ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

เรื่อง สั้น นวนิยาย ผจญหลุมอดีตกาล..ตอนที่ 2 บทที่ 1 ถ้ำดึกดำบรรพ์..แว่น..By..areja

เริ่มโดย areja, กันยายน 28, 2012, 09:03:03 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

areja

................เรื่อง สั้น นวนิยาย ผจญหลุมอดีตกาล..ตอนที่ 2 บทที่1 ถ้ำดึกดำบรรพ์..แว่น..By..areja....
.............มาทัศนา ภาคตอนที่ 2 กันต่อเลยนิเนื้อหาอาจไม่ค่อยเสียวนะคะ บอกไว้ก่อนนะจ๊ะ หากถ้อยความ อักษร ใดเพี้ยนผิดไปขออภัยมา ณ. ที่นี้ด้วยนะจ๊ะ สามารถอ่านก่อน ตอนที่ 3 บทที่ 1-2 ได้นะคะ.. ( 28/9/2555) ..

                        


..บทที่ 1 ถ้ำดึกดำบรรพ์..



                  

.............เงาโพรงปากถ้ำขนาดใหญ่โตอยู่ภายใต้สายกระแสธารที่ล่วงโปรยลงสู่ด้านล่าง ที่เป็นสระกว้างเกือบ 10 เมตร ละอองน้ำปลิวว่อนดั่งหมอกควันทั่วบริเวณสระ เสียงก้องกึกสะท้อนของน้ำตกที่ อืออึงดุจเสียงครวญอันยาวนานไม่มีจุดจบสิ้น..

..จันสู " นี่คงเป็นปากถ้ำน้ำตก ที่ปู่ข้าเคยเล่าไว้ท่านว่าทางเข้าไป ยังนครหลง ต้องผ่านถ้ำทางนี้ แต่ให้ระวังสัตว์โบราณให้มาก เมื่อพ้นทางออกอีกทางแล้วนะ.."..เขาตื่นเต้นมองไป ที่ปากถ้ำ ไม่คิดว่า สิ่งที่บรรพบุรุษ ของ เขาเล่าไว้จะเป็นจริงทุกสถานที่ เช่นนี้..
..พรานชาติ " เอา ไอ้ช่วยวางเสบียงกันที่นี้แหละ เรา จะพักกันที่นี้ .."..เขาตะโกนสั่ง บุญช่วย และ ดึงผืนแผนที่ ออกมาเดินเข้าไปหา เพลา และ จันสู ทั้ง 3มองรูปภาพที่เขียนวาดไว้ลักษณะต้องตาม สิ่งที่ พวกเขา มาพบเจอขณะนี้ ..
".ถ้ำน้ำตก.._! ! ! !." ..กาล " ลุงชาติ พวก เรา อยากอาบน้ำไม่รู้ว่าจะอาบได้ไหม.."..เธอ สอบถาม จอมพราน โดยมี มาเรีย ยืนรอลุ้นคำตอบอยู่..
..พรานชาติ " เดียวขอผมไปตรวจดูซะหน่อยก่อนนะครับ แม่เลี้ยง แล้วจะบอกครับ.."..เขาตอบหญิงสาว และ เดินไปยังสระ ที่ลองรับสายกระแสธาร เดินสำรวจโดยรอบ และพิจารณาดูภัย ที่อาจมีแก่ คณะเดินทาง แล้วก็เดินกลับมา..
..มาเรีย " ว่าไง พราน เราอาบได้ไหม.."..เธอ ถาม เพื่อ คำตอบเดียวที่ต้องการ..
..พรานชาติ " ได้ครับ แหม่ม อาบได้เลย แต่อย่าลงไปลึกนะครับ .."..เขา เดินยิ้มมา และ ตอบแหม่มสาว..

 
.............กลุ่มสาวๆ ยิ้ม และ ส่งเสียงดีใจ ก่อนกลับไปกางเต็นท์กันต่อ..เหล่าลูกหาบพอวางสำภาระแล้วก็แยกกันไปหาฟืน และ สิ่งที่พอจะเอามาเคียง น้ำพริก สำหรับอาหารค่ำคืนนี้ นายใบ้เดินไปที่สระน้ำตก พร้อมหอกไม้ ในใจรู้สึกเหมือน เขา ได้เดินเข้าใกล้บ้านเข้าไปทุกที่ๆ เพลา และ พรานชาติ ยังพูดคุยกันต่อ ส่วน จันสู แยกตัวไปกับ บักเขียดและ บุญช่วย หาพืชไพรพอกินได้ และ มองหาสัตว์ใดๆ ที่อาจหลงมาเข้าทางปืน..กาหลงกางเต็นท์เสร็จ ก็เดินไปช่วย หนานหงำ เตรียมอาหารมื้อค่ำ เนื้อแห้งแดดเดียว และปลาย่างแดดเดียว ถูกงัดมาเป็นเมนูหลักชูโรงน้ำพริกเผา น้ำพริกแห้ง เป็นตัวปรกอบนายใบ้ เดินกลับมา พร้อม พวกปลาตัวโตๆ หลายตัว ..

..หนานหงำ " โอ้ โอ.. ไอ้ใบ้ เองร้ายวะ ซัดปลามาซะพวงเบ้อเริ้ม เลย ไม่ต้องยัดแต่ เนื้อเค็ม แล้วโวย.."..
กาหลง " ดีเลย เดี๋ยวจะทำต้มยำปลาซดน้ำกัน.."..กาหลง ยิ้ม เปรยคำ..

 
..............นายใบ้ ยื่นพวงปลาที่ทำมาเรียบร้อยส่งให้ หนานหงำ และนั่งลงช่วย ก่อกองไฟ เพลา คุยแผนการเดินทางกับ พรานชาติ ในวันรุ่งขึ้นเสร็จก็ละมากางเต็นท์ ที่ ข้างกองไฟ พรานชาติ ได้มอบแผนที่ให้ เพลา เก็บไว้ เพราะสังหรณ์ใจอะไรบางอย่าง แต่ ยังไม่รู้ว่าเรื่องอะไรในเวลานี้ พรานชาติเดินสำรวจอีกครั้งรอบบริเวณ เพื่อ ป้องกันภัยที่อาจย้ำกายเข้ามา..ส่วน 2 สาวพอกางเต็นท์เสร็จ ก็ไปรื่นรมย์ระเริงชลที่เย็นฉ่ำ อย่างรู้สึกผ่อนคลายกาล พอเตรียม เครื่องเทศพฤษภไพรลงหม้อ เพื่อ ต้มยำเสร็จ ก็ ปลีกตัวไปอาบน้ำเช่นกันขณะเดินไปก็สวนกับ กาล และ มาเรีย ที่อาบน้ำเรียบร้อยแล้วแลดูสดชื่นขึ้น เพลากางเต็นท์ เสร็จ ก็เดินไปจะอาบน้ำ และ สายตา เพลา เหลือบไป ปะ กาหลงที่ก็เดินไปยังสระน้ำตกเช่นกันในใจคิดอะไรมากมาย ..จันสู บุญช่วย บักเขียดเดินกลับมา พร้อม กล้วยป่า ผักพืชไพรอีกหลายชนิด.. บักเขียด เดินแยกหิ้วไก่ตัวโต 3ตัวไปยังสระน้ำตก จันสู บอก นายใบ้ ให้เตรียมไพร และเครื่องเทศไว้เดียวจะเอาไว้ทาไก่ยางไฟ พ่วงรสชาติเด็ดๆ อีกอย่างหนึ่ง บุญช่วยเอิ้นคำ พร้อม ลูบปาก

..บุญช่วย " วันนี้ ไม่ต้องกิน แต่ ปลาแห้งเนื้อแดดเดียวแล้วโวย ลาบปากมาเกยแล้ว วะใบ้เอ้ย.."..
..พรานชาติ " เฮ้ย เตรียมกระบอก อะ สุราด้วยนะโวย เอามาผ่อนเครียดคลายเมื่อยซะเมาวะ ไอ้ช่วย.."..เขาตะโกน สั่ง พร้อม ผูกเปลกับต้นไม้ใหญ่ ที่อยู่ใกล้ลานปางพัก..



        

.............กาหลง ไล้มือลูบฟองสบู่ถูไปทั่วเรือนกาย แต่ สายตาจ้องประสานกับ เพลา ที่อาบน้ำห่างไปเกือบ 3 เมตร เธอแกล้งหลบไปมองอย่างอื่น แต่ ก็เหลือบชำเรืองมองกลับมาอีก ก็ยังเจอสายตาคมๆ ของเพลา เช่นเดิม เธอ สะเทิ้นอาย...ชายหนุ่มจ้องมองเรือนกายที่ผ่องผุดขาวเหลืองดังทองประทินเคลือบไว้ ที่ ละลานละอองฟองฉาบส่วนหว้าโค้ง แล้วทั้งคู่ก็ละจากทางสายตากัน เมื่อ บักเขียด ย่ำเท้าเข้ามา ที่ ขอบสระ ...

..เพลา " แหม่ๆ วันนี้มีไก่หลงทางมาให้ กัดบ้างแล้ว.."..เขา พูด แต่ สายตาย้อนกลับไปที่ร่าง กาหลง..
..กาหลง มาช้าไปนิด ไม่งั้น ได้ โดดหม้อแกง อีกซะอย่างนะ แล้ว เขาจะเอามาทำอะไรกินหละ.."..เธอ เอ่ยถาม หนานหงำ แต่สายตาก็จ้องความกำยำ ของ ร่างชายหนุ่มในสระน้ำ..
..หนานหงำ " นายบ้าน เขา จะเอาทาไพรย่าง 2ตัวนะ ได้มา 3 ตัวอ้วนๆ และจะย่างไฟอ่อนเก็บไว้ ให้ เอ็งแกง ตอนเช้าอีกมื้อ อีกตัวหนึ่ง..".. หนานหงำ เขย่าน้ำออกจาก ร่างอาหารเย็น และ ยกพวงเครื่องใน กับไก่อีกตัวยกตามขึ้นมาจาก ใน น้ำด้วย..

 
.............หลังร่างหนุ่มเหนือหิ้วไก่ 2 มือเดินจากไปกาหลง ที่หย่อนตัวหลบใต้น้ำ ก็ลุกขึ้นยืนอีกครั้งผิวพราววาวน้ำที่เกาจับนวลเนื้อสะท้อนเงาวาวแวว ดึง สายตาชายหนุ่ม ให้ กลับไปพิศมอง ลำกายที่ น่วมตึงอยู่ก่อนแล้วดีดตัวแข็งตั้งจนเจ้าตัว ต้องย่อตัวลงให้อยู่ใต้ผิวน้ำ กาหลง ลูบไล้เรือนร่างช้าๆอีกครั้งมุมปากยิ้มพราย แต่ สายตาเหลือบมอง ชายหนุ่ม เหมือนยั่วแกล้ง เธอยกขาข้างหนึ่ง เหยียบขอบสระ ผ้าถุงด้านบนตึงรัด จากกลางเต้าที่อวบผ่อง เธอขมวดผ้ามัดปมที่ซอกอก เรียวขาข้างที่ยกเหยียบรั้งชายผ้าถุง ที่แนบเนื้อต้นขาไปด้วย ทำให้ผิวกายเนียนผาดผ่อง เปิดโฉมนวล ให้ เพลาที่เหล่มองต้องกลั้นกลืนน้ำลายลงคอ เธอ รวบผมสลัดน้ำบนศีรษะเนื้อเต้าพอดีตัวกระเพื่อมไหว เอวขอด ที่ ผ้าแนบ หนั่นสะโพก ที่กลมกลึง ก็พลอยไหวเคลื่อนตาม เพลา เป่าปาก อุทานคำ " โอ้ !! นางไพรน้อย เธอช่างงดงามจริงๆ.." .. กาหลง ละเลียดมือแนบเนื้อผ้าถุงมาดึงชายผ้าลงมือน้อยนั้นลูบผ่านโหนกอูมกลางลำตัว ขนกาย เธอ ลุกชันสะท้านวูบขึ้นมา แล้ว เสียงพรานชาติ ที่เดินเข้ามาก และ เอิ้นเสียงนำก็ขัดจังหวะคลี่คลายสถานการณ์อีกครั้งกาหลง รีบ ย่อตัวลงในสระน้ำตก ส่วน เพลา ก็รุกขึ้น และขึ้นขอบสระคว้าผ้ามาปิดบังท่อนความเป็นชาย พรานชาติ เข้ามานั่งลง ก่อนหันไปหากาหลง ...

..พรานชาติ " หลง เดียวเอง อยู่เวรยามด้วยนะ นังหนูคุณเพลา อยู่คู่กับมันด้วยนะครับ ผลัด 4 แต่ ดูท่าคืนนี้คงนอนสบาย ได้พักกันบ้าง คงไม่หนักเหมือนคืนที่ผ่านๆ มานะครับ คุณ เพลา.."..เขา บอก ขณะหย่อนร่างลงสระน้ำ ..

.............เพลา รับคำ ..
" ครับลุงชาติ..." ...เขาแต่งตัวเสร็จก็เดินกลับไปยังเต็นท์ กาหลง ขึ้นจากน้ำแต่งตัว พรานชาติก็เช่นกันหลังอาบน้ำล้างตัวแล้ว ก็เดินตรงไปยังวงสุรา ที่ตระเตรียมไว้ ของเหล่าลูกหาบ และ สั่ง นายใบ้ ให้เตรียมคบใต้ไฟ ให้พร้อม เพราะพรุ่งนี้ต้องเดินผ่านเข้าไปยังถ้ำ ที่ก็ไม่รู้ระยะทางแน่นอนว่ายาวเพียงใด นายใบ้ผงกศีรษะรับคำ เหล่าลูกหาบรุกไปเตรียมอาบน้ำล้างเหงื่อคราบไคลกัน กาล และ มาเรียรวมทั้ง กาหลง เพลา ก็เดินมายังวงอาหารพอดี วงอาหารถูกแยกเตรียมไว้ 2 สำหรับทุกอย่างจัดเหมือนกัน.. เพลา นั่งลงพร้อม กลุ่มสาวๆ พรานชาติรินเหล้าจากกะบอกยื่นให้ เพลา เพลา รับมาแล้ว พิศรสสุราต้มเอง ของ ชาวป่า แม้ ปะเจอ มาหลายครั้ง แต่ ก็อดที่จะเบะปาก เพราะ ความแรง ของ ดีกรีไม่ได้..

..จันสู " พี่ชาติ ปู่ข้า เล่าตามคำบอกต่อๆ กันมาว่าไอ้ถ้ำนี้นะมันยาวมาเดินกันครึ่งวันเลยนะ แถมมีไอ้พวกสัตว์แปลกโบราณรออยู่อีกฝั่งด้วย ไอ้ข้าก็ไม่รู้ว่ามันตัวอะไรหน้าตามันแบบไหน .."..เขาพูดจบก็กระดกจอกไม้ไผ่ ส่งน้ำทองแดงยอดข้าวลงคอหมดจอก..
..พรานชาติ " เพราะ ฉะนั้น พรุ่งนี้ และ ต่อๆไปต้องระวังการเดินทางกันมากขึ้นแล้ว ยังไม่รู้กี่วัน จะถึง ไอ้นครหลงอะไรนี้เลยแล้ว จะเจออะไรอีกก็ไม่รู้ ..."..เขามีสีหน้ากังวลเล็กน้อยก่อนหันมองไปทางเหล่า คณะเดินทาง กลุ่มของ เพลา ที่สาวๆเริ่มกินอาหารกันแล้ว..

 
.............วงอาหาร เริ่มขึ้นอีกวงหนึ่งหลังลูกหาบกลับกันมาจากอาบน้ำเสียงคุยกันลั่นอย่างไม่รู้ชะตา นี้คือ สิ่งที่พรานชาติ พยายามเลี่ยงพูดก่อนลูกหาบจะกลับมา เพราะไม่อยากให้หวาดกลัวจนเกินไป แต่ที่ บอก กลุ่ม ของ เพลา นั้น เพื่อ ให้ระวังตัวไม่ประมาทในเหตุการณ์ ..วงอาหารสิ้นสุด เมื่อ หมดผลัดแรก ผลัด 2 นายใบ้ และ บุญช่วยรับยามต่อ ดู บุญช่วย จะชอบอยู่โยงยามกับ นายใบ้ คง เพราะ นายใบ้ ไม่พูด และ เขาก็สามารถดูดหญ้าสมุนไพรได้สะดวก มีเสียงสัตว์ คำรามก้องแววมา จากด้านใดด้านหนึ่งบ้าง บางครั้ง นายใบ้ สำเหนียกเสียงนั้น แต่ บุญช่วย กับบอกว่านายใบ้ คิดไปเอง " คนใบ้อะไร จะได้ยินเสียง.." .. แล้วก็หัวเราะสำลักควันละเอียด พอพ้น ยามผลัด 3ที่ พรานชาติ รับอยู่ร่วมกับ บักเขียด สิ้นสุด เพลาก็มานั่งลงเขี่ยไฟเพิ่มฟืน และ เทหม้อกาแฟรินกาแฟ เรียกกลิ่นหอมชวนดื่ม.. กาหลงก็ตระเตรียมวัตถุดิบทำอาหารไว้ เพื่อ เป็นเสบียงในมื้อกลางวัน และหุงข้าต้มเครื่องปลาอีกหม้อใหญ่ เพลา ดูการเตรียมอาหาร ของ กาหลง จนเพลิน เขาจ้องแทบไม่กระพริบ พอ กาหลง รู้ตัว ก็สะเทิ้นอายหน้าแดง..

..เข้าถ้ำน้ำตก. ..

.............มื้อเช้าเริ่มขึ้น...พอกินอาหาร ? ? ..
( โดนข้าวหลอกลวงกันแล้ว..อิอิ..เอาซะหน่อย..) ..พรานชาติ ก็ให้เคลื่อนขบวนกันต่อ เพราะฝนทำท่าก่อเคล้ามาแล้วมวลเมฆเริ่มบังแสงที่ส่องสาดลงมาในหุบหลุม พรานชาติ พาคณะเดินเลาะไปด้านข้างสายธารน้ำตกด้านหนึ่ง ที่ ได้เดินมาสำรวจดู เมื่อวานมีทางโขดหินพอจะเดินได้ เขา พาทุกคนลอดละอองสายน้ำเข้าไปภายด้านในถ้ำพอผ่านกระแสน้ำ ที่ ดังกระหึมก้องมาได้ ก็ บอกให้ นายใบ้ จุดใต้คบเพลิง 3 อันแจกกันถือไว้..สายตาทุกคนเริ่มปรับม่านตาให้คุ้นชินกับสภาพความมืดในถ้ำคูสายน้ำจากด้านนอกไหลเข้ามาด้านในทางน้ำกว้างเกือบ 3 เมตร แต่ดูลึก และ น่าพิศวง พอแสงคบไฟสว่าง ประกายเกล็ด ของ ผนังถ้ำก็ส่งประกายแวววาวระยิบ หินย้อยหินงอก ทั้งหินปูน หินควอต ( อีกชื่อ ตามภาษา ของชาวบ้าน คือ หินเขี้ยวหนุมาน..) .. ก็ทำเอาทุกคนตะลึงตระการตา พื้นขอบทางเดิน ของสายน้ำทั้ง 2 ฝากกว้างเกือบ 5 เมตร ทั้ง2 ด้าน และ มีเคล้าว่า จะกว้างขึ้นเรื่อยๆ เมื่อขบวนขณะเดินกันมาระยะหนึ่ง ก็เป็นจริงดังนั้น และ มีแสงจากรู ช่องจากด้านบนขนาดเล็กบ้าง ใหญ่บ้างสลับสาดแสงลงมา นานครั้งอากาศภายในถ้ำจึงไม่อับชื้น แต่ กลับ เย็นสบายยามมีลมพัดมา เป็นระลอกๆ เหมือนคลื่นโพรงถ้ำดูจะขยายกว้างขึ้นๆ เรื่อยๆ เช่น เดียวกับสายน้ำ ที่ก็กว้างขึ้นๆเช่นกันทุกคนตื่นตะลึงกับผนังถ้ำ และ พื้นทางเดิน เพราะในเกล็ดหินสะท้อนแสงนั้น บางที่ก็มีเม็ดมณี สีเขียว สีแดงสลับ เป็นประกายกับอีกหลากหลายสี ฝั่งอยู่ในพื้นผนัง และ ทางเดินเท้าตลอดระยะ เพลา ส่องไฟฉาย ขนาดแปดท่อน ส่ายไป-มาอย่างหลงมนต์พฤษภถ้ำแห่งนี้ มีเสียงกระพือปีกด้านเพดาน เมื่อเพลา สาดแสงไป ก็พบหมู่ค้างคาวเกาะดำพรืดไปทั่ว ขนาดตัวเกือบเท่าไก่บางตัวบินไป-มาคงได้ยินเสียง คณะผู้เดินทาง แล้ว มัน ก็ เกาะผนังดังเดิมอีกเพียงครู่ใหญ่ๆ กระแสน้ำในถ้ำเริ่ม เปลี่ยนสี จอมพรานจับกระแสความเปลี่ยนแปลงได้ เร่งทุกคนให้เดินให้เร็วที่สุด พร้อม ให้เก็บสัมภาระที่สามารถเปียกน้ำได้ในถุงพลาสติก หรือ ยึดเก็บ ของ ให้มิดชิดแน่นหนาพรานชาติ เตือนอาจเกิดน้ำป่าทะลักได้ พวก สาวๆ ตื่นกลัว เล็กน้อย แต่ก็รีบปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเร่งด่วน พอเรียบร้อยดี ก็ มองเห็นแสงสว่างอยู่ไม่ไกล" ปากถ้ำ ! ! !."..มาเรีย ร้องบอกทุกคน แต่ ก่อนที่จะเคลื่อนที่กันต่อ หลังแพคสัมภาระกันใหม่เสียงปานฟ้าถล่มก็ดังคลื่นโครมกัมปนาทฟาดเปรี้ยงถ้ำโถง พร้อมสายน้ำที่สาดพัดมาอย่างมากมายดุจ กดน้ำทิ้งในชักโครก ทุกคนกระเด็นตามแรงพาพัด ของสายน้ำป่า ที่ ก่อเกิดจากสายฝนตอนก่อนเข้ามา ภายในถ้ำ เนินนานที่เดียว ที่กระแสน้ำพัดพาร่าง ของ ทุกคนไป ผ่านปากถ้ำ พอพ้นปากถ้ำสายธารแยกออกเป็น 2 ทาง มาเรีย กาล นายใบ้ เพลา และ บุญช่วย ถูกกระแสน้ำพัดไปทางสายน้ำด้านขวา พรานชาติ จันสู หนานหงำ บักเขียด และ กาหลง ถูกน้ำพัดไปทางด้านซ้ายแรงน้ำพัดพาจนบางคนหมดสติ และ ไม่รู้ชะตา.....

                               



                               

.............พรานชาติ ถูก กาหลง เขย่าตัวเรียกจนคืนสติ ก็ สำรวจตามร่างกายมีแผลถลอกเพียงเล็กน้อย เขา ถามหาคนอื่นๆ กำลังจะลุกยืน ก็ได้ยินเสียง หนานหงำดังเรียกชื่อมาจากต้นสายธาร กาหลง พยุงร่างบิดาแล้วพาเดินไปนั่งที่โขดหินขนาดใหญ่ก้อนหนึ่งที่อยู่ติดไม้ยืนต้นมีเถาวัลย์พันเกาะดูแน่นล้อมลำต้นใหญ่หนาหงำ เดินเข้ามาอาการยังตื่นๆ อยู่ พรานชาติ ให้ กาหลง เดินลัดเลาะดูทั้งแถบต้นน้ำ และ ปลายทางน้ำ ว่า ? ในระยะ 50 เมตรนี้ มีใครอยู่บ้างไหม พรานชาติ สำรวจปืนลูกซอง ที่ เขาเกี่ยวพันสายสะพายกับต้นแขน ก่อนน้ำเข้าปะทะตัว ก็ไม่พบว่าเสียหายอันใด หนานหงำเดินเก็บสัมภาระ ที่ กระจายอยู่เล็กน้อย ที่พื้น ตามข้างธารน้ำ..
.............อีกกลุ่ม ที่พลัดจาก จันสู ถูกกระแสน้ำพัดปะทะ ขณะขอ ไฟจุดยาเส้นสูบจาก บักเขียด พอน้ำอัด ซัดร่าง เขา ก็เกาะลังเสบียงที่ ยังคล้องสายไม้คานพาดบ่าของ บักเขียด อยู่ ทั้งคู่เลยไหลตามน้ำไปด้วยกันกับลังเสบียง ที่รัดใหม่จนแน่นแล้ว จันสู ถูกน้ำพัดเลยร่าง พรานชาติ ที่ ถูกท่อนไม้ฟาดหมดสติ แต่ก็ เห็น กาหลง เกาะประครองร่างนั้นไปด้วย และ เห็นตลอดว่าสายธารได้แยกจากออกเป็น 2ทาง และ แยกคณะออกเป็น 2 กลุ่ม..พอน้ำหยุดพัดพา เขา จึงให้ บักเขียด ที่ก็ได้รับบาดเจ็บ ระบบไปทั้งตัว แต่ ไม่หักหรือ มีบาดแผล แค่มีรอยขีดข่วนบ้างหลายที่ เท่านั้น จันสู สำรวจลังเสบียง และพากันเดินย้อนสายน้ำกลับไปทางต้นน้ำ เพื่อ หวังพบ กลุ่ม พรานชาติ และคนอื่นๆ......

.............อีกด้านหนึ่ง นายใบ้ ค่อยๆ จับมือ ของร่างที่หมดสติออกจากร่างกาย เธอ สลบไศลเสื้อผ้าขาดวิ่นไปทั้งตัว จนเผยให้เห็นทรวงอกขาวอิ่มอวดขนาดโชว์โฉม เขา นั่งข้างร่างไร้สติแล้วเอาผ้าขาวม้า ที่เคียนเอวห่อปิดเนื้อเต้า โดย ไขว่พาดเต้า แล้ว ไปมัดเป็นปมไว้ที่ ต้นคอร่างนั้นยังไม่รู้สติ เขา พยายามเขย่าร่าง เพื่อเรียกให้ เธอ รู้สึกตัว แต่ เธอก็ยังนิ่งเงียบ นายใบ้ จึง อุ้มพาร่างนั้น ไปที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ข้างริมธาร พอมองไปที่ สายน้ำขุ่น ที่ผ่อนเบากระแสความเชี่ยวกราดแล้ว สายตาก็ไปปะร่าง ร่างหนึ่งอีกฝั่งฟากธาร เขา ว่างร่างน้อยอรชรลง และ ก็ก้าวเท้าไปยังร่างอีกร่าง ที่ไร้สติ
" บุญช่วย.." ..เขาเดินข้ามสายธารน้ำไปน้ำสูงเกือบต้นขา แต่ ด้วยร่างกายที่กำยำดั่งชาย ยุคโรมันยังพุ่งรบ เขา จึงฝ่าสายน้ำไปไม่ยากนัก พอถึงร่าง ก็เขย่าตัว ของ บุญช่วยไม่นานก็ฟื้นคืนสติ กับอาการยัง งง งง นายใบ้ เดินไปยังลังกระสุน และของใช้ที่อยู่ไม่ห่างร่างบุญช่วย เท่าใด ขณะน้ำพัดพา บุญช่วยคงจะอาศัยลังนี้เกาะพยุงตัวมาด้วย จึง ไม่ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน มีเพียงรอยข่วนขีดของ กิ่งไม้ และ คมหินไม่มาก แต่ ก็อดขำ บุญช่วย ไม่ได้ขนาดโดนน้ำพัดที่เอวยังผูกรัดบ๊องกัญชา คู่ตัวไม่หลุดหาย บุญช่วย ค่อยๆ ลุกยันกายและ เดินมาช่วย นายใบ้ ยกลังอาวุธ และ สัมภาระ ข้ามน้ำกลับไปยังเรือนร่างสาวน้อยที่หมดสติ บุญช่วย ก่อกองไฟขึ้น เพราะ แสงตะวันเริ่มอัสดงแล้ว นายใบ้เปิดลังดูสิ่ง ของ ต่างๆ ในลัง ก็พบว่า มีกระสุนลูกซองเสียหายไปบ้างเล็กน้อย ส่วนถุงเสบียงแห้ง ที่รัดรวมใส่มาในลังก่อนน้ำเข้าปะทะ ยังอยู่ดี เขา จึงเอาออกมาเพื่อ เตรียม ประกอบอาหาร มื้อค่ำ กองเพลิงลุกโชติ จากน้ำมือ บุญช่วยร่างน้อย เริ่มคืนสติ รู้ตัว เธอ ยัง งง งง หลังจากค่อยๆ ลืมเปลือกตา และรู้สึกระบบไปทั้งร่าง เธอ พยายามนึกทบทวนเหตุการณ์ต่างๆ..

............พรานชาติ ให้ หนานหงำ ก่อไฟกองใหญ่ เพื่อ หวังกลิ่นควันและ แสงไฟจากกองฟื้น จะช่วยนำทางผู้ที่พลัดกันให้กลับมารวมตัว กาหลง ใช้ปืนลูกซองของ พรานชาติ ไปน๊อคปลาที่ธารน้ำ ที่ หวนกลับคืนสู่ความสงบแล้ว กาหลงได้ปลามาตัวขนาดพอกิน เกือบ 10 ตัว เธอ ผ่าท้องทำเรียบร้อยและ ยื่นให้ หนานหงำ เอาไปย่างที่กองไฟ..

.........จันสู กับ บักเขียดช่วยกันแบกลังเสบียงเดินเลาะย้อนทางน้ำขึ้นมาเกือบชั่วโมง จันสู ก็ได้กลิ่นควันไฟ ที่ลอยตามลมมาเขา ยิ้ม และ เร่ง บักเขียด เดิน เพราะ มีคนอยู่ไม่ไกลนี้แน่นอน....

.............สาวงามอีกนางหนึ่ง ลุกสลัดศีรษะ และ มองร่างที่ก่ายกอดอยู่ร่างนั้นหมดสติ เธอ เอามือออกจากท่อนลำที่ เธอ กำกุมไว้
( สงสัย โดนบีบซะสลบอิอิ ) ..และ ค่อยๆ ตั้งสติทบทวนเหตุการณ์ ก่อนสายน้ำอัดร่าง เธอ ๆ จำได้ว่ากำลังหยุดยืนคุยอยู่กับ เพลา เพื่อ รอที่คณะเคลื่อนขบวนตามหลังมาช้าๆ อยู่ แต่พอน้ำป่าปะทะร่าง เธอ ก็ กอดร่าง เพลา ไว้แน่น และ ลอยตามกระแสน้ำมาด้วยตลอดมีช่วงหนึ่ง ที่รู้สึกว่า ชายหนุ่มหมดสติไป เธอ จึงคว้ายึดร่างนั้นแน่น จนต่างหมดสติไปด้วยกันพอฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ความมืดก็แผ่คลุมทั่วทั้งบริเวณ เธอ เขย่าตัว พร้อมส่งเสียงเรียงเจ้าของ ร่างนั้น แต่ ก็ไร้ผล เธอ จึงค่อยๆ ลากร่างนั้นเขยิบเข้ามาจากริ่มน้ำ ที่ร่างจมอยู่ครึ่งตัว สำรวจร่างกายตนเองไม่พบบาดแผล แต่เมื่อ มองไป ที่ ร่างชายหนุ่ม ที่อยู่เบื้องหน้า เพลา นิ่งสนิทมีคราบเลือดที่ไหลแห้งอยู่เล็กน้อยที่ ข้างจอนผม และ ขมับ เธอ สำรวจดูก็พบบาดแผลเหมือนโดนฟาดด้วยไม้ไม่ลึกแค่ถลอก คงจะปะทะเข้ากับอะไรบางอย่างขณะไหลมาตามน้ำ เจ้าของร่างยังไม่อาจฟื้นคืน แต่ มีเสียงครางครวญลอดเล็ดไรฟันผ่านปากออกมาเธอ ดึงลากร่างนั้นเข้ามาอีกนิด ก็ถึง กก ต้นไม้ใหญ่ ที่ดูทะมึนครึ้มไปทุกทิศทุกทางรอบตัว เธอ หาเศษไม่แห้งบริเวณนั้น และเอาเป้ที่สะพายออกหา ไรท์เตอร์ จุดก่อกองไฟ ร่างชายหนุ่ม ดูท่าทางมีไข้ เมื่อ เธอสัมผัสหลังมือที่หน้าผากก็พบความอุ่นร้อนผ่านร่างกายนั้น ออกมา เธอ รีบถอดเสื้อผ้าของ เพลา ออก และ ตั้งไม้ตากผ้ากับเปลวไฟ ส่วน เธอ ก็ถอดเสื้อออกเช่นกันทุกชิ้นที่เกาะประครองเต้า หรือ ปกปิดกายด้านบนถูกถอดออกผิงเปลวไฟกางเกงก็ถอด แต่เหลือ จีสตริงไว้ติดกาย และ เอา ผ้า ของ เธอ ในกระเป๋าออกผึ่งไฟจาก กองฟื้น.. ร่างชายหนุ่มยังเพ้อกายสั่นสะท้านด้วยพิษไข้ ที่เพิ่มขึ้น พร้อม ความหนาวเย็นยามค่ำคืน..

................อีกหนึ่ง สาวงามที่เริ่มคืนสติ โดยมีผ้าชุบน้ำเช็ดร่างกายตามแขน และ ใบหน้า อยู่เป็นระยะ เธอ ลืมตา ขึ้นมา และเกาะกุมมือชายทรงโบราณ ก่อน ร้อง ขอน้ำเพื่อดื่ม..

..มาเรีย " นายใบ้ ขอน้ำฉันดื่มหน่อยคอแห้งเหลือเกิน.." .. เธอ บอก นายใบ้ พร้อม พยายามยันกายขึ้นมานั่ง นายใบ้ต้องรีบ เข้าประครองร่างนั้น..
..บุญช่วย " เอาครับนี้น้ำครับ แหม่มเป็นอย่างไรบ้างเจ็บตรงไหนไหม .."..เขา ยื่นกระบอกน้ำส่งให้แต่ สายตาพิเรน กับปะทะเข้าตรงๆ เต้าอวบ ที่เกาะประครองด้วยผ้าขาวม้ามีเนื้อขาวๆบางส่วนสะท้อนกับแสง ของ เปลวไฟ...
..มาเรีย " ขอบใจจ๊ะ บุญช่วย แล้ว คนอื่นๆ หละไปไหนหมด .."..เธอ รับกระบอกน้ำ แล้วถามหาคนอื่นๆสายตาก็มองไปรอบๆ ตัว ที่มิดมืด..
..บุญช่วย " พลัดกันหมดน้ำพาหายไปคนละทิศละทางเลยแหม่ม เดียวเช้า ถ้า แหม่ม ไม่เป็นอะไรมาก ก็จะออกตามกัน.."..เขา ตอบพรางส่งกิ่งไม้เข้ากองไฟ
..

.............นายใบ้ ยื่นเนื้อย่าง พร้อม ข้าวสุกร้อนๆ ในกระบอกไม้ไผ่ที่ฝ่า ส่งให้ มาเรีย เธอ รับไว้ และ ลูบตามร่างกายรู้สึกเย็นวาบที่หน้าอกพอก้มมองก็พบผ้าขาวม้า พาดพันรัดเต้า ของ เธอ เธอ ยิ้มๆ ไปทาง นายใบ้ที่รีบหลบหน้าเบนเบี่ยงไปทางอื่น ..

..บุญช่วย " เสื้อ แหม่ม คงขาดนะ ไอ้ใบ้เลยเอาผ้าขาวม้ารัดแทนให้ และ เขย่าเรียก แหม่ม ตลอดเลย เพราะ เห็นนิ่งไป แต่พอฉัน บอก แหม่ม ไม่เป็นไรหรอก แค่สลบไป มันเลยหาผ้าชุ่มน้ำมาเช็ดตัว เพราะ ตัวแหม่มรุมๆ มันกลัวจะได้ไข้นะ.."..เขา สาธยาย และรับกระบอกน้ำที่ถูกส่งคืนมาวางข้างกองไฟ..

.............บุญช่วย ลุกปลีกตัวออกมา งัดถุงพลาสติกที่ อัดแน่น ในบ๊องกัญชาของ แก ออกมา แก ยัดถุงกัญชา ลงบ๊องก่อนน้ำเข้าปะทะทัน และมัดด้วยผ้าขาวม้ากับเอวไว้แน่น เลยทำให้ชีวิตไม่พรากจาก ของรัก.แกสำรวจตรวจความพร้อม แล้วไปตักน้ำใส่บ๊อง ก่อนมาเสพย์ควันละเอียดตามความชอบของแก..นายใบ้ ได้หาตัดใบไม้มากองทำที่นอน ให้ มาเรีย ตั้งแต่หัวค่ำ และ เฝ้าอาการโดย ตลอด เมื่อ เธอ พื้น เขา จึงถอยออกมานั่งอีกฝั่ง ของ กองไฟ แต่ ก็ยังเผชิญหน้า กับ มาเรีย ที่ลอบมอง นายใบ้ ตลอด ...

.............จันสู เดินตามกลิ่นควันเลาะธารน้ำมาจนพบกลุ่ม ของ พรานชาติ ก็ต่างดีใจสอบถามหาคนอื่นๆ และ ตกลงกัน จะรออยู่ตรงนี้ จนเที่ยงวัน แล้วจะเดินเลาะตามน้ำไปเรื่อยๆ เพื่อออก ติดตามทุกคน กาหลง พยายามมองหา เพลา และ คน อื่นๆ ตอน จันสู กับบักเขียด หาบลังเสบียงเข้ามาเมื่อ ไม่พบใคร สีหน้าก็สลดลง เธอ เป็นกังวลยิ่ง
( แต่ก็ไม่รู้ว่าห่วงใคร นิ อิอิ..) ..บักเขียด วางลังได้ก็ตรงเข้าหาปลาย่าง และกระบอกข้าว ที่พิงกองไฟไว้ พรานชาติ บอก จันสู ว่า คืนนี้ ดูป่าเงียบๆ เหล่าสัตว์คงแตกตื่นน้ำป่าหายไปสักคืนเป็นแน่ แต่ ก็ไม่รู้ ว่า พรุ่งนี้ จะเจออะไรกันอีกเพราะ เขา สังเกตว่า พืชหลายชนิด เขา ไม่เคยเห็น และ ถ้าตาไม่ฝาด เมื่อเย็นก็พบนกรูปทรงประหลาดบินบนท้องฟ้า ต้นไม่ใบหญ้า ก็ดูใบโตใบใหญ่ผิดไปจากเคยเห็น จันสูก็พอจับกระแสความแปลก ของ ป่าได้ จึง เห็นพร้อง กับ พรานชาติ พอ เฉียดยาม 2จันสู จึงอาสาอยู่ยาม โดย ให้ทุกคนพักผ่อนก่อนทั้งหมดหันหัวเข้าหากองไฟ ยื่นเท้าออกด้านนอก และ วางอาวุธประจำกายไว้ข้างตัวก่อนค่อยๆ ๆ หลับไปที่ละคน..

.............หญิงสาว เบียดกอดร่างไม่มีสติ ที่สั่นเท่า ผิวกายร้อนผ่าวระอุด้วยพิษไข้เธอ พยายามใช้ผ้าเช็ดตามร่างกาย แต่ พอผิวเริ่มแห้งจากน้ำที่ลูบไว้ ร่างนั้น ก็สั่นเทิ้มสะท้าน เธอ ต้องกอดร่างเปลือย ที่ ต้องรอผ้าแห้ง ตอนนี้มีเหลือเพียงกางเกงชั้นใน นั้นไว้ ส่วน เธอ อาภรณ์ ที่คงอยู่ติดกายยามนี้ ก็มีเพียง จีสตริง เพียงตัวเดียว เธอ แนบเนื้อเนียนนอนเคียงข้าง และสวมกอดร่างสมส่วน ที่ พิษไข้เล่นงาน ขนกาย เธอ ชันลุกทั้งเรือนกาย เมื่อปลายถันเต้าอิ่มเตะสัมผัสลำตัว ที่สีข้างชายหนุ่ม เพลา กอดกระชับ ร่าง กาลไว้แน่ขึ้น กาล ต้องเบียดส่วนร่างชิดแนบต้นขา ของ ชายหนุ่ม เนินโคกอิ่มนาบบดที่ต้นขาขนหยาบ ของ เพลา เธอ ถูก เพลา รัดกอดแน่นขึ้นๆ ความหวิวแทรกอณุเนื้อสาว แม้ เธอเคยเสพย์เสียว กับ เพื่อนหญิงมาบ้าง แต่ ครั้งนี้ เธอรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งสรรพกาย ยิ่งต้นขาอ่อน ของ เธอถูกยกไปพาดทับท่อนท่อกลางลำตัว ของ เพลา ยิ่งทำให้ เธอ รู้สึกร้อนลุ่มมากขึ้น เธอรู้ว่า เพลา นั้นหาใช้น้องแท้ๆ ของ เธอ กาล ถูกเก็บมาเลี้ยง ตั้งแต่ อายุยังไม่ถึง 10 ขวบ ตอนนั้น เธอ เป็นไข้ และ ป่วยหนัก แต่ก็รอดพ้นความตายมาได้ เพลา ในตอนนั้น อายุ 5 ขวบ เขาเพียนดูแลจน เธอ ฟื้นคืนสติ แต่ ความทรงจำบ้างช่วง ก็ขาดหายไป เธอ ถูกเลี้ยง จากพ่อ- แม่ ของ เพลา ที่ เธอ ก็รักยิ่งเสมือน พ่อ-แม่ แท้ๆ จน พอเริ่มโตขึ้น เธอก็เริ่มจำความได้ว่า เธอ เป็นใคร และ พยายามตามหา ลูกพี่-ลูกน้อง ที่ อายุเท่ากับเพลา ที่สาบสูญ แต่ ก็ไม่พบเจออีกเลย ตลอดเวลาที่ เธอ โต ขึ้นมา เธอ ก็หลงรักน้องชายเทียมคนนี้ เรื่อยๆ เขา เป็นคนอ่อนน้อมจิตใจดี เธอ ก็หลงรัก เขามาทีละเล็กน้อย ไม่คิดเลย บัดนี้ ชายคนที่ เธอ แอบรัก จะอิงกอด เธอ แนบแน่นอยู่โดย ไรอาภรณ์กั้นขวาง เนื้อกาย เธอ ถูกรั้งเบียดจนแทบแทรกเป็น หนึ่ง เดียวกับ เพลาเขา ยังคงเพ้อตลอด..เนินนานพอควร ที่ เพลา ครางสลับเพ้อ บัดนี้ ร่าง เธอถูกยกขึ้นประกบซ้อนกับร่าง ของ เพลา เธอ อยู่ด้านบนเนื้ออกสวยตูมแนบทาบแผลงอกต่ำลงมาเล็กน้อย ส่วนด้านล่างท่อนเอ็นที่พาดชี้ไปทางปลายเท้า ก็ ถูก โคก เธออัดทับร่องกลีบติ่งแม้อยู่ในชั้นในตัวจิ๋ว แต่ ก็ เบียดอัด จนก้านลำอยู่ระหว่างกลางร่องเธอ นิ่งค้างมานานแล้วในท่วงท่านี้ เธอรู้สึกเสียวเยิ้มร่องจนเนื้อผ้าตัวจิ๋วชุ่มแฉะ เม็ดเหงื่อ จากกาย เพลา ก็อุ่นร้อนซึมผ่านผิวมาจน ร่าง เธอ ที่กดนาบพลอยเปียกเม็ดเหงื่อ เธอ ซบหน้ากับซอกคอ ของ เพลาเอวเริ่มส่ายคลึงติ่งเม็ด ให้เบียดถู ท่อนเอ็นแข็ง บ้างช่วง เธอกระดกเอวงัดร่องเข้า กระเด้า หาท่อนท่อ เอวที่โม่ส่ายร่อนวนไป-มาเรื่อยๆ หน้าอกเธอ ก็ยกอัดบ้างบดคลึงบ้างกับแผลงอก เพลาเม็ดติ่งไตน้อยปลายถันบี้บทกล้ามเนื้อแน่นๆ ของ ชายหนุ่ม เธอถึงกับเป่าปากพ่นลมเสียวออกมา มือ เธอ ไล้ลูบไปทั่วมัดเนื้อกล้ามกาย ความตึงแน่นที่กำลังพอดี ถูก เธอ ไล้ปลายนิ้วเรียวเล็กกรีดกรายไล้ลูบไปทั่ว ปากเรียวน้อยก็เริ่มประชิดโจมตีลำคอ ของ เพลา เธอ ถูริมฝีปากเบาๆไป-มา ก่อนฉกลิ้นน้อยออกมาใช้ปลายชิวหาตวัดไล้ไล่เม็ดเหงื่อที่ซึมย้อย เธอคาบขบริมฝีปากสลับเลียฉกลิ้น สะโพกกลึงกลมก็บดๆ จนน้ำเสียวที่เล็ดปริ่ม ของ เธอฉ่ำชุ่ม เธอ ปลิดเบี่ยง จีสตริง ให้ขอบไปอยู่ยังฝั่งหนึ่ง และ เอื้อมมือดึงขอบกางเกงใน ของ เพลา ลงไปทางปลายเท่า แต่ เธอ ดึงเพียงน้อยนิด แค่ท่อนเนื้อพ้นผ้าฝ้ายได้ชื่อ.. เธอ กำรูดท่อท่อนที่เต็มมือ ด้ามลำโค้งขึ้นเล็กน้อยแต่ กำไม่รอบ ความยาวนั้น สาวจนสุด ความยาวสามารถกำได้ 2 กำมือโผล่พ้นของเธอ.. กาล ตื่นเต้น กับพวงเครื่องเพศชาย ที่ เธอ ได้สัมผัสเต็มๆ มือสาวรูดหนังที่หุ้มแกนเอ็นสาวยาว-สั้น อยู่พัก เธอ ก็ นาบติ่งเสียว เข้าประกบทาบ..เธอ บิดตัวให้ สะโพกอัดส่าย.. ท่อนเอ็นถูกแผ่นพื้นโคก เธอ อัดยัดน้ำเจิ่งนองซ้ำดาบ 2 อีกครั้ง เธอ งัดท่อนเนื้อกวาดไถ ไถลถูไปที่แป้นอูม.. สะโพก เธอ ถูก เธอ ยกขึ้นเล็กน้อยปลายถอกถูกลากขึ้น-ลงผ่านร่องน้ำเยิ้ม กลีบในช่องเสียว เธอ เกร็งรัดขมิบตอด ตัวเองเป็นระยะๆ น้ำเสียว หยดลงด้ามท่อน แมะๆ ท่อนเอ็นอุ่นร้อน กระดกหงึกๆ เธอจับลำท่อนให้ปลายหัวทู่มนจรด ที่ จีบเนื้อปากช่องเสียว ของ เธอ แล้ว เธอก็ไถลอกขึ้น-ลงบนแผลงอก ก่อนโหย่งตัวเล็กน้อยกด จีบเสียวให้ปลายหัวบานงัดมุดผ่านเข้าไป เธอ เจ็บปานเนื้อถูกบิดฉีกส่วนหัวมุดผลุบหายค้างอยู่ ที่ขอบ จีบเสียว เธอ เกร็งตอดอัตโนมัติ ร่าง เธอสั่นขนชันซู่ๆ แก้มก้นกลึงเกร็งขมิบๆ ๆ ๆ ๆ แล้ว เธอ ก็ฝืนเจ็บ กด เอวลงไปอีกคราวนี้ช่องตีบคล้ายตันที่ชุ่มโชกน้ำล่อลื่น ของ เธอก็ถูกหัวถอกไถลซอนเสาะลืบช่องคลอดจมหายไปอีกเกือบครึ่ง น้ำตา เธอเล็ดไหลออกมา

kaithai