ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

Dark World ตอนที่ 8 ด้วยความเต็มใจ

เริ่มโดย katalun, พฤษภาคม 28, 2016, 04:23:23 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

katalun

 ::Sobad:: ::Sobad:: ::Sobad::
         
คุยกันครับ
       - ก่อนอื่นขออภัยผู้ที่ติดตามครับ ที่ล่าช้า [s:233]   
       - ขอบคุณบ้านหลังนี้ครับ
       - ขอบคุณผู้ที่ติดตามอ่านและทุกๆเม้นครับ มันมีความหมายมากมาย



Dark World ความเดิม 7 ตอนที่แล้ว
(ได้ไอเดียจากคุณต๊อก tok2011 เพราะลงไม่ค่อยถี่ คนที่อยากอ่าน บางทีก็ตามอ่านลำบาก ส่วนคนที่อยากจะเริ่มอ่านก็ลองดูคร่าวๆก่อนก็ได้ครับ)
        - เรื่องราวสงครามระหว่างเผ่าพันธ์แม่มดกับเผ่ามนุษย์ ซึ่งดำเนินมาจนถึงศึกสุดท้าย
        - มนุษย์ได้ทำของวิเศษสิบชิ้นแล้วเรียกผู้ถึงครองว่า Tencommander และด้วยการชี้นำของเหล่า Tencommander ทั้งสิบคนนี้เอง ทำให้กองกำลังของ       
          มนุษย์ทั้งสิบทิศทาง ไล่ต้อนจนถึงปราสาทสุดท้ายของแม่มด
        - ภายในปราสาทราชินีแม่มดได้ดึงนายกองเคิกร์ผู้หยิ่งผยองมาเป็นพวก หลอกล่อ Tencommander หลินและผู้ติดตามจนเพลี่งพล้ำเสียที
          กลายเป็นสมุนราชินีตามเคิกร์ไป
        - เอโมสเกือบจะเป็นอีกคนที่เสียท่า แต่ด้วยเวทสุดท้ายของหลินที่ร่ายใส่ราชินีแม่มด ทำให้ราชินีเปิดใจให้กับเอโมสและบอกว่าเธอไม่ใช่ราชินี
          แต่เธอคืออิลูชั่น1ใน4จตุรอาชาที่รับใช้ราชินีแม่มดตัวจริง
        - จนถึงที่สุดแล้วอิลลูชั่นยอมโดนระเบิดตายเพื่อช่วยให้เอโมสรอดออกมาได้ ผู้ที่รอดออกมามีเอโมส หลิน ผิงกังและผิงอัน
        - แผนการของฝั่งแม่มดคือการโค่นต้นไม้แห่งชีวิต ซึ่งจะทำให้โลกล่มสลาย ซาคิวบัสรับหน้าที่ไปป่วนกองกำลังทางเหนือ
          ส่วนคลีโอรับหน้าที่ไปทางทัพตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งสองคนเป็นตัวล่อที่ทำเพื่อดึงความสนใจ ส่วนเวด้าจะลอบอาศัยช่วงชุลมุ่นไปยังต้นไม้แห่งชีวิต
        - Tencommander เซเฟียเข้าไปช่วย เอโมสกับคนที่เหลือรอด
        - ซาคิวบัสบุกมาปั่นป่วนกองทัพทางเหนือจนชุลมุ่นวุ่นวาย แต่Tencommander คาร์เท และ ยอนฮวา เข้าขัดขวาง และจับกุมซาคิวบัสได้


===========================


        Dark World

        ประตูดวงดาว
        ในโลกแห่งนี้ การเดินทางไปต่างบ้านต่างเมืองระยะไกลนั้น จะต้องอาศัยการใช้เวทมนต์ประตูดวงดาว เงื่อนไขการใช้ไม่ยากแต่ก็ไม่ง่ายนัก นั่นคือจุดที่จะเดินทางไปจะต้องมีสัญลักษณ์พิเศษที่ทำขึ้นวางไว้ก่อนแล้วจึงจะสามารถเดินทางไปได้ หมายความว่าที่ๆไม่มีใครเคยไปมาก่อนก็จะไปไม่ได้ แต่ถ้ามีสัญลักษณ์ประตูดวงดาววางไว้ก่อนแล้วใครที่ใช้เวทมนต์ได้ก็จะเดินทางไปได้
   
        บันทึกลับของนักดนตรีสาว
        "เจ้าบันทึกน้อย วันพรุ่งนี้เป็นการคัดเลือกหาผู้เหมาะสมกับของวิเศษ นักดนตรีในหอนางโลมอย่างเรากลับได้เทียบเชิญเข้าร่วมการคัดเลือก มันช่างน่าประหลาดนัก  แต่เราไม่สนหรอกนะว่าจะได้รับเลือกหรือเปล่า? ขอแค่วันพรุ่งนี้ได้พบท่านเอโมสผู้มีพระคุณของเรา เราก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว"   
   


===========================


Dark World ตอนที่ 8 ด้วยความเต็มใจ




        เสียงร้องโหยหวลของมังกรขนาดใหญ่ ที่มีความดังดังกึกก้องระดับทำให้แผ่นดินเกิดการสั่นไหวสะเทือนไปทั่วบริวเณ เสียงนั้นหยุดการสนทานาระหว่างเอโมสกับเซฟียลงในทันที

        " เป็นไปไม่ได้!!! " เซเฟียตกตะลึงในเสียงร้องโหยหวลนั้น

        " แต่ก็เป็นไปแล้ว ..... ใจเย็นก่อนๆเซเฟีย ที่เราทำได้ตอนนี้คือต้องรีบไปช่วยเค้า" เอโมสกล่าวเตือนสติเซเฟียให้สงบลง

         "สภาพท่านในตอนนี้ยังสู้ไม่ไหวหรอก ข้าจะไปช่วยโชตะเอง"

        เอโมสที่ยังคงมีอาการบาดเจ็บแต่ใจก็เป็นห่วงเพื่อนอยากจะขอตามไปกับเซเฟีย จึงเสนอตัวติดตามไปด้วย

        "ข้ายังไหวเซเฟีย แต่หลินคงต้องพักฟื้นอีกนาน"

        "เพราะอย่างงั้นไง ท่านถึงต้องอยู่ดูแลท่านหลินและผู้ติดตาม พาพวกเค้าไปให้ท่านยอนฮวารักษาบาดแผลเถอะ แล้วจะได้ช่วยกันสอบสวนซาคิวบัสหาที่อยู่ของราชินีตัวจริงด้วย" เซเฟียอธิบายกล่าวให้เอโมสเข้าใจ แล้วหันไปเรียกทหารที่ติดตามมาพร้อมกัน ให้เข้าไปปฐมพยาบาลหลิน,ผิงอันกับผิงกัง  ส่วนเธอก็หันมากล่าวลากับเอโมสแล้วรีบควบม้าตะบึงไปยังทัพตะวันออกเฉียงใต้เพื่อทำการช่วยเหลือ Tencommander โชตะอย่างรีบเร่งในทันที

        เมื่อเซเฟียควบม้าจนลับสายตาไป เอโมสจึงออกคำสั่งให้ทุกๆคนที่เหลือขึ้นไปยังทัพทางเหนือเพื่อให้ยอนฮวาใช้อัญมณีหัวใจมหาสมุทรรักษาบาดแผลแก่คนเจ็บ และไปสบทบกับ Tencommander คนอื่นๆที่เหลือ เพื่อช่วยกันสวบสวนซาคิวบัสตามหาที่อยู่ที่แท้จริงของราชินีแม่มด


===========================


        กลุ่มของเอโมสเดินทางมาถึงที่ค่ายทางเหนือก็พบว่าทหารภายในค่ายตายก็หลับใหลอย่างสนิทกันทุกคน เอโมสเข้าใจได้ในทันทีว่าเป็นฤทธานุภาพของอัญมณีหัวใจมหาสมุทรที่ยอนฮวาถือครองอยู่ มันมีพลังในการรักษาบาดแผลไปจนถึงอาการผิดปกติทุกๆอย่าง และยังสามารถเสริมพลังให้กับคนรอบข้างหรือบั่นทอนพลังของศัตรูให้ลดลงได้ด้วย

        ภายในค่ายทหารที่เงียบสงบ กลับมีเสียงสนทนากันเบาๆมาจากใจกลางค่ายทหาร เอโมสและคณะทหารผู้ติดตามรีบเข้าไปหาต้นสายปลายเสียงก็พบกับ ยอนฮวา คาร์เทและเอ๊กเตอร์ ซึ่งทั้ง 3คนต่างก็เป็น Tencommander ที่ถือครองอาวุธวิเศษชนิดต่างๆ กำลังยืนสนทนากันอยู่

        "เฮ้!!!!! ทางนี้ เจ้าบ้าเอโมส" คาร์เทสาวน้อยเสียงห้าวผู้ถือครองธนูแห่งซาจิทาริอัสร้องเรียกเอโมสในทันทีที่เห็นหน้า พร้อมกับกล่าวทักทายอย่างเป็นกันเองกับเอโมส

        "ดีใจจริงๆที่ได้พบพวกท่าน โดยเฉพาะท่านยอนฮวา" เอโมสกล่าวทักทายทั้งสามคน และดีใจมากที่เจอยอนฮวา เพราะเธอเป็นผู้ถือครองอัญมณีหัวใจมหาสมุทรที่มีพลังในการรักษาสูงมาก พลังของเธอคงจะใช้รักษา หลิน ผิงอันและผิงกัง ให้บาดแผลทุเลาลงได้ แต่การทักทายแบบจำเพาะเจาะจงบุคคลแบบนี้ก็ทำให้ยอนฮวาแอบเขินอายไม่น้อย

        "อะ...อะไรนะคะ อะ...เอ่อ เราก็ดีใจเช่นกันค่ะที่ได้ พะ...พบ ท่านเอโมส แล้วท่านเซเฟียล่ะคะ" ยอนฮวาตอบรับตะกุกตะกัก หน้าแดงก่ำเป็นลูกตำหลึงและตกใจเล็กๆที่เอโมสกล่าวทักทายเธอเป็นพิเศษมากกว่าคนอื่น

        "เซเฟียเค้าไปช่วยโชตะที่ทัพตะวันออกเฉียงใต้ จตุรอาชาคลีโอมุ่งไปทางนั้น" เอโมสตอบคำถามยอนฮวาถึงภารกิจของเซเฟีย

        "หนอย!!!...เจ้าบ้าเอโมส ข้าก็อยู่ตรงนี้นะ" คาร์เทหัวเสียที่เอโมสให้ความสำคัญกับยอนฮวามากกว่าที่จะทักทายพูดคุยกับเธอก่อน

        "อย่าพึ่งเล่นสิคาร์เท เอ่อ...ท่านยอนฮวา หลินกับผู้ติดตามของเธอได้รับบาดเจ็บสาหัส ช่วยดูแลพวกเค้าที และคงจะดีถ้าได้ฟังเสียงเพลงของท่านสักสองสามเพลงเพื่อฟื้นฟูพลังของเราไปด้วย"

        "อะ...อ๋อ...ได้สิคะ มันเป็นหน้าที่ของเราอยู่แล้ว" ยอนฮวารับคำอย่างนอบน้อม ในใจเธอสับสนระหว่างความรู้สึกเขินอายที่ตีความการทักทายของเอโมสผิดไป แต่ก็ดีใจที่ตัวเองจะมีประโยชน์ได้ช่วยเหลือเค้า


        ระหว่างนั้นชายวัยกลางคนค่อนไปทางสูงอายุได้เดินเข้ามาพุดคุยกับเอโมสด้วยสีหน้าหมองเศร้า "เอโมส ผู้ที่เหลือรอดจากปราสาทแห่งความมืดมีเพียงเท่านี้หรือ?" เสียงนั่นคือเอกเตอร์ผู้ครอบครองพลองทองของราชาวานร เค้ากล่าวถามถึงผู้รอดชีวิตที่นอกเหนือจากที่เอโมสพามาที่นี่

        "ไม่...ท่านเอ๊กเตอร์ ไม่มีผู้ใดรอดชีวิตจากที่แห่งนั้น ข้ามันไม่เอาไหนเอง ข้าควรจะปกป้องพวกเค้าได้มากกว่านี้ ขะ...ข้าเสียใจ" เอโมสกล่าวตอบอย่างสำนึกผิดในความอ่อนด้อยในพลังของตัวเอง ซึ่งในความเป็นจริงแล้วตัวเค้าเองก็แทบจะเอาชีวิตไม่รอดเหมือนกัน

        "อืม ไม่เป็นไร ข้าเข้าใจดี ทุกๆคนในที่แห่งนั้นได้สละชีพอย่างสมเกียรติแล้ว ขอบใจเจ้ามากที่ช่วยกำจัดราชินีแม่มดได้" เอ๊กเตอร์กล่าวยอมรับความจริงอย่างเสียใจและไม่ลืมที่จะกล่าวขอบคุณเอโมส

        "เกี่ยวกับเรื่องราชินีแม่มด ข้ามีบางอย่างที่ต้องบอกกับพวกท่าน มาเถอะข้าจะเล่าให้ฟังระหว่างที่ยอนฮวาทำการรักษาบาดแผล"


===========================


        พวกเค้าทั้งหมดเลือกกระโจมที่พักแห่งหนึ่งซึ่งพอจะมีเตียงนอนให้สำหรับผู้หญิงสามคน ยอนฮวาเริ่มทำการบรรเลงบทเพลงรักษา ทำให้สภาพบาดแผลภายนอกเริ่มสมานเข้าหากันสีหน้าดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาก รอยฟกช้ำต่างก็ดูจางลงไปเรื่อยๆ

        ด้วยพลังของอัญมณีหัวใจมหาสมุทร คือการรักษา หากนำมันไปแช่น้ำ น้ำที่ถูกแช่ก็จะกลายเป็นน้ำอมฤทธิ์รักษาโรคหรืออาการบาดเจ็บได้มากมาย หากนำไปสัมผัสโดยตรงกับบาดแผลก็จะสามารถรักษาอาการบาดเจ็บบริเวณนั่นได้แม้จะสาหัสเพียงใด อัญมณีหัวใจมหาสมุทรได้เลือกยอนฮวาหญิงสาวนักดนตรีเป็นเจ้านายของมัน

        มันเป็นความเข้ากันได้อย่างน่าประหลาดระหว่างพลังของหัวใจมหาสมุทรกับการเล่นดนตรีของยอนฮวา คลื่นเสียงที่เธอบรรเลงออกมาสามารถเป็นสื่อกลางนำพลังของมันกระจายไปได้อย่างทั่วถึง เธอควบคุมมันได้ดั่งใจไม่ว่าจะเป็นการรักษา การเสริมพลังพวกพ้อง หรือการบั่นทอนกำลังศัตรู และเธอยังได้เรียนรู้ว่าเมื่อสามารถรักษาได้ก้สามารถทำให้บาดเจ็บได้เช่นกัน แม้ว่าจะไม่ได้มากมายแต่ก็พอที่จะให้เธอเอาตัวรอดจากการต่อสู้ได้

        ในระหว่างที่ยอนฮวาบรรเลงเพลงรักษาบาดแผลให้อยู่นั่น เอโมสก็ได้อธิบายความจริงเกี่ยวกับตัวตนของอิลูชั่นที่พวกเค้าเข้าใจว่าเป็นราชินีให้ฟัง รวมไปถึงปริศนาก่อนตายของอิลูชั่น "คำลวงสุดท้ายของเรา "ราชินีได้หนีไปแล้ว" "  และนั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเค้าถึงให้อยากให้ยอนฮวากับคาร์เทจับเป็นซาคิวบัส แทนที่จะสังหาร แต่เอโมสก็ไม่ได้เล่าถึงรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆมากนัก

        คาร์เทยืนกอดอกครุ่นคิดหน้านิ่วคิ้วขมวด เดินวนไปวนมา "เอิ่ม...งงจังแฮะ? คำลวงสุดท้าย ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่าราชินียังไม่ได้หนีไปไหนนะซิ หรือจะลวงว่าไม่ได้หนี แต่หนีไปแล้วจริงๆ โอ้ยย!!!!!ปวดหัว"

        "คิกๆ" ยอนฮวาส่งเสียงหัวเราะขำขันในท่าทีของคาร์เท มือก็ยังคงบรรเลงดนตรีเครื่องสายแสนไพเราะฟื้นฟูพลังเอโมสและรักษาหลินไปพร้อมๆกัน

        เอกเตอร์เองก็มีสีหน้าครุ่นคิดไม่ต่างกัน แต่กลับเงียบสงบเหมือนมีอะไรภายในใจ ก่อนที่จะเอ่ยปากเสนอแนวทาง "คืนนี้เราควรพักผ่อนกันที่นี้กันก่อน การเคลื่อนไหวในเวลากลางคืนอาจเป็นเป้าของจตุรอาชาเวด้า เพราะเรายังไม่รู้ว่านางกำลังอยู่ที่ไหนและทำอะไรอยู่ ส่วนกองกำลังทหารคนอื่นๆก็น่าที่จะยังไม่ตื่นง่ายนัก เมื่อรุ่งสางค่อยหาทางทำอะไรกันต่อก็แล้วกัน"

        "นั่นสินะ นี้ก็ใกล้ค่ำมากแล้ว พวกเจ้าหล่ะว่ายังไง" เอโมสหันไปถามความเห็นของคาร์เทกับยอนฮวา

        "ชิ...ยอนฮวาเพราะเพลงของเจ้านี้แหละทำให้ทั้งกองทัพหลับเป็นตาย ปลุกยังไงก็ไม่ตื่นเลยเนี่ย" คาร์เทตีโพยตีพาย

        "ขอโทษค่ะท่านคาร์เท พอดีเราเห็นมันออกจะชุลมุ่นวุ่นวายเราเลยใช้ยาแรงไปนิดหน่อย ส่วนตัวเราไม่มีปัญหาอันใด จะวันนี้หรือพรุ่งนี้ก็แล้วแต่พวกท่านเถอะค่ะ" ยอนฮวาตอบแบบไม่ขอออกความเห็น

        "เอาเป็นว่าตามนี้ก็แล้วกันนะ" เอ๊กเตอร์ตัดบทแล้วเดินออกไปข้างนอกกระโจมที่พักทันที ไม่ทันที่เอโมสจะได้ทักทวงอะไร

        "ถ้าเป็นอย่างนั้นก็นอนพักสักหน่อยเถอะนะคะท่านเอโมส ท่านกรำศึกมาไม่ได้หยุดตั้งแต่คืนวานแล้วเวลาสำคัญเช่นนี้การพักผ่อนก็เป็นหนทางที่ดีนะคะ ระหว่างนี้เราจะทำการบรรเลงเพลงเพื่อรักษาท่านและท่านหลินเอง"ยอนฮวากล่าวเสียงหวานบอกกล่าวด้วยความห่วงใยให้เอโมสพักผ่อนร่างกายบ้าง

        "นั่นสินะ คงเป็นอย่างที่ท่านว่า ขอบคุณท่านยอนฮวามาก" เอโมสกล่าวขอบคุณพร้อมเอนกายที่ตรากตรำมาอย่างหนักเข้าสู่นิทรา

        "เชอะ บ้าอย่างเจ้าคงได้หมดแรงตายเข้าสักวัน นอนไปน่ะแหละดีแล้ว ไม่งั้นเดียวจะมาถ่วงแข้งถ่วงขาข้าซะปล่าวๆ" คาร์เทกล่าวต่อว่าเอโมสแล้วไล่ให้ไปนอนอย่างหัวเสีย แต่ก็แฝงความเป็นห่วงอยู่ลึกลึกในคำต่อว่า เพราะใจจริงก็อยากให้เค้าได้พักผ่อนจริงๆ ส่วนตัวเธอก็ปลีกตัวออกมาเฝ้ายามบริเวณที่คุ้มขังของซาคิวบัส ปล่อยให้เอโมสได้ฟื้นฟูพลังและพักผ่อนร่างกาย


===========================

        กลางดึกสงัดในยามที่ทุกคนหลับใหล ได้มีเสียงเดินย่างกรายเข้ามายังที่คุมขังของซาคิวบัสอย่างช้าๆ แต่แม้ว่าเสียงนั้นจะเบาเพียงใด ก็ไม่อาจเล็ดลอดประสาทสัมผัสอันเฉียบคมของคาร์เทไปได้ คาร์เทลุกขึ้นยืนประทับคันศรซาจิธาริอัสเล็งไปยังที่มาของเสียงอย่างรวดเร็ว

        "ใจเย็นๆสาวน้อย นี้ข้าเองเอ๊กเตอร์" เอ๊กเตอร์เอยเสียแนะนัวออกมาให้คาร์เทได้ยิน

        "โธ่ ท่านลุงเอ๊กเตอร์ มาเงียบๆอย่างนี้ข้าตกใจจะแย่"คาร์เทตอบกลับพร้อมกับคล้ายธนูในมือลงแล้วถามกลับไปยังชายวัย50หนาว "ท่านลุงมีธุระอะไรกับข้าหรือเปล่า?"

        "ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้านี้ขวัญอ่อนกว่าท่าทางภายนอกมากเลยนะคาร์เท ข้าไม่ได้มีธุระอะไรหรอก ข้าแค่มาเปลี่ยนเวรเฝ้ายามกับเจ้า เจ้าเองก็คงเหนื่อยไม่น้อยไปพักผ่อนเถอะ"

        "โฮย รอคำนี้มานาน รีบๆมาเลยท่านลุง ข้าไม่ปราณีคนแก่หรอกนะ อิอิอิอิอิ ฝากเฝ้านางมารนี้ทีข้าจะไปนอนหล่ะ ราตรีสวัสดิ์ตรงนี้เลยแล้วกันลุง" คาร์เทกล่าวอย่างดีใจ กระโดดโลดเต้นหายวับไปนอนอย่างร่าเริง

        เอ๊กเตอร์มองตามเธอไปพร้อมกับส่ายหน้าอย่างเอ็นดูเด็กสาววัย20ต้นๆ ก่อนที่สีหน้าจะเศร้าหมองลง "หึ หึ เจ้าช่างร่าเริงสมวัยคาร์เท น่าเสียดายลูกชายข้าน่าจะได้มีโอกาสสัมผัสกลิ่นแห่งชัยชนะเช่นคนอื่นๆบ้าง จริงไหมซาคิวบัส" เอ๊กเตอร์หันมามองนางมารแห่งความฝันด้วยแววตายที่แฝงไปด้วยความเคียดแค้น พร้อมกับยกพลองทองของราชาวานรออกมา
   

        ซาคิวบัสถูกขังเดี่ยวอยู่ในกรงเหล็ก 4 เหลี่ยมลูกบากศ์ ขนาดที่บรรจุคนเข้าไปอยู่ได้7-8คน มือทั้งสองถูกมัดรวมกันแล้วผูกไปกับลูกกรงด้านบนทำให้นางอยู่ในสภาพยืนชูมือขึ้นฟ้า ท่อนแขนซ้ายขวาแนบใบหูทั้งสองข้าง ปีกค้างคาวใหญ่ถูกโซ่เหล็กมัดจนยับยู่ยี่ติดไปกับลำตัวขาวนวล ที่หัวไหล่ด้านซ้ายเหนือหน้าอกขาวอวบพอประมาณยังคงมีบาดร่องรอยบาดแผลจากลูกธนูของคาร์เทหลงเหลืออยู่เล็กน้อย ขาทั้งสองข้างถูกลูกตุ้มเหล็กพรรณธนาการไว้ มีเชือกผูกตาและมีลูกบอลกลวงอุดปากไว้ให้นางพอหายใจ แต่ไม่ให้นางเอื้อนเอยวาจาใดๆออกมาได้

        เอ๊กเตอร์เข้ามาภายในกรงขังมือกำพลองทองแน่นกล่าวถามด้วยความเคียดแค้น "บอกมาราชินีอยู่ที่ไหน แล้วเจ้าจะได้ตายอย่างสบายที่สุด" เอกเตอร์เริ่มถามคำถาม พร้อมกับฟาดพลองทองไปเฉี่ยวใบหน้าของซาคิวบัสทำให้ที่อุดปากซาคิวบัสหลุดออกมา

        "แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก เราไม่รู้หรอก"

        "เจ้าตอบผิด" เอ็กเตอร์กำพลองทองแน่น ก่อนจะเริ่มทรมานปีศาจสาวเพื่อเค้นเอาที่อยู่ของราชินีแม่มด แน่นอนกระทำนี้ไม่สามารถทำต่อหน้าคนอื่นได้ เค้าจะถูกห้ามปรามอย่างแน่นอน ถ้าเป็นเค้าในเวลาปกติก็คงไม่ทำเช่นนี้แต่ความเสียใจและความแค้นที่ต้องเสียลูกชายไปแถมตัวการยังลอยนวล ทำให้เอ๊กเตอร์ทำได้ทุกอย่างเพื่อระบายความแค้น จนเวลาล่วงผ่านไป....

        "เจ้าไม่บอกก็เป็นไรซาคิวบัส ไว้ข้าค่อยไปถามเอากับพี่น้องที่เหลือของเจ้าก็ได้" เมื่อความแค้นบ่มจนถึงขีดสุด เอ๊กเตอร์ก็หมดความอดทนเตรียมปลิดชีพซาคิวบัส

        "หึหึ ลูกชายท่านชื่อเคิกร์ใช่ไหม" ซาคิวบัสเอยถามจนเอ๊กเตอร์หยุดชะงัก

        "แก!!! แกรู้ได้ยังไง"

        "หึหึ นักสู้ผู้ห้าวหาญ ผู้กำจัดอิลูชั่นแม่มดที่เก่งกาจที่สุด ตอนนี้ไม่มีแม่มดคนไหนจะไม่รู้จักชื่อของเขาหรอกนะ" ซาคิวบัสโกหกหน้าตาเฉย

        "แกว่ายังไงนะ"

        "ฮิฮิฮิ ยังต้องให้เราบอกซ้ำอีกเหรอ รีบๆฆ่าเราเสียเถิดได้ตายด้วยน้ำมือของบิดาแห่งยอดนักรบก็คุ้มค่าแล้ว น่าเสียดายที่ท่านคงไม่รู้ว่าลูกชายท่านตายยังไง"

        เอ๊กเตอร์อารมณ์พลุ่งพล่านอย่างรู้ความจริง "บอกมาในวาระสุดท้ายเค้าเป็นอย่างไร"

        "หึหึหึ น่าเสียดายคำพูดของเราตอนนี้คงไม่มีน้ำหนักเพียงพอ ถ้าท่านอย่างรู้คงต้องปลดผ้าคาดตาเราออกแล้วละ มันคงไม่เสียหายอะไร เราถูกพันธนาการถึงเพียงนี้คงไม่มีปัญญาไปสู้รบกับท่านได้ เราแค่ต้องการถ่ายทอดความเป็นจริงจากสายตาของลูกชายท่านในวาระสุดท้ายเพียงเท่านั้นเอง" ซาคิวบัสหลอกล่อเอ๊กเตอร์ให้ติดกับ

        ด้วยความรักที่มีต่อลูกชายทำให้เอ๊กเตอร์อยากรู้ความเป็นไปช่วงชีวิตสุดท้ายของเคิกร์ โดยส่วนตัวเค้าไม่เคยกลัวเวทมนต์ของแม่มด มนต์สะกดใดๆก็ไม่เคยทำให้ใจเค้าสั่นคลอน แต่ทว่านั่นก็ไม่ใช้ตอนที่เค้าโดนโทสะควบคุมจนบ้าคลั่งอย่างนี้ เอ๊กเตอร์เอื้อมมือไปปลดผ้าคาดตาของซาคิวบัสออก เผยให้เห็นดวงตาของปีศาจแห่งความฝัน

        "เอาล่ะ มองมาที่ดวงตาของข้าแล้วเจ้าจะได้พบกับความจริง" ซาคิวบัสยิ้มร้ายไม่เสียแรงที่ยอมให้ถูกจับโดยไม่ฝืนเข้าต่อสู้แตกหักกับ Tencommander หลายคนพร้อมกัน

        เอ็กเตอร์จ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาของซาคิวบัส ก็รู้สึกเหมือนถูกดูดเข้าไปในดวงตาของนาง ทุกๆอย่างรอบกายก็ดำมืดลงชั่วขณะ ก่อนที่เค้าจะรู้สึกเหมือนกับว่าเค้ากำลังกะพริบตาอยู่แต่ดวงตาคู่นั้นไม่ได้เป็นของเค้าแต่เป็นของใครคนนึง ความรู้สึกบางอย่างในตัวของเอ๊กเตอร์บ่งบอกได้ทันทีว่านี้เป็นร่างของลูกชายเค้าไม่ผิดแน่

        "ตอนนี้ท่านรู้แล้วใช้ไหมว่าท่านอยู่ในร่างของผู้กล้าเคิกร์ ท่านจะมองเห็นสิ่งเดียวกับที่ท่านเคิกร์เห็น ซึ่งเป็นมันเป็นภาพที่เกิดขึ้นมาแล้วจริงๆ น่าเสียดายที่ท่านทำได้เพียงเฝ้าดูเพียงเท่านั้น" ซาคิวบัสอธิบาย

        ภาพที่เอกเตอร์มองเห็นเป็นภาพภายในห้องท้องพระโรง สายตานั้นกวาดมองไปรอบๆห้องไปมา เหมือนหาใครสักคน ระหว่างที่มองซ้ายมองขวา ชั่วพริบตานึงก็เห็นกลุ่มทหารหลายคนตะลุมบอนสู้กันอยู่ โดนที่มีหลินคลานสี่ขาหันมาในท่ากวางเหลี่ยวหลัง โชว์เครื่องเคราของสงวนส่ายสะโพกยั่วยวนไปมา พร้อมเอ่ยปากร้องเรียกให้พวกทหารเข้าไปหาไวๆด้วยวาจาร้อนร่านสวาทอย่างยิ่ง ก่อนที่สายตาจะหันมาประจันหน้าเจอกับเอโมสที่พุ่งทะยานเข้ามาด้วยสีหน้าโกรธเกรี๊ยวลั่นเสียงออกมาว่า "อย่าได้มาขวางข้าาาาาาาาาา!!!" แล้วภาพทั้งหมดก็ดับไป เอกเตอร์ก็ถูกดึงกลับมาอยู่ต่อหน้ากับซาคิวบัสอีกครั้ง


===========================


        ท้องฟ้ามืดครึ้มเริ่มโปรยปรายสายฝนเย็นยะเยือกลงมา แรงลมเริ่มก่อตัวเป็นพายุ สายฟ้าแล่บคำรามดังครืน ครืน เปรียบเสมือนเป็นตัวแทนแห่งความแค้นและโทสะมหาศาลที่เริ่มก่อตัวภายในเอ๊กเตอร์ จนยากจะเกินควบคุม  สำหรับซาคิวบัสแล้วการควบคุมเอ๊กเตอร์ในตอนนี้ช่างง่ายดายเสียยิ่งกว่ารองนายพลซิกค์ที่เธอจัดการไปเมื่อตอนเช้าซะอีก

        "เปรี๊ยงงงง!!!!!" สายฟ้าฟาดผ่าลงใกล้ๆบริเวณกรงขังนักโทษ ชั่วแว่บเดียวที่แสงสว่างวาบขึ้นฉาบกระทบไปที่ใบหน้าของเอ๊กเตอร์ ก็ปรากฎดวงตาสีแดงกล่ำผิดมนุษย์มนา เค้าโดนควบคุมจิตใจเข้าซะแล้ว

        เอ๊กเตอร์โดนโทสะที่ซาคิวบัสขยายเพิ่มเข้าไปในจิตใจจนเค้าไม่สนเหตุผลอะไรอีก ด้วยความโกรธแค้นเค้ารู้แต่เพียงว่าเอโมสเป็นคนลงมือฆ่าเคิกร์ และจะทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะแก้แค้นให้กับลูกชายของเค้า

        "หากท่านลงมือ ทั้งคาร์เทและยอนฮวาต้องออกหน้าขัดขวางท่านแน่ๆ พวกนั้นก็พวกเดียวกัน" ซาคิวบัสสุ่มไฟ "เรารู้ดีว่าบิดาของยอดนักรบย่อมเก่งกาจ แต่ท่านคนเดียวจะสู้กับ Tencommander ถึง 3 คน ก็คงไม่ไหว เราจะยินดีมากหากท่านจะให้เราช่วย เพราะเรามีศัตรูคนเดียวกัน"

        เอ๊กเตอร์ที่ไม่เป็นตัวของตัวเองคล้อยตามคำเชิญชวนอย่างง่ายดาย เดินมาปลดลูกตุ้มที่พันธนาการขาสองข้างของซาคิวบัสให้เป็นอิสระ และเอื้อมมือสองข้างไปด้านบนเพื่อปลดปล่อยเชือกที่มัดโยงร่างของเธอไว้กับเพดานของลูกกรงกรงเหล็ก ทำให้ทั้งคู่อยู่ในท่าที่ยืนประกบกันมือชูขึ้นฟ้า โดยที่ใบหน้าของซาคิวบัสอยู่ระดับเดียวกับบริเวณคอของเอ็กเตอร์

        ในระหว่างที่เอ็กเตอร์กำลังปลดพันธการที่ข้อมือของซาคิวบัส เธอก็ตวัดขาเกี่ยวเอวของเค้าเอาไว้แล้วใช้แรงดึงตัวมาแนบแน่นกัน ซาคิวบัสไซร์เข้าไปที่ซอกคอของเค้า แล้วอ้าปากงับดูดต้นคอเบาๆ ส่งผ่านอารมณ์แห่งตัณหาไปให้เอกเตอร์

        เอ๊กเตอร์ผงะออกมา ลดแขนที่กำลังปลดเชือกมายันที่หัวไหล่ของซาคิวบัสเอาไว้ แต่ไม่สุดเพราะโดนขาของซาคิวบัสเกี่ยวไว้แนบแน่น "อ่าห์...ท่านยอดขุนพล ใช้ร่างกายของเราชดเชยสิ่งที่ท่านเสียไปเถอะนะคะ ให้เราได้กำเนิดบุตรให้ท่านเถอะค่ะ" ซาคิวบัสร้องขอให้เค้าทำเธอท้องซะ

        อารมณ์ดิบในกายของเอ๊กเตอร์พลุ่งพล่านกระชากซาคิวบัสเข้ามาบดปากจูบอย่างหนักหน่วง แทนคำตอบของที่ซาคิวบัสร้องขอ เอกเตอร์เริ่มไล่จากการจูบปากลงมาเป็นที่ลำคอ  แล้วนัวเนียลากลิ้นซุกไซร์ไปที่ซอกคอซ้ายขวาซูดดมจนหน่ำใจ ก็เดินทางลงมาจนถึงหน้าอกขนาดพอเหมาะไม่เล็กไม่ใหญ่  เค้าเอามือบีบนมของซาคิวบัสอย่างมันส์มือ ยอดปทุมถันแข็งเป็นไตสั่นระริกยั่วให้เอกเตอร์ลงไปก้มดูดจ๊วบจ๊าบอย่างรุนแรง

        สายฝนเริ่มกระหน่ำรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่ต่างจากพายุสวาทที่กำลังโหมเข้าสู่จิตใจของเอ๊กเตอร์ เมื่อเค้าโดนเปิดจิตใจโดยซาคิวบัสทุกอย่างก็ยากที่จะฝืนหรือควบคุมอะไรได้อีก ทรวงทรงองเอวของเธอไปกระตุ้นโลหิตในกายเค้าให้สูบฉีดไหลเวียนไปหล่อเลี้ยงแก่นกายจนมันพองตัวใหญ่คับเสื้อเกราะเหล็กของเค้าขึ้นเรื่อยๆ

        ซาคิวบัสเชิดหน้าดิ้นบิดตัวส่ายเร้าๆอยากเอามือกดหัวเอ๊กเตอร์บดบี้ไปกับนมของเธอ แต่ติดที่ว่ามือยังไม่ถูกแกะเชือกที่พันธนาการเธอไว้ ทำให้อยู่ในท่าห้อยโหนขยับได้เพียงเล็กน้อยไม่ถนัดนัก ได้แต่ส่งเสียงครางส่ายหน้าไปมาระบายเสียว  "อะ...อูยย อ๊อยยเสียว อืมมม ซีดส์...อาห์ ท่านเอ็กเตอร์ขา ดูดแรงๆเลยค่ะ"

   ขณะที่เอ็กเตอร์ดูดหน้าอกคู่งาม มือก็ลงไปจับโค่นขาอวบอิ่มถ่างแยกง่ามขาออกจากกัน แล้วค่อยๆย่อตัวลงไปหาเนินรักแสนงดงามดึงดูดใจ ก่อนที่จะชะงักงันฝืนร่างกายต่อต้าน แต่ก็ได้เท่านั้นเพราะซาคิวบัสไม่ปล่อยให้เหยื่อหลุดไปง่ายๆตะหวัดขาเกี่ยวคออัดร่องหีเข้าไปที่ใบหน้าของเอ็กเตอร์ ออกแรงเกี่ยวเหนี่ยวคอเอาไว้แน่น ให้เค้าได้ซุกไซร์ดูดดื่มหลงทางอยู่ในร่องหลืบแสนพิศวงนั้น

   มันช่างหอมหวลยวนจิต ดูดใจให้เค้าเผยอปากส่งปลายลิ้นออกไปลิ้มชิมรสชาติตรงรอยแยกของดอกไม้งาม ลิ้นสากลากกระแซะชำแรกแหกกลีบ หวังรีดเค้นเอาน้ำรักของซาคิวบัสมาดื่มกินให้สมอยาก มือก็ไม่ปล่อยว่างอ้อมไปบีบขยี้คลึงบั้นท้ายอวบอัดจนปีศาจแห่งความฝันไม่ต้องออกแรงรัดตัวเค้าไว้มากนัก  ซาคิวบัสดีดดิ้นหนักอย่างซะใจได้โอกาสดูดพลังของเอ๊กเตอร์จากทางปากที่กำลังหลงในเนิ่นเนื้อสวรรค์อันอวบอูม จนร่างกายเธอฟื้นฟูพลังเต็มเปี่ยม
   
        "โอ๊ววววว แยงนิ้วเข้าไปด้วย อ๊ายย อ๊อยยย...พลังอะไรจะขนาดนี้ นี่หรือ Tencommander อ่าห์ อูยยย เยี่ยมยอดจริงๆ " ซาคิวบัสทึ่งในพลังของเอ๊กเตอร์ที่หลั่งไหลเข้ามาในร่างกายเธอ จนเธอเริ่มรู้สึกว่าดูดพลังผ่านทางปากของเอกเตอร์เริ่มไม่ทันใจ มันคงได้เวลาแล้วที่จะดูดพลังเอาจากแก่นกายแห่งชีวิตของเอ๊กเตอร์
   
        ซาคิวบัสสยายปีกค้างค้าวใหญ่ ฉีกพันธนาการที่ครั้งนึงเคยแข็งแรงพอที่จะรัดกายเธอเอาไว้ แต่ด้วยพลังที่เพิ่มพูนเข้ามา ทำให้โซเหล็กที่แข็งแกร่งนั้นขาดง่ายดายราวกับปุยนุ่น เช่นนั้นแล้วเชือกที่โยงมาจากซี่ลูกกรงเหล็กลงมามัดข้อมือทั้งสองของเธอก็คงไม่มีน้ำยาจะทำอะไรเธอได้ เพียงแต่เธอปล่อยให้อยู่ในลักษณะถูกพันธนาการไว้เพื่อที่จะดึงสัญชาติญาณดิบของเอ๊กเตอร์ออกมาอีกซักหน่อย
   
        "เสียวจัง...พลังมันซาบซ่านไปทั่วเรือนกาย อ๊าซซซซ" ซาคิวบัสสะดีดสะดิ้ง เด้งสะโพกบดบี้กับใบหน้าของเค้า ตอบสนองปลายลิ้นที่เลียเม็ดเธออย่างร้อนร่าน
   
        "อืม...ซู้ดดด...แผล่บแผล่บ  ช่างต่างกับอิสตรีทั่วไป ร่องหลืบอวบอิ่มสมบูรณ์สวยงาม จตุรอาชาช่างยอดเยี่ยมยิ่งกว่าคำร่ำลือ ฮ่าฮ่าฮ่า" เอ๊กเตอร์เปล่งเสียงหัวเราะลั่นแนบชิดซอกหลืบ
   
        "หึหึ...มันยอดเยี่ยมมากใช้ไหมคะ ของดีมาอยู่กับตัวท่านแล้ว เรารับรองได้ว่าท่านจะหลงลืมหลงหีจืดชืดของมนุษย์ไปเลย อูยยยย"เธอกระเส่ายั่วเย้าสรรพคุณ
   
        สายฝนกระหน่ำเทลงมาถาโถมเข้าใส่ทั้งสองคน ทั้งคู่เนื้อตัวเปียกปอนด้วยสายน้ำเย็นจากฟากฟ้าแต่ในกายสองคนช่างร้อนรุ่ม ที่ร่องสวรรค์ของซาคิวบัสแม่ทัพหนุ่มใหญ่คราวพ่อรุกเร้าโลมเลียด้วยลีลาช่ำชอง

        "อื้ม...อะ อ๊าซซ...อื้อ...แตด เสี๊ยว เลียแตดด้วยโอ้ยย...อร๊อยย...อร่อยจังเลยเป็นพลังชีวิตที่เยี่ยมยอดอะไรอย่างนี้ โอ้วว เอาอีก...มาอีก อูยยถึงใจเราเหลือเกิน เราจะแหกให้ท่านมาผสมพันธุ์เท่าที่ท่านต่องการเลย อ๊าซซซซ " ซาคิวบัสดิ้นพล่าน

        "จุ้บๆ จ๊วบบๆ แพล่บ แพล่บ ซวบบบบ"เอ๊กเตอร์เร่งฉกลิ้นรัวแข่งกับสายฝนส่งเธอไปจุดหมาย

        "อ๊ะ...อร๊างงงงงงงง!!!!!!!!" ซาคิวบัสกรีดร้องลั่นแข่งกับเสียงของพายุฝน ร่างกายสั่มเทิมกระตุก เกร็งต้นขาเหนี่ยวคอบี้บดติ่งแตดสำเร็จความใคร่ใส่ใบหน้าของเค้า ซาคิวบัสปลดปล่อยหยาดน้ำหวานทะลักทลายไหลรินไปในโพรงปากอันเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนกับพลังที่ดูดเข้ามาในตัว เอ็กเตอร์ดื่มกินน้ำรักหอมหวานของปีศาจแห่งความฝันอย่างเอร็ดอร่อย

        "อ็อยย...สะ เสียวอะไรอย่างนี้......ท่านเอ๊กเตอร์...แฮ่กๆๆๆ...มาเร็วเข้า เราอยากได้มากกว่านี้ อุ้บ!!!"
เอ๊กเตอร์ลุกขึ้นยืนเข้าประกบปากจูบดูดดื่มแลกลิ้นกับซาคิวบัสอย่างหวานชื่นไม่สนฟ้าฝนที่เทลงมาใส่ทั้งคู่ มือของเอ๊กเตอร์ก็วนเวียนสอดใส่เข้าไปในร่องหลืบโพรงสวรรค์กับบี้บดยอดปทุมถันที่แข็งสู้มือ

        ระหว่างที่ทั้งคู่จูบปากกันอย่างดูดดื่ม ขนเพชรดกดำของซาคิวบัสก็ยาวขึ้นๆ ลากเลื้อยชอนไชแทรกผ่านระหว่างรอยต่อของชุดเกราะเข้าไปตามตัวของเอกเตอร์ ก่อนที่เธอจะขมิบเกร็งบังคับให้เส้นขนนั้นถอดชุดเกราะของเอ๊กเตอร์จากภายใน จนชุดเกราะเหล็กกระจัดกระจายเหลือเพียงร่างเปลือยเปล่าของหนุ่มใหญ่ที่มีแก่นกายแข็งแกร่งชูคอหงึกๆ เมื่อถอดชุดเสร็จแล้วเส้นสายขนเพชรที่งอกยาวออกมาก็สลายไป

        ซาคิวบัสถอนจูบออกมา แล้วเริ่มเกลี่ยกล่อมเหยื่อด้วยมนต์ตราที่จะเจาะเข้าไปในความอ่อนแอของเหยื่ออีกครั้ง "มาเถอะ ท่านเอ็กเตอร์ มาร่วมมือกันกำจัดคนที่ทำกับท่าน เราจะช่วยท่านเอง" นางกล่าวพร้อมจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเอ็กเตอร์เข้าควบคุมจิตใจ

        ภายในจิตใจของเอ็กเตอร์ ความรักอันยิ่งใหญ่กลายเป็นเครื่องมือชั้นดีที่ปรุงแต่งให้เกิดความเกลียดความโกรธความเคียดแค้น และมันทำให้เค้าไร้ซึ่งสติ ละทิ้งซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างเพียงเพื่อการแก้แค้น กระทั่งยอมมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับจตุรอาชาทั้งๆที่รู้ดีว่าอันตรายขนาดไหน ความมืดคืบคลานเข้ามาเกาะกินอย่างรวดเร็ว แสงสว่างน้อยนิดที่ยังหลงเหลือในจิตใจค่อยๆจมหายไป พร้อมๆกับที่เอ๊กเตอร์ส่งแก่นกายของเค้าเข้าไปในโพรงสวรรค์สุดอัศจรรย์
 
        "อิ๊ซซซซซซซ อา โอ้วววว ยะ...ใหญ่ คับแน่นไปหมด อ่าาาาาา หุหุหุหุหุ พลังช่างมากมายมหาศาลอะไรอย่างนี้" ทันทีที่แก่นกายเสียบเข้าไป ซาคิวบัสที่ร่างกายเริ่มอ่อนเยาว์ลงเปลี่ยนไปสู่โหมดเสียว ก็เริ่มดูดกลืนพลังของเอ๊กเตอร์อย่างรวดเร็ว "โอ๊ววว มาอีก มาอีก ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า"


        เอ๊กเตอร์อยู่ในท่าช้อนขาซ้ายของซาคิวบัสขึ้นข้างเดียว ปล่อยขาขวายืนเขย่ง มีท่อนควยเสียบงัดกระทุ้ง เสยหีอย่างต่อเนื่อง ตั้บ ตั้บ ตั้บ ตัวของซาคิวบัสกระเด้งลอยตามจังหวะกายเสยควย มือของเธอยังคงถูกเชือกมัดห้อยโยงเยงกับเพดาน พยายามเอนหน้าอกให้เค้าดูด

        "อั่กๆๆ โอ้วว แฮ่กๆ ยะ...หยุด อ้อมค้อมได้แล้วซาคิวบัส ฮั่กก ฮั่กก เอามะ...มันมาให้ข้าได้แล้วพลังแห่งความมืด"

        "ฮิฮิฮิ ท่านนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ เรานึกว่าท่านจะตกหลุมพรางการยั่วยวนเหมือนคนทั่วๆไปซะอีก ............. ส่งเราไปถึงจุดสุดยอดสิ เจ้าจะได้ในสิ่งที่ปราถนา ว้ายยยยย!!!!!"

        "งั้นเอาไปเลย ว้ากกก!!!" เอ็กเตอร์เกร็งสะโพกโหมกระหน่ำซอยซาคิวบัส ยิ่งนานโพรงหีเธอยิ่งสู้ควยตอดรัดหนักหน่วงมากกว่าที่เอ็กเตอร์จะเคยประสบพบจากที่ใด ยิ่งเอายิ่งมันส์ ยิ่งซอยยิ่งตอดรัด ร่างกายของซาคิวบัสยิ่งรวมรักยิ่งอ่อนเยาว์ "อั่ก อั่ก อั่ก มันจะเสียวเกินไปแล้ว อ้ากกก"
     
        "อร๊าซซ สะ เสียว โอ้ยย มันส์จังเลยคร๊าาาา ซี๊ดดดดด เต็มร่องดีจังฮร๊างงงงง" ซาคิวบัสส่ายหัวร่อนสะโพกรับการกระแทกอย่างชำนาญ ชวยจังหวะขมิบดูดตอดพลังของเอกเตอร์ไปเรื่อยๆ

        เอ็กเตอร์ก็รู้ตัวดีแต่เค้าก็ไม่หยุด ยังคงกระเด้าสะโพกอัดอย่างบ้าคลั่งเต็มพลัง ประเคนสิ่งที่เธอต้องการหวังแลกกับสิ่งที่เค้าต้องการ "อ๊าซซซซ  ซี๊ดดห์ หีเจ้าช่างสมสู่ได้ซาบซ่านปลายลึงค์จริงๆ อ่าห์   มันตอดแรงเกินไปแล้วโอ้ยยย ซี๊ดดดด"

        "อะ อ๋อยยย  ท่าน คงไม่เคยเจออะไรอย่างนี้ล่ะซิ อร๊ายยย  ซี๊ดดดสสสสสสส "

        ซาคิวบัสเริ่มรู้สึกใกล้ถึงจุดสุดยอด รอยสักงูเห่าประจำกายของเธอเริ่มมีอาการตอบสนองเลื้อยไหลวนในกายเธอเพื่อที่จะถ่ายทอดไปที่เอ็กเตอร์ รอยสักงูเห่าของซาคิวบัสนั้นต่างกับอิลลูชั่น มันไม่ได้มีไว้เพื่อดูดวิญญาณแต่มันจะเข้าไปเพิ่มพูนทดแทนพลังที่ดูดเข้ามาและทวีคูณขึ้นไปอีกสิบๆเท่า แต่ผลข้างเคียงของมันดั่งพิษร้ายนำมาซึ่งความตายของผู้ที่ได้รับมันเข้าไป 

ตั้บ  ตั้บ  ตั้บ  ตั้บ  ตั้บ  ตั้บ  ตั้บ  ตั้บ

        "โอ้ยยย เสียวหีจริงๆ โอ้ยยยย มันเสียวไปหมดแล้ว เราถึงแล้ว อร๊างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง"  นางวี๊ดร้อง ร่องหลืบกระตุกตอดดูดเอาพลังของเอกเตอร์ แลกเปลี่ยนกับรอยสักงูเห่าซึ่งวิ่งสวนน้ำรักของเอกเตอร์ที่พุ่งเข้ามา

        " เสียววววว ว้อยยยยยยย อ๊ากกกกก"

        !!!!!!!! เปรี๊ยงงงงงงง !!!!!!!!  สายฟ้าผ่าดังสนั่นพร้อมๆกับเอ็กเตอร์ที่ลั่นน้ำรักไปจนเต็มโพรงสวาทของซาคิวบัส


===========================


        เสียงพายุฝน ฟ้าร้องคำรามสลับกับเสียงฟ้าผ่าดังเป็นระยะ ปลุกเอโมสให้สะดุ้งตื่นจากนิทราลุกขึ้นมากลางดึก เค้าเห็นยอนฮวานั่งหลับอยู่ใกล้ๆกับตัวเค้า ไม่ต่างกับคาร์เทที่นอนอยู่บนเตียงผ้าใบอย่างสบายอารมณ์ ส่วนหลิน ผิงกังและผิงอัน ก็ยังคนนอนหลับยังไม่ฟื้น เค้าคิดว่าคงต้องให้เวลาพวกเธอสักหน่อยเพราะการโดนแยกวิญญาณเป็นสองส่วนคงไม่น่าพิศมัยเท่าไหร่นัก

        "ตื่นแล้วรึเอโมส" เอ็กเตอร์เดินเข้ามาในกระโจมเอ่ยถามเอโมสด้วยน้ำเสียงเย็นเหยียบ

        "ครับท่านเอ็กเตอร์ บาดแผลก็ได้รับการรักษาดีขึ้นมากแล้ว ว่าแต่ท่านเถอะ ตากฝนเปียกปอนระวังจะไม่สบายนะครับ"

        "หึหึ ข้าสบายดี สบายอย่างบอกไม่ถูกเลยล่ะ......" เอ็กเตอร์ตอบหน้านิ่งในมือกำพลองทองอาวุธประจำกายแน่น จนเอโมสสังเกตได้ถึงความผิดปกติของเอ็กเตอร์   

        ชั่วกระพริบตาเอ็กเตอร์ก็พุ่งกระโจนเข้ามาฟาดพลองทองใส่เอโมส แต่เอโมสระวังตัวไว้แล้วตั้งแต่สังเกตเห็นความผิดปกติ หยิบโล่ห์เอจิสเข้ามาป้องกันไว้ได้ทัน ของวิเศษสองสิ่งปะทะกันส่งเสียงดังสนั่นไปทั่วพื้นที่ "เปรี้ยงงง!!!!"

        "นี้มันอะไรกันคะ ท่านเอ็กเตอร์" ยอนฮวาสะดุ้งตื่นมาเห็นภาพการต่อสู้ที่เกิดขึ้น

        "ตาแก่ ท่านทำบ้าอะไรเนี่ย" คาร์เทก็ตกใจไม่แพ้กัน หยิบธนูซาจิธาริอัสมาประทับเล็งไปที่เอ็กเตอร์ รอฟังคำอธิบายจากปากของเค้า

        "พวกเจ้าอย่าเข้ามาสอด!!! นี้เป็นเรื่องของข้ากับเอโมส"

        "ข้าไปทำอะไรให้ท่านกันแน่" เอโมสยันตัวเองอยู่หลังโล่ห์เอ่ยถามความผิดของตัวเอง

        "หึหึ เจ้าเคยได้ยินชื่อนักรบนามว่าเคิกร์บ้างไหม?"

        "เคิกร์.......ชะ...ใช้ข้ารู้จัก" เอโมสนึกถึงชายผู้กลายเป็นอสูรกายในห้องท้องพระโรง

        "อันที่จริงแล้ว เค้าเป็นลูกชายข้าเอง" บทสนทนาอันแสนสั้นแต่ก็ตอบทุกอย่างของการกระทำที่ผิดปกติของเอกเตอร์ได้ เพียงแต่เอกเตอร์น่าจะหักห้ามใจ ไต่ถามความจริงก่อนที่จะเข้าทำร้ายเอโมสอย่างนั้น

        "ฟังข้าก่อน ข้าอธิบายได้ ท่านเอ็กเตอร์ อ๊ากกกก!!!" เอโมสตั้งท่ารับพลองทองก็รู้สึกว่าน้ำหนักของพลองทองเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆจนกดทับเค้ากับโล่ห์ลงไปแทบจะติดพื้น

        "ป่วยการจะอธิบาย เพราะสุดท้ายแล้ว คนที่ลงมือปลิดชีวิตลูกข้าก็คือเจ้าเอโมส!!!"

        " --บทเพลงแห่งสายน้ำ-- " ยอนฮวาคว้าเครื่องสายมาบรรเลงบทเพลงที่มีฤทธิ์บรรเทาโทสะ หวังให้เอ็กเตอร์ใจเย็นลงรับฟังคำอธิบาย พร้อมๆกับที่คาร์เทเดินเข้ามาจ่อธนูไปที่แขนของเอ็กเตอร์


        "หยุดอยู่แค่นั้นแหละตาแก่ จะให้เรานั่งดูเฉยๆคงเป็นไปไม่ได้ ฟังดนตรีเพราะๆไปก่อน เผื่ออารมณ์ท่านจะดีขึ้นบ้าง"คาร์เทกล่าวออกคำสั่งให้เอ็กเตอร์หยุดการโจมตี

        "คิกคิกคิก....จริงอย่างที่เราบอกใช้ไหมล่ะ พวกมันสามคนก็พวกเดียวกันไม่มีใครเห็นหัวลูกชายท่านหรอก" ซาคิวบัส ฟาดแส้อาวุธประจำกายไปที่คาร์เทกับยอนฮวา จนทำให้ทั้งคาร์เทและยอนฮวาต้องกระโดดฉากหลบออกห่างจากเอ็กเตอร์

        " !!!ซาคิวบัส!!! " เอโมส ยอนฮวา และ คาร์เทอุทานออกมาพร้อมกันด้วยความตกใจ แถมยังสัมผัสได้ถึงพลังที่เพิ่มพูนขึ้นมากมาย จนรูปลักษณ์ภายนอกของนางมารแห่งความฝันเปลี่ยนแปลงไป นางดูทรงพลังและแข็งแกร่งมากขึ้นยิ่งกว่าตอนที่สู้กับยอนฮวาและคาร์เทเสียอีก


        แต่นั้นก็ทำให้ทั้งหมดเข้าใจได้ในทันที ว่าท่าทีแปลกประหลาดไปของเอ็กเตอร์ เป็นเพราะเค้าคงโดนซาคิวบัสดูดพลังและครอบงำจิตใจเข้าซะแล้ว   

        "โอ้ยยย!!! ตาแก่เอ็กเตอร์ ให้เฝ้าแปปเดียว ไปพลาดอีท่าไหนกันนะ" คาร์เทสบถออกมารู้ดีว่าสถานการณ์ชักจะลำบากแล้ว

        "คิกคิก พลาดหลายท่าเลยหล่ะแม่สาวนักธนู จุ๊จุ๊จุ๊...ปล่อยให้หนุ่มๆเค้าคุยกัน ส่วนเรามาคิดบัญชีกันต่อจากตอนเช้าเถอะนะ" ซาคิวบัสฟาดแส้ไปเกี่ยวกับคันธนูแล้วหวี่ยงคาร์เทออกไปด้านนอกกระโจม แล้วพุ่งตัวบินตามออกไป แม้เอโมสจะเป็นห่วงแต่เค้าก็ติดพันจากการจู่โจ่มของเอ็กเตอร์

        "หมดตัวสอดไปหนึ่ง เหลืออีกหนึ่งสินะ พอดีเลยข้าเองก็สงสัยมานานแล้วว่านักดนตรีในหอนางโลมอย่างเจ้าคู่ควรกับตำแหน่ง Tencommander ได้ยังไงกัน" เอ็กเตอร์พลุสวาทคำดูถูกยอนฮวาออกมา ถ้าเป็นเมื่อก่อนเค้าคงได้แค่คิดและเก็บไว้ในใจ  แต่จิตมารมากมายในตัวเค้าทำให้เค้าไม่เกรงใจคิดอะไรก็ทำอย่างนั้น
เอโมสฉากหลบจากพลองทองที่กดทับตัวเองอยู่ แล้วเอาเท้ายันไปที่เอกเตอร์ต่างฝ่ายต่ายถอยห่างจากกัน โดยที่ด้านหลังของเอโมสมียอนฮวา หลิน ผิงอันและผิงกังอยู่

        "ท่านเอโมสคะ เรายังพอช่วยท่านเอ็กเตอร์ได้ หัวใจมหาสมุทรของเราสามารถดึงจิตใจของท่านเอ็กเตอร์กลับมามีกำลังต่อสู้กับด้านมืดอีกครั้งได้ เพียงแต่ว่าต้องเข้าไปใช้ในระยะประชิดเท่านั้น" ยอนฮวาบอกกับเอโมสถึงหนทางช่วยเอ็กเตอร์

        "งั้นลุยกันเลย ว้าก!!!"เอโมส

        ผู้ครอบครองอาวุธวิเศษทั้งสองพุ่งกระโจนเข้าหากัน โดยเอโมสเป็นฝ่ายใช้โล่ห์ดันกระแทกตัวเอ็กเตอร์จนทั้งคู่ออกมาอยู่ภายนอกกระโจมท่ามกลางพายุสายฝนที่โหมกระหน่ำ เอโมสทำเช่นนี้เพราะไม่อยากให้ หลินและสองพี่น้องผู้ติดตามได้รับลูกหลงจากการต่อสู้

        เอ็กเตอร์ผู้ถือครองพลองทองของราชาวานร เป็นผู้เจนจัดมากประสบการณ์ในการรบ โรมรันหวดไม้กระบองไปที่เอโมสอย่างไม่ยั้ง กระบองทองทรงอานุภาพแม้ว่าศัตรูจะหลบออกมาห่างเพียงใดพลองทองก็จะยืดหดตามระยะห่างได้ทันที

        ส่วนเอโมสผู้ถือครองโล่ห์อีจิส มีทักษะการป้องกันที่สูงมาก ตัวเค้าสามารถรับมือการจู่โจมจากเอ็กเตอร์ได้ทุกรูปแบบ และคอยมองหาช่องว่างเข้าไปจับตัวเอ็กเตอร์ จนเอ็กเตอร์ที่จิตใจตอนนี้มีแต่ความเกรี๊ยวกราดได้ปลดปล่อยพลังของพลองทองออกมา นั้นคือการแยกร่างเป็น 5 ร่าง

        "ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าอยากรู้ว่าเจ้าจะหลบไปได้ถึงไหนเอโมส" เอ็กเตอร์คำรามลั่น

        "  --บทเพลงแห่งความเที่ยงแท้-- " ยอนฮวาเริ่มบรรเลงเพลงอีกครั้งโดยมีทวงทำนองเปลี่ยนไปจากเดิม


        เอกเตอร์หัวเราะได้เพียงไม่นานก็ต้องเงียบกริบเมื่อร่างแยกสลายไปหมด ด้วยบทเพลงของยอนฮวา

        ยอนฮวาผู้ครอบครองอัญมณีหัวใจมหาสมุทร แม้จะสู้รบไม่เก่งแต่ในเรื่องสนับสนุนการต่อสู้ เธอไม่เป็นสองรองใคร ถ้าได้สู้ร่วมกับเธอพลทหารธรรมดาๆก็กลายเป็นยอดนักรบได้ไม่ยาก ไม่ต้องพูดถึงการสนับสนุนคนที่มีพลังสูงอย่างเอโมสเลย การต่อสู้เป็นไปในลักษณะนี้เพียงไม่นาน เอโมสก็จับตัวเอ็กเตอร์ให้ยอนฮวาเข้าถึงตัวได้

        "ด้วยพลังของหัวใจมหาสมุทร จงขจัดความมืดและนำทางให้ท่านเอ็กเตอร์กลับคืนสู่แสงสว่างด้วย" ยอนฮวาไม่รอช้ารีบหยิบเอาอัญมณีที่ส่วมใส่วางบนหน้าผากของเอ็กเตอร์พร้อมร่ายมนต์ทันที ด้วยมนต์นี้จะทำให้ผู้ถูกควบคุมจิตใจกลับมามีสติได้อีกครั้ง........

        .......แต่ทว่าทุกสิ่งกลับไม่เป็นดั่งที่ยอนฮวาคาดการณ์

        "ข้าเสียใจด้วยนะยอนฮวาแต่ว่ามันไม่ได้ผลหรอก นั้นเพราะข้าไม่ได้ถูกควบคุมจิตใจ แต่ข้าสมัครใจให้ซาคิวบัสควบคุมเองตั้งหาก" ชั่วพริบตาที่เอ็กเตอร์เหมือนจะมีสติก็ได้บอกกับยอนฮวาด้วยน้ำเสียงอย่างคนปกติ ก่อนจะสะบัดเอโมสออกไป และคว้ามือยอนฮวาแย่งเอาอัญมณีพร้อมๆถีบเธอออกไปจนยอนฮวาสลบ

        "หมดตัวขวางไปอีกหนึ่ง" เอ็กเตอร์กลับมาสู่ด้านมืด มีสีหน้าและน้ำเสียงเหี้ยมโหดอีกครั้ง
 
        "นี้ท่านแค้นข้าถึงเพียงนี้เชียวหรือ? มันก็สมควรแล้วเพราะว่าข้าไม่สามารถปกป้องใครได้เลย หากว่าข้าตายท่านจะยอมหยุดไหม?" เอโมสถามเอ็กเตอร์อย่างเสียใจในความผิดของตัวเองและอยากให้เรื่องนี้มันจบลงเสียที

        "หึหึ พอฆ่าเจ้าแล้ว นังแพศยาในกระโจมนั้น จะเป็นรายต่อไป แต่ข้าจะให้มันผลิตลูกชดเชยให้กับข้าเสียก่อน ฮ่าฮ่าฮ่า นังเด็กปากดีคนนั้น แล้วก็นังนักดนตรีที่ไม่คู่ควรกับตำแหน่งของมัน ข้าจะให้พวกมันทรมาณยิ่งกว่าตาย ฮ่าฮ่าฮ่า ทั้งหมดเลย โลกต้องชดเชยให้กับข้า ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ที่นี้เจ้าจะสู้กับข้าได้หรือยัง" เอ็กเตอร์ตาขวางกล่าวถึงหลิน คาร์เท ยอนฮวา อย่างบ้าคลั่ง

        "ข้าคงยอมให้เป็นเช่นนั้นไม่ได้ ท่านเอ็กเตอร์เตรียมรับมือ" เอโมสตั้งท่าเตรียมต่อสู้

--- จบตอนที่ 8 ---

naitoom

เอาชื่อลูกมาใช้เพื่อซื้อเวลาจากพ่อ...จะได้นานซักแค่ไหน