ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_err

จอมไสยสาว ตอนที่ 7 (หักอาคมหมอเขมร)

เริ่มโดย err, พฤศจิกายน 05, 2010, 09:43:27 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

err

หลังจากที่องค์เหล็กไหลมาอยู่ในร่างแก้วของดิฉันเรียบร้อยแล้ว
มีอะไรดิฉันก็ย้อนจิตเข้าไปถามเจตสิกองค์เหล็กไหลหรือที่ดิฉันเรียกว่า "แม่"
แต่บางอย่างท่านไม่บอก นิ่งเงียบ ดิฉันก็ต้องแก้ปัญหาเอาเอง

เหตุการณ์มื่อคืนก่อนที่ดิฉันฝันประหลาด
ผู้ชายคนที่กอดจูบดิฉันเป็นใคร
ทำไมดิฉันไม่สามารถเห็นหน้าเค้าได้
แล้วดิฉันหวนนึงถึงวิชา "แก่นรัก" ที่พ่อสอนให้เป็นวิชาแรก แล้วบอกว่าจะใช้ได้ต้องอายุ 20 ปีก่อน

พุร่งนี้วันจันทร์ไปมหา'ลัย ดิฉันจะต้องทดลองดูเสียแล้วละว่าเป็นไง
เย็นนั้นดิฉันจึงเอามีดไปตัดกิ่งชบาแล้วเอามาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ขนาดยาวครึ่งนิ้วจำนวน 3 ท่อน

เออ..ทำไมเอาตั้ง 3 ท่อนด้วยว๊ะ นึกแล้วก็หัวเราะหึ ๆ
ความจริงท่อนเดียวเดียวก็น่าจะพอแล้ว
ไม่เป็นไรตัดแล้วก็ตัดเลยก็แล้วกัน

ดิฉันเก็บไม้ทั้ง 3 ท่อนห่อด้วยกระดาษแล้วเอาใส่กระเป๋าถือ
จากนั้นก็ตั้งหน้าตั้งตาอ่านคัมภีร์ใบลาน
อ่านมาก ๆ ก็เริ่มจะแตกฉานมากขึ้น

นี่น่ะนะ..ของอะไรถ้าเราชอบเราใฝ่ใจของยากก็เป็นของง่าย
ดิฉันอ่านไปทีละผูกอย่างช้า ๆ ไม่เข้าใจตรงไหนก็ไปถามพ่อ
ก็ได้แต่อ่านอย่างเดียว ใจมันไม่อยากฝึก ไม่เหมาะกับผู้หญิงอีกต่างหาก
อย่างเช่น สักยันต์ เสกหนังควายทำร้ายคน เป็นต้น

ขณะนั่งแกะคัมภีร์ใบลานอยู่เพลิน ๆ
แก้วก็โทรมาหาดิฉัน
"วิ..เหรอ...เราแก้วนะ..."
"เป็นไง..จะเอาหนังมาให้ดูอีกเหรอ.."
"บ้า..พึ่งจะหมดประจำเดือน..ย๊ะ..."
"อิ อิ อิ" ดิฉันหัวเราะแล้วพูดต่อว่า

"บันยะบันยังมั่งนะแก้ว...เดี่ยวเหี่ยวหมดหรอก..."
"นี่วิ..ใครบอกเธอ..ตอนนี้นะอวบตึงไปทั้งตัวเลย...แล้วอ๊อดเค้าก็ดีกับเรามาก ๆ เลย..."
"ยินดีด้วย..."
"ต้องขอบคุณเธอนั่นแหละ..."
"ขอบคุณก็อัดมาให้ดูอีกซิ...เพื่อจะได้เรียนรู้มั่งว่าเค้าทำกันยังไง..."
"เธอก็มีเป็นของตัวเองซิ..."
"ก็เรายังไม่มีใจกับใครนิย๊ะ..."

"มัวแต่พูดเล่น..เธอช่วยน้าเราหน่อยได้อ๊ะป่าว..."
"มีไรละ..."
"น้าเขยเราไปมีเมียน้อย..ตอนนี้มานอนที่หอเราบ่นแต่อยากจะฆ่าตัวตาย"
"เธอจะต้องเอาทะเบียนสมรสของเค้ามาให้เราดูก่อน"
"เหรอ..ทำไมละ..."
"พ่อเราเตือนแล้วเตือนอีกนะแก้ว อย่าว่าเรื่องมากเลย..เรากลัวพรากลูกพรากเมียเค้านะ.."
"เราต้องไปถามเค้าดูก่อน..."
"เธอก็พาเค้ามาที่บ้านเราซิ..ให้เราสัมภาษณ์ก่อน"
"ได้..ได้..เอาเย็นนี้ได้หรือปล่าว..."
"น้าเพื่อนก็เหมือนน้าเรานั่นแหละ.."
"ขอบใจนะวิ..."
"น่า..เย็นนี้เราอยู่บ้านทั้งวันแหละ..."

........

ดิฉันนั่งอ่านคัมภีร์ใบลานไปเรื่อย ๆ
ถึงเวลาอาหารน้านวลก็มาตามไปกินอาหาร
วันนี้พ่อถูกนักการเมืองใหญ่มาเชิญไปที่พรรค
ดูเหมือนว่าพรรคจะถูกเล่นงาน มาขอให้พ่อไปทำพิธีให้
ดิฉันรู้จากน้านวลแล้วก็ถอนหายใจกับนักการเมืองใหญ่ของไทย

ตั้งแต่ดิฉันอายุ 7-8 ขวบ ที่ได้เห็นพวกนักการเมืองนะเหมือนกันหมด
พอมีอำนาจวาสนาก็ใหญ่เสียเหลือเกิน อยากทำอะไรก็ทำ อยากได้อะไรก็ต้องได้
พอหมดอำนาจก็ตะเกียกตะกายเพื่อกลับเข้าสู่อำนาจ
สิบกว่าปีที่เห็นเป็นแบบนี้ทั้งหมด ไม่เคยเปลี่ยนแปลงแม้นิดเดียว
และดูเหมือนจะแย่กว่าเดิมด้วยซ้ำไป

............

"คุณวิ..เพื่อนมาหา..."
น้านวลเดินเข้ามาบอกดิฉันที่ห้อง
ดิฉันรีบเดินลงมาก็เห็นแก้วพาผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามา
เธอผอม ซีดเซียว ก็คงด้วยทุกข์ใจเรื่องสามีนี่เอง

"แก้ว..."
"วิ..นี่น้าเรา..."
ดิฉันพาทั้งสองมาที่ห้องรับแขก แล้วขอให้น้านวลช่วยหาของขบเคี้ยวและเครื่องดื่มมาใหใด้วย
นั่งคุยกับน้าของแก้วชื่อ "ส้ม" แล้วน่าสงสาร
เริ่มจากถูกผู้ชายหลอกเข้าโรงแรมข่มขืน ตั้งท้อง ผู้ชายเลยแต่งงานจดทะเบียนด้วย
ต่อมาปรากฎว่าลูกในท้องแท้ง ผู้ชายก็เลยหาทางเขี่ยเธอทิ้ง
เธอได้เอารูปและทะเบียนสมรสมาให้ดิฉันดูเป็นหลักฐาน

ดิฉันสงสารเธอมาก พูดไปก็ร้องไห้ไป พูดแต่จะคิดสั้น
ผู้หญิงนะเมื่อเสียกับใครแล้วก็ยึดมั่นถือมั่นกับผู้ชายคนนั้นตลอดไป
ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผิดหรือถูก
เมื่อผู้ชายมันไม่ดี เราก็น่าจะไปหาคนใหม่ที่กว่าได้นะ

ทั้งแก้วและดิฉันช่วยกันปลอบประโลม
ดิฉันรับปากว่าจะช่วยทำให้ ดูเธอดีใจมาก
ดิฉันขอสำเนาทะเบียนบ้านเอาไว้เพื่อเอาวันเดือนปีเกิด
"น้าส้มรู้หรือเปล่าว่าผู้หญิงอีกคนชื่ออะไร"
น้าส้มพยักหน้า
"สำเนียง.."
"น้าส้มช่วยหาวันเดือนปีเกิดให้หน่อยซิ.."

"เออ..วิเราโทรไปหากบพี่ชายเราให้ช่วยหาให้นะ รายนั้นเค้าอยู่อำเภอนะหาได้"
"ตกลงช่วยรีบหน่อยก็แล้วกัน.."
แก้วพยักหน้าแล้วโทรศัพท์ไปหากบทันที

"แก้วขอกระดาษปากกาหน่อยซิ.."
ดิฉันรีบเดินไปหยิบกระดาษกับปากมาให้แก้ว
"สำเนียง ...... วันที่ 10 เดือน มกรา ปี 2530 อายุ 22 ปี

ดิฉันยืนดูแก้วเขียนลงบนกระดาษ จึงบอกกับน้าส้มว่า
"น้าส้ม..วิจะทำให้นะคะ..รอฟังข่าวก็แล้วกัน ไม่น่าจะเกิน 10 วัน"
"น้าส้ม..แก้วรับรอง...สบายใจได้นะ..อยู่กับแก้วก่อนก็ได้.."
น้าส้มพยักหน้าอย่างเหม่อลอย แต่ในแววตาก็เหมือนจะมีความหวังมากขึ้น

...........

คืนนั้นดิฉันไปขอขี้ผึ้งแท้จากพ่อมาก้อนหนึ่ง
จัดการปั้นหุ่นขึ้นมาจำนวน 3 คู่ จารสลักชื่อ

คู่แรกหุ่นเรียกจิต ดิฉันสลักชื่อ สายชาย กับ นางสาวสำเนียง พร้อมวันเดือนปีเกิด
จากนั้นก็จับเอาหุ่นทั้งสองหันหลังเข้าหากันพร้อมกับมัดด้วยด้ายสายสิญมัดศพ
ดิฉันมัดหุ่นขี้ผึ้งเป็น 3 ส่วน คิอ ส่วนคอ ส่วนเอว และส่วนเท้า

หุ่นคู่ที่สองเรียกว่าหุ่นกำกับจิต กับหุ่นคู่ที่สามเรียกว่าหุ่นฝังจิต
ดิฉันทำแบบเดียวกับที่ทำให้แก้วกับอ๊อด

จากนั้นดิฉันก็เริ่มบริกรรมอาคมกับหุ่นเรียกจิตก่อน
การทำหุ่นเรียกจิตนี้จะไม่ต้องทำให้เป็นตัว
ดิฉันบริกรรมไปก็เอาเหล็กจารเขียนไปบนหน้าอกของตัวหุ่นทั้งสอง
เขียนไปบริกรรมไปจนเทียนที่จุดหมดเล่ม
ดิฉันจึงเอาหุ่นทั้ง 3 คู่เก็บใส่กล้องวางไว้ข้างเตียง
เป็นการเสร็จขั้นที่ 1 ที่จะทำให้สำเนียงแยกกับนายสมชาย

...........

รุ่งขึ้นดิฉันไปเรียนที่มหาลัยเป็นปกติ
วันนี้ดิฉันไม่เห็นพี่อาจอง
จนถึงเวลาเข้าเรียน วันนี้เรียนแค่ครึ่งวันเพราะอาจารย์ต้องเดินทางเข้าทำเนียบ

ดิฉันเห็นไม่มีอะไรก็เลยเดินทางกลับบ้าน
มาถึงบ้านอาบน้ำอาบท่าเปลี่ยนเป็นชุดอยู่บ้าน
นั่งสงบนิ่งอยู่บนทำโซฟาโดยหยั่งจิตเข้าสู่ร่างแก้วผลึกกลางดอกบัว
ดิฉันไม่พบเจตสิกเหล็กไหลที่ดิฉันเรียกว่าท่านแม่..
ขณะหันซ้ายหันขวา
"ปัง......."
เสียงดังสนั่นจนจิตของดิฉันแกว่งไกว แล้วมีเสียงดังรัว
"แซีดดดด...แซ๊ดดดดสสสสส์ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ"
แล้วก็มีเสียง
"ฟู่สสสส์ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ"

ดิฉันรีบตั้งสติใหัมั่น มองไปที่ม่านปรอทก็ยังหมุนวนเป็นปกติ
จึงสำรวมจิตส่งไปยังองค์เหล็กไหล
ตอนนี้ดูเหมือนเจตสิกเหล็กไหลกำลังต่อสู้อยู่กับอะไรบางอย่างที่พยายามแหวกเข้ามา
"แช๊ะ ๆ ๆ สสสส์"
อะไรสักอย่างวิ่งเข้ามาชนม่านพลังและสะท้อนออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า
เมื่อไม่สามารถเข้ามาได้ก็ดูเหมือนจะถอยออไป

ทุกอย่างคืนสู่ความสงบเงียบ
เจตสิกองค์เหล็กไหลที่อยู่ภายในกายของดิฉันปรากฏตัวขึ้นที่ร่างแก้วผลึกอีกครั้ง
"แม่..."
เจตสิกองค์เหล็กไหลโผเข้ากอดดิฉันไว้แน่น
"มันเป็นหมอผีเขมรที่ทำเสน่ห์คนที่ลูกไปช่วยเค้า..."
"เค้ารู้เหรอแม่..."
เจตสิกองค์เหล็กพยักหน้าแล้วตอบมาว่า
"ก็ลูกเปิดตัวขนาดนั้นใคร ๆ ก็รู้..ตอนนี้สะเทือนไปทั่วแล้วละ ทั้งมิตรและศัตรู"
"ทำไงดีละ..."
"ต่อไปเวลาลูกทำพิธีนะ จะต้องคุมอาณาเขตเสียก่อนไม่ให้สิ่งใด ๆ เข้ามารู้มาเห็นได้"

"พ่อก็เคยสอน..แต่ลืมไป...เพราะคราวที่แล้วก็ไม่ได้ทำอะไร..."
"ใครบอกลูกละ..ลูกถูกคนเค้าลองของมาแล้วไง"
ดิฉันพยักหน้า

"หมอเขมรคนนี้...ลูกดูซิ..."
เจตสิกองค์เหล็กไหลชี้ไปที่กลีบดอกบัว ก็ปรากฎร่างชายชราหลังงุ้มหน้าเสี้ยมยาว
แววตาที่มองช่างดุดันและกร้าวร้าวราวจะกินเลือดกินเนื้อ

"คนนี้หรือ.."
เจตสิกองค์เหล็กไหลตอบว่า
"ใช่ลูก..ลูกจะต้องใช้ความเมตตา กรุณานะ.."
"เมื่อคืนเค้าส่งอะไรมะละ..."
"มีดโกน กับ เข็ม...นับร้อยนับพันเลย...เพียงม่านปรอทนะเอาไม่อยู่หรอก..."
ดิฉันนึกหวาดเสียวในใจ นี่ถ้าไม่ได้ฝังเหล็กไหลก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นอะไร

"คืนนี้ลูกจะทำพิธีได้อีกหรือเปล่า..."
"ได้ลูก..ก่อนทำก็กำหนดเขตอาคมบังเสียก่อนนะ..."
ดิฉันพยักหน้าเพราะพ่อเคยสอนแบบนี้เอาไว้ก่อน แต่พอถึงตอนทำพิธีดิฉันก็ประมาทไม่เคยทำ

การกำหนดเขตอาคมก็ทำโดยอาศัยพลังจิตจากสมาธิบวกกับคาถากำกับ
เราสามารถกำหนดเขตอาคมให้มีขนาดแค่ไหนก็ได้
แต่ส่วนใหญ่จะกระทำห่างจากตัวประมาณ 4 วา
สร้างเป็นกำแพงแก้ว 7 ชั้นเพื่อป้องกันภัยอันตรายและภูมิผีปีศาจที่อาจพลัดหลงเข้ามา

ดิฉันถอนสภาวะจิตออกมาสู่ภาวะปกติ
วันนี้ดิฉันจะต้องปลุกเสกหุ่นคู่ที่สองเรียกว่าหุ่นกำกับจิต
เพื่อที่จะผูกจิตของน้าส้มกับน้าสมชายให้มารักใคร่กันเหมือนเดิม
การปลุกเสกคราวนี้ดิฉันจะทำแบบเต็มรูปแบบ
โดยจะต้องปลุกเสกจนหุ่นทั้งสองแสดงพฤติกรรมเสพสมจากมนต์พิธีถือว่าสำเร็จ

ขณะที่จะเข้าห้องเพื่อจะจัดเตรียมพิธิ
ดิฉันได้ยินเสียงเจตสิกเหล็กไหลผ่านเข้ามา
"ลูก..ชลอไว้ก่อน ค่อยทำต่อจากนี้ 3 วัน"
นั่นซินะ..ดิฉันควรจะรอฟังความสำเร็จจากการเรียกจิตก่อน
จากนั้นจึงจะทำพิธีขั้นต่อไป

................

ดิฉันนั่งเล่นอยู่ที่โซฟา
เปิดทีวีดูก็มีแต่เกมส์โชว์น่าเบื่อจึงลุกขึ้นเดินเข้าห้อง
ดิฉันหยิบแผ่นดีวีดีของแก้วออกมาใส่เครื่องเล่นแล้วเปิด
หันไปล็อคประตูห้อง
จากนั้นก็มานอนดูบนเตียง

ดิฉันนั่งดูบทรักของแก้วกับอ๊อดด้วยความวาบหวามใจเป็นอย่างยิ่ง
โดยเฉพาะตอนที่แก้วอมท่อนรักของอ๊อดเข้าไปเต็มปาก
ดูฉันดูซ้ำ ๆ หลายครั้ง
แก้วทำได้ยังไง..สกปรกจะตายไป
ดิฉันนึกแล้วก็คอย่นด้วยความหวาดเสียว
ก็มันก็หวาดแล้วก็เสียวนิสิ

อีกตอนที่อ๊อดยกก้นของแก้วขึ้นมาแล้วประกบปากจูบเลียเนินสาว
ประหลาดจริง ๆ บทรักนี่มันมีอะไรที่ประหลาด ๆ คิดไม่ถึง
หนังเรทก็ดูมามั่งเหมือนกัน
แล้วเราจะต้องทำแบบนี้ละหรือ...
เฮ่อ......

..............

ขณะเพลิน ๆ กับความวาบหวามดิฉันหวนคิดไปถึงหมอเขมรที่ท่านแม่ทำให้เห็นไม่ได้
ดิฉันอยากจะทดลองอะไรบางอย่าง
จากนั้นก็เพ่งเพื่อกำหนดขอบเขตอาคมในรัศมีห่างจากตัวสี่วา
แล้วนั่งขัดสมาธิกำหนดกายตรง ดำรงจิตให้มั่น
หยั่งจิตเข้าฌานขั้นที่ 1 - 2 - 3 - 4
ดิฉันดำรงจิตในฐานที่ 4 นานพอสมควร
จิตมั่นคงเหมือนดั่งขุนเขาและเปี่ยมไปด้วยพลัง

ดิฉันถอยจิตลงมาที่ช่องว่างระหว่างภาวะจิตปกติกับฌานขั้นที่ 1
จากนั้นก็รวบรวมมวลปรอทส่วนหนึ่งแล้วส่งแน่วไปยังที่อยู่ของหมอเขมรคนนั้น
จิตของดิฉันตามมวลปรอทที่เป็นพาหะวูบเดียวก็ถึงที่อยู่ของหมอเขมร
กระท่อมหลังน้อยปลูกอยู่บริเวณหลังวัด
ดิฉันเพ่งมองเข้าไปในบ้านก็เห็นชายชราหน้าเสี้ยมกำลังนั่งสมาธิ

จิตดิฉันที่ล้อมด้วยมวลปรอทลอยอยู่บนอากาศ
ดิฉันส่งมวลปรอทส่วนหนึ่งวิ่งตรงเข้าไปหมอเขมรทันที
"แอ๊ะ..."
หมอเขมรร้องขึ้นก่อนที่จะหลับตาบริกรรมปากขมุบขมิบแล้วเป่าพรวดออกมา

ลมปากที่แกเป่าออกมาค่อย ๆ ก่อร่างเสือใหญ่กระโจนเข้าหาดิฉันทันที
แปลกที่ดิฉันไม่ได้รู้สึกหวาดหวั่นหรือกลัวแม่แต่นิดเดียว
จิตใจออกจะฮึกเหิมและกระตือรือร้นอีกต่างหาก
จิตดิฉันกับมวลปรอทหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวจนไม่มีช่องว่าง

ปังงงง................
หน้าผากของเสือใหญ่ชนโครมกับมวลปรอทจนร่างกระเด็นออกไป
"อะ อุ มะ....ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ"
คำบริกรรมนี้เกิดขึ้นมากลางใจ ดิฉันจึงภาวนาไปเรื่อย ๆ
เสืออาคมกระโดดขึ้นและพุ่งเข้าใส่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ตามความกระชั้นถี่ของเสียงอาคมที่ออกจากปาก

แต่ทุกครั้งที่เสืออาคมกระโจนเพื่อผ่านม่านมวลปรอทก็ถูกระแทกกระเด็นไปทุกที
ไม่ว่าจะพยายามที่จะฝังเขี้ยวเล็บแบบไหนก็ไม่อาจกระทำได้
แล้วที่น่าแปลกคือทุกครั้งที่เสืออาคมกระดอนออกไป
ตัวหมอเขมรเฒ่าจะมีอาการผงะทุกครั้งไป

ดิฉันมองอาการหมอเขมรที่มีท่าทางเหนื่อยหอบ
แต่ก็ยังเร่งเร้าอาคมบังคับให้เสือกระโจนเข้าขม้ำอยู่อีก
ดิฉันเกิดนึกอยากจะลองวิชาบ้าง
ก็เลยจ่อสมาธิจิตเข้ากับมวลปรอทส่วนหนึ่งจนเป็นก้อนกลม
บรรยากาศรอบ ๆ ดิฉันนิ่งสนิทเหมือนจะหยุดนิ่ง
ไม่มีลม ไม่มีเสียงใด ๆ ปรากฏแม่นิดเดียว
มวลปรอทที่หลอมรวมสมาธิเป็นประกายจิตเจิดจ้า
จากนั้นดิฉันจึงพุ่งมวลปรอทตรงเข้าหาหมอเขมรเฒ่าทันที

"อุ๊วะ...."
เสียงร้องลั่น
ร่างเกร็งกระเด็นหงายหลังลงไปนอนโดยหัวกระแทกกับมุมโต๊ะ
เสื้ออาคมจางหายไปทันที
ตอนแรกดิฉันก็ใจไม่ดีนึกว่าหมอเฒ่าจะเป็นอะไรหรือเปล่า
แต่ก็ค่อยสบายใจเมื่อแกค่อย ๆ พยุงตัวลุกขึ้น
เอามือลูบหัวหน้าตาบิดเบี้ยว

หมอเขมรพนมมือขึ้นแล้วพูดลอย ๆ ว่า
"ข้า..สู้อาคมท่านไม่ได้...จะทำอะไรก็ทำ"
"ข้าก็ไม่คิดจะทำอะไรท่าน ขอเพียงให้ท่านประพฤติตัวเป็นคนดี มุ่งทำความดีก็แล้วกัน"
"ข้าอาจจะทำผิดบ้าง..แต่ข้าไม่เคยผิดศีล"
"ท่านทำให้เค้าครอบครัวแตกแยก"
"ทำเสน่ห์..."
"ใช่..."
"ข้าทำมามาก..ใครให้ข้าทำข้าก็ทำให้ทั้งนั้น"
"ท่านเห็นแก่อามิจ ไม่คำนึงคุณธรรม มันเป็นบาป"
หมอเฒ่าเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า

"ข้าเข้าใจแล้ว..ท่านพูดถูกต้อง เพื่อเงินข้าทำอะไร ๆ ไปหลายอย่าง"
"แก้ไขตัวเองเสียใหม่...พวกเราควรจะช่วยเหลือบรรเท่าทุกข์ ไม่ใช่เพิ่มทุกข์ให้พวกเค้า"
"ท่านพูดถูกต้องแล้ว..."
"ข้าแก้ไขคนที่ท่านทำให้เค้าเดือดร้อนแล้ว..ต่อไปนี้ให้เลิกแล้วต่อกันนะ..."
"ขอบคุณท่าน ข้าไม่อยากจะเชื่อว่าท่านเป็นหญิงแต่ทำไมอาคมจึงเหนือกว่าข้ามากนัก"
ดิฉันไม่ตอบแต่กำหนดกลับมาเข้าร่าง

การสื่อจิตแบบนี้ดิฉันเคยได้ยินพ่อพูดให้ฟังและรู้วิธีการอยู่เหมือนกัน
แม้จะไม่เคยฝึกจริง ๆ จัง ๆ แต่ดิฉันก็ทำได้ไม่เห็นจะยากเลย
เป็นอันว่าหมอเขมรเฒ่ากับดิฉันต่างก็เคลียร์กันเรียบร้อย
ต่อไปก็เพียงแต่ดิฉันกำกับจิต กับฝังจิตทั้งคู่เข้าด้วยกันก็เป็นเรียบร้อย
ดิฉันก็ช่วยน้าส้ม..น้าสาวของแก้วได้แล้ว
----------------------------------------------------------------

manunited68


พระพาย

เป็นความรู้วิชาอาคมจริงๆนะ ได้ประโยชน์มากเลย