ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

Copy บันทึกคัมภีร์มหัศจรรย์ ตอนที่12 จอมอาคม บทประพันธ์ nookylove

เริ่มโดย areja, พฤษภาคม 07, 2012, 12:39:22 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

areja

 Copy บันทึกคัมภีร์มหัศจรรย์ ตอนที่12 จอมอาคม บทประพันธ์ nookylove

ท่าน nookylove บันทึกคัมภีร์มหัศจรรย์ ตอนที่12 จอมอาคม


ในห้องพักผู้ป่วยพิเศษของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ชายชราร่างเล็กในชุดขาวยืนหลับตาคล้ายกำลังเพ่งสมาธิ อยู่ข้างเตียงผู้ป่วยที่นอนนิทรา ไม่ได้สติมาเป็นเดือน หลังจากเพ่งจิตสมาธินานนับชั่วโมง ใบหน้าเหี่ยวย่นตามกาลเวลาแต่แลดูอิ่มเอิ่บน่าเลื่อมใส ก็ส่ายหน้ากับความล้มเหลวกับความพยายามในการควานหาจิตที่ตกอยู่ในห้วงฝันมานานร่วมชั่วโมง จึงหันหลังเดินออกจากห้องไป

" เป็นอย่างไรบ้างครับท่านอาจารย์ " ผู้เป็นบิดาของร่างบนเตียงรีบถามหลังจาก ชายชราเดินออกมา
" ข้าไม่สามารถช่วยลูกชายเอ็งได้ มีเพียงผู้ร่ายมนตรานี้เท่านั้นที่จะแก้อาถรรพ์ " คำตอบของชายชราทำเอา ความหวังของส.ส.วิชัย ดับวูบลง
" มนต์อะไร ที่อาจารย์ถึงกับแก้ไม่ได้ครับ " นายกล้า ลูกน้องคนสนิทที่เป็นคนเชิญอาจารย์แสนมาถามด้วยความสงสัย
" ไมยราพณ์สะกดทัพ มนตราของพวกยักษ์และอสูร ข้าเองก็ไม่คิดว่าจะมีใครใช้ได้ " ชายชราตอบพลางมีภาพของบุรุษผู้หนึ่งแล่นเข้ามาในความคิด
" ทำไมละครับ " นายกล้ายังคงสงสัย
" มีแต่ผู้ที่มีตบะแก่กล้า หรือ ยักษ์อสูรที่จุติมายังโลกมนุษย์เท่านั้นแหละที่ใช้ได้ "
" แล้วอาจารย์ใช้ได้ไหมครับ " ยังไม่หายสงสัย
" ไม่ มนตรานี้ถูกเก็บรักษาและสืบทอดมาโดยตระกูลหนึ่ง อุว๊ะ เอ็งจะถามมากมายทำไม " อาจารย์แสนเริ่มรำคาญ นายกล้าขณะกำลังจะถามว่าแล้วอาจารย์รู้ได้อย่างไรว่ามันคือมนต์นี้ จึงเงียบไป
" แล้วเราจะทำอย่างไรกันดีครับ " ส.ส.วิชัย ถามความเห็นชายชรา
" ข้าบอกแล้ว ผู้ผูกต้องเป็นผู้แก้ " อาจารย์แสนยังคงตอบเหมือนเดิม
" ทางผมก็พยายามเต็มที่แล้วครับ แต่ก็ยังไม่รู้เลยว่าเจ้าเต้ลูกชายผมมันไม่มีเรื่องกับใครมา " ผู้เป็นบิดาบอกอย่างอับจนหนทาง
" เอ็งลองพาข้าไปที่เกิดเรื่องสิ " อาจารย์แสนบอก จากนั้นทั้งหมดก็ เดินทางไปยังคอนโดมิเนียมที่เกิดเหตุ

   เมื่อมาถึงคอนโดหรู นายกล้าก็เล่าว่าภาพจากกล้องวงจรปิด ในตอนเกิดเหตุก็ใช้การณ์ไม่ได้ พวกรปภ.ก็ไม่รู้เรื่องสักคน ขณะนายกล้ากำลังเล่า ชายชราก็หลับตาเพ่งจิตสื่อสารกับพระภูมิเจ้าที่ จนได้ความ

" ลูกชายเอ็งนี่ ทำบาปหนักเหลือเกิน แต่เอาเถอะข้ารับปากว่าจะช่วยแล้ว จะช่วยให้ถึงที่สุด " ชายชราตำหนิ ก่อนจะยอมช่วยต่อ ทำเอาส.ส.วิชัยกลับมามีความหวัง
" มีชายหนึ่ง หญิงสาวหนึ่ง และวิญญาณสาวอีกหนึ่ง ผู้ที่ร่ายมนตราและจะช่วยลูกชายเอ็งได้คือผู้ชายคนนั้น " ข้าบอกเอ็งได้เท่านี้ ชายชราบอกจากนั้นจึงเดินกลับไปที่รถ ทิ้งให้ส.ส.กับลูกน้องคนสนิทยืนปรึกษากัน ว่าจะเริ่มจากตรงไหนก่อน

.......
หลังจากเมื่อคืนได้รู้ว่าวิญญาณของฝ้ายจะมาอยู่ด้วย ทำให้เช้านี้อนิล ต้องลุกขึ้นมาใส่บาตรกรวดน้ำอุทิศกุศลแต่เช้าเพราะฝ้ายนั้นแตกต่างกับแสงเดือน ที่ดวงจิตผูกพันกับเขา ตอนนี้ระดับวิญญาณของฝ้ายเป็นเพียงวิญญาณเร่ร่อน ซึ่งก็ต้องอาศัยแสงเดือนเวลาจะสื่อสารกัน
" วันนี้พี่จะเข้าไปซ้อมที่มหาลัย แต่พี่ไม่รู้ว่าฝ้ายจะเข้าไปได้ไหม ฝ้ายจะเอายังไงจะอยู่บ้านหรือเปล่า " ชายหนุ่มหันไปถามแสงเดือนขณะกำลังกินข้าว
" น้องฝ้ายบอกว่าอยากไปหาแม่จ้ะ " แสงเดือนซึ่งเป็นสื่อกลางตอบแทนฝ้าย
" ถ้าอย่างนั้นพี่ไปส่งที่บ้านก็แล้วกัน แล้วจะให้รับกลับมาตอนเย็นด้วยไหม อืมก็ดีเหมือนกันจะได้ไปเยี่ยมแกด้วย " จะมีชีวิตใครประหลาดเท่าเขาไหมเนี่ยต้องอยู่ร่วมบ้านกับสองวิญญาณสาวแถมยังต้องไปส่งไปรับกลับอีก เอ..หรือว่าวันนี้จะไม่รับกลับดี ชายหนุ่มลังเลเมื่อแอบมองไปยังแสงเดือน เพราะเมื่อรู้ว่าฝ้ายมาอยู่ด้วยทำให้เขาไม่ค่อยสะดวกที่จะแสดงความรักกับแสงเดือนเท่าไหร่ เพราะอย่างไรเขาก็ยังรู้สึกอายแม้จะมองไม่เห็นฝ้ายก็ตาม  และดูเหมือนจะแอบมองนานไปหน่อยจึงทำให้สาวงามรู้สึกตัว
" น้องฝ้ายบอกให้รับกลับมาบ้านนี้ด้วย " แสงเดือนบอกพร้อมกับรอยยิ้มคล้ายจะรู้ถึงความคิดของเขา ทำเอาชายหนุ่มได้แต่ยิ้มตอบเจื่อนๆ ดูเหมือนว่าตั้งแต่สองสาวอยู่ด้วยกัน แสงเดือนก็เริ่มมีเล่ห์กลมารยามากขึ้นในความรู้สึกเขา แต่ก็ไม่ทำให้เขาเบื่อหรือรำคาญ กลับทำให้รู้สึกสนุกและตื่นเต้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ ตอนนี้ได้แต่จดบัญชีไว้ในใจ มีโอกาสเมื่อไหร่จะเอาคืนให้หนัก....

  เมื่อมาถึงมหาวิทยาลัยหลังจากไปส่งฝ้ายที่บ้านแล้ว ภายในกำลังจัดงานเปิดบ้านให้ นักเรียนและนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยอื่นมาเข้าชม ทั้งจัดนิทรรศการ เกมส์ต่างๆ รวมถึงการแนะแนวเรียนต่อให้นักเรียนมัธยมปลาย ซึ่งบรรดาคณะต่างๆก็แข่งกันเต็มที่ ดูเหมือนสาวงามข้างกายเขาจะสนใจงานเปิดบ้านครั้งนี้ไม่น้อยเห็นหยุดดู หลายซุ้ม ทั้งซุ้มของคหกรรมศาสตร์ที่จัดอาหารและขนมฝีมือนักศึกษามาให้ลองชิมและซื้อหากันได้
" อยากลองชิมเหรอจ๊ะ " ชายหนุ่มถามขึ้นเหมือนเห็นแสงเดือนหยุดอยู่หน้าซุ้มขนมเค้ก น่าอร่อย ถึงเขาจะไม่ค่อยชอบของหวานแต่เห็นท่าทางของแสงเดือนก็อดตามใจไม่ได้จึงซื้อ เค้กช็อคโกแลตกับสตอร์เบอร์รี่ชีสเค้กมาอย่างละชิ้น
" เป็นไง อร่อยไหม " อนิล ถามขึ้นหลังจากกัดเข้าปากคำหนึ่ง ในความรู้สึกเขามันหวานเกินไป
" ว้าว อร่อยจัง พี่ทำเป็นไหมจ้ะ " แสงเดือนถามอย่างตื่นเต้น ท่าทางน่ารัก แต่เมื่อเห็นชายหนุ่มส่ายหน้าจึงสลดลงเล็กน้อย
" ว้า เดือนอย่างทำเป็นบ้างจัง " สาวงามบ่นอุบอิบ
" ถ้าเดือนชอบ พี่ซื้อให้กินก็ได้นี่ " ชายหนุ่มบอกเอาใจ ทั้งๆที่เขานั่นแหละต้องเป็นคนกิน
" เดือนอยากทำเป็นนี่ อีกอย่าง ดูหน้าพี่ก็รู้ว่าไม่ชอบของพวกนี้ " แสงเดือนบอกอย่างรู้ใจเขา
" ก็ไม่ถึงกับไม่ชอบ แค่...มันหวานเลี่ยนเกินไป " เขาพยายามแก้ตัว
" ช่างเถอะจ้ะ " พูดจบก็เดินนำชายหนุ่มไป ทำเอาเขาตามอารมณ์ไม่ทันจึงได้แต่เดินตามไป เมื่อทันหญิงสาวแล้วจึงคว้ามือมาจับไว้เพื่อเอาใจ เธอก็ให้จับโดยดี
" มีใครมองเห็นเดือนหรือเปล่าตอนนี้ " อนิลถามขึ้นเมื่อจับมือกันเดินมาได้สักพัก
" พี่อยากให้เห็นหรือเปล่าล่ะจ้ะ " สาวงามถามกลับ
" ตามใจเดือนเลยจ้ะ เดือนว่ายังไงก็ตามนั้นเลย " เขารีบบอกอย่างเอาใจ ทำเอาสาวงามยิ้มได้

  เมื่อถึงโรงยิมชั่วคราวที่ไว้ใช้เป็นที่ฝึกซ้อมของนักมวยที่จะขึ้นชก ชายหนุ่มเดินเข้าไปทักทายโค้ชและพวกรุ่นพี่ เพราะนักชกจากปี1 มีเพียงเขาที่ผ่านเข้ารอบอย่างหวุดหวิด ขณะกำลังจะอบอุ่นร่างกาย มีเป็นพี่คนหนึ่งเรียกและบอกว่ามีคนมารอพบเขาจึงเดินไปหา เมื่อเห็นคนที่รออยู่ชายหนุ่มแทบอยากจะหันหลังกลับ แต่ก็ไม่ทันแล้ว
" ไงจ๊ะ พี่รู้ว่าเธอมีซ้อมวันนี้เลยมารอ เย็นนี้ว่างหรือเปล่า " เสียงหวานๆจากสาวสวยรุ่นพี่ถามขึ้นเมื่อเขาเดินมาถึง
" เอ่อ ...คือ ผมมีคนรักแล้วนะครับ " ชายหนุ่มบอกออกไปเมื่อเห็นสาวงามที่เดินมาด้วยกันสีหน้าและแววตาเริ่มเอาเรื่อง
" หืม คนรัก ? คิกๆ ใช้คำน่ารักนะเรา แต่พี่รู้มาว่าเธอยังไม่มีแฟนนี่ เป็นไร หรือว่ากลัวที่จะไปกับพี่ " สาวสวยยังคงชวน ปกติมีแต่ผู้ชายอยากจะควงเธอแต่หนุ่มน้อยคนนี้กลับปฏิเสธ ทำให้เธอยิ่งสนใจและอยากจะเอาชนะ
" ผมมีคนรัก..เอ่อ มีแฟนแล้วจริงๆ วันนี้เธอก็มาด้วย " อนิล รีบส่งสายตาให้แสงเดือน ปรากฏตัวแล้วเดินเข้ามาหา เพราะถ้าอยู่เผยตัวขึ้นมาคงมีคนช็อคแน่ๆ ซึ่งแสงเดือนก็เดินไปจริงๆ แต่เดินกลับเข้าไปในโรงยิมแล้วหายไปเลย ทำเอาชายหนุ่มเหงื่อตกทั้งที่ยังไม่ได้ออกแรง
" ไหนล่ะแฟนเธอ พี่เห็นทำท่ามองหาอยู่นานแล้วนะ โทรตามเลยไหมจ๊ะ " สาวสวยเริ่มหงุดหงิด ที่เขาเล่นตัวอยู่นั่นแหละ
" วันนี้ผมไม่ว่าง ต้องไปรับน้องสาว นี่ก็ได้เวลาซ้อมแล้วขอตัวนะครับ " พูดจบก็รีบเดินจากมาโดยไม่รอให้สาวสวยรุ่นพี่พูดต่อ ทำเอานุชนารถ ยืนนิ่งด้วยความโมโหที่ไม่ได้ดั่งใจ ' เล่นตัวไปเถอะสักวันนายจะมาสยบแทบเท้าฉัน ' ซึ่งเธอเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงอยากจะเอาชนะผู้ชายคนนี้ หรือ เป็นเพราะเมื่อวานตอนนี้เห็นเขาขึ้นชกช่วงยกสุดท้ายนั้น ดูเหมือนชายหนุ่มจะมีอำนาจประหลาดแผ่ซ่านออกมา ทั้งทำให้รู้สึกถึงพลังอำนาจ ความแข็งแกร่งและสง่างาม จนสะกดผู้ชมทั้งอัฒจรรย์ให้ละสายตาไปจากเขาไม่ได้แม้จะเป็นเพียงชั่วขณะหนึ่ง แต่ก็ตราตรึงในความรู้สึกของเธอ บางทีอาจจะเป็นเพราะสัญชาติญาณเพศเมียตามธรรมชาติที่ถูกดึงดูดโดยความแข็งแรงของเพศผู้ก็เป็นได้
  พออนิลเดินกลับเข้ามาในโรงยิมแล้วก็พบสาวงามยืนหน้าง้ำอยู่จึงเดินเข้าไปหาหวังจะอธิบายให้เธอเข้าใจ
" เชอะ คลาดสายตาแค่วันเดียวก็มีสาวสวยเข้ามาชวนไปไหนด้วยแล้ว " ชายหนุ่มยังไม่ทันจะได้อ้าปากอธิบายฝ่ายหญิงสาวก็เริ่มขึ้นมาก่อน
" ใช่สิเดือนเป็นแค่วิญญาณ ได้แต่เดินตามพี่ ต่อไปพี่คงจะเบื่อเดือนแน่ๆ " สาวงามยังคงตัดพ้อด้วยความน้อยใจ ทำเอาชายหนุ่มยืนเกาหัวแบบไปไม่เป็น ที่แม่แสงเดือนคนงามอยู่ๆก็อารมณ์แปรปรวน เกิดน้อยใจขึ้นมาถ้าเกิดเป็นหญิงสาวธรรมดาเขาคงพอเข้าใจว่าอาจเป็นช่วงวันนั้นของเดือนก็เป็นไปได้แต่นี่.... เมื่อไม่รู้จะทำอย่างไรจึงตะโกนบอกรุ่นพี่ว่าจะขอเวลาสักพัก จากนั้นจึงคว้าข้อมือหญิงสาวเดินออกมาและหาที่เงียบๆเพื่อคุยกันให้เข้าใจ  เมื่อพาเธอเดินขึ้นมาที่ตึกของคณะวิทย์ฯ เนื่องจากไม่มีเรียนจึงไม่มีนักศึกษาขึ้นมาทำให้ห้องล็อคทุกห้องแต่ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา จึงพาแสงเดือนเข้ามาที่ห้องในสุด
" เรื่องรุ่นพี่คนนั้น ไม่มีอะไรจริงๆนะ เค้ามาชวนไปไหนพี่ก็ปฏิเสธไปแล้ว เดือนก็ได้ยินนี่ " ชายหนุ่มอธิบาย แต่หญิงสาวยังคงเงียบ
" ....เดือนไม่เชื่อพี่เหรอ " เขาถามพร้อมทำหน้าเศร้า
" เดือนเชื่อ แต่...ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงรู้สึกแบบนี้ " แสงเดือนยังคงสับสนกับความรู้สึกที่ตัวเองก็อธิบายไม่ได้
" รู้สึกแบบไหน บอกพี่ได้ไหม " ชายหนุ่มถามเพื่อจะได้ช่วยเธอให้รู้สึกดีขึ้น
" ตอนที่ได้ยินพี่บอกรักเดือนเมื่อคืน เดือนดีใจมากที่สุด แต่พอมาวันนี้เดือนถึงได้รู้ตัวว่า ตัวเองไม่มีค่าขนาดจะกินยังต้องอาศัยคนอื่น อยากทำอะไรเหมือนคนทั่วไปก็ทำไม่ได้ ยิ่งเห็นผู้หญิงคนนั้นมาชวนพี่ไปกับเค้า ยิ่งตอกย้ำว่าตัวเองเป็นเพียงวิญญาณไม่มีเลือดเนื้อ บางทีสักวันพี่คงจะเบื่อและทิ้งเดือนไป " สาวงามพรั่งพรูความรู้สึกของตัวเองออกมาทั้งน้ำตา จนชายหนุ่มอดไม่ได้จึงดึงร่างบอบบางมาโอบกอดไว้อย่างทะนุถนอม ลูบหลังเบาๆเพื่อปลอบโยนถึงจะไม่เข้าใจความรู้สึกของหญิงสาวทั้งหมด และน่าจะเป็นสาเหตุให้สาวงามคนนี้ไม่กล้าปรากฏตัว แต่ก็พอจะเข้าใจว่าเธอคงต้องการความมั่นคง
" พี่สัญญาว่าจะไม่มีวันทิ้งเดือน เดือนรู้ใช่ไหมว่าพี่จะเป็นอย่างไรถ้าไม่รักษาสัญญา..... ที่สำคัญที่สุดคือพี่รักเดือน " ชายหนุ่มเชยคางให้หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมาสบตาเขาเพื่อให้มองลึกเข้าไปในดวงตา ว่าทุกคำที่พูดออกมาคือความสัจจริง
" เดือนรักพี่ที่สุดและจะรักตลอดไป " หญิงสาวยิ้มออกมาพร้อมทั้งน้ำตาแห่งตวามตื้นตัน และกอดรัดชายหนุ่มแนบแน่นเนิ่นนาน
" ตอนนี้พวกเขาคงคอยพี่อยู่เรารีบลงไปกันเถอะ เดี๋ยวพี่จะโดนว่าเอา " เมื่อคลายความกังวลในใจแล้วสาวงามจึงบอกให้ชายหนุ่มรีบลงไปซ้อมได้แล้วจึงทำท่าจะผละออกจากอ้อมกอดของเขา แต่ชายหนุ่มกลับรั้งไว้
" เดี๋ยวสิ จะรีบไปไหนเราไม่ได้อยู่กันตามลำพังนานแล้วนะ " เขาบอกน้ำเสียงออดอ้อน
" นานที่ไหน ไม่ถึงสองวันเลยนะ อุ๊ย.. "  สาวงามร้องอย่างตกใจ เมื่อมือชายหนุ่มเริ่มซุกซนและสัมผัสถึงความแข็งที่มาดุนตรงหน้าท้องของเธอ
" นะจ๊ะ " ชายหนุ่มยังคงอ้อน สองมือเลื่อนต่ำลงไปเคล้าคลึงคล้ายจะช่วยกระตุ้นให้เธอรีบใจอ่อน เมื่อเห็นสาวงามพยักหน้าเขาจึงรีบฉวยโอกาส ทันทีที่ปากประกบกันต่างฝ่ายต่างจูบลิ้นรัดรึงกันอย่างเร่าร้อนด้วยแรงอารมณ์ปรารถนา และความรักที่มีต่อกัน จนกระทั่งอนิลเตรียมจะเพ่งสมาธิเพื่อปลดเปลื้องชุดให้เรือนร่างงดงามปรากฎออกมาสู่สายตา เสียงโทรศัพท์ในกางเกงก็ดังขึ้น เมื่อกดรับก็ได้ยินปลายสายบอกว่าให้กลับไปซ้อมได้แล้วโค้ชรออยู่ จึงได้แต่ทำตามพร้อมกับถอนหายใจอย่างเสียดายที่สวรรค์ล่มตรงหน้า เมื่อหันกลับมามองก็เห็นสาวงามหัวเราะอย่างชอบใจ จึงรั้งเธอมาจูบหนักๆอีกครั้งอย่างหมั่นเขี้ยวก่อนจะพากันลงมาและเดินกลับไปที่โรงยิม

   ชายสองคนในรถยุโรปคันหรูจอดซุ่มอยู่ในลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าชื่อดัง นั่งมองดูสาวสวย ที่ก้าวลงจากรถคันงามของเธอเพื่อที่จะเดินเข้าให้ซื้อของภายในห้าง

" แน่ใจนะว่าใช่คนนี่น่ะนายกล้า สวยขนาดนี้ไม่น่าเจ้าเต้มันถึงอดใจไม่ไหว " ชายร่างท้วมวัยกลางคนพูดกับคนสนิทที่นั่งอยู่เบาะคนขับด้านหน้า
" ครับ ตามที่ผมให้ลูกน้องไปสืบมา เธอเป็นคู่ควงคนล่าสุดก่อนที่คุณเต้จะเข้าโรงพยาบาล ได้ยินว่าวันเกิดเหตุเธอออกจากมหาวิทยาลัยพร้อมคุณเต้ด้วยครับ " คนสนิทรายงาน
" แล้วข้อมูลอย่างอื่นล่ะ "
" เธอชื่อ พลอยชมพู วิจิตรจินดา เป็นหลานสาวท่านผู้หญิงอำไพ ลูกสาวพลตรีศิลป์กับคุณหญิงประภา ครับนาย " นายกล้ารายงานเพื่อจะให้เจ้านายตัดสินใจต่อไป
" วิจิตรจินดา ...... เอาเถอะบอกคนของเรา จังหวะเหมาะเมื่อไหร่ก็ลงมือได้เลย " ส.ส.คนดัง ลังเลเพราะรู้ดีว่าตระกูลนี้มีสายสัมพันธ์ที่ดีกับกองทัพและผู้ใหญ่ในรัฐบาลขนาดไหน แต่เพื่อลูกชายคนเดียวเขายอมเสี่ยง เมื่อสิ้นคำสั่งนายลูกน้องคนสนิทก็โทรศัพท์สั่งการลูกน้องอีกทอดหนึ่ง

   ขึ้นชกรอบสองวันนี้ อนิล ทำได้ดีขึ้นกว่าวันแรก โดยไม่ต้องพึ่งมนต์ใดๆ นับเป็นชัยชนะที่ตัวเขาเองภาคภูมิใจ และวันนี้สองสาวเพื่่อนซี้ นุ้ยกับหงส์ก็มาเชียร์เช่นเคย แต่กับสาวสวยอีกคนนี่สิ วันนี้หายไปไหน
" วันนี้พลอยมี ซ้อมการแสดงเหรอ " ชายหนุ่มถามเพื่อนสาวทั้งสอง
" อืม น่าจะมีนะเพราะใกล้วันประกวดแล้ว อีกสองวันก็ประกวดแล้วนี่ อื้อ ลมก็รับเหรียญทองวันนั้นพอดีใช่ไหม " สาวหมวยถามอย่างตื่นเต้น
" แหม ให้ลมเขาชนะพรุ่งนี้ก่อนเถอะจ้ะ แม่หงส์เหิน " สาวใต้ตาคมแขวะเพื่อนสาวเล็กน้อย ก่อนทั้งคู่จะขอตัวลากลับ
   ในตอนค่ำ ขณะที่ชายหนุ่มกำลังฝึกสมาธิอยู่ ความรู้สึกบางอย่างก็เข้ามารบกวนจิตใจ คล้ายสังหรณ์ได้ถึงอันตรายบางอย่างและความกังวลที่บรรยายไม่ได้ และภาพบางหลายก็ปรากฎขึ้นในความคิด ภาพของสาวสวยอีกคนที่เขายังไม่สามารถตัดใจได้กำลังร้องไห้อย่างเสียขวัญและเงาดำที่ปรากฏอยู่รอบๆตัวเธอ พลอยชมพูกำลังอยู่ในอันตราย ลางสังหรณ์บอกเขาอย่างนั้น จึงลืมตาขึ้นมาแล้วลองกดโทรศัพท์หาแต่กลับไม่มีคนรับสาย ความเป็นห่วงยิ่งเพิ่มมากขึ้น จึงเดินออกมาข้างนอกห้อง เพื่อจะขอให้แสงเดือนที่นั่งดูทีวีอยู่ช่วย
" เดือนจ๊ะ เอ่อ.... " เขาพูดได้แค่นั้น ก็พูดต่อไม่ออก เพราะจะให้แสงเดือนช่วยได้อย่างไรในเมื่อการขอให้ผู้หญิงที่รักเขา ตามหาผู้หญิงอีกคนที่เขาตัดใจไม่ได้มันคงทำให้เธอเสียใจ
" พี่จะออกไปข้างนอกหน่อย ฝากดูบ้านด้วยนะ "
" ได้จ้ะ " สาวงามรับคำอย่าง งงๆ แต่ก็ไม่ถามว่าเขาจะไปไหน จากชายหนุ่มจึงขับรถออกไป เมื่อขับรถมาจอดยังหน้าบ้าน ของพลอยชมพู ถึงได้รู้ว่าเกิดเหตุการณ์ผิดปกติบางอย่างขึ้น ขณะนั้นเอง อนิล ก็ได้ยินเสียงเล็กๆ คล้ายเสียงเด็กบอกให้เขาขับรถตามทางที่บอก จนออกจากกรุงเทพ เข้าเขตปริมณฑล

  พลอยชมพูตื่นขึ้นมาพร้อมอาการมึนงง เมื่อลืมตาได้สักพักเธอก็กวาดตามองไปรอบๆตัวก็พบว่าเธอมาอยู่ในห้องเล็กๆห้องหนึ่งเพดานและฝาห้องห้องทำด้วยไม้ เมื่อขยับตัวก็พบว่าตัวเอง ถูกล่ามไว้ด้วยโซ่ที่ขาผูกติดกับขาเตียงที่เธอนอนอยู่ตอนนี้ จึงพยายามคิดทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จำได้ว่าเมื่อตอนสายๆเธอออกมาช็อปปิ้ง แล้วตอนกลับขณะกำลังเก็บของไว้ท้ายรถก็รู้สึกเหมือนมีรถมาจอดใกล้ๆ แล้วได้กลิ่นฉุนของน้ำยาบางอย่างสติก็ดับวูบไป ขณะกำลังคิดประตูไม้ก็ถูกเปิดขึ้นแล้วผู้ชายสามคนก็เดินเข้ามาในห้อง
" พวกแกเป็นใคร ต้องการอะไร " สาวสวยถามเสียงสั่น
" จุ๊ๆ ไม่ต้องกลัว พวกเราแค่อยากถามอะไรบางอย่าง " ชายร่างกำยำผิวเข้ม อายุราวสามสิบปลายๆ ท่าทางเหมือนลูกพี่ บอกออกมาด้วยน้ำเสียงฟังดูอ่อนโยน แต่สายตาที่จ้องมองเธอมีแววหื่นกระหาย ทำเอาหญิงสาวขนลุกซู่
" ถ้าฉันบอกแล้ว จะปล่อยฉันไปใช่ไหม " พลอยชมพู พยายามต่อรอง
" แน่นอน พวกพี่ให้สัญญา จริงไหมพวกเรา " ตัวลูกพี่หันไปถามลูกน้องสองคนข้างหลัง แล้วพากันหัวเราะอย่างรู้ความหมายกันเองในกลุ่มพวกมัน
" งั้น ว่ามาสิจะถามอะไร " สาวสวยคิดว่าพวกมันจะปล่อยไปจริงๆ จึงรีบเร่งให้มันถาม
" แหม ใจร้อนจริงๆคนสวย ก็ได้ คำถามแรก น้องเคยเป็นแฟนกับผู้ชายที่เต้ ใช่ไหม " เมื่อเห็นหญิงสาวพยักหน้าจริงถามต่อ
" ข้อสอง วันก่อนที่นายเต้ เข้าโรงพยาบาล น้องได้ไปที่คอนโดกับเขาหรือเปล่า " คราวนี้ พลอยชมพูลังเลเล็กน้อยก่อนส่ายหน้า
" อ๊ะๆ คิดให้ดีนะจ๊ะ คนสวยพวกพี่ไม่อยากทำรุนแรงนะจ๊ะ " ลูกพี่ที่เป็นคนถาม พูดก่อนจะยื่นมือไปจับใบหน้าสวย และออกแรงบีบจนหญิงสาวร้องออกมาด้วยความเจ็บ จึงยอมคลายมือ
" คำถามเดิมนะจ๊ะ ว่าไง " คราวนี้หญิงสาวจึงยอมพยักหน้า
" ทีนี้คำถามสุดท้าย ผู้ชายที่ช่วยน้องออกมามันเป็นใคร " คำถามนี้ทำให้สาวสวยตาโตด้วยความตกใจ
" ฉันไม่รู้จริงๆ " เธอตัดสินใจโกหก เพราะรู้แล้วว่าเป้าหมายจริงๆของพวกมันเป็นใคร
" พี่บอกแล้วใช่ไหมว่า ไม่อยากทำรุนแรงแต่น้องดูเหมือนจะชอบความรุนแรงนะ " พูดจบก็ขยุ้มผมและกระชากอย่างแรง ทำให้สาวสวยเจ็บจนน้ำตาเล็ด
" ขอถามอีกทีนะ มันเป็นใคร "
" ก็บอกแล้วไงว่าไม่รู้ ตอนนั้นฉันโดนมอมยา จำอะไรไม่ได้ โอ้ย " คราวนี้มันจิกหัวเธอขึ้นมา อีกมือก็บีบคางเธออย่างแรง
" พี่จะให้โอกาส คนสวยตอบอีกครั้งนะ ไม่งั้นพวกพี่คงต้องเรียกความจำให้น้องแล้วล่ะ " พวกมันหัวเราะอย่างหื่นกระหาย
   
     ชายชราร่างเล็กในชุดขาวกำลังยืนคอยบางอย่างอยู่ท่ามกลางความมืดมิดกลางสวนผลไม้ในคืนเดือนแรม บรรยากาศวังเวงไม่ทำให้ผู้มากประสบการณ์เช่นเขาสะทกสะท้าน ขณะนั้นเองเสียงแมลงเสียงกบเขียดที่เคยดังระงม พลันหยุดไปคล้ายกับพวกมันกลัวบางสิ่งจนไม่กล้าลงเสียงออกมา ความรู้สึกเย็นยะเยือกหนาวไปถึงสันหลังแล่นเข้ามาจู่โจมชายชราก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นความรู้สึกอึดอัดคล้ายถูกจ้องมองโดยดวงตาปริศนาในความมืด และตอนนั้นเองภาพเหตุการณ์ในอดีตก็ย้อนเข้ามาในห้วงความคิด เหตการณ์นองเลือดที่ทำให้เขาเฉียดตายที่สุดในชีวิต ภาพของการไล่ล่าและเป็นฝ่ายถูกล่า ' โอ้ มนตราพญาเสือ ผ่านไปหลายสิบปีจนบัดนี้เขาจะได้เผชิญหน้ากับมันอีกครั้ง '
    ร่างสูงใหญ่ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าชายชราอย่างเงียบเชียบไร้ร่องรอย ห่างไปประมาณสิบก้าวหยุดยื่นนิ่งอยู่กับที่แต่กลับส่งกลิ่นอายแห่งความตายกระจายครอบคลุมไปทั่ว
" ไอ้หนุ่มเอ้ย มีกี่ชีวิตที่ดับสูญไปในมือเอ็งแล้ว " ชายชราถามขึ้นทำลายความเงียบ
" ผู้หญิงอยู่ที่ไหน " ชายหนุ่มไม่ตอบแต่กลับตั้งคำถามแทน
" นั่นไม่สำคัญตราบใดที่ข้ายังยืนอยู่ตรงนี้เอ็งก็ไปไหนไม่ได้ " ยังไม่ทันที่ชายชราจะพูดจบ ร่างสูงใหญ่ก็เข้ามาใกล้จนเหลือแค่ก้าวเดียวแล้ว แต่กระนั้นเขาก็ยังไวพอ ไวจนแทบไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นชายชราอายุกว่าเจ็ดสิบ เบียงตัวหลบมือที่หมายจะคว้าร่างเขาไว้ พร้อมกับหยิบวัตถุสีดำขึ้นมาจากถุงย่าม แล้วตวัดมือปาดเข้าที่ต้นแขนของร่างกำยำ เลือดสดๆไหลทะลักจากบาดแผล สร้างความเจ็บปวดแต่ยิ่งทำให้ความดุร้ายเพิ่มมากขึ้น พริบตาเดียวชายหนุ่มก็เคลื่อนที่ไปอยู่ด้านหลังของชายชรา
หมายจะคว้าตัวไว้ แต่กลับคว้าได้เพียงอากาศ ร่างเล็กของคนอายุกว่าเจ็ดสิบหายไปต่อหน้า ทำให้เขาตื่นตระหนกกับความเร็วอันเหลือเชื่อ ทั้งๆที่ตัวเขาเองก็รวดเร็วระดับนึงแล้ว เมื่อรู้สึกตัวอีกที กลับถูกรุมล้อมตัวชายฉกรรจ์นับสิบ ร่างกายกำยำดำทะมึน ถือดาบและหอกคล้ายนักรบโบราณ มีเวลาให้สงสัยไม่นาน ทั้งหอกและดาบก็ประดังเข้าหา จนชายหนุ่มต้องเบียงตัวหลบและกลิ้งไปกับพื้นก่อนจะเตะกวาดหนึ่งในนั้นล้มลงกับพื้นแล้วรีบพลิกตัวให้หลุดจากวงล้อม แต่ก็ไม่นานเหล่านักรบโบราณก็ดาหน้าเข้ามา จนชายหนุ่มต้องใช้เพลงมวยโบราณเข้าสู้อย่างสุดความสามารถ ทั้งเข่าศอก จับ รัด หัก ทุกทวงท่าใช้ออกด้วยความรวดเร็วแม่นยำและโหดเหี้ยม ขณะเข้าตะลุมบอน ก็พลาดโดนคมดาบและคมหอก แต่สิ่งเหล่านั้นไม่ได้สร้างรอยบาดแผลให้เห็น แต่กลับสร้างความเจ็บปวดจนเกินบรรยาย น่าจะเรียกได้ว่าเจ็บปวดจนถึงวิญญาณ ส่วนชายชราที่ยืนดูการต่อสู้นั้นอยู่ถอนหายใจและส่ายหน้าด้วยความรู้สึกเสียดายเมื่อเห็นเพลงมวยที่ชายหนุ่มใช้ ' พี่ดา ข้าขอโทษ '
กระทั่งจัดการนักรบคนสุดท้ายเสร็จ ตอนนี้ชายหนุ่มทั้งเจ็บปวดทั้งอ่อนล้า จนแทบจะยืนไม่อยู่แต่ด้วยความคิดที่จะช่วยหญิงสาวทำให้ ยังคงมีแรงสู้จนกว่าเธอจะปลอดภัย จึงพุ่งเข้าหาชายชราร่างเล็กด้วยความเร็วที่สุดที่ทำได้หวังจะชนะและผ่านไปให้ได้ ซึ่งคราวนี้ชายชราหลบไม่ทันจังหวะนั้นเอง มือใหญ่ก็คว้าเข้าที่ลำคอของชายชราได้ แต่กลับรู้สึกปวดแปล่บที่สีข้าง เมื่อวัตถุสีดำเสียบเข้าไปจนมิด ขณะกำลังจะกระชากหลอดลมที่อยู่ในมือ เพราะความเจ็บปวดและเคียดแค้น เขาก็รับรู้ความรู้สึกบางอย่าง ว่าชายชราคนนี้ไม่ได้มีเจตนาจะฆ่าเขาเพียงแต่ต้องการหยุดเขาเท่านั้น เพราะไม่เช่นนั้นแทนที่จะปักสีข้าง เขาสามารถปักไปที่หัวใจก็ได้ จึงคลายมือออก ซึ่งทำให้ชายชรายิ้มอย่างพอใจกับการกระทำของชายหนุ่มและความเสี่ยงตายของเขาในครั้งนี้ 
" เอ็งไปเถอะ ถึงอย่างไรไม่ช้านี้เอ็งก็ต้องมาหาข้า แล้วข้าจะรอ " ก่อนไปหลังจากดึงมีดออก ชายชราหยิบบางอย่างคล้ายขี้ผึ้งมาใส่ที่แผลให้ชายหนุ่ม เพื่อให้เลือดหยุดไหล ซึ่งก็ได้ผล
" ตราบใดที่วิญญาณพญาเสือยังอยู่ในร่างเอ็ง แผลแค่นี้ไม่ทำให้ตายหรอก " พูดจบก็ตบเข้าที่แผลแล้วหัวเราะ จนชายหนุ่มนิ่วหน้า จากนั้นจึงวิ่งจากมา
 ' สมเป็นหลานพี่จริงๆ พี่ดาที่สามารถเอาชนะสันดานโหดได้ ' ชายชราคิดแล้วเดินหายไปในความมืด 
   
เมื่อหลุดออกมาจากสวนแล้ว อนิล สัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมจางๆ ที่เขาจำได้ว่าเป็นกลิ่นกายของพลอยชมพู จึงรีบวิ่งไปตามกลิ่นจนพบบ้านไม้ใต้ถุนยกสูงหลังหนึ่ง ข้างบนบ้านเปิดไฟสว่าง เขามั่นใจว่าหญิงสาวต้องอยู่ข้างบน จึงรีบขึ้นไปเมื่อผลักประตูไม้เข้าไป ก็พบสาวสวยนอนหมดสติอยู่บนเตียง ที่พื้นมีร่างชายสามคนนอนตาค้างสีหน้าคล้ายกำลังหวาดกลัวสุดขีด จึงรีบเข้าไปช้อนร่างหญิงสาวเพื่อพากลับบ้าน.............................จบตอนที่12 จอมอาคม


เลท มาหลายชั่วโมงต้องขออภัยทุกท่าน ตอนแรกกะว่าจะเสร็จเมื่อคืน แต่ไปๆมาๆ กลายเป็นเย็น ขอบคุณทุกท่านที่ตามอ่านมาจนถึงตอนนี้ ขอบคุณทุกกำลังใจ ขอบคุณพี่สาวแว่นที่ให้การสนับสนุนมาโดยตลอด และตอนต่อไปน่าจะอีกไม่นาน เตรียมพบกับ ตอนที่13 ตะวันและจันทร์เพ็ญ ฮ่าๆ ตั้งชื่อตอนไว้แล้ว เดี๋ยวเนื้อเรื่องมาเอง


            *ก๊อป ไปอ่านได้  แต่ ห้าม ! นำไปเผยแพร่นะคะ เพราะ คุณ nookylove ฝากให้นำมาลงแบ่งปันกันอ่านเท่านั้นจ๊ะ*