ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

เรื่อง สั้น มังกรเยาวราช .ตอนที่ 4 กรงเล็บมังกร  ..แว่น...By…areja

เริ่มโดย areja, กุมภาพันธ์ 29, 2012, 04:05:27 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

areja

...................................เรื่อง สั้น มังกรเยาวราช .ตอนที่ 4 กรงเล็บมังกร  ..แว่น...By...areja.....

...........................ช่วงนี้ งานปั้นมาช้าหลาย ๆ  เรื่อง ขอโทษนะคะ พอดีงานประจำ รัดกายจนสายตัวจะแยกจากกัน อิอิ แต่ อย่างไรก็มานะคะ เพื่อ เพื่อนสมาชิกที่ตามอ่าน  นิ ขอบคุณคะตอนนี้ เสียว ไม่มีนะบอกไว้ก่อนคะ..............
...............................................................แว่น มาเสิร์ฟาหาร..

...................................................ต้มยำ ใจแสนร้าย  ปลาไหลต้มเปรต....
...........................................หมก ให้ ตามประสงค์เพราะ มอบชีวิตให้ กบ อบ อบ
...........................................ครบเครื่องยอมตาย เป็ดพะโล้  "  ใช่ไหม  " เป็ด  ก๊าบ ก๊าบ
.............................................ที่เหลือพร้อมใจ น้ำแสนบริสุทธ์ใส กลั่นได้ ต้ม เอง ง ง ง....
...............................................[/size]
..................................เรือประมงพา หยก ลัดตัดทะเลอ่าวไทย สู่ฝังเมืองชลบุรี  อนึ่งที่ หยก รีบลงมือเก็บ สองคนดังเมืองเพชร ก็ด้วยเหตุนี้ มีเหยื่อกงเล็บมัจจุราชรอพิพากษาอยู่นะเมืองท่องเที่ยว โดย เม้ง ส่งข่าวมาบอก ตั่งแต่ ก่อนวันที่ หยก จะไปดูที่ตาย ของ สองคนดังแล้ว เมื่อจังหวะเวลาเหมาะ  และ มั่นใจเห็นสมควรลงมือ จึงได้ลงเล็บกระตุกวิญญาณ สองคนดังเมืองเพชร และ ลาจากโดย มิได้ล่ำลา นางหงส์เชื้อจีนหลานเถ้าแก่จิ๋ว เพราะเกรงเสียการ อีกทั่งงานลุร่วงแล้ว จึงมิเป็นการอันควรที่จะเร้นกาย ในถิ่นที่มือกฎหมายกำลังเสาะหาคนแปลกหน้า เพื่อคว้ามาเป็น ผู้ต้องสงสัย   หยก ก้าวลงเหยียบแผ่นดินศิวิไลซ์ฝากฝั่งตะวันออก ก็ตรงไปยังสถานที่ ๆ  อาเม้ง สั่งเจ้าของสวนผลไม้ให้ไปเปิดห้องทิ้งไว้ให้ หยก  ช่วงพัทยาใต้ หยก รับกุญแจจาก แปะเฒ่า ที่เป็นเจ้าของ     เมื่อ เข้าห้องเข้า ล๊อก  ( กลอนนอก กลอนใน ให้สัมผัสกัน  อิอิ  )  ..........กลอนประตู และ ใช้มือลูบไปที่ใต้โต๊ะเครื่องแป้งภายในห้อง สิ่งที่พบคือ กระดาษขนาด  เอ4  บอกเวลาจะมารับหลังเสร็จงาน  ระบุสถานที่พัก ที่นัดพบตกลงธุรกิจชั่ว ของสายเลือดศัตรูคู่อาฆาต    หม่ง ผู้ปลิดชีวิตมารดาของ เขา  และ โอตือ เถาแก่น้อยแห่งเยาราชที่จะก้าวแทน หย่งไถ่ ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ช่วงนั้นอยู่ใน พ.ศ. 2505 ปลายปี  สหรัฐอเมริกา เริ่ม เข้ามายกพลตั้งฐานทัพในไทยหลายที่ ด้วยสงครามเวียดนามที่ สหรัฐอเมริกา ถือหาง กัมพูชา ซึ้งกำลังถูก เวียดนามเหนือ แผ่ขยายลงมา โดย มีแผนยืดลาว และ เวียดนามใต้ ร่วมถึงกัมพูชา  โอตือ  ไม่ได้มาเที่ยวเมืองท่าแห่งนี้ หากแต่มาตามคำบัญชา ของ เสือเฒ่าหย่งไถ่  ให้มาติดต่อกับ นายทหารอเมริกัน นายหนึ่ง ที่ลักลอบขนแม่ทองดำ ( ฝิ่น )  กลับประเทศ โดย ไปกับเรือขน ยุทธ์พันทางทหารต่าง ๆ แม้ กระทั่งโลงศพทหารผู้วายชน จากสงครามที่พึ่งเริ่มเปิดฉากหาชมได้จากภาพยนตร์ เรื่อง American Gangster "โคตรคนตัดมาเฟีย "  เส้น ทางการค้ายาเสพติดของ เจ้าพ่อแฟรงค์ ลูกัส ที่ใช้ซ่อนไว้ในโรงศพของทหารอเมริกันที่ส่งกลับจากเวียดนาม จึงถูก เปิดโปง และ นำไปสู่การกวาดล้างแก๊งค์ค้ายาเสพติดทั้งหมดของนิวยอร์ในปี 70  ซึ่งเป็นช่วงสงครามยังเข้มข้นอยู่  ) ..

........................

................................................................ พัทยาในอดีต

........................
[/font][/size]
....................................................พัทยาปัจจุบัน
...................โดย ตำรวจ-ทหาร และ คนสารพัดอาชีพ ถูกส่งไปรบโดย ต้องไม่ให้ศัตรูรู้ว่าเป็นทหารของใคร  และ บางคนหายสาบสูญ และ โดนจับไปเป็นเฉลยจำนวนมาก สงครามนี้สิ้นสุดสมบูรณ์ พ.ศ.2519 โดย สหรัฐอเมริกา ต้องยินยอมเป็นผู้แพ้สงคราม เพื่อแลกกับเชลยสงครามในสมรภูมิ เวียดนาม .........(หาอ่านได้จาก หนังสือแปลก เรื่อง วีรกรรมนิรนาม...โดย วีระ สตาร์ เจ้าของรหัส " สปาร์คปลั๊ก "  แฟ๊กแดนตาย   และ   เรื่อง เชลยศึกทรหด ...พ.อ. ชาญชัย หาญนาวี..ผู้ถูกจับเป็นเชยศึก 9 ปี เขาเป็น เชลยคนสุดท้ายที่ถูกปลดปล่อยจากสมรภูมิ เวียดนาม   ).......บ่ายกว่า ๆ หยก ก็ตรง ไปยัง หาดบางแสน  ถนนเลาะชายหาด และ ไปสำรวจที่ทางแถวที่พัก ของ โอตือ คือ โรงแรมบางแสนบีชเพื่อ ดูลู่ทาง และ เส้นทางในการปลิดชีวิต ลูกเสือเฒ่าหย่งไถ่ เจตนาให้ พ่อเสือตรอมใจ และ รับ ความเจ็บปวดทีละนิด  ทีละนิด...........

...............................

 ..................................
                                                   โรงแรมบางแสนบีชพ.ศ. 2490
............................สถานที่นัดพบ ของ ทหารอเมริกัน แตกแถว กับ โอตือ  ที่จะนัดเจอกันห้องสโมสรลีลาศ ของ โรงแรม คืนนี้ หยก เดินสำรวจเส้นทางเร้นกาย เมื่องานเสร็จ หรือ เกิดพลาด เพื่อ ทางหนีทีไล่ ที่ปลอดภัย มีถนนตรงสู่หาด และ เส้นทางย้อนกลับไปสู่ ถนน สุขุมวิท  หยก เดินดูลาดเลา และ ก็กลับไปพักยังโรงแรมรอเวลา    หยก หลับไป เพราะ ความอ่อนเพลีย จนตะวันลาลับ ราตรีมาเยือน   เวลาของ ยมทูตประจำกายทั้งสอง ก็เริ่มขึ้น หยก ตรวจเช็คความพร้อม ของ อาวุธคู่กายอีกครั้ง ก่อน อาบน้ำเตรียมตัว  เขา ใส่รองเท้าหนังกลับสีน้ำตาล พรางเข้ากับ กางเกงลายพรางแบบทหาร ที่ ซื้อเมื่อกลางวันช่วงที่ไปดูเส้นทาง และ เสื้อขาว ซ้อนทับด้วยเสื้อตารางหมากรุก ให้กลมกลืนบรรยากาศชายหาด และ ทะเล  เขา มองนาฬิกา ทุ่มกว่า เขา เก็บของเสร็จสะพายเป้ และ ก้าวลงบันได ถึง เคาน์เตอร์ ลอบบี้โรงแรม  ยื่นกุญแจส่งให้ แปะเฒ่า  สายตาคนสองวัยประสานช่วงแวบหนึ่ง ............
...................แปะเฒ่า  "  อาเม้ง ให้อั๊วเตรียมรถไปส่งลื้อให้แล้วนะ ."......เขา มองด้วยสายตาคมกริบ ขัดกับร่างที่ร่วงโรยตามวัยชรา.......
...................หยก  "  ขอบใจ แปะ ."...... เขา ตอบ เสียงเรียบนิ่งก่อนก้าวตรงไปยังประตู.......
...................รถมาจอด ณ ชายหาดที่ยามนี้ ค่อนข้างเงียบสนิท เพราะ ส่วนใหญ่ยามค่ำคืน เหล่าทหารอเมริกัน หรือ นักท่องเที่ยว จะไปหาความสำราญ ในโรงแรมที่มีห้องลีลาศ หรือ ผับบาร์ ที่มีจำนวนไม่มากนัก ในสมัยนั้น 20.00 น เขา เข้าไปยังห้องสโมสรลีลาศ ของ โรงแรม ผู้คนยังบางตา เหล่าเมียเช่าฝรั่ง เดินวนเวียนหารายได้พิเศษจาก ทหารอเมริกัน เพื่อเพิ่มรายรับมาประทั่งชีวิต  หยก สั่งเครื่องดื่มมาประดับโต๊ะพร้อมถั่วลิสงคั่ว อีกจานความหล่อเหลา ทำให้หญิงหลายนาง แวะนั่ง และ ก็ลุกไปเมื่อได้ทิปdink   เพลงเบา ๆ ของ ครูเอื้อ สุนทรสนาน ที่นักร้องนำมาร้อง บรรเลงกล่อมเหล่าแขกเหรื่อที่เริ่มแน่นขึ้น  21.00 น แสงไฟเริ่มมืดลงอีกนิด ร๊อคแอนด์โรล เปิดเอาใจ ทหารอเมริกัน หยก จรดหางตาผ่านเลนซ์แว่นเมื่อเห็น เงาเหยื่อย่างก้าวพ้นประตูเข้ามา  หม่ง เดินนำหน้าตามด้วย ไอ้ปรุง ม้ารับใช้คนสนิท โอตือ ที่เดินตามมาติด ๆ มีหญิงสาวนางหนึ่ง เคียงคู่มาด้วย คือ   เมยฟ้า นางหงส์ที่ เม้ง ไม่ได้บอกว่ามาด้วย และ ปิดท้ายด้วย จ่าด่อง จ่าทหารนอกราชการ มือดี โอตือ อีกคน  และ ปล่อยสมุนปลายแถวทิ้งไว้ที่ประตู อีกคู่หนึ่ง กลุ่มเสือน้อยเยาวราช เดินตรงมายังโต๊ะ ฝรั่งสองนายที่แต่งกายครึ่งท่อนนั่งกอด เมียเช่าที่หน้าตาดี กำลังลูบบี้ล้วงกัน แทบเสร็จคาที่ตรงนั้นที่เดียว เมื่อกลุ่มเสือเยาวราช ถึงโต๊ะ สองฝรั่งก็กระซิบให้สองสาวที่ประกบล้วงให้ลุกออกไป โอตือ นั่งลงพร้อมน้องสาว ตามคำเชิญเงียบ คือ การผายมือ โอตือ จับมือสองฝรั่งก่อนนั่งลง และ หยิบบุรี่ บนโต๊ะยี่ห่อ Marlboro ของสองฝรั่งที่ว่างไว้ดูด ก่อน เจรจาธุรกิจโฉดกัน   หม่ง   จ่าด่อง  ไอ้ปรุง ยืนกุมมือกับเป้า เล่นบทหุ่นองค์รักษ์ มองไป-มารอบทิศ  เครื่องดื่มถูกนำมาเสิร์ฟ  พร้อมอาหารขบเคี้ยว ร่วมครึ่งชั่วโมงการสนทนา ก็สิ้นสุดลง ผู้คนแขกเหรื่อ เริ่มเพิ่มจำนวน เพลงแนว ร๊อคแอนด์โรล ยังเปิดมาเป็นระยะ คนเต็ม ลานลีลาศเต้นกัน อย่างสนุกสนาน หยก จับความเคลื่อนไหวทุกย่างก้าว ของ กลุ่มธุรกิจค้าชาติ ที่ตกลงกันเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว สองฝรั่งลุกขึ้นจับมือล่ำลาก่อนก้าวออกไป รวมกลุ่ม พร้องเพื่อนทหาร ที่นั่งอีกมุมหนึ่ง ของ ห้อง  เมยฟ้า ลุกเดินไปห้องน้ำ โดย มี ไอ้ปรุงม้าใช้ของ โอตือ เดินตาม โอกาสสำหรับ หยก เปิดแล้ว ความจริง เขา ตั้งใจลงมือตอน โอตือ จะออกจากห้องลีลาศนี้  แต่ ผิดแผนที่ เมยฟ้า มาด้วยจึงนั่งคิดแผน และ ก็เป็นดั่งที่ หยก วาดภาพไว้ ว่าเดียว นางหงส์ ต้องไปห้องน้ำแน่ เมื่อโอกาสเปิดเป็นใจ เขา สับเท้าก้าวตามไปติด ๆ หญิงสาว หายเข้าไปในห้องน้ำ โดยมี ไอ้ปรุง ยืนเฝ้าหน้าห้อง หยก ตรงไป เขา ถอดแว่นใส่ลงกระเป๋าสะพาย  ( กระเป๋าเป้อยู่ที่รถที่มาส่ง และ จะมารับ เมื่องานเสร็จและ ก้มหน้าเดินตรงเข้าไปหา ไอ้ปรุง .............

.............................

...................หยก  "  พี่ชาย มีไฟแช็คจุดบุหรี่ไหมครับ.".......เขา ทำท่าล้วงบุหรี่ที่กระเป๋าสะพาย แต่หางตารอบมองดุจเหยี่ยวเตรียมตะปบเหยื่อ......

 ...................ไอ้ปรุง  "  เอ่อ มี เป็นวัยรุ่นดูดบุรี่ ตายไว้นะโว้ย ไอ้น้อง..."......มัน พูดติดตลก และ หัวเราะ.....

 

.........................ไอ้ปรุง ก้มลงล่วงหาไฟแช็คที่กระเป๋ากางเกง และ นั้นคงเป็นประโยคสุดท้ายที่มันได้ฝากไว้บนโลก หยก หมุนกายประกบด้านหลังเมื่อมือของ ไอ้ปรุงล่วงในกระเป๋า อีกมือไอ้ปรุง โดน    หยก รวบรั้งรัดก่อนตวัดคมมีดพับกรีดฝ่าอากาศปาดผิวเนื้อลงลึกถึงหลอดลม ที่ลำคอใต้ลูกกระเดือก เลือดพุ่งสาดจากเส้นเลือดใหญ่ ไม่เปิดโอกาสให้ ไอ้ปรุง ได้ฝากอะไรสั่งเสียถึงญาติมิตร  หยก ประครองร่าง ไอ้ปรุง ที่ยังเส้นกระตุกนั่งลงข้างกระถางต้นไม้สำหรับเขี่ยบุหรี่หน้าประตู้ห้องน้ำ เสียงดนตรียังดังกลบห้อง เขา เก็บคมมีดพับกลับดั่งเดิมหลังเช็ดคราบเลือดสด  เขา เลี่ยงสับเท้าไปยังจุดหมายใหญ่เดินผ่านโต๊ะ โอตือ ไม่เกินสองก้าว เสียงกรี๊ดร้องก็ดังลั่นตามหลังมาจากจุดลาโลก ของ ไอ้ปรุงม้าใช้ โอตือ ทั้ง 3 ลุก หม่ง กระโดดพรวดชักอาวุธดิ่งไปหาต้นเสียง จ่าด่องชัก .45 ออกมากำลังจะก้าวตาม โอตือ ก็ดึงอาวุธเช่นกัน ผิดที่ยังไม่ทันพ้นเอว หยก ก็วาดมือเหยียดแขนกดโกร่งไก..... โบ้งงงงงง....... ประกายไฟพ่นปากกระบอก เสียงสนั่น ห้องลีลาศที่เหล่าคนธรรพ์ กำลังขับขาน เพลงร๊อคแอนด์โรล ให้แขกเหรื่อโยกย้ายเอวอยู่  อีก 2 นัดเสียงแสบแก้วหู  สลับเสียงประสาน ส่วนกลับ ปัง เปรี้ยง ปัง  เปรี้ยง เปรี้ยง......      โบ้ง แรก อีโบ๊ะ แผลงฤทธิ์ หมอนรองตามสะเก็ดเม็ดตะกั่วอัดเต็มพรืดแผลงอกระยะไม่ถึงเมตรเขม่าดินปืนดำพราวเสื้อ ร่าง โอตือ กระเด็นหงายท้องตามโซฟาที่พึ่งลุกขึ้นมา ร้อง  " ไอ่หย่า ." ดับดิ้นสิ้นลมเลี้ยงหัวใจไปอีกหนึ่งศพ ก่อนปล่อยหัวตะกั่วจาก . 38 Super ออกไปสองนัดซ้อน ยิงจ่าทหาร จ่าด่อง ยิงสวนมันไม่ง่ายดังคาดคิด  นัดหนึ่งแหวกอากาศโดนขณะ จ่าทหารเก่า ชะงักกระโดดหลบ เสียงจาก อีโบ๊ะ ที่ลั่นเรียกวิญญาณ โอตือ   ปฏิกิริยาทำให้ จ่าทหารเก่า กระโดดไว้ก่อน และ ปล่อยลูกปืนสวนสุ่มออกมา 3 นัดซ้อน กระสุนนัดแรกที่ หยก ปล่อยไปจึงพลาดจุดตายเพียงโดนเข้าต้นแขน จ่าด่อง ร่างกลิ้งหมุน แต่ นัดสอง ไม่ ผิดจุดหมายนั้นคือเส้นทางสายนรก ไปพบยมบาล หัวกระสุนเจาะกลางแสกหน้า กระสุนที่ลั่นของ จ่าทหาร พลาดเป้าใหญ่ แต่หนึ่งใน 3นัด ก็สะกิดผิวกายบริเวณ บ่า ของ หยก เรียกเลือดเหมือนกัน หม่ง ทิ้งตัวลงเมื่อก้าวเท้าออกไปไม่ถึง 2 เมตร เพราะเสียงทูตมรณะดังกึกก้องเสียดหูด้านหลัง หันไป เมื่อ ทิ้งตัวลงถึงพื้น กด สุ่มสวนมาทาง หยก ปัง ปังปังปัง......  หยก โดดทิ้งตัวบนโซฟาหลบคมเคี้ยวห่ากระสุน และ ลุกผงาดยืน พร้อมก้าวดิ่งไปยัง หม่ง  ปัง ปัง หยก ปล่อยหัวตะกั่วขณะก้าวท้าเข้าหา หน้าอกซ้าย-ขวา โดนวางสนุ๊กให้แก้..   แก่ร่าง หม่ง  หงายเงือบจากคมกระสุน ปืนจากมือกระเด็น เลือดฟองฟอดสวนออกปาก ด้วยคมกระสุนเจาะผ่านปอดทั้งสองข้าง หยก ยืนค่อมร่าง หม่ง ที่มองหน้าเด็กหนุ่มหน้าหยกแววตารู้สึกคุ้นคล้ายเคยเห็นที่ใด ?    เมื่อนึกได้จะอ้าปากพ่นคำ ! ! .....

 

 ...................หยก  "  สิ้นเวรกันทีมึง  กู  อะโหสิ ให้วะชาตินี้ .".....เขา ยิ้มเหี้ยม ๆ...

 

................ก่อนโกร่งไกจะเคลื่อนตามแรงกด แก้สนุ๊ก   ปัง... กลางแสกหน้าทะลุ กะโหลกออกด้านหลังเลือดกระจายกลิ่นฟุ้งไม่ให้ตอบ หรือ ถาม ใด ๆ  เสียงคนหวีดร้อง วิ่งพล่านกันไป-มาหาทางออก ประตูที่คับคั่งด้วยคนแย้งกันออกแน่นขนัด    หยก วาดมือพร้อมทูตประจำกายไปยัง2 ร่างที่ดิ่งตรงรี่เข้ามา  และ พ้นเคี้ยวเล็บใส่ หยก  เปรี้ยง เปรี้ยง ปัง เปรี้ยงเปรี้ยง  ปัง เสียงคมกระสุนแหวกอากาศผ่าน หู หยก ไปชัดเจน แต่ นิ้วที่กดไกสวนปล่อยคมเคี้ยวมังกรออกไปเช่นกัน นัดหนึ่งเจาะกลางแสกหน้า สมุนที่ให้เฝ้าประตูล้มดับคาที่ไปร่างหนึ่ง อีกนัด ทะลวงลำคอจน เจ้าของร่างลงไปดิ้นนอนกุมคอก่อนธาตุไฟแตก และ ดับดิ้นไป กลุ่มทหารอเมริกัน ตรงดิ่งมายังเสียงปืน หยก วาดแขนเล็งทูตมรณะมองผ่านบ่าศูนย์หน้าหลัง สองฝรั่งเซลยานรก ร้องห้ามพร้องเพื่อนที่ชักปืนออกมากันทั้งกลุ่ม เกือบ 7 คน หยก หันกลับหยิบแว่นขึ้นสวมวิ่งแทรกฝูงคนออกจากห้องลีลาศสโมสรกลุ่มคนยังวิ่งกรี๊ดร้องกันไปทั่ว  พนักงานโรงแรมแตกตื่นวิ่งกัน จ้าละหวั่น ต่างหาเหตุแห่งความโกลาหล   หยก ออกหน้าโรงแรม และ ฝ่าความมืดเดินอ้อมด้านหลังโรงแรม สู่ถนน ขณะเดินเข้าปลด แม็กกาซีน เปลี่ยนใหม่ และ เดินกึ่งวิ่งเมื่อเห็นรถที่มาส่ง  หยก เปิดประตูเข้าไปนั่ง...    ประตูปิด  รถก็เคลื่อนออกจากดินแดน แข่งวิ่งควาย สถานที่ตากอากาศ และ ชมทะเลสวย     ดูเวลาจากพรายน้ำแจ้งบอก 21.30 น. งานเสร็จก่อนเวลานัดเกือบชั่วโมง หยก บอกคนขับไปส่ง ดินแดนมังกรซบ รถวิ่งไปโดยไม่จอดจน 04.00 น. รถจอดพัก ณ  คอสะพานข้ามแม่น้ำเมืองสี่แคว  จอดนอนเกือบ 2 ชั่วโมง แสงแรก ดินแดนมังกรซบ สาดส่อง ผ่านเลนซ์แว่นตาดำ เปลือกตา หยก ค่อยลืมขึ้น พร้อมปล่อยมือที่กุ่มด้ามทูตมรณะ Colt .38 Superเงาวาบขาวโฉลง มองออกไปนอกรถ และ เรียกคนขับให้ตื่น " อากู๋  ตื่น ๆ "   พลขับวัยประมาณกลางคน สะดุ้งตื่นมองผ่านกระจกส่องหลัง คนขับหาใช้ใคร  ก็คือ เจ้าของสวน ที่เข้าไปฝึกยิงปืน และ ก็มาจองห้องโรงแรม ไว้ให้นั้นเอง   หยก ไม่เรียกชื่อ แต่เรียก อากู๋ มาโดยตลอดที่รู้จักกัน แต่เยาว์วัย  .............( มาเปลี่ยนบรรยากาศดูวิว เมืองพัทยาในอดีตกัน )

..............................

...โล่ง เรียบ กว้าง และยังสวยงาม เค้าบอกว่าเป็นวิวจากบนเขาพระตำหนักครับ กำลังนึกๆ อยู่ว่าตรงไหนหว่า เดี๋ยววันไหนได้ไปพัทยาจะไปหาจุดที่ว่านี้เสียหน่อย จะได้เล็งเทียบกัน

 

 

...................อากู๋  "  แผลลื้อเป็นอย่างไรบ้างวะ อา หยก ."

...................หยก  "  โดนถาก ๆ เลือดซิบ ๆ อั๊ว เอาผ้าซับไว้เลือดหยุดแล้วไม่ต้องห่วง อะ  อากู๋  นี้ถือว่าอั๊วทิปให้ลื้อหละกัน บอก เล้าซื่อ เม้ง  ด้วย อีก 3วันอั๊วกลับ  และ ซองนี้ เอาฝากให้ เล้าซื่อ ด้วย ."........เขา ยื่นเงิน 1500 บาท ส่งให้ พร้อมยื่นซองสองซอง ให้ ชายวัยกลางคน และ ก้าวลงรถ..

 

..........................

.................นครสวรรค์ บริเวณก่อสร้าง สะพานเดชาติวงศ์ ข้าม แม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อ ให้ เป็นประตูสู่ภาคเหนือ เมื่อ ปี 2485

 

..........................เขา เคาะหลังคารถ รถก็เคลื่อนตัวหันหัวกลับมุ่งตรง เมืองฟ้าอมร หยก กวักมือเรียกสามล้อถีบรับจ้าง บอกให้ไปส่งยังตลาดปากน้ำโพ หาอะไรลงท้องเสร็จ เดินหาซื้อผลไม้ตลาดเช้า  และ ถามแม่ค้าถึงร้านติ่มซำ ของ จางฮุย  แม่ค้าบอกอยู่หัวมุมถนนหน้าตลาด เขา กล่าวขอบคุณ และ เดินถือตะกร้าผลไม้ไปยังหน้าตลาด ไปถึงเห็นหญิงวัยกลางคน กับ เด็กสาวผมเปียถักหน้าคมเข้ม แต่ขาวดั่งหยวกกล้วยปอก ใส่ชุดนักเรียน ถือไม้กวาด และ ขนไก่ปัดกวาดหน้าร้านอยู่  หยก ตรงเข้าไปหา ยื่นของส่งให้ เด็กสาว ๆ รับแบบ งง งง ก่อนมองหน้า หยก เขา หันไปยกมือไหว้หญิงวัยกลางคน เธอ สวมกอดเด็กหนุ่ม น้ำตาเอ่อรินจากดวงตาไหลอาบแก้ม ....

 

...................กิมเฮง  "   โอ้โอ อาหยก ลื้อโตมาเลย สุข-ทุกข์อย่างไรบ้างหลานเอ่ย  แล้วไปไง-มาไงถึงมาถูกหละเนี๊ยะ ไป ไป เข้าบ้านก่อน ."......เธอ กล่าวทั้งน้ำตาที่ยิ้มได้ด้วยความปีติ ปนรันทดใจในชะตาของหลานชาย......

 

..........................หยก ไม่กล่าวคำใดด้วยตื้นตันอ้อมกอดดั่งแม่เคยมอบให้ ของ ญาติที่เป็นคู่แฝด หยก พิศมองความละมายที่แยกแทบไม่ออก ใบหน้าแม่ในความทรงจำผุดขึ้นมาในจิตใจอีกครั้งเรียกน้ำตา กุมารจีน ให้ซึมเป้า เขา เดินประครอง แฝดของแม่ เดินเข้าร้านไป เด็กสาวเดินตามด้วยรอยยิ้มปราบปลื้ม.........
 

 ...................หยก  "  ป้า ป้าสบายดีไหม อั๊ว สบายดี อั๊วไปหาอะไรกิน ก็ถามแม่ค้า เขา ก็ ชี้บอกมานี่แหละ ป้า แล้วลุง หละเป็นอย่างไรบ้าง ."......เขา ตอบ และ ถามพร้อมมองหา.....

 

.........................หยก มองหา บุรุษที่ร่วมผจญทุกข์ฝ่าความยากแล้งแค้นจาก ผืนแผ่นดินใหญ่มากับ พ่อ ของ เขา และ สาบานเป็น พี่น้องกับ พ่อ ของเขา  หยก จึงเคารพ จางฮุย ดั่ง พ่อ อีกคนหนึ่งไม่ก็ปราณ  ชายกลางคนแหวกม่านลูกปัดถักออกมาจากหลังร้าน และ ไอ กระปอดกระแปดมือกุมปากออกมา ใบหน้า เขียวช้ำบวม มองมายัง เด็กหนุ่มเกินวัยหน้าตาดีที่เดินประครองกอด กิมเฮง เข้ามา    รอยยิ้มเปื้อนสุขฉาบฉายออกมาทั้งดวงหน้าที่บอบช้ำ เดินตรงโขยกเขยก มายัง 3 คนที่เจรจากัน  หยก มองด้วยตาที่คมกริบกับบาดแผลบนใบหน้า จางฮุย    หยก ดิ่งตรง เขา ประครองร่าง จางฮุย ให้นั่งลง พร้อมกราบไปที่หน้าอก ชายวัยกลางคนน้ำตาไหลอาบแก้มประครองกอด เด็กชาย ดั่ง พ่อ กอดลูก สองคนกอดกันไม่กล่าวคำใดเนินนาน เด็กสาวนำตะกร้าผลไม้เดินไปเก็บหลังร้าน และ กลับออกมาพร้อมโถน้ำชา สองบุรุษ ต่างวัย แยกจากอ้อมกอดกัน และ กันต่างมองหน้าคนตรงข้าม  และ ยิ้ม กิมเฮง ก็ยิ้ม ที่สองลุงหลานพบกัน น้ำตารินเป็นนัดกันมาทั้ง 3คน ทั้งหมดนั่งคุยกัน เด็กสาวมองทั้งหมดยิ้ม และ น้ำตาคลอหน่วย อีกคน........

 

...................มุ่ย  "  อาป๋า อาม้า อั๊วไปเรียนก่อนนะ ใกล้ สองโมงแล้ว เดียวไม่ทัน อั๊วไปก่อนนะ เฮียหยก เดียวเย็นเจอกันจ๊ะ ." ......เธอ บอกพ่อ-แม่ ก่อนยกมือไหว้ และ บอก หยก ก่อนยิ้มให้ และ ก้าวออกร้านไปพร้อมกระเป๋านักเรียน.....

 

..........................สองสามีภรรยาสอบถามทุกข์-สุข และ  ความเป็นไปต่าง ๆ ตลอดเกือบ 6 ปีที่พ้นผ่าน หยก ตอบเลี่ยง ๆ เล่าเฉพาะการดำรงชีวิต ในศาลที่เป็นกิจวัตรประจำวันเท่านั้น  หยก สอบถามที่มาของรอยพกช้ำบนใบหน้า ของ จางฮุย กิมเฮง ลุกเลี่ยงเดินออกไปหลังร้านให้ สองลุง-หลานคุยกันได้สะดวก จางฮุย ตบบ่าที่เป็นแผลของ หยก โดยไม่รู้ว่าบาดเจ็บมา หยก กัดฟัน แม้ แผลไม่ลึก แต่รอยไหม้จากคมกระสุนที่ถากเนื้อก็กว้างเกือบ 1 นิ้ว เลือดซึมออกมาจน หยกต้องดึงเสื้อสายสก๊อตตัวนอกปิดบังบาดแผล    จางฮุย ลุกพา หยก ที่ถือโถน้ำชาตามเข้าหลังร้าน และ วกขึ้นชันสองของร้าน ที่เป็นส่วนของที่พัก ตึกนี้สร้างใหม่ไม่ถึง 5 ปีจากบ้านไม้สองชั้น ทำใหม่เป็นตึกสี่ชั้น และ มีห้องหลังร้านสำหรับคนงานที่มาพักประจำอีก 2 คน พ่อครัวที่เป็นญาติห่าง ๆ  ของ กิมเฮง อีก 1 คน และ ลูกจ้างไป-กลับ ซึ่งอยู่ในตลาดอีก 1 คน ชั้นล่างด้านหน้าทำเป็นส่วนของที่รับแขก ที่มารับประทานอาหาร ด้านในเป็นห้องน้ำ และ บันไดขึ้นชั้น 2 ด้านหลังทำเป็นห้องครัวเตรียม ของ ขนาดใหญ่ ท้ายตึกเป็นที่พักคนงาน  ชั้น 2 เป็นที่พัก ของ สองสามี-ภรรยา และ ที่เก็บสิ่งของต่าง ๆ ในการทำอาหาร  ที่ เครื่องยาจีนหลายอย่างหลายชนิด ถ้าไม่มีในตลาด นครสวรรค์ ก็จะสั่งตรงมาจากเมืองจีนโดย เจ้าของร้านยา เจ๊กเฮง ที่เป็นเพื่อนสนิทครบกันมาร่วม 10 ปี สั่งบอกญาติ ให้จัดหามาให้ตามต้องการ ชั้น 3 ทั้งชั้นเป็นของ มุ่ย บุตรสาวมีสองห้องนอน ชั้น 4 เป็นห้อง รับแขก และ ห้องพระ-แลเทพเจ้า   จางฮุย นั่งบนเก้าอี้ฮ่องเต้ และ โยกเก้าอี้ กัดฟันด้วยความแค้น ก่อน บอกเล่าเรื่องราว .....กลุ่มผู้มีอิทธิพลเดิม ของ เมืองปากน้ำโพ ได้สลัดโต๊ะลงจากตำแหน่งทั้ง 3 ตระกูล  ร่วมถึงหัวเรือใหญ่  หน่ำแช่  อังยี่เฒ่า ก็เช่นกัน ให้หลานชายขึ้นดูแล กิจการเก็บส่วยร้านค้า  และ ธุรกิจมืดทั้งหลายแหล่ใน เขตเมืองนครสวรรค์ โดยแบ่งกันหากิน และ ควบคุม สิ้นเดือนจะปั้นส่วนหนึ่ง ของผลประโยชน์ มาจัดเลี้ยงกันทั้ง 3 ตระกูล และ ปรึกษาหารือเกี่ยวกับ ธุรกิจผิดกฎหมายต่าง ๆ  ที่มี 3 ตระกูลมีเอี่ยวด้วย ทุกกิจการ ผลประโยชน์ถูกส่งท่อน้ำเลี้ยงให้กลุ่มคนมีสี  2 สี แบ่งปันกัน และ รอรับทุกเดือนเป็นเงินจำนวน มหาศาล แต่ ผู้สร้างความบอบช้ำบนใบหน้า จางฮุย คือ กุ่ย หลานชายคนเดียว วัย 25 ปี  ของ อังยี่เฒ่า หน่ำแช่  และ กลุ่ม ลูกชาย ของ อีกสองตระกูล คือ เหล่าถิ และ โกชาย   ซึ่ง 3 คนนี้มักไปไหนด้วยกัน ดังเงาติดกัน และ มีนิสัย ก้าวร้าวใหญ่โต ด้วย บารมี ของ ตระกูล ที่ค้ำเก้าอี้ผู้ดูแล และ มักทำร้ายชาวบ้านโดย ไม่สนใจกฎหมาย วันเกิดเหตุ 3 เลือดจีนหนุ่ม มากินอาหารในร้าน และ ประสงค์แทะโลม มุ่ย โดย กุ่ย หมายมั่นปั้นมือ ว่า ต้องได้ มุ่ย ไปเชยชม  วันเหตุเกิด กุ่ย ลวนลามถูกเนื้อต้องตัว มุ่ย ตลอดเวลาที่ มุ่ย เดินไปเสิร์ฟ ของ บนโต๊ะ คนอื่นจะไปเสิร์ฟ ก็จะโดน ตบตีทำร้าย กุ่ย สั่งให้ มุ่ย คนเดียวที่จะเสิร์ฟ ให้มันกินได้ เธอ ทำตามสั่ง แต่ ด้วยความเป็น พ่อ ของ จางฮุย ทนเห็น ลูกสาวโดนลวนลามไม่ได้ จึงลุกจากโต๊ะบัญชี ไปว่ากล่าวตักเตือน  แต่ หนุ่มวัยคะนองกับฟาดหลังมือกลับแทน  คำตอบ แถมกลุ่ม เพื่อน ที่มาด้วยยังอัดแข้งรุ่น ๆ เข้า สีข้างจน ชายวัยกลางคนเอียงไปอีกทาง ก็โดน อีกหน่อเนื้อเชื้อผู้ยิ่งใหญ่ ฟาดต้นคอ จนสลบ และ รุมทำลายอีกชุดหย่อม ก่อน เด็กสาว จะเข้ามากอดบังร่างบิดา      3 ทรชนวัยรุ่น หยุด และ สั่งสมุนที่อยู่อีกโต๊ะนับ 10 ลากร่างไร้สติ ชายกลางคนไปหลังร้าน และ กระชากฉุด มุ่ย ออกมาหน้าร้านท่ามกลางสายตา ของ คนที่มาทานอาหารทั้งร้าน จน 3 ทรชนต้องปล่อย มุ่ย เป็นอิสระ เพราะ สายตาเหล่าแขกในร้าน สมุนทั้งหมดเดินกลับออกมา และ เดินตาม  3 ทรชนออกไป ร่าง ของ จางฮุย บอบช้ำต้องนอนหยอดน้ำข้าวต้มเป็นอาทิตย์  พึ่งลุกเดินได้ 2 วัน จางฮุย เล่าจบทั้งน้ำตาก็ไหลที่หางตา ด้วยความเจ็บช้ำ (จางฮุย เขา นอนเล่าเรื่อง อยู่บนเก้าอี้ฮ่องเต้ น้ำตาเลยไหลออกด้านหางตานะจ๊ะ..อิอิ...).....หยก กัดฟันสันกามนูนด้วยความโมโห และ เจ็บแทน  ก่อนเก็บสีหน้า ให้ เยือกเย็นสงบดุจเดิม แต่ ไฟแค้นในทรวงอก กลับลุกโชน นี่คงเป็นอีกหนึ่งหนี้ ที่ต้องชำระเพราะ หน่ำแช่ นี่แหละที่ปล่อยลูกน้องมาลุกลานจน พ่อ เขา ต้องก่อคดีหอบ แม่ เขา หนี เข้าเมืองหลวงไปตกระกำลำบาก  และ พบกับความตาย... ขณะนี้ กาลได้เวียนมาซ้ำรอยอดีต อีกครา เขา ต้องทำหน้าที่ ปัดป้องโพยภัย ให้ บุคล เบื้องหน้า เขา และ ครอบครัวของ จางฮุย ซึ่งก็เสมือนญาติเหมือนพ่อ และ กิมเฮง ที่เป็นญาติดุจแม่ เขา สัญญาในใจที่กร้าวแกร่งว่า ทุกคน ทุกคน 

  

.....................

..............................ต้องอยู่อย่างไม่หวาดละเวงอีกต่อไป อีก 2 วันจะสิ้นเดือน รอยยิ้มเหี้ยมบนใบหน้าอันหล่อเหลาปรากฏ จน จางฮุย ที่นอนเอนหลังบนเก้าอี้ฮ่องเต้ ถึงกับหลบสายตา และ ความเย็นแผ่นหลังโดยไม่รู้สาเหตุ...............................

 

...............................จบก่อนนิ แว่น มีงานนะคะ ขอบคุณนะคะอย่างไร ก็คอมเม้นติ- ชม กันได้นะคะ บายจ๊ะ ตอนนี้เสียวไม่มี ความจริงเสร็จ 3 วัน หละ แต่หาเวลาลงไม่ได้ และ พึ่ง พิสุทธิ์ อักษรคราวๆ เสร็จ ( ภาพสุดท้ายนะแถมคะ ).................. 

 

 ...........................[backcolor=#ff00cc]จบ เรื่อง สั้น มังกรเยาวราช .ตอนที่ 4 กรงเล็บมังกร  ..แว่น...By...areja[/backcolor].....

 

*ก๊อป ไปอ่านได้  แต่ ห้าม! นำไปเผยแพร่นะคะ ต้อง การหาอ่าน   แว่น นำไปลงไว้หลาย ที่ มีรูปโปรไฟร์  นี่ ที่ไหน ที่นั้น ก็มีงาน ของ  แว่น นะคะ  ขอบคุณคออ่านจ๊ะ *

[/size][/size]