปพร้อมกับผมเยอะหรือเปล่า หรือว่าแอร์เที่ยวบินนี้จะสวยแค่ไหน 

ผมมาถึงสนามบินโตเกียวประมาณบ่ายสองโมงเวลาญี่ปุ่น บรรยากาศรอบข้างเริ่มทำให้ผมลืมเรื่องที่คิดไปได้บ้าง ผมเริ่มมองหาสาวสวยตามความคิดของผู้ชายทั่วไปที่คิดว่าสาวญี่ปุ่นคือสุดยอดแห่งความปราถณา แต่ดูๆ ไปแล้ว ก็หาคนสวยอยู่ยากเหมือนกัน แต่พอเจอคนส่วนก็สวยซะจนผมต้องมองเหลียวหลัง ผมเข็นกระเป๋าออกมาถึงส่วนรับผู้โดยสาร มีชายใส่สูทใส่แว่นตาดำยืนถือป้ายเขียนว่ายูกิซังเป็นภาษาอังกฤษ ผมรีบเข็นกระเป๋าไปหา คนที่ดูเหมือนเป็นหัวหน้าผู้ภาษาญี่ปุ่นซึ่งผมฟังไม่ออก แต่มันดูดุดันมากแล้วลูกน้องอีกคนก็มาเข็นกระเป๋าให้ผม คนที่เป็นหัวหน้าก็ทำมือเหมือนเชิญให้ผมเดินไปยังทางออกโดยไม่พูดอะไร

ผมตามสองคนนี้ไปจนถึงหน้าสนามบิน มีรถเก๋งขนาดใหญ่สีดำรอรับอยู่ คนขับที่ยืนรออยู่ก็ใส่สูทใส่แว่นดำเหมือนกัน ผมกำลังคิดว่าตกลงซาโตชิมันเป็นลูกชายเจ้าของบริษัทใหญ่ หรือว่ามันเป็นลูกเจ้าพ่อยากูซ่ากันแน่ ระหว่างทางไม่มีใครคุยกับผมเลย ทุกคนเงียบเหมือนโดนสั่งมาว่าห้ามพูดอะไร

รถขับมาจอดที่โรงแรมแห่งหนึ่งดูแล้วไม่ใหญ่โตมากนัก แต่ระดับซาโตชิคงไม่หาโรงแรมกระจอกให้ผมพัก ผมอ่านชื่อภาษาอังกฤษมันชื่อว่า โรงแรมไดอิจิ ชายชุดดำคนนึงที่นั่งด้านหน้าข้างคนขับรีบลงจากรถแล้วไปหยิบกระเป๋าผมที่ท้ายรถ ผมทำท่าจะเปิดประตูลงจากรถแต่ ไอ้หัวหน้ายากูซ่าที่นั่งมาข้างๆ ผมมันทำมือห้ามแล้วพูดอะไรมาไม่รู้ แต่ผมรู้ว่ามันไม่ให้ผมลงจากรถแน่ๆ ผมได้แต่พยักหน้าแล้วทำเป็นนั่งเฉยๆ ในใจก็นึกว่าทำไมมันดุจังว่ะ

จากนั้นรถก็ขับออกจากโรงแรมโดยไม่รอคนที่ถือกระเป๋าผมเข้าไปในโรงแรม ไม่นานผมก็ไปถึงตึกขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง รถขับลงยังทางเข้าตึกซึ่งอยู่ชั้นใต้ดิน ที่นั้นมีชายสูทดำอีกเกือบ 10 คนยืนรออยู่ ทันทีที่รถจอดหัวหน้าก็รีบลงจากรถแล้ววิ่งมาเปิดประตูให้ผม จากนั้นก็ตะโกนภาษาญี่ปุ่นใส่พวกที่ยืนรออยู่ พวกนั้นรีบตั้งแถวสองข้างแล้วโค้งต้อนรับผม ผมเริ่มแน่ใจแล้วว่านี่มันสำนักงานใหญ่ยากูซ่าแน่ๆ ผมมาผิดที่แล้วแน่ๆ ผมมองหน้าหัวหน้าพยายามคิดคำพูดที่จะให้เค้าเข้าใจว่าเค้ารับคนผิดมาแล้ว แต่หัวหน้ามันก็ดุมาก พูดอะไรไม่รู้เสียงดังแล้วก็โค้งให้ผมไม่ยอมฟังที่ผมพูดเลย ผมเลยต้องจำใจเดินเข้าไปที่ลิฟท์

หัวหน้าเดินตามเข้ามาแล้วในลิฟท์ด้วย ผมขึ้นลิฟท์ไปจนถึงชั้นบนสุด ผมได้แต่คิดในใจว่าเดี๋ยวคงได้เจอพวกที่เป็นระดับใหญ่ๆ คงฟังภาษาอังกฤษออกบ้าง ผมคงอธิบายได้ว่ารับคนผิดมา พอลิฟท์เปิดก็มีคนมายืนรอรับอีก คราวนี้มีสาวสวยในชุดออฟฟิต เธอสวยมากกว่าดารา AV ที่ผมเคยดูมา เธอน่าจะเป็นลูกครึ่งแน่ๆ เธอเข้ามาแนะนำตัวกับผมว่าเธอชื่อ เอริกะ (การสนทาเป็นภาษาอังกฤษแต่ผมจะขอเขียนเป็นภาษาไทยเลยแล้วกันนะ ยกเว้นประโยคที่มันเป็น point จะเป็นภาษษอังกฤษ รวมถึงการสนทนากับชาวญี่ปุ่นทั่วๆ ไปด้วยในตอนที่อยู่ที่ญี่ปุ่นนี่นะครับ)

"ขอโทษด้วยนะค่ะ พวกนี้คงเสียงดังจนคุณตกใจ" เอริกะ
"ไม่เป็นไรหรอกครับ ว่าแต่สาวสวยๆ อย่างคุณมาทำอะไรในที่ที่มีแต่ผู้ชายน่ากลัวแบบนี้หละครับ" 
"บางที่ ฉันอาจจะน่ากลัวกว่าคนพวกนี้ ถึงอยู่ที่นี่ได้นะค่ะ" เอริกะ

ผมเอาแต่จีบเอริกะจนลืมไปว่าผมมาผิดที่แล้ว พอเธอพาผมไปถึงหน้าห้องทำงานขนาดใหญ่ เธอก็บอกผมว่าบอสรออยู่ในห้อง ผมถึงนึกได้ว่าผมมาผิดที่แล้วไม่ทันที่ผมจะพูดอะไร เอริกะก็เคาะประตูแล้วเปิดออก ผมนึกในใจว่า แค่รับคนผิดมา พวกยากูซ่าพวกนี้มันคงไม่ถึงกับเอาผมไปโยนอ่าวโตเกียวหรอกนะ แล้วผมก็ต้องประหลาดใจอีกรอบ คนที่นั่งอยู่ในห้องคือซาโตชิ ซึ่งดูภูมิฐานน่าเกรงขามมาก ผิดกับบุคลิคตอนอยู่ที่ประเทศไทยจากหน้ามือเป็นหลังมือ เอริกะกลับออกไป ผมแอบชำเลืองมองสะโพกที่มันกลมกลึงเข้ากับเอวที่คอดกิ่วและเรียวขาขาวๆ ที่โผล่ออกมาจากรอยผ่าบนกระโปรงของเธอ

"สวัสดีครับ ยูกิซัง เดิน ทาง เป็นไงบ้าง ผม ต้องขอโทษด้วยที่ต้องให้มาเจอผมที่นี่ ทั้ง ทั้ง ที่เพิ่ง เดินทางมา เหนื่อยๆ" ซาโตชิ
"สบายดีครับ ซาโตชิ พูดไทยเก่งขึ้นเยอะ ไม่ติดๆ ขัดๆ เหมือนเมื่อก่อนแล้ว"
"ครับ ก็มีคน สอนดี" ซาโตชิ
"ว่าแต่ซาโตชิ มีอะไรจะคุยกับผมหรือ ถึงได้ให้คนพาผมมาพบทันทีที่เครื่องลง"
"ผมจะพาคุณ ไปแนะนำกับผู้บริหาร บ้างคนคุณอาจ จะเคยเจอแล้ว" ซาโตชิ
"ครับได้ครับ"

ซาโตชิเรียนเอริกะเข้ามาในห้อง ผมแอบมองเธออีก เอริกะเองก็รู้ตัวว่าผมแอบมองเธอ แต่ตอบผมกลับด้วยสายตาที่ผมไม่เคยเจอมาก่อน มันไม่ใช่สายตาเชิญชวนเหมือนสาวที่ผมเจอทั่วไป แต่มันเหมือนเป็นสายตาของผู้ล่าที่จ้องมองเหยื่อ ถึงผมจะรู้สึกแบบนั้นแต่ผมก็อดมองหน้าคมสวยและหุ่นที่เฟอร์เฟคของเธอไม่ได้ ผมดูเธอเพลินจนเธอกลับออกไปนอกห้อง 

"สนใจ เอริกะ หรอครับ" ซาโตชิ
"สนใจซิ สวยมากๆ เลย"
"งั้นผม ให้เอริกะ คอยดูแล ยูกิซัง ระหว่างที่ แฟนยูกิซัง ยังไม่มาดีไหม" ซาโตชิ
"ได้จริงหรอซาโตชิ" ผมทำหน้าเหมือนคิดเลยเถิดไปไกลแล้ว
"ให้ดูแล หนะได้ แต่เรื่องอื่น คุณคง ต้อง จีบเอาเองนะ" ซาโตชิ
"ผมหมายถึงแค่ดูแลแหละครับ ไม่ได้คิดอะไรเกินกว่านั้น"

เราสองคนหัวเราะพร้อมกันเหมือนรู้ใจ หลังจากนั้นผมก็ไปประชุมกับซาโตชิ ผมไม่ได้พูดอะไรเลยได้แต่นั่งอึ้งกับภาษาญี่ปุ่นที่ดังเข้าหูตลอดเวลา แต่ผมก็ได้เห็นตัวตนอีกแบบหนึ่งของซาโตชิ ตัวตนที่ดูภูมิฐานมีอำนาจจนคนอื่นเกรงกลัว นี่ถ้าผมไม่เคยเจอซาโตชิมาก่อนผมก็คงไม่กล้าพูดเล่นด้วยแน่ๆ

กว่าจะประชุมเสร็จก็เย็นมาก ซาโตชิบอกว่าวันนี้จะขอเลี้ยงข้าวผมก่อน แล้วพรุ่งนี้ค่อยให้ผมไปเดทกับเอริกะ ผมรับคำแบบเสียดายนิดหน่อย เพราะมันแปลว่าผมจะอดได้ฟันเอริกะวันนี้ แต่ไม่เป็นไร เอาไว้พรุ่งนี้ก็ได้ ซาโตชิ

"ยูกิซัง อยากทาน อาหาร แบบ ไหน" ซาโตชิ
"อืม ผมอยากกินหม้อไฟ เห็นในหนังหลายเรื่องแล้ว น่ากินดี"
"หม้อไฟ มันคือ อะไร" ซาโตชิ
"อืม ก็เป็นหม้อตั้งบนไฟ ต้มน้ำซุป หรือน้ำแกง แล้วเราก็เอา เนื้อหมู เนื้อไก่ จุมลงไปแล้วกิน" ผมทำท่าทางประกอบไปด้วย
"อ้อ ชาบู ชาบู" ซาโตชิ
"เค้าเรียกว่า ชาบู ชาบู หรอ"
"ครับ งั้นเย็นนี้เราไปทานชาบูชาบูกัน" ซาโตชิ

ซาโตชิพาผมไปรับยุ้ยแล้วเรา 3 คนก็นั่งรถไปร้าน ชาบู ชาบู

"พี่บีคิดถึงจังค่ะ" ยุ้ย
"สวยขึ้นเยอะเลยนะเรา แต่พี่ไม่คิดถึงเราหรอก"
"อ้าวทำไมพูดแบบนี้หละ" ยุ้ย
"ก็เราหนีพี่มาไม่บอกกันซักคำ" ผมมองหน้าซาโตชิให้รู้ว่าผมพูดเล่น
"แหม ก็ไม่อยากเอ่ยคำลา อย่าพูดเลย แล้วเหมือนไหร่เมียพี่จะมาหละค่ะ สองคนเลยหรอ" ยุ้ย
"คงมาวันศุกร์นะ"
"พอดีเลยครับ จะได้ร่วม งานพิธี  ตอนกลางวัน  กันด้วย ผมจะเตรียมชุดกิโมโนไว้ให้" ซาโตชิ
"ขอบคุณครับซาโตชิ"

เราสามคนคุยถึงความหลังกันสมัยซาโตชิไปเที่ยวประเทศไทย และก็พูดถึงโชโกะกับอิซุมิด้วย 

"อิซุมิ งานยุ่งมาก แต่เธอ ก็ จะ มาเจอ ยูกิซัง วันแต่งงาน ผม นะ" ซาโตชิ
"งั้นหรอครับ แล้วโชโกะหละครับ"
ซาโตชิเงียบไปแป๊บนึงก่อนจะตอบ
"อืม โชโกะจัง หนะ ไมยุ่ง แต่ไม่รู้ เธอจะมา ได้หรือเปล่า" ซาโตชิ
"งั้นหรอครับ"
"อืม ยูกิซัง ถ้าได้เจอ โชโกะจัง เธอหนะ ไม่เหมือนกับ ตอนไปเที่ยวนะ" ซาโตชิ
"งั้นไง ผมไม่เข้าใจครับ"
"ที่นี่ ที่ญี่ปุ่น โชโกะจัง คือลูกสาวแก๊ง ยากูซ่า ที่โอกินาว่า เพราะฉะนั้น การมาโตเกียว อาจจะ เป็น อันตราย กับเธอ ก็ได้" ซาโตชิ
"ขนาดนั้นเลยหรอครับ"

ซาโตชิอธิบายให้ผมฟังว่าถ้าโชโกะมาก็คงมีบอร์ดี้การ์ดมาด้วยและผมคงไม่มีโอกาสได้อยู่ส่วนตัวกับเธอ แล้วซาโตชิเองก็ไม่อยากให้เป็นแบบนั้นเพราะกลัวว่า โชโกะจะโดนแก๊งค์คู่อริจับตัวไป หรือไม่ผมเองที่ไปยุ่งกับเธอจะโดนพ่อของโชโกะหมายหัว สรุปคือถ้าเป็นไปได้ห้ามผมเจอกับโชโกะ ถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็ห้ามไม่ให้โชโกะอยู่ห่างจากบอร์ดี้การ์ด

ผมก็พอเข้าใจที่ซาโตชิบอก เรากินชาบูชาบูกันต่อจนอิ่ม จากนั้นซาโตชิก็โทรให้คนมารับผมไปส่งที่โรงแรม ผมยืนรอรถที่หน้าร้านซักพักก็มีรถ Nission Skyline สีน้ำเงินมาจอดหน้าผม กระจกรถค่อยๆ เลื่อนลงเอริกะนั้นเองที่เป็นคนขับรถ ผมรู้สึกทั้งดีใจและแปลกใจมาก ผมดีใจที่ได้เจอเธออีกวันนี้ แต่ที่ผมแปลกใจคือ เอริกะขับรถที่เรียกว่าแรงอันดับต้นๆ ของตระกูลรถญี่ปุ่น และเป็นในฝันของผมซะด้วย

"ขึ้นมาซิค่ะ ฉันจะไปส่งคุณเอง" เอริกะ
"ครับ" ผมก้าวขึ้นรถ
"นี่คุณมารอรับผมหรอ"
"ค่ะ" เอริกะ
ผมพยายามจะคิดหาทางให้เธออยู่กับผมให้นานอีกซักหน่อย แล้วผมก็คิดได้

"คุณรอผมอยู่ก็แสดงว่าคุยยังไม่ได้ทานข้าวเย็นซินะครับ"
"ค่ะ" เอริกะขับรถจากหน้าร้าน
ผมต้องรีบแล้วเพราะเอริกะขับรถเร็วมาก ไม่นานคงถึงโรงแรมแน่ๆ 
"คุยก็ยังไม่ทานข้าวหละซิ"
"ค่ะ" เอริกะ
"งั้นและทานข้าวกันก่อนไหม"
เอริกะมองผมด้วยสายตาแบบตอนกลางวันก่อนจะตอบ
"ฉันค่อยทานหลังจากไปส่งคุณแล้วก็ได้" เอริกะพูดจบแล้วยิ้มมุมปากเหมือนจะรอดูว่าผมจะว่ายังไงต่อ
"ซาโตชิบอกให้คุณมาดูแลผมใช่ไหม"
"ใช่ค่ะ" เอริกะ
"งั้นคุณก็ต้องทำตามที่ผมบอกใช่ไหม"
"ใช่ค่ะ แต่คงไม่ทุกเรื่องหรอกนะค่ะ" เอริกะยิ้มมุมปากอีกครั้ง
"งั้นผมหิว หาอะไรทานกันก่อนได้ไหม"
"แต่คุณเพิ่ง" เอริกะ
"อะไรเรื่องกินก็ช่วยไม่ได้หรอสงสัยพรุ่งนี้ผมต้องคุยกับเจ้านายคุณซักหน่อยแล้ว"
"คุณอยากกินอะไรหละ" เอริกะ
"อะไรก็ได้ ขอเป็นญี่ปุ่น ผมอยากกินหมด" ผมหยอดเป็นในๆ ว่าผมอยากกินเธอด้วย
"ได้ค่ะ งั้นตามใจฉันแล้วกันนะ" เอริกะ

เอริกะพาผมไปนั่งกินร้านรถเข็นข้างทางริมสวนสาธารณะแห่งนึง มันเป็นร้านราเม็งที่เราสามารถเลือกลูกชิ้นที่ต้มอยู่ในถาดมากินได้ ผมนั่งกินราเม็งกับเอริกะไปก็ชวนเธอคุยไปจนเธอเริ่มคุยเรื่องส่วนตัวกับผมบ้าง ผมถามเธอเรื่องรถ เธอบอกว่าเธอชอบแข่งรถ ซึ่งวันนี้เธอก็จะไปแข่งที่ภูเขาแถวนี้ ผมเลยขอตามเธอไปด้วย ยังไงไม่ได้ฟันวันนี้ผมก็ขอตามดูความสวยของเธอให้นานที่สุดก่อน ตอนแรกเอริกะจะไม่ยอมให้ผมไปด้วย แต่พอผมบอกว่าเป็นคำขอร้องเธอก็ยอมพาผมไป แต่ก่อนไปเธอขอเปลี่ยนชุดก่อน เอริกะปีนไปด้านหลัง ผมแอบเห็นหวอเธอโผล่สีขาวแว๊ป เอริกะบอกผมว่าห้ามแอบดู แต่ผมหรือจะอดใจได้ ผมแอบดูเอริกะเปลี่ยนเสื้อผ้าจากกระจกมองหลัง ซึ่งผมเองคิดว่าเธอก็คงรู้ว่าผมต้องมองแน่ๆ แผ่นหลังเอริกะขาวเนียนตัดกับผมดำคลับยาวสรวย เอวเธอคอดมากแต่ก็ไม่ผมจนเห็นกระดูก โอ้วเธอสักที่บั้นเอวด้วย ปรกติผมไม่ชอบสาวที่มีรอยสัก เพราะว่าดูมันเลอะเทอะ ผิวเปล่าๆ ก็สวยพอแล้ว แต่ว่าผมก็ดันแพ้สาวที่มีรอยสักที่ปั้นเอวจริงๆ ยิ่งถ้าได้ด๊อกกี่นะ เอาไม่ยั้ง ตอนนี้ไอ้หนูผมแข็งขึ้นมาทันที ผมยังคงดูสัดส่วนเอริกะต่อหน้าอกเธอใหญ่มากเป็นก้อนกลมไม่คล้อยเลย ก้นก็กลม แก้มก้นน่ากัดสุดๆ ผมแทบจะอดใจไม่อยู่หันหลังไปปล้ำเธอหลายครั้งจนเธอแต่งตัวเสร็จ เอริกะเปลี่ยนชุดเป็นเหมือนพวกเรสควีน สีแดงสลับดำ กระโปรงสั้นมากๆ เสื้อก็เอวลอยเห็นสะดือ เธอข้ามกลับมาแล้วหันมามองผมแล้วยิ้มก่อนจะพูดว่า

"อิ่มไหมค่ะ" เอริกะ
"อะไร ข้าวหรอครับ ผมอิ่มแล้ว"
"นึกว่าดูจนอิ่มซะอีก" เอริกะยิ้มแล้วขับรถออกไป

ผมไม่ตอบอะไรเพราะรู้ๆ กันอยู่ เธอรู้ว่าผมจะแอบดู ส่วนผมก็แอบดูจริงๆ นี่เธอไม่ว่าอะไรผมจะว่าอะไรหละจริงไหม ระหว่างทางไปภูเขาผมก็ได้มองเบื้องล่างของเอริกะจนเพลินเพราะกระโปรงที่เธอใส่สั้นมาก แค่ขยับขานิดเดียวผมก็เห็นเบื้องล่างเธอไปทุกส่วนแล้วนี่เธอขับรถเกียร์กระปุก ทำให้เธอต้องเหยียบครัสบ่อยมาก ผมได้แต่ข่มใจไม่ให้แข็งเพราะกลัวว่าเดี๋ยวจะเดินออกจากรถไม่ได้เพราะไอ้หนูผมชักธงรบอยู่

เอริกะขับรถออกนอกเมืองไปยังภูเขาแห่งหนึ่ง ผมรู้สึกคุ้นๆ กับภูเขาแห่งนี้มาก เหมือนเคยเห็นในหนังผมเลยถามชื่อภูเขานี้กับเธอ พอได้ยินชื่อเท่านั้นแหละ ผมก็ต้องตกใจ ที่นี่คือหุบเขาอากินะ นี่มันที่เดียวกับในการ์ตูนจริงๆ หรอ ผมถามเธอเรื่อง AE86 เธอทำหน้าแปลกใจที่ผมรู้เรื่องนี้ด้วย พอเริ่มขึ้นเขาผมก็เริ่มเห็นคนที่มาจอดรถรอดูการแข่งเยอะมาก สาวๆ แต่งตัวโป๊ๆ เพียบ 

พอถึงยอดเขาดูเหมือนจะมีทีมของเอริกะมารออยู่ก่อนแล้ว เอริกะจอดรถ มีเด็กผู้หญิงรีบวิ่งมาเปิดประตูให้ ดูเหมือนเธอจะเป็นนักแข่งชื่อดังคนนึงของที่นี่ ผมออกมาจากรถบ้าง คนรอบข้างมองผมเป็นตาเดียว ผู้ชายบางคนมองผมเหมือนอยากจะฆ่าผมให้ตาย สงสัยผมจะจีบสาวผิดคนซะแล้วมั้งเนี่ย ผมเดินออกมาไม่กี่ก้าวก็มีผู้ชายใส่ชุดนักแข่งสีดำเข้ามาผลักอกผม เอริกะรีบเข้ามากันแล้วแล้วผลักผู้ชายคนนั้นกลับไป สองคนยื่นพูดกัน จริงๆ ผมว่าเถียงกันแต่ผมฟังไม่ออก ดูเหมือนผู้ชายคนนั้นจะเป็นนักแข่งเหมือนกัน 

ทั้งคู่ทะเลาะกันซักพัก เอริกะก็เดินกลับมาหาผม ผมถามว่าผู้ชายคนนั้นคือหัวหน้าแก๊งค์ Red Sun เคยเป็นแฟนเธอ เค้าเข้าใจว่าผมคือแฟนใหม่ของเอริกะเลยเข้ามาหาเรื่อง แล้วท้าผมแข่งรถเพื่อพิสูจน์ว่าใครเหมาะสมจะเป็นเธอ ผมบอกเอริกะว่าผมยินดีแข่งแต่ผมเคยแต่ขับรถถนนธรรมดา เอริกะบอกว่าเธอตกลงกับฝ่ายตรงข้ามว่าให้ผมแข่งกับคนที่อ่อนที่สุดในทีม Red Sun โดยเธอจะขอนั่งในรถด้วยเพราะผมไม่เคยขับรถลงเขาแล้วก็ไม่ใช่เจ้าถิ่น

ผมรู้สึกตกใจ นี่จะเอาจริงๆ หรอ แล้วถ้าพลาด มีตกเขาตายกันแน่ๆ แต่ตอนนี้ถ้าไม่สู้ก็คงหมดโอกาสฟันเอริกะแน่ๆ เอาก็เอาวะ คงไม่ถึงตายหรอก แค่คางเหลือง สรุปผมตกลงแข่ง ตอนแรกผมนึกว่าจะได้ซ้อมก่อนซักรอบ แต่ก็ไม่ได้ซ้อมเลย ผมพอจะมีทักษะการดริฟบ้างแต่จากเกม แผนที่หุบเขาอากินะก็พอจะจำได้จากเกมเหมือนกัน 

ผมขับรถ skyline ของเอริกะ ซึ่งต่อให้ผมไม่เคยขับมันจริงๆ ผมก็พอจะรู้เดาได้ว่ามันจะโอเวอร์สเตียร์ขนาดไหนเวลาเข้าโค้งด้วยความเร็ว ในขณะที่คู่แข่งผมใช้รถ Evo IV ซึ่งเข้าโค้งสบายๆ แบบนี้มันเหมือนโกงกันชัดๆ จะมีส่วนไหนของทางลงเขาที่ผมจะใช้ประโยชน์จากเครื่อง 320 แรงม้าได้ ผมคิดแล้วก็หมดหวังจะชนะ

แล้วการแข่งขันก็เริ่มขึ้น ผมยังไม่คุ้นเคยกับรถของเอริกะเลยทำให้ออกตัวได้ช้ากว่าและเป็นฝ่ายตาม โชคยังดีที่คู่แข่งผมฝีมือไม่เอาไหนเหมือนผมถึงจะนำหน้าแต่ก็ทิ้งห่างออกไปไม่ได้ แต่ยังไงผมก็ไม่คุ้นกับเครื่องยนต์อยู่ดีผมต้องดูเกจวัดรอบทุกครั้งก่อนที่จะเปลี่ยนเกียร์ ทำให้ผมเสียจังหวะที่จะแซงได้ จนเอริกะบอกผมว่า

"ใช้ความรู้สึกอย่าสนใจหน้าปัด" เอริกะ

แล้วผมก็คิดได้ปรกติเวลาผมขับรถของตัวเองผมก็ใช้ความรู้สึก เหมือนเครื่องยนต์และรถเป็นส่วนหนึ่งของผม ผมเริ่มฟังเสียงและอาการตอบสนองของ skyline และก็เริ่มที่จะจับจังหวะของมันได้ ผมเริ่มไล่จี้ท้าย Evo สีเหลืองที่นำอยู่ แต่ผมก็ยังไม่กล้าดริฟอยู่ดี แล้วเอริกะก็ทำให้ผมหมดความกลัวที่จะดริฟ เธอวางมือมาที่หน้าขาผมแล้วเอียงหน้ามาที่ข้างหูก่อนจะกระซิบด้วยเสียงเซ็กซี่

"ถ้าคุณชนะ ฉันจะเป็นของคุณ" เอริกะพูดด้วยน้ำเสียงที่เซ็กซี่ที่สุดเท่าที่ผมเคยได้ยินมา

เสียงที่เซ็กซี่ประโยคที่เธอพูดรวมถึงลมหายใจที่ร้อนผ่าวกระทบใบหน้าผม ทำเอาผมลืมกลัว ผมคิดว่าเอาวะดริฟก็ดริฟ เคยศึกษามาเหมือนกันแต่ไม่เคยลอง ผมนึกถึงวิธีดริฟที่ผมเคยโหลด VDO มานั่งดูตอนบ้ารถดริฟ แล้วผมก็เลือกเอาวิธีที่ผมน่าจะทำได้ ผมเลือกเอาการดริฟแบบ Powerover การเข้าโค้งด้วยความเร็วเพื่อให้รถเสียการทรงตัวและกลายเป็นการดริฟ ผมเหยีบคันเร่งตามจี้ Evo จนติด พอถึงโค้งผมก็หักพวกมาลัยมันได้ผลรถเสียการทรงตัว ไถลไปตามแรงเหวี่ยง ผมจำได้เวลาเล่นเกม เราต้องหักพวกมาลัยไปฝั่งตรงข้ามแล้วเร่งเครื่องมันจะทำให้รถเกาะโค้งได้ ผมรีบทำตามที่ผมคิด สำเร็จผมดริฟได้เป็นครั้งแรกในชีวิต เอริกะพูดภาษาญี่ปุ่นว่าอะไรไม่รู้ แต่ดูเหมือนเธอจะพอใจในฝีมือผม หลังจากนั้นผมก็เริ่มขับรถบี้กดดัน Evo ที่นำอยู่ 

ความกดดันที่ผมพยายามสร้างมันก็เป็นผล Evo เสียหลักในการเข้าโค้งตัว S มันเข้าโค้งแรงเกินไปทำให้รถไถลออกข้างไปเหลือช่องว่างให้ผมแซง ซึ่งถ้าเป็นเกมผมมักจะโกงเกมด้วยการวิ่งตัดตรงเป็นประจำ แล้วมันก็ทำให้ผมแซงคอมได้ทุกครั้ง ผมเลยตัดสินใจขับตัดตรงแซง Evo ขึ้นมานำบ้าง

แล้วผมก็เริ่มโดนกดดันคืนบ้างถึงทางตรงผมจะสามารถอาศัยแรงม้าที่เหนือกว่าทิ้งห่างได้แต่การเข้าโค้งผมก็ยังด้อยกว่า Evo อยู่มาก ทำให้ผมนำทิ้งห่างไม่ได้เหมือนกัน แล้วก็มาถึงโค้งรูปตัวยู ซึ่งแม้ในเกมผมก็เกลียดโค้งนี้ ผมมักจะหลุดโค้งอยู่เป็นประจำ ทำให้ผมไม่กล้าที่จะดริฟผ่านโค้งนี้ได้แต่แตะเบรกแล้วก็ชะลอรถ ทำให้ Evo ที่ตามมาด้วยความเร็วเข้าโค้งแล้วดริฟผ่านไปอย่างง่ายดาย เอริกะโกรธมากเธอตีแขนผมแล้วบ่นอะไรไม่รู้ ผมได้แต่บอกว่าผมไม่กล้าดริฟกับโค้งรูปตัวยู

การแข่งใกล้มาถึงเส้นชัย ผมจำได้ว่าโค้งสุดท้ายก่อนทางตรงเป็นรูปตัวยูอีก ผมคงแพ้แน่ๆ ต่อให้ผมนำได้อีก ผมก็คงจะต้องไม่กล้าดริฟที่โค้งสุดท้ายแน่ๆ ผมไล่บี้ Evo มาตลอดทางแต่มันก็ไม่เปิดโอกาสให้ผมแซงได้อีกจนใกล้ถึงโค้งสุดท้าย เอริกะพูดขึ้นมาว่าต้องดริฟเท่านั้นถึงจะมีโอกาสชนะ ผมได้แต่สายหัวว่าผมไม่กล้า จนใกล้ถึงโค้งเอริกะก็ขว้าไอ้หนูผมแล้วกำแน่น เธอพูดว่า Do it ผมตกใจมาก เอริกะกำมันแน่นมากและกำแรงขึ้นตอนใกล้ถึงโค้ง นี่ถ้าผมไม่ดริฟ ผมได้หน้าเขียวแน่ๆ ผมกลั้นใจขับออกเลนนอกพอใกล้โค้งผมก็หักพวกมาลัยเลี้ยวทันที sky line ตั้งเป็นแนวขวางไปตามทางโค้ง ช่วงวินาทีนั้นมันช่างยาวนานทุกอย่างเหมือนเป็นภาพสโลโมชั่น ผมเข้าโค้งโดยที่ความเร็วอยู่ที่ 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เสียงยางบดกับถนนดังเหมือนเสียงเพลงร๊อคมันช่างเป็นอะไรที่ผมไม่คิดฝันว่าจะได้มาเจอ ผมไม่รู้สึกกลัวอีกแล้วผมรู้สึกเหมือนถูกปลดปล่อย แบบนี้เองพวกนักซิ่งถึงได้ชอบแข่งดริฟกัน

พอพ้นโค้งแรงเหวียงก็ทำให้เจ้า sky line กลับมาตั้งตรงตามแนวถนน เอริกะพูดขึ้นว่า Now พร้อมกับกำเอ็นผมแรงมาก ผมรู้ว่ามันคืออะไร ผมมีโอกาสที่จะชนะแล้ว ผมเหยีบคันเร่งมิดเครื่อง 320 แรงม้าดังกระหึ่มเหมือนมันตอบรับผมซึ่งเป็นคนขับแล้ว ทุกอย่างด้านหน้าเริ่มกลายเป็นแสง ผมไม่ได้มองเลยว่าตอนนี้ความเร็วเท่าไหร่ แต่มันต้องเร็วมากแน่ๆ ผมเห็น Evo ที่อยู่ด้านหน้าเหมือนเป็นภาพสโล ผมรู้ว่ามันคงต้องพยายามดักทางไม่ให้ผมแซงแน่ๆ แต่ว่าผมเองถ้าเป็นถนนธรรมดาผมก็เคยขับแข่งกับพวกขับรถกวนประสาทอยู่เหมือนกัน ผมจี้เข้าไปหา Evo แล้วหักซ้ายก่อนจะหักขวากลับแล้วเหยีบคันเร่งมิด Evo พลาดท่าคิดว่าผมจะแซงซ้ายจริงๆ ทำให้มันรีบหักรถไปดักด้านซ้ายเต็มที่ ทำให้ผมเหยียบเจ้า skyline พุ่งผ่านขึ้นไปนำได้ในที่สุด 

พอแซงได้เอริกะก็มากอดแล้วหอมแก้มผม จากนั้นผมก็ขับรถนำเข้าเส้นชัย ผมกับเอริกะลงจากรถ มีคนเข้ามารุมล้อมเราเต็มไปหมด มีสาวๆ ถอดบราถอดกางเกงในแล้วปาใส่ผมด้วย 55 แต่ผมไม่สนหรอกเพราะผมมีเป้าหมายอยู่

หัวหน้าแก๊ง Red Sun ลงมาจากรถแล้วลากคนที่แข่งกับผมลงจากรถแล้วตบหัวไปหลายครั้ง ดูเหมือนเขาจะโกรธมาก ผมแปลกใจว่าทำไมแค่แพ้แค่นี้ต้องโมโหขนาดนี้ด้วยจนผมมารู้ที่หลังว่า เอริกะพนันกับการแข่งครั้งนี้ด้วยเรื่องร่างของเธอ ถ้าแพ้เธอจะยอมไปนอนกับหัวหน้าแก๊ง Red Sun แต่ถ้าผมชนะ แก๊ง Red Sun ต้องออกไปจากเมืองนี้อย่างน้อย 1 ปี ผมแทบจะหัวเราะไม่ออก นี่ถ้าผมแพ้ สาวที่ผมอยากฟันจะต้องโดนคนอื่นฟันหรือนี่ นี่ถ้าเอริกะบอกผมแต่แรกผมคงไม่กล้าแข่งแน่ๆ

หลังจากแก๊งค์ Red Sun ออกไปผมก็ดูการแข่งของคนอื่นๆ อ้อผมลืมบอกไป แก๊งค์ของเอริกะชื่อ Red Hawk ผมนึกได้รอยสักเธอ มันเหมือนรูปนกกางปีกสีแดง ซึ่งสาวๆ ในทีมเอริกะก็มีรอยซักแบบนี้แต่อยู่ตามเนินอกบ้างต้นแขนหน้าท้องบ้าง

ผมดูรถแข่งไปก็แอบดูเรื่องร่างน้องเหยี่ยวแดงไป (เอริกะ) วันนี้ผมจะได้สัมผัสมันเต็มๆ แล้ว ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะเร็วแบบนี้ แล้วยิ่งมีรอยสักที่บั้นเอวแบบนี้ ผมจะกระทุ้งท่าด๊อกกี้ให้พรุ่งนี้เดินขาถ่างเลยคอยดู 

ตีสี่กว่าๆ นักซิ่งก็เริ่มแยกย้ายกันกลับ เอริกะขับรถลงมาจากเขาแล้วมาแอบจอดที่มุมมืดแห่งหนึ่ง ผมคิดในใจว่าเอาแล้ว คิดว่าจะได้เอาบนเตียง นี่จะกลายเป็นได้ฟันเธอบนรถคันโปรดของเธองั้นหรอ เอริกะดับเครื่องแล้วก้าวข้ามมานั่งคล่อมผม เธอพูดเบาๆ ว่า นี่คือรางวัล เอริกะเผยอริมฝีปากบางสวยลิปสีชมพูมันวาวน่าจูบ ผมรีบประกบปากจูบกับเธอ จากนั้นผมก็เอามือคลึงหน้าอกคู่งามของเอริกะ มันแน่นมากจนผมอดที่จำขย้ำไปแรงๆ ไม่ได้ เอริกะครางอืมๆ ในลำคอ ผมเลื่อนมือลงมาที่เอวของเอริกะก่อนจะลงต่อมาที่สะโพกสวยของเธอแล้วขย้ำมันอย่างแรง เอริกะครางอืมมมในลำคอก่อนที่เธอจะจับมือผมแล้วพูดขึ้น

"แค่นี้ก่อนนะสำหรับวันนี้" เอริกะ

เธอทำเอาผมอยากสุดๆ แต่ผมก็ไม่ชอบบังคับขืนใจผู้หญิง เอริกะกลับไปนั่งที่ด้านคนขับก่อนจะไปส่งผมที่โรงแรม ผมงี้แข็งจนสุดตัวตลอดทาง ผมอยากจะเอาเธอมากๆ ยิ่งได้ลิ้มรสไปบ้างบางส่วนแล้วแบบนี้ ถึงโรงแรมเอริกะหอมแก้มผมแล้วบอกว่าพรุ่งนี้เธอจะมารับ ผมพยายามจะชวนเธอลงจากรถแต่เอริกะรู้ว่าถ้าเธอลงจากรถแล้วขึ้นไปที่ห้องผม วันนี้เธอโดนแน่ ผมได้แต่มองเจ้า sky line ที่บึ่งออกไป ผมคิดในใจว่าผมจะไประบายที่ไหนหละเนี่ย นี่ถ้าเป็นประเทศไทยผมคงหาที่ลงได้ต่อให้ไม่มีแนน ผมก็คงไปหาสาวหิ้วมาเสยให้หายอยาก แต่นี้ญี่ปุ่นแล้วเค้าไปหิ้วสาวกันที่ไหนหละเนี่ย 

ผมยืนคิดไปคิดมาแล้วก็ปลงเดินเข้าไปในโรงแรม ผมรับกุญแจที่ล๊อปปี้แล้วขึ้นไปที่ห้อง ห้องผมเปิดไฟอยู่ มันเป็นห้องที่ใหญ่มากเหมือนกันมีห้องรับแขกแยกต่างหากกับห้องนอน ผมคิดว่าจะอาบน้ำซะหน่อย เดี๋ยวไปแช่น้ำอุ่นคงทำให้หายอยากได้บ้าง ผมถอดเสื้อผ้าออกแล้วมองหาผ้าขนหนูมานุ่ง ผมมองหากระเป๋าเสื้อผ้าแต่ไม่เจอสงสัยเบลบอยเอาไปเก็บในห้องนอนให้ ผมเปิดประตูห้องนอนเข้าไป ผมกลับเจอสาวสวยในชุดเมทนอนหลับอยู่บนเตียง ตอนแรกผมคิดว่าเป็นพนักงานโรงแรมหรือเปล่ามาแอบหลับ แต่พอดูดีๆ ชุดเธอมันช่วงวาบหวามเหมือนกับชุดพวกสาว AV ใส่เล่นหนังเลย ผมเข้าไปเขย่าแขนเธอ พอเธอรู้สึกตัวเธอรีบลุกขึ้นแล้วโค้งเหมือนขอโทษผม แต่ผมฟังไม่ออกหรอก จากนั้นเธอก็เข้ามาดึงผ้าขนหนูผมออกแล้วคว้าเอ็นผมเข้าปากไปอมอย่างชำนาญพร้อมกับยื่นกระดาษให้ผมแผ่นนึงเขียนว่า "ของหวานสำหรับวันนี้ ส่วนพรุ่งนี้คงต้องหาเอาเอง" ซาโตชิส่งของหวานมาให้ผมนั้นเอง แหมรู้ใจกันดีจัง

ผมปล่อยให้น้องเมทอมจนพอใจ ผมก็จับหน้าเธอให้หยุด ผมพยายามถามชื่อเธอ บอกว่าเธอชื่อฮานะ (ดอกไม้) วันนี้ดอกไม้ดอกนี้คงโดนผมขย้ำแน่ๆ ผมยิ่งโดนน้องเหยี่ยวแดงยั่วให้อยากแล้วจากไปอยู่ด้วย ผมปลดชุดเมทเธอออก โอ้วด้านในมันว่างเปล่าไม่มีชั้นในซักชิ้น หน้าอกขาวอวบ โคกอูมหมอยไม่เยอะนัก ไอ้หนูผมมันกระตุกเหมือนจะบอกว่าอยากจะมุดรูฮานะเต็มที่แล้ว ผมกดฮานะให้นอนลง เธอรีบนอนลงแล้วแยกขาทันที แต่ผมควรจะป้องกันเธอทำเป็นอาชีพนี่นะ ผมมองหาถุงยาง ฮานะทำหน้าสงสัยผมเลยบอกเธอว่า คอนดอม เธอไม่เข้าใจ อืมแล้วผมก็นึกได้ว่าพวกญี่ปุ่นชอบมักจะให้คำภาษาอังกฤษลงท้ายด้วยโมะๆ โต๊ะๆ อย่าง โพสการ์ด ก็เรียกว่า โพสกาดโต๊ะ ผมเลยลองพูดว่า คอนโดโมะ เธอยิ้มพยักหน้าแล้วรีบหยิบกระเป๋าขึ้นมาเปิดแล้วหยิบถุงยางออกมาหลายแบบมาก ฮานะหยิบมาอันนึงแล้วพูดว่า คอนโดโมะ ผมพยักหน้า เธอให้ผมเลือก มันมีหลายแบบมากจนผมเลือกไม่ถูก แต่ปรกติผมจะชอบแบบที่มันขรุขระ ผมจับแขนเธอแล้ว เอานิ้วจิ้มแขนเธอ ฮานะทำหน้างงก่อนจะพยักหน้าแล้วหยิบถุงยางมาอันนึงแล้วฉีกออก ใช่มันเป็นแบบขรุขระ

ผมนั่งบนเข่า ฮานะเข้ามาอมให้ผมอีกครั้งจนเอ็นผมแข็งจากนั้นเธอก็เอาถุงยางใส่ให้ผม พอเธอใส่ถุงยางให้ผมเสร็จ ผมก็ก้มไปไซด์ซอกคอฮานะ เธอครางเสียวพร้อมทั้งขย้ำเอ็นผมไปด้วย ตัวเธอหอมมา ผมเริ่มเปลี่ยนเป็นดูดเลียแทน ฮานะครางเสียงดัง เธอนี่ครางเก่งจริงๆ ผมแค่ดูดคอเธอร้องซะอย่างกับโดนเอ็นผมทะลวงอย่างงั้นแหละ  ผมไซด์เลียคอฮานะจนเธอตัวอ่อนนอนลงบนเตียง ผมจับเธอแยกขาออก ผมเอาลำท่อนเอ็นถูกับร่องสาวเธอ ปากผมก็ดูดเลียไปทั่วเนินอกฮานะ ตัวเธอขาวจนชมพู ผมกัดตรงไหนก็แดงตรงนั้นทำเอาผมหื่นขึ้นมา ผมกัดเธอไปทั่ว ฮานะครางลั่นเด้งเอวเอาร่องถูกับลำเอ็นผม แล้วผมก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปผมจับเอวเธอแน่นแล้วกดเอ็นเข้าไปมิดลำ ฮานะร้องลั่นห้อง ผมเร่งกระเด้าเธอดังพับ พับ พับ ฮานะร้องควนครางเหมือนสาวที่เพิ่งเคยโดนเอ็นเป็นครั้งแรก แต่แรงตอดรัดกับการเด้งเอวรับนี่ระดับเทพ เสียงครางของฮานะทำเอาผมหื่นมากขึ้นผมกระแทกเธอจนตัวสั่นไปทั่งตัว จากนั้นผมก็จับเธอนอนตะแคงแล้วเริ่มกระเด้าเอ็น ท่านี้ทำเอาเอ็นผมเข้าไปชนมดลูกเธอย่างจัง ฮานะร้องเหมือนกำลังโดนข่มขื่น ระหว่างกระแทกเอวผมก็กัดเรียวขาของฮานาข้างที่ยกขึ้นมาด้วย เธอร้องกรี๊ดทุกครั้งที่ผมงับขาเธอ จากนั้นผมก็จับเธอโก้งโค้งแล้วอัดเอ็นเข้าไปสุดลำจนเธอต้องแอ่นตัวร้องกรี๊ด 

ผมเริ่มกระแทกเอ็นใส่รูฮานะแรงๆ ดังตับ ตับ ตับ ก้นเธอโดนหน้าขาผมกระแทกจนแดงไปหมด ผมอัดเอ็นใส่ฮานะจนเธอแหง่นเริดสะบัดหัวไปมาอย่างเสียวซ่า จากนั้นผมก็เริ่มเร่งจังหวะ ผมขย้ำเอวฮานะไว้แน่นแล้ว

PHAISAL

ของหวานอย่างฮานะ คงรู้รสชายไทนแน่นอน