ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

ศึกหมอผี ตอน ล้างพันธุ์เขี้ยวนรก ตอนที่ ๒

เริ่มโดย นีโอ, ตุลาคม 22, 2016, 09:47:52 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

นีโอ



กดอ่านก่อนอ่านผลงาน อาจารย์พี่นีโอ


ในราตรีที่เงียบสงัด  ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่า  เงาทั้งหลายตามทางเปลี่ยวนั้นเป็นของใคร
ระหว่าง  นักฆ่า  และ นักล่า  ที่ไม่ใช่มนุษย์
ลืมทุกสิ่งที่คุณเคยได้รู้    แวมไพร์  มีอยู่จริง 
พวกมันแฝงอยู่ใกล้ๆตัวของคุณ   และพร้อมที่จะหยิบยื่นความตายให้คุณได้ทุกเมื่อ 

   
<>::<>::<>::<>::<>::<>

บทนำ

"มึงแน่ใจเหรอว่าบ้านนี้ไม่มีใครอยู่อีกนอกจากนังนั่นคนเดียว?"           
เสียงเด็กหนุ่มวัยรุ่นหนึ่งในสามถามขึ้นขณะที่มุดตัวลอดผ่านรั้วไม้ผุๆที่ล้อมรอบบ้านหลังหนึ่งเอาไว้
เพื่อนของคนนำหน้าเข้าไปหันมาทำตาเขียวพร้อมกับพูดเสียงดุ "ก็กูบอกแล้วไง  ว่าบ้านนี้มีแค่ผู้หญิงคนเดียว"
"ไอ้ทีกับกูมาดูลาดเลาหลายวันแล้ว  ไม่มีใครเลยจริงๆ" เพื่อนอีกคนแทรกบอกให้ความมั่นใจ

ทั้งสามคุยกันเบาๆพลางซ่อนตัวกับพุ่มไม้และกวาดตามองไปรอบๆตัวอย่างระวังก่อนที่คนหนึ่งจะวิ่งนำ หน้าเพื่อนทั้งสองผ่านสนามหญ้ากว้างและไปแอบอยู่ที่มุมหนึ่งของตัวบ้าน เด็กหนุ่มวัยรุ่นทั้งสามย่อตัวลงและมองไปรอบๆอีกครั้ง  พวกนี้คือขี้ยาประจำย่านที่มักเข้าตัดช่องเบาตระเวณขโมยทรัพย์ตามบ้านเรือนของผู้คน  เมื่อได้ก็เอาไปขายและเอาเงินไปเที่ยวเตร่ตามสถานบันเทิงหรือไม่ก็ชื้อยาบ้าเสพกัน         
"บ้านเก่าขนาดนี้คงไม่มีของมีค่าอะไรละมั้ง.." เจ้าโจรย่องเบาคนเก่ายังบ่น "มึงจะทำให้พวกกูเสียเวลาไปเปล่าๆนะไอ้ที"
"อย่าโง่ไปหน่อยเลยน่าไอ้วัฒน์  มึงเห็นบ้านเก่าๆแบบนี้มึงรู้ไหมว่าของมีค่าอื้อเลย"
"มึงรู้ได้อย่างไง  ถ้ามันมีเงินจริงมันคงซ่อมรั้วไปแล้ว  ไม่ปล่อยให้ผุจนพวกเราลอดเข้าได้ง่ายๆหรอก"
"มันเพิ่งมาอยู่แค่อาทิตย์เดียว คงยังไม่มีเวลาซ่อมน่ะ  มึงเข้าไปดูข้างในก่อน  แล้วจะรู้"
หนึ่งในสามย่องไปยืนที่หน้าต่างและชะเง้อมองผ่านช่องกระจกเข้าไปด้านใน จอมวายร้ายยิ้มเมื่อมันไม่พบใครสักคน
"เยี่ยม   อีนั่นคงเข้านอนแล้วพวกเราเข้าไปขนของกันเถอะ"
"เฮ้ย...เดี๋ยวก่อน   ดูให้ดีๆว่ามันนอนหลับแล้วหรือยัง  เกิดมันตื่นมาเจอพวกเราละยุ่งเลยนะ"คนหนึ่งพูดด้วยสีหน้ากังวล
แต่เจ้าคนพามากลับยิ้ม "ไม่ต้องกลัว  อีนี่มันรูปร่างดีหุ่นอย่างกะนางแบบ  มันตื่นมาเจอก็จับเย็ดเลยสิวะ ทำอย่างคราวก่อนไง ที่พวกเรารุมโทรมอีลูกสาวเจ้าของบ้านที่เรางัดเข้าไปแล้วมันตื่นมาเจออ่ะ  ถือว่าเป็นของแถม.."
"อื่อๆๆ ดีๆๆๆ มึงคิดได้ดี  รีบๆเข้าเหอะ..." เพื่อนของมันเร่ง

แล้วโจรย่องเบาขี้ยาก็หันไปหลิ่วตาให้กับเพื่อนอีกคนก่อนจะเริ่มต้นงัดหน้าต่างและเปิดออกอย่างเบามือที่สุด ด้วยขนาดรูปร่างที่ปราดเปรียวตามวัย  เด็กวัยรุ่นทั้งสามจึงสามารถลอดผ่านช่องหน้าต่างเข้าไปในบ้านได้ไม่ยากเย็นนัก พวกมันเข้ามาแล้วก็หยุดยืนมองข้าวของเครื่องใช้ที่วางประดับอยู่ภายในห้องนั่งเล่น  พอได้เห็นถึงกับตาโต
เจ้าคนหนึ่งกับอุทานออกมา "สุดยอด นี่มันเครื่องเงินทั้งหมดเลยใช่ไหมเนี่ย"
เจ้าคนด้านข้างรีบเดินไปหยิบเชิงเทียนอันหนึ่งขึ้นมาและพลิกดูลวดลายอันงดงามอย่างชื่นชม

"แค่ชิ้นเดียวก็มีกินไปได้หลายวันเลยล่ะโว้ย..."
           
ทั้งสามคนยิ้มกว้างอย่างยินดีราวกับเจอขุมทรัพย์  เพราะข้าวของเครื่องประดับและตกแต่งภายในบ้านล้วนเป็นของหายากและมีราคาสูงในตลาดมืด  พวกมันเดินแยกย้ายกันสำรวจดูขณะที่เจ้าคนหนึ่งเดินผ่านไปยังอีกห้อง มันส่งเสียงอุทานออกมาไม่ดังนักก่อนจะร้องเรียกเพื่อนให้ตามมาอย่างตื่นเต้น
           
"เฮ้ย...เข้ามาดูอะไรนี่เร็ว"
           
พอได้ยินเสียงเรียก  เจ้าสองคนก็รีบเดินตามเข้าไปดู  ทั้งคู่เบิกตากว้างด้วยความดีใจเมื่อพบว่าทั้งห้องถูกประดับประดาด้วย อัญมณี หลายสีหลายขนาด มันส่องประกายระยิบระยับสะท้อนกับไฟฉายที่พวกมันทั้งสามฉายส่องจนแพรวพราวละลานตา ทำให้มันทั้งสามยินดีปรีดาฝันหวานถึงเงินก้อนโตที่จะมีใช้อย่างปรีดิ์เปรม 

เจ้าคนผอมแห้งถึงกับอ้าปากค้างและพูดออกมา "แม่จ้าว...นี่มันห้องอะไรกันวะ" มันเดินเข้าไปหยิบแจกันประดับพลอยขึ้นมาลูบ "อีเจ้าของบ้านคนนี้คงเป็นพวกบ้าเพชรบ้าพลอยแน่ๆและคงจะรวยมากๆเลย"
"จะเป็นอะไรยังไงก็ช่าง พวกเรารีบขนมันไปให้หมดดีกว่า" เจ้าคนหนึ่งพูดพร้อมกับดึงถุงผ้าใบโตออกมา
เพื่อนทั้งสองพยักหน้า "เห็นด้วย...."

แล้วทั้งหมดก็หยิบถุงออกมาและเริ่มลงมือกวาดเครื่องประดับที่วางอยู่บนโต๊ะ  ทั้งสามปฏิบัติการอย่างรวดเร็วและยังหยิบเครื่องตกแต่งที่แขวนบนผนังห้องยัดใส่ตามลงไปด้วย แต่ก็มีเจ้าคนหนึ่งนั้นเดินไล่เก็บของไปอีกมุมหนึ่งของห้องและไปสะดุดหยุดจ้องภาพเหมือนของผู้หญิงคนหนึ่ง  มันเพ่งมองอย่างสนใจ
           
"รูปวาดนี่เหมือนคนจริงๆเลย" มันพูดขึ้นเบาๆแต่ดูเหมือนเพื่อนทั้งสองจะไม่ใส่ใจ

เนื่องจากทั้งสองมัวแต่โกยของมีค่า ใส่ถุงกันอย่างเอาเป็นเอาตาย เจ้านั่นจึงยักไหล่และหันไปมองรูปอย่างพิจารณาอีกครั้ง มันยืนจ้องใบหน้าของผู้หญิงในภาพและผวาเฮือกเมื่อเห็นลูกตาของภาพวาดมันกำลังกลอกไปมา เจ้านั่นอ้าปากค้างและก้าวถอยหลัง แต่ก็มีมือยาวใหญ่ยื่นออกมาจากภาพนั้นทันทีเพียงแค่มันขยับตัว  และกระชากร่างของมันหายไปในกรอบรูป
           
"กูเก็บของตรงนี้หมดแล้ว" เจ้าคนหนึ่งพูดขึ้นขณะที่มัดปากถุงและทำท่าจะลากออกไปจากห้อง

มันหันมามองเพื่อนร่วมงานที่กำลังหยิบกล่องเครื่องประดับโยนลงไปในถุงพลางกวาดตามองหา เพื่อนอีกคน

"ไอ้ชัยหายไปไหน"
  "หือ...อะไรหรอ" เจ้าเพื่อนที่เหลืออยู่ย้อนถามพร้อมกับเงยหน้าขึ้น
มันหันมองไปโดยรอบ "เมื่อกี้ไอ้ชัยมันยังอยู่ตรงนี้เลยนี่นา"
"ถ้ามันยืนอยู่ตรงนั้นแล้วตอนนี้มันหายไปไหน" เจ้านั่นถามด้วยเสียงฉุนเฉียว

เจ้าคนถามเริ่มสงสัยก่อนจะเดินหาและไปหยุดยืนหน้ารูปภาพและพยายามมองหา

"มันหายไปไหนของมัน" มันบ่นพลางหมุนตัวหันกลับไปทางเพื่อนที่ยังอยู่ "ไอ้นี่... แอบไปเย็ดเจ้าของบ้านแล้วมั้ง.."
"คงจะอย่างงั้น...อะ....อ้า...นั่น..."

เพื่อนของมันทำท่าจะพูดแต่กลับเปลี่ยนเป็นอ้าปากค้างเมื่อเห็นอะไรบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวอยู่ทางด้านหลังของมัน  เจ้านั่นขยับถอยหลังพร้อมกับยกมือขึ้นชี้ตรงไปที่เพื่อนของตนยืนอยู่

มันพูดเสียงสั่น "อะ...ไอ้ที... ข้างหลังมึง..."
  "อะไรวะ?"
           
โจรย่องเบา พูดออกมาได้เพียงเท่านั้นก็ต้องส่งเสียงร้องออกมาเมื่อมีมือเต็มไปด้วยขนหยาบๆ พุ่งมาจากทางด้านหลังรัดคอและรั้งร่างของมันเอาไว้แน่น เจ้าโจรย่องเบามองไปที่เพื่อนด้วยหวังจะให้ช่วยแต่เพื่อนของมันกลับวิ่งไปที่ หน้าต่างและมุดหนีออกไปอย่างรวดเร็วเสียยิ่งกว่ากามนิตหนุ่มแล้ว...

แต่มันก็ยังตะโกนตามร้องให้ช่วยเสียงดังลั่น  "ไอ้วัฒน์...อย่าเพิ่งไป   กลับมาช่วยกูก่อน..."
         
แต่เพื่อนของมันก็วิ่งไปไม่หันหลังกลับมา  เจ้าโจรย่องเบาพยายามดิ้นอย่างสุดฤทธิ์แต่มันก็ต้องสะดุ้งเฮือกสุดตัวเมื่อแผ่นหลังถูกอะไรบางอย่างแทงทะลุเข้าไปในเนื้อ และรู้สึกเหมือนกำลังถูกของมีคมชำแหระเข้าไปในตัว เพียงชั่วอึดใจทั่วทั้งร่างของเขาก็เริ่มร้อนขึ้น  เจ้าโจรย่องเบารู้สึกราวกับว่าประสาทสัมผัสทั้งหมดกำลังมลายหายไป ขาทั้งสองข้างอ่อนแรงและกำลังทรุดล้มลง  และมือที่มีกรงเล็บแหลมๆทะลุออกมาที่กลางอกของมัน  เลือดสดๆไหลทะลักจากบาดแผลและปาก

ก่อนที่ความรู้สึกจะดับวูบ  อุ้งมือนั้นก็ถูกดึงออกจากร่างของมันแล้วปล่อยร่างของมันลงกองบนพื้น แต่มันยังแว่วเสียงฝีเท้าที่ดังใกล้เข้ามาทำให้เจ้าโจรวัยรุ่นพยายามเปิดตามอง  ร่างของหญิงสาวคนหนึ่งปรากฏขึ้น หัวใจของมันแทบจะหยุดเต้นเมื่อพบว่าตั้งแต่ช่วงเอวของเธอลงไปนั้นไม่ใช่ท่อนขาที่เรียวงาม แต่เป็นลำตัวสีดำสนิทคล้ายๆกับช่วงล่างของขาหมาป่า...
           
เจ้าคนที่รอดออกไปได้วิ่งเตลิดไปตามถนนอันมืดมิด ความหวาดกลัวในสิ่งที่ได้พบทำให้มันวิ่งจนสุดฝีเท้าจนกระทั่งผ่านไปได้สัก ระยะเจ้าโจรดวงซวยจึงหันไปมองทางด้านหลัง เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครตามมามันจึงชะลอฝีเท้าลง  มันมาหยุดยืนพิงต้นไม้และหอบหายใจราวหมาหอบแดด ภาพของเพื่อนที่ถูกผู้หญิงในรูปกางอุ้งมือที่มีขนปกคลุมและเล็บแหลมคมออกมาแทงทะลุอก  ทำให้มันหวาดกลัวจนตัวสั่น   เจ้าโจรหนุ่มทรุดตัวนั่งลงและเริ่มต้นร้องไห้สะอื้น
           
"นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน" มันพึมพำออกมาพร้อมกับยกมือขึ้นปิดหน้า "ในบ้านนั้นมันมีตัวอะไรกันวะ.."
"ถ้าอยากรู้นัก ข้าก็จะพาไปดูเอาไหม..." เสียงต่ำทุ้มเย็นเยือกดังขึ้นตรงหน้าของมัน

เจ้าโจรวัยรุ่นสะดุ้งสุดตัวและเงยหน้าขึ้นทันที   โจรหนุ่มอ้าปากค้างเมื่อเห็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ผมยาวปะไหล่ใบหน้าขาวซีดสวมเสื้อคลุมสีดำกำลังยืนมองอยู่  มันรีบลุกยืนขึ้นทันทีเมื่อเห็นชายคนนั้นแสยะยิ้มอย่างน่ากลัว 

เสียงแหบๆบอกย้ำ "มาสิ ไปดูด้วยกัน"
           
น้ำเสียงช่างเย็นยะเยือกไปจับขั้วหัวใจ  ขณะที่ร่างนั้นเดินเข้ามาใกล้และยื่นมือเข้าไปหาเจ้าโจรหนุ่ม
เจ้าโจรหนุ่มสั่นหน้าขณะก้าวถอยหลัง  มันร้องสะอื้นออกมาอย่างหวาดกลัวก่อนจะร้องตะโกนสุดเสียง
           
"ไม่...................."

เจ้าโจรขี้ยารีบหันหลังเตรียมจะวิ่งหนีแต่ยังช้ากว่าอีกฝ่าย ชายคนนั้นกางกรงเล็บออกและคว้าเส้นผมของมันเอาไว้พร้อมกับกระชากอย่างแรง เสียงคล้ายผ้าถูกฉีกดังขึ้น ละอองเลือดกระเซ็นไปจนทั่ว ร่างของโจรดวงซวยล้มฟาดกับพื้นและสั่นกระตุกสองสามครั้งก่อนจะแน่นิ่งไป ชายผู้นั้นยิ้มกว้างขณะที่โยนหนังศีรษะของคนเคราะห์ร้ายขึ้นไปบนต้นไม้และก้มตัวลงคว้าลำคอของร่างเคราะห์ร้ายแล้วลากกลับไปยังบ้านหลังที่โจรวัยรุ่นทั้งสามเพิ่งงัดเข้าไปอย่างเงียบงัน




________________________________________

ศึกหมอผี  ตอนที่  ๒
เพชรฆาตในความมืด   (   The Dark  Hunter. )
________________________________________


สวนสาธารณะอัน เงียบสงัด   ในค่ำคืนแห่งหนึ่ง

ภายในสวนยามนี้ร้างไร้ผู้คนสัญจร  ลึกเข้าไปตรงสวนไม้ด้านใน  กระเป๋าถือ  รองเท้าส้นสูง ตกหล่นราวถูกขว้างทิ้งเพราะเจ้าของไม่ใยดี  แต่ก็มีเสียงคำรามดังสลับกับเสียงฉีกกระชากเนื้อดังมาจากพุ่มไม้หนากลางสวนสาธารณะ แสงไฟจากเสาสลัวส่องกระทบร่างอมนุษย์ขนาดยักษ์ที่กำลังโยกตัวอย่างบ้าคลั่งอยู่ บนร่างที่เต็มไปด้วยเลือดของหญิงสาวซึ่งเป็นเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย มันเงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์ที่ลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้าและอ้าปากร้องส่งเสียงโหยหวนชวนขนลุกออกมา 

แต่เสียงฝีเท้าที่ย่ำพื้นหญ้าทำให้เจ้าอสูรร้ายชะงักการกระทำของมันและหันหน้า ไปมอง
"มาช้าไปอีกแล้ว  แกไอ้สัตว์โสโครก.."เสียงพูดเอ่ยขึ้นไม่ดังนัก

สัตว์อสูรร่างยักษ์มองร่างในชุดเสื้อคลุมสีดำสนิทซึ่งยังคงยืนนิ่ง
ดวงตาปูดโปนลุกแดงด้วยความโกรธที่ถูกขัดจังหวะ มันลุกขึ้นและกระโจนเข้าใส่คนผู้นั้นทันที
"เข้ามาเลย....ไอ้เดรัชฉานชั้นต่ำ" เสียงก่นด่าดังขณะที่เบี่ยงตัวหลบ

กรงเล็บของสัตว์นรกตัวนั้นจึงฝังลึกลงไปในดิน มันร้องลั่นด้วยความโกรธจัดก่อนจะตะกุยพื้นบริเวณนั้นจนกระจุยกระจาย อสูรร้ายหันกลับไปมองคู่ต่อสู้ของมันและแยกเขี้ยวคำราม  ผู้ที่มาคือหญิงสาวในชุดหนังรัดรูปสีดำหน้าตาเรียบเฉยแววตาเย็นชา  เธอยืนเผชิญหน้าเจ้าสัตว์ร้ายอย่างไม่หวาดหวั่น  เจ้าสัตว์ร้ายย่างวนรอบๆตัวของเธอแล้วขู่คำราม
"โฮ้ก..ก..ก.ก..ก..ก....ก์...กร...ร.ร.ร..ร.ร..ร...."           
"อย่ามัวแต่เห่าขู่   ข้าไม่กลัวแกหรอก.." หญิงสาวผู้นั้นพูดอย่างรำคาญขณะที่มือข้างหนึ่งดึงวัตถุสีเงินแวววาวออกมา

สัตว์นรกตัวนั้นร้องกรรโชกเสียงดังและพุ่งเข้าใส่ร่างนั้นอย่างรวดเร็ว  หญิงสาวผู้นั้นเงื้ออาวุธในมือขึ้นแต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรก็ต้องชะงักเพราะเท้าพลาดตกหลุมตอนก้าวถอยหลัง   แต่ก่อนจะขยับอีกก็มีเงาร่างขนาดใหญ่กระโดดออกมาจากพุ่มไม้และชนกับอมนุษย์ตัวนั้นอย่างแรงจนล้มกลิ้งไปด้วยกัน และเมื่อทั้งคู่ตั้งหลักได้ก็ตั้งหน้าตั้งตาต่อสู้กันอย่างดุเดือดโดยไม่ สนใจว่าจะมีใครอยู่แถวนั้น เสียงถอนใจอย่างเบื่อหน่ายดังขึ้นมาจากร่างในชุดดำ
           
"บ้าจริงๆ..." หญิงสาวบ่นพึมพำออกมา

ระหว่างร่างใหญ่ๆคล้ายๆกันสองร่างกำลังฟัดกันนัวเนีย  หญิงสาวหันมองไปโดยรอบและก้มลงหยิบท่อนไม้ขนาดเหมาะมือขึ้นมา หญิงสาวกระโดดหลบการต่อสู้อันบ้าคลั่งของทั้งสองพร้อมกับเงื้อไม้ในมือขึ้นและฟาดลงไปบนหัวของคนที่เข้ามาขวางเต็มแรง เสียงร้องโอดโอยดังลั่นขณะที่ร่างกำยำทรุดล้มลง เจ้าอมนุษย์เห็นดังนั้นจึงรีบกางเล็บออกหมายจะฉีกเนื้อของอีกฝ่ายให้กระจุย แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรมันก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อถูกวัตถุสีเงินแทงทะลุอก

เจ้าสัตว์ร้ายอ้าปากค้างและก้มหน้าลง มันทันได้เห็นดาบสีเงินที่กำลังถูกดึงออกไปจากร่าง ดวงตาแดงก่ำเบิกค้างเมื่อหญิงสาวหมุนดาบเป็นวงและตัดคอของมันจนขาดกระเด็น ร่างไร้หัวยืนโงนเงนอยู่ครู่หนึ่งจึงล้มลง มันแปรสภาพกลับไปเป็นมนุษย์เช่นดังเดิมหญิงสาวมองร่างนั้นด้วยสีหน้าเรียบเฉยก่อนจะสะบัดดาบของตนแล้วเก็บเข้าฝัก  ระหว่างนั้นร่างไร้หัวก็ค่อยๆสลายกลายเป็นเถ้าไป

คล้อยหลังแค่อึดใจ  รถตู้สีดำคันหนึ่งวิ่งเข้ามาจอด ชายฉกรรจ์สี่ห้าคนวิ่งกรูกันออกมาและลงมือจัดการกับซากร่างของอมนุษย์และเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายอย่างรวดเร็ว
           
" เธอนอกคำสั่งอีกแล้วนะ " คนที่ดูเหมือนจะมีอาวุโสมากที่สุดเอ่ยขึ้น "มันไม่ได้อยู่ในแผนของเราเลย"
"แต่ก็เป็นสิ่งที่เราต้องทำไม่ใช่หรือ?" หญิงสาวถามกลับ
ชายอาวุโสถอนหายใจ "ถ้าอย่างนั้นรีบไปกันเถอะ  เราเสียเวลามามากแล้ว"
  "ฉันคงจะทำได้เร็วกว่านี้ถ้าไม่มีคนบ้าเข้ามาขวาง" หญิงสาวตอบเสียงเรียบ
"อะ...อูย...ย์....ทำไมถึงทำกับฉันได้...." เสียงครางดังขึ้นไม่ห่าง

ทั้งสองหันไปตามเสียง  ดวงตาหญิงสาวชำเลืองไปยังชายร่างใหญ่ที่กำลังเดินโซเซเข้ามา

"ก็แค่เข้ามาช่วย" เขาพูดขึ้น "ทำไมต้องตีหัวกันด้วย"
   "นั่นสิแคท ทำไมต้องทำร้ายแจ๊กค์ด้วย พวกเดียวกันแท้ๆ"
   "เป็นวิธีหยุดความบ้าคลั่งของพวกคนบ้าพลังที่ไม่เจียนตัว" หญิงสาวบอกพลางเมินหน้าหนีไปอีกด้าน

ชายหนุ่มกัดฟันจ้องหน้าหญิงสาวเขม็ง  "พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง"
"ก็หมายความอย่างที่พูด" หญิงสาวตอบอย่างไม่แยแส
เขายื่นมือไปคว้าคอเสื้อของหญิงสาวและเขย่า "อุตส่าห์หวังดีเข้ามาช่วยแท้ๆจะขอบใจกันสักคำก็ไม่มี ยังจะมาผมว่าแส่อีก"
  "จำไม่ได้ว่าเคยขอให้ใครช่วยตอนไหน" เธอปัดมือของเขาออก"โดยเฉพาะพวกนักล่าเห็นแก่เงิน"
"ผมว่าคุณนี่คงมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพจิตนะ  น่าจะลองหัดเข้าสังคมหรือคุยกับคนอื่นเพื่อระบายสิ่งอัดอั้น  และที่สำคัญควรเคารพผู้ร่วมงานบ้าง" ชายหนุ่มพูดแนะนำตามนิสัยช่างจ้อ
หญิงสาวตอบไม่มองหน้า "เรื่องไร้สาระ  ฉันทำไม่เป็นหรอก  แต่มันเหมาะกับพวกชอบทำตัวเด่นอย่างนาย"
"แคท...คุณนี่นับวันจะทำตัวไม่เหมือนมนุษย์ไปทุกทีแล้วนะ.."
"นายว่าไงนะ?" หญิงสาวจ้องหน้าชายหนุ่มตาดุๆ

ทั้งสองคงจะเถียงกันอีกนานหากชายชราที่ยืนอยู่ด้วยไม่ร้องห้าม

  "พอแล้วเด็กๆ...."
"......................." ทั้งสองจึงหยุดเถียงมองไปคนละทาง

เขามองหน้าหนุ่ม – สาวทั้งสองอย่างนึกระอาก่อนจะหันไปมองคนที่มาด้วยกัน

"เก็บกวาดเสร็จเรียบร้อยแล้วหรือ"
"เรียบร้อยครับ  คุณ ดัลกลิช..." ชายคนนั้นทำท่าลังเล "แต่พวกเราหาแขนข้างขวาของของผู้เคราะห์ร้ายไม่พบ"
"คงถูกเจ้ามนุษย์หมาป่านั่นกินเข้าไป" ชายชราชื่อ ดัลกลิชพูดด้วยสีหน้าครุ่นคิด

เขากวาดตามองไปโดยรอบอีกครั้ง  แล้วเขาก็ออกคำสั่ง
"ถ้าอย่างนั้นก็ไปกันต่อได้แล้ว"
           
เมื่อเขาสั่งเสียงเรียบร้อยก็หันหลังจะเดินไปขึ้นรถ  แต่ก็เห็นชายหนุ่มนักล่าเดินตามหลังหญิงสาวแล้วทำท่าเหมือนอยากจะเข้าไปหักคอของเธอ  ชายชราส่ายหัวแล้วเดินตามไปข้างหลังพลางกระชากคว้าคอเสื้อของเขาเอาไว้
           
ชายหนุ่มกัดฟันกรอด  แต่ชายชราว่า "ไปขึ้นรถ"
           
เสียงสั่งห้วนสั้นขณะที่พยายามลากร่างที่สูงใหญ่กลับไปที่รถ  หญิงสาวทำไม่สนใจแล้วรีบเดินอ้อมไปอีกด้านและขึ้นไปนั่งข้างคนขับโดยไม่พูดอะไร ชายที่มากับรถตู้หันไปมองหน้ากันก่อนจะเลื่อนสายตาไปยังชายชราผู้บัญชาการสูงสุด  เขาส่ายหน้าพร้อมกับยิ้ม  คนขับรถพยักหน้าแล้วก็ขับออกไป
 
รถตู้วิ่งออกไป  ชายต่างวัยทั้งสองมองตามจนลับตา
ชายชราหันมาบอกชายหนุ่ม         
"นิสัยของแคทก็เป็นแบบนี้ อย่าไปใส่ใจเลย" เขาตบบ่าของชายหนุ่มสองสามครั้ง "ขอบใจเธอมากที่ช่วยแคทไว้"
"ผมไม่ได้ทำอะไร" ชายหนุ่มพูดเสียงขุ่นขณะที่ปัดผมที่รุงรังไปทางด้านหลังให้เข้าทรง
ชายสูงอายุยิ้มอย่างรู้ทัน  "ถ้าไม่ใช่เพราะเธอเข้าไปขวาง มนุษย์หมาป่าตัวนั้นคงกัดแคทเหวอะไปทั้งตัวแล้ว"
"คุณรู้ด้วยหรอ?"
"ถึงฉันไม่ใช่นักล่า แต่ก็ออกภาคสนามมาก่อนเธอเกิดเสียอีก  ทำไมจะดูไม่ออก และแคทเองก็รู้.."
"แต่ก็ไม่ได้ขอบใจผมสักนิด แถมยังดูถูกกันด้วยซ้ำ"
ชายหนุ่มขึ้นไปนั่งบนรถตู้แล้วกระแทกตัวพิงพนักด้วยความรู้สึกโกรธ
เขาอึ้งไปเล็กน้อยเมื่อชายผู้สูงวัยที่ขึ้นมานั่งด้วยพูดเสียงเรียบ "เขารู้ดี แต่คงต้องรอให้โลกแตกก่อนถึงจะกล้าพูดขอบใจเธอ"
"เขาไม่เคยพูดขอบใจใครเลยหรือครับ" ชายหนุ่มทวนคำขณะที่เลื่อนสายตาไปยังรถตู้หน้า
ชายสูงวัยผงกศีรษะรับ "แคทก็แค่เป็นคนปากหนัก ฉันเลี้ยงเขามากับมือย่อมรู้ดีที่สุด"
"แล้วเขามีปัญหากับผู้ร่วมงานก่อนหน้านี้มาตลอดหรือเปล่า?"
"ไม่เคยมี..." ชายสูงวัยบอกยิ้มๆ
"หรือเขาไม่ชอบหน้าผม?"
"ไม่ใช่หรอก..." ชายสูงวัยส่ายหน้า
"แล้วทำไมเขาถึงมักมีปัญหากับผม  ทีคนก่อนๆถึงไม่มี" ชายหนุ่มถามเซ็งๆ
"ที่ไม่มีเพราะเขาไม่เคยร่วมงานกับใคร  เขาลุยคนเดียวตลอด"
คำตอบทำเอานักล่าหนุ่มอึ้ง "............"

เขาตบบ่าชายหนุ่มอีกสองสามครั้ง
"เขาแค่วางท่าขึงขังไปอย่างนั้นเองที่จริงแล้วก็ไม่มีอะไร ทำใจให้สบายเถอะนะอย่าไปคิดมาก"
"อย่าคิดมากหรอ..."
"อื่อ...อย่าคิดมาก" ชายชราย้ำแล้วยิ้มขำๆ
           
พูดจบชายสูงวัยก็เอนตัวพิงพนักและหลับตานิ่งไปคล้ายพักผ่อน
ชายหนุ่มมองเขาด้วยสายตาสำนึกในบุญคุณเมื่อนึกถึงตอนที่ชายผู้สูงวัยผู้นี้ช่วยเหลือฝึกฝนตนมา
ชายหนุ่มเลื่อนสายตามองไปที่รถคันหน้าอีกครั้ง เขาถอนหายใจยาวๆ
           
"อย่าคิดมากหรอ....ถ้าคิดมากผมคงเลิกร่วมงานกับหล่อนไปนานแล้ว...."

ชายหนุ่มบ่นพึมพำก่อนจะเอนตัวพิงพนักตามและหลับตาลง

"อารมณ์ผู้หญิงนี่ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เข้าใจยากจริงๆ"

<>::<>::<>::<>::<>::<>

ในยามค่ำคืน ท้องถนนที่เคยมีรถยนต์วิ่งมาอย่างคับคั่งกลับว่างเปล่าและเงียบสงบ ยิ่งเมื่อล่วงออกมาพ้นเขตเมืองด้วยแล้วถนนทั้งสายดูมืดและเปลี่ยวจะแทบจะไม่มี ผู้ใดกล้าขับรถผ่านนอกจากรถตู้สีดำสนิทที่มุ่งหน้าตรงไปยังโกดังร้างซึ่งตั้งอยู่รอบนอกของเมือง  คนขับรถหักพวงมาลัยรถซึ่งยังคงวิ่งด้วยความเร็วค่อนข้างสูงเลี้ยวเข้าไปในถนนขนาด เล็ก เขาชำเลืองตามองหญิงสาวที่กำลังนั่งจ้องแสงไฟที่กระพริบเป็นจังหวะอยู่บน เครื่องรับขนาดเล็กอยู่ครู่หนึ่งจึงพูดขึ้นมา
           
"นั่นเป็นสัญญาณจากเครื่องจับเจ้าพวกแวมไพร์หรือครับ"
           
แดนนี่คนขับรถเลิกคิ้วเล็กน้อยแต่ไม่รู้สึกแปลกใจอะไรนักที่ไม่มีคำพูดใดตอบกลับมาจากหญิงสาวที่นั่งด้านข้าง เขาเลื่อนสายตามองไปยังเบื้องหน้าและชะลอความเร็วของรถลงเมื่อเข้าใกล้เขตโกดัง
           
"ผมตื่นเต้นจริงๆนะนี่  ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมได้เข้าใกล้พวกแวมไพร์ที่สุด" เขาพยายามหาเรื่องพูดกับอีกฝ่าย
หญิงสาวหันมามอง สายตานั้นฉงน แต่ไม่มีคำตอบใดๆ "..................."
"เอ่อ...ขะ..ขอโทษ...ผะ..ผมตื่นเต้นจริงๆ" ไม่ มีคำพูดใดดังมาจากหญิงสาวอีกเช่นเคย

คนขับรถแดนนี่ถอนใจออกมาเบาๆขณะนึกถึงชายหนุ่มคนที่อยู่ในรถคันข้างหลัง  หากเป็นคนนั้นป่านนี้เขาคงสรรหาเรื่องมาพูดคุยอย่างสนุกสนานได้ตลอดเวลาชนิด ที่แทบจะทำให้เพื่อนร่วมงานลืมเรื่องสัตว์อันตรายที่พวกเขาจะต้องเจอเลยด้วย ซ้ำ ชายหนุ่มคิดพลางบังคับรถให้เลี้ยวเข้าไปในตรอกแคบๆและจอดพร้อมกับดับเครื่องยนต์  เขาดึงปืนขึ้นมาตรวจและทำท่าจะก้าวลงจากรถ

แต่ต้องชะงักเมื่อได้ยินหญิงสาวพูด เสียงเรียบ "คุณรออยู่ในรถนี่แหล่ะ.."
"แต่คุณดัลกลิชสั่งไว้ว่าให้คอยช่วยเหลือคุณ" แดนนี่รีบบอก
แต่อีกฝ่ายเหลือบสายตามามองเขา  "ไม่จำเป็น"

หญิงสาวเอ่ยบอกพลางเปิดประตูและก้าวลงจากรถ
เธอก้มหน้าลงมองเครื่องรับสัญญาณขนาดเล็กในมืออีกครั้งก่อนจะเก็บกลับเข้าไปในเสื้อ

"อีกหนึ่งชั่วโมงฉันจะกลับมา" หญิงสาวเอ่ยบอก
           
ร่างสูงระหงอวบอัดในชุดรัดรูปอวดสัดส่วนจนแทบล้นทะลักออกมาของหญิงสาวหายไปทันทีที่พูดจบ  ทิ้งให้แดนนี่ที่ยังคงนั่งอ้าปากค้างอยู่ในรถไว้เพียงลำพัง  ชายหนุ่มทำหน้าเซ็งๆและถอนใจออกมา  เพราะรู้ตัวดีว่าอย่างเขาคงไม่มีทางตามนักล่าแวมไพร์สาวผู้นี้ได้ทัน  แดนนี่จึงสตาร์ทรถอีกครั้งและขับออกไปหาที่จอดพรางตัวไม่ใกล้จากบริเวณนั่นตามคำสั่งของหญิงสาวที่บอกไว้
       
เวลาผ่านไป หนึ่งชั่วโมงกว่าๆ

แผนทลายโกดังร้างต้องล้มเหลว  เมื่อ ทีมล่าแวมไพร์ แบ่งกำลังบุกทั้งสองทางเข้าไปในโกดัง
ทว่ากลับพบแต่ความว่างเปล่า  ทั้งสองฝ่ายมาเจอกันตรงกลางโกดัง  มองสำรวจไปทางไหนก็มีความรกร้างและว่างเปล่า
พวก แวมไพร์ ไม่ได้อยู่ที่นี่ดังข่าวกรองแจ้งมา  ทำเอา นักล่าสาว และ ชายหนุ่มนักล่าค่าหัว เซ็งเป็ดไปตามๆกัน

เคนนี่  ดัลกลิช ได้รับรายงานขณะรออยู่ที่จุกพักรถ  เขารีบมุ่งหน้าตรงไปยังกระเป๋าของเขาภายในรถและเปิดแฟ้มเอกสารที่หยิบมาจากในนั้น  คิ้วเริ่มขมวดเข้าหากันหลังจากพลิกกระดาษไปสองสามแผ่น เขาทิ้งตัวนั่งลงบนลังไม้เก่าๆข้างรถพร้อมกับยกมือขึ้นกุมขมับ หลังจากครุ่นคิดไปได้ครู่หนึ่งเขาจึงหันไปหาเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง  และพยักหน้าเรียกเข้ามาหา

เขาเอ่ยสั่งว่า "เจอร์ราร์ด ไปบอกให้ แคท และแจ็กค์มาพบฉันที่นี่"
"ครับ"   ผู้ได้รับคำสั่งตอบ แล้วแจ้งเรียกไปทางวิทยุ

เมื่อสั่งเสร็จชายชราจึงเข้าไปนั่งรอในรถและหยิบแฟ้มเอกสารขึ้นมาอ่านอย่างละเอียดอีกครั้ง
จนกระทั่งผ่านไปราวห้านาทีเสียงเคาะประตูรถก็ดังขึ้นเขาจึงวางมันลงและพูดเสียงไม่ดังนัก
           
"เปิดได้เลย..."
           
ประตูของรถตู้ถูกเลื่อนเปิดออก  หญิงสาวซึ่งยังคงอยู่ในชุดหนังสีดำประจำตัว  มันดูคล่องตัวยามเคลื่อนกาย แต่ก็ยั่วยวนไม่เบาทั้งเกาะอกที่โชว์เนินอกขาวผ่อง กางเกงหนังรัดรูปเน้นสะโพกและเนินสาวอวบอูม เธอก้าวเข้ามายืนไม่ห่างจากช่องประตูของรถตู้ ส่วนชายหนุ่มซึ่งสวมเสื้อหนังและกางเกงยีนส์เดินตามเข้ามา  แต่เขากลับเลี่ยงไปอยู่อีกด้านห่างจากที่หญิงสาวยืนพอพอสมควร ทั้งสองทำท่าเหมือนไม่อยากเสวนาหรืออยู่ใกล้กันประมาณยังงอนๆกันอยู่
           
"คุณจะยกเลิกปฏิบัติการณ์หรือเปล่า?" หญิงสาวนักล่าเอ่ยถามขึ้น

ชายชราพยักหน้า "ก็คงต้องเลิกแล้วแหล่ะ  พวกมันรู้ตัว  จึงย้ายออกไปจากที่นี่หมดแล้ว"
"มันรู้ได้อย่างไร  ในเมื่อปฏิบัติการณ์ทุกอย่างเราต้องกรองหลายขั้น" ชายหนุ่มนักล่าอดถามไม่ได้
"อาจจะมีข่าวรั่ว  จากคนข้างใน" ชายชราบอกแล้วถอนหายใจ
"เป็นไปไม่ได้  พวกแวมไพร์มันจะแฝงมาในองค์กรของเราได้อย่างไร?"
ชายชรายิ้ม แล้วมองหน้า หนุ่มนักล่า "นั่นแหล่ะ  อะไรที่เป็นไปไม่ได้ มักจะเป็นไปได้เสมอ เธอยังต้องเรียนรู้อีกเยอะ"
"อย่าเสียเวลาคุยเลย  เมื่อพวกมันรู้ตัวแล้วเราก็ถอนกำลังกลับกันเถอะ" หญิงสาวเอ่ยขึ้นขัดการสนทนา

ชายชราหันมามองหน้าหญิงสาว เขาเอ่ยเสียงเรียบๆว่า "เราต้องถอนกำลังแน่  แต่มันมีรายงานชิ้นหนึ่งน่าสงสัย" 
"รายงานอะไรหรือ?" หญิงสาวเอ่ยถามขึ้นอีก

หัวหน้าหน่วย ดัลกลิชพยักหน้าพร้อมกับยื่นเอกสารส่งให้คนทั้งสอง
หญิงสาวเปิดอ่านอย่างรวดเร็วในขณะที่หนุ่มนักล่าทำแค่พลิกดูรูป
 
"มีแต่มือกับกระเป๋าเท่านั้น" เขาเงยหน้าขึ้นถาม "ไม่มีอย่างอื่นเลยหรือครับ"
"ถูกกินหมดจนเหลืออยู่แค่นั้น" ชายชราตอบเสียงเรียบ ๆ

หญิงสาวนักล่าชำเลืองตามองเขาก่อนจะลดสายตากลับลงไปอ่านรายละเอียดในเอกสารอีกครั้ง

"จากเศษซากที่เหลือสันนิษฐานว่าเกิดจากการถูกสัตว์ใหญ่ทำร้าย" เธอพูดและเงยหน้าขึ้นมองชายสูงวัย
หนุ่มนักล่าก็แทรกว่า "แบบนี้น่าจะให้ตำรวจจัดการมากกว่านะครับ  งานสืบสวนการฆาตกรรมไม่ใช่งานของเรา"
"คงใช่...ถ้าเราไม่พบสิ่งนี้" หัวหน้าหน่วย ดัลกลิชหยิบซองพลาสติกออกมาจากกระเป๋าและยื่นส่งให้

หญิงสาวนักล่ารับจากมือเขาไปดูอย่างพิจารณาและขมวดคิ้วเมื่อพบว่ามันเป็นขนอะไรบางอย่างแต่เส้นหนามากๆ
           
"ขนนี่มันขนของตัวอะไร" เธอถามขณะที่พยายามขยับมือที่ถือซองพลาสติกหนีจากการคว้าของชายหนุ่ม
อีกฝ่ายต่อว่าออกมาไม่ดังนัก "ขอฉันดูบ้างสิ  ยัยสาวผีเข้าผีออก"
  "แต่ฉันยังดูไม่เสร็จ"  หญิงสาวตอบเสียงห้วนๆ  และเธอหันหน้าไปทางชายชราอีกครั้ง"คุณดัลกลิช มันคืออะไร?"
  "มันคือขนของสัตว์สี่เท้าเลี้ยงลูกด้วยนม แต่ระบุไม่ได้ว่ามาจากตัวอะไร" ดัลกลิชผู้นำหน่วยเอ่ยบอก
"ตกลงจะได้ดูไหมนี่?" หนุ่มนักล่าชักไม่สบอารมณ์
ดัลกลิชมองชายหนุ่มซึ่งกำลังยืนหน้าบึ้งด้วยความโกรธ  เขาขำเบาๆแล้วว่า "ให้เขาดูหน่อยสิ แคท "
           
แม้จะไม่พอใจแต่หญิงสาวก็ยื่นซองบรรจุเส้นขนของสัตว์ปริศนาให้แต่โดยดี
เธอหันมาจ้องชายชราและถามเสียงเรียบๆ "แล้วทราบไหมครับว่ามันเป็นตัวอะไร"
  "มนุษย์หมาป่าน่ะสิ"   ชายหนุ่มพูดแทรกขึ้นหลังจากยกซองขึ้นสูดกลิ่นและทำหน้าย่น
หัวหน้าหน่วยสูงวัยเลิกคิ้วมอง "เธอดูออกหรือ  แต่ท่าทางแล็ปวิจัยของเราตรวจสอบแล้วว่ามันไม่ใช่"
"ใช่แน่นอน แต่คงเป็นสายพันธุ์ใหม่  ที่อาจเกิดจากการตัดต่อทางด้านพันธุกรรม  ผมจำกลิ่นแย่ๆของมันได้"   เขารีบอธิบายเมื่อเห็นใบหน้าฉงนของหัวหน้าหน่วย ดัลกลิช
หญิงสาวเบือนหน้าหนีพร้อมกับเอ่ยเบาๆ "จมูกดีจริงๆ สมกับเป็นพวกเดียวกัน  อีกหน่อยสุนัขดมกลิ่นคงตกงาน..."
"คุณว่าอะไรนะแคท?" ชายหนุ่มได้ยินแล้วถามเสียงเข้มๆ
"เปล่า...ฉันแค่ชื่นชมที่นายมีประสาทรับรู้กลิ่นที่ดีเท่านั้น  เหมือน....."
"พูดดีๆนะ  ผมทนคุณได้ทุกอย่างแต่อย่าล่วงเกินกันถึงขนาดนี้"  ชายหนุ่มคว้าคอเสื้อของหญิงสาวทำหน้าเครียดๆใส่
หญิงสาวยิ้มเยาะ "นายรับไม่ได้ในตัวตนของนายหรอ  ทำไม...อายที่จะบอกให้ใครๆรู้หรือไงว่าที่แท้นายเป็น...."
"ผมบอกให้คุณหยุดพูด..........." เสียงของชายหนุ่มเครียดขึ้น
หญิงสาวยังยิ้มหยามๆ "ฉันไม่หยุด  ฉันเบื่อหน้านายเต็มทนแล้ว......นายมะ.."

ทั้งสองคงจะมีปากมีเสียงกันต่อแน่ถ้าดัลกลิชไม่ร้องห้าม

"หยุดได้แล้วทั้งสองคน"

ชายชราส่ายหน้ามองทั้งสองอย่างระอา
ทั้งสองจึงหยุดเถียงกันแล้วหันหน้ามองไปคนละทาง
ชายชราสูดลมหายใจลึกๆและเริ่มอธิบาย

"ที่ฉันเรียกพวกเธอมาก็เพื่อจะให้ไปที่เกิดเหตุและร่วมมือกันสืบหาร่องรอยของสัตว์ที่ทำร้ายคนเมื่อคืนนี้  เนื่องจากฉันคาดเดาว่า  เมื่อเราบุกทำลายโรงงานของมันบ่อยๆครั้ง  มันอาจเปลี่ยนสถานที่ซ่องสุมเป็นบ้านพักธรรมดาที่มีขนาดใกล้เคียงโรงงานต่างๆเพื่อตบตาเรา  และสถานที่เกิดเหตุก็เข้าข่ายต้องสงสัย..."

ชายชรามองหน้าหนุ่ม - สาวทั้งสองสลับกันไปมา
หญิงสาวนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น "ถ้าเป็นเรื่องนี้แค่ฉันคนเดียวก็น่าจะพอ"
"เมื่อกี้เธอยังดูไม่ออกเลยว่าขนนั่นคืออะไร" ชายสูงวัยพูดเสียงเรียบและพยักหน้าไปทางหนุ่มนักล่า "แต่แจ็กค์กลับรู้ได้ในทันที   ฉันยอมรับว่าฝีมือการต่อสู้ของเธอดีที่สุดในองค์กร   แต่เธอก็ยังด้อยในเรื่องประสาทสัมผัสกับคำว่ามนุษย์สัมพันธ์อยู่นะ"
"แต่ฉันคิดว่าสิ่งนั้นไม่ใช่เรื่องจำเป็นสำหรับการทำงานของฉัน" หญิงสาวกล่าวแย้งเสียงไม่ดังนัก
หัวหน้าหน่วยส่ายหน้า "อย่าปิดกั้นจิตใจของตัวเองให้มากนัก แคทเทอรีน เธอต้องทำงานกับคนหมู่มากนะ"
"พวกเขาเป็นมนุษย์แต่ฉัน.......ไม่ใช่"
ชายสูงวัยถอนหายใจ "แต่สำหรับฉัน  เธอเป็นมนุษย์  และเป็นเหมือนลูกสาวของฉันเสมอ...."
"เอ่อ..อ.อ...แคท....คือว่าผม...." หนุ่มนักล่าดูเหมือนจะเริ่มอ่อนๆลง
หญิงสาวซึมไปพัก  และเธอก็มองหน้าเขาพลางถามว่า  "แล้วจะให้พวกเราเริ่มงานเมื่อไหร่"
         
หัวหน้าหน่วยดัลกลิชถอนใจยาวๆออกมาคลายอาการอึดอัดออกมา  ก่อนจะยื่นกล่องสีดำขนาดเล็กสองใบให้กับทั้งคู่
           
"นี่ เป็นเครื่องติดตามที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ เมื่อฝังเข้าไปในตัวแล้วจะไม่มีทางดึงออกมาได้ จงใช้มัน..."
ทั้งสองรับมาแล้วเปิดดู  มันเป็นคล้ายๆหัวสว่านขนาดนิ้วแม่มือ ชายหนุ่มเอ่ยถาม "ใช้อย่างไง?"
"ใส่ในปืนประจำตัว  แล้วยิงใส่หากเจอตัวอะไรที่น่าสงสัย  และฉันขอสั่งว่า ห้ามทำอะไรโดยพละการหรือสะกดรอยตามพวกนั้นไปเพียงคนเดียว" เขาจ้องหน้าหญิงสาว "เข้าใจที่พูดไหม"
"เข้าใจอย่างถ่องแท้..." หญิงสาวตอบสั้นๆ
นายดัลกลิชพยักหน้า
"เข้าใจก็ไปกันได้แล้ว"
           
หญิงสาวหมุนตัวเดินออกจากห้องทันทีในขณะที่ชายหนุ่มส่งซองพลาสติกคืนให้หัวหน้าหน่วย

เขามองหน้าหัวหน้าหน่วยและถาม  "คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ"
  "เธอหมายความว่าอะไร" ชายชราย้อนถามกลับมา
ชายหนุ่มนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะตอบ
"สีหน้าคุณไม่ดีเลย" เขาเว้นระยะคำพูด "และผมก็ยังได้กลิ่นแปลกๆระเหยออกมาจากตัวของคุณด้วย"
  "คงเป็นกลิ่นของโคโลญจ์ที่ฉันเพิ่งซื้อมาใหม่"  ดัลกลิช   บอกพร้อมกับยิ้ม  "และฉันก็เพิ่งออกมาจากห้องชันสูตรมาด้วย"
           
ชายหนุ่มมองหน้าเขาคล้ายไม่เชื่อคำพูดทั้งหมด  แต่เขาก็ทำหน้าซึมๆพลางเอ่ยลอยๆ

"คุณรู้ไหม บางทีการมีประสาทสัมผัสที่ดีเกินไปก็ทำให้ผมรู้สึกแย่ๆนะ.."

ชายชราจึงเดินไปตบบ่าของชายหนุ่มสองสามครั้ง
           
"อย่ามามัวกังวลกับเรื่องไร้สาระอยู่เลย แคท ไปรอเธอที่รถแล้ว อย่าทำให้เขาหงุดหงิดหรือทะเลาะอะไรกันอีกล่ะ"
"ครับ"   ชายหนุ่มนักล่ารับคำเสียงแผ่วก่อนจะเดินออกไปที่รถตู้ซึ่งจอดรออยู่

ชายชรามองตามทั้งสองอยู่ครู่หนึ่งจึงเดินกลับมานั่งในรถสั่งให้เจ้าหน้าที่ปิดประตูรถคันที่ตนนั่ง
เขาสั่งให้คนขับออกรถกลับสถานที่ตั้งชั่วคราวขององค์กรในประเทศนี้  เมื่อรถแล่นไปได้สักพัก
ชายชรารู้สึกจุกแน่นหน้าอก  เขาล้วงยาแคปซูนออกมากินเข้าไป สีหน้าของเขาจึงดีขึ้น

"เธอพูดถูกนะแจ็กค์..."
ชายชราพึมพำพร้อมกับเอนตัวพิงพนัก
"บางครั้งการมีประสาทสัมผัสที่ดีเกินไปก็ทำให้เรารู้สึกแย่ได้เหมือนกัน"

ชายสูงวัยมองแสงไฟข้างทางแล้วหลับตาลง
รถตู้คันที่เขานั่งแล่นฝ่าความสลัวลางบนถนนหลวง  เพื่อมุ่งกลับสู่ที่ตั้งขององค์กร

<>::<>::<>::<>::<>::<>


รถตู้สีดำสนิทหยุดลงตรงทางเข้าตรอกขนาดเล็ก  หญิงสาวนักล่าแวมไพร์ซึ่งนั่งอยู่ด้านหน้าเปิดประตูและก้าวลงจากรถในขณะที่ชายหนุ่มนักล่าค่าหัวกระโดดลอดตัวลงจากประตูด้านข้าง  ทั้งสองเดินคู่กันไปยืนอยู่ตรงทางเข้าตรอก ลมพัดออกมาโชยกลิ่นไม่โสภามาเข้าจมูกจนทั้งสองต้องเอามืออุดกันกลิ่น

แดนนี่ คนขับหันไปมองทั้งสองพร้อมกับพูด   "คุณดัลกลิชสั่งให้พวกคุณทั้งสองช่วยกันค้นหาร่องรอยและเก็บรวมรวมหลักฐานให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้"
"ไม่ต้องย้ำหรอกน่า  ฉันรู้แล้ว" หญิงสาวพูดแค่นั้นก่อนจะหมุนตัวเตรียมจะเดินออกไป
หนุ่มนักล่าก้มตัวลงตรงช่องหน้าต่างและถามเสียงไม่ดังนัก "เรามีเวลาเท่าไหร่"
  "เที่ยงคืน" คนขับรถตอบ "ระวังตัวด้วยนะครับ"
"ขอบใจ" หนุ่มนักล่ายืดตัวขึ้นและตบหลังคารถสองสามครั้ง "แล้วเจอกัน"
           
คนขับรถฉีกยิ้มให้ชายหนุ่มก่อนจะขับรถออกไปจากที่นั่น

ทั้งสองนักล่าแวมไพร์ต่างยืนนิ่งแต่สายตากวาดมองไปโดยรอบ
           
"ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเหยื่อจึงถูกทำร้ายจนแทบไม่เหลือซาก" หนุ่มนักล่าเอ่ยขึ้น "แถวนี้แทบไม่มีคนผ่านเลย"
"มากคนก็มากความ  ไม่มีคนก็เงียบดี.."  หญิงสาวพูดด้วยเสียงเรียบๆก่อนจะเดินตรงนำหน้าเข้าไปในตรอก
อีกฝ่ายแยกเขี้ยวพร้อมกับแอบยกนิ้วชี้ไล่หลัง พลางบ่นว่า  "คนอะไร  เย็นชาและเลือดเย็นจริงๆ"

พูดเสร็จก็ออกเดินตามหลังไปติดๆ

ทั้งสองเดินย่ำเท้าเข้าตรอกนั้นไปเรื่อยๆ  นอกจากความเปลี่ยว มืด และขยะ ทั้งสองไม่พบสิ่งใดๆเลย
ชายหนุ่มมองเศษขยะที่ถูกทิ้งเกลื่อนกลาดไปทั่วด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจและยกเท้า ขึ้นเตะกระป๋องเปล่าใบหนึ่งจนกระเด็น
เป้าหมายของชายหนุ่มคือให้ลงถังขยะ  แต่มันลอยข้ามถังขยะขนาดใหญ่ไปตกในซอกตึกที่อยู่ด้านข้าง
เสียงร้องอุทานดังขึ้นตามมาด้วยเสียงเห่ากรรโชกของสุนัข  ชายหนุ่มใจหายวาบและรีบเดินตรงไปที่ซอกนั้นทันที
"มีใครอยู่ตรงนี้หรือเปล่าครับ" เขาร้องถามขณะที่ก้มลงเก็บกระป๋องใบที่ตัวเองเตะมาเมื่อครู่

หญิงสาวสวมแว่นหน้าตาดีวัยประมาณเบญจเพสผู้หนึ่งเดินกุมศีรษะของตนเองออกมา เขามองหน้าชายหนุ่มเขม็ง
           
"คุณเป็นเจ้าของกระป๋องใบนี้เรอะ"
  "เปล่าครับ คือ...ผม" ชายหนุ่มทำท่าอึกอักและกระโดดถอยหลังเมื่อเห็นสุนัขตัวไม่โตนักวิ่งเข้ามาหาพร้อมกับแยกเขี้ยวขู่
"หยุดน่านีโอ..." หญิงคนคนนั้นปรามหมาของตนก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่ม
"อุ๊ย..หมาดุ  ตัวเท่านี้อ่ะนะ..."
"ไม่ต้องกลัว  นีโอแค่โกรธที่เห็นฉันเจ็บเท่านั้น"
"คือผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่เตะกระป๋องนี่มาโดนคุณ"   ชายหนุ่มมองเธอด้วยสายตาเป็นกังวล
"ทีหลังก็ระวังหน่อยสิ..." เสียงหญิงสาวบ่น
"เป็นอะไรมากหรือเปล่า ให้ผมพาไปหาหมอดีไหมรับ"
  "แค่หัวโนนิดหน่อย" หญิงผู้นั้นลดมือลง

แล้วหญิงผู้นั้นก็จ้องหน้าชายหนุ่มอย่างพิจารณา
"ว่าแต่คุณเป็นใครมาทำอะไรแถวนี้ ไม่รู้หรือว่าตำรวจห้ามเข้า" เธอชี้มือไปยังแถบสีเหลืองที่คาดไว้ทั่วบริเวณ
ชายหนุ่มยิ้ม "คือผมเป็นนักท่องเที่ยวบังเอิญผ่านมาแถวๆนี้  ไม่ค่อยรู้อะไร"
หญิงสาว มองชายตรงหน้า "เป็นนักท่องเที่ยวหรอ  มาจากยุโปตะวันออกใช่ไหม  สำเนียงตัว เอส ของคุณมันแปล่งๆ"
"แหม  คุณนี่ท่าทางจะคงแก่เรียน  สำเนียงของคุณเองก็อังกฤษแท้ๆเชียว"
"ขอบคุณค่ะที่ชม ดิฉันเคยเป็นนักเรียนทุน" หญิงสาวตอบพร้อมรอยยิ้ม
"ว่าแต่ที่นี่เกิดคดีฆาตกรรมหรอครับ"
  หญิงใส่แว่นคนนั้นพยักหน้า "ใช่ค่ะ  เพิ่งมีผู้หญิงถูกฆ่าตาย  สภาพทารุณมากๆ ฆาตกรไม่น่าใช่คน"
"อื่อ....แถวไหนหล่ะ"
"ข้างหน้านั่นไง?" หญิงใส่แว่นชี้ไปตรงตรอกเล็กๆที่เป็นทางแยก
"เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น"
"ฉันคิดว่าคงไม่มีอะไรเหลือแล้วล่ะ เพราะตำรวจยกกำลังมาแทบจะทั้งโรงพัก เขาคงเก็บกวาดทุกอย่างไปจนเรียบหมดแล้ว"
"อย่างงั้นหรือครับ" ชายหนุ่มพูดด้วยท่าทางเสียดาย

บ็อก..บ็อก...บ็อก...
เสียงสุนัขเห่าเรียก  ชายหนุ่มก้มหน้าลงมองสุนัขที่นั่งอย่างเรียบร้อยอยู่ข้างๆหญิงคนนั้น

"เป็นเด็กดีจังเลยนะครับ"
"นีโอเป็นหมาที่ฉลาดมาก มันเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่ฉันมีอยู่" เธอก้มลงตบหัวหมาชื่อนีโอสองสามครั้ง "ใช่ไหม"
           
เจ้านีโอกระดิกหางรับก่อนจะยื่นจมูกไปดมที่ขากางเกงของชายหนุ่มใบหูสองข้างลู่ลงเล็กน้อย

เด็กหนุ่มหัวเราะ "ไง กลิ่นฉันไม่เหมือนคนอื่นใช่ไหม" เขาลูบหัวมันและนั่งลง "ฉันชื่อแจ็กค์   และตัวจริงของฉันก็เป็น...."
         
หมาน้อยที่ชื่อนีโอเห่าหนึ่งครั้งและกระดิกหางรับ  หญิงผู้ที่เป็นเจ้าของถึงกับหัวเราะ

"แปลกจริงที่เจ้านีโอไว้ใจคุณ ปรกตินอกจากฉันแล้วไม่มีใครลูบหัวมันได้หรอก"
"มันอาจสัมผัสถึงโยงใยสัมพันธุ์อะไรบ้างอย่างก็ได้..." ชายหนุ่มบอก
หญิงสาวยื่นมือให้กับชายหนุ่ม "ดิฉัน  อารียา นิคเนม แว่น  ยินดีที่ได้รู้จัก"
  "เช่นกันครับ  ผม แจ็กค์...  แจ็กค์  แดร์โรว์..."   ชายหนุ่มลุกขึ้นพร้อมกับจับมือของอีกฝ่าย
  "ว่าแต่คุณเป็นแค่นักท่องเที่ยวเท่านั้นจริงๆหรือ" หญิงสาวถามด้วยความรู้สึกสงสัย

ชายหนุ่มมองหน้าเธอและยิ้ม

"มาดผมดูเหมือนตำรวจสากลหรือ ซี ไอ เอ หรือครับ" เขาหัวเราะ "ผมเป็นแค่นักท่องเที่ยวเท่านั้น....จริงๆ"
"เขาด้วยอย่างนั้นหรือ"   หญิงสาวใส่แว่นพยักหน้าไปทางหญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านหลัง

ชายหนุ่มหันหน้ากลับไปมองและต้องเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นนักล่าสาวยืนนิ่งอยู่ไม่ห่างจากเขาไปเท่าใดนัก
เจ้าหมาชื่อนีโอลุกยืนขึ้นและทำหูตั้งขู่แฮ่ๆๆ...อย่างระแวง

"เรามาด้วยกัน"   ชายหนุ่มรีบพูดขึ้น   "เราเป็นบัดดี้ผู้ร่วมงานกัน   พักร้อนเลยบินมาเที่ยวที่นี่ตามคำชวนของเพื่อนๆ"
           
แนะนำเสร็จก็หันกลับไปทางหญิงใส่แว่น
"ผมคงต้องไปแล้ว" เขาชะงัก "ว่าแต่คุณอยู่แถวนี้หรือครับ"
"ใช่...ฉันพักอยู่ที่หมู่บ้านจัดสรรที่อยู่สุดตรอกนี่" หญิงผู้นั้นชี้นิ้วเข้าไปด้านหลังตรอกที่เห็นแสงลางๆ
"เอ่อ...เอ่อ..อ.อ...อยู่กับ....เอ่อ.อ.อ...." เขามองเธอแล้วทำหน้าหนักใจที่จะถามต่อ
"ฉันอยู่กับนีโอ  ยังไม่มีแฟนและยังไม่ได้แต่งงาน" เธอชูมือซ้ายที่นิ้วทั้งห้าว่างเปล่าให้ดู  สายตาสื่อความหมายลึกล้ำ
"คุณอาศัยอยู่ที่นี่  แล้วคุณไม่กลัวเลยหรือครับว่ามีคนถูกฆ่า" ชายหนุ่มเว้นระยะ "แค่ถามเพราะว่าห่วงสวัสดิภาพน่ะครับ"
"ผู้หญิงเมื่อคืนไม่ใช่เหยื่อรายแรก"   หญิงสาวตอบด้วยสีหน้าเศร้า   "ถึงอยากจะช่วยแค่ไหนก็คงไม่ได้เพราะแถบนี้มีพวกกุ๊ยติดยาและอันธพาลเพ่นพ่านอยู่เต็มไปหมด แต่น่าแปลกนะ....."
         
เธอนิ่งไปชั่วครู่ราวกำลังรวบรวมความคิด

ชายหนุ่มขมวดคิ้วมองเธอ "อะไรหรือครับ"
  "ดูเหมือนหมู่นี้พวกนั้นจะหายหน้าไปเกือบๆหมด"
  "ตั้งแต่เมื่อไหร่"   หญิงสาวนักล่าซึ่งเดินเข้ามาใกล้แทรกถามขึ้น
หญิงสาวมองหน้าผู้ถามอย่างฉงน  ก่อนจะเลื่อนสายตาไปทางชายหนุ่ม
 
หญิงใส่แว่นเอ่ยว่า "น้ำเสียงที่ถามนี่เหมือนไม่ใช่นักท่องเที่ยวเลยนะ"
"เอ่อ..ขอโทษนะ  คือ แคท เธอเป็นคนพูดโผงผางแล้วก็ไม่ค่อยมีหางเสียง" แล้วชายหนุ่มเปลี่ยนมาพูดเบาๆ "แบบว่า เธอไม่ค่อยชอบเสวนากับคนสวยกว่าน่ะ  อย่าถือสาเลยนะ.."
"อย่างงั้นหรอกหรือ" หญิงสาวใส่แว่นพึมพำพร้อมกับก้มหน้าลงดุเจ้านีโอที่กำลังคำรามในลำคอ "อย่าน่านีโอ...."
"อย่าดุมันเลยครับ" ชายหนุ่มบอกพร้อมหยอกกับมัน
หญิงสาวมองสาวนักล่าลอดแว่นแล้วมองสุนัขตน "เงียบน่า  นีโอ....เห่าอะไร?"
"มันคงได้กลิ่นคนนิสัยไม่ดีน่ะครับ" ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ "ผมไม่รบกวนเวลาคุณแล้ว ขอตัวก่อนนะครับ"
         
ชายหนุ่มหัวเราะเสียงใสเขาก้มตัวลงและตบหัวสุนัขแสนรู้สองสามครั้ง
"ไปก่อนนะนีโอไว้วันหลังฉันจะเอาไส้กรอกอร่อยๆมาฝาก"
สักครู่เขาก็ยืดตัวขึ้นและส่งยิ้มให้กับหญิงสาวสวมแว่น "แล้วเจอกันใหม่นะครับ"
"ลองไปดูที่ซอกตึกทางด้านโน้นดูสิ"   หญิงสาวพูดขึ้น   "บางทีพวกคุณอาจจะเจออะไรที่นั่นบ้างก็ได้"
           
" คุณ......" ชายหนุ่มชะงักและยิ้มออกมา
"ตรงนั้น...พวกตำรวจยังไม่ได้ไปดู  แล้วก็เคยมีคนเห็นอะไรแปลกๆ เอ่อ..อ...อ..ฉันรู้แค่นี้แหล่ะ..."
"ขอบคุณมากครับ" เขารีบวิ่งออกไปทันที
สาวใส่แว่นมองสาวนักล่าที่ยังคงยืนนิ่ง  เธอเอ่ยว่า "ดูท่าทางของพวกคุณคงไม่ใช่นักท่องเที่ยวแน่ๆ  คุณคงมาเพื่อค้นหาอะไรบ้างอย่าง ที่นี่มีอะไรแปลกๆ และบุคลิกของพวกคุณเหมือนพวก เอ็กซ์ – ไฟร์ส หรือไม่ก็พวกล่าสิ่งลึกลับเลยนะ..."       
"อย่าบ้าหนังบ้าละครไปหน่อยเลยน่า.."  สาวนักล่าตอบพลางชำเลืองตามองสาวใส่แว่นอย่างพิจารณา

แต่พอมองแล้ว สัมผัสสายตาที่จ้องมองผ่านเลนส์แว่นมา  เธอก็ล้วงกระเป๋า
ในนั้นเธอกำกล่องสีดำที่ซ่อนอยู่ในกระเป๋าแน่นราวกับลังเลใจ  แต่เมื่อสายตาของหญิงสาวไร้สิ่งแอบแฝง
เธอคลายมือออกในที่สุด  "ฉันต้องขอตัวก่อนนะ......"
"โชคดีค่ะ...." สาวใส่แว่นอวยพรไล่หลัง
         
สาวนักล่าหมุนตัวและเดินจากไปในทันที
สาวใส่แว่นมองทั้งสองที่กำลังเดินหายเข้าไปในซอกตึก

"ดูเป็นคนแปลกๆนะ แต่ท่าทางก็น่าจะเป็นคนดี"
เธอก้มลงมองเจ้าหมานีโอที่กำลังยืนสองขากระดิกหาง
"แกเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกันใช่ไหม นีโอ...."
           
สาวใส่แว่นลูบหัวสุนัขของเธอก่อนจะเงยหน้าขึ้นและมองดวงจันทร์เสี้ยวที่ลอยอยู่กลางท้องฟ้า
มองอยู่ครู่ก็ลดสายตาลง
"นี่ก็ดึกแล้วนะ  พวกเราไปหาอะไรกินที่บ้านแล้วนอนพักกันดีกว่า"
           
หญิงสวมแว่นผู้นั้นเดินต่อเข้าไปในช่วงท้ายตรอกพร้อมกับสุนัขตัวโปรดโดยไม่ทันได้รู้ตัวเลย ว่ามีดวงตาสีเขียวคู่หนึ่งกำลังจ้องพวกเขาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเลื่อนไปมอง  สองนักล่าที่เดินเข้าซอกแยกเล็กๆอย่างมุ่งร้าย ลิ้นสีแดงสดแลบตวัดออกมาจากริมฝีปาก ร่างที่เต็มไปด้วยขนหนาๆเป็นมันละเลื่อมยามขยับตัวและเคลื่อนที่ตามนักล่าทั้งสองไปอย่างรวดเร็ว

อีกด้านหนึ่งของตรอกนั้น...
ชายหนุ่มนักล่าก้าวข้ามท่อน้ำเหล็กที่ถูกกองทิ้งไว้กลางตรอก  ขณะที่สายตาสอดส่ายหาสิ่งที่หลงเหลือจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาสูดลมหายใจเข้าและทำจมูกฟุดฟิดเมื่อได้กลิ่นเหม็นเน่าของอะไรบางอย่าง  ชายหนุ่มกวาดตามองไปโดยรอบขณะที่เดินเข้าไปด้านในสุด  เขาหยุดแล้วมองสำรวจไปทั่วบริเวณท่ามกลางความมืด

ขณะยืนมองไปรอบๆ  เงาร่างหนึ่งก็ทาบทับแผ่นหลังของเขา           
ชายหนุ่มยังยืนยิ่ง แม้นจะรู้  เสียงเจ้าของร่างถามขึ้น "คิดยังไงถึงได้ไปคุยกับมนุษย์คนนั้น"
"พูดยังกับตัวเองไม่ใช่มนุษย์" ตอบด้วยน้ำเสียงประชด "ผมก็แค่อยากถามดูว่าเขาจะรู้อะไรบ้างเท่านั้น"
"จะแน่ใจได้ยังไงว่าเขาไม่ได้เป็นตัวการ"   หญิงสาวย้อนเสียงห้วน
อีกฝ่ายย่นหน้า "คุณเคยเห็นพวกผีดิบเลี้ยงหมาไหม"

ชายหนุ่มร่างใหญ่ถามพลางขยับถังน้ำมันที่วางเกะกะ  ในขณะที่สาวนักล่าเตะลังเปล่าใบหนึ่งไปให้พ้นทาง

"อย่าบอกนะว่านายเอาหมามาเป็นเครื่องตัดสิน"
"แล้วหมามันไม่ดีตรงไหน"   ชายหนุ่มหันหน้าไปมองเธอ
หญิงสาวนิ่งแล้วว่า "หมาก็ดีน่ารักดี  ถ้ามันเชื่องนะ...."
"ผมยืนยันได้ว่าคุณอารียาไม่ใช่ปีศาจหรือคนได้รับเชื้อชั่วจากพวกมันอย่างแน่นอน"
"คุยกันแค่เดี๋ยวเดียวจะแน่ใจได้ยังไง"
"คุณคิดว่าผมคุยกับเขาเล่นโดยไม่สังเกตอะไรเลยหรือ"

ชายหนุ่มร่างใหญ่จ้องหน้าเพื่อนสาวนักล่าชั่วขณะก่อนจะเบือนหนีไปอีกด้าน

"ผมลองดมดูแล้วและแน่ใจว่าเขาไม่มีกลิ่นของเจ้าพวกนั้น"
"สัญชาติญาณของมนุษย์หมาป่าอย่างนั้นหรือ..." น้ำเสียงคล้ายแดกดันจนอีกฝ่ายต้องหันหน้ากลับมาอีกครั้ง
"ผมไม่ชอบให้คุณพูดแบบนั้นเลยนะ แคทเทอรีน....."
"ถึงไม่ชอบก็ต้องยอมรับเพราะมันเป็นเรื่องจริง"

คราวนี้ชายหนุ่มถึงกับกำมือแน่น เขาถลึงตาจ้องหญิงสาวชุดดำที่ยืนทำสีหน้านิ่ง

และเธอก็พูดมาเสียงห้วนๆ "นายเองไม่ยอมรับในสิ่งที่เป็น แล้วไม่ยอมใช้พลังที่นายมี.."
"เพราะว่าผมกลัว ผมกลัวที่จะใช้มัน...." ชายหนุ่มกัดกรามตอบ
"คริ...คริ...คริ...กลัวสัญชาตญาณดิบในตัวจะโผล่หรอ?" หญิงสาวเอ่ยมาหยามๆ
"จะรู้สึกยังไงถ้ามีคนพูดว่าคุณเป็นพวกผีดิบกระหายเลือด"
"ฉันถูกยัดเหยียดให้เป็น   และฉันก็ไม่เคยทำร้ายคนอย่างที่พวกมันทำกัน"
"แต่คุณก็ยังเป็น"   ชายหนุ่มกระแทกเสียงพร้อมกับหันหน้ากลับ

กลิ่นเหม็นที่รุนแรงขึ้นทำให้เขาชะงักและทำหน้าย่น
     
"มีอะไร" เสียงเรียบเย็นถามขึ้น
ชายหนุ่มยิ้มเมื่อนึกถึงหน้าของผู้พูดและตอบโดยไม่หันหน้าไปมอง "คิดว่าเจออะไรบางอย่างเข้าแล้ว"

ชายหนุ่มร่างใหญ่ก้าวไปหยุดยืนที่กองลังกระดาษเปล่าและใช้เท้าเตะเบาๆเพื่อ ให้มันกระจายออก
สาวนักล่าเดินเข้ามาชะโงกดูและขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นเศษซากอะไร บางอย่างอยู่ภายใต้กองขยะเหล่านั้น

"ดูเหมือนจะเป็นหนังหัวเหยื่อของมนุษย์นะ" เขาพูดขึ้นเมื่อเห็น
"ทำอย่างกะพวกอินเดียแดงถลกหนังหัวแน่ะ..." หญิงสาวเอ่ยบ้าง

หนังหัวของมนุษย์ในสภาพเน่าเฟะส่งกลิ่นเหม็นตลบอบอวลไปทั่ว

"เก็บมันกลับไปให้หน่วยวิจัยตรวจดูสิแจ็กค์"
"ทำไมผมต้องทำแบบนั้นด้วย"   ชายหนุ่มร่างใหญ่ยืนกอดอก
"คุณดัลกลิชสั่งให้นายเป็นคนเก็บของพวกนี้ไปไม่ใช่เรอะ"
"เขาบอกให้ผมมาหาหลักฐานเท่านั้น"
หญิงสาวมองหน้าชายหนุ่ม "เก็บมันเดี๋ยวนี้แจ็กค์"
"ผมไม่ใช่ลูกน้องของคุณ   ผมเป็นนักล่าค่าหัว...."
"แต่นายเข้าองค์กรมาทีหลังฉัน" อีกฝ่ายเถียงไม่ลดละ
ชายหนุ่มเม้มปากทำท่าไม่ยอมรับ  "ไม่ใช่เหตุผลที่คุณจะใช้ผม  คุณก็แค่อยู่มาก่อนเท่านั้น"
"นายไม่ยอมเชื่อฟังฉันหรอ?"
เขาใช้นิ้วจิ้มอกหญิงสาวสองสามครั้ง "อย่ามาทำเป็นวางท่าใหญ่โตกับผม แคทเทอรีน "
"ไม่ว่าจะยังไงฉันก็เป็นรุ่นพี่ของนาย" หญิงสาวพูดเสียงกระด้างหน้าตาดุดันขึ้น
"ผมไม่ยอมรับ..."
"เก็บหลักฐานนั่นใส่ซองเดี๋ยวนี้ก่อนที่จะมีคนมาเห็นเข้า"
"อยากทำนักก็จัดการเอง"

ชายหนุ่มดึงซองพลาสติกออกมาและโยนไปตรงหน้าของหญิงสาว  จากนั้นจึงก้าวยาวๆเพื่อจะเดินออกไปจากตรอก หญิงสาวนักล่าทำท่าเดือดดาล  เธอหยิบถุงขึ้นมาแล้วกำถุงใบนั้นเอาไว้ในมือขณะที่จ้องซากหนังหัวซึ่งกองเละอยู่ตรงหน้า  เธอขบกรามตัวเองแน่น  มองตามหลังของชายหนุ่มไป
           
สายตาเย็นชาฉายแววดุกร้าว เธอเอ่ยเรียกเสียงดัง "แจ็กค์  แดร์โรว์..."
"มีอะไรหรือ คุณ แคทเทอรีน  ซีตาร์  โจนส์?" ชายหนุ่มหันมาตอบแบบเต็มยศ 
       
ซองพลาสติกที่ถือไว้ถูกขว้างทิ้งไปอีกด้าน   หญิงสาวเลื่อนมือไปทางด้านหลังและกระชากดาบสีเงินออกมา เธอหันไปทางเพื่อนร่วมงานที่ขัดคอกันพร้อมกับกระโจนเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว  หญิงสาวเหวี่ยงดาบฟันลงไปที่ร่างของชายหนุ่ม ทำเอาเขาต้องรีบเบี่ยงตัวหลบด้วยท่าทางที่ว่องไวไม่แพ้กัน
           
"เฮ้ย...แค่นี้ฟิวส์ขาดถึงกับคิดจะฆ่ากันเลยเรอะ..." ชายหนุ่มร้องบอก
แม้นจะฟันพลาดร่างของชายหนุ่ม  แต่สายตาหญิงสาวกลับจ้องไปที่พื้น "ฆ่านายแล้วได้อะไรเล่า  ไม่รู้สึกเลยหรือนี่"
"อะไรหรอ?"  เสียงถามกลับเจือความแปลกใจเล็กน้อยขณะที่มองคมดาบที่จมลึกลงไปบนพื้นซีเมนต์
หญิงสาวมองเงาสีดำที่กำลังไหววูบวาบไปอีกด้านและร้องเสียงดัง  "มันหนีไปทางนายแล้ว"
"หนอย...ไอ้นรกแตก  โผล่หัวมาแล้วหรอ?"  ชายหนุ่มใช้กำปั้นอันใหญ่โตฟาดเปรี้ยงลงไปบนกองลังกระดาษเปล่า

และเป้าหมายคือเงาที่เห็นนั้น  แต่มันก็เคลื่อนที่หลบอย่างรวดเร็วจนชนิดแทบมองด้วยตาเปล่าไม่ทัน

หญิงสาวเลื่อนสายตามองตามพร้อมกับร้องถามเพื่อนของเขา  "นายเห็นมันไหม"
"ไม่" ชายหนุ่มตะโกนตอบและทำจมูกฟุดฟิด "แต่ดูเหมือนผมจะเคยได้กลิ่นเจ้านี่มาก่อน"
"แอบไปกัดกับใครมาอีกล่ะ"   หญิงสาวถามขณะที่ถอยมายืนข้างเพื่อนร่วมงานชาย
อีกฝ่ายฟังแล้วแทบอยากจะใช้กำปั้นทุบกะโหลกด้วยความโมโห "คุณจำเส้นขนที่ คุณ ดัลกลิช ให้ดูก่อนมาได้ไหม"

ชายหนุ่มส่งเสียงถามแผ่วๆขณะที่สายตามองกวาดหาอย่างระวัง  หญิงสาวพยักหน้า

"จำได้" เธอชะงักไปเล็กน้อย "หรือว่า"
"มันเป็นกลิ่นเดียวกัน"   ชายหนุ่มกำหมัดแน่นขณะที่หรี่ตาลงเมื่อเห็นเงาไหววูบเข้ามาใกล้ "กลิ่นของหมาป่ากระหายเลือด"
           
เงา นั้นพุ่งเข้าใส่ร่างของชายหนุ่มตั้งแต่เขายังไม่ทันได้พูดจบประโยค  หญิงสาวรีบขยับตัวเพื่อจะเข้าไปช่วยเพื่อนแต่ดูเหมือนจะไม่ทัน เธอยืนตะลึงจ้องร่างที่กำลังคร่อมเพื่อนร่วมงานด้วยความรู้สึกตกใจเพราะมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทั้งสองไม่เคยพบหรือเห็นมาก่อนเลย
           
"นี่มันอะไรกัน" หญิงสาวพึมพำขณะมองร่างประหลาด

ร่างนั้นเต็มไปด้วยขนหนาและหนามแหลมยืนออกมา  แผ่นกลางหลังเต็มไปด้วยเกล็ดเป็นมันเลื่อม แม้นจะมีรูปร่างเป็นมนุษย์หมาป่า  แต่มันก็มีส่วนผสมของสัตว์อีกหลายอย่างเข้ามา  มันอ้าปากกว้างโชว์เขี้ยวคมวาวน้ำลายเยิ้มๆไหลยืดน่าแขยงและทำท่าเหมือนจะขย้ำลำคอของชายหนุ่มที่อยู่เบื้องล่างให้ขาดกระจุย

"มัวยืนตกตะลึงอะไรอยู่"   ชายหนุ่มตะโกนเสียงดังลั่น   ขณะที่มือทั้งสองข้างพยายามผลักสิ่งที่ดูคล้ายมนุษย์หมาป่าให้ออกห่าง "รีบมาช่วยกันหน่อยสิแม่นักล่าแวมไพร์...."
"ปากอย่างนี้มันน่าปล่อยให้ถูกกัดตายเป็นบ้า" หญิงสาวบ่นพึมพำพลางหมุนดาบเป็นวง

เธอกระโดดเข้าไปหามนุษย์หมาป่ากลายพันธุ์ตัวนั้นและเงื้ออาวุธคู่กายขึ้นหมายจะ ฟันมันให้ขาดเป็นสองท่อนแต่ร่างของชายหนุ่มที่กำลังดิ้นอยู่ภายใต้ตัวของมันทำ ให้ต้องชะงักและยืนลังเล
           
"มัวลังเลอะไรเล่า  เร็วๆสิ.." เพื่อนของเธอพูดเสียงดังและเบี่ยงหน้าหลบคมเขี้ยววาบวับจากปากของเจ้าสัตว์อัปลักษณ์ น้ำลายเหนียวหนืดสีขาวขุ่นที่ไหลย้อยออกมาทำให้เขาต้องเบ้หน้าด้วยความ รังเกียจ "โอ้ย...ไม่ไหวแล้วพอกันที"
           
ชายหนุ่มตะโกนลั่นก่อนจะเลื่อนมือไปคว้าคอของเจ้ามนุษย์หมาป่าประหลาดและบีบอย่างแรง มันอ้าปากกว้างพลางส่งเสียงร้องแหลมเล็กบาดหู มือที่มีเล็บยาวเหวี่ยงฟาดไปมา มันปาดผ่านใบหน้าของชายหนุ่มจนเป็นรอยแผลลึก ชายหนุ่มถึงกับคำรามออกมาด้วยความโมโห
           
"ไอ้บ้าเอ้ย  จะทำชั้นเสียหล่อหรอ...ตายซะเถอะ.." เขาชกหน้ามันอย่างแรงสองถึงสามครั้งจนมนุษย์หมาป่าผงะหงาย

มันกรีดร้องและสะบัดร่างไปมาด้วยความโกรธ กรงเล็บที่แหลมคมกางออกและคงจะฝังลงไปบนอกของชายหนุ่มถ้าหญิงสาวไม่รีบใช้ดาบตัดแขนของมันจนขาดกระเด็น เจ้าสัตว์อัปลักษณ์แหกปากร้องลั่นก่อนจะผละออกจากร่างของชายหนุ่มและทำ ท่าจะหันมาเล่นงานหญิงสาว

แต่หญิงสาวก็หลบการโจมตีของมัน แล้วรีบดึงกล่องดำออกมาและบรรจุลูกปืนพิเศษ  เมื่อได้จังหวะเธอก็ยิงอะไรบางอย่างที่อยู่ข้างในเข้าไปในปากของ มัน เจ้ามนุษย์หมาป่าพิสดารถึงกับสะดุ้งสุดตัว   มันทำท่าผะอืดผะอมก่อนจะวิ่งหายไปอย่างรวดเร็ว   หญิงสาวถอนหายใจมองมันวิ่งหายไปในเงามืด   เธอไม่ติดตามมันไปแต่เดินไปมองแขนที่ตกขาดอยู่บนพื้น มันยังคงสะบัดดิ้นไปมาราวกับยังมีชีวิต
           
"น่าขยะแขยงชะมัด" เสียงชายหนุ่มบ่นขณะกำลังลุกขึ้น เขายกเท้าเตะแขนข้างนั้นจนกระเด็นไปกระแทกกำแพง
"เราต้องเอามันกลับไปด้วย" หญิงสาวชุดดำพูดเสียงห้วน

บอกเสร็จเธอสะบัดดาบสองสามครั้งเพื่อไล่เลือดของมนุษย์หมาป่าก่อนจะเก็บกลับเข้าฝักจาก นั้นจึงเดินไปหยิบท่อเหล็กที่วางเกลื่อนมาเขี่ยแขนของมนุษย์หมาป่าใส่กล่องกระดาษ เปล่า

ชายหนุ่มมองเธอด้วยความรู้สึกหมั่นไส้ "ทำท่ายังกับกลัวชุดจะเปื้อน"
ฟังเสียงชายหนุ่มประชดแล้ว  หญิงสาวชำเลืองมองเขาด้วยหางตาก่อนจะพูดเสียงเรียบ
           
"ถ้าว่างนักก็ไปเก็บซากหนังหัวเน่าๆนั่นใส่ซองซะ"
"ถ้ารีบนักทำไมไม่มาเก็บเอาเอง" ชายหนุ่มบ่นพึมพำ

แล้วเขาก็เดินไปเก็บท่อนแขนเหยื่อใส่เข้าซองพลาสติกและปิดจนแน่น
เสร็จแล้วเขายกมือขึ้นลูบแผลที่หน้าและขมวดคิ้ว  "แปลกจริงมันน่าจะหายได้แล้วนี่นา"
"ติดเชื้อบ้าแล้วมั้ง..." หญิงสาวเอ่ยหยันๆ
"คุณพูดอะไร" 
แต่พอหญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเพื่อน  เธอเบิกตากว้างด้วยความตระหนก "อ้า...ร์...แจ็กค์!"
"อะไรอีก.." อีกฝ่ายพูดเสียงห้วนและคิดว่าหญิงสาวคงจะประชดอะไรต่ออีกยืดยาว
"หน้าของนายนั่น..อ้า..ร์...."
ถ้าไม่เห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตกใจของสาวนักล่าเขาคงเดินหนีไปแล้ว  "ทำไมหรือแคท?"
"แผลของนายกำลังเน่า"
"จริงหรอ  อย่าล้อเล่นน่า..."

หญิงสาวล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าและหยิบเครื่องมือสื่อสารขนาดเล็กออกมา

"คงต้องให้พวกเขามารับเร็วกว่ากำหนด"
           
ชายหนุ่มมองหน้าเพื่อนร่วมงานสาวด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ เขายกมือขึ้นเช็ดของเหลวที่ไหลเยิ้มออกมาจากแผล ใบหน้าของชายหนุ่มถึงกับเผือดลงเมื่อพบว่ามันคือเลือดและน้ำเหลือง  และเขารู้สึกเหมือนเรี่ยวแรงในกายกำลังลดถอยลงในขณะที่ความร้อนรุ่มเริ่มกระจายไปทั่วร่างอย่างรวดเร็ว
           
"เกิดอะไรขึ้น  ทำไมผมถึงเป็นอย่างนี้"
"คงเป็นเพราะน้ำลายของเจ้าหมาป่านั่น  มันเป็นกรดเดย์  สตาร์ " หญิงสาวพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงกังวล
"เป็นไปไม่ได้...." ชายหนุ่มเริ่มออกอาการมึนๆ ยืนเซ
"แข็งใจไว้แจ็กค์.." เธอบอกก่อนจะเลื่อนสายตามองไปยังถนนซึ่งอยู่ไม่ไกล "เดินไหวไหม"
"ไหวสิ...อึ๊บ..อะ...อื่อ.อ....."   ชายหนุ่มตอบออกมาได้เพียงแค่นั้น

เขาเดินโซเซออกไปสองสามก้าว ดวงตาเริ่มพร่าเลือน  ชายหนุ่มสะบัดหน้าของตนเองสองสามครั้งก่อนความรู้สึกทุกอย่างจะดับวูบลง  ร่างสูงใหญ่ของเขาล้มลงทันทีและคงจะกระแทกกับพื้นอย่างแรงถ้าหญิงสาวไม่รีบเข้าไปประคองไว้  หญิงสาวพยายามทำจิตใจให้ปรกติ  เธอรีบประคองเขาออกมาที่ถนนหลังจากวิทยุติดต่อหน่วยแล้ว  หญิงสาวมาดูอาการของชายหนุ่มเขากำลังเข้าขั้นตรีทูต  เธอเขย่าตัวเรียกสติเขาอย่างห่วงใย

"นายต้องอดทนหน่อยนะ  ฉันจะไม่ให้นายเจ็บฟรีหรอก"
"แคท...ผมหนาว...อื่อ.อ.อ...ทำไมมันมืดไปหมด...อื่อ.อ.อ....ผมมองไม่เห็นอะไรเลย...ผมหนาว.ว..ว.ว...ว์..."
"แข็งใจไว้นะ  แจ็กค์  นายต้องไม่เป็นอะไร" หญิงสาวเขย่าร่างของเขา "พวกเขากำลังจะมาช่วยนายแล้ว"
"อื่อ.อ..อ......." ร่างของชายหนุ่มนิ่งไป พร้อมเสียงที่เงียบลง
"แจ็กค์ !  แจ็กค์!  แจ็กค์  แดร์โรว์!!  นายห้ามเป็นอะไรนะ  ได้ยินฉันหรือเปล่า  แจ็กค์!...!" หญิงสาวเขย่าเรียกอย่างสุดห่วง

รถตู้สีดำวิ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบ  พอเข้าจอดยังไม่ทันนิ่ง  เจ้าหน้าที่ในชุดป้องกันเชื้อสีขาวก็วิ่งกรูลงมาจากรถ  และตรงเข้ามา  พร้อมอุปกรณ์ช่วยเหลือ  ร่างของชายหนุ่มถูกนำขึ้นรถไปอย่างเร่งด่วน  แล้วรถก็วิ่งออกไปเพื่อนำร่างของชายหนุ่มไปทำการรักษาทันที  หญิงสาวมองตามแล้วเม้มปากนึกเจ็บใจที่เพื่อนร่วมงานพลาดท่าจนเจ็บสาหัส

แดนนี่คนขับรถเดินเข้ามาใกล้ๆ เขาเอ่ยว่า "เอ่อ...คุณแคทเทอรีน ครับ เราต้องกลับกันแล้วนะครับ"
"ไม่..." หญิงสาวมองเข้าไปในตรอกมรณะ  แววตาของเธอฉายแววอาฆาต
"แต่ผมได้รับคำสั่งจากคุณ ดัลกลิช ให้พาคุณกลับทันที" คนขับรถทำท่าทางลำบากใจ "คุณก็รู้คำสั่งขององค์กรนี่....."
"เอานี่ไป" หญิงสาวยื่นซองใส่หนังศีรษะและกล่องใส่แขนของมนุษย์หมาป่าให้แดนนี่ เธอว่า "แล้วฉันจะกลับไปเอง"
"มะ..ไม่ได้นะครับ  คำสั่งขององค์กร...." แดนนี่รับซองและกล่องมา เขาเห็นของในนั้นก็ทำท่าสยอง  แต่ยังเอ่ยห้าม
หญิงสาวจ้องตาของเขาดุๆ "ฉันบอกให้กลับไปได้แล้ว"
"แล้วคุณจะไปไหนล่ะ?"
"จะไม่มีใครต้องเป็นเหยื่อของไอ้สัตว์นรกนั่นอีกแล้ว  แจ็กค์จะเป็นรายสุดท้ายของมัน..."

หญิงสาวเอ่ยเสียงเครียดๆ  แล้วเธอก็พาร่างในชุดหนังที่รัดรึงโชว์ความสมบูรณ์ของสัดส่วนวิ่งทะยานเข้าตรอกนั้นไป  แดนนี่มองตามด้วยสายตากังวล  แต่เขาก็ไม่อาจห้ามหรือรั้งเธอไว้ได้  ยามนี้จิตใจของนักล่าสาว โกรธแค้นยิ่งนักที่เห็นเพื่อนร่วมงานต้องบาดเจ็บทรมาน  เธอจึงต้องตามไปจัดการเจ้าสัตว์ร้ายตัวที่กระทำนั้นให้ได้  และมันต้องได้รับการตอบแทนอย่างสาสม  ความขุ่นเคือง  ความโกรธแค้นฉายออกมาทางสีหน้าและแววตาอย่างชัดเจน...

อากาศในยามค่ำคืนสร้างความสดชื่นให้กับหญิงสาวนักล่าจนทำให้เธอสามารถวิ่งลัดเลาะไปมาตาม ซอกอาคารและกระโดดข้ามสิ่งกีดขวางต่างๆได้อย่างไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์คืนแรมที่เริ่มแหว่งเว้าและเม้มปากทำสีหน้ามุ่งมั่นออกมา แล้วเธอก็กระโดดขึ้นไปยืนอยู่บนหลังคาโกดังและกวาดตามองไปโดยรอบ แม้บริเวณนั้นจะมืดมิดไร้แสงไฟแต่เธอกลับสามารถมองทุกอย่างได้กระจ่างชัด ดุจเวลากลางวัน

ท่ามกลางแสงจันทร์สลัวลาง ใบหน้าขาวๆกวาดตามองไปทั่วบริเวณเพื่อค้นหาเจ้าสัตว์ร้าย  ลมแรงๆพัดต้องกายทำให้ผมยาวสลวยและเสื้อคลุมปลิวพลิ้วไปตามแรง เกาะอกที่สวมใส่รัดแนบเนื้อจนมองเห็นอกที่พุ่งตระหง่านจนแทบเห็นปลายยอดที่ชูชันดันเนื้อผ้าออกมา ด้านล่างกางเกงหนังแนบเนื้อก็รัดแน่นเน้นช่วงขาที่เรียวสวย  เมื่อร่างนั้นขยับตัวอีกครั้ง  เนินเนื้อนางด้านล่างก็ขยับให้เห็นความอวบอูมที่ซ่อนอยู่ภายใน  และดาบเงินที่ขัดอยู่กลางหลังยิ่งเสริมให้เธอดูเย้ายวนและน่าเกรงขามผสานกันได้อย่างประหลาด

เงาสีดำที่ไหววูบผ่านไปตามตรอกขนาดเล็กทำให้หญิงสาวหรี่ตาลง  เธอจ้องเงานั้นและกระโดดลงไปหามันอย่างรวดเร็ว เสียงกรีดร้องแหลมเล็กดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ  หญิงสาวจ้องมองร่างที่ปกคลุมไปด้วยเกล็ดและขนเป็นมันเลื่อมซึ่งหยุดชะงักและเบิก ตากว้างอย่างตกใจที่เห็นเธอมายืนขวางทาง  มันอ้าปากและส่งเสียงขู่ที่ฟังคล้ายเสียงพ่นลมหายใจ

หญิงสาวค่อยๆดึงดาบที่ เหน็บไว้ด้านหลังออกมา
           
"แกเป็นตัวอะไรกันแน่" หญิงสาวเอ่ยถาม ดวงตาจ้องร่างอัปลักษณ์ที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ตรงหน้าเขม็ง

แม้จะมีใบหน้าและแขนขาที่คล้ายกับคนแต่ทั่วทั้งตัวของมันกลับปกคลุมด้วย  ขนและเกล็ดที่เป็นมันแวววาวสะท้อนแสงสลัวของไฟลางๆในความมืด  เจ้าอสูรร้ายอ้าปากกว้างและแลบลิ้นสีแดงสดออกมาพร้อมน้ำลายเหนียวยืดต้นเหตุอาการปางตายของเพื่อนเธอ  หญิงสาวชำเลืองตามองแขนของเจ้ามนุษย์หมาป่าประหลาดที่ถูกฟันจนขาดและต้องขมวดคิ้วเมื่อพบว่ามันงอกยาวออกมาจนเป็นปรกติเหมือนดังเดิม
           
"แขนของแกงอกใหม่ได้หรือนี่" หญิงสาวเอ่ยถาม

ไม่มีคำตอบจากเจ้า มนุษย์หมาป่า  นอกจากเสียงคำรามพร้อมกับกระโจนเข้าใส่เขาแทนการตอบ
หญิงสาวเบี่ยงตัวหลบอย่างว่องไวและกระโดดขึ้นไปยืนบนถังน้ำมัน
เธอหมุนดาบในมือและจับจ้องเจ้าอสูรร้ายด้วยดวงตาวาวน่ากลัว
 
"อยากรู้นักว่าหัวแกจะงอกใหม่ได้เหมือนแขนไหม"

ดาบในมือถูกหมุนเป็นวงและเหวี่ยงเข้าใส่มนุษย์หมาป่าทันที มันก้มลงหลบแต่ก็ยังไม่พ้น คมดาบจึงเฉี่ยวหัวของมันไปสร้างรอยแผลขนาดใหญ่ขึ้น เจ้าตัวประหลาดส่งเสียงร้องดังลั่น มันเหวี่ยงกรงเล็บเข้าใส่หญิงสาวนักล่าอย่างบ้าคลั่งและฉีกถังน้ำมันที่ถูกหญิงสาวเตะเข้าใส่เพื่อสกัดการจู่โจมจนขาดกระจุยราวกับเศษกระดาษ

มันโมโหและอาละวาดทำลายข้าวของรอบกาย   หญิงสาวกระโดดหลบการอาละวาดของมันและบ่น
           
"บ้าพลังเหมือนเจ้านั่นไม่มีผิด"
           
หญิงสาวคว้าชิ้นส่วนเครื่องจักรเก่าขึ้นมาและขว้างใส่มนุษย์หมาป่าบ้าเลือด มันยกมือขึ้นปัดและทำท่าจะกระโจนเข้าใส่หญิงสาวนักล่า  แต่ต้องชะงักเมื่อพบว่าเธอไม่ได้ยืนอยู่ที่นั่น เจ้าอสูรประหลาดรีบหันมองไปโดนรอบและร้องคำรามด้วยความโกรธเมื่อโดนหญิงสาวเหยียบอยู่บนหัว  กรงเล็บอันคมกริบกางออกหมายจะคว้าร่างของนักล่าสาวมาฉีกกินให้หาย แค้น แต่นิ้วของมันกลับถูกคมดาบของหญิงสาวตัดจนขาดกระเด็นไป
           
หญิงสาวม้วนตัวลงมายืนที่พื้น  เธอตั้งท่ารับการจู่โจม "นั่นสำหรับที่แกทำกับ แจ็กค์...."
         
เมื่อมันไม่บุกเข้ามา  หญิงสาวจึงเงื้อดาบขึ้นหมายจะพุ่งเข้าไปตัดคอของมนุษย์หมาป่าให้ขาด  แต่เจ้าตัวร้ายกลับรอจังหวะสวนเมื่อคมดาบพลาดจากการจู่โจม  ร่างอวบขาวเสียหลักเจ้าอสูรหมาป่าหนุนหลังสะบัดตัวของมันเหวี่ยงร่างของหญิงสาวที่พลาดจนร่วงลงไปนอนวัดพื้น  เธอรีบลุกยืนและตั้งท่าเตรียมรับการบุกทันที   แต่เจ้ามนุษย์หมาป่ารู้ด้วยสัญชาตญาณแล้วว่า  นักล่าเบื้องหน้าไม่ควรตอแย  มันจึงหมุนตัวและวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
           
"เดี๋ยว..แกจะหนีไปไหน  วันนี้ฉันไม่ปล่อยให้แกรอดไปได้หรอก...."     
           
หญิงสาวนักล่ารีบวิ่งตามแต่เจ้ามนุษย์หมาป่ากลับใช้อาศัยความมืดและเศษขยะที่เกลื่อนทั่วบริเวณนั้นพรางตัวเอาไว้ มันนอนหมอบซ่อนอยู่ภายใต้กองไม้ขนาดใหญ่และจ้องมองหญิงสาวอยูในความมืดไม่วางตา เสียงเคลื่อนไหวแกรกกรากที่ดังมาจากทางด้านหลังทำให้มนุษย์กลายพันธุ์รีบชำเลืองตามอง มันแยกเขี้ยวและตวัดลิ้นเลียริมฝีปากตัวเองเมื่อได้กลิ่นของเนื้อสดที่กำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้

อมนุษย์ร้ายสะดุ้งกางกรงเล็บของมันออกเมื่อได้ยินเสียงขู่คำรามของสุนัขที่ดังขึ้นเหนือกองไม้ที่มันใช้ซ่อนตัว
           
"มีอะไรหรือนีโอ....." เสียงสาวใส่แว่นร้องถามสุนัขของตน

หญิงสาวเดินเข้ามาตรงบริเวณนั้น  เจ้านีโอสุนัขของเธอโบกหางหนึ่งครั้งก่อนจะก้มหัวลงและแยกเขี้ยวขู่ไปในกองไม้  มันจ้องร่างที่ปกคลุมไปด้วยเกล็ดและขนเขม็งและทำท่าจะกระโจนเข้าไปหา

แต่สาวใส่แว่นรีบคว้าคอของมันเอาไว้และร้องห้าม  "ไม่เอาน่า  นีโอ...."

เธอพยายามห้ามและมองหาสิ่งที่ทำให้สุนัขตัวโปรดหงุดหงิด
คิ้วหนาๆใต้กรอบแว่นขมวดเข้าหากันเมื่อไม่พบอะไร  สาวใส่แว่นขยี้หัวเจ้าหมาปากเปาะเบาๆ

สาวใส่แว่นปลอบมันว่า   "แกเห่าอะไรหล่ะ   ไม่เห็นมีอะไรเลย"

หญิงสาวใส่แว่นยืดตัวขึ้นและทำท่าจะเดินออกไปแต่เจ้าสุนัขนามว่านีโอกลับยืนนิ่ง สายตาจ้องประสานกับร่างที่อยู่ใต้กองไม้ตลอดเวลา   สาวใส่แว่นถอนใจขณะเดินกลับไปอุ้มสุนัขของตนขึ้นมาและบ่น
           
"แกคงไม่คิดจะรื้อกองไม้นั่นเพื่อจับหนูหรอกนะ"

หญิงสาวพูดเสียงกลั้วหัวเราะขณะก้าวลงจากที่นั่น  แต่เมื่อเห็นเจ้านีโอทำท่าขัดขืนดิ้นรนและเห่าเสียงดังทำให้หญิงสาวชะงัก และมองมันด้วยความแปลกใจ "แกเป็นอะไรไปนีโอทำไมวันนี้ถึงดูหงุดหงิดจัง"
           
เสียงไม้ที่ตกกระแทกพื้นทำให้หญิงสาวใส่แว่นผู้นั้นหยุดพูด เธอหันกลับไปมองยังด้านหลังและเบิกตากว้างอย่างตระหนกเมื่อเห็นร่างที่ปก คลุมไปด้วยขนเกล็ดกำลังย่างย่องเข้ามาหา   เจ้ามนุษย์หมาป่าแลบลิ้นเลียปากตัวเองอย่างกระหาย ความเหน็ดเหนื่อยและบาดแผลที่ได้รับจากการต่อสู้เมื่อครู่ทำให้มันรู้สึกหิว จนลืมเรื่องของหญิงสาวนักล่าไปสนิท

เจ้าอมนุษย์อ้าปากออกปล่อยน้ำลายให้ไหลยืดย้อยออกมาขณะที่มองเหยื่อที่น่า กินทั้งสองตัว  สาวใส่แว่นอ้าปากค้างส่งเสียงร้องอุทานดังลั่นและก้าวถอยหลังในขณะที่เจ้านีโอ พยายามดิ้นรนจนสุดกำลังจนกระทั่งหลุดออกจากอ้อมแขนของเธอ มันยืนจังก้าขวางร่างของเจ้านายเอาไว้และแยกเขี้ยวขู่คำรามพร้อมกับเห่ากรรโชกเสียงดัง และเมื่อมนุษย์หมาป่าขยับตัวเข้ามาอีกก้าว   เจ้านีโอจึงกระโจนเข้ากัดมันทันที
           
"อย่านะ..นีโอ...ถอยออกมา..."  สาวใส่แว่นร้องตะโกนห้ามด้วยความตกใจ

และเธอยิ่งตระหนกเพิ่มมากขึ้นเมื่อเห็นเงาสีดำกระโดดเข้ามาคว้าร่างของเจ้าสุนัขสุดรักนีโอเอาไว้ก่อนจะถูกเจ้าหมาป่ากระหายเลือดขย้ำ  และเท้าของร่างนั้นก็ถีบเจ้ามนุษย์หมาป่าจนกระเด็นไป อีกด้าน   ร่างนั้นม้วนตัวลงสู่พื้นอย่างสวยงาม  และก้มหน้าลงดูสุนัขในอ้อมแขนที่กำลังสะบัดตัวอย่างแรง

เสียงดุๆจากร่างนั้นร้องสั่ง "หยุดดิ้นได้แล้ว..."

เจ้าหมาน้อยนีโอชะงักอาการดิ้นรนของมันทันที ใบหูทั้งสองข้างลู่ลงเมื่อเห็นดวงตาสีแดงก่ำที่กำลังทอแสงลุกโชน หญิงสาวใช้สายตาไล่สำรวจไปจนทั่วตัวของมันและยิ้มเมื่อไม่พบรอยแผลใด

สาวใส่แว่นรีบวิ่งเข้าไปหาพร้อมกับพูดถามด้วยน้ำเสียงระรัว  "นั่นมันตัวอะไร...."
           
แต่หญิงสาวใส่แว่นต้องชะงักคำพูดเมื่อเห็นใบหน้าของหญิงสาวนักล่าในยามนี้เต็มๆตา
หญิงสาวใส่แว่นรีบคว้าร่างของสุนัขคู่ใจมาอุ้มเอาไว้แน่นขณะที่ก้าวถอยหลังออกห่างจากหญิงสาว
สีหน้าของเธอฉายแห่งความหวาดกลัวออกมาอย่างไม่มีปิดบัง

"คะ...คุณ...ปะ...เป็น....วะ...แวมไพร์"

สาวใส่แว่นยืนตะลึงเอ่ยน้ำเสียงแหบแห้งและเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่สนใจ  หญิงสาวนักล่าหันไปมองมนุษย์หมาป่าประหลาดที่กำลังลุกขึ้นและสะบัดหัวอย่างแรงเพื่อไล่ ความมึนงง  มันจ้องหญิงสาวเขม็งด้วยสายตาอาฆาตและกระโจนเข้าใส่เขาทันที

"หลบไป"   หญิงสาวนักล่าตะโกนบอกสาวใส่แว่นซึ่งยังคงยืนนิ่ง

แต่ว่าเสียงนั้นไม่สามารถบอกให้สาวใส่แว่นรู้สึกตัวได้  เธอคำรามออกมาด้วยความโกรธเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกลัวจนขยับตัวไม่ไหว   หญิงสาวรีบวิ่งไปยืนขวางร่างนั้นเอาไว้และเหวี่ยงดาบสกัดมนุษย์หมาป่ากระหายเลือดเป็นพัลวัน ก่อนจะออกแรงผลักทั้งคนทั้งหมาออกไปให้พ้นทาง

"หลบไปสิ...เกะกะจริงๆ...."

หญิงสาวบ่นพร้อมกับหันไปมองอสูรประหลาดอีกครั้งและเบิกตากว้างเมื่อมันหายไป
หญิงสาวนักล่ารีบกวาดตามองหาทันทีและร้องอุทานออกมาเมื่อถูกกรงเล็บจากอุ้งมือของมันฟาดเข้าที่กลางหลัง
ร่างอวบระหงเซไปสองสามก้าวและรีบตั้งตัวยืนอย่างรวดเร็วแต่ยังไม่ทันที่จะได้ทำอะไรเธอก็ต้องล้มลงทั้งยืนเมื่อถูกอมนุษย์ฟาดเข้าใส่อีกครั้งก่อนจะโถมทับเธอเข้ามาทั้งตัว มันอ้าปากกว้างปล่อยน้ำลายให้ไหลยืดออกมา

แต่ก่อนคมเขี้ยวของมันจะสัมผัสเนื้อขาวๆของสาวนักล่า  เธอรีบเบี่ยงหน้าหลบพร้อมกับใช้ด้ามดาบยัดปากมนุษย์หมาป่าเอาไว้ มันพยายามสะบัดหัวแต่หญิงสาวยิ่งเพิ่มแรงอัดเข้าไปในปากของมันมากยิ่งขึ้น และต้องกัดฟันกรอดเมื่อฟันอันแหลมคมของเจ้าอมนุษย์เจาะทะลุถุงมือหนังของเขาเข้าไปจนถึงเนื้อ พิษที่อยู่ในน้ำลายแทรกซึมเข้าไปในกระแสเลือดทันที

เมื่อเจอคมเขี้ยวเจาะเข้าเนื้ออ่อนๆที่มือและบาดแผลจากการถูกฟาดที่กลางหลังออกอาการ  หญิงสาวรู้สึกว่าทั่วทั้งร่างเริ่มร้อนขึ้นในขณะที่เรี่ยวแรงเริ่มลดถอยลง   เธอขบกรามแน่นก่อนรวบรวมกำลังทั้งหมดผลักร่างอัปลักษณ์ที่ทับอยู่บนตัว กระเด็นออกไป  หญิงสาวรีบลุกยืนขึ้นและกำดาบแน่น ดวงตาที่เริ่มพร่ามัวจ้องมนุษย์หมาป่าเขม็ง มันแสยะยิ้มดวงตาวาวโรจน์เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะแย่เพราะพิษของตน  เจ้าอมนุษย์คำรามออกมาอย่างลำพองใจ  ขณะที่คลานเข้าไปหาหญิงสาวพร้อมกับตวัดลิ้นเลียปากของตน แผล่บ  แผล่บ....

"อยากกินฉันก็เข้ามา" หญิงสาวร้องท้าทั้งที่เริ่มหอบหายใจ

หญิงสาวนักล่าเริ่มอาการหนัก  แต่เธอยังกระชับดาบในมือแน่นและเตรียมจะเงื้อขึ้นแต่เพราะฤทธิ์จากพิษของมนุษย์ หมาป่าทำให้หญิงสาวเริ่มหมดกำลัง เธอทรุดตัวลงและมองร่างที่ปกคลุมด้วยขนและเกล็ดที่กำลังกางกรงเล็บที่เหลือของมันออกเพื่อเข้าจู่โจมเธอในสภาพที่มันกำลังได้เปรียบ  ยิ่งฝืนยิ่งสายตาพล่าเลือน  หญิงสาวนักล่าเริ่มรู้สึกตัวแล้วว่าคราวนี้เธอคงจะรอดยาก  นึกแล้วให้เจ็บใจที่จัดการมันไม่ได้

เจ้าอมนุษย์ไม่อาจระบุสายพันธุ์ร้องคำราม  มันอ้าปากแสยะเขี้ยวสะท้อนแสงไฟวาววับน้ำลายไหลย้อยมุมปาก  มันค่อยก้าวเข้ามาหาหญิงสาวนักล่าช้าๆ  และเตรียมอ้ากรงเล็บจู่โจมขย้ำเธอ  แต่ยังไม่ทันที่เจ้าอมนุษย์จะได้ลงมือทำอะไร  หญิงสาวก็เห็นมันสะดุ้งขึ้นสุดตัวและส่งเสียงกรีดร้องแหลมเล็กดังก้องไปทั่ว บริเวณ

ในความพล่าเลือนของภาพที่เห็น  เธอจ้องมองควันสีขาวลอยออกมาจากร่างของมนุษย์หมาป่าด้วยความสงสัย
ภาพเลือนลงทุกขณะ  แต่ประสาทรับรู้กลิ่นของเธอสัมผัสถึงกลิ่นเหม็นของเนื้อไหม้ที่ลอยตลบอบอวลไปจนทั่ว
ร่างที่เต็มไปด้วยขนและเกล็ดทรุดล้มลงนอนกองแน่นิ่ง มันค่อยๆแปรสภาพกลับกลายไปเป็นร่างของผู้หญิงคนหนึ่ง
หญิงสาวมองอย่างลางเลือนและพยายามจะลุกขึ้นไปดูแต่ต้องทิ้งตัวล้มลงอย่างหมดเรี่ยวแรง
เธอต้องพยายามปรับสายตาเหลือบมองเมื่อรู้สึกเหมือนมีใครบางคนกำลังประคองเธอเอาไว้ไม่ให้ล้ม

หญิงสายชำเลืองตามองอย่างลำบากพร้อมกับพูดเสียงแผ่ว "นะ..นี่นายเองหรอ....."
"คุณปลอดภัยแล้ว ไอ้สัตว์ประหลาดมันสิ้นฤทธิ์ไปแล้ว..." เสียงนั้นบอกเธอ
หญิงสาวปิดเปลือกตาลง  เอ่ยถามเสียงระโหยอ่อน "หมอผีสิน....นี่นายมาได้อย่างไง?"
"คุณ ดัลกลิช   ติดต่อวานให้ผมมาช่วยดูแลคุณ"   หมอผีหนุ่มกล่าวขณะที่พยุงร่างของหญิงสาวให้ยืนขึ้น

หญิงสาวพยายามลืมตาและหันไปมองร่างมนุษย์ผู้หญิงที่นอนตัวเปล่าเปลือยสิ้นสติอยู่อีกด้าน

หญิงสาวพูดเค้นเสียง "นายทำอะไรกับมัน ถึงจัดการมันได้..."
"มันเจอลูกไฟสุริยะเข้าไป  แต่ไม่หนักมากเท่าไหร่หรอก  แค่สลบไปเท่านั้น  .." หญิงสาวทรุดกายลงอีกเพราะขาอ่อนเดินไม่ไหว  หมอผีหนุ่มพยายามช่วยประคองให้เธอทรงตัวได้  "ท่าทางของคุณจะได้รับพิษเข้าไป  ขอโทษที่มาช้า  ผมเพิ่งได้รับแจ้งจากองค์กรของคุณก็รีบมาทันที  ถึงจะฉิวเฉียดไปหน่อย  แต่ก็โชคดีที่ช่วยคุณได้ทัน.."
"ให้ตายเถอะ"   หญิงสาวบ่น   "ไม่นึกว่านักล่ามือหนึ่งอย่างฉันจะถูกไอ้หมาบ้านี่เล่นงานขนาดนี้ได้"
"อย่าคิดมากน่า  เกิดเป็นคนก็ต้องมีแพ้ชนะกันบ้างเป็นธรรมดา"  หมอผีหนุ่มบอกขณะที่พาหญิงสาวกลับไปที่รถ

หลังจากจัดการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและฉีดยาแก้พิษเรียบร้อยแล้ว
ทีมงานจึงรีบไป เปิดประตูด้านหลังและหยิบกุญแจมือกับเชือกขดโตและเปลสนามออกมา

หญิงสาวมองด้วยความสงสัย "จะทำอะไร"
"พาเจ้านั่นกลับไปที่หน่วยครับ" เจ้าหน้าที่ตอบ "เป็นคำสั่งของคุณดัลกลิช ท่านต้องการให้จับเป็น"

เจ้าหน้าที่รีบกรูเดินไปยังจุดที่นักล่าสาวต่อสู้กับมนุษย์หมาป่าประหลาดทันทีที่พูดจบ หลังจากหายไปได้ราวสิบนาที พวกเขาก็ลากเปลสนามที่มีร่างของมนุษย์กลายพันธุ์ที่ ถูกมัดอย่างแน่นหนากลับมา เมื่อจัดการนำมันขึ้นรถและตรึงอย่างแน่นหนาแล้ว  เจ้าหน้าที่ส่วนนั้นจึงรีบออกรถไปทันที

ที่รถอีกคันร่างของหญิงสาวถูกใส่เปลสนามหามมาที่รถ
และดูเหมือนเธอจะหลับไปแล้ว 
แต่ก็ยังมีเสียงเบาๆร้องถามด้วยความเป็นห่วง  "พวกเขาเป็นยังไงบ้าง"
หมอผีหนุ่มที่เดินตามมาข้างๆ ขมวดคิ้วถาม "ใครหรอ?"
"หมาตัวนั้นกับเจ้าของ"   ดวงตาหรี่ปรือชำเลืองมาทางเขา   
หมอผีหนุ่มพยักหน้ายิ้ม "พวกเขาปลอดภัย"
เสียงถอนใจอย่างหนักดังขึ้น "เฮ้อ...อย่างน้อยฉันก็ทำได้อย่างที่บอกว่า  จะไม่มีใครเป็นเหยื่อไอ้สัตว์หน้าขนนั่น..."
หมอผีหนุ่มพูดต่อด้วยเสียงที่ไม่ดังนัก "แต่ดูเหมือนพวกเขาจะตกใจกลัวอย่างหนัก"
"ไม่แปลก"   หญิงสาวเอ่ยพึมพำ "ก็ได้เจอแวมไพร์ต่อหน้าต่อตานี่"
"แค่ครึ่งเดียวเท่านั้น และคุณก็เป็นมนุษย์"   หมอผีหนุ่มพูดเสียงเรียบ

หญิงสาวสะอึก  และฝืนมองเขานิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเบือนหน้าหนีไปอีกด้าน
หญิงสาวปิดเปลือกตาลงพร้อมกับพูดเสียงแผ่ว
"เพิ่งเจอกันแท้ๆ  นายก็ปากหวานด้วยเลยนะ  เข้าใจพูดปลอบกัน  สงสัยสาวๆจะติดนายเยอะเลยสิท่า... "
"อย่าฝืนพูดเลย  ผมว่าคุณพักผ่อนเถอะ  ผมมาแล้วและจะปกป้องคุณและทุกคนเอง..." หมอผีหนุ่มบอกด้วยน้ำเสียงจริงใจ
"ฉันก็หวังอย่างงั้นนะ...ฮื่อ.อ.อ....."

เสียง ผ่อนลมหายใจทำให้หมอผีหนุ่มรู้ว่าหญิงสาวหลับไปแล้วด้วยฤทธิ์ของยา
เขามองหน้าของหญิงสาวด้วยความเห็นใจก่อนจะหันกลับไปมองหน้าเจ้าหน้าที่ขับรถให้พาเธอเข้าไปข้างในรถตู้
เมื่อเจ้าหน้าที่จัดการเรียบร้อยแล้วจึงขึ้นรถและขับรถออกไปจากที่นั่นเพื่อมุ่งหน้าตรงไปยังหน่วยงานของพวกเขาที่ซ่อนตัวอยู่อีกด้านหนึ่งของเมือง...


นีโอ

ไม่ไกลจากจุดที่ต่อสู้กัน  บนหลังคาโกดังใหญ่  ร่างในชุดหนังสีดำร่วมๆสิบร่างยืนมองอยู่
ชายใบหน้าขาวซีดไร้ความรู้สึกมองด้วยแววตาเฉยชา  แต่จุดจับจ้องของเขาอยู่ที่หญิงสาวนักล่าที่ถูกพาตัวไป
ทั้งหมดยืนนิ่งราวไร้ชีวิต  ลมแรงพัดโบกชุดที่สวมใส่สะบัดพลิ้วเป็นริ้วใต้แสงอันสลัวๆของจันทร์เสี้ยว
จนกระทั่งมีเสียงเอ่ยจากชายใบหน้าซีดขาว ผมยาวปะไหล่ดังขึ้น

เสียงแหบๆนั่นเอ่ยถาม "เจ้าหนุ่มคนที่ปล่อยไฟได้เป็นใครกัน?"
"ไม่มีในข้อมูลของมันที่ได้มาจากในองค์กร กางเขนดำ ครับ  ท่าน มอทัซ..." คนยืนข้างๆเอ่ยตอบ
"ไปหาข้อมูลของมันมาโดยเร็ว  ข้าดูแล้วถ้าไม่รีบกำจัด  มันอาจจะเป็นกระดูกชิ้นโตของเราได้"
"ครับ..ผมจะให้คนในส่งข้อมูลมาด่วน..." เจ้าคนถูกสั่งรับคำ
คนที่ยืนด้านข้างเอ่ยแทรก "ครั้งนี้เกือบสำเร็จแล้วนะ  จะจัดการนัง เรด รีปเปอร์ ได้อยู่แล้ว  น่าเสียดายจริงๆ"
"หุ  หุ  หุ  ไม่น่าเสียดายหรอก  อย่างน้อย อมิเกล ก็ยังไม่ตายเพียงแค่ถูกจับตัวไป" ชายหน้าซีดผมยาวเอ่ยอย่างพอใจ
เสียงด้านข้างเอ่ยขึ้น "แต่ว่า นัง เรด รีปเปอร์ มันก็เป็น แวมไพร์ แต่ทำไมมันถึงไปเข้าข้างมนุษย์"
"มันเป็นลูกผสม  แม่ของมันตายตอนครอดและถูกเลี้ยงโดยมนุษย์ มันจึงอยากเป็นมนุษย์" หนึ่งในกลุ่มบอกออกมา
เสียงด้านข้างเอ่ยหยันๆ "การได้เป็น แวมไพร์ คือสิ่งที่วิเศษสุด แต่ นังโง่นั่นอยากเป็นมนุษย์  น่าขันจริงๆ..."

ขณะที่ทุกคนกำลังวิพากษ์วิจารณ์  ชายใบหน้าซีดกลับกำลังคิดคำนึงถึงเรื่องเกี่ยวกับนักล่าแวมไพร์สาว
เขายืนนิ่งไม่สนใจต่อสรรพเสียงและสิ่งรอบกาย  ภวังค์ของเขาหวนรำลึกกลับไปถึงเรื่องเมื่อหลายสิบปีก่อน....
เหตุการณ์นั้นฉายภาพขึ้นเป็นห้วงๆ  เขาจดจำทุกช่วงได้ดีเพราะว่าเขาก็อยู่ที่นั่นด้วย

เหตุการณ์เมื่อประมาณ ๒๐ ปีที่แล้วฉายภาพขึ้นมาลางๆและแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ
.
.
.
.

ยามค่ำคืนอันหนาวเย็นของชนบทแห่งหนึ่งในทรานซิลวาเนีย 

ภายใต้แสงจันทร์นวลที่ส่องสว่างไปทั่วท้องทุ่งที่มีแต่คราบน้ำแข็ง  หมู่บ้านชนบทของที่นี่ยามนี้ปรากฏแสงไฟส่องที่ช่องกระจกจากเตาผิงเพื่อขับไล่ความหนาวเย็นของอากาศ ปล่องไฟตามบ้านปรากฏควันลอยอ้อยอิ่งออกมาและลอยฟุ้งไปในชั้นบรรยากาศ  ถนนคันดินยามนี้เงียบสงัด  ภายในที่พักของชาวบ้านบางส่วนกำลังสังสรรค์และบางส่วนกำลังจะหลับนอนพักผ่อนเพื่อเก็บแรงไว้รับภาระของชีวิตในวันต่อไป

ไกลห่างออกไปเกือบๆท้ายๆของแนวหมู่บ้าน  บ้านหลังใหญ่หลังหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่บนเนินสูง  สิ่งประดับประดาตกแต่งรอบบ้านรอบรั้วบ่งบอกถึงฐานะที่มั่งคั่งของผู้อาศัย...... ด้วยสภาพทั่วไปที่ดูแสนจะปรกติและสงบสุข  จึงไม่มีใครจะไปคาดคิดเลยว่าหลังจากคืนนี้ไปแล้ว...จะเกิดโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ขึ้นโดยที่ชีวิตของผู้เกี่ยวข้องทุกคนจะแปรเปลี่ยนไปอย่างที่ไม่มีวันจะกลับมาเป็นได้เหมือนเดิม...

รถยนต์หลายคันวิ่งเข้ามาจอดที่หน้าบ้านหลังนี้

จากนั้นชายสวมชุดดำหลายคนก็ก้าวลงมา  ทั้งหมดกวาดตามองสำรวจไปรอบๆบริเวณบ้าน  แต่ที่น่าสะดุดตาคือชายร่างกำยำคนที่ก้าวลงมาทีหลังสุด  ทั้งหมดเดินเข้ามาคนนำหน้าเคาะประตู  เมื่อคนข้างในเปิดออกก็พากันกรูเข้าไป คนในบ้านต่างแตกตื่นตกใจ ชายชุดดำจับทุกคนในบ้านมัดไว้ทันทีโดยไม่บอกสาเหตุและไม่เอ่ยบอกว่าพวกตนเป็นใคร  มาเพื่อจุดประสงค์ใด  คงจะมีเพียงลูกชายคนโตของบ้านนี้เท่านั้นที่ดูจะรู้เรื่องดีที่สุด เพราะเขาดูจะมีสติไม่ตระหนกหวาดกลัวเหมือนคนอื่นๆ

ชายร่างกำยำเดินมามองหน้าของเขาและกวาดสายตาไปมอง พ่อ แม่ น้องชาย และน้องสาวของเขา  ก่อนที่ชายคนนั้นจะไปหยุดประสานตาและลอบยิ้มให้กับภรรยาสาวของเขาที่ถูกมัดรวมอยู่ด้วย  สายตาที่จ้องมองนั้นแฝงความหมายลึกล้ำเสียจนเดาได้ไม่ยาก  ขณะที่ภรรยาของเขาก็ไม่กล้าสบตาชายผู้นี้ราวกับมีเรื่องในใจต่อกันแต่หนหลัง

ชายคนนั้นเริ่มพูดขึ้น " ตอร์เรส...บอกเหตุผลมาสิ  ทำไมแกถึงทรยศต่อพวกเรา"
"ใคร..ใครไปทรยศพวกแก ฉันทำในสิ่งที่ถูกต้องต่างหาก" ชายที่ถูกถามตอบอย่างไม่สะทบสะท้านจ้องประสานสายตากร้าว

ชายคนนั้นยิ้มเหี้ยมๆกวาดสายตามองไปยังคนในครอบครัวของเขา  ทุกคนก้มหน้าหลบตาที่ดำวาวเรืองแสงสีฟ้าและน่ากลัว ด้วยความรู้สึกบางอย่างของทุกคนสัมผัสถึงความอำมหิตที่แผ่ออกมาจากตัวของเขา  ชายคนนี้แม้นหน้าตาดีดูคมเข้ม แต่ก็ไม่น่าไว้วางใจเลย

"ปล่อยทุกคนในครอบครัวของฉันไปเถอะ  พวกเขาบริสุทธิ์และไม่รู้เรื่อง" ชายผู้ถูกกล่าวหาว่าทรยศเอ่ยวิงวอน
"ปล่อยทุกคนหรอ?"ชายคนนั้นเดินมาหาแล้วจ้องหน้าเขา " เฟอร์นันโด  ตอร์เรส ฉันเกือบไม่รอดจากการที่แกไปชี้เบาะแสพวกเราให้กับพวกกางเขนดำ  รู้ไหมว่าพวกมันไปถล่มพวกของฉันบาดเจ็บล้มตายไปเท่าไหร่"
"แล้วแกจะเอาอย่างไง?" เขาเอ่ยถามตะคอกอย่างเหลืออด
"แกต้องชดใช้ความผิดนี้"เสียงตอบมาเหี้ยมๆ
"แกจะฆ่าฉันหรอ  เชิญเลยฉันไม่กลัวหรอก แต่ขอร้องถ้าแกยังมีความเป็นคนอยู่บ้างก็ปล่อยคนอื่นๆไป"
ชายคนนั้นกระชากคอเสื้อของเขาขึ้นมา  "ความเป็นคนของฉันมันหมดไปนานแล้ว  แกก็รู้ว่าฉันเป็นอะไร ทำไมแกถึงต้องคอยต่อต้านด้วย  แกดูสิแล้วแกได้อะไร  ไอ้พวกที่แกเอาฉันไปขายให้มันมาช่วยอะไรแกได้บ้างตอนนี้"
"มันเป็นสิ่งที่ฉันต้องทำ  และฉันขอน้อมรับในผลของมัน เอาเลยฆ่าฉันแล้วปล่อยทุกคนไป" เขาบอกอย่างเด็ดเดี่ยว
"แกจะได้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้" ชายคนนั้นกางมือออก ที่นิ้วของเขามีเล็บยาวแหลมคมยื่นออกมา "จงชดใช้ในสิ่งที่แกกระทำต่อพวกเรา ตอเรส ...นี่คือบทลงโทษของคนทรยศ"

ชายผู้ถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศจ้องตาของเขาเขม็ง  พลางเชิดหน้ารอให้เขาทะลวงกรงเล็บเข้าร่างเพื่อสังหารตนอย่างไม่หวั่นเกรง  ชายผู้กล่าวมองใบหน้าและจ้องสายตาที่เด็ดเดี่ยวแล้วก็ฉีกยิ้ม  เขายิ้มเหี้ยมๆที่มุมปากพยักหน้าและเงื้อมือที่มีกรงเล็บออกไปสุดหล้าพร้อมกับพุ่งเข้ามาสุดแรงหมายฝังเข้ายังที่หน้าอกของชายทรยศ  แต่ว่า...

"อย่า...วาเล็ค..อย่า..." เสียงห้ามจากหญิงสาวทำเอาเขาชะงัก
ชายชื่อ วาเล็คหันไปมองผู้หญิงที่ร้องห้าม เขาขานชื่อของเธอ "อย่าเพิ่ง คริสติน ยังไม่ถึงคราวของเธอ"
"วาเล็คได้โปรดเถอะ  อย่าทำอะไรตอร์เรส เลย ปล่อยเขาและทุกคนไปเถอะนะ" หญิงสาวร้องขอ
"ฉันคงทำตามที่เธอบอกไม่ได้หรอก  ความผิดของเขาที่ทำต่อพวกเราฉกรรจ์นัก" ชายชื่อวาเล็คปฏิเสธตอบอย่างไร้เยื่อใย
"แต่ว่าเขาเป็นสามีของฉัน   ฉันคงจะทนเห็นเขาเป็นอะไรไปไม่ได้"   หญิงสาวพยายามขอร้องด้วยน้ำเสียงสั่นสะอื้น
"ผมช่วยไม่ได้" เขาตอบสั้นๆ
"อย่างไง คุณก็ต้องฆ่าเขาหรือ..."
ชายชื่อวาเล็คพยักหน้า "ฮื่อ..อ.อ..นี่คือกฎของเรา...."
หญิงสาวสูดลมหายใจ  เธอถามเขาอีกครั้ง "ไม่มีทางเลี่ยงอื่นเลยหรือ"

เมื่อได้ฟังเกิดอาการสะดุด  ตาสีดำวาวฉายแววบางอย่าง  ชายชื่อ วาเล็ค จึงเก็บเล็บที่ยื่นยาวของตนแล้วปล่อยร่างของผู้จับกุมให้ทรุดนั่งลง  เขาเดินมาหาเธอแล้วมองจ้องตาของเธอ  รอยยิ้มของเขาเหมือนสมใจในอะไรบางอย่าง  เขาค่อยๆก้มลงเอามือจับที่หัวไหล่ของเธอแล้วประคองให้ลุกขึ้นตามมา   เธอรู้สึกตกใจมาก เขาค่อยๆขยับดันร่างของเธอมาเรื่อยๆและกว่าเธอจะรู้สึกตัวเองก็นั่งลงกับโซฟาเมื่อไหร่ไม่รู้  เขานั่งลงข้างๆเธอแล้วปลดเชือกออกให้

"คริสติน  คุณก็รู้ว่าผมสนใจคุณมานาน  แต่เพราะเขาคุณจึงตีจากผมไป  ผมไม่ติดใจเพราะว่าคุณสวยเลือกได้  ตอนนั้นคุณจะเลือกใครก็ได้  แต่ตอนนี้อนาคตของคุณอยู่ในกำมือของผม  ดังนั้นผมจะให้คุณเลือกบ้าง " ชายชื่อวาเล็ค ยื่นข้อเสนอ
"จะให้ฉันเลือกอะไร?"
"เลือกอีกที  ว่าจะอยู่ข้างเขาหรือข้างผม"
"แต่ฉันก็ขอยืนยันเหมือนเดิมว่าฉันจะไม่มีวันเลือกแกอย่างเด็ดขาด " หญิงสาวเอ่ยบอกพร้อมสะอื้น
"ขนาดนั้นเชียวหรือ?" ตาสีดำเรืองแสงฉายประกายขัดเคือง
"ฮื่อ.อ.อ.." หญิงสาวพยักหน้าแทนคำตอบ
วาเล็ค หัวเราะ "น่าอิจฉา ตอเรส ที่มีคนรักและจริงจังด้วยขนาดนี้ หุ หุ หุ "
"ฮื่อ.อ.อ..ฉันขอร้อง  ได้โปรดอย่าทำร้ายสามีและครอบครัวของเขา  จะให้ทำอะไรฉันยินดี..." หญิงสาวบอกเสียงสั่น
"ถ้าอย่างนั้น คุณจะมาอยู่กับผมเพื่อรักษาชีวิตของเขาทำได้ไหม..."
"แล้วนอกจากข้อเสนอนั้น  คุณมีทางเลือกอื่นให้เราอีกไหม..." หญิงสาวถามด้วยเสียงปนสะอื้น
วาเล็คยิ้ม เขากระซิบบอกเธอ "ก็พอมีนะ  คุณต้องนอนกับผมเดี๋ยวนี้  ถ้าคุณยอม ผมจะปล่อยทุกคนทันที"
"แก....ไอ้สารเลว..." หญิงสาวด่าทันที
วาเล็ค ยิ้มไม่สะทบสะท้านต่อคำด่า "แสดงว่าข้อเสนอนี้ก็ไม่ตกลงใช่ไหม"
"กะ..แก....." หญิงสาวเม้มปาก  และเธอก็ถอนหายใจเบาๆเหมือนปลงๆและยอมรับกลายๆ "ฉันจะเชื่อแกได้อย่างไง"
"คุณจะไม่เชื่อก็ตามใจ เดี๋ยวถ้าผมเสร็จแล้วคุณก็ดูเอาเอง แต่ตอนนี้ผมสนใจว่าคุณจะตกลงไหม"
"คุณ จะปล่อยพวกเราจริงๆใช่ไหม? .." หญิงสาวถามย้ำเสียงสั่นๆ

แทนคำตอบเขามองเธอยิ้มๆ ตอนนี้เขาจ้องหน้าเธอนัยน์ตาของเขาดูจริงจัง  เขาจ้องมองจนเธอรู้สึกเย็นเยียบและเริ่มรู้ตัวว่าไม่สามารถห้ามอะไรที่จะเกิดต่อไปนี้ได้แล้ว  เขาถอดเสื้อแจ๊กเก็ตออกเหมือนอย่างกับว่าคุ้นเคยกับเธอมานาน เมื่อเสื้อถูกถอดออกจึงเผยรูปร่างแข็งแกร่งของเขาภายใต้เสื้อยืดสีเข้ม  เธอทำแค่เพียงเหลือบมองแล้วเขาก็ขยับเข้ามาหาจนเธอต้องผงะถอย  แต่แขนใหญ่ๆแข็งแรงของเขาก็โอบกอดร่างของเธอไว้

หญิงสาวขยับตัวและร้อง "อย่านะ จะทำอะไร"
"คุณจะขัดขืนผมก็ตามใจ แต่พูดกับสามีคุณก่อนสิ" ชายชื่อวาเล็คพยักหน้าไปทางสามีของเธอ
"มะ..ไม่...อย่ายอมมันนะ  อย่ายอมมัน คริสตี้..อย่า .." เสียงสามีของเธอละล่ำละลักห้ามแล้วโดนกดหัวลงพื้น
"ว่าอย่างไงละคริสตี้ ชีวิตของเขาขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณนะ" วาเล็ค ถามเสียงเย็นๆ ไม่ใส่ใจกับคำของสามีเธอ

หญิงสาวไม่กล้าจะอ้าปากพูดอะไรด้วยเธอตกใจกลัวไปหมด  น้ำตาเริ่มไหลทำอะไรไม่ถูก ชายชื่อวาเล็คไม่พูดอะไรเข้ามาจับไหล่ของเธอแล้วกระซิบบอก "คุณเป็นสวยมากๆนะ  และผมก็ชอบคุณมานานแล้ว  ขอให้ผมสมหวังสักครั้ง แลกกับชีวิตของทุกๆคนในที่นี่  ดูสิทุกชีวิตกำลังขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณนะ"
"อย่านะ อย่าทำอะไรพวกเราเลย ขอร้องเถอะ" เธอร้องบอกเขาวิงวอนจนน้ำตาไหล
เขาเชยคางเธอขึ้นแล้วก็เช็ดน้ำตาให้อย่างนุ่มนวล  "ถ้าคุณขัดขืนผมก็ไม่ทำอะไรคุณหรอก  แต่เมื่อผมกลับไปสามีคุณก็ตายผมช่วยอะไรไม่ได้นี่เป็นระบบการลงโทษผู้ทรยศ  คุณต้องเข้าใจนะสามีคุณนั้น  ทำผิดต่อพวกเรา  เป็นเหตุให้พวกเราต้องล้มตายมากมายเขาจึงต้องชดใช้  "
"ไอ้สารเลว มอทัซ  แกนี่มันเลวจริงๆ  แก..แก..ฉันขอสาปแช่งแก..." สามีของเธอร้องด่าทั้งที่ถูกกดหน้าคว่ำลงกับพื้น
วาเล็ค มองอย่างสะใจ  เขาประคองหญิงสาวให้ลุกขึ้น "ผมว่าคุยตรงนี้  คุณอาจตัดสินใจยากเพราะมีสิ่งรบกวน เข้าไปคุยในห้องดีกว่า  คุณอาจตัดสินใจได้ง่ายขึ้น"
"อย่านะ...คริสตี้...อย่าไป...อย่ายอม...." สามีของเธอพยายามดิ้นขัดขืน  แต่ก็ถูกพวกที่กุมตัวไว้กดจนไม่อาจขยับได้
หญิงสาวมองหน้าสามีน้ำตาเอ่อ เธอสะอื้นบอก "ตอเรส  ยกโทษให้ฉันนะ  มีแค่ทางนี้ทางเดียวที่จะช่วยทุกคนได้"
"อย่า...คริสตี้...อย่า.....ได้โปรดเถอะ..อย่า.." สามีของเธอพยายามดิ้น แต่ก็ถูกกดไว้ด้วยเรี่ยวแรงมหาศาล
ชายชื่อ วาเล็ค มองหยามๆ แล้วประคองหญิงสาวพลางบอก "ไปกันเถอะ  เวลาของผมมีน้อย..."
"ตอร์เรส......" หญิงสาวเหลือบมามองสามีที่ถูกกดใบหน้าแนบพื้น  เขาหลับตาขบกรามอย่างสุดแค้น

หญิงสาวถูกพาเข้ามาในห้องนอนของเธอกับสามี  เขาปิดประตูห้องไม่สนใจต่อเสียงร้องเรียกภรรยาและก่นด่าไล่หลังของชายที่เขาว่าเป็นคนทรยศ  แต่ก่อนที่ปิดประตูเขาพยักหน้าและยิ้มที่มุมปากน้อยๆให้กับพรรคพวกที่รออยู่ด้านนอก  ชายที่ภรรยากำลังจะถูกวาเล็ค ย่ำยีตาเบิกโพลงเขามองพวกชายชุดดำที่ขยับตัวด้วยรู้ว่าพวกมันกำลังจะทำอะไร  เขาพยายามดิ้นขัดขืนแต่ก็ไม่อาจหลุดจากการกุมตัวได้  ขณะที่หญิงสาวถูกพาเข้าไปในห้องเธอก็เดินอย่างไร้วิญาณและความรู้สึก  น้ำตาอาบนองสองพวงแก้มแดงระเรื่อ

"เอาละ..อย่าเสียเวลาเลย  เรามาเริ่มกันเถอะ.."เขาพูดพร้อมกับเริ่มแกะกระดุมเสื้อเธอ
"อย่า..อย่าทำอย่างนี้เลยนะ" เธอพยายามจะจับมือเขาไว้

ชายหน้าเข้มหยุดมือทันทีและมองจ้องเธอเขม็ง แต่เขาก็ไม่พูดอะไรหญิงสาวสะอื้นออกมาเพราะกลัวว่าถ้าขัดขืนเขาแล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับสามีของเธอถ้าหากเขาเดินกลับออกไปตอนนี้ เธอจำต้องปล่อยตัวให้เขาเชยชมตามใจปรารถนา   สักพักเขาก็ประคองไหล่ของเธอไปที่เตียงนอน แต่เธอก็เดินตามเขาไปอย่างตัวสั่นงันงกเหมือนคนไม่มีสติ  เขากดให้ร่างของเธอนอนลง  น้ำตา ยังคงไหลไม่หยุด  เธอรู้สึกทั้งกลัวและสับสนมากๆ

"ฮือ ๆๆ คุณต้องปล่อยพวกเราจริงๆนะ .." หญิงสาวร้องบอก
"ไม่ ต้องกลัว ผมไม่ผิดคำพูดหรอกน่า" เขาพูดปลอบใจพร้อมกับปลดกระดุมเสื้อของเธอออกช้าๆ

และเขาก็ถอดเสื้อของเธอออกอย่างง่ายดาย  หญิงสาวรู้สึกเขินอายมากจึงรีบเอามือกอดอกปิดบังเนินถันของตนจากสายตาของเขา  แต่เขาก็กันแขนของเธอออกไปเบาๆ  แล้วโน้มตัวลงหอมแก้มเนียนๆมีรอยตกกะน้อยๆของเธอ  มือเขาเริ่มลูบไล้ต้นแขนเบาๆ  และเขาก็หอมแก้มหนักๆ ทั้งสองข้างแล้วก็ประกบจูบปากทันที  เธอพยายามเบี่ยงหน้าหลบไปมาเขาเอามือมาแตะที่แก้มลูบเบาๆ  แม้นเธอจะรู้สึกสะอิดสะเอียนแต่ไม่อาจขัดขืนได้  แต่ก็พยายามตะแคงหน้าหลบ

เขาหอบหายใจฟืดฟาดเพราะอารมณ์กระหายปะทุหนัก  หญิงสาวหลับตาไม่กล้ามอง  หัวใจเต้นแรงราวกลองถูกรัวตี ในที่สุดเขาก็จูบปากของเธอได้  เขาบดเน้นจูบไปทั่วริมฝีปากของเธอจนมีเสียงจูบดังจ๊วบจ๊าบและเขาพยายามจะเผยอปากของเธอออกเพื่อสอดลิ้นเข้ามาในปากของเธอ  แต่หญิงสาวก็พยายามเม้มปากไว้ไม่ยอมเผยออ้าปากรับ  ถึงตอนนี้ เขากดร่างของเธอไว้นิ่งและลูบไล้เล่นอย่างสนุกมือ  และเธอก็พยายามเอาแขนกั้นหน้าอกตัวเอง  ทว่าเขาก็คว้าแขนของเธอลงไปวางข้างกายโดยที่ไม่อาจขัดขืน  ทำให้หน้าอกของเขาบดเบียดกับเนื้อนมสองเต้าอวบล้นของเธอได้อย่างเต็มที่

เขาหอมแก้มและไซร้ไปที่ข้างหู  ลมหายใจของเขารดอยู่ข้างซอกหูของเธอรู้สึกขนลุกเกรียว เขาจูบไซร้ไปทั่วใบหู หญิงสาวพยายามหันหน้าตะแคงเพื่อนอนทับใบหูของตนให้พ้นจากการรุกเร้า  ทำให้แก้มของ เธอไปสัมผัสกับข้างแก้มของเขา  อาการขัดขืนเช่นนี้ทำให้เขาเปลี่ยนมาจูบปากของเธอ   เพราะไม่ทันระวังจึงถูกประกบจูบ ลิ้นของเขาพุงวาบเข้ามากระดิกสะกิดลิ้นของเธอ  มันรู้สึกเสียววูบจนต้องรีบเบือนหน้าหนี พอหลบพ้นการประกบปากจูบ   เขาก็จูบลงที่ใบหูอย่างหนักพร้อมทั้งฉกลิ้นชอนไชเข้ามาในรูหู เขาขบเม้มใบหูของเธอแล้วอมดูดติ่งหูอีกครั้ง  และอย่างไม่ทันตั้งตัวเขาก็จูบไซร้ที่ซอกคอสูดดมกลิ่นกายของเธอเข้าไปเต็มปอด

"อือ .. ตัวคุณหอมจริงๆ .." เสียงเขารำพึงขณะฝังจมูกอยู่ที่ซอกคอ

เขาไซร้หนักเบาสลับกับงับใบหูของหญิงสาว  ถึงตอนนี้เธอรู้สึกสยิวแสยงไปหมดแล้ว กลัวจนหยุดร้องไห้ไปเลย แต่หญิงสาวก็ยังไม่กล้าลืมตา เขาคลุกหน้ากับซอกคอ ซุก ไซร้ที่ใต้คางจนหญิงสาวต้องเงยหน้าขึ้น  แล้วเขาก็เปลี่ยนไปไซร้ซอกคออีกข้าง เขาปล่อยการกอดรัดมาจับต้นแขนหญิงสาวเพื่อขืนตัวไว้ และพรมจูบต่ำลงมาที่หน้าอกเธอกำลังจะพยายามยกแขนขึ้นปิดกั้นแต่ก็ไม่ทัน เขาคลุกหน้าลงไปที่เต้านม

"อืม..ม.ม.ม...ม...ม์ .. ใหญ่ดีจริง ทั้งใหญ่ทั้งขาว.. เดี๋ยวจะดูดให้หนำใจเลย  คอยดู .."

หญิงสาวหน้าชาวาบเมื่อได้ยินคำพูดของเขา

แต่ยังไม่ทันทำอะไรเขาก็งับที่เต้านมทั้งๆที่ยังมียกทรงปิดกั้นอยู่   แต่หญิงสาวก็ยังผวารู้สึกวูบวาบด้วยความเสียว  ด้วยอารมณ์ทั้งกลัวทั้งตื่นเต้นระคนกับเสียวมันเป็นความรู้สึกที่สับสนไปหมด แต่ถึงอย่างไรหญิงสาวก็ยังมีสติพอที่จะหาทางขัดขืน.. เขาพรมจูบลงไปบนก้อนเนินอกที่อัดปลิ้นล้นยกทรงเพราะเธอเป็นคนหน้าอกใหญ่ สามีของเธอมักชมบ่อยๆว่าสองเต้านมของตั้งทรงได้รูปสวยมาก  และก็ไม่เคยมีใครทำกับเธออย่างนี้ได้นอกจากสามีของตัวเอง  และก็เขาคนนี้อีกคนแต่เป็นคนที่กำลังจะข่มขืนเธอ....

เขาปล่อยมือจากการจับยึดแขนของเธอแล้วโอบกอด เมื่อแขนของเธอเป็นอิสระจึงพยายามที่จะผลักใบหน้าเขาออก  แต่แล้วเธอก็ต้องใจหายวาบเพราะเขาปลดตะขอยกทรงด้านหลังอย่างรวดเร็วและยังไม่ทันที่หญิงสาวจะคิดแก้ไขอะไรได้ เขาก็เลิกยกทรงออก! สองเต้างามก็ปรากฏแก่ตาเขาเต็มๆตา

หญิงสาวหน้าชาและตกตะลึงระคนกันเมื่อเห็นดวงตาวาววามเป็นประกายของเขาที่จ้องหน้าอกเขม็ง ..ก่อนที่จะได้ทันตั้งตัวเขาก็รูดสายยกทรงออกมาทางแขน   หญิงสาวพยายามยกแขนขึ้นกอดอกปิดบังส่วนสงวน  แต่เขาไม่สนใจจูบลงบนท่อนแขนและกดหน้าลงที่กลางเนินหน้าอก เขาปลดสองแขนที่ปิดบังลงด้านข้างอย่างง่ายๆ เหมือนไม่ต้องออกแรง

"โอ้...คริสตี้ ..หน้าอกของคุณสวยจริงๆ .. .อื้อฮือ .. จุ๊..จุ๊ .. หัวนมของคุณสวยมากๆเลย ....คริสตี้..อื่อ..อื่อ..... "

เขาเอ่ยปากออกมาอย่างหลงใหลแต่หญิงสาวกลับรู้สึกอายมากๆ

เธอมอง เห็นสายตาของเขาที่มองหน้าอกของตนแล้วรู้สึกใจสะท้าน  ทันใดนั้นเขาก็อ้าปากงับที่หัวนมของเธอ  และได้รับรู้สัมผัสจากปลายลิ้นที่เขาฉกปราดดุนดันสลับกับการดูดเลีย  เขาอ้าปากกว้างๆแล้วดูดยอดเนินถันเข้าไปอย่างแรงจนกระทั่งเธอต้องแอ่นอกตามแรงดูดนั้น เมื่อติ่งปลายก้อนชูชันของเธออยู่ในปากเขา  ลิ้นที่แข็งๆสากๆและอุ่นๆ ปาดหัวนมไปมาทำเอาเธอหลับตาผวาเพราะความเสียวสะท้านแทรกซึมจนต้องบิดกายผวาเฮือกๆ  เขาคายยอดปลายข้างนั้นออกมาแล้วลากลิ้นเลียหัวนมจนเปียกชุ่ม  เขาจูบเคล้าแลบเลียลิ้นไปทั่วทุกอณูของฐานเต้า แล้วก็หันหน้าไปฉกหัวนมอีกข้างอย่างรวดเร็ว

" .. อย่า ไม่เอา..อย่า..อย่า .. อย่า..พะ..พอ..แล้ว .."   คำพูดวิงวอนของเธอเบาหวิวจนแทบเป็นเสียงกระซิบ

เขาไม่ฟังเสียงยังคงคลุกเคล้าสองเต้านมอย่างเมามันส์   ลิ้นของเขาร้ายเหลือเกินทั้งฉกทั้งดุน ปากก็ดูดสลับกับเลีย เขาคลุกหน้าลงกับนมของเธอที่เริ่มแข็งเป็นไตมากขึ้นมาเรื่อยๆด้วยความเสียวซ่าน  เขาบดใบ หน้าของเขากับหน้าอกเธอจนเนื้อนมแทบจะบี้แบนแหลกเหลว เขาทั้งดูดหัวนมทั้งเลียหัวนมของเธออย่างไม่ปรานี  สลับซ้ายสลับขวาจนกระทั่งหญิงสาวเริ่มหอบหายใจแรงขึ้นเนื่องจากอารมณ์กระสันกำลังปะทุขึ้นมาทีละน้อยๆ

" .. อา .. วาเล็ค .. อย่าเลย พอเถอะ .. อูย .. อือ .. "   หญิงสาวพยายามกลั้นความรู้สึกอย่างเต็มที่

แต่ว่ามือของเขาข้างหนึ่งเริ่มลูบไล้หน้าอกขย้ำก้อนนมหยุ่นมือ  พร้อมกับที่อีกข้างโดน เขาดูดเลียอย่างเอล็ดอร่อย  เมื่อหญิงสาวถูกกระหน่ำเสียวทั้งสองข้างพร้อมกันอย่างนี้ทำให้รู้สึกหายใจขัดๆ   และเขาเองก็ไม่ยอมว่างเว้นจากการดูดเลียหัวนมในขณะที่มืออีกข้างก็ประคองเต้าบีบคลึง เขาใช้นิ้วคีบดึงหัวนมแล้วก็ปล่อย ดึงแล้วก็ปล่อย บางทีก็เขี่ยบี้หัวนมใช้นิ้ววนรอบป้านนม   บางครั้งเขาก็ใช้มือทั้งสองข้างเกาะ กุมเต้านมขนาดใหญ่ของเธอเข้าเบียดกันจนหัวนมอยู่แทบจะแนบชิดกันแล้วเขาก็รุกเลียพลิ้วปลายลิ้นที่หัวนมทั้งสองข้างอย่างรวดเร็ว   หญิงสาวรู้สึกเสียวสยิวจนหูอื้อตาลาย  ครางสั่นสะท้านราวคนเป็นไข้ก็ไม่ปาน....

" .. อาา .. อื้ย .. โอะ .. คุณ .. อา .. ซื้ด..ส..ส.ส...ส์ ..ไม่ .. "   หญิงสาวพยายามกลั้นเสียงครางของตัวเองไว้อย่างเต็มที่

แต่ดูเหมือนว่าเธอจะปิดอาการไม่มิด   เขารวบแขนของเธอขึ้นไขว้ไว้เหนือหัว แล้วก็ลากลิ้นเลียเนื้อร่องทั้งสองเต้าของเธอจนหนำใจ   ตอนนี้หญิงสาวรู้สึกเสียวจนต้อง หลับตาพริ้ม  แล้วเขาก็จูบเลียลากลิ้นไปที่รักแร้ที่เนียนไร้ขน  เขาเลียลิ้นหนักๆลงที่เนื้อใต้วงแขนอย่างหนัก  หนวดสั้นทิ่มแทงจนเธอทั้งสยิวทั้งจั๊กกะจี้จนแทบทนไม่ได้ เขาปล่อยมือและลูบมือลงไปที่หน้าท้องเอานิ้วแหย่สะดือเล่น ทันใดเขาก็ฉกมือวูบลงไปที่หว่างขาของเธอแบบไม่รู้ตัว  กางเกงที่เธอสวมอยู่เป็นกางเกงขาสั้นหูรูด  ดังนั้นมือของเขาจึงหลุดพ้นขอบกางเกงชั้นนอกเข้าไปประกบกุมที่เนื้อโหนกข้างในได้อย่างง่ายดาย

หญิงสาวผวาด้วยความตกใจ  และพยายามเอื้อมมือลงไปคว้าแขนของเขาดึงขึ้น เขาปล่อยมือจากเป้าหว่างขาของเธอและจับรวบมือขึ้นไปใหม่   แล้วจับด้วยรวบสองแขนเรียวอ่อนไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียว   เขานั่งคร่อมร่างของเธอที่ตรงหัวเข่า  จากนั้นเขาก็ลูบมือไปที่ขาอ่อนของหญิงสาว   ด้วยเธอไม่ทันระวังจึงไม่รู้เลยว่าขาสองข้างนั้นแยกออกจากกันมากพอที่จะทำให้ เขาลูบฝ่ามือเข้าที่ขาอ่อนด้านในได้เต็มมือ ..

เขาสอดฝ่ามือเข้าไปในชายขากางเกง นิ้วของเขากรีดไปที่ง่ามขาของเธอแผ่วๆ

"โอ๊ะ..โอ้ย.ย.ย.... .."   เจอเข้าไปหญิงสาวเผลอร้องออกมาด้วยความสยิวหัวใจวูบๆ

เขาประกบฝ่ามือลงบนกางเกงในตัวน้อยที่ปกปิดเนินเนื้อ พลางคลึงมือนวดเคล้นโคกนูนนั้นหนักๆเบาๆสลับกันไป  หญิงสาวผวาเฮือกๆตามแรงมือ  รู้สึกตัวแข็งไปทันทีที่เขาทำอย่างนี้ เขากรีดนิ้วลงบนรอยผ่าตรงกลางทำให้เธอได้รู้สึกว่ากำลังแฉะฉ่ำไปด้วยน้ำเมือกที่เอ่อออกมาตามการกระตุ้นของเขา ..

" ..หุ..หุ..หุ .. ท่าทางคุณจะเปียกหมดแล้ว ดูสิ   ออกมาเยอะจริงๆ .." เขากระซิบที่ข้างหูพลางหอมแก้มอย่างทะนุถนอม

หญิงสาวรู้สึกอายจนต้องหันหน้าหนี  เขาจึงสอดลิ้นลงไปในรูหูซึ่งเป็นจุดอ่อนของเธอ
และใน ทันใดนั้นเขาก็แทรกนิ้วเข้ามาจากขอบกางเกงในที่ด้านข้างนิ้วหลายนิ้วของเขาประกบลงไปที่แคมซึ่งเบียดกันแน่น

" . ดูสิ .. อื้อฮือ .. กำลังเปียกแฉะ .." เขาพูดพร้อมกับละเลงนิ้วลงบนที่เปียกเยิ้มนั้น

เขากดคลึงลงนิ้วอย่างหนักจนได้ยินเสียงเจาะแจะๆดังขึ้นมา
หญิงสาวรู้สึกสยิวจนแทบทนไม่ได้ใจเต้นระริกระรัว

" .. อะ อ๊า .. อย่า .. อย่า..อ้า..ร์..อ้า..ร์ .."

ถึงจะร้องห้าม  แต่กายก็สนองกับการล้วงลึกนั้นอย่างไม่อาจฝืนได้

หญิงสาวบิดกายเร่าๆเสียวสยิวสุดจะทน  แต่ จู่ๆ เขาก็ชักมือกลับออกมา แล้วก่อนที่จะทันรู้ตัว  เขาก็จับขอบกางเกงดึงพรืดเดียวทั้งกางเกงนอกกางเกงออกจากส่วนสงวนของเธอ  และมันก็หลุดไปกองอยู่ที่หัวเข่า  หญิงสาวใจหายวูบรู้สึกเย็นวาบที่ท่อนล่างวาบ  และเขาก็ยังดึงกางเกงของเธออกทางปลายเท้าและโยนทิ้งไปอย่างไม่ใยดี   เธอเหลือบมองเห็นเขาจ้องเนื้อหญิงที่ปกคลุมด้วยขนตรงหว่างขาเสียตาแทบทะลุออกนอกเบ้า  ด้วยความเขินอายเธอรีบเอามือปิดหว่างขาแต่เขาก็กันไว้ได้

" .. โอ้โห้... ใหญ่โตจริงๆ....  แล้วก็สวยมากๆ .. คุณนี่สวยไปหมดทั้งตัวเลยนะ .."

เขาพูดชมอย่างหื่นกระหาย  แต่หญิงสาวอายจนไม่กล้าลืมตาขึ้นมา  คงนอนปล่อยให้เขาชื่นชมร่างกายตนไปตามใจ

เขาโผตัวลงมาคลุกเคล้นใบหน้าลงที่หน้าท้องของเธอ   พลางลงลิ้นเลียสะดือและไล่ไปบนหน้าท้องที่นวลเนียน  เขาฟอนเฟ้นอย่างหนักและไซร้ใบหน้าต่ำลงไปเรื่อย   แม้นเธอจะรู้ว่าเขากำลังจะทำอะไรแต่ไม่มีเรี่ยวแรงจะขัดขืน   จิตใจของเธอนั้นผสมอารมณ์ กลัวก็กลัว  ตื่นเต้นก็ตื่นเต้น แล้วเขาก็พรมจูบที่หน้าขาของเธอ  เขาวนใบหน้าฉวัดเฉวียนไปที่โหนกกลางลำตัว แต่เขาก็ไม่ทำอะไร ขณะหนึ่งเขากรีดลิ้นลงที่ง่ามขา   ทำให้หญิงสาวสะดุ้งเสียววูบขึ้นมา ทันใดนั้นเขาก็จับที่ขาพับของทั้งสองข้างแล้วแยกขาของหญิงสาวออกอย่างรวด เร็ว  ทำให้สองกลีบเผยออ้า ส่วน เธอรู้สึกเย็นวาบ ..

เขาฝังใบหน้าลงไปโดยที่หญิงสาวไม่มีโอกาสปกป้องของสงวนเลย เขาจูบหนักๆ ที่เนินเนื้อเคล้าใบหน้าลงที่หนั่นนูนมีขนปกคลุม   เธอเสียวสยิวจนต้องแขม่วท้อง .. เขากดจมูกลึกลงไปที่รอยแยกเบียดสองแคมให้แบะออก แล้วก็สอดลิ้นพุ่งเข้ามาในโพรงเขาลากเลียลิ้นที่แคมข้ามหนึ่งแล้วสลับมาทำ อีกข้างหนึ่ง เลียลึกๆ ลงไปในโพรงซ้ำแล้วซ้ำเล่า ..

" .. โอ้.ว.ว.. .อูย . อย่า .. โอ๊ .. ไม่ .. อย่า ..อา..ร์...อา..ร์..อา...ร์....... "

หญิงสาวร้องห้ามเสียงกระเส่า  แต่เด้งเอวเอาร่องผ่าเข้าหาปากของเขาไม่หยุด
และ เขาก็ตอบแทนคำวิงวอนด้วยการฉกลิ้นไปที่จะงอยติ่ง อ้างับแล้วดูดหนักๆหญิงสาวเสียวซ่านจนแอ่นก้นหลังไม่ติดเตียง

" .. อี๊ ..โอ้..ว..ว์....อ้า..ร์....วาเล็ต...วาเล็ต...ได้โปรด...ได้โปรด...อุ๊ย.....อุ๊ย.....ไม่...ไม่..  .."

เขาตวัดลิ้นเลียปลายปุ่มแล้วลากลิ้นเลียย้อนลงมาตามแคม  เขาเลียเขาดูดกลืนน้ำจนมีเสียงดัง แผล่บ แผล่บ
เขาเลีย เลีย เลีย สะกิดดูดติ่งเสียวของเธอสลับกับคลุกเคล้าทั้งจมูกปากละเลงไปทั่วทั้งเนิน ....เนื้อที่เปียกแฉะนั่น

" .. โอ๊ย .. ซี้ดส์ ... อื้อ อู๊ย .. ไม่...พอแล้ว .. อย่า อูย .. หยุดเถอะ .. ขอ ขอร้องเถอะค่ะ ..ซีดส์ .."

เสียงของเธอร้องครางดังขึ้นทุกทีอย่างลืมตัว เขายังคงละเลงลิ้นอย่างหนักและแล้วเขาก็เสียบนิ้วเข้ามาในโพรงเสริมแรงเสียว

" .. อื๊ยส์ .. อย่า อย่า..ไม่...โอ้...โอ้... .. พอแล้ว .. อา..ร์ .."

เขาชักนิ้วเข้าออกและกวาดนิ้วคว้านไปมาขณะที่ปากยังคงดูดอยู่ที่ติ่งเนื้อของเธออย่างเอร็ดอร่อย ..

" .. โอย .. พะ  พอ .. มะ  ไม่ ไม่ไหว .. โอ .. ซีด  ส  ส  ส์ .." ถึงตอนนี้หญิงสาวเกร็งทั้งตัวกรีดร้องเพราะเสียวจนแทบขาดใจ

ด้วยความตื่นเต้นจากการถูกจู่โจมรุกเร้าอย่างรุนแรงบีบคั้นความเสียวซ่านจน แทบคลั่ง .. เขาสอดนิ้วเพิ่มเป็นสองนิ้ว หญิงสาวรู้สึกคับแน่นไปทั้งร่องรู  เขางอนิ้วครูดกรีดย้อนขึ้นมาที่โพรงด้านบนจนเธอรู้สึกปวดฉี่ขึ้นมาทันใด ดูท่าเขาจะรู้อาการของจึงลงนิ้วกระตุ้นอย่างหนักปากเขาดูดเม็ดอยู่ตรงศูนย์รวมความรู้สึกอย่างรุนแรงจนเม็ดเสียวแทบจะหลุดติดปากออกมา

" .. โอ๊ย .. อย่านะ .. ไม่...ไม่ไหวแล้ว พะ  พอแล้ว .. "
หญิงสาวกายสั่นหัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ  หวิวๆจะขาดรอนๆ
".. อย่า .. ตรงนั้นไม่ไหว .. หยุด .. โอ๊ย .. ไม่ ..  อ้า  อ้า  อ้า ร์ .."
เขาเขี่ยคลึงเล่นและดูดรัวลิ้นสารพัดจะทำ  ส่วนหญิงสาวเสียวแทบจะกลั้นฉี่ต่อไปไม่ไหว
ยิ่งเห็นเธอร้องและดิ้นอย่างทุรนทุราย
เขาก็ยิ่งกระซวกนิ้วเข้าออกอย่างไม่ยั้งมือ   ลิ้นโลมเลียทั้งติ่งทั้งแคม  ส่วนปากเขาก็ดูดกลืนกินน้ำหล่อลื่นอย่างกระหาย

" .. อ้า..ร์ .. ซีด ส..ส...ส์ .. วา...วาเล็ค...ได้โปรด.. .. อือ อือ อ๊า ..อ๊าย!! .." วินาทีนั้นร่างเธอกระตุกราวกับจะช็อก

หญิงสาวผวาเฮือกๆ แอ่นตัวขึ้นอย่างแรงพร้อมกับที่เขาละเลงลิ้นลงบนปลายติ่งความเสียวซ่านพุ่ง ขึ้นถึงขีดสุด นิ้วมือนิ้วเท้าหงิกงอ  ความเสียวเป็นระลอกสะท้านไหลขึ้นมาจากปลายเท้า  ปลีน่องท่อนขาเกร็งอ้าแบะออกไปอย่างลืมอาย  กล้ามเนื้อในช่องคลอดบีบรัดตัวอย่างแรง เต้นดุบๆ  จนรู้สึกได้อย่างชัดแจ้งถึงการบีบรัดต่อนิ้วมือของเขา ..

" .. ซีดส์ อาห์ .. อาห์ .. อ๊าาา .. " ดิฉันถึงจุดสุดยอดรุนแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

หญิงสาวรู้สึกชาไปตลอดสันหลัง ความรู้สึกในช่องคลอดที่บีบรัดด้วยความเสียวนั้นเป็นไปอย่างเนิ่นนาน  แม้นจะรู้สึกอดสูที่ถูกกระทำอย่างจำใจ  แต่เธอก็ยอมรับว่ารสชาติแห่งความเสียวที่ได้รับจากเขานั้น .. มันช่างสุดแสนจะ .. หฤหรรษ์ เหลือใจ

หญิงสาวนอนหอบหายใจระริน  มองชายคนนี้ที่กำลังข่มขืนเธอ
แต่เขาก็ทำออรัลเซ็กส์ ให้แก่เธอ  จนกระทั่งทนกลั้นไว้ไม่ได้ต้องบรรลุจุดสุดยอดเสร็จสมคาปากของเขาอย่างรุนแรง
เขายังคงดูดกลืนน้ำรักของเธออย่างมีความสุขราวกับสิ่งนั้นเป็นน้ำทิพย์รสโอชะ
หญิงสาวผ่อนลมหายใจ  เมื่อความรู้สึกถึงจุดสุดยอดค่อยๆคลายลง
เขาถอนมือออกมา  ระลอกคลื่นความเสียวครั้งนี้ เป็นไปอย่างเนิ่นนาน  ซึมซาบจนเธอยากจะลืมเลือน
หญิงสาวยังนอนหอบตัวจนตัวโยน   และรู้สึกริมฝีปากและลำคอแห้งผากกระหายน้ำเป็นกำลัง

แต่ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะรู้สึกสงบจนเป็นปกติ  เขาก็ยืนขึ้นและถอดเสื้อกางเกง ออกช้าๆ  เธอเบือนหน้าหนีไม่กล้ามองเขา พลางขยับพลิกตัวคว่ำหน้าลงอย่างอับอาย   เขาโน้มตัวลงมากอดจากด้านหลัง ซุกไซร้ที่ซอกคอจนเธอต้องห่อไหล่  เขาเริ่มกรีดนิ้วลงไปที่ร่องก้นจนเธอรู้สึกสยิววูบ เขาสอดฝ่ามือลงไปที่ง่ามขาจนสามารถประกบฝ่ามือเกาะกุมเนินเนื้อที่เปียกแฉะจากการถึงจุดสุดยอดเมื่อครู่   เขาส่งปลายนิ้วเขี่ยลงไปในร่องรอยผ่า  ทันใดเขาก็สอด แขนอีกข้างเข้ามาที่ท้องน้อยแล้วยกตัวหญิงสาวขึ้นมาอยู่ในท่าคุกเข่า   

แล้วเขาก็ซุกหน้าลงมาที่บั้นทายของเธอ  เขาจูบเขาตระโบมฟัดที่แก้มก้นอย่างหนักหน่วงเอาจริงเอาจังจนเธอต้องกลั้นหายใจนอนแนบหน้ากับหมอนอย่างหมดสภาพที่จะปิดป้องขัดขืน  เขายังคงเลียลงไปที่ซอกก้นอย่างเพลิดเพลินไม่นึกรังเกลียด  และลากลิ้นเลียไปที่ร่องรูสวาทรัวปากลิ้นเข้ากับติ่งอีกที.. หญิงสาวเสียวสยิวจนตัวกระตุกไม่หยุด  ส่วนนิ้วของเขายังคงรัวหนุนเนื่องเข้าจังหวะกับลิ้นที่สลับกันเข้าออกในโพรงช่องสวาทของไม่หยุดหย่อน 

หญิงสาวใช้สองมือกำขย้ำผ้าปูที่นอนจนแน่น พร้อมกับกลั้นความเสียวไว้อย่างเต็มที่ ไม่ให้มีเสียงเล็ดรอดออกมา

แต่ว่า.....

" .. อือ .. อย่า พอแล้ว .. อ้า ร์...พอแล้ว...โอ้...วาเล็ค  ได้โปรด  ฉันไม่ไหวแล้ว...."  ที่สุดหญิงสาวก็กลั้นไว้ไม่ได้

ต้องยอมสารภาพ  ร้องขอให้เขาหยุดทำ

เขาถอนนิ้วที่เปียกชุ่มด้วยน้ำเมือกของเธอออก พร้อมละปากออกจากช่องสวาทของเธอ  และหญิงสาวก็ถอนหายใจพลิกตัวกลับมาอยู่ในท่านอน   แต่เธอก็ต้องเบิกตาโพลงใจหายวูบเมื่อได้เห็นท่อนเนื้อของเขา มันช่างใหญ่ยาว มันดูแข็งตระหง่านตลอดทั่วทั้งลำ  ไม่เรียบเกลี้ยงเหมือนของสามีเธอเลย แต่กลับมีความปูดโปนเส้นเลือดตะปุ่มตะป่ำ ช่างน่ากลัวเหลือเกิน ..

" .. วาเล็ค  ขอร้องละ   พอแล้ว อย่าทำอะไรฉันอีกเลย .."  หญิงสาวครางออกมาอย่างสยองใจ
" .. ถ้าอย่างงั้นก็ทำให้ผมสิ  ถ้าคุณตั้งใจทำให้ผมน้ำแตกได้ ทุกอย่างก็จบ .. ทำได้ไหมล่ะ .."

เขาพูดพร้อมกับดึงแขนให้เธอลุกขึ้นมานั่งที่ขอบเตียง
และเขาก็ยืนแอ่นท่อนเนื้อขนาดใหญ่ยาวเกินจะประมาณได้และทิ่มมาตรงหน้าของเธอเพื่อให้สนองตามข้อเสนอที่บอกไว้ ..

" .. ไม่เอา ...ไม่...ไม่...ฉันทำไม่ได้ .." หญิงสาวหันหน้าหนี
" .. ถ้าไม่ทำ  อย่างงั้นผมจะสั่งให้ข้างนอกจัดการกับทุกคนเดี๋ยวนี้ล่ะ ผมกำลังติดลมอยู่  ถ้าค้างมันจะหงุดหงิดรู้ไหม...."
เขาพูดพร้อมกับจะผลักร่างหญิงสาวนอนลง   แล้วทำท่าจะเดินออกไปที่ประตู  หญิงสาวผุดลุกนั่งแล้วดึงมือของเขาไว้

" .. ฮื่อ.อ..อ .. ว่าไงหรือ   คริสตี้?.."  เขาถามอีกครั้ง  แต่หญิงสาวก้มหน้านิ่งหายใจแรงจนอกสะท้อนขึ้นลง

หญิงสาวนั่งทำใจอยู่นาน แล้วก็ตัดสินใจเอื้อมมือไปกำรอบท่อนลำ ทันทีที่ได้สัมผัสมันก็สะท้านในใจถึงความใหญ่โต หญิงสาวใจเต้นรัวนึกตัดสินใจว่าไหนๆ  ก็เพื่อช่วยชีวิตคนมากมาย  หากไม่ทำตามที่ชายคนนี้ต้องการก็คงจะตายกันหมด หากทำให้ถูกใจสบายตัวก็อาจ จะรอด  คิดได้อย่างนั้นจึงกลั้นใจเงยหน้าขึ้นมองท่อนลำของเขาให้เต็มตา ..

เธอมองจะๆถึงรำพึงในใจว่ามันช่างใหญ่ยาวน่ากลัวเหลือเกิน  ท่อนเอ็นที่แข็งแกร่งจนผิวเป็นปุ่มเป็นเส้นทั้งลำ  เส้นเลือดโปนเป็นแนวเขียวปัด ส่วนหัวบานเต่งใหญ่มาก มันมีน้ำเยิ้มที่ปลายหัวเลอะเทอะไปหมด  เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นองคชาติ ขนาดใหญ่ที่น่าพรั่นพรึงขนาดนี้   เธอจับแล้วใช้มือรูดเบาๆ

ชายผู้กำลังย่ำยีตัวเธอสูดปากด้วยความสยิว   หญิงสาวพอจะรู้วิธีทำอยู่บ้างตามที่ เคยทำให้สามี   เธฮใช้มืออีกข้างหนึ่งกำรอบส่วนหัวแล้วขยุ้มนิ้วลูบไล้หัวบานนั่น   จากนั้นก็ใช้หัวแม่มือลูบปาดไปที่ปลายรูละเลงนิ้วโป้งคลึงน้ำหล่อลื่นนั้นให้ทั่ว ทั้งๆที่ใจของรู้สึกขยะแขยงแต่มือของเธอ  แต่ก็พยายามทำให้ดีเพื่อชีวิตของทุกคน  หญิงสาวกำท่อนลำ ของเขาพร้อมทั้งบิดข้อมือไปมาช้าๆ  ทำเอาเขายืนบิดตัวหน้าเบี้ยวร้องคราง

" .. อือ .. ดีจริง .. เอาเลย..คริสตี้  คุณยอดมาก...อมมันเข้าไปเลย  ผมรออยู่.." เขาเร่งเร้าแต่เธอไม่อยากใช้ปากกับเขา

หญิงสาวทำหน้าหนักใจและพยายามคิดหาทางเลี่ยงหนีโดยหวังจะใช้มือทำให้เขาเสร็จ  เธอกำรอบแท่งลำด้วยมือทั้งสองข้างและรูดส่วนหนังชักเข้าออกเร็วขึ้นๆ   และสลับเปลี่ยนมือไปลูบกำที่พวงไข่ของเขา  ส่วนอีกมือหนึ่งก็กำรูดมาจนถึงปลายหัวแล้ว ก็คลึงนิ้วหัวแม่มือขยี้ปากรู น้ำหล่อลื่นของเขาเอ่อออกมาไม่ขาดสายทั้งลื่นทั้งเหนียว

" .. ทำซี่ .. อมเข้าไป .." เขาบังคับให้เธอทำด้วยการจับส่วนหัวของเธอดึงเข้าหาแก่นกายของเขา

แม้นจะฝืนแต่เขาก็ดึงหน้าของเธอเข้าไปหา  ในที่สุดก็ไม่มีทางเลี่ยงหนีอีกแล้ว จำใจต้องอ้าอมส่วนหัวเข้าไปเต็มปาก รู้สึกขยะแขยงแต่เมื่อได้อมเข้าไปแล้วเธอกลับรู้สึกแปลกใจ และมือทั้งสองข้างยังคงกำรูดอย่างไม่หยุดยั้ง  เหมือนติดใจในรสชาติ  เธอเริ่มใช้ลิ้นเลียที่ปลายหัวช้าๆ  ทำเอาเขาแหงนหน้าครางอย่างสุขสม  และเธอพยายามอ้าอมเข้าไปให้ลึกที่สุด แล้วเริ่มดูดทีละน้อยและรูดปากเข้าออกเป็นจังหวะ ส่วน มือข้างที่ว่างก็กำรูดชักเข้าชักออกในขณะที่มืออีกข้างลูบคลึงที่พวงไข่

" .. โอย ..ดี ....ดี .. อย่าหยุด .." เขาร้องบอก คงจะรู้สึกอย่างที่เขาทำกับเธอเมื่อครู่

หญิงสาวคิดว่ามันเป็นรสชาติที่ผู้กระทำเป็นฝ่ายชอบ   หญิงสาวรูดปากเข้าออกอย่างเร็ว กำมือรอบท่อนลำจนแน่นแล้วรูดอย่างหนัก ลิ้นดิดุนเลียส่วนหัวในอุ้งปาก  ขณะที่ปากเริ่มอมดูดหัวองคชาติอันบานใหญ่ของเขา   อารมณ์ของเธอยามนี้รู้สึกตื่นเต้นที่ได้ทำ  ความรู้สึกร้อนเร่าขึ้นอย่างช้าๆและสนุกมากขึ้นเรื่อยๆ  และในที่สุดก็เผลอตัวดูดส่วนหัวของเขา อย่างแรงจนแก้มตอบสลับกับการโยกปากรูดริมฝีปากรีดท่อนลำของเขาเข้าออกอย่าง เร็ว และ  แรง ..

" .. บ๊วบ..บ๊วบ...บ๊วบ...บ๊วบ .."  หญิงสาวไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองกำลังตั้งอกตั้งใจทำรักด้วยปากลิ้นให้เขาอย่างถึงใจ

เวลาผ่านไปด้วยความเร่าร้อน ท่อนลำของเขาเหมือนจะพองโตขึ้นจนคับแน่นช่องปากของเธอ  จนรู้สึกได้ว่ารูดริม ฝีปากยากขึ้น   หญิงสาวรู้สึกตื่นเต้นที่รู้ว่าตัวเองกำลังทำให้เขาระเบิดน้ำกามออกมา  และเธอเองก็ยอมรับว่ารอคอยวินาทีนั้นด้วยใจระทึก ทันใดนั้นเขาก็ร้องออกมา

" .. โอ๊ะ .. จวนแล้ว ซีด.ส..ส...ส์ .. จะแตก โอ๊ย น้ำจะแตกแล้ว  คุณต้อง...กลืนลงไปให้หมดนะ .."
หญิงใจเต้นระทึก  เมื่อได้ยินเขาพูดชัดๆ

เธอเริ่มระคนตกใจที่จะต้องกลืนน้ำของเขา  เพราะเธอเองไม่เคยกลืนกินน้ำอสุจิมาก่อนแม้กระทั่งของสามี แต่ก่อนที่เธอจะทันได้คิดอะไร  ท่อนลำนั้นก็เต้นตุ๊บๆ สั่นแรงๆทั้งลำ.. และน้ำรักของเขาพุ่งพรวดเข้ามาในอุ้งปากเธออย่างแรง  หญิงสาวชะงักและ รู้สึกอุ่นวาบในช่องปาก แต่ยังไม่ทันที่จะถอนปากออกมา  ระลอกที่สองก็พ่นเข้ามาอีก และตามด้วยสาม..สี่..และไปเรื่อยๆ  ทุกหยาดหยดพุ่งเข้าถึงลำคออุ่นจนร้อนผ่าว ..

" .. โอ๊ ย .. ซีด..ส.ส...ส.....ส์ ออก .. โอย .. น้ำแตก .. ซี้ด..ส..ส...ส์ .. โอ๊ย คริสตี้ดูดลงไปกลืนลงไปเดี๋ยวนี้.."
เขาจับหัวของเธอไว้  และกระเด้าท่อนลำเข้าออกในปากพร้อมกับฉีดน้ำอุ่นๆ พุ่งเข้ามามากมาย

หญิงสาวเจอน้ำเข้าไปในปริมาณมากๆ  ดูดกินไม่ทัน ไอโขรกๆพยายามที่จะถอนปากออกมา  แต่เขาจับหัวของเธอยึดไว้แน่นและดันท่อนเอ็นสวนเข้ามาจนลึกที่สุด   หญิงสาวไม่มีทางคายน้ำออกมาได้เลย จึงต้องกลืนลงคอไปโดยไม่สามารถต้านทานได้  เขายังคงกระเด้าใส่ปากไม่หยุดพร้อมกับพ่นน้ำกามออกมาระลอกแล้วระลอกเล่า    หญิงสาวพยายามกลืนลงไปให้เร็วที่สุดเพื่อไม่ให้น้ำคาวๆ นั้นค้างอยู่ในปาก

ในที่สุดหญิงสาวก็กลืนกินลงไปจนหมด   และด้วยไม่รู้ว่าเพราะอะไร  ภายใต้สำนึกในใจที่ทำให้หญิงสาวรีดเค้นท่อนลำของเขา   พยายามรีดหยาดน้ำ ออกมาและเลียปลายหัวเพื่อกลืนเข้าไปทุกหยด   เธอยังคงโยกหัวรูดริมฝีปากกับท่อนลำของเขาอย่างเพลิดเพลินราวต้องมนต์สะกดบางอย่าง  เขาลูบไล้เส้นผมของเธอและมองอย่างพอใจ

จนกระทั่งเมื่อได้สติขึ้นหญิงสาวจึงรีบคายท่อนลำของเขาออกและผลักหน้าขาของเขาออกห่าง
เขายกมือขึ้นลูบเส้นผมเธอแล้วยิ้มให้  เธอเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา  รู้สึกอัปยศจนไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป
ท่อนลำของเขายังคงแข็งโด่ชี้หน้าของเธออยู่อย่างนั้น  ไม่มีทีท่าว่ามันจะ อ่อนตัวลงเลย

"เยี่ยมมากคริสตี้...คุณทำให้ผมมีความสุขที่สุด"เขายิ้มให้เธออย่างพอใจและจับให้เธอนอนลง
เขาลงนอนเคียงข้างกอดก่ายร่างเธออย่างหลงใหล "พอใจหรือยัง  ถ้าพอใจแล้วก็ปล่อยพวกเราเถอะ..."
"หุ  หุ  หุ...ผมหลงใหลเรือนร่างของคุณจริงๆ  ขอผมชื่นชมอีกหน่อยนะ...."
หญิงสาวขยับหลบ "คุณก็ได้แล้วนี่  ยังไม่พอใจอีกหรือ อย่าผิดสัญญาสิ..."
"ผมไม่ได้ผิดสัญญา  เพียงแต่ผมยังได้ไม่ครบนะ..."
"แล้วจะเอาอะไรอีกเล่า?"
"นี่ไง...ที่ผมยังไม่ได้..."

เขากอดรัดดึงร่างของเธอมาหาแล้วจูบประกบปากอวบอิ่มของเธอ  แต่หญิงสาวก็พยายามเม้มปากไว้  แต่เขาก็เขี่ยนิ้วลงไปที่เม็ดกระสันที่หว่างขา  มันเสียวสยิวจนต้องเผลอเปิดปากจะร้อง  เขาจึงฉวยโอกาสฉกลิ้นเข้ามาในปากของเธอ เขาจูบอย่างเร่าร้อนควานลิ้นไปมา  เธอพยายามจะเลี่ยงหลบลิ้นของเขาให้ได้แต่ก็ไม่ พ้น  ในที่สุดเขาก็หาลิ้นของเธอจนพบพร้อมกับที่ปลายนิ้วควานไปเขี่ยเม็ดกระสันในช่องเสียวเกิดความรู้สึกวูบขึ้นมาจนเธอต้องเผลอแลกลิ้นจูบตอบกับเขา

เขาดูดดื่มแลกลิ้นกับเธอเป็นพัลวัน นิ้วเขาเริ่มแยงแหย่ในช่องโพรงสวาทและรัวจนเธอเสียวเสียตัวสั่น  เขากอดจูบลูบไล้ร่างกายของเธออย่างเนิ่นนาน  จนกระทั่งเธอรู้สึกว่ามีอะไรมาดุนดันที่เนินโหนกของเธอ  และก็รู้ตัวทันทีว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นในช่วงต่อไป  ด้วยความกลัวในขนาดอันยาวใหญ่ของเขา  เธอจึงพยายามสะบัดหน้าหนีออกมา
" .. อย่า .. ไม่เอา อย่า...อย่าทำอีกเลย...ฉันขอร้อง..วาเล็ค..อย่า.. .." หญิงสาวพยายามร้องห้าม

เขาหัวเราะเบาๆ อย่างผู้มีชัย   เขาจับที่หัวเข่าแล้วฉีกแยกขาของเธอออก   เขาจับท่อนลำถูไถที่เนินเนื้อร่องแคมอย่างแรง  ปลายหัวที่ บานใหญ่ของเขาเขี่ยโดนติ่งเสียวจนเธอรู้สึกสะท้าน ต้องหลับตาแน่น ..
ทันใดนั้นเขาก็กดสวบลงไป
มันเข้าไปแค่ส่วนหัวพร้อมกับความรู้สึกตึงคับแน่นแทบฉีกของหญิงสาว

" อา...ห์.. โอ๊ย เจ็บ ไม่เอา .ไม่เอา......"  หญิงร้องไห้ กระเสือกกระสนหนีเพื่อไม่ให้ถูกรุกล้ำเข้าไปอีก

เขาเหนี่ยวไหล่ของเธอไว้ทั้งสองข้างและตั้งท่าพร้อมลงมืออย่างย่ามใจ   แม้ว่าหญิงสาวจะมีอารมณ์จากการถูกกระตุ้นจนต้องเสร็จด้วยลิ้นของเขาไปแล้ว   แต่เธอก็ไม่อยากจะถูกข่มขืน   เธอขยะแขยงไม่ต้องการร่วมเพศกับเขา   หญิงขยับขัดขืนเพราะทั้งกลัวทั้งอายและรู้สึกหวาดเกรงขนาดอันใหญ่ยาวของเขาอย่างมาก  ตอนนี้ส่วนหัวของเขาเข้าไปจุกคาอยู่ที่ปากทาง  เพราะไม่ได้รับความร่วมมือ   เขาจึงหยุดอยู่ชั่วขณะแล้วก็ค่อยๆ ดันเข้าไปช้าๆทีละนิด  หญิงสาวถูกตรึงไว้ด้วยแรงที่เหนือกว่าและรู้สึกถึงแท่งกำยำของเขาค่อยๆ เคลื่อนเข้าไปทีละน้อย  มันเป็นความรู้สึกที่ชัดเจนช่องทางของเธอตึงแน่นรู้สึกเหมือนกับท่อนลำอัน ใหญ่ยาวนั้นกำลังจะฉีกร่างของเธอให้แยกออกจากกัน

" .. โอ๊ย .. พอแล้ว หยุด .ได้โปรดเถอะ  วาเล็ค  หยุดเถอะ...โอ๊ย..โอ๊ย...ได้โปรด..."

เสียงร้องวิงวอนของหญิงสาวกระเส่า  เพราะมันช่างตึงแสบไปหมด  เธอรู้สึกเหมือนกับว่ากลับไปเป็นสาวพรหมจารีย์ที่กำลังถูกชำแรก เป็นครั้งแรก  เขาไม่ยอมหยุดแต่กดแท่งกายลงมาเรื่อยๆ   หญิงสาวดิ้นรนกระถดตัวหนีอย่างสุดชีวิต แต่ไม่อาจดิ้นหนีไปไหนได้   ร่างบอบบางถูกยึดไว้ด้วยเรี่ยวแรงที่แข็งแกร่งและหื่นกระหาย

" .. ซี้ด...ส์ เจ็บ .. พอแล้ว .. ชีดส์   เจ็บ .. ฉันเจ็บนะ...วาเล็ค.....พอแล้ว .."  หญิงสาวรู้สึกราวแทบขาดใจ

ลำยาวของเขายังคงเคลื่อนลึกเข้ามาเรื่อยๆ ทำให้รู้สึกอัดแน่นไปหมด   หญิงสาวไม่เคยรู้สึกอกสั่นขวัญหายอะไรเท่านี้เลยท่อนลำของเขาเข้ามาเกินครึ่งของขนาดความยาวแต่ก็ยังไม่สุด  เขาหยุดนิ่งอยู่แค่นั้น   หญิงสาวถอนหายใจแต่แล้วเขาก็ถอนออกไปอย่างรวดเร็ว  ความคับแน่นของช่องทางหยุ่นนุ่มที่กำลังโอบรัดลำท่อนของเขาไว้นั้น  ส่งผลให้เกิดการครูดที่เสียวสะท้านจนกระทั่งเธอต้องเผลอตัวแอ่นตามขึ้นไป

แต่ในทันใดนั้นเขาก็กดอัดลงมาใหม่แล้วดันลงมาอย่างหนักแน่นครั้งนี้ท่อนเนื้อของเขาเข้า มาลึกยิ่งขึ้น
หญิงสาวอ้าปากค้าง  มองหน้าเขาอย่างแตกตื่น   เขายิ้มให้ดิฉันอย่างสะใจ
แล้วเขาปฏิบัติกับเธอซ้ำอีก   ด้วยสาวท่อนลำออกมาจนเกือบหลุดปลายหัว  เธอรู้สึกโล่งเบาแต่แล้วเขาก็อัดพรวดลงมาใหม่

" .. โอ๊ะ โอย .โอ๊ย...คุณทำอะไร วาเล็ค  ทำอะไร."   เขากระแทกหนักๆ   ใบหน้าขณะที่กำลังทำมีรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม

หนึ่งครั้ง สองครั้ง ..เมื่อถึงครั้งที่ห้า แท่งลำอันยาวใหญ่ของเขาก็อัดลงมาจนมิดด้าม
หญิงสาวรู้สึกถึงปากมดลูกลึกสุดถูกกระแทกหนึบๆ   เธอเริ่มซึมซาบแปลกใจที่ความเจ็บทีแรกหายไปโดยไม่รู้ตัว
เขาส่ายเอวควงท่อนลำบดคลึงโดยไม่ถอนลำออกมา   หญิงสาวผวาเสียวซู่ๆจนเผลอเกาะแขนของ เขาไว้

เขากอดร่างของเธอแน่นขึ้น   จากนั้นก็ลงมือกระแทกร่างของเธอเป็นจังหวะ  ทุกครั้งเขาจะสาวท่อนลำออกมาจนเกือบหมดแล้วกระเด้าลงไปจนสุด มันเป็นจังหวะที่ชัดเจน หนักแน่นคงเส้นคงวา .. แท่งที่ลำที่แข็งแกร่งครูดกับโพรงภายในของหญิงสาวที่บีบรับกระชับ   หญิงสาวเสียวสะท้านจนเผลอตัวกอดเขาไว้จนแน่น  ลมหายใจขาดหายเป็นห้วงๆ

" .. อา .. ซีด    ส์   วาเล็ค...อ้า...ร์...วาเล็ค.... ซีด   ส์ .."   หญิงสาวเผลอร้องครางอย่างลืมตัว


เขาหัวเราะเบาๆแล้วก้มลงหอมแก้มนุ่มๆสูดดมความสดชื่นของเธอ  จากนั้นก็ลงมือกระเด้าเป็นจังหวะสลับกับการบดคลึง ทุกครั้งที่เกิดการเสียดสีท่อนลำของเขาจะบดเบียดแคมเนื้อและครูดสีกับเม็ดกระสันของเธอ  ถึงตอนนี้หญิงสาวไม่อาจห้ามใจตัวเองได้อีก  เธอก็สำลักครวญครางออกมาอย่างหมดอาย ความเจ็บหายไปนานแล้วเหลือแต่ความเสียวซ่าน เขากระเด้าทั้งหนักทั้งเร็วความยาวของลำท่อนนั้นสำแดงฤทธิ์เดชของมันออกมา อย่างเต็มที่จนเธอกำลังจะขาดใจ ..

" .. อ๊า .. พี่ .. โอย .. หยุดก่อน .. ไม่ .."   แม้นพยายามสุดกำลังที่จะไม่ให้เกิดอารมณ์ร่วม  แต่ก็สุดจะฝืน

แม้นจะรู้สึกว่าจะต้องเป็นความอัปยศเต็มที ถ้าต้องบรรลุจุดสุดยอดทั้งที่กำลังถูกข่มขืน  แต่หญิงสาวก็ไม่สามารถต้านทานแรงขับธรรมชาตินี้ได้ เขากระเด้าดิ  แรงขึ้น แรงขึ้น  หญิงสาวเริ่มรู้สึกได้ถึงความเสียวที่ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งที่พยายามจะหยุดยั้งความรู้สึกนี้ แต่เขาก็ก้มลงมาจูบปากดูดดุนลิ้นเข้ามาคลอเคลีย   ขณะที่ส่วนล่างก็กำลังกระเด้าอย่างเมามันส์ หญิงสาวต้องสะบัดหน้าออกแล้วกลั้นเสียงเอาไว้เต็มที่ ..

" อือ อือ .. อา  ห์ .. หยุด .. ได้โปรด .. พอแล้ว ..อ๊า ..โอย โอย ..อ๊า ..."

เขายังคงกระเด้าไม่หยุด   หญิงสาวอยากจะร้องวิงวอนให้หยุดก่อนเพราะเสียวจนทนแทบไม่ไหว   แต่ก็เปล่งคำพูดออกมาไม่ได้นอกจากกลั้นเสียงครางไว้อย่างสุดความสามารถ    แต่ยิ่งกลั้นก็ยิ่งครางเสียงดังขึ้น รสชาติที่เขาป้อนให้มันช่างดุเดือดอะไรขนาดนี้   ขณะที่ความรู้สึกเริ่มคลายลง เขาก็รวบขาของเธอขึ้นช้อนจับขาพับโย้ไปข้างหน้าแล้วกดลงจนเข่าของของเธอแตะกับที่นอนทั้งสองข้าง

เหมือนว่าตัวเธอถูกขึงพืดแหกขาออก ท่อนลำของเขาปักอยู่ในรูกลางเนินสวาทที่ฉีกอ้าอย่างเต็มที่  ด้วยท่านี้ทำให้หมดทางดิ้นรน  หญิงสาวทำได้แต่นอนรอรับชะตากรรมอย่างเสียวสุดขีด แล้วเขาก็ลงมือซอยกระเด้าต่อไปอย่างรุนแรง  หญิงสาวตัวสั่นเสียวจนต้อง ร้องกรี๊ด  เพราะการกระเด้าที่ทรงพลังหนักแน่นของเขา

" .. โอ๊ย โอย .. พอ อา .. ซีดส์  หยุดเถอะ..วาเล็ค..ได้โปรดเถอะ... ..หยุด!! .." หญิงสาวเสียวจนแทบชักดิ้นชักงอ

ช่องสวาทของหญิงสาวบีบรัดท่อนลำของเขาจนเธอรู้สึกอายอย่างสุดแสน ไม่กล้าลืมตามองหน้าเขาเลยตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยโดนผู้ชายทำรักจนกระทั่งเสียวสุดยอดรุนแรงขนาดนี้    เธอพยายามเก็บกิริยาเอาไว้   แต่ก็ไม่อยู่รู้สึกเหนื่อยหอบ ยกแขนขึ้นปิดหน้า   เขาปล่อยขาพับของเธอลงแต่ยังคงทะลวงท่อนลำเข้าออกอย่างไม่ยั้ง ทีนี้เขากระแทกขึ้นลงจนสุด

หญิงสาวหลับตาสัมผัสความรู้สึกถึงปลายหัวของเขากดอัดอยู่ที่ปากมดลูก  แล้วเขาก็วนโยกท่อนลำส่าย คว้านโพรงอวัยวะของเธอ รสชาติเช่นนี้สุดจะบรรยาย เขาถอนกระชากท่อนเนื้อออกมาอย่างเร็วแล้วกระแทกกลับลงไปอย่างแรง  กระชากออกมาแล้วกระแทกลง   ชนิดขึ้นสุดลงสุด  แล้วกดบี้ที่ปากมดลูก ส่ายโยกเอวคว้านลำเอ็นอย่างสุดสนุกใจ

" .. โอย วาเล็ค .. ฉัน.. ฉันไม่ไหวแล้ว .."
".. ทำไม .. หือ .."
".. ฮือ  จะ   เสร็จ.. น้ำ น้ำจะแตก ..ฮือ .."
".. ฮ่า ฮ่า ฮ่า .." เขาหัวเราะอย่างสะใจ ".. อะไรนะ   อะไรจะ แตก.. "

".. น้ำ น้ำจะแตก .. น้ำจะแตกแล้ว .. ฮือๆ พอแล้ว พอก่อน  วาเล็ค...โอ้...วาเล็ค .."

เขาหัวเราะเสียงดังก้องพร้อมกับก้มลงมาหอมแก้มฟอดใหญ่
จากนั้นเขาก็จับ ขาของหญิงสาวลงมาให้เธออยู่ในท่าโก้งโค้งโดยที่ท่อนลำของเขายังคาอยู่ข้างใน
เขากดหลังหญิงสาวลงเพื่อให้สะโพกแอ่นขึ้น

เมื่อจัดท่าเรียบร้อย   เขาก็กดกระหน่ำท่อนเนื้อใส่ในท่านั้น  หญิงสาวหน้าเชิดอ้าปากร้องด้วยความเสียวจนตัวสั่น  ท่อนลำแข็งของเขาบดครูดกับจุดเสียวภายในโพรงคับแน่นของเธอ   แม้นจะพยายามจะย่อตัวหนีความเสียวสยิวนั้น  แต่เขาก็รู้ทันเขาจึงยึดหนั่นเนื้อ สะโพกผายของเธอไว้แน่นพร้อมทั้งกดท่อนเนื้อให้บดหนักขึ้นไปอีกเหมือนจะลงโทษ   แล้วเขาก็เพิ่มแรงกระเด้ายิ่งขึ้น เขาข่มขืนหญิงสาวอย่างตั้งอกตั้งใจ   สาวท่อนเนื้อเข้าสุดออกสุด  กระเด้าอย่างหนัก จังหวะในการกระทุ้งกระแทกนั้นเร็วขึ้นอย่างเร้าใจ   ความรู้สึกเสียวสะท้าน กระพือโหมขึ้นเรื่อยๆ จนสุดระงับ

" .. โอ๊ย .. วาเล็ค โอ๊ย .. ฉันกลั้นไม่ไหวแล้ว  เสียว .. ซีด   ส์ .. จะไม่ไหวแล้ว .."  เสียงหญิงสาวร้องบอกอย่างลืมอาย

เมื่อได้ยินหญิงสาวร้องครางดังลั่นอย่างลืมตัว เขาจึงโน้มตัวลงมากอดเอวของเธอไว้
พร้อมกับกระเด้าอย่างหนัก   เสียงหนอกเนื้อกระแทกกันดัง ปั่กๆๆๆๆ......

".. ปล่อยน้ำให้แตกออกมาเลยนะ   คริสตี้คนสวย....อ้า....ปล่อยเลยคนสวย .." เขากระซิบเสียงกระเส่าพร่าที่ข้างหู

ได้ฟังแล้วหญิงสาวทั้งเสียวทั้งอายจนหน้าชา  เสียวใจวูบๆที่ได้ยิน
เขาคว้าจับก้อนเนื้อที่หน้าอกไว้ทั้งสองเต้า  บีบเคล้นอย่างมันมือสลับกับการคลึงบี้หัวนม จนหญิงสาวเสียวสยิวกายสั่น
เมื่อเจอจู่โจมทั้งข้างล่างข้างบนพร้อมกันเช่นนี้ก็ ไม่สามารถระงับความรู้สึกได้อีกต่อไป

".. โอ๊ย  วาเล็ค....วาเล็ค.... โอ๊ย .. ซีด  ส์ .."   หญิงสาวร้องดัง  เขาก็กระเด้าเร็วขึ้นแรงขึ้น ตะบันใส่อย่างไม่หายใจ
".. ซีดส์ .. โอ๊ยย .. ว้ายยย .." ดิฉันกรี๊ดออกมาด้วยความรู้สึกสุดกลั้น

หญิงสาวรู้สึกน้ำบางอย่างทะลักออกมาอย่างรุนแรงจนหน้ามืด  ใบหน้าชาแสบไปหมด  น้ำตาของเธอไหลเอ่อออกมาเป็นสายมันเป็นความรู้สึกสุขสมที่เสียวสุดขีด   หัวใจเต้นถี่แรง อาการสุดยอดยังมีอย่างต่อเนื่องไม่หยุดหย่อนจนแทบจะขาดใจตาย  แต่เขายังคงกระเด้าไม่หยุด เขากระแทกเน้นๆถี่ๆอย่างต่อเนื่อง

".. โอย ไม่ไหว ดูดแรงจริงๆ โอ๊ย .คริสตี้...ผม....." เขากระเด้าส่งท้ายอย่างหนักอีกสี่ห้าครั้ง

แล้วเขาก็กระตุกหงึกๆ  และระเบิดน้ำกามฉีดเข้ามาในตัว ของหญิงสาวอย่างแรง
แรงจนเธอรู้สึกได้ถึง ปฏิกิริยาที่น้ำอุ่นๆ พ่นวาบเข้ามาผสมในขณะที่หญิงสาวยังคงอยู่ในห้วงแห่งการบรรลุจุดสุดยอดครั้งนี้
แรงฉีดพ่น ส่งผลให้เธอต้องหลับตาอ้าปากส่งเสียงกรี๊ดอย่างสุดระงับเพราะมันกระชากความเสียวออกมาอย่างสุดกั่น

กว่าน้ำกามหยดสุดท้ายจะหยุด  เขายังกระเด้าใส่แล้วคว้านไปมาอีกเนิ่นนาน ในที่สุดก็สงบลง เขาถอนลำท่อนมหากาฬออกไป   เสียงถูกถอนดัง....บ๊วบ....เธอรู้สึกเย็บวาบในโพรงอวัยวะ  แล้วเขาก็ล้มลงนอนข้างกายของเธอ  เขาหลับตาหอบอย่างแรงและกอดร่างของเธอไว้   พลางเคล้าคลึงเนื้อนมของเธอเต็มมือ   และระดมจูบ – หอมแก้มซ้ายขวา ของเธอไม่หยุด

เขาตระกองกอดเธอไว้แนบแน่น  ทำราวกับว่าเธอนั้นเป็นหญิงที่เขารักและหวงแหนที่สุดในโลก.....
ส่วนหญิงสาวก็หอบหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อยเป็นเวลาอีกหลายนาทีกว่าที่จะสงบลงได้   เธอรู้สึกหัวใจระรวย ใจหวิวๆ

ช่วงเวลาอัปยศของหญิงสาวจบลง

วาเล็ค มอทัซ  เมื่อเสร็จสมดังใจ  เขาก็ลุกขึ้นแต่งตัวและมองร่างเปลือยที่นอนแผ่หมดสภาพอย่างสาใจ  รอยยิ้มปรากฏที่ใบหน้าอย่างพึงพอใจในรสสวาทที่ได้รับ   เขาแต่งตัวเรียบร้อยแล้วจึงเดินมานั่งข้างๆพลางลูบผมสีทองของหญิงสาวเล่นเบาๆด้วยอาการลุ่มหลง  แต่หญิงสาวยังคงนอนนิ่งน้ำตาไหลอาบจนเลอะไปทั้งหน้า  เธอแสนเหนื่อยอ่อนและหมดสภาพ จึงได้แต่นอนอยู่อย่างนั้น เขาก้มลงมาจูบแก้มของเธอเบาๆอีกครั้งก่อนที่เขาจะถอยไปนั่งจ้องมองเธออยู่ครู่ใหญ่ๆแล้วผุดลุกขึ้น

เขาเอ่ยกับเธอว่า "ผมคงต้องไปก่อนนะคริสตี้  ขอบใจในความสุขที่คุณมอบให้กับผม"
"...................." ไม่มีคำตอบจากร่างเปลือยขาวนวล นอกจากอาการสะอื้นจนกายสั่น
เขามองแล้วยิ้มๆ  แม้นไม่มีปฏิกิริยาหรือคำพูดใดๆตอบโต้

ชายคนนั้นหันหลังแล้วเดินออกมาจากห้อง  และปิดประตูกลับอย่างแผ่วเบา

เขาเดินมาที่ห้องรับแขก  ร่างของชาย – หญิง ๔ – ๕ นอนสิ้นใจในสภาพตาเบิกโพลง  โดยเฉพาะชายที่เขากล่าวว่าเป็นคนทรยศจนเป็นเหตุให้นำความตายมาสู่ที่นี่นั้นดูจะสยดสยองกว่า  เพราะลำคอของเขาหักหมุนเกือบกลับมาอยู่ด้านหลัง เขามองร่างไร้วิญญาณด้วยสายตาเฉยชาแล้วเงยหน้าส่งสัญญาณทางสายตาเป็นความหมายว่าให้เหล่าชายชุดดำกลับได้  ชายชุดดำทั้งหมดจึงแยกย้ายกันออกมา  แต่ส่วนหนึ่งก็ยังอยู่ พวกนั้นราดน้ำมันและจุดไฟเผาบ้าน

เมื่อพวกชายชุดดำทั้งหมดออกมาจากบ้าน  เปลวไฟก็ลุกไหม้เผาผลาญบ้านทั้งหลังทันที
ทั้งหมดยืนมองอยู่ชั่วครู่ใหญ่  และต่างก็แยกย้ายกันไปขึ้นรถ  แต่พลันเสียงไฟหวอของรถตำรวจก็ดังขึ้นมาจากทั่วทุกทิศ พร้อม ๆ กับเสียงเครื่องยนต์ของรถจำนวนนับสิบคันกำลังวิ่งมาล้อมบ้านหลังนี้ไว้
พวกคนชุดดำชะงัก  ชายหน้าเข้มมองรถตำรวจด้วยท่าทีนิ่งเฉย 
เหล่าตำรวจกระจายกำลังเข้าล้อมพร้อมเล็งอาวุธปืนมาที่ทุกคนที่ยืนอยู่  เหล่าชายชุดดำยิ้มเยาะๆที่มุมปาก

คนหนึ่งในพวกมันเอ่ยขึ้นว่า "พวกแมลงเม่ามาอีกแล้ว"
"ก็ดีจะได้ออกกำลังยืดแข้งยืดขาบ้าง  จัดการพวกมันให้หมดนะ" ชายหน้าเข้มบอก

"ทุกคนที่ยืนอยู่   จงยอมมอบตัวเดี๋ยวนี้   พวกเราล้อมไว้หมดแล้วแกหนีไม่พ้นแน่" เสียงตำรวจดังผ่านโทรโข่งเข้ามา

แต่คำสั่งนั้นหาทำให้ทั้งหมดหยุดตามที่สั่งได้ไม่  ทุกคนต่างเดินทื่อเข้าหาเหล่าตำรวจที่จับจ้องอยู่  และนายตำรวจที่นำกำลังมาก็สัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือก จนรู้สึกได้ถึงพลังอะไรบางอย่าง ที่กดดันและกำลังไหวเวียนอยู่รอบตัวเป็นปริมาณมหาศาลจนรู้สึกตัวหนักอึ้ง  มือไม้ของทุกคนเริ่มสั่นและผงะถอยจากที่ยืนอยู่อย่างไม่รู้ตัว.....

"บอกให้หยุด  ได้ยินไหม  ไม่อย่างงั้นเราจะยิงนะ  บอกว่าให้หยุด..หยุด" นายตำรวจตะโกนบอกไป เขาเริ่มสั่นกลัวบ้างแล้ว
"พวกแกมันรนมาหาที่เอง  ก็ดีพวกข้ากำลังหามื้อค่ำอยู่พอดี  พวกแกมานี่เราไม่ต้องไปหาไกล หุ หุ  หุ..." เสียงเย็นๆของคนเดินนำหน้าตอบมา พร้อมๆกับใบหน้าของชายชุดดำทุกคนแปรเปลี่ยนเป็นซีดขาว ตาแดงก่ำและมีเขี้ยวคมวาวงอกออกมา

"หัวหน้าครับมีคนติดอยู่ในบ้านครับ"
เสียงตะโกนของตำรวจนายหนึ่งที่อยู่ด้านหลังบอกมา
นายตำรวจ กัดกรามกรอด  ภาพหญิงสาวกำลังหาทางออกจากบ้านที่กำลังมอดไหม้เพราะพระเพลิงทำให้เขาต้องตัดสินใจ
"ตำรวจทุกนาย ยิงได้"

ปัง!ปัง!ปัง!ปัง!ปัง!ปัง!ปัง!ปัง!ปัง!

กระสุนปืนจากปลายกระบอกปืนถูกระดมยิงใส่ร่างของกลุ่มชายชุดดำ  ทว่ามันกลับทำอะไรพวกนั้นไม่ได้เลย
ตำรวจทุกคนตาค้าง ไม่อยากเชื่อว่าภาพที่ได้เห็นเป็นเรื่องจริง
พวกกลุ่มชุดดำปัดรอยกระสุนออกจากตัวเอง  และยังคงเดินเข้าหากลุ่มตำรวจ

"ฮ่า ฮ่า ฮ่า"   เสียงหัวเราะอย่างหยามเย้ยดังไปทั่วบริเวณนั้น
ชายหน้าเข้มยิ้มที่มุมปาก "เอาละ  ได้เวลาอาหารแล้ว  ลงมือได้...."
"พวกแกเป็นตัวอะไรวะ?"ตำรวจนายหนึ่งคำรามดังลั่น เค้าลั่นกระสุนปืนเข้าใสร่างเจ้าคนที่กางแขนแยกเขี้ยวเข้ามาหาทันที


แล้วเสียงปืนกับเสียงร้องโหยหวนก็ดังลั่นประสานกันไปทั่วบริเวณนั้น  นายตำรวจเองก็อ้าปากค้างเมื่อเห็นพวกชายชุดดำอ้าปากแยกเขี้ยวไล่งับไล่กัดคอของทุกคนจนเลือดสาด  เสียงร้องโหยหวนและกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ  อาวุธปืนไม่อาจหยุดยั้งมันได้  ในไม่ช้าเมื่อร่างสุดท้ายซึ่งถูกกัดที่คอและดูดเลือดจนหมดตัวแน่นิ่งไป  ทุกสิ่งก็เงียบลง  คงเหลือเพียงซากร่างของเหล่าตำรวจที่ถูกกัดคอเหวอะหวะเลือดสาดนอนสิ้นใจตายระเกะระกะ

ชายใบหน้าเข้มยืนมองอย่างพอใจ เขาบอกทุกคน "อิ่มหนำแล้วก็กลับกันได้...."

ทั้งหมดเดินกลับไปขึ้นรถและพากันขับหายไปในความมืดของท้องถนน
รถของเหล่าวายร้ายวิ่งมาได้ระยะหนึ่ง
ชายหน้าเข้มก็หันกลับไปมองบ้านที่กำลังมอดไหม้  เขาขมวดคิ้วเมื่อเห็นบางอย่าง
 
ภายในบ้าน  ภาพของหญิงสาวที่น้ำตานองหน้าเมื่อได้เห็นสามีและคนในครอบครัวตกตายสิ้นน่าสะเทือนใจยิ่งนัก  และเธอก็พยายามหาทางหนีออกมาจากข้างใน  แต่เปลวไฟที่โหมไหม้ปิดทางหนีทำให้ไม่สามารถออกมาได้  หญิงสาวทรุดลงก้มตัวนอนรอรับความตายที่จะมาถึง  ทว่าก่อนที่ความหวังจะสิ้นร่างของเธอถูกผ้าชุบน้ำคลุมกายเอาไว้โดยชายคนหนึ่ง  ก่อนเธอจะถามไถ่เขาก็ลากร่างของเธออกมาจากกองไฟสู่ภายนอกอย่างปลอดภัย

หญิงสาวถูกพาออกมาทรุดกายตรงมุมหนึ่งนอกบ้าน  เธอไอโขลกๆ เพราะยังสำรักควันไฟ
และเธอก็ได้ยินเสียงคุ้นเคยเอ่ยบอก "ขอโทษนะ  ผมมาช้าไป คริสตี้ ..."

เมื่อเงยหน้าและได้เห็นผู้มาช่วยชีวิต  เธอก็อุทานทั้งน้ำตา
"ดัลกลิช...ฮือ.อ.อ...อ...อ์...." หญิงสาวร้องไห้และโผเข้ากอดเขาอย่างคุ้นเคย
"ผมเสียใจด้วยที่เกิดเรื่องกับคุณ  ...." ชายชื่อ ดัลกลิช เอ่ยอย่างสำนึกผิด
"พวกมันโหดร้ายมาก  มันฆ่าทุกคน  ทุกคนตายหมดแล้ว  ฮื่อ.อ.อ....ตอร์เรส ก็ตายด้วย...ฮื่อ.อ.อ.." หญิงสาวฟูมฟายไม่หยุด
ดัลกลิชกอดเธอช่วยปลอบโยนด้วยความเห็นใจในชะตากรรมโหดร้ายที่เธอประสบ
เขาพยายามพูดให้เธอผ่อนคลาย  "คุณปลอบภัยแล้ว...คริสตี้...คุณปลอดภัยแล้ว..."
"วาเล็ค...วาเล็ค...เป็นคนทำ...มันเป็นคนทำ...." หญิงสาวรำพันออกมา
"เขาอีกแล้วหรอ?"
หญิงสาวพยักหน้า เธอเอ่ยทั้งน้ำตา "วาเล็ค ฆ่าทุกคน  มันเป็นคนเลว  มันไม่ใช่คน  ฉันเกลียดมัน..."

ดัลกลิช มองหญิงสาวอย่างเห็นใจ ก้อนสะอึกจุกที่คอของเขาจนพูดไม่ออก ทำได้แค่กอดเธอปลอบใจเท่านั้น
และรอบๆบ้านก็มีรถตู้สีดำหลายสิบคันวิ่งเข้ามา  เจ้าหน้าที่กรูเข้าตรวจดูผู้เสียชีวิต  และอีกส่วนพยายามช่วยกันดับไฟ
ดัลกลิช ละอ้อมกอดจากหญิงสาวและยืนขึ้นมองภาพความวุ่นวายรอบๆกายที่ดำเนินไป
ศพของผู้เสียชีวิตมากมายถูกเจ้าที่หามขึ้นรถ  รวมทั้งคนในครอบครัวของหญิงสาวที่ถูกสังหารหมู่

ชายชื่อดัลกลิช พึมพำอย่างอาฆาต "วาเล็ค  มอทัซ  ฉันจะตามล่าแกให้ถึงที่สุด  แกต้องชดใช้ทุกสิ่งที่แกทำในคืนนี้"

ชายหน้าเข้มมองภาพทั้งหมดจากภายในรถที่ตนนั่ง  และรถของเขาวิ่งออกมาห่างไกลสายตาเกินคนธรรมดาจะมองเห็นได้
แต่เขาสามารถมองกลับไปเห็นได้อย่างชัดเจน
เขาหันกายกลับมานั่งเอนศีรษะไปกับเบาะ  และทำสีหน้าขุ่นๆพลางพึมพำออกมาเบาๆ
"นายอีกแล้วหรือ  เคนนี่   ดัลกลิช....."

เมื่อสองตาของเขาหลับลง   รถที่เขานั่งก็แล่นหายไปในความมืดของถนนดินที่ทอดยาวไปในป่าทึบ........

ภาพทุกๆอย่างค่อยๆเลือนหายไป....

จนกระทั่ง  มาสู่กาลเวลาปัจจุบัน......

วาเล็ค  มอทัซ  ยังคงยืนอยู่ที่เดิมท่ามกลางกลุ่มเหล่า แวมไพร์ ที่เป็นบริวารของเขา
แต่ขณะนั้นอีกด้านหนึ่ง  มีกลุ่มชายชุดดำอีกกลุ่มเดินเข้ามาหา  กลุ่มนี้มีชายสูงอายุผมขาวเดินนำหน้ามา
ทั้งสองฝ่ายมายืนเผชิญหน้ากัน  ชายสูงอายุผมขาวดูท่าทางจะมีตำแหน่งอยู่เหนือกว่า  เพราะทุกคนต่างมีท่าทีนอบน้อม
เขาจ้องมอง วาเล็ค   มอทัซ ด้วยสายตาไม่พอใจ โดยที่ฝ่ายถูกจ้องก็ก้มหัวทำความเคารพด้วยฐานะและอาวุโสที่ด้อยกว่า

ชายคนนั้นเริ่มพูด " มอทัซ ฉันรู้สึกว่านายจะทำในสิ่งสูญเปล่าและเป็นอันตรายต่อองค์กรของเรามากขึ้นทุกทีแล้วนะ"
"สูญเปล่าและอันตรายตรงไหน  ท่านก็เห็นว่าแผนการของผมใกล้บรรลุผลเข้ามาเรื่อยๆ" เขาเอ่ยตอบเสียงเรียบๆ
ชายผมขาวสูดลมหายใจลึกๆ "เราไม่ต้องการสงคราม  เราต้องการแค่ความอยู่รอดของเผ่าพันธุ์ของเรา นายและลูกสมุนนอกแถวของนายแส่หาเรื่องเสมอ  ตอนนี้พวกมนุษย์ตามล่าตามล้างจนพวกเราไม่มีที่จะซุกหัวแล้วนายก็รู้"
"ก็เพราะถูกพวกมนุษย์ตามล่าตามล้างนี่สิ  เราถึงต้องหาวิธีตอบโต้และเอาชนะมนุษย์  ไม่เช่นนั้นสภาบอร์ดบริหารจะอนุมัติงบให้ผมทำการทดลองเพื่อกำจัดพวกมนุษย์อยู่หรือ" เขาเอ่ยตอบแย้งกลับไป
"แต่นับจากนี้ไป  สภาและบอร์ดบริหารจะไม่สนับสนุนนายอีกแล้ว มอทัซ  เราจะไม่เอาความอยู่รอดของเผ่าพันธุ์ไปเสี่ยงกับความคิดจะทำสงครามที่สูญเปล่าของนาย" ชายผมขาวบอกเสียงเด็ดขาด
"ท่านพอใจที่จะอยู่ใต้เงามืดตลอดไปหรือ  ท่านพอใจที่จะให้เผ่าพันธุ์ของเราแฝงอยู่บนโลกนี้ราวกาฝากหรือ ทุกวันนี้พวกเราต้องอยู่อย่างสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำที่คอยหลบซ่อน  ขณะพวกมนุษย์มีอิสระและครอบครองโลกนี้  พวกเราคือ แวมไพร์ เผ่าพันธุ์ที่ทรงอำนาจเหนือกว่ามนุษย์  เราต้องเอาอำนาจคืนมาจากมนุษย์" มอทัซ โต้กลับเสียงกร้าวจนชายผมขาวขบกราม
ชายผมขาวพูดเสียงเน้นๆ "อย่าเพ้อเจ้อไปหน่อยเลย มอทัซ เพราะเราอยู่กันอย่างเพียงพอไง  เผ่าพันธุ์ของเราถึงอยู่รอดมาได้  นายมันก็แค่พวกกลายพันธุ์มาเป็น แวมไพร์ ไม่ใช่พันธุ์แท้ๆอย่างพวกเรา  อย่ามาทำเป็นรู้ลึกซึ้ง  หากอยากทำสงครามก็พาไอ้พวกนอกแถวกลายพันธุ์ด้วยกันนั่นไปร่วม  อย่ามาดึงสภาบอร์ดและแวมไพร์พันธุ์แท้ๆที่รักสงบไปร่วมด้วยอย่างเด็ดขาด  ฉันจะเรียกประชุมสภาบอร์ดภายในอีกสองวัน  เมื่อถึงวันนั้นอำนาจต่างๆของนายจะถูกถอดถอนทั้งหมด"
"ท่านพูดเหมือนจะรวมหัวกับสภาบอร์ด กำจัดผมออกจากกลุ่ม.." เขาเอ่ยเสียงเครียดๆ  ขณะกลุ่มผู้ติดตามทั้งสองฝ่ายก็ทำท่าฮึ่มฮั่มใส่กันราวจะพร้อมลุยเสมอ
ชายผมขาวมองด้วยสายตาหยามหยัน "ถ้ามีเนื้อร้ายเราต้องตัดทิ้ง  จะไม่ปล่อยให้มันลุกลามจนยากเกินเยียวยา"
"ผมทุ่มเทเพื่อองค์กรของเรามาตลอด  แต่นี่คือสิ่งที่องค์กรตอบแทนผมหรือ" วาเล็คถามกลับน้ำเสียงผิดหวัง
"ถ้าเช่นนั้น ฉันในฐานะตัวแทนขอกล่าวคำขอบใจนาย  ที่ก่อเรื่องจนพวกเราถูกไล่ต้อนมาถึงที่นี่  และขอให้นายจงเตรียมตัววางมือต่อทุกเรื่อง ขอให้จบโครงการต่างๆที่นายกำลังดำเนินอยู่ทั้งหมดเพียงเท่านี้" ชายผมขาวเอ่ยบอก
"ในเมื่อองค์กรไม่ต้องการความคิดและความสามารถที่ผมทุ่มเทให้  ผมจะขัดได้อย่างไรเล่าครับ ว่าอย่างไงก็ว่ากัน"
"ดีมาก...ที่ฟังกันง่ายๆ  อีกสองวันเจอกันในสภา แวมไพร์..."
"แล้วเจอกันในสภา ท่าน เอล็กซ์  เฟอร์กูสัน...." วาเล็ค  มอทัซ ก้มหัวคำนับ

ชายสูงวัยผมขาวที่ถูกเรียกว่า  เอล็กซ์  เฟอร์กูสัน ยืนมองอยู่ครู่แล้วก็หันกายเดินนำกลุ่มของตนกลับไป  วาเล็ค มอทัซ มองตามด้วยแววตาที่ยากจะหยั่งได้ว่าเขากำลังคิดอะไร  ขณะที่กลุ่มบริวารก็มองตามไปด้วยและต่างออกอาการไม่พอใจอย่างชัดเจน  แต่ที่เฉยเพราะไม่มีคำสั่งจากนายโดยตรงของพวกตน

เจ้าคนด้านข้างเดินมาถามหลังจากกลุ่มที่มาลับหายไป
"ท่าน มอทัซ ดูเหมือนบอร์ดสภาไดโนเสาร์จะเริ่มบีบพวกเราแล้วนะครับ"
วาเล็ค  มอทัซ ตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย "ช้า - เร็ว พวกมันก็ต้องเคลื่อนไหวอยู่แล้ว  อย่ากังวลจงดำเนินงานของเราต่อไป"
"แล้วพวก สภาบอร์ดแวมไพร์ เล่าครับ"
"สภาบอร์ดแวมไพร์ตอนนี้มันมีอำนาจที่ไหน  แกก็รู้ว่าในองค์กรของเราใครกุมอำนาจมากที่สุด มันถึงต้องรีบยับยั้งและลดทอนอำนาจของข้าไง  แต่พวกมันไม่มีทางทำได้หรอก" วาเล็ค  มอทัซ  มีรอยยิ้มหยามๆที่มุมปากขณะพูด
"ในเมื่อ สภาบอร์ด ประกาศอยู่ตรงข้าม ท่าน มอทัซ ชัดเจนอย่างนี้  ต่อไปการดำเนินงานต่างๆจะติดขัดนะครับ"
"ไม่หรอก...จะไม่มีอะไรติดขัดอีกแล้ว  สภาบอร์ดกุมอำนาจมานานพอแล้ว  คงถึงเวลาจะต้องล้างบางระบบเก่าๆและล้าหลังเสียทีเพื่อให้อำนาจเป็นไปตามนโยบายที่เหมาะกับยุคสมัย..." วาเล็ค  มอทัซ เอ่ยเสียงเหี้ยมๆ
"หมายความว่าท่าน มอทัซ จะ......."

"..............."  วาเล็ค มอทัซ ไม่ตอบคำถามนั้น

แต่เขาเดินออกมายืนหน้ากลุ่ม  เขามองดูภาพบ้านเรือนตึกรามในยามราตรี่ระยิบระยับด้วยแสงไฟหลากสี
พวกบริวารพากันเดินตามมายืนเรียงแถวข้างหลัง  แววตาของจอมผีดิบปากฎแสงสีฟ้าเรืองๆ 
เขายืนนิ่งสักครู่  และก็เอ่ยขึ้นให้บริวารของตนได้ยินกันถ้วนหน้า

"ก่อนอื่น  ....พวกเราจะร่วมกันล้างบางทั้งพวกนักล่าและพวกแวมไพร์หัวเก่าไปพร้อมๆกัน  เพื่อไม่ให้ใครมาขัดขวางการมีอำนาจสูงสุดบนโลกนี้ของเผ่าพันธุ์ แวมไพร์ ยุคใหม่ได้...."
เจ้าร่างสูงใหญ่ด้านข้างก็เอ่ยเสริม "พวกเรายินดีจะอยู่เคียงรับใช้ท่าน มอทัซ เสมอ......"
"ขอบใจพวกเจ้ามาก  แล้วเราจะเดินไปสู่อำนาจพร้อมกัน....."

วาเล็ค  มอทัซ  หันไปมองเหล่าบริวาร เขาฉีกยิ้มที่มุมปากอย่างยินดี
และเขาก็หันกลับมองไปยังเบื้องล่างที่ตนและพรรคพวกยืนอยู่  พลางเอ่ยออกมาด้วยประโยคน่าสะพรึง

"มนุษย์นั้นทั้งอ่อนแอ  เปราะบาง  ทั้งยัง...ไร้ค่า  ต่อให้หาเหตุผลทั้งโลกมาอ้าง  ก็ไม่มีเหตุผลใดควรค่าแก่การให้มนุษย์มีชีวิตอยู่บนโลกนี้  เมื่อพวกเรามีอำนาจโดยสมบูรณ์  มันจะเป็นแค่แหล่งอาหาร  และข้าทาสของเราชาว แวมไพร์เท่านั้น  ..."

ท้องฟ้าเริ่มขมุกขมัวไปด้วยเมฆดำ  จันทร์ดวงเสี้ยวที่ฉายส่องอย่างสลัวลางถูกกลุ่มเมฆดำเข้าบดบังจนมืดสนิท 

ในห้วงเวลาพักผ่อนและหลับใหลของผู้คนยามนี้  ไม่มีใครล่วงรู้เลยว่าความชั่วร้ายกำลังเบ่งบานเติบโตเพื่อรุกรานความสงบสุขที่กำลังดำเนินอยู่ทั้งปวง  แผนการที่ยิ่งใหญ่และเลวร้ายของพวกมันจะทำได้สมดังใจหมายหรือไม่   หมอผีสินจะสามารถหยุดยั้งพวกมันและปกป้องอิสรภาพของมวลมนุษย์ได้หรือเปล่า  ก็คงต้อง......

โปรดติดตามตอนต่อไป.......

areja

#2
ใครจะอ่านผลงานท่าน ถ้าทำตามกติกาท่านว่างไว้ไม่ได้ แล้ว รีพลาย ขอบคุณครับ,ขอบคุณ,ขอบคุณค่ะ,ติดตามครับ
,สนุกมากครับ,ติดตามต่อ.
อะไรประมาณนี้ แบนเลยนะ ขอบคุณมากๆครับ ก็ไม่ต้อง thank,thank you,thx ขี้หมาหลายแหล
เหล่านี้ก็อย่าให้เห็น จัดรูดแบนไปยาวๆ ถ้าเจอในผลงาน คุณ นีโอ นี่เป็นข้อตกลงระหว่างท่าน กับสมาชิก
::Fighto::  เมื่อผ่าฝืน เกรียนมาก็จำเป็นที่ต้องแบน เพื่อสมาชิกอีกส่วนเพราะไม่เช่นนั้น ::Falling::
รีพลายคุณอาจทำให้ สมาชิกที่ปฏิบัติตามพลอยอดอ่านไปด้วย ฉะนั้นไม่แน่ใจ อย่าพิมพ์เอามักง่ายมั่วๆ..


กดอ่านก่อนอ่านผลงาน อาจารย์พี่นีโอ



การตอบ รีพลายอย่าง พอเหมาะพอควรถ้าเจ้าของกระทู้แจ้งมา จะพิจารณา เป็นรายกรณี

ถ้าตอบ เช่น zzzzddd xxxx2222 อิอิ,ลุ้นๆ,555, ดีดี,ดี, ต่อ,ติดตาม,ty,thx,thx kub(Thx ขี้หมาThanx พิมพ์ไม่ถูก
ห้ามใช้ทุกกระดานที่ ฉันดูแล
),ใจจร้า,ใจครับ,แจ่ม,เยี่ยม,สนุกดี,สุดยอด,อ่านต่อ,Good (เฉยๆ)
emo เปล่าๆ
อาจเตือนเห็นอีก ถ้าเตือนไปแล้ว ผิดซ้ำซากก็จะแบนเหมือนกัน รีพลายตอบซั่วๆ ตอบแล้ว mod ไม่เข้าใจ จะโดนแบน
รีพลายมักง่ายต่างๆ จะแบนครั้งแรก 6 เดือน คราต่อไป แบนยาวขึ้น แล้วจะหายเมื่อไม่ปรับปรุง

พวก ก๊อปตอบ รัวๆรวดเดียวเป็น 10 กระทู้ โพสต์ละ 1 นาทีนะ เจอจะ แบน ถ้ามักง่ายเช่นนี้ ถือว่าไม่ให้เกียรติ์
คนแบ่งปัน/ คนลงงาน..พวกเปิดรัวๆ ประโยคเดียวเป็น 10 มันควรหรือ? ตอบซ้ำมาหลายครัง ในกระทู้เดียวกัน
อาจโดนพักใช้ได้เหมือนกัน และห้ามใช้ ข้อความจากระบบในการตอบรีพลายเด็ดขาด! มันมักง่ายประเภทเดียว
กับก๊อปตอบ จะแบน ครึ่งปี ครั้งต่อแบนเพิ่มขึ้นอีก และ หายจากบอร์ด
         

            ผลงานที่ สมาชิกอุตสาห์นำมาลง ไม่ว่าจะเขียนเอง หรือขอมาลงล้วนได้มาด้วยการสละเวลา
            ถ้าจะตอบมามักง่ายก็ อย่าใช้ห้องนี้ เสพผลงานเลยไปหาเสพที่ใดแล้ว รีพลายตอบ นั้นได้ ก็ไป
            อย่าทะลึ่งมา เปรี้ยว มา เกรียน ลอง  สด ,เก๋า อย่าเลย จะเสียน้ำใจเสียความรู้สึกเปล่าๆ
            เพราะถึงคุณมี 100 ยูส 1000 ชื่อ ถ้ารีพลายผิดกฏ-กติกากระดานนี้ ฉัน ก็จะแบนหมด

...................................................................

ถ้าถูกแปะเตือนที่ โพสต์หรือกระทู้คุณ และส่งไปที่ pm คุณ จงรีบปรับปรุงรีพลายซะ ขอบคุง,ขอบหี,ขอบควย
ขอบหมา,ขอบแมว,ขอบคุน
เตือนนะอย่าลองของ ใครโดนเตือนไปให้ปรับปรุงการรีพลายเจอ อาจโดนแนทันที
6 เดือนเหมือนโทษ ป้วนเกรียนอื่นๆ....

คำขอบคุณยังเขียนไม่ถูกความหมายมันจะถูกไหม? ที่ต้องมาเข้มงวดเรื่องนี้ เพราะชักเยอะพวกมักง่าย เยอะ
ไรต์ คนลงงาน ก็ติมาด้วย..เครนะ ขอกันดีๆ แว่น ยกตัวอย่างคำ ขอบคุณเขียนไม่ถูกชัดไหม?

ใคร ขอบคุณ รีพลายเขียนไม่ถูกอาจโดนแบนเลนทันที ขอบคุณ เฉยๆก็ดูเอียนจริงๆ แต่ก็เป็นคำสากลในการตอบแทนน้ำใจ
ฉะนั้น ขอเถอะเขียนให้ถูก เมื่อต้องปรับเปลี่ยนก็ต้องคล้อยตามกัน กฏไม่ได้ใช้กับใคร? เพียงคนเดียว และไม่ยากเกินไป
  คิดว่าสร้างมาตรฐาน ถ้าใครคิดว่ายากก็ไม่ต้องเข้ามาใช้ กระดานนี้ เพราะ ฉันแบนแน่.. 

อ๋อ thx ขี้หมา นี้หรือ เขียนไม่ครบเป็นคำ thank อย่าให้เห็นนะ แบน ย้ำซะขนาดนี้พิมพ์มาอีกถือว่าลอง บางคนโวยวาย
ขำ thx ขี้หมา แค่นี้ก็แบน ถุย! ก็ตรรกะเอ็งมันมักง่ายไง เงื่อนไขง่ายๆถึงออกมาแถ มันยากนักก็ไม่ต้องเข้ามาใช้ เวปนี้ไม่ง้อ
บอร์ดอยู่มาได้ไม่ต้องพึ่งคนมักง่ายใช้ตรรกะปลิง จ้องจะสูบทั้งที่ใช้ฟรี เสือกเยอะ ไรต์เขียนมาหาข้อมูลมากว่าจะจบแต่ละตอน
ไอ้ซากปลิง เข้ามา Thx  เหอะๆ เอาใช้ไปหาที่เสพที่อื่นเถอะ เวปนี้แบน

กฎที่วางนี่ไม่ได้เขียนเอา ฮา เนอะ แบนจริงใครอยู่นานแล้วคงรู้จัก แว่น ดี..คิดว่า ฉัน
แบนจริงหรือเตือนเอาสนุกเล่นๆ..อย่าๆลอง เดี๋ยวจะเสียความรู้สึกด้วยรีพลายคุณเอง
เขียน ขอบคุณ ให้ถูก ทำตามเงื่อนไข ยากอะไร หรือ จะโชว์เกรียน..เตือน,ขอร้อง,
ขอความร่วมมือ แล้วเมื่อไม่รักษาสิทธิ์-ประโยชน์คุณเอง ก็แบนไปใช้เวปอื่น.
.



tacklove

กะลังมันส์ รอคอยหมอผี มานานแสนนานนึกว่าจะไม่มาลงให้อ่านเสียแล้ว

cd13579

ตอนหน้าได้ตีกันเลือดท่วมแน่ๆ อาวุธใหม่ของแวมไพร่จะน่ากลัวขยาดไหนนะ
ใครหื้อใครซ่า ข้าแบนเรียบ

yopern


sushinmana

เนื้อเรื่องสุดยอดอีกแล้ว สงสัยงานนี้หมอผีเจอสัตว์ประหลาดหลากสายพันธุ์อีกเป็นแน่แท้ :)

earlybird

มาซะจุใจเลย ยอดเยี่ยมทุกครั้งที่ได้อ่าน หมอสินเราคงเหนื่อยหน่อย ::Evil::

arsenyo

สนุกน่าติดตามอ่านวะเพลินเลยผม  ::WooWoo:: ::WooWoo:: ขอบคุณผู้แต่งมากครับ
ปล.ถ้าอยากอ่านต่อจะพอมีหวังไหมหนอ  ::Thankyou:: ::Thankyou:: ::Thankyou::

thep59

ตอนนี้ได้อ่านจุใจเลยครับ รออ่านตอน 3 ครับ ขอบคุณครับ

Zoybedal

เขียนได้สนุกข้อมูลก็ดีมากเลยครับอยากให้ท่านแก้ไขตอนเก่าที่เนื้อหาไม่ครบมาลงใหม่มากครับยังใงก็จะอุดหนุนผลงานฉบับEbookนะครับ

pinmonkey

ได้ฝึกล่าปีศาจแวมไพร์แล้วพ่อหมอของเรา จะสู้วาเล็คจอมวายร้ายได้หรือเปล่าหนอ เป็นกำลังใจให้พระเอกครับ

therasak

ดุเดือดและตื่นเต้นมาก แล้วตัวประหลาดนั่นคือตัวอะไรกันหนอ รอลุ้น

yak7384

นั้นไงละ แจ๊ค ก็เป็นมนุษย์หมาป่าจริงจริง เป็นกำลังสำคัญขององค์กรเลยนะเนี่ย

km001

ผลงานของท่านนีโอ คับแก้วทุกตอนเลยครับ เดินเรื่องได้เยี่ยมมากครับ  ไม่เคยทำให้ผิดหวังเลยจริงครับ รอตอนต่อไปน่ะครับ