ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

With No Remorse Copy Chapter 13

เริ่มโดย zaaaar65, พฤศจิกายน 19, 2015, 03:51:03 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

zaaaar65


กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงง...........เสียงโทรศัพท์กรีดขึ้นในความมืดของค่ำคืนชาติชายลืมตาขึ้นพร้อมกับที่มือคว้าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่วาง อยู่ข้างหมอนขึ้นมาอีกมือหนึ่งหยิบนาฬิกาข้อมือขึ้นมองพรายน้ำที่เรืองแสงบอกเวลา

"ครับแม่" ชาติชายกรอกเสียงลงไป

"ชาย หนูรจไม่สบายเหรอ" เสียงมารดาถามสวนมา

"ไม่นี่ครับ ก็ออกไปตั้งแต่เมื่อเย็นนี้แล้วนี่ครับ" "เอ แล้วยังมาไม่ถึงเลยนี่ แม่รออยู่น่ะตกลงกันว่าเดี๋ยวหนูรจจะมาเปลี่ยนให้แม่กลับมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมของมาเฝ้าคุณต้นเนี่ย"

"รจออกไปตั้งแต่เกือบๆ หกโมงแล้วครับแม่ นี่เกือบสามทุ่มแล้วยังไม่ถึงเหรอครับ"

"ยังเลยคะ......." เสียงกานดาเงียบไปอึดใจใหญ่

"คุณต้นกำลังสั่งให้คนออกไปหาแล้วละชาย"

"งั้นเดี๋ยวผมมาครับ" ชาติชายบอกแล้วปิดโทรศัพท์ลุกขึ้นอย่างร้อนใจ.............................

ร่างบาง ๆนั้นเซถลาด้วยแรงผลักไปจนกระแทกขอบเตียงแล้วล้มพับลง "ว้าย.." เสียงหวีดเบาๆ ก่อนเจ้าของร่างจะหมุนตัวลุกขึ้นนั่งหน้าตาตื่นตระหนก มือตลบชายกระโปรงปิดท่อนขาอวบ เมื่อเย็นนี้เองที่เธอไปถึงโรงพยาบาลแล้วแต่เมื่อเธอเดินไปยังร้านสะดวกซื้อใกล้เคียงนั้น เธอก็โดนรวบขึ้นรถตู้ผ้าที่ชุ่มด้วยกลิ่นยาสลบที่คุ้นเคยทำเอาเธอหมดสติไปจนกระทั่งหยาดน้ำเย็นที่ราดลงมาบนใบหน้าปลุกประสาทให้ตื่นขึ้นมารับรู้ว่าชายสองคนกึ่งพยุงกึ่งลากเธอขึ้นมาพร้อมกับผ้าขนหนู เปียกน้ำที่ลูบหน้าเธอแรง ๆก่อนจะผลักเธอลงมาบนเตียงนอนหลังนั้น "แกเป็นใคร" รจนาเอ่ยถาม อย่างงุนงง สมองเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราว "อยากรู้" หางเสียงเจ้าคนที่ขาวกว่าดังลากสูงเป็นเชิงถามมันทั้งสองค่อย ๆ ขยับเข้าใกล้ เธอผุดลุกขึ้นยืน หัวสมองหมุนนิด ๆด้วยฤทธิ์ยาที่ยังค้างคา "จับฉันมาทำไม" มันหันไปยิ้มกับอีกคนที่หน้าตาเสี้ยมกว่าสายตาเธอส่ายสลับไปมา ความทรงจำค่อย ๆ กลับมา "แกลูกชายเสี่ยเล้งนี่ จับฉันมาทำไม เอาฉันไปที่โรงพยาบาลเดี๋ยวนี้นะ" เสียงเข้ม ๆ ไม่ทำให้มันหวั่นไหวสองคนยังหน้าระรื่นแผดหัวเราะดังลั่น

"ดุดีนี่หว่า ยังจะทำเก่งจะมีผัวอยู่รอมร่อยังไม่สำเหนียก" คำพูดของมันทำเอาเธอใจหายวาบไอ้คนขาว ลูกชายเสี่ยเล้งเดินเข้าใกล้ท่าทางหยิ่งยะโส

"มึงมาลองควยกูซะดีกว่าเดี๋ยวกูจะเย็ดให้เสียวคอหอยเลยมึง" มันเดินเข้าใกล้อย่างไม่ระแวดระวังเท้าเรียวของพยาบาลสาวยกงอขึ้นก่อนจะเหยียดถีบเข้าไปกึ่งกลางลำตัว มันเต็มที่ปลายเท้าพลาดเป้าที่เธอหมายตาไปโดนเข้าเต็มท้องน้อย มันเซถลาออกไปตัวงอสองมือกุมท้อง หน้าตาบิดเบี้ยว ไอ้อีกคนถลันตัวเข้ามาหา เท้าเรียว ๆถีบออกไปอีกครั้งยันเข้าที่หน้าขามันจนเสียหลัก มือที่ตวัดตบมาที่ใบหน้าเธอจึงพลาดเป้าไป เธอขยับตัวจะพุ่งเข้าจัดการไอ้ตัวผิวคล้ำ

"หยุดนะมึง ไม่ กูยิงหน้าเละแน่" ปากกระบอกปืนกลวงโบ๋จากมือไอ้ก้องแยงเข้ามาเต็มหน้าจนเธอผงะหยุด เพี๊ยะ... ไอ้ก้องตวัดมือฟาดเข้าเต็มแรงเธอทั้งเจ็บทั้งแสบด้วยแรงมือที่ตบเข้ามากึ่งแก้มกึ่งคางจนหน้าชา มึนไปวูบหนึ่งตุ๊บ... กำปั้นหนัก ๆ ยัดเข้าเต็มท้องจนจุกเสียดตัวงอหยาดน้ำไหลรินออกจากดวงตาขณะที่เธอทรุดลงกับพื้นความรู้สึกที่ยังพอมีบอกเธอว่าเส้นผมโดนจับขยุ้มยกขึ้นจนเจ็บแสบไปทั้งหนังหัวเพี๊ยะ... ฝ่ามือหนา ๆ ฟาดเข้ามาอีกครั้งเต็มแก้มจนสติเธอวูบเลือนร่างบางอวบผวาไปตามแรงหมุนซวนเซลงไป หมอบกับพื้น มือหยาบหนาจับไหล่พลิกหงายยามเมื่อลืมตามองนั่น ใบมีดขาวคมจ่อเข้ามาเกือบถึง ปลายจมูก

"ซ่านักหรืออีสัตว์ อยากตายหรือไง" ไอ้ชัยขยับมีดในมือ "เดี๋ยวกูเชือดเลี้ยงหมาซะนี่"

ใบมีดขาววับที่กวาดไปมาร่วมกับปากกระบอกปืนทำเอารจนานอนนิ่งหายใจหอบไอ้ก้องขยับตัวเดินไปวาง ปืนลงบนโต๊ะตัวเตี้ย ๆ ที่อยู่ห่างออกไป รจนามองตามไปเพี๊ยะ.... ฝ่ามือไอ้ชัยฟาดลงที่โหนกแก้มจนเจ็บแสบ รสเค็มเฝื่อน ๆในปากบอกให้เธอรู้ว่าเลือดไหลรินออกจาก แผลในปากเธอ

"ไม่ต้องเสือกมอง แล้วอย่าเสือกลองดีกับกูอีก" ไอ้ชัยคำรามใส่ จรดใบมีดลงกับลำคอขาวผ่องจนรจนาได้แต่นอนนิ่ง

"ถ้ามึงขยับอีก กูเชือด" ใบมีดกดลงกับลำคอจนเริ่มจะรู้สึกเจ็บมือไอ้ก้องขยับขยุ้มลงกับคอเสื้อชุดขาวที่รจนาสวมใส่พอเธอขยับมือขึ้นรั้งชายเสื้อไอ้ชัยก็กดใบมีดลงกับ ลำคอจนเจ็บแปลบไม่ถึงอึดใจชายเสื้อก็เปิดอ้าออกอวดถันตึงที่ปิดอยู่ในเสื้อยกทรง ไอ้ก้องตะโบมมือขยำขยี้เต้าอวบ

"โอ๊ย เจ็บนะ" เสียงใสๆ ดังขึ้นพร้อมกับเสียงหัวเราะร่าของไอ้ก้อง

"เดี๋ยวก็หายเจ็บน่ากูจะดูดให้มึงเสียวจนลืมตัวต้องให้กูเย็ดเต็ม ๆ ตีนเชียวมึง" กระโปรงถูกดึงรั้งรูดออกไปจนเย็นท่อนขาวาบ ๆโคกแคมเนื้อผ่องโดนมือขยำเต็มกำ แล้วมันก็ดึงถลกกางเกงในลงจนโคกเนื้อนวลโผล่พ้นขอบกางเกงในมือกร้านกำกุมลงบนโคกเนื้อแล้วสอดนิ้วทะลวงลงไป ในถ้ำเนื้ออย่างกักขฬะ

"เฮ้ย อี เฮ้ย" เสียงไอ้ชัยร้องลั่นเมื่อสองมือเรียวยกตวัดขึ้นกุมมือของมันแน่นหนึบ ร่างบางยกตัวขึ้นเสือกลำคอขาวผ่องเข้าหาคมมีดที่จ่อคอ

"ฉิบหาย เฮ้ย"

"เฮ้ยๆ" เสียงไอ้ก้องดังขึ้นประสานกัน "เหี้ยเอ๊ย อีสัตว์นี่ แม่ง" ........................................

ประตูห้องเปิดออกแล้วร่างของนายทหารหนุ่มคนหนึ่งก็เดินพรวดๆ เข้ามาด้วยใบหน้าเคร่งเครียด การุณย์ที่นอนอยู่หันไปมองพร้อมกับกานดาที่ยืนอยู่ข้างเตียงด้านหลังชาติชายลุกขึ้นจากเก้าอี้ตัวยาวขึ้นยืนเต็มตัว นายทหารหนุ่มยืนละล้าละลัง "มีอะไร สมภพ" การุณย์ถามขึ้นนายทหารหนุ่มยืนเก้ ๆ กัง ๆ จนกานดาขยับถอยออกจากข้างเตียง เขาจึงขยับเข้าประชิดก้มลงพูดเบา ๆ ข้างหูการุณย์พอได้ยินกันสองคนพอเขายืดตัวขึ้นยืนตรงนั้น ชาติชายก็เห็น ว่าใบหน้าคมสันของการุณย์บัดนี้ซีดเผือดนัยน์ตาฉายแววรวดร้าวเจ็บปวดกวาดมาสบตาเขานิ่ง มิพักให้ ต้องเอ่ยปากอันใดอีกชาติชายเข้าใจได้ทันทีว่านายทหารหนุ่มมารายงานเรื่องอะไร

"ตอนนี้อยู่ที่ไหน ภพ" การุณย์ถามเรียบ ๆแต่ไม่อาจปกปิดหางเสียงที่แหบแห้งสั่นเครือ

"อะไรคะ คุณต้น" กานดาถามด้วยน้ำเสียงร้อนรนหันมองไปมาระหว่างชายทั้งสาม ชาติชายขยับเข้าใกล้ผู้เป็นมารดาเมื่อสายตาของการุณย์ขยับบอกเป็นนัย

"เรื่องหนูรจครับ" เสียงบอกเรียบ ๆ เพียงแค่นั้นกานดาก็เข้าใจได้โดยกระจ่าง ภาพของสาวน้อยหน้าตาสดใสวาบขึ้นมาในห้วงคำนึงก่อนที่โลกพลันดับมืด .................

เสียงพระสวดดังทั่วศาลา บรรดาแขกเหรื่ออยู่ในอาการสำรวมด้านหน้าสุด การุณย์นั่งอยู่บนเก้าอี้คนไข้ที่มีเสาสูงห้อยขวดยาที่ต่อสายลงมายังเข็มที่ปลายแขนนั่งนิ่งดวงทั้งคู่เหือดแห้งจับอยู่ที่ภาพรจนาที่ตั้งอยู่เด่น ข้างโลงไม้สักยามที่ถ่ายภาพนั้นสาวน้อยยิ้มแย้มหน้าตาสดใสเบิกบาน เรียวปากจิ้มลิ้มแย้มเยื้อนเหมือนเมื่อยามที่เธอเอ่ยปากพูดคุยกับเขา ยามที่สาวน้อยที่เขาเลี้ยงมาแต่เล็กตัดพ้อเขายามที่เขาขัดใจฉอเลาะเขายามที่ อยากได้สิ่งของใด ๆ ทั้ง ๆที่เธอก็รู้ดีว่าหากเป็นของที่จำเป็นแล้ว เธอจะไม่ผิดหวังจากผู้เป็นอา ดวงตาคมที่เคยจับจ้องเขาด้วยความรักใคร่ ความเคารพ ความเชื่อมั่นอ้อมกอดที่เธอโถมเข้ากอดด้วยความคิดถึงยามที่เขาต้องห่างเธอด้วยกิจการงานในหน้าที่การุณย์รู้ดีว่าความเจ็บปวดในจิตใจเขานั้นถึงแม้นจะมากมายมหาศาลแต่ก็มีชายอีกผู้หนึ่งที่เจ็บปวด ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเขา ชายผู้ที่เป็นบุตรของเพื่อนสนิทผู้เคยช่วยชีวิตของเขาชายที่เขาเรียกเป็นหลาน และมั่นใจว่าจะมอบอนาคตของหลานสาวคนนี้ให้ชายผู้ที่ในขณะที่เขานั่งอยู่ด้านหน้านั้นกลับต้องซุกร่างหลบมุมอยู่นอกศาลาด้วยภารกิจที่ต้องปิดลับไม่มีโอกาสที่จะขึ้นมานั่งฟังพระอย่างสะดวก ยามที่จะมา เยี่ยมเยียนสตรีอันเป็นที่รักผู้ทอดร่างอยู่ในโลงบนแท่นตั่งนั้นก็ต้องหลบซ่อนตัวมาอย่างเงียบเชียบนอกจากดวงตาที่ฉายแววรวดร้าวอย่างยิ่งแล้วการุณย์บอกตนเองว่าเขาไม่เห็นแววตาของใครที่จะแข็งกร้าวแน่วแน่และเต็มไปด้วยความเคียดแค้นปานนั้นมาก่อนดวงตาที่ฉายแววอันหนึ่งที่ทำให้เขารู้สึกหนาวยะเยือก อยู่ข้างในแววตาที่บอกการุณย์โดยไม่ต้องเอ่ยปากว่าเขารับรู้ความรู้สึกของการุณย์อย่างลึกซึ้ง ในขณะเดียวกันก็บอกการุณย์ว่าไม่ว่าใครที่เกี่ยวข้องกับการพรากสตรีอันเป็นที่รักไปจากพวกเขานั้นจะต้องได้รับการตอบแทนจากเขา การตอบแทนที่แม้แต่ยมทูตก็จ้องเบือนหน้าหลบแววตาอันนั้นยังคงฉายแสงเจิดจ้าลุกโชนตั้งแต่วันที่เขารับทราบข่าวและยิ่งเจิดจ้าขึ้นตามวันที่ผ่านเลย

การุณย์หันมองถามกานดาที่นั่งอยู่ข้างเคียงดวงตาสวยคู่นั้นแดงก่ำ หยาดน้ำเกาะอยู่เกือบเต็มมาตั้งแต่ เธอทราบข่าวกานดาเป็นลมพับไปตั้งแต่ในห้องยามที่ทราบข่าวของรจนา ตั้งแต่นั้นด้วยหยาดน้ำตาเต็มใบหน้า เธอลุกขึ้นจัดแจงงานด้วยตัวเองแทบทุกประการยามที่หยุดมือเธอก็นั่งเหม่อลอยน้ำตาไหลเป็นทางยามที่เธอมาดูแลเขานั้นเธอก็พยายามปั้นหน้าแช่มชื่นยิ้มแย้มอย่างแห้งแล้งสีหน้านั้นการุณย์เองเคยเห็น ครั้งสุดท้ายก็ตอนที่เขาไปช่วยเธอทำงานศพของเพื่อนรักเมื่อหลายปีก่อน

"ชาติชาย เอ่อ ตาชาย อยู่ไหนครับ คุณดาเห็นไหม"

"คงอยู่ด้านหลังศาลานี่แหละค่ะ" หยาดน้ำไหลรินลงมาข้างแก้มทั้งสงสารสาวน้อยผุ้น่ารักที่ต้องมาจบชีวิต ด้วยทุรชนและบุตรชายของตนที่ภาระการงานบังคับให้เขาต้องหลบเร้นกาย ไม่อาจจะขึ้นมานั่งฟังสวดให้หญิงอันเป็นที่รักได้ การุณย์พยักหน้าช้า ๆยกมือขึ้นประนมไหว้พระสงฆ์ที่เดินออกไปจากศาลา ครู่ถัดมาบรรดาแขกทั้งหลายก็เวียนมาล่ำลาเขา จนอึดใจใหญ่ ๆ ศาลาทั้งหลังก็เงียบสงบคนที่ยังอยู่ก็ล้วนแต่ชายฉกรรจ์ที่บ้างนั่งบ้างยืน มองไปรอบ ๆ อย่างระวังระไวพอการุณย์หันไปมองตากานดา เธอก็ขยับตัวเข้ามาหา

"จะกลับหรือคะ"

"ครับแต่ผมมีเรื่องจะขอร้องคุณดาให้บอกเจ้าชายว่า อย่าวู่วาม อย่าใจร้อน ได้ไหมครับ"

"ได้ค่ะทำไมหรือคะ" "ผมเห็นตานายชายแล้วใจไม่ดีครับกลัวว่าหลานจะใจร้อนแล้วพลาด"

"ได้ค่ะ ดาจะบอกให้แต่นายชายจะเชื่อหรือไม่คงบอกยาก" กานดาหยุด"ทราบไหมคะว่า พวกคุณสามคน นี่น่ะ นิสัยใจคอคล้ายกันมาก"

"ทราบครับผมถึงหวังว่านายชายจะยอมฟังคุณบ้าง"

"ถ้าจะให้ดาห้ามตาชายคงไม่มีหวังหรอกค่ะคงได้แค่บอกให้รอบคอบ"

"แค่นั้นก็ยังดีครับ..." การุณย์หยุดพูดเมื่อเห็นวรวุฒิเดินเข้ามาหา

"ผู้การครับเป็นไปตามที่สงสัยครับ พวกไอ้ก้องนั่นแหละครับ" วรวุฒิพูดเข้าประเด็นไม่อ้อมค้อม

"อืมม วุฒิอย่าเพิ่งบอกเจ้าชายนะ"

"ไม่ทันแล้วครับเมื่อกี้ตอนผมมามันล๊อกคอผมไปเค้นหมดแล้วครับ" วรวุฒิตอบเรียบๆ

"เฮ้ย แล้วนายก็บอกเหรอ" เงาร่างหนึ่งขยับวูบเข้ามา

"วุฒิไม่บอกผมก็เค้นได้ครับคุณอา" ทั้งสามคนหันไปมองชาติชายที่เข้ามาร่วมวงอย่างเงียบกริบ

"ชาย อย่าวู่วามนะเดี๋ยววางแผนกันก่อน" การุณย์เอ่อยปากบอกชาติชายอย่างร้อนรน

"จริงว่ะชาย อย่างที่พี่วุฒว่านะใจเย็น ๆ"

"คุณอาคุณแม่ วุฒิ ไม่ต้องห่วงหรอกครับ" ชาติชายบอกเสียงเรียบแต่เมื่อมองเข้าไปในดวงตาคู่นั้น ทั้งการุณย์ทั้งวรวุฒิไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าทั้งสองคนรู้สึกหนาวยะเยือกขึ้นมาในอก

"ชาย.." "ครับแม่" เสียงแข็งๆ อ่อนลงจนเหลือเชื่อเมื่อชาติชายหันไปหาผู้เป็นมารดา

"แม่รู้ว่าชายสูญเสียไปมากเท่าไรเพราะแม่เคยสูญเสียมาก่อน" มืออันอบอุ่นยกขึ้นจับไหล่แล้วลูบท้ายทอยบุตรชายเบา ๆ

"ชายรับปากแม่กับคุณต้นได้ไหมว่าจะไม่วู่วามผลีผลามจนตัวเองเป็นอันตราย" มือแข็งแรงยกขึ้นกุมมือผู้เป็นมารดาสายตาแน่วแน่มองกวาดไปยังสายตาอีกสามคู่ทีละคน

"ผมรับปากได้ครับว่าผมจะไม่ผลีผลามแต่ใครก็ตามที่ทำเรื่องนี้ ต้องชดใช้ แน่นอนครับ"

"เฮ้ยชาย จะเอายังไงก็บอกนะ เอาด้วย" วรวุฒิพูดเรียบๆ

"ได้เพื่อน" ชาติชายรับคำสั้น ๆ ก่อนจะหันไปสบตากับการุณย์และกานดา

"คุณอา กับ แม่ อย่าห้ามเลย นะครับ" การุณย์กับกานดาได้แต่อ้าปากค้างเมื่อร่างของชาติชายหันกลับเดินผละไปเงียบๆ จนเมื่อร่างนั้นลับลงไป จากศาลาหายไปในความมืดแล้วนั่นแหละการุณย์จึงหันไปหาวรวุฒิ

"วุฒิ ขอแรงช่วยดูหน่อยแล้วกันนะ" "ครับผู้การ ถ้าผมตามมันทันนะครับ

" วรวุฒิรับคำเรียบ ๆ ก่อนจะพูดขึ้นเปรยๆ "คราวนี้ได้นรกแตก กันมั่งแล้ว"