ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_err

จอมไสยสาว ตอนที่ 5 (ศัตรูลองของ)

เริ่มโดย err, พฤศจิกายน 05, 2010, 09:39:34 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

err

ดิฉันตื่นนอนตั้งแต่ตอนตี 5 เศษด้วยความสดชื่น
เหตุการณ์เมื่อคืนทำให้ดิฉันได้ผ่อนคลายและมีความสุขอย่างประหลาด
ดิฉันเกิดความรู้สึกอะไรดี ๆ ขึ้นมาในใจหลายอย่างในเพศตรงข้าม
รู้สึกถึงความเป็นธรรมดา เป็นธรรมชาติของมนุษย์มากขึ้น

ดิฉันเปิดไฟขึ้นมาทบทวนบทเรียนภาษาขอมโบราณที่พ่อให้มา
ผันตัวอักษรไปที่ละบท ๆ จนครบถ้วน
จึงลุกขึ้นไปหยิบคัมภีร์ใบลานของพ่อที่อยู่บนหิ้งพระในห้องมาหัดอ่าน

ค่อย ๆ แกะไปทีละตัว ๆ
วิชาในคัมภีร์เล่มนั้น คือ วิชา "มณีในดอกบัว"
ดิฉันค่อย ๆ แกะตัวอักษรไปเรื่อย ๆ พอจับใจความได้ว่า
"มณีในดอกบัว คือ ใจที่สดใสสว่างดั่งดวงแก้ว สุขอันเกิดจากความสงบสันติ"
มันแปลกมาก ๆ ที่พออ่านจับใจความได้ จิตใจดิฉันโน้มเข้าไปในวิชาโดยทันที

กลางใจดิฉันเหมือนจะเกิดแสงเรืองรองสว่างสดใสเป็นสีส้ม
ภายในแสงอมส้มมีดอกบัวสีขาวผุดลอยขึ้นมาจากความว่างเปล่า
ใจดิฉันเกิดความอิ่มเอมแช่มชื่นอย่างประหลาดมหัศจรรย์
จากนั้นดอกบัวก็ค่อย ๆ บานออกทีละน้อย ๆ
ขณะที่ดอกบัวกำลังแบ่งบานบาน มีเสียงก้องสะท้อนออกจากเกสรก็ไม่ปาน
"โอม..มณี..ปัท..เม..กุม"
เสียงนั้นแผ่วทุ้มสะท้อนสะเทือนเข้าไปทุกอนูในกายของดิฉัน
แต่ก็มองหาต้นเสียงที่ว่าไม่พบ และดิฉันไม่ได้ท่องขึ้นมาเอง
มนต์บทนี้ดิฉันไม่รู้และเคยได้ยินมาก่อน

ใจกลางดอกบัวที่บานมีร่างแก้วผลึกขาวใสกระจ่างนั่งขัดสมาธิอยู่
ดิฉันบอกไม่ได้ว่าทำไมดิฉันจึงรู้สึกแจ่มชัดว่านั่นคือตัวดิฉันเอง
จิตรับรู้ของดิฉันทั้งหมดก็รวมศูนย์วูบเข้าไปที่กลางร่างแก้วผลึกใสร่างนั้นทันที
แล้วในขณะนั้น..จิตของดิฉันดิ่งเข้าอัปปมัญญา

นานเท่าไหร่ก็ไม่ทราบ จิตของดิฉันออกมาสู่อุปจาระสมาธิ
ดิฉันค่อย ๆ ลืมตาขึ้นเหลียวมองไปรอบ ๆ ปล่อยให้อยู่นิ่งอยู่ครู่หนึ่งแล้วค่อย ๆ ลุกขึ้นจากเตียง
หยิบคัมภีร์ใบลานยกขึ้นพนมมือเหนือศีรษะ แล้วเอากลับไปวางไว้บนหิ้งพระเหมือนเดิม

"มณีในดอกบัว"
ดิฉันฝึกสำเร็จได้อย่างไม่คาดฝัน
ขณะนี้ดิฉันมองย้อนกลับเข้าไปภายใน ก็ยังเห็นดอกบัวที่บานอยู่ชัดเจน

.....................

ดิฉันเหลียวไปมองนาฬิกาที่ข้างเตียง
ขณะนี้เวลาเกือบ 6 โมง ดิฉันจึงเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำเตรียมตัวไปเรียนหนังสือ

6.30 น.ดิฉันออกมาทานอาหารที่แม่นวลคนพิเศษของพ่อทำเอาไว้ให้
ดิฉันทานอาหารนิดหน่อยแล้วเดินไปหาพ่อ
แต่ก็ไม่เจอ ไม่ทราบไปไหน
ดิฉันจึงออกจากบ้านมาขึ้นรถแล้วขับไปมหาลัย

จิตใจของดิฉันชื่นบานมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง
ขณะรถติด ดิฉันย้อนทบทวนวิชาปรอท
ก็ปรากฎเงาปรอทสีเงินยวงแพรวพราวหมุนวนอยู่รอบ ๆ กาย

ดิฉันถึงมหาลัย ก็ยังเป็นคนแรก ๆ อยู่ดี
ดิฉันซื้อนมมานั่งกินที่ซุ้ม
ขณะเดียวกันจิตใจก็จรดจ่อที่ดอกบัวบานอยู่อย่างใจ
ดิฉันเห็นได้พร้อมๆ กันทั้งสองสภาวะ คือ ภาวะภายนอก และภาวะภายใน

"วิสาระ..อึ้ม...."
ดิฉันหันไปทางเสียงเรียก
"อ้าว..พี่อาจอง...ไปไงมาไงนี่"
"จะซื้ออะไรกินหน่อย.."
"คะ.."
ดิฉันรับสั้น ๆ

พี่อาจองเดินเข้าไปในเซเว่น
สักครู่ก็เดินออกมาพร้อมอาหารเช้า
"เออ..ไม่ค่อยได้เจอกันนะวิสาระ..."
"คะ..."
"การเรียนเป็นไงบ้าง..."
"ก็ดีคะ..."
"นี่ใกล้สอบแล้ว..เทอมที่แล้วได้เท่าไหร่หละ..."
"ได้ 3 กว่า ๆ คะพี่อาจอง"
"อื้อ...เก่งนิวิสาระ...พยายามให้ได้เกียรตินิยมนะ..พี่ขอตัวก่อนนะ..."
ดิฉันไม่อยากบอกเลยว่าดิฉันได้เกรดเฉลี่ยอยู่ที่ 3.7 เศษ ๆ ด้วยซ้ำไป

ขณะที่พี่อาจองหมุนตัวที่จะจากไป
ดิฉันตาไม่ฝาดไปแน่นอน ดิฉันเห็นแววตาของพี่อาจองเปลี่ยนเป็นสีเขียวแวววาว"
เอ..มันจะไรก็ไม่รู้
ดิฉันย้อนจิตกลับเข้าไปสู่ร่างแก้วผลึกวาวใส
แค่นิดเดียวก็เหมือน ๆ จะมีอะไรวูบ ๆ วาบปรากฎขึ้น
แต่ก็จับต้นชนปลายไม่ถูก
ในภาพวูบวาบ ๆ นั้นเหมือนเห็นใครคนหนึ่งยืนหันหลัง ศีรษะสวมหมวก

"วิ..วิ...ยืนเหม่อเชียว..."
"อ้าว..สุนทรีย์เรากำลังคิดอะไรเพลิน ๆ นะ..."
"ตะกี้เราเห็นพี่อาจองอยู่แถว ๆ นี้ไปไหนเสียแล้วละ..."
"เพิ่งเดินไปตะกี้นี้เอง..ตามไปซิ.."
ดิฉันชี้มือบอกทางให้กับสุนทรีย์
"เรามีธุระกับพี่อาจองนิดหน่อย..."
สุนทรีย์รีบก้าวยาว ๆ ไปตามทางที่พี่อาจองเพิ่งจะเดินจากไป

ดิฉันอดหวนคิดไปถึงแววตาที่เรืองรองเป็นสีเขียวของพี่อาจองไม่ได้
แม้แค่นิดเดียวที่มองมองมา
แต่ดิฉันรู้สึกว่ามีอะไรอีกหลายอย่างที่ดิฉันไม่รู้และไม่เข้าใจ

ดิฉันเดินไปเรื่อย ๆ พอดีผ่านห้องน้ำก็เลยเดินเข้าไปเพื่อจะล้างมือและดูแลความเรียบร้อยของตัวเอง
ในห้องน้ำไม่มีใครเลย ดิฉันเปิดน้ำเพื่อล้างมือ
ขณะกำลังเช็ดมือให้แห้ง ดิฉันรู้สึกขนลุงซู่ชูตั้งแต่ศีรษะจนถึงปลายเท้าอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

ดิฉันรีบดึงจิตเข้าสู่ร่างแก้วผลึกกลางดอกบัวโดยอัตโนมัติ
แล้วดิฉันก็ได้ยินเสียงเปรี๊ยะ ๆ ดังมากจนหูชา
ผิวหนังที่แขน-ขาดิฉันร้อนวูบวาบขึ้นมาทันที

ขณะนี้ม่านปรอทที่ดิฉันคลุมตัวกำลังปะทะกับสิ่งแปลกปลอมบางอย่างที่พยายายามจะเข้ามา
ดิฉันรีบกำหนดจิตบริกรรมคาถาที่พ่อสอน
ม่านปรอทของดิฉันยิ่งแปร่งประกายวูบวาบหมุนคลุมทั้งร่างไม่ให้มีช่องว่าง

ทุกอย่างค่อยคืนสู่ความสงบ
มีบางอย่างตกลงที่พื้นห้องน้ำจนมีเสียงดัง
ดิฉันย่อตัวลงนั่งยอง ๆ พิจารณาทันที

ดูแล้วก็บอกได้เพียงว่าเหมือนควายเหล็กตัวเล็ก ๆ
ตรงส่วนหัวแหว่งหายไปมากกว่าครึ่ง
ดิฉันเอากระดาษทิชชุออกมาห่อแล้วม้วนจนเป็นก้อน
ในความรู้สึกบอกกับตัวเองว่าอย่าผิวหนังไปถูก

เหมือน..มีคนกำลังเพ่งดูดิฉันอยู่
เหมือน..มีใครกำลังทดสอบดิฉันอยู่
ดิฉันเพ่งจิตไปที่มวลปรอทแล้วเร่งพลังให้หมุนจนเร็วจี๋และขยายรัศมีออกไปเรื่อย ๆ
จนวงครอบของปรอทกินรัศนมีหลายสิบเมตร
แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งสิ้น

ดิฉันจึงย่อวงครอบของปรอทให้เล็กลงจนมีขนาดปกติ
จากนั้นดิฉันเอาม้วนทิชชุที่ม้วนเอาตัวควายเหล็กหัวแหว่งใส่ลงกล่องเล็ก ๆ
โดยหวังว่าเย็นนี้ดิฉันจะเอาไปให้พ่อดู

วันนั้นดิฉันเรียนไปตามปกติ
แต่พอมีเวลาว่างดิฉันอดที่จะคิดถึงควายเหล็กหัวแหว่งไม่ได้
คืออะไร ใครทำ เพื่ออะไร แล้วก็ตอบคำถามเหล่านั้นไม่ได้

ตอนเลิกเรียน ขณะที่จะขึ้นรถขับกลับบ้าน
แก้วเดินมาหาดิฉัน
"เป็นไงแก้ว..."
"วิ..เธอนี่เก่งจริง ๆ ตอนนี้อ๊อดยอมฟังฉันทุกอย่างเลย..ฉันห้ามไม่ให้เค้ากินเหล้า..เค้าก็ทำตาม ดีจัง"
"อื้อ..ก็ดีแล้วนิ...เธอดูแลเค้าให้ดี ๆ ก็แล้วกันแก้ว ยินดีด้วย..."
แก้วมองดิฉันเต็มตาแล้วบอกว่า
"ขอบคุณมาก ๆ อื้อ..วิดูคลิ๊ปยัง..."
"ดูแล้ว..ทำไปได้ไง..น่าเกลียด.."
ดิฉันพูดกับแก้วเบา ๆ แต่ก็เขินจนหน้าแดง

"วิ..ดีจะตายไป...สุดยอด...ฮา ๆ"
แก้วหัวเราะ เมื่อพูดถึงบทรักของเค้ากับอ๊อด
"เออ..แก้วเก่ง..เราไม่กล้าหรอก..ทำบ้าอะไรก็ไม่รู้...ม้ายเอา"
"เอาเถอะ ๆ ถึงวันที่เธอมีผอสระอัวแล้วรู้เองแหละ...เราไปละ...อ๊อดรอที่รถ"
"บ้า..นี่เธอจะเอาอีกแล้วเหรอ..."
แก้วหัวเราะแล้วส่ายหน้า
"วันนี้ปล่าว..มีอุบัติเหตุ...เค้าจะส่งบ้าน..."
ดิฉันพยักหน้าหงึก ๆ อย่างเหนื่อยใจ

แก้วหมุนตัวกลับแล้วรีบเดินจากไปทันที
เฮ่อ..มีผัวแล้วต้องทำถึงขนาดนี้ด้วยเหรอ..แก้วนิบ้าจริง ๆ
ดิฉันอดที่จะนึกหวาดเสียวไม่ได้เหมือนกัน
นังบ้าแก้ว..อมเข้าไปเต็มปากเต็มคอขนาดนั้น หายใจออกได้ไงก็ไม่รู้

ดิฉันส่ายหัวอย่างระอาก่อนที่จะสตาร์ทรถขับออกจากลานจอดรถ
ใช้เวลาไม่นานนักดิฉันก็ถึงบ้าน แล้วรีบเดินไปหาพ่อ
"พ่อ.."
"อ้าว..วิ..กลับมาแล้วเหรอ..."
"ลูกมีอะไรมาให้พ่อดู..."

ดิฉันเปิดกระเป๋าแล้วค่อย ๆ หยิบม้วนทิชชุที่ห่อควายเหล็กออกมา
พ่อมองห่อทิชชุด้วยสายตาที่ลุกวาว
"รีบปล่อยมือลูก..."
ดิฉ้นรีบทำตามปล่อยให้ม้วนทิชชุตกลงบนโต๊ะ
ขณะที่อ้าปากพูด พ่อหันมามองหน้าดิฉันแล้วทำปากขมุบขมิบแล้วเป่าพรวดมาที่ตัวดิฉัน
ดิฉันเย็นวาบที่อกจนสะดุ้งสุดตัว
"เฮ่อ..ดีนะที่ลูกห่อมันมา...."
"มีอะไรเหรอพ่อ..."
"นั่งลงก่อนซิ...เดี่ยวพ่อจะเล่าให้ฟัง..."

ดิฉันดึงเก้าอี้ออกมาแล้วรีบนั่งลงหันหน้ามาหาพ่อ
พ่อจับมือดิฉันเอาไว้แล้วพูดว่า
"ก็มีคนมาลองของกับลูกนะซิ...ดีนะที่ลูกคลุมร่างไว้ด้วยปรอท ไม่งั้นไอ้นี้จะเข้าไปอยู่ในตัวลูกแล้ว"
"เหรอ..พ่อ...อะไรละ.."
"ควายธนูลูก..ก็เป็นการปล่อยคุณไสยประเภทหนึ่งนั่นแหละลูก"
ดิฉันพยักหน้า พ่อหยุดนิ่งไปนิดนึงแล้วอุทานขึ้นมาว่า

"วิ..ลูกได้มณีในดอกบัวแล้วนิ...ไปแอบฝึกตอนไหนละ..."
"เมื่อคืนพ่อ..ลูกกำลังหัดอ่านภาษาขอมเลยไปเอาคัมภีร์ใบลานของพ่อมาอ่าน
ค่อย ๆ สะกดไปที่ละนิด ๆ ทำให้ได้วิชานี้มา..."
"เป็นโชคดีของลูกมากเลยนะ..แม้เค้าจะไม่เอาให้ถึงตายก็เถอะ..."

พ่อค่อยคลี่ม้วนทิชชุที่ห่อควายเหล็กออกมาช้า ๆ และระมัดระวังมาก
จนกระทั้งตัวควายเหล็กที่ตอนนี้เป็นสีดำสนิทตกลงมาอยู่บนโต๊ะ
พ่อมองตรงบริเวณหัวที่แหว่งเข้าไปแล้วก็ยิ้ม
"อึม...มันถูกปรอทโจมตีจนหัวแหว่งไปเลยลูก"
ดิฉันพยักหน้า
"เดี่ยวพ่อจะปล่อยควายธนูตัวนี้ให้กลับไปหาเจ้าของ"

พ่อหลับตาบริกรรมอาคม
ดิฉันเห็นปากพ่อขมุบขมิบอยู่นานทีเดียว
ควายธนูที่วางอยู่บนโต๊ะค่อย ๆ เลือน ๆ แล้วในที่สุดก็หายวับไปทันที
พ่อลืมตาขึ้นแล้วพูดว่า
"วิ...พ่อปล่อยมันกลับไปแล้ว..."
"แล้วเป็นไงละพ่อ..."
"ควายธนูตัวจะไปจัดการเจ้าของของมันเอง..."

แต่ปรากฎว่าเพียงครู่เดียวควายธนูหัวแหว่งก็ปรากฎขึ้นบนโต๊ะอีกครั้ง
"เอ๊ะ...มันไม่ไปนะลูก อื้อ..เจ้าของเค้าก็มีวิชาดีเหมือนกัน"
"แล้วทำไงค่ะ..."
"ลูกไปเอากล่องเหล็กที่วางบนเซฟทั้ง 2 ใบมาให้พ่อหน่อยซิ"
ดิฉันรีบเดินไปออกไปหยิบมาให้พ่อ

พ่อเปิดกุญแจกล่องเหล็กเก่า ๆ ใบแรกออกแล้วเปิดฝากล่องขึ้น
หยิบคีมไม้ในกล่องออกมาคีบเจ้าควายธนูตัวสีน้ำตาลดำออกจากกล่องแล้วปิดฝาใส่กุญแจ
จากนั้นพ่อบอกดิฉันว่า
"นี่เป็นควายธนูเหล็กที่ตกทอดมา วิธีใช้ก็แบบเดียวกันกับการใช้ปรอท
แต่เราเพิ่มคำสั่งว่าจะให้เค้าทำอะไร"
"พ่อทดลองให้ดูหน่อย.."
"อึม..คอยดูนะ..."

พ่อยกมือขึ้นพนมแล้วสวดอาคมออกมาด้วยเสียงอันดัง
ควายธนูที่อยู่บนโต๊ะเริ่มขยับ พร้อมหูดิฉันเหมือนจะได้ยินเสียงกู่ก้องสะท้อนอยู่ในบรรยากาศ
ตัวควายธนูเริ่มเลือน ๆ แล้วหายวับไปกับตา
พ่อเอามือลงแล้วลืมตาขึ้น

"พ่อส่งไปไหนค่ะ..."
"พ่อให้เค้าไปลาดตะเวนแถว ๆ บ้านนี่แหละ..."
ดิฉันพยักหน้ารับทราบ
"วิ...เอ..ลูกจะครบ 20 บรรลุนิติภาวะแล้วไม่ใช่เหรอ..."
"คะ...วันมะรืนนี้ก็วันเกิดลูก..."
"พ่อเข้าใจแล้วละ..ฟ้าเปิดนะ ลูกสามารถที่จะใช้วิชาทุกวิชาอย่างเต็มร้อยแล้วละลูก"
"ทำไมงั้นละ..."
"ก่อน 20 เค้าถือว่าเป็นเด็กจะแก่กล้ายังไงก็ยังไม่มีใครสนใจ ถือว่าอยู่ภายใต้ผู้ปกครอง"
"เหรอ..พ่อ..."
ดิฉันพยักอย่างงง ๆ เออ..มีแบบนี้ด้วย
"ต่อไปคนที่มีวิชาแล้วชอบลองของจะมาลองวิชากับลูก เพราะฉะนั้นลูกจะประมาทไม่ได้ ลูกมีทางเลือก 2 ทาง"

"ต้องเลือกเหรอห่อ.."
พ่อพยักหน้าแล้วพูดต่อว่า
"ใช่ 2 ทางที่เลือกคือ มุ่งมั่นเดินเส้นทางนี้ต่อไป หรืออีกทางหนึ่งเลิกไม่สนใจอีกต่อไป"
ดิฉันส่ายหน้าแล้วบอกพ่อว่า
"โอ๊ยย...พ่อก็รู้ว่าลูกต้องเลือกเส้นทางแรก ลูกสนใจไสยศาสตร์ตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว"
"งั้นลูกจะต้องทุ่มเทให้มากขึ้นไปอีก..เข้าใจนะ..."
ดิฉันพยักหน้า มองสบตาพ่อด้วยสายตามุ่งมั่นเอาจริงเอาจัง

พ่อไขกุญแจกล่องที่ 2 แล้วหยิบเอาบาตรไม้ใบเล็กที่มัดด้วยด้ายสายสิญพร้อมกับมีหยดเทียนอยู่เต็มไปหมด
จากนั้นพ่อก็ค่อย ๆ แกะสายสิญออกจนหมดแล้วเปิดฝาบาตรไม้ออก
ดิฉันเห็นภายในมีน้ำอะไรอยู่เต็ม
"อะไร..พ่อ..."
"เหล็กไหลลูก...แช่อยู่ในน้ำผึ้ง..."
พ่อยกมือขึ้นพนมแล้วบริกรรมคาถาบางบทออกมา หลับตานิ่งเป่าลมออกจากปากพรวด ๆ ลงไปในบาตรไม้
ของเหลวในบาตรเหมือนจะเดือดขึ้นปุด ๆ ขึ้นมา

พ่อสอดนิ้วมือเข้าไปคีบสิ่งของในบาตรออกมาวางในฝ่ามืออีกข้าง
วัตถุที่อยู่กลางฝ่ามือมีขนาดกลมรีเป็นสีเหลืองอมส้มมีประกายแวววาว แล้ว..เหมือน..จะกลิ้งไปมาได้

จากประสาทสัมผัสของดิฉันรู้สึกได้เลยว่าบรรยากาศรอบห้องเปลี่ยนไปในพริบตาเมื่อสิ่งที่พ่อเรียกว่าเหล็กไหลออกมาจากบาตร
แต่จะให้อธิบายก็พอจะบอกได้เพียงว่า
บรรยากาศในห้องช่างสดใส ปลอดโปร่ง จิตใจมั่นคงเยือกเย็น ไม่ร้อนรุ่ม ไม่รู้สึกอึดอัดแม้แต่น้อย

"ลูก..พ่อจะฝังเหล็กไหลองค์นี้ไว้กับลูก..."
"หา..พ่อ..."
อย่างแรกพ่อไม่ได้บอกหรือให้ดิฉันได้รู้และเห็นวัตถุอาถรรพ์ชิ้นนี้มาก่อนเลย
"เหล็กไหลชิ้นนี้เค้าจะมีเทวดาจำพวกคนธรรพ์และเหล่าเพชรพญาธรดูแลรักษา มีฤทธิ์อำนาจ
ในการลื่นไหล กำบังกาย เมตตามหานิยม ป้องกันภัยอันตราย แคล้วคลาดปลอดภัยในทุกที
แล้วอีกอย่างองค์นี้เค้าเพศหญิง รักสวยรักงาม หมาะกับลูก พ่อเตรียมเอาไว้ให้ลูก"

"โห...สวยมาก ๆ เลยพ่อ เค้าเหมือนจะแปล่งประกายนะ..."
ดิฉันก้มลงมองเหล็กไหลอย่างปราถนาและยินดีที่พ่อจะมอบให้
"วันเกิดลูกพ่อจะทำพิธีฝังให้..."
"ฝังไงพ่อ..."
"ก็ทำแบบเดียวกับปรอทนั่นแหละลูก"
"ทำให้เป็นอนูก่อนนะหรอ..."
"อึม..ทำให้เป็นอนูแล้วบรรจุเข้าไปในกายลูกเลย..เค้าจะอยู่กับลูกตลอดไป"
"งั้นลูกก็ไม่สามารถเห็นเค้าในแบบนี้ได้อีกนะซิ..."
"ได้ลูก..เจ้าของจะมีอาคาอัญเชิญเค้าออกมาเป็นองค์แบบนี้เมื่อไหร่ก็ได้"
ดิฉันพยักหน้าด้วยแววตาแพรวพราวยินดี อยากให้ถึงวันเกิดเร็ว ๆ
จากนั้นพ่อเอาเหล็กไหลบรรจุกลับเข้าไว้ในบาตรเหมือนเดิม แล้วเก็บใส่หีบเหล็ก
----------------------------------------------------------------

ด้วยความขอบคุณ
kankan

manunited68