ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

ศึกหมอผี ตอน ล้างพันธุ์เขี้ยวนรก ตอนที่ ๓

เริ่มโดย นีโอ, ตุลาคม 28, 2016, 07:43:08 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

นีโอ

คุยก่อนอ่าน

เห็นท่านไวไฟหมั่นเอางานมาลง ให้ลงคนเดียวกลัวเพื่อนรักจะเหงา เลยมาลงเป็นเพื่อนและสำหรับผู้ที่ติดตามผลงาน
ขอบคุณสำหรับผู้แสดงความเห็นและข้อความไปแนะนำต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องซ่อนข้อความคงไม่ทำ
เพราะไม่อยากเจอตัว อีโม / ขอบคุณครับ -ขอบคุณมากครับ / Thank youและสารพัดคำตอบมักง่ายทั้งหลาย
เพราะขนาดไม่ซ่อนก็ยังมากันเพียบ ก็สุดแท้แต่ความกรุณาของท่านผู้อ่านที่เคารพทั้งหลาย อยากอ่านผลงานกันนานๆ
อยากเห็นผลงานก็หมั่นพูดคุยให้กำลังใจกันหน่อย ถ้าไม่อยากอ่านก็ไม่ต้องตอบถ้าจะตอบก็หมั่นตอบ
ขอบคุณครับ - ยอดเยี่ยมมากครับ - สุดยอดครับ  Thank you ฯลฯ
รับรองว่าคงจะไม่มีใครมาลงงานกวนใจเหมือนที่หลายๆท่านหายไป จนไม่รกหูรกตาทุกท่านอย่างทุกวันนี้

ตอนแรกผมมาลงงานก็เห็นว่าป๋าชาติท่านเอา E book มาให้โหลด ก็ว่าจะเอามาบ้าง
แต่พอเจอท่านพญาเกรียนทั้งหลายก็ต้องหยุดคิดและถอยก่อน เพราะอะไรผมคงไม่ต้องบรรยายสรรพคุณ
เอาว่าตอนนี้ขอดูความประพฤติเป็นรายบุคคลจะดีกว่า ถ้าดีอาจจะเอามาลงให้โหลดไปอ่านกัน
บ่นมานานทุกท่านคงจะรำคาญ แต่เชื่อว่าส่วนน้อยจะอ่านและทำตาม หากถ้อยคำไม่ถูกใจก็กราบขออภัยด้วย

ด้วยไมตรีจิต นีโอ


ผลงงาน E book ที่วางแผนจะมาให้โหลดอ่านฟรีๆ แต่ตอนนี้ขอพับโครงการก่อน







ในยุคหนึ่งที่เรื่องเหนือธรรมชาติยังเป็นเรื่องที่เป็นไปได้เฉกเช่นปัจจุบัน 
นักเล่าเรื่องเป็นผู้แต่งเติมเหตุผลสุดมหัศจรรย์   ให้กับเหตุการณ์ที่อธิบายไม่ได้
เมื่อสิ่งมีชีวิตในตำนาน   รุกล้ำมนุษย์ท่ามกลางความมืด   
ยังมีบุคคลหนึ่งที่กล้าท้าทายต่อสู้กับปริศนาลึกลับซึ่งซุ่มซ่อนตัวอยู่ในความมืดมิด   คนผู้นั้นก็คือ   หมอผี  สิน
เขาคือชายหนุ่มผู้เชี่ยวชาญสรรพวิชาไสยศาสตร์และยึดมั่นในคุณธรรม
ที่ใดเกิดเรื่องร้าย    ที่ใดคนบริสุทธิ์ถูกรังแก   ที่นั่นต้องมี   หมอผี  สิน ....

 
<>::<>::<>::<>::<>::<>

บทนำ
เสียงดนตรีที่กำลังบรรเลงอย่างแผ่วเบาดังมาจากลำโพงซึ่งถูกซ่อนไว้ในผนังรอบห้อง  ความไพเราะของมันบ่งบอกถึงคุณภาพชั้นยอดของเครื่องเสียง  บทเพลงเองก็แสดงออกถึงวัยและรสนิยมของผู้เป็นเจ้าของ  ประกอบกับอุณหภูมิจากเครื่องปรับอากาศด้วยความเย็นอันพอเหมาะกับภายในห้องและกลิ่นอันหอมละมุนของชารสเลิศจากถ้วยกระเบื้องเนื้อดีที่วางอยู่ตรงหน้า เปรียบเสมือนผู้ที่อยู่ในห้องกำลังนั่งผ่อนคลายอารมณ์เล่นท่ามกลางธรรมชาติ ที่งดงาม

แต่ความไพเราะของเพลงก็ไม่ได้ทำให้สีหน้าของ  เคนนี่  ดัลกลิช  คลายความเคร่งเครียดลงได้ หลายครั้งที่เขาชำเลืองมองไปยังประตูห้องและถอนใจออกมาอย่างกลัดกลุ้ม  จนกระทั่งชายที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานต้องละสายตาจากเอกสารเหลือบมองดูเขา  รอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าแสดงถึงความกังวลที่คอยรบกวนจิตใจของเขายามนี้

รุด ฟาน  เฮลซิ่ง  ผู้นำสูงสุดองค์กรล่าแวมไพร์  กางเขนดำ คนปัจจุบันนั่งนิ่งจ้องมองเขา 
แต่ชายชรากลับมองเอกสารในมือแล้วถอนใจเฮือกๆ

ผู้ร่วมโต๊ะเอ่ยถามเสียงไม่ดังนัก "คุณไม่ชอบเพลงนี้หรือ"
"ครับ...หะ..หา..เอ่อ.."  ชายสูงวัยสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะรีบพูดต่อ "ไม่หรอกครับท่าน ผมชอบฟังเพลงนี้ของบีโธเฟ่นมากๆ"
"โมสาร์ท...."   ผู้ถามกล่าวบอกพลางวางเอกสารลง
"หรอครับ....ขอโทษนะ  ผมอายุเยอะแล้วความจำไม่ค่อยดี..."
"นี่เป็นเปียโนคอนแชโต หมายเลข ๑๒ ของ โมสาร์ท   น่าแปลกใจจริงที่คุณจำผิด"   เขามองหน้าชายชราและถาม   "เหมือนคุณจะกังวลเรื่องอะไรอยู่จนใจลอยนะ..."
"อย่างที่ท่านทราบ" ชายชราตอบด้วยน้ำเสียงสุภาพ "ผมกำลังห่วงเรื่องที่นักล่าแวมไพร์มือหนึ่งของเราพลาดท่าทั้งสองคน"
"พวกแวมไพร์มันร้ายกาจอยู่แล้วคุณเองก็รู้ซึ้งนี่"ผู้นำองค์กรพูดพร้อมกับลุกขึ้น "แต่ผมก็ส่งคนที่ฝีมือดีไปช่วยพวกเขาแล้ว อีกไม่นานเรื่องราวทุกอย่างคงคลี่คลาย"
"ผมต้องขอบคุณท่านมากสำหรับเรื่องนั้น แต่ทางเรายังกังวลเรื่องเจ้าวาเล็ค มอทัซ พวกเราแกะรอยมันมานานแต่ก็คว้าน้ำเหลวมาตลอด  เจ้านี่มันตัวอันตรายมากๆ"
"อย่าใจร้อนสิ ดัลกลิช ค่อยๆหาเบาะแสไปเดี๋ยวเราก็เจอ..."

ชายคู่สนทนาพูดพลางหยิบถ้วยใบใหม่มาวางและไล่สายตามองโถชาที่วางเรียงรายไว้บน ตู้ทีละใบ

"วันนี้ผมมีชาใหม่เข้ามา จะลองดูสักหน่อยไหม" เขาถามพลางเอื้อมมือไปหยิบโถใบหนึ่งลงมา
ดัลกลิช สั่นหน้าพร้อมกับกล่าวปฏิเสธ "ขอบคุณครับ ผมขอแค่ถ้วยนี้ก็พอ"

เขานั่งมองหัวหน้าองค์กรที่กำลังเติมน้ำร้อนลงถ้วย
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งชายชราจึงตัดสินใจถาม  "ท่านพอทราบประวัติของ ลีโอเนล เมสซี่ ก่อนจะมาอยู่กับเราไหม"
"ผมทราบ และเขาก็ไม่ใช่สายของพวก ดากค์ แฮนด์ แน่" หัวหน้าองค์กรตอบอย่างเคร่งขรึมพร้อมกับหมุนตัวเดินกลับมานั่ง

เงียบกันไปชั่วครู่  หัวหน้าองค์กรมองกองเอกสารตรงหน้าและพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังขึ้น
"ตอนนี้ผมอยากจะให้คุณพักเรื่องของนักล่าทั้งสองคนนั่นก่อน"
ชายชราพยักหน้ารับ "อาการของพวกเขาหนักพอดู ผมชักรู้สึกผิดที่ให้งานเสี่ยงๆจนเกินกำลังของพวกเขาทุกที"
"อย่าคิดมากน่า ดัลกลิช  มันเป็นหน้าที่ที่พวกเขาเต็มใจเข้ามารับ  และพวกเราก็ร่วมเสี่ยงด้วยทุกคนเหมือนกัน"
"ครับท่าน...พวกเราเสี่ยงด้วยกันทุกคน..." เอ่ยแล้วสีหน้าของชราดูหนักอึ้ง
 
ผู้นำองค์กรวางมือลงบนแฟ้มอันหนึ่งและถามเสียงเรียบ "แน่ใจแล้วหรือว่าจะให้ผมอนุมัติเรื่องนี้"
"ผมแน่ใจ" ชายชราตอบด้วยแววตาจริงจัง
"ผมว่า  คุณน่าควรนำกลับไปทบทวนอีกครั้ง"   พูดพลางเลื่อนแฟ้มกลับไปหาชายสูงวัย
ชายชรากลับส่ายหน้าพร้อมกับเลื่อนส่งคืน "ผมทบทวนมาอย่างดีแล้วครับ"
"ในเมื่อคุณยืนยันแบบนั้นผมก็ไม่ขัดข้อง" ผู้นำองค์กรพูดและถอนใจ "พวกเขารู้เรื่องนี้แล้วหรือยัง"
"ยังเลยครับ ผมคิดว่าจะบอกทุกคนหลังจากคลี่คลายคดีนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว"
"ตกลง"   ผู้นำองค์กรหยิบแฟ้มมาวางไว้บนโต๊ะข้างตัว   "ผมจะเซ็นอนุมัติให้หลังจากภารกิจของพวกคุณเสร็จสิ้น"
"ขอบคุณครับ"   ชายชราก้มศีรษะลงเล็กน้อย

หลังจากนั่งนิ่งไปชั่วขณะ ชายชราจึงตัดสินใจถาม "แล้วเรื่องของท่านผู้หญิงวิคเตอเรียล่ะครับ ทางองค์กรสืบอะไรได้บ้าง"
"น่าเสียดาย ไม่มีอะไรคืบหน้าเลยสักนิด  วิคเตอเรียระวังตัวทุกฝีก้าว"  ผู้นำองค์กรตอบอย่างหนักใจ
เขาเว้นระยะคำพูดไปเล็กน้อยก่อนจะกล่าวต่อ "แต่ที่คุณควรระวังในตอนนี้คือการเคลื่อนไหวของนักการเมืองบางคนของประเทศนี้ โดยเฉพาะส.ส.ที่ชื่อ จตุพงค์   พรพราน..."
"จตุพงค์   พรพราน..." ดัลกลิชทวนชื่อและขมวดคิ้วนึกถึง
"ใช่แล้ว...คนนั้นแหล่ะ  คุณต้องจับตาให้ดี..."
"แต่เขาเป็นนักการเมืองที่ดีมีชื่อเสียงทางด้านชอบบริจาคเงินเพื่อการกุศล  และเป็นปากเสียงให้คนชั้นรากหญ้านะครับ"
"นั่นมันก็แค่ฉากบังหน้าเท่านั้น  คนของผมสืบรู้มาว่าเขาลอบติดต่อกับบุคคลลึกลับทุกๆห้าวัน  น่าเสียดายที่สายคนหนึ่งของเราถูกฆ่าตายระหว่างการติดตาม ..."
"ท่านสงสัยว่าบุคคลผู้นี้จะเป็นพวกของ ดากค์ แฮนด์ หรือครับ.." ชายชราเอ่ยถาม 
ผู้นำองค์กรสั่นศีรษะ"ผมแน่ใจต่างหาก เพราะบาดแผลบนชิ้นส่วนของเจ้าหน้าที่คนนั้นไม่ได้เกิดจากอาวุธ"

เอ่ยจบเขาก็มองใบหน้าที่กำลังแสดงความตระหนกของ เคนนี่ ดัลกลิช
ดัลกลิชเอ่ยถาม "พวกมันทำเหมือนเดิมอีกแล้วใช่ไหมครับ"
"ถูกต้อง สายของเราถูกส่งมาทางพัสดุไปรษณีย์เหมือนครั้งก่อน นั่นบ่งบอกได้ว่ามันเป็นการกระทำของพวกเขา"
"ไม่มีหลักฐานสาวไปถึงตัวของเขาบ้างเลยหรือครับ" ชายชราถาม
หัวหน้าองค์กรส่ายหน้าพร้อมกับตอบเสียงเรียบ"ไม่มี ตอนนี้เราได้แต่รอให้ทางฝ่ายนั้นเคลื่อนไหวอีกครั้ง"
"แต่ก่อนอื่น  ผมต้องขอขอบคุณท่าน ที่แนะนำหมอผีสินมาช่วยเรา  เพราะผมเล็งเห็นแล้วว่าเขาคือ จิกซอส์ ชิ้นสุดท้ายที่จะช่วยเราโค่นล้มองค์กร ดากค์ แฮนด์ได้.."  ชายชราพูด แต่อีกฝ่ายยิ้ม
"ผมหวังว่านักล่าของคุณกับหมอผีสินคงร่วมมือกันทำงานให้สำเร็จได้  เราเหนื่อยยากต่อสู้กับมันมานานแล้ว  หากครั้งนี้ถอนรากถอนโคนของมันได้  เราสองคนคงจะมีเวลาไปตกปลาที่ทะเลสาบ ล็อคเนส ด้วยกันนะ..."
"ผมก็คิดแบบนั้นเช่นเดียวกัน"   ชายชราพูดพลางถอนใจ
ผู้นำสูงสุดยิ้มแล้วเดินมาตบไหล่ของชายชรา "จะมีโอกาสนั้นหรือเปล่านะ  แต่ถ้าไปจริงๆเราอาจตกได้ เนสสี ก็ได้ ฮะ ฮะ..."

แล้วทั้งสองก็หัวเราะกันเสียงใสๆ
ผู้อำนวยการ  รุด  ฟาน  เฮลซิ่ง เดินมาที่หน้าต่างกระจกบานใหญ่
เขามองภาพของเมืองกรุงเทพฯแล้วเอ่ยว่า  "ความหวังของเราก็ต้องฝากไว้กับคนหนุ่ม  -  สาวรุ่นใหม่นี่แหล่ะ  อะไรที่ตอนนี้เราทำไม่ได้  ก็คงต้องให้เขาทำแทน  พวกเราก็ได้แต่เฝ้าดูให้คำปรึกษาและเอาใจช่วยเท่านั้น..."





________________________________________
ศึกหมอผี  ตอนที่  ๒๗
อำมหิต  พันธุ์อมตะ   (  The Immortal   Enemy . )
________________________________________


เคนนี่  ดัลกลิช ยืนมอง แจ็กค์  แดร์โรว์  นักล่าค่าหัวแวมไพร์ซึ่งนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงคนไข้ ใบหน้าของเขามีผ้าสีขาวสะอาดพันเอาไว้ รอบตัวมีสายน้ำเกลือและสายอุปกรณ์ต่างๆห้อยระโยงระยางอยู่โดยรอบ หลังจากฟังแพทย์ออกมารายงานผลการรักษา ชายชราจึงถอนใจออกมาด้วยความรู้สึกโล่งอก

เขาหันไปมองร่างของลูกทีมอีกครั้งก่อนจะก้าวออกจากห้องและชะงักเมื่อเห็นหมอผีสินยืนรออยู่
           
"เขาเป็นยังไงบ้างครับ"
"อาการดีขึ้นมากแล้ว"   ชายสูงวัยตอบพร้อมกับยิ้ม   "ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ"
"ผมเต็มใจช่วยครับ  อย่าเกรงใจเลย"  หมอผีหนุ่มตอบด้วยรอยยิ้ม
"ตอนที่ผมได้ฟังประวัติของคุณ  ผมยังทึ่งๆ  และออกจะแปลกใจว่ายังมีคนที่พร้อมช่วยเหลือผู้คนที่เดือดร้อนโดยไม่หวังผลตอบแทนอย่างนี้ในโลกด้วยหรือ  พอเจอตัวของคุณจริงๆผมจึงเชื่อว่าคนอย่างนั้นมีจริงๆ...." ชายชราเอ่ยอย่างทึ่งๆ
หมอผีหนุ่มยิ้มรับก่อนจะกลับไปขมวดคิ้วอีกครั้ง " เจ้าหน้าที่ของคุณ  เขาถูกพิษอะไรหรือครับ..."
"มันเป็นพิษสังเคราะห์แบบใหม่ ไม่มีชื่อ  แต่เราเรียกมันว่า เดย์ สตาร์"
"น่ากลัวจริงๆนะ  มันสามารถละลายได้ทุกอย่างที่สัมผัส" น้ำเสียงไม่แสดงความแปลกใจนัก
ชายสูงวัยพยักหน้า  "ใช่....."

ระหว่างเดินคู่กันออกจากห้องไป  ดัลกลิช พูดเสียงเครียดๆ  "นับวันพวกผีดิบก็พัฒนาไปไกลเรื่อยๆ"
"แต่เราก็ต้องตามขัดขวางพวกมันไปเรื่อยๆ  " หมอผีหนุ่ม ร่วมออกความเห็น

ทั้งสองเดินมาหยุดที่หน้าห้องวิจัย  ข้างในมีเจ้าหน้าที่ใส่ชุดป้องกันเชื้อกำลังตรวจสอบบางอย่าง

"ผมเองก็ปราบภูตผีมาหลากหลาย  แต่ไอ้ที่เห็นนี่มันเหมือนผีก็ไม่ใช่ คนก็ไม่เชิง"

หมอผีหนุ่มเอ่ยบอกแล้วมองแขนข้างที่นักล่าสาวเก็บกลับมาฝากผ่านกระจกบานใหญ่ของห้องวิจัย
ในนั้นมีนักวิจัยสอง - สามคนกำลังยืนรายล้อมมันอยู่

หมอผีหนุ่มกอดอกแล้วจ้องมอง  เขาว่า  "ผมไม่เคยคิดว่าจะมีอะไรแบบนี้ในโลกด้วย"
  "ผมก็เหมือนกัน"   ชายชรามองเข้าไปในห้องวิจัย   "ดูเหมือนพวกนั้นมักจะนำหน้าเราไปหนึ่งก้าวเสมอ..."
"ถ้าอย่างนั้นเราก็ต้องตามมันให้ทัน" หมอผีหนุ่มออกความเห็น
ชายชรายิ้มให้เขาที่มุมปาก  พลางตบไหล่ "ใช่...ต้องตามให้ทัน  แต่ผมคงตามไม่ไหวแล้ว  ต้องวานให้คนหนุ่มอย่างคุณช่วยตามแทนนะ..."
"ครับ....." หมอผีหนุ่มรับคำ แล้วหัวเราะในลำคอ  "ผมจะตามให้ทันแล้วแซงหน้าพวกมันให้ดู.."
 
ห้องรักษาตัวของนักล่าสาว
ร่างขาวๆอวบอิ่มนอนเปลือยเปล่าอยู่ใต้ผ้าห่มสีขาว  ใบหน้าขาวๆสงบนิ่ง สองตาปิดสนิท
ทรวงอกพุ่งตระหง่านสะท้อนขึ้นลงน้อยๆ  บ่งบอกอาการว่าร่างกายได้ปรับสภาพรักษาตัวเองจนปรกติแล้ว
แต่ชายชราที่ยืนมองร่างนั้นอยู่ข้างเตียงยังมีแววตาห่วงใยและกังวล         

"แคทเป็นยังไงบ้าง"

ชายชราถามแพทย์ที่กำลังตรวจรักษานักล่าสาวด้วยเสียงไม่ดังนัก อีกฝ่ายส่งยิ้มอย่างเคร่งขรึมให้กับเขาก่อนตอบ

"เขาไม่เป็นอะไรมาก" แพทย์ผู้นั้นส่งผลรายงานการรักษาให้กับชายชราและกล่าวต่อ "อาจจะเพราะพิษที่ได้รับไม่มากเท่าแจ็กค์ และคุณสมบัติพิเศษที่มีภูมิต้านทานพิษดีกว่าคนทั่วไปทำให้เขาฟื้นตัวได้เร็วกว่าปรกติ"
"โชคดีนะ  แต่เธอไม่น่าระห่ำขนาดนั้นเลย  แคท..."
เขาถอนหายใจแรงๆและส่งรายงานคืนแพทย์ผู้นั้นหลังอ่านจบ เขามองหญิงสาวที่ยังคงนอนหลับสนิทนิ่งอยู่
ครู่หนึ่งจึงพูดเสียงเรียบ "บอกผมด้วยถ้าเขาฟื้น"

เขาหมุนตัวและทำท่าจะเดินออกจากห้อง ชายชราชะงักเล็กน้อยก่อนจะหันหน้าไปหานายแพทย์คนนั้นและพูดสั่ง

"อย่าเพิ่งให้เขาขยับ  บอกว่าผมสั่งให้เขาพักให้เต็มที่  ถ้าเขาไม่ฟังก็จับมัดไว้กับเตียงเลย"
"หา..อ่ะ...คะ....ครับ"  แพทย์ ผู้นั้นรับคำ เขามองชายชราที่เดินออกไปจากห้อง

แพทย์ผู้รักษาอาการก้มหัวพร้อมกับสั่นหน้าเมื่อคิดว่า อย่างเขาคงไม่มีทางห้ามนักล่าแวมไพร์สาวคนนี้ได้แน่   แต่เขาก็สะดุ้งเมื่อมีเสียงขยับตัวของผู้ที่นอนอยู่บนเตียง  ทำให้นายแพทย์คนนั้นต้องหันหน้ากลับไปมอง   และต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นหญิงสาวกำลังลุกขึ้นนั่งและมองเขาด้วยสายตาที่น่ากลัว...

เขาพยายามปั้นสีหน้ายิ้มๆ "อะ...เอ่อ.อ....ฟื้นตัวไวดีจังนะครับ..."
"กี่โมงแล้ว.." เสียงถามห้วนๆ
"ตามเวลาในประเทศไทยก็  ๐๔.๑๖ คะ..ครับ....."
"ฉันหลับไปนานเท่าไหร่?"
"ตั้งแต่พ่อหนุ่มคนไทยนั่นพามาก็  ๔ ชั่วโมงครับ.."
"..................."หญิงสาวไม่เอ่ยอะไร

ร่างอวบอันสดสวยดึงผ้าห่มสีขาวออกจากกาย  เธอก้าวลงจากเตียงในสภาพเปลือยเปล่า  พลางเดินไปที่ชุดของตนซึ่งกองอยู่ที่โต๊ะด้านท้ายห้องและหยิบขึ้นมาสวมใส่  นายแพทย์เองได้แต่มองดูตาปริบๆ  แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมสรีระของเธอและผมสีทองจางๆยาวเคลียไหล่ขาวผ่อง สองเต้าใหญ่ที่อวบพุ่ง  ไล่มาที่ท้องน้อยก็ลาดเรียบต่ำลงมาก็เป็นเนินเนื้ออันล้นหลามคลุมด้วยขนบางๆ   ไล่มาที่ปลีขาและก้นกอยที่ผายสวยได้รูป สะโพกที่แสนกลมกลึงน่าลูบน่าสัมผัส  แม้นเธอจะมีรูปกายและหน้าตางดงามแต่เขาก็ไม่ได้คิดอื่นใด  เพราะตัวตนแท้จริงของเธอนั้นไม่ได้น่าเข้าใกล้เลย

หญิงสาวแต่งกายเสร็จก็ขยับเดินออกไป นายแพทย์จึงร้องเรียก "เอ่อ...คุณแคทเทอรีน  คุณดัลกลิช สั่งไว้ว่า...."
"หือ....." หญิงสาวหันมามองด้วยสายตาว่างเปล่า
นายแพทย์หน้าเจื่อนๆลง  แล้วบอกเสียงแผ่วๆ "เอ่อ...อีก ๑๕ นาทีมารับวัคซีนที่ห้องจ่ายยานะครับ.."
"แล้วจะไป....." บอกเสร็จก็เดินออกไป  นายแพทย์มองตามแล้วถอนหายใจเฮือก.....

อีกด้านหนึ่ง  ชายชราเดินมาเจอหมอผีสินที่นั่งดื่มกาแฟอยู่

ชายชราเอ่ยถาม "ยังไม่นอนอีกหรือ?"
"หมอผีต้องปราบผีกลางคืน  จะนอนได้อย่างไงละครับ..."
หมอผีหนุ่มตอบพร้อมยิ้ม  ยกแก้วกาแฟให้ทำนองชวนดื่ม ดัลกิลชสั่นหัว
ชายชรายิ้มน้อยๆ  แล้วนั่งลงสนทนาด้วย.."นั่นสิ...ผมก็ลืมไป  ว่าแต่ต้องมาปราบผีต่างชาติอย่างนี้ ลำบากใจไหม"
"ไม่มีปัญหา ยุคนี้มันโลกาภิวัฒน์  ผีหลอกได้ไร้พรมแดน"
"คุณนี่มีอารมณ์ขันดีจริงๆนะ  ผมชอบจังเลย"
หมอผีหนุ่มเอ่ยถามเมื่อชายชราลุกขึ้นยืนจะเดินไปอีกทาง "แล้วคุณไม่นอนพักบ้างหรือ"
"ผมเองก็ต้องปราบผีกลางคืนเหมือนกัน  จะนอนได้อย่างไงละ..." ชายชราตอบกลับมาอย่างอารมณ์ดี
"แล้ว เอ่อ.อ...แคทเทอรีนเป็นอย่างไงบ้างครับ" หมอผีหนุ่มถามถึงอาการของนักล่าสาว
"ปลอดภัยแล้ว  ร่างกายของเธอรักษาตัวเองเกือบสมบูรณ์แล้ว" ชายชราเอ่ยตอบ
หมอผีหนุ่มมองหน้าชายชรา เขาเอ่ยถาม "แล้ว คุณ แคทเทอรีนเธอเป็น..เอ่อ...เป็นอย่างนี้ได้อย่างไง?"
"เริ่มต้นที่....  แม่ของเธอถูกแวมไพร์ข่มขืนจนตั้งท้อง  พอคลอดออกมาแม่ของเธอก็เสียชีวิต  แต่เธอรอด..."
"เรื่องน่าเศร้านะ....แต่เธอก็ได้ความสามารถของแวมไพร์มาใช่ไหมครับ..." หมอผีหนุ่มซักประวัติเธออย่างสนใจ
"แคทเทอรีน เป็นครึ่งมนุษย์ครึ่งแวมไพร์  ชีวิตของเธออัดแน่นด้วยความแค้นจากคำสาปที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด และต้องการปกป้องชีวิตเผ่าพันธุ์มนุษย์จากพวกแวมไพร์  ที่ผ่านมาชีวิตของเธอกร้าวแกร่งจากการต่อสู้ที่เต็มไปด้วยเลือด..."
หมอผีหนุ่มยิ้มเมื่อได้ฟัง "เหมือนคุณอารัมภบทจะเล่านิยายให้ผมฟังเลย.."
"ฟังเหมือนนิยาย แต่ที่ผมบอกคุณมันจริงทั้งนั้น..." ชายชราเอ่ยเสียงแผ่วๆ ราวสะเทือนใจไปด้วยกับเรื่องนี้
หมอผีหนุ่มยกกาแฟขึ้นซด พลางซักถามต่อ " แล้ว แคทเทอรีน มีอะไรพิเศษ ถึงได้เป็นนักล่าแวมไพร์หล่ะ?"
"แคทเทอรีนนั้น  ร่างกายเธอมีคุณสมบัติแบบแวมไพร์ แต่ไม่กลัวแสงแดด เธอมีการแก่ตัวเหมือนมนุษย์ และมีพละกำลังเหนือกว่ามนุษย์ธรรมดา ข้อเสียคือมีความกระหายเลือดเช่นเดียวกับแวมไพร์ทั่วไป แต่มโนธรรมฝ่ายมนุษย์บวกกับการสูญเสียแม่เพราะพวกแวมไพร์ทำให้เธอตั้งปณิธานที่จะเป็นผู้ไล่ล่าเหล่าร้าย แวมไพร์ กลุ่มที่มี  มอทัซ เป็นผู้นำ โดยการช่วยเหลือของพวกเราที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในการสังหารแวมไพร"
"มอทัซ...เจ้าแวมไพร์ที่ผมเจอเมื่อวานใช่ไหม?"
"ถ้าตามรูปพรรณที่คุณบอกก็น่าจะใช่  แคท ตามล่ามันนับตั้งแต่เริ่มฝึกเป็นนักล่า"
"แล้ว แคทเทอรีน เขามาอยู่กับคุณได้อย่างไง?" หมอผีหนุ่มถามเจาะถึงนักล่าสาวอีก
"ผมรู้จักและสนิทกับแม่ของเขา  พอคลอดออกมาแล้ว  ผมก็เป็นคนเลี้ยงดูเขามาตลอด  ผมเป็นคนเดียวที่เขายอมเชื่อฟัง"
"แล้วที่คุณว่าเธอมีความกระหายแบบ แวมไพร์ หมายความว่าเธอต้องกินเลือดเป็นอาหาร..ใช่ไหม?"
"ก็ใช่....  แต่เราใช้เซรุ่มต้านไวรัสกับเธอ  ความกระหายเลือดของแวมไพร์ คล้ายคนติดยาเสพติด  แล็ปของเราคิดค้นตัวยาต่อต้านขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือคนติดเชื้อไวรัสเมื่อถูกแวมไพร์กัดซึ่งก็ได้ผล  และพัฒนามาใช้กับเธอ แต่ว่าร่างกายของเธอนับวันก็เกิดอาการต่อต้านสูงขึ้นเรื่อยๆทุกที ..."
"ไม่มีทางรักษาเลยหรือครับ..." หมอผีหนุ่มถาม
ชายชราสีหน้าอมทุกข์ขึ้นมาทันที "เราก็พยายามนะ  แต่ก็ยังไม่เห็นแสงว่างที่ปลายอุโมงค์เลย..."
"อื่อ.อ.อ...อย่างงั้นหรอ  ผมเอาใจช่วยนะครับ..." หมอผีหนุ่มบอกพร้อมรอยยิ้ม
ชายชราเปลี่ยนสีหน้า มองหน้าเขายิ้มๆ "สนใจเข้าละสิ...แต่ขอบอกนะว่าเธอร้ายมากๆ แถมเอาแต่ใจเป็นที่สุด ปราบยาก..."
"ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ.." หมอผีหนุ่มตอบยิ้มๆ

แล้วชายชราก็ขอตัวไปทำงาน  แต่พอเดินไปได้สอง – สามก้าว ชายชราก็หยุดชะงัก
เขาหันกลับมาหาหมอผีหนุ่ม แล้วเอ่ยชวนว่า "เราจะสอบสวนคนที่คุณพามา  สนใจไปสังเกตการณ์ไหม?"
"อื่อ...อ์...ก็ดีครับ..กำลังว่างๆอยู่เลย  ไปร่วมสังเกตการณ์หน่อยหน่อยก็คงไม่เสียหลาย...." หมอผีหนุ่มลุกขึ้นเดินตามไป

แดนนี่เฝ้านั่งมองมนุษย์หมาป่าซึ่งบัดนี้กลายสภาพเป็นหญิงสาวผิวดำที่มีรูปร่างอวบอิ่มผ่านกระจกนิรภัยสองหน้าด้วยสายตาไม่ชอบใจ  ถึงดูสรีระช่างเย้ายวนชวนมองยิ่งนัก แต่ภาพเศษชิ้นส่วนของเหยื่อที่ถูกเธอนั้นฉีกกินทำให้แดนนี่รู้สึกรังเกียจจนแทบอยากจะเข้าไปชกสักสองสามหมัดเพื่อระบายความแค้น   แต่ก็ต้องระงับใจเอาไว้และนั่งเฝ้าต่อไป

เสียงบานประตูห้องที่เปิดออกทำให้เขาชะงักความคิดทั้งหลายและหันหน้าไปมอง   แดนนี่รีบยืนตัวตรงเมื่อเห็น เคนนี่ ดัลกลิช ก้าวเข้ามาพร้อมกับ เจอร์ราร์ดเพื่อนร่วมงานของเขา  และตามด้วย หมอผีของประเทศไทย  หลังจากทักทายเรียบร้อย  ชายชราจ้องมองหญิงสาวที่นั่งตัวสั่นๆมองรอบๆห้องสอบสวนที่เธอนั่งอยู่ลำพัง

"มีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้างหรือเปล่า"   ชายชราถามเสียงเข้มๆ
แดนนี่หันไปมองสาวผิวดำและสั่นหน้าพร้อมกับตอบ "ตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาเขาก็นั่งทำหน้างงอยู่แบบนั้น ที่แปลกก็คือมือของเขาน่ะครับ"
"ที่มือของเขามีอะไรหรอ?" ชายชราถามอย่างสงสัย
แดนนี่ชี้ให้ชายชราดูมือที่ถูกสาวนักล่าตัดขาด   "มันงอกขึ้นมาใหม่ได้เอง    และดูเหมือนผู้หญิงคนนี้ไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าเขาเป็นอะไร   และทำอะไรร้ายกาจมา...."
"ก็เหมือนกับพวกมนุษย์หมาป่าหลังคืนร่างน่ะแหละ"   เจอร์ราร์ด เอ่ยบอกเสียงเรียบๆ   "ต่อให้กลายร่างออกไปฆ่าคนเป็นร้อย พวกมันก็จำอะไรไม่ได้ หรือบางทีก็คงจะไม่อยากจำ"
"อย่าให้แจ็กค์ได้ยินคำพูดนี้เป็นอันขาด"   แดนนี่เตือนเสียงเข้ม
สีหน้าของเจอร์ราร์ดเผือดลงเล็กน้อยก่อนจะพูดเสียงแผ่วๆ  "ขอโทษ ฉันไม่ได้หมายถึงเขา"
"พอได้แล้ว"   ชายสูงวัยพูดตัดบท

แล้วเขาก็มองไปที่หญิงผิวดำที่กำลังกวาดตามองไปทั่วห้องอย่างตื่นกลัวด้วยความสนใจ
"เขาน่าจะไม่รู้อะไรจริงๆระหว่างกลายร่าง"
หมอผีหนุ่มเองก็เอ่ยแทรก "น่าแปลกเหลือเกินที่เขารอดมาจากลูกไฟสุริยะที่ร้อนแรงขนาดนั้นได้"
"อาจจะเป็นเพราะตอนนั้นเขาอยู่ในสภาพของสัตว์อสูรน่ะสิ..." เสียงสาวนักล่าพูดขึ้นข้างๆ

นักล่าสาวสุดสวยมายืนอยู่ด้านหลังของทุกคนตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้  หมอผีหนุ่มยิ้มบางๆจ้องมองเธออย่างสนใจ  ด้วยรูปร่างหน้าตา เรือนร่างที่อวบอัด ประกอบกับการแต่งตัวด้วยชุดหนังสีดำและออกแบบมาอย่างเซ็กซี่ๆให้เข้ากับบุคลิกและรูปร่างช่วยเน้นให้เธอดูโดดเด่นสะดุดตา  อย่างเกาะอกก็โชว์ร่องเต้าทะลักออกมาเกือบครึ่ง เอวลอยโชว์หน้าท้องแบนราบขาวนวล  และกางเกงรัดรูปเอวต่ำเสียจนเกือบเห็นโหนกนูน

แม้นจะมีการแต่งหน้าเพียงบางๆ แต่ส่วนประกอบโดยรวมก็ทำให้เธอเป็นที่สนใจของเขาได้อย่างไม่ยาก

"อ้าว...คุณหายดีแล้วหรือ..."หมอผีหนุ่มหันไปมอง และร้องทักด้วยความดีใจ
"ขอบใจที่ห่วง  ฉันไม่ตายง่ายๆหรอก  จนกว่าจะล้างพันธุ์ไอ้พวกแวมไพร์นี่สิ้นซาก" หญิงสาวตอบมาเสียงเครียดๆ

ด้าน เคนนี่ ดัลกลิช ขมวดคิ้วทำหน้าไม่พอใจ

"แคท มาได้อย่างไง?" เขามองหญิงสาวอย่างตำหนิ  "ทำไมไม่พักตามที่ฉันสั่ง  แล้วมาอยู่ที่นี่ได้ไง ดร.วินเซนต์  ล่ะ?..."
"ฉันให้เขาพัก  ตามที่คุณสั่ง.."  สาวนักล่าตอบอย่างไม่สนใจ

หญิงสาวไม่สนใจคนอื่นๆอีก  เธอเดินไปผู้ที่ถูกขังอยู่ในห้องสวบสวน "เขาเป็นใครหรือ..."
"เรายังไม่ได้สอบปากคำเขาเลย"   แดนนี่เป็นฝ่ายตอบขึ้นมาแทน

หญิงสาวจ้องก่อนจะหันไปทางชายชราและพูดเสียงเรียบๆ "ขอให้ฉันสอบสวนเขาเองนะ..."
"เดี๋ยวก่อน...." หัวหน้าหน่วยร้องห้าม
หญิงสาวหยุดและมองเขาด้วยสายตาสงสัย "ทำไม?"
"เธอใจร้อนเกินไปและอย่าลืมสิว่าฉันเป็นหัวหน้าของที่นี่" เขาส่งสายตาดุๆไปยังหญิงสาว
"แต่....."
"รออยู่ตรงนี้"   เขาสั่งก่อนจะหันหน้าไปทาง   หมอผีหนุ่ม   แดนนี่ และเจอร์ราร์ด   "ส่วนพวกเธอตามฉันมา"

เขาพูดจบก็เดินนำหน้าและเปิดประตูเข้าไปในห้องคนแรก
แตว่าหญิงสาวก็รีบเดินตามชายชราเข้าไปแทบจะทันทีใน
ขณะที่หมอผีหนุ่มหันหน้าไปทางแดนนี่และถาม เสียงไม่ดังนัก  "อย่างคุณแคทนี่น่ะเหรอใจร้อน"
"แค่ตอนนี้เท่านั้น" แดนนี่พูดยิ้มๆ "ระวังคำพูดนายหน่อยก็แล้วกัน   เพราะตอนนี้เขายังไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะนั่งฟังใคร"
"ท่าทางเย็นชาขนาดนั้นจะใจร้อนได้อย่างไง"  หมอผีหนุ่มวิจารณ์ก่อนจะก้าวตามเข้าไปในห้อง

หมอผีหนุ่มเดินไปหยุดยืนอยู่ทางด้านหลังของหญิงผิวดำ  ซึ่งเธอกวาดตามองทุกคนด้วยสายตาหวาด ระแวง  หญิงผิวดำจ้อง เคนนี่ ดัลกลิช ที่กำลังรินกาแฟใส่แก้วสองใบและเดินมานั่งตรงข้าม กับเธอไม่วางตา   อีกฝ่ายยื่นแก้วกาแฟส่งให้กับเธอรับไว้แต่เมื่ออีกฝ่ายไม่ขยับรับ  ชายชราดื่มให้ดูแล้วพยักหน้าพร้อมกับยิ้ม

"นี่อาจจะช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้น" น้ำเสียงราบเรียบและดูเป็นมิตร
"..............." หญิงผิวดำยังคงกวาดมองกวาดตาไปรอบๆตัวอย่างตื่นกลัว
เคนนี่ ดัลกลิช  จ้องหญิงผู้นั้นที่ยังคงนั่งสั่นๆไม่หยุด  เขาพูดว่า "แค่กาแฟเท่านั้นเองครับ"

หญิงสาวผิวดำจ้องมองแก้วกาแฟและ เคนนี่ ดัลกลิช และเม้นปากตนเองคล้ายกำลังชั่งใจ เธอมองควันที่ลอยอ้อยอิ่งออกมาจากกาแฟสีเข้มก่อนจะตัดสินใจเอื้อมมือไปรับ และเลื่อนเข้าหาตัว

"ขอบคุณ" น้ำเสียงเบาจนเกือบจะเป็นกระซิบ ก่อนจะยกขึ้นจิบอย่างระวัง

เขาวางแก้วลงพร้อมกับชำเลืองตามอง สาวนักล่าแวมไพร์ ด้วยความหวาดกลัว "ทำไมต้องมองฉันด้วยสายตาแบบนั้น"
"เขาแค่เป็นห่วงว่าคุณจะโดนกาแฟลวก"หมอผีหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลังตอบให้ ทุกคนในที่นั้นมองหน้าเขา "เอ่อ.อ..ใช่ไหม"

มองทึ่งๆอยู่พักแล้วทุกคนหันกลับมาสนใจหญิงสาวผิวดำต่อ 
แล้วหญิงสาวผิวสีคนนั้นถอนใจก่อนจะพูดเสียงแผ่ว "แต่ฉันว่ามันเหมือนเขาอยากจะฆ่าฉันมากกว่านะ"
".................." หญิงสาวนักล่านั่งนิ่ง  ขณะทุกคนมองเธอห่วงๆ

หญิงสาวเหลือบมองสบตาสาวนักล่าและเว้นระยะไปเล็กน้อย 
แล้วเธอก็หันมาหา เคนนี่  ดัลกลิช พลางจ้องชายชราและถาม"พวกคุณเป็นใครและจับฉันมาทำไม"
"เราไม่ได้จับตัวคุณมา แต่เราพบคุณนอนหมดสติอยู่ในตรอกทางเข้าหมู่บ้านแห่งหนึ่ง"
"ถ้าอย่างนั้นฉันก็น่าจะฟื้นขึ้นมาบนตียงในโรงพยาบาลมากกว่า" เขากวาดตามองไปจนทั่ว "ที่นี่มันเหมือนห้องสอบสวนของพวกตำรวจหรือเอฟบีไอที่เคยเห็นในทีวีเลย"
"ใช่ มันคือห้องสอบสวน แต่พวกผมไม่ใช่พวกตำรวจหรือเอฟบีไอ" ชายชราตอบเสียงเรียบ ๆ"ที่คุณถูกพามาที่นี่เพราะพวกเราสงสัยอะไรบางอย่าง"
"สงสัยฉัน?" หญิงผิวสีผู้นั้นทวนคำด้วยน้ำเสียงตระหนก "เรื่องอะไร"
           
สาวนักล่าขยับตัวทำท่าจะพูดแต่ ดัลกลิช กลับยกมือห้ามไว้

และเขาก็ตอบหญิงผิวสีด้วยท่าทางสุภาพ  "ก่อนอื่นเราอยากจะรู้ชื่อของคุณ"
"ฉันขอพบทนาย...." หญิงผิวสีเอ่ยขึ้นเสียงแหบๆ
ชายชรายิ้ม เขาเอ่ยเสียงนิ่มๆ "ที่นี่ไม่มีทนายของรัฐ  ที่นี่ไม่ใช่เมืองที่คุณอาศัยอยู่"
"แล้วที่นี่ที่ไหน?" หญิงสาวทำท่าฉงน
หมอผีหนุ่มตอบยิ้มๆ "ไทยแลนด์  ที่นี่ประเทศไทยครับ..."
"หา...ประเทศไทย? ฉันมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไง" หญิงสาวผุดลุกแล้วอุทาน  ก่อนจะทรุดนั่งลงแล้วกุมหัว

เคนนี่ ดัลกลิช ยื่นมือไปรับแฟ้มเอกสารที่ เจอร์ราร์ด ส่งให้และทำท่าเปิดอ่านอย่างตั้งใจ

ชายชราเอ่ยถามเสียงนุ่มๆอีก "เราพอมีข้อมูลของคุณ  แต่เราต้องการคำยืนยันจากคุณว่าใช่หรือไม่  บอกเราเถอะพวกเราไม่ได้เจตนาร้ายกับคุณเลย..."
"...อบีเกล...ฉันชื่อ อบีเกล  เจนน์  ลาซี่ วัตสัน" หญิงสาวตอบเสียงระโหย "เป็นครูสอนดนตรี อยู่ที่ เอฟเวอร์ตั้น มิวสิค..."

"คุณ อบีเกล" ดัลกลิช พูดด้วยน้ำเสียงที่ดูจริงจังขึ้น "เอาเป็นว่าผมจะไม่อ้อมค้อมอะไร   ผมจะถามคุณตรงๆ   คุณพอจะจำได้บ้างไหมว่าเมื่อสองสามอาทิตย์ก่อนคุณไปทำอะไรที่ไหนมาบ้าง"
"ฉันไม่สบาย"   สาวผิวสีเอ่ยตอบ   "เลยขอลาหยุดและนอนพักอยู่กับบ้านมาหลายวันแล้ว"
"คุณป่วย"  ดัลกลิช ขมวดคิ้วมองร่างที่อวบอัดของสาวผิวสี "เคยไปตรวจเลือดหรือสุขภาพบ้างไหมครับ"
"มะ..ไม่...เพราะสุขภาพของฉัน เอ่อ..แข็งแรงดี..." สาวผิวสีทำท่าอึดอัด
ดัลกลิช หยิบรูปถ่ายผู้หญิงผิวสีขึ้นมาให้เธอดู "นี่คือรูปถ่ายของ อบีเกล  เจนน์ ลาซี่ วัตสัน เธอเป็นคนอ้วน หนักถึง ๒๒๕ ปอนด์ แต่คุณ ไม่ได้มีหุ่นอย่างนั้นเลย เหมือนเป็นคนละคน  แต่ถ้าใช่.. แล้วคุณไปทำอะไรมา  รูปร่างถึงเปลี่ยนไปอย่างนี้..."
"เอ่อ..อ.อ....ระยะหลังมานี่ฉันป่วย และกินอะไรแทบไม่ได้เลยต่างหาก" หญิงสาวผิวสีตอบเสียงเบาๆ
"ไม่ได้หรือไม่ไหว"   นักล่าสาวพูดขัดขึ้นเสียงเรียบๆ

สาวผิวสีหันไปจ้องผู้พูดเขม็งและเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
"ฉันไม่ชอบน้ำเสียงแบบนั้นเลย"
สาวนักล่ายิ้มหยันๆ "คุณกินของปรกติธรรมดาไม่ได้แต่....."
"แคท!! พอแล้ว" เสียงดัลกลิช ร้องห้าม "ให้ฉันคุยกับเขาคนเดียวพอ...."
"..................." นักล่าสาวจึงสงบลง
หญิงสาวผิวสีเลื่อนสายตากลับมาทาง ดัลกลิช  "พวกคุณจับฉันมาคงไม่ใช่แค่ถามเรื่องอาหารการกินอย่างเดียวแน่"
"อย่าใช้คำว่าจับ  เรากำลังจะช่วยคุณต่างหาก" ดัลกลิช ตอบเสียงจริงจัง
"ช่วยฉัน...ช่วยจากอะไร?"
เสียงถอนใจดังมาจากชายชรา "จากสิ่งนี้ไง...สิ่งที่คุณกำลังเป็นอยู่...."

พูดจบเขาเปิดแฟ้มหน้าที่มีภาพเศษชิ้นส่วนที่เหลือของเหยื่อและเลื่อนให้หญิงสาวดู อีกฝ่ายเบิกตากว้างด้วยความตระหนก
           
"นี่มันอะไรกัน"   สาวผิวสีร้องเสียงดังขณะจ้องมือที่ขาดวิ่นและกองเลือดขนาดใหญ่ที่ปรากฏอยู่ในภาพ
"พอจะจำภาพพวกนี้ได้ไหม?" สาวนักล่าเอ่ยถามหยามๆ
สาวผิวสีปัดแฟ้มนั้นจนกระเด็นและลุกขึ้น "ไม่....ฉันไม่รู้เละไม่เคยเห็น....พวกคุณเอาอะไรมาให้ฉันดู"
           
สาวผิวสีกวาดตามองไปรอบๆห้อง  เธอจ้องหน้าของทุกคนแบบงงๆ  และทำท่าเหมือนจะสติแตก
ชายชรา มองอาการของเธอและทำท่าจะตอบแต่ต้องหยุดเมื่อเห็นอีกฝ่ายอ้าปากค้างและหอบหายใจแรงๆ
สาวผิวสียกมือกุมศีรษะ  หมุนตัวไปรอบๆห้องอย่างน่ากลัวและทำท่าจะล้ม
เจอร์ราร์ดซึ่งอยู่ใกล้สุดรีบยื่นมือเพื่อไปคว้าร่างของเขาไว้แต่ไม่ทัน สาวผิวสีทรุดล้มลงและนอนสิ้นสติไปแทบจะทันที
           
"เขาเป็นอะไร"   เจอร์ราร์ดเอ่ยถามด้วยความงุนงง   สองตาจ้องร่างไร้สติของหญิงสาวที่นอนกองแทบเท้า
สาวนักล่าชำเลืองตามองร่างนั้นก่อนจะหันไปทางดัลกลิช เธอว่า "จะจัดการยังไงกับเขาดี..."
"ฉันเองก็ยังไม่รู้เหมือนกันพราะดูเหมือนว่านางสาว อบีเกลคนนี้จะไม่รู้เลยว่าตัวเองเป็นอะไร"
"เสแสร้งหรือเปล่า?" สาวนักล่าเอ่ยออกความเห็นแบบไม่ไว้ใจ

ดัลกลิช ถอนหายใจเหนื่อยๆ  "เพราะถึงแม้พวก ดากค์ แฮนด์   จะจัดการเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมของเขาได้   แต่ก็ยังไม่สามารถควบคุมความนึกคิดและจิตใจของเขาได้อย่างสมบูรณ์"
"แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าเขาจะกลายร่างตอนไหน"   เจอร์ราร์ดเอ่ยถามขึ้น
แดนนี่ เอ่ยขึ้นบ้าง "คงไม่ใช่วันพระจันทร์เต็มดวงแน่ๆ  เพราะคืนนี้เดือนแรมแท้ๆ  เขายังกลายร่างได้เลย"

สาวนักล่าหันไปมองเขาเพื่อจะตอบบ้าง
แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นบางสิ่งอย่างอย่างกำลังเกิดขึ้นกับร่างของสาวผิวสีอย่างรวดเร็ว
           
"เจอร์ราร์ด   ถอยออกมา"   หญิงสาวร้องบอกอย่างตื่นตระหนกรีบขยับตัวบังร่างของ ดัลกลิช เอาไว้
"อะไรหรอ?" เจอร์ราร์ด ทำหน้างงๆ  แต่พอเห็นร่างของสาวผิวสีค่อยๆมีการเปลี่ยนแปลงก็ตาเหลือก "อะไรวะนั่น...."

ในขณะที่ร่างของสาวผิวสีเกิดการเปลี่ยนแปลง  ทุกคนในที่นั้นต่างขยับถอยออกห่างและยังคงยืน นิ่ง ดวงตาของพวกเขาจับจ้องมองสาวผิวสีซึ่งบัดนี้กำลังแปรเปลี่ยนไปเป็นร่างของมนุษย์หมาป่ากันเขม็ง   เมื่อมันเปลี่ยนร่างได้สมบูรณ์แล้วก็ขยับตัวลุกขึ้นและหันไปจ้องสาวนักล่าและ ดัลกลิช ด้วยสายตาน่ากลัว
           
"ทุกคน....ระวัง"   เจอร์ราร์ดตะโกนบอกและดึงปืนพกออกมาจากซองข้างตัว
หมอผีหนุ่มรีบเข้าไปหาเจอร์ราร์ด เขาร้องเตือน "อย่านะ รีบหลบไป..."

แต่ก็ยังช้ากว่าเจ้าอมนุษย์ มันหันกลับไปหาเขาและใช้กรงเล็บทะลวงเข้าไปในช่องท้องจนทะลุ  เจอร์ราร์ดตาเหลือก  เลือดทะลักจากบาดแผลและปาก ร่างของเขากระตุกเฮือกๆ  เจ้าสัตว์ร้ายหมุนมือคว้านในช่องท้องของเขาจากนั้นจึงกระชากเครื่องในของเขาออกมาใส่ปากเคี้ยวกินอย่างเอร็ดอร่อยพลางส่งเสียงคำราม
           
"ไม่....เจอร์ราร์ด......."  ดัลกลิช อุทานร้องเรียกลูกน้องของตนด้วยความตกใจ

มันทำให้เจ้ามนุษย์หมาป่าซึ่งกำลังแทะกินร่างของเจอร์ราร์ดอยู่ชะงักและหันหน้ามามองด้วยดวงตาวาว มันตวัดลิ้นเสียปากตัวเองและขยับตัว   สาวนักล่ารีบตั้งท่าเตรียมพร้อมทันที  เจ้าอมนุษย์เดินย่างเข้าหา  สาวนักล่าเหวี่ยงหมัดเข้าใส่ใบหน้าของเจ้าอมนุษย์เต็มแรงพร้อมกับถีบมันจนปลิวไป กระแทกกับผนังห้อง

มนุษย์หมาป่าอันตรายส่งเสียงร้องออกมาและทำท่าจะกระโดดเข้าใส่อีกครั้ง
แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นดวงตาของสาวนักล่าแดงก่ำลุกวาวน่ากลัว  เธอขยับเข้าหามันขณะที่มันถอยหลัง

"ไอ้สัตว์นรก  ไม่ว่าแกจะเป็นใคร ฉันจะฆ่าแกให้ได้...." หญิงสาวคำรามอย่างโกรธจัด
แต่ก่อนจะขยับเข้าหา  หมอผีหนุ่มรีบร้องห้าม "แคทระวัง.....หลบมาก่อน.."

หญิงสาวขยับตัวเข้าไปหาเจ้าหมาป่าพันธุ์ประหลาด  แต่มันพ่นน้ำลายเข้าใส่  หมอผีหนุ่มคว้าตัวของสาวนักล่าหลบไปได้หวุดหวิด  น้ำลายของมันไปโดนโต๊ะและละลายอย่างรวดเร็ว  แม้นไม้เด็ดจะพลาดแต่มันกลับคว้าเก้าอี้และเหวี่ยงเข้าใส่อีก ทั้งสองกลิ้งตัวหลบไปอีกครั้ง  ก่อนที่มันจะพุ่งตัวไปที่กระจกกั้นห้องและกระแทกจนแตกกระจายท่ามกลางเสียงร้องด้วยความตระหนกของแดนนี่ที่กำลังเข้าไปช่วยเพื่อนของตน

เจ้าหมาป่าประหลาดออกวิ่งหนีไป  ชนพนักงานภายในสำนักงานนั้นกระเด็นระเนระนาด  เสียงพนักงานผู้หญิงร้องหวีดว้าย
เจ้าสัตว์ร้ายอาละวาดทุบทำลายข้างของพังไปทั่ว  และร้องคำรามจนคนในนั้นแตกตื่นวิ่งหนี  พวก รปภ.วิ่งกรูกันมา ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันทำให้ ดัลกลิช ต้องขบกรามแน่น  เขามองร่างโชกเลือดของเจอร์ราร์ดอย่างขุ่นเคือง

เขาร้องสั่ง หมอผีหนุ่ม และ สาวนักล่า เสียงดัง  " ตามไปเร็ว  แล้ว....จัดการมันให้ได้...."
"แต่นั่นเป็นแค่ร่างแปลงนะ...." หมอผีหนุ่มเอ่ยขัด
ดัลกลิช เม้มปากเอ่ยเครียดๆ "แต่เจ้าของร่างต้องร่วมรับผิดชอบต่อสิ่งที่ร่างแฝงกระทำ...ไปเร็วๆก่อนจะมีใครต้องตายอีก"

ทั้งสองพยักหน้ารับ  และก็รีบวิ่งออกมานอกห้องเพื่อตามไปจัดการเจ้าสัตว์ร้าย
หมอผีหนุ่มวิ่งออกมาจากห้องไปตามทางที่เจ้าสัตว์ร้ายเตลิดออกไป  และถามพนักงานที่แตกตื่นไปตลอดทาง
จนกระทั่งมาถึงชั้นล่าง  ทั้งสองมองหาทิศทางที่มันจะหนีไป  แต่ทว่าก็เดาไม่ถูกจนกระทั่งมีเสียงร้องอย่างตกใจดังขึ้น

".............ว้าย!!!!!!...................."
ทั้งสองหันมามองสบตากัน  หมอผีหนุ่มว่า "ทางโน้น..."
"ไปเร็ว............." หญิงสาวนักล่าเอ่ยบอก

ยังไม่ทันที่ทั้งสองจะได้ขยับตัว  ทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงร้องอุทานดังขึ้นอีกครั้ง  ตามมาด้วยเสียงของหนักกระแทกกับผนังอย่างรุนแรง ทั้งสองรีบวิ่งไปดูตามต้นเสียง  และอ้าปากค้างเมื่อเห็นมนุษย์หมาป่าประหลาดนอนแน่นิ่งอยู่ กับพื้นโดยมีเท้าอันใหญ่โตของแจ็กค์  แดร์โรว์  นักล่าค่าหัวแวมไพร์เหยียบเอาไว้บนกลางลำตัว

"เอะอะหนวกหูกัน จนผมนอนไม่หลับ" เขาบ่นเสียงดังก่อนจะเลื่อนสายตามองทั้งสองพลางถาม "ใครเอาเจ้าตัวบ้านี่เข้ามา"
"ผมเอง" หมอผีหนุ่มเอ่ยตอบ
แจ็กค์ แดร์โรว์ ขมวดคิ้ว "นี่..นายมันไอ้บ้านนอกที่คุณ ดัลกลิชว่าเป็นหมอผีนี่..."
"ใช่แล้วครับ...." หมอผีหนุ่มตอบพร้อมรอยยิ้ม

นักล่าค่าหัวสั่นหน้าก่อนจะยกเท้าออกจากร่างที่บิดเบี้ยวผิดรูปของมนุษย์หมาป่า "ทีหลังจะเอาอะไรกลับมา ตรวจดูก่อนว่ามันหมดพิษสงหรือยัง  เกิดมันมาหลุดวิ่งพล่านอย่างนี้  จะทำให้พนักงานสาวๆขวัญเสียลาออกหมด.."
"ผะ...ผมขอโทษ...."
นักล่าค่าหัวยิ้ม "ไม่เป็นไร  ถือว่าไม่รู้ก็ไม่ผิดก็แล้วกัน.."

ทั้งสามยืนจ้องร่างนั้น ซึ่งบัดนี้เริ่มคืนสภาพกลับเป็นสาวผิวสีดังเดิม

"คน....แล้วก็เป็นผู้หญิงด้วย...ฮู้..สวยและเซ็กซี่ส์มากๆ..." เสียงของนักล่าหนุ่มร้องอุทานขึ้น
"นั่นแหล่ะ  สวยสังหาร เขาเพิ่งทำร้าย ฆ่า เจอร์ราร์ด ตายไปอุ่นๆ" เสียงของดัลกลิชเอ่ยขึ้นขณะเดินมาพร้อม กลุ่ม รปภ.
นักล่าหนุ่มมอง ดัลกลิช งงๆ "เกิดอะไรขึ้น   ทำไมถึงเป็นแบบนี้   แล้วเขามาที่นี่ได้ยังไงกันครับ"
"เมื่อคืนนี้  แคท กับผมออกไปที่โกดังร้างเพื่อจัดการกับเจ้านี่"   หมอผีหนุ่มตอบแทน   "ตอนแรกพวกเราก็ตั้งใจจะฆ่ามันแต่พอเห็นเจ้านี่หมดสติแล้วกลายร่างกลับเป็นคนเลยพามันกลับมาที่นี่เพื่อให้ทางนี้สอบสวน"
"แล้วทำไมเขาถึงได้กลายร่างเป็นหมาป่าได้ทั้งที่ไม่มีพระจันทร์อีก"   นักล่าถามอย่างสงสัย
สาวนักล่าตอบเสียงเรียบ  ๆ  " ผู้หญิงคนนี้เป็นโรค วาสโซเวกัลป์  ซินโคฟี"
"โรคอะไรนะ"   นักล่าหนุ่มย้อนถามเสียงสูง   หน้าเขาตางงๆ   คิ้วขมวดแทบพันกัน

"เฮ้อ.อ.อ...บอกไปจะเข้าใจไหมนี่.." หญิงสาวทำหน้าเบื่อหน่าย
"ก็ไม่รู้จริงๆนี่  เป็นนักล่าฆ่าแวมไพร์ ไม่ใช่แพทย์"
แต่ก่อนจะเถียงกันต่อ ดัลกลิชก็รีบพูดขึ้นมาแทน  "เขาเห็นรูปเหยื่อแล้วเป็นลม"
"แบบ...พวกเห็นเลือดไม่ได้" หมอผีหนุ่มช่วยพูดเสริม
นักล่าหนุ่มพยักหน้าและหันไปทางสาวนักล่า "ภาษาคนธรรมดาน่ะพูดเป็นไหม แล้วมันเกี่ยวกับที่แม่นี่กลายร่างได้ยังไง"
"ดูเหมือนร่างของเขาจะเปลี่ยนแปลงทันทีที่นอนหลับหรือหมดสติโดยไม่รู้ตัว"   หมอผีหนุ่มอธิบาย
อีกฝ่ายเลิกคิ้ว แล้วถามกลับว่า "ฟังดูคล้ายนิสัยแย่ๆของใครบางคน"
           
แม้จะดูเหมือนโกรธที่ถูกเพื่อนประชดแต่ สาวนักล่าแวมไพร์กลับทำท่าไม่สนใจ  เธอกำลังยืนมองร่างของเจอร์ราร์ดที่กำลังถูกใส่เปลสนามหามออกจากห้องสวบสวนไปยังหน่วยแพทย์  และก็มีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้ามาหาพร้อมทำหน้าเศร้าๆ เขาเดินเข้ามาพร้อมใบรายงานยืนให้  เคนนี่  ดัลกลิช  ซึ่งเป็นการแจ้งยืนยันการเสียชีวิตในหน้าที่ของ เจอร์ราร์ด 

เคนนี่  ดัลกลิช กัดฟัน  ท่าทางเขาจะเศร้าใจในความสูญเสีย แต่ก็สั่งการไป "ให้ทีมวิจัยมาที่นี่และรีบนำ เจอร์ราร์ด กับเจ้าหมาป่านรกตัวนี้ไปที่ห้องชันสูตรโดยเร็วที่สุด ผมต้องการรายงานอย่างละเอียดก่อนพระอาทิตย์ขึ้น..."
"ครับ....." แดนนี่ถอนใจ ก่อนที่เขาจะหยิบเครื่องมือสื่อสารของเขาออกมาพร้อมกับกรอกคำพูดลงไปตามคำสั่งที่ได้รับ
แดนนี่ ทำท่าเศร้าๆเมื่อมองศพเพื่อน  ดัลกลิชเดินไปตบบ่าของเขาสองสามครั้ง "เขาสละชีพในหน้าที่อย่างห้าวหาญ"
"คะ..ครับ....." แดนนี่มองปลงๆ
           
เคนนี่  ดัลกลิช หันมาสั่งการต่อ
"แจ้งเรื่องของ  สตีเฟ่น  เจอร์ราร์ด ไปที่องค์กร เราต้องเผาร่างของเขาให้เร็วที่สุด   ผมจะทำเรื่องเชิดชูเกียรติให้เขาเอง.."
"ครับ"   เจ้าหน้าที่ต่างขานรับด้วยใบหน้าเศร้าๆ
"................"  ชายชรามองทุกคนด้วยความรู้สึกเห็นใจก่อนจะเดินออกไปจากห้อง

นักล่าหนุ่มก้าวข้ามร่างของหญิงผิวสีและเดินไปตบบ่าของแดนนี่ พลางเอ่ยว่า "ขอโทษที่มาช้า"
"ไม่เป็นครับ" ชายหนุ่มพูดเสียงแผ่ว

หมอผีหนุ่มถอนใจออกมาก่อนจะเดินออกไปหยุดยืนรออีกด้านของห้อง
สาวนักล่าก้มหน้าลงมองร่างของหญิงผิวสีนิ่งอยู่ครู่หนึ่งจึงเลื่อนสายตามองไปที่ร่างไร้วิญญาณของ เจอร์ราร์ดที่ถูกหามห่างออกไป   หญิงสาวขบกรามตนเองแน่นก่อนจะหันหน้าไปทางหมอผีหนุ่ม  เขาเดินเข้ามาหา
           
"ฉันเสียใจ.....ที่ปล่อยให้มีคนตายเพราะเจ้านี่อีก   ทั้งที่เอ่ยปากไว้แล้ว..."   หญิงสาวพูดเสียงแผ่ว   
อีกฝ่ายสั่นหน้าพร้อมกับพูดเสียงไม่ดังนัก  "คุณทำถูกแล้วที่ปกป้องคุณ ดัลกลิช ก่อน...."
"แต่ฉันไม่น่าปล่อย...ให้เขาต้องตายต่อหน้าต่อตาอย่างนั้น...."  หญิงสาวมองร่างไร้วิญญาณของเพื่อนร่วมงาน
"ถ้าเจอร์ราร์ดเป็นคุณ   เขาเองก็คงเลือกที่จะทำแบบนั้นเหมือนกัน"
"แต่.........."   หญิงสาวเอ่ยออกมาเพียงเท่านั้นและถอนใจ
"ต่อให้คุณเก่งกาจแค่ไหน  ก็ช่วยคนไว้ทั้งหมดไม่ได้หรอก  ช่วยเท่าที่ช่วยได้และปกป้องเขาเท่าที่ทำได้เถอะ"  หมอผีหนุ่มบอกเพื่อปลอบใจเธอ           

แม้จะมีสีหน้าที่ดูเฉยชาแต่เขาก็รู้แก่ใจดีว่า   สาวนักล่าแวมไพร์กำลังรู้สึกผิดที่ไม่สามารถปกป้องทุกคนได้  หญิงสาวระบายลมหายใจออกมายาวๆพร้อมกับหันหน้ากลับไปมองร่างของเจอร์ราร์ดอีกครั้ง
           
หมอผีหนุ่มจึงพูดให้กำลังใจเธออีกครั้ง "คุณทำดีที่สุดแล้ว แคท....."
"ขอบใจนะ......" เสียงนั้นเบาหวิวแทบไม่ได้ยิน...

เจ้าหน้าที่กำลังนั่งล้อมเพื่อตรวจสภาพของมนุษย์หมาป่าในร่างสาวผิวสีทุกคนผงะขมวดคิ้ว
นักล่าหนุ่มจึงถาม
  "เป็นยังไงบ้าง....."
  "เขาตายแล้ว" เจ้าหน้าที่ตอบและเงยหน้าขึ้นมองเขา "คุณอัดเขาจนคอหัก"
"แค่จับกระแทกกับกำแพงเท่านั้น"   นักล่าหนุ่มรีบแก้ตัวพูดด้วยเสียงอันดัง
"ก็แรงนายมันใช่น้อยๆเสียเมื่อไหร่หล่ะ?" สาวนักล่าว่ามา
หนุ่มนักล่าทำตาโตเมื่อถูกตำหนิจากสาวนักล่า "เฮ้! อย่าทำหน้าเหมือนผมเป็นคนผิดแบบนั้นสิ... ใครจะไปรู้ล่ะพวกคุณจะจับเอาตัวประหลาดกลับมาที่นี่ด้วย"
"ใครไปว่าอะไรนายเล่า  ถือว่านายล้างแค้นให้เจอร์ราร์ดละกัน" หญิงสาวยังเอ่ยเรียบๆ
หนุ่มนักล่าทำท่างงๆ "เอาอย่างงั้นเลยหรอ..."
"อื่อ.อ.อ...." หญิงสาวบอกแล้วทำท่าจะเดินเลยไป

เสียงเจ้าหน้าที่คนหนึ่งร้องขึ้นด้วยความตกใจ  "แจ็กค์......แจ็กค์....."
"อะไรหรอ?" หนุ่มนักล่า มองไปหาด้วยสีหน้าแปลกใจ
เจ้าหน้าที่เอ่ยเสียงสั่น "ข้างหลังของคุณ...แจ็กค์....."

พูดจบทุกคนก็วิ่งหนีแตกกระเจิง  นักล่าหนุ่มมองตามตามงงๆ "อะไรกันวะ  เห็นผีหรือไง?"
"เจอผียังดีกว่า  แจ็กค์  ระวัง. ข้างหลังของนาย....." สาวนักล่าร้องเตือน  แต่เหมือนจะไม่ทัน

"ข้างหลัง  มีอะไรหรอ?" หนุ่มนักล่าหันหลังไป พอได้เห็นก็อ้าปากค้างทันที....

เจ้ามนุษย์หมาป่าประหลาดลุกขึ้นมา  มันอ้าปากคำรามลั่นแล้วยกร่างใหญ่ๆของนักล่าหนุ่มขึ้นอย่างง่ายดาย  นักล่าหนุ่มร้องเสียงหลงและพยายามดิ้น  แต่ทว่าร่างของเขาถูกเจ้าอสุรกายขวางใส่ผนังอย่างแรงจนพังลงมาทั้งแถบ  นักล่าหนุ่มกลิ้งไปหลายตลบและนอนแน่นิ่งไปท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคนในเหตุการณ์...

เมื่อจัดการนักล่าหนุ่มขณะที่เผลอจนหมอบไปแล้ว  เจ้าสัตว์ร้ายที่คืนพลังโดยไม่มีใครคาดคิดก็หันไปเห็นกลุ่ม รปภ.พร้อมอาวุธครบมือกรูมาทางด้านหนึ่ง  และหมอผีหนุ่มกับนักล่าสาวก็ยืนดักอยู่อีกทาง มันหันซ้าย – ขวาทำท่าลังเลเพราะรู้ว่าขืนสู้ทั้งสองฝ่ายมันจะต้องเสร็จแน่ๆ  มันร้องคำรามขู่อีกครั้งก่อนจะทุบผนังจนพังทั้งแถบและวิ่งหนีไปในช่องนั้น  ทุกคนรีบไล่ติดตามมันไป  แต่มันก็ทุบพนังห้องต่อไปเป็นพังเป็นช่องให้ตัวของมันสามารถหนีต่อไปได้จนกระทั่งมาถึงหน้าต่างกระจกมันก็กระโจนกระแทกใส่จนกระจกแตกกระจาย  และร่างของมันก็พุ่งออกจากตัวตึกตกลงมาในระยะความสูงเกือบๆสิบชั้น  ร่างของมันหล่นลงมากระแทกพื้นซีเมนส์จนยุบ  แต่มันก็ลุกขึ้นและวิ่งหนีต่อไปได้อีก

หมอผีหนุ่ม นักล่าสาว และ รปภ. ที่ไล่ติดตามมาต่างหยุดที่ขอบหน้าต่าง  และมองดูมันวิ่งออกไปที่ถนนหน้าอาคารของหน่วยและกำลังตรงเข้าสวนสาธารณะไป  พวก รปภ.ต่างวิทยุแจ้งเหตุและรีบวิ่งไปที่ทางลงเพื่อไล่ติดตามจับมันก่อนจะไปก่อเหตุร้ายกับใครอีก นักล่าสาวเม้มปากจ้องมันจนดวงตาเป็นสีแดงเรืองๆ  หมอผีหนุ่มเห็นอาการก็เข้าใจว่าเธอกำลังโกรธแค้น  หญิงสาวหันไปแย่งปืนจาก รปภ.คนหนึ่งมาแล้วเหน็บหลังพลางตั้งท่าจะกระโดดตาม...

พอหญิงสาวขยับจะกระโดด  หมอผีหนุ่มก็ฉุดแขนเธอไว้ เขาบอกเธอว่า  "เอ่อ...อ์...คุณแคท นี่มันชั้น สิบ นะ...."
"แล้วไง?" พูดจบหญิงสาวก็สะบัดแขนออกจากมือของเขา "แค่นี้จิ๊บๆสำหรับฉัน..."

ไม่ทันพูดอะไรต่อหญิงสาวก็กระโดดตามมันลงไป  และเธอก็ม้วนตัวลงสู่พื้นอย่างปลอดภัยก่อนจะกระโดดลอยตัวตามเจ้าสัตว์ร้ายไปในทิศทางที่มันหนีไป  หมอผีหนุ่มมองตามทึ่งๆและเขาก็กระโดดตามลงไปและสู่พื้นอย่างปลอดภัยเหมือนกันแต่เขาวิ่งไปที่รถมอร์เตอร์ไซร์วิบากของตน  เขานั่งคร่อมและสตาร์ทเครื่อง พลางบิดคันเร่งแล้วยกล้อออกตัวไล่ติดตามไป

สาวนักล่าไล่ติดตามมาในระยะเห็นหลังไวๆ  แต่เจ้าหมาป่าประหลาดเองก็ดูจะรู้  มันกระโจนเข้าพุ่มไม้และหมอบนิ่งซ่อนตัว  รอจนกระทั่งหญิงสาวนักล่าตามมาแล้วหยุดตรงลานหญ้าโล่งๆเพราะสัมผัสบอกว่ามันแอบซ่อนตัวอยู่ในบริเวณนั้น  เธอกำปืนในมือมั่นพร้อมลั่นกระสุนตลอดเวลาหากเจ้าสัตว์ร้ายจู่โจมบุกเข้ามาทำร้าย...

หญิงสาวนักล่ากวาดตาไปที่พุ่มไม้รอบๆจนกระทั่งเห็นพุ่มไม้ด้านหนึ่งไหว  เธอค่อยๆเดินย่องเข้าไปใกล้ๆปืนในมือเล็งไปที่นั่น  และใกล้เข้าไปเรื่อยๆจนกระทั่งเธอแหวกพุ่มไม้เข้าไปหมายจะกระหน่ำยิงแต่เธอก็ต้องชะงัก  เพราะเป็นชายหญิงคู่หนึ่งในสภาพกึ่งเปลือยๆ  ทั้งสองกำลังเริงรักกันอยู่อย่างเมามันแต่พอหญิงสาวโผล่เข้าไปพร้อมเอาปืนเล็งใส่ ทั้งสองก็ผงะจากกันอย่างตกใจทันที  สาวนักล่าเห็นแล้วรู้สึกอายๆร้อนหน้าวูบๆ  แต่ยังไม่ทันจะพูดอะไรร่างของเจ้าสัตว์ร้ายก็พุ่งเข้าใส่

แม้นว่าเธอจะหลบได้แต่ปืนในมือก็ถูกมันฟาดกระเด็นร่วงหล่นไปไกล   สองหนุ่มสาวเห็นเข้าก็ร้องลั่นวิ่งหนีไปคนละทางทั้งที่แก้ผ้าโทงๆ  เจ้าสัตว์ร้ายตั้งหลักได้ก็ย่อตัวขู่คำราม มันแยกเขี้ยวคมวาวน้ำลายไหลย้อยแลบลิ้นเลียมุมปากอย่างน่าสยองและค่อยๆเดินต้อนเธอใกล้เข้ามา  หญิงสาวยามนี้ไม่มีอาวุธอะไรติดตัวมาเนื่องจากไม่ได้เตรียมพร้อมดังเช่นทุกครั้งที่ออกล่า  เธอทำได้แต่ขยับหลบในขณะที่มันก็เอาแต่จดๆ  จ้องๆ เพราะยังขยายในฝีมือของเธออยู่

จนกระทั่งเมื่อหญิงสาวอยู่ในมุมอับ  เจ้าสัตว์ร้ายก็แยกเขี้ยวยาวโง้งและกางกรงเล็บพุ่งทะยานเข้าหมายขย้ำตัวเธอ  หญิงสาวยืนนิ่งเพราะไร้ทางหลบ แต่ก่อนมันจะถึงตัวเธอรถมอร์เตอร์ไซร์วิบากคันหนึ่งก็พุ่งทะยานเข้าชนใส่จนมันกระเด็นไปไกล หญิงสาวหันหน้าไปมองก็เห็นผู้มาช่วยคือหมอผีสินนั่นเอง

หมอผีหนุ่มยังคร่อมรถบิดคันเร่งให้ไฟหน้าฉายไปที่เจ้าสัตว์ร้าย เขาร้องถามเธอ "ปลอดภัยใช่ไหม?"
"ปลอดภัยดี...ขอบใจนะที่ตามมาช่วย  แต่ทำไมตามมาช้าจัง...." หญิงสาวนักล่าร้องบอกแล้วถามกลับ
"เมืองไทยคุณก็รู้นี่ ว่ารถมันติดแค่ไหน  ผมถึงมาช้าไง" หมอผีหนุ่มตอบแบบขำๆ

เจ้าหมาป่าประหลาดลุกขึ้นสะบัดตัวไล่ความมึนงง  มันเห็นท่าไม่ดีก็ใส่ตีนหมาวิ่งหนีต่อ
หญิงสาวขยับตัววิ่งจะวิ่งตาม  หมอผีหนุ่มขับรถมาขวางไว้

นักล่าสาวขมวดคิ้วถามอย่างแปลกใจ "มาขวางฉันทำไม  อย่าห้ามเลย  คืนนี้ฉันจะจัดการมันให้ได้"
"ผมไม่ได้ห้าม แต่จะให้คุณซ้อนท้ายผมไปล่ามันด้วยกัน" หมอผีหนุ่มบอก
หญิงสาวยิ้ม แล้วกระโดดขึ้นนั่งคร่อมซ้อนท้าย "อย่างนี้ค่อยน่าคบและซ้อนไปด้วยกันหน่อย"
"น้องสาว  ...พร้อมหรือยังครับ..." เขาถามเย้าๆ
"พร้อมตั้งนานแล้ว  รีบตามมันไปเถอะ เดี๋ยวไม่ทัน" หญิงสาวเร่งเสียงขุ่นๆนึกโมโหในความขี้เล่นของเขา
"ถ้าอย่างนั้นเกาะแน่นๆนะ  ผมจะซิ่งแล้ว.."

บอกเสร็จหมอผีหนุ่มก็บิดคันเร่งออกตัวอย่างแรง  และรถก็พุ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว

เจ้าหมาป่าประหลาดวิ่งหนีอย่างสุดชีวิต  มันหันไปเห็นแสงไฟจากหน้ารถไล่ตามมันมา  มันก็วิ่งเข้าป่ารกและลุยน้ำไปในทางที่รถไม่สามารถวิ่งเข้าไปได้  อีกทั้งยังกระโจนปีนต้นไม้และวิ่งไปตามแนวที่มีก้อนหินระเกะระกะ  ทำให้หมอผีหนุ่มที่ไล่ตามมาไม่อาจติดตามต่อไปได้  เขาจอดรถดูมันทะยานหนีแล้วจึงขับขึ้นไปบนถนน  ทำเอาหญิงสาวนักล่าแปลกใจ

สาวนักล่าถามอย่างร้อนรน "นี่นายจะเลิกตามมันแล้วหรอ?"
"เปล่า...แต่ถ้าตามไปอย่างนั้นผมตามมันไม่ได้หรอก" เขาตอบแล้วยังบิดรถให้วิ่งไปบนถนนต่อ
"แต่นายกำลังปล่อยให้มันหนีไปนะ" สาวนักล่าบอกอย่างขัดเคือง
"ผมปล่อยมันหนีที่ไหน  ผมกำลังไล่ตามมันอยู่นี่ไง"
"แต่นายไปคนละทางกับมันเลยนะนี่" หญิงสาวมองหน้ามองหลังแบบอึดอัด
หมอผีหนุ่มตอบยิ้มๆ "รับรองน่า  เราตามมันทันแน่ๆ  ผมก็คิดเหมือนคุณนั่นแหล่ะ  จะไม่ปล่อยให้มันไปทำร้ายใครได้อีก"
"ทำอะไรของนายนี่  ฉันไม่เข้าใจจริงๆ" หญิงสาวทำท่างงๆผสมเคืองๆ
"หุ  หุ  หุ..รับรองน่า  ผมไม่ปล่อยมันหลุดมือไปได้แน่ๆ." หมอผีหนุ่มหัวเราะขำในลำคอ

เจ้าหมาป่าประหลาดวิ่งทะยานและปีนป่ายหนีสุดชีวิต  จนกระทั่งมันไม่ได้ยินเสียงรถตามมามันก็หยุดและหันกลับไปมองด้านหลัง  มันหันรีหันขวางอยู่สักครู่ก็ออกวิ่งไปต่อ  แต่เหนือพื้นดินขึ้นไปบนท้องฟ้า  ร่างของผีสาวทั้งสาม ได้แก่ นางลำดวน  นางตะเคียน และนาง ตานีกำลังลอยร่างไล่ติดตามมันไปอย่างกระชั้นชิดโดยที่มันหารู้ตัวไม่...

อมนุษย์วิ่งมาจนถึงหน้าถ้ำในป่าลึกแห่งหนึ่ง  มันหยุดหอบแล้วกวาดตามองไปรอบๆ  เมื่อไม่เห็นมีใครติดตามมามันก็กระโจนเข้าไปในถ้ำนั้น  คล้อยหลังที่มันเข้าไปไม่นาน รถมอร์เตอร์ไซร์วิบากของหมอผีหนุ่มและสาวนักล่าก็วิ่งเข้ามาจอดทันที  หมอผีหนุ่มรีบดับเครื่องและบอกให้หญิงสาวลง  เธอยังทำหน้างงๆ

หญิงสาวมองไปที่ปากถ้ำแล้วถามอย่างสงสัย "นายรู้ได้อย่างไง  ว่าไอ้สัตว์นรกนั่นหนีมาที่นี่"
"ผมใช้ภูติที่เลี้ยงไว้ให้ไล่ติดตามมันมา"  หมอผีหนุ่มบอกขณะเปิดเบาะเตรียมของ
สาวนักล่าขมวดคิ้ว เธอทวนคำตอบ "คุณบอกว่าคุณใช้ภูติติดตามมันมา  ภูติอะไร? หมายความว่าไง"
"หมอผีแถบเอเชียจะเลี้ยงภูติเอาไว้ใช้งาน  เป็นนักล่าแวมไพร์ซะเปล่า  คุณไม่เคยศึกษาศาสตร์อื่นเลยหรือ" หมอผีหนุ่มบอก
หญิงสาวเอ่ยเคืองๆที่ถูกสบประมาท "ก็ฉันเป็นนักล่าแวมไพร์นี่  ก็ศึกษาแต่การล่าแวมไพร์น่ะสิ บ้านนายเคยมีพวกผีดิบดูดเลือดอาละวาดบ้างไหมล่ะ?"
"มี..แต่นานมาแล้ว  ชื่อ เมฆินทร์ เป็นผีดิบดูดเลือดที่ดังมากๆเลย" หมอผีหนุ่มเล่าให้เธอฟัง
สาวนักล่าขมวดคิ้ว "ผีดิบดูดเลือดของไทย....มีด้วยหรอ? แล้วพวกนายปราบกันอย่างไง?"
" เมฆินทร์ เป็นผีดิบคืนชีพและดูดเลือดมนุษย์ให้มาเป็นบริวาร  ทางปราบมีสองทางคือต้องท่องคัมภีร์ปลุกชีพกลับหลังจึงจะปราบมันได้  แต่ตำราก็ถูกทำลายไปก่อน เลยต้องใช้ทางที่สอง.." หมอผีหนุ่มเล่าค้างเอาไว้เพราะต้องก้มหยิบอุปกรณ์
"ทางที่สอง ทางไหน?" สาวนักล่าถามอย่างสนใจ
หมอผีหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาตอบ "ใช้แหวน แก้วขนเหล็ก ปราบ"
"แหวน แก้วขนเหล็ก มันคืออะไร?" หญิงสาวอดสงสัยไม่ได้
" แก้วขนเหล็ก เป็นชื่อเรียกแหวนโป่งข่ามที่เจียระไนจากแร่เขี้ยวหนุมาน ผ่านการปลุกเสกในคืนวันเพ็ญเดือนหก  เชื่อกันว่าจะทำให้ผู้สวมแหวนนั้นมีพลังลมปราณแกร่งกล้า คลาดแคล้วจากภัยพิบัติต่างๆ รวมทั้งภูตผีก็แพ้พ่าย.."
"แล้วแหวนนั่นอยู่ที่ไหนตอนนี้..?" หญิงสาวถามอย่างสนใจ
หมอผีหนุ่มเตรียมของเสร็จก็เอ่ยชวน "อย่าไปสนใจเลย เรามาปราบผีแวมไพร์กัน  ก็ใช้ของที่ใช้เฉพาะทางดีกว่า"
"นั่นอะไรของนายน่ะ" หญิงสาวมองถุงที่ใส่ของแล้วถาม
หมอผีหนุ่มยิ้มแล้วตอบ "อุปกรณ์ปราบแวมไพร์  ผมได้มาจากบาทหลวงที่วัดมหาไถ่  รู้ไหมก่อนมาช่วยงานนี้ผมไปเรียนวิชาปราบผีแวมไพร์มาตั้งสองอาทิตย์เชียวนะ  จะมาทดลองใช้ดูว่าศาสตร์ปราบผีฝรั่งนี่จะเจ๋งขนาดไหน" หมอผีหนุ่มคุยไปยิ้มไป และยกเป๋ใสอุปกรณ์สะพายหลัง
สาวนักล่าตาโต มองหน้าเขาทึ่งๆ "นี่นายคิดว่าไอ้วิธีที่นายไปเรียนมาจะปราบพวกแวมไพร์ได้หรอ?"
"ต้องได้สิ...คุณก็เรียนรู้ก็ฝึกมาอย่างนี้ไม่ใช่หรอ?" หมอผีหนุ่มหันมาถามกลับงงๆ ที่หญิงสาวทำท่าไม่ศรัทรา
"มันไม่ใช่อย่างนั้น...ความจริงมัน..เอ่อ.อ.อ...อ์...." ยังไม่ทันพูดต่อ สาวนักล่าก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นผีสาวทั้งสามลอยร่างลงมา

สาวนักล่าขมวดคิ้ว มองผีสาวสดสวยทั้งสามงงๆ เธอถามหมอผีหนุ่ม "นะ..นี่ใครกัน ทำไมเหาะได้..."
"ก็ภูติที่ผมเลี้ยงไว้ไง?  พวกนี้แหล่ะที่ไล่ตามเจ้าหมานั่นมาแล้วส่งกระแสจิตบอกทางให้ผม" หมอผีหนุ่มบอกยิ้มๆ
"ภูติที่เลี้ยงไว้ใช้งาน  ส่งกระแสจิตบอกนาย  อื่อ.อ...เข้าท่า  แต่ทำไมสวยๆทั้งงั้นเลย" สาวนักล่าเอ่ยทึ่งๆ
"ไม่สวยจะเลี้ยงไว้ทำไม?"
"แล้วจริงๆ นายเลี้ยงไว้ทำอะไรแน่" หญิงสาวถามอย่างไม่ไว้ใจ
"ผมว่าเรารีบตามเจ้าหมาบ้านั่นกันไปเร็วๆเถอะ  อย่าเสียเวลาคุยกันอยู่เลย" หมอผีหนุ่มรีบตัดบท

แต่ก่อนทั้งสองจะเดินเข้าถ้ำไป  นางผีสาวลำดวนก็เอ่ยทักไว้ "พี่หมอ  แล้วพวกเราหล่ะ?"
"เฝ้าหน้าถ้ำไว้  ข้าจะเข้าไปลุยเอง" หมอผีหนุ่มบอก
นางตะเคียนว่า "แล้วพี่หมอแน่ใจว่าไหวหรอ?"
"ใช่..ให้พวกเราเข้าไปด้วยนะ  จะได้ช่วยพี่หมอได้บ้าง"นางตานีเสริม
หมอผีหนุ่มว่า "ไม่ต้องหรอก  รอข้างนอกนี่แหล่ะ  ผีฝรั่งต้องปราบแบบฝรั่ง  พวกเอ็งผีไทยคงช่วยอะไรไม่ได้หรอก"

แล้วหมอผีหนุ่มกับนักล่าสาวก็เดินเข้าไปในถ้ำ  และเดินลับหายไปกับความมืดในถ้ำ

นางตะเคียนว่า "สงสัยพี่หมออยากจะโชว์ออฟนังฝรั่งครึ่งผีครึ่งคนนั่น  เลยไม่ยอมให้เราไปด้วย"
"ใช่..เห่อของนอกแหงๆพี่หมอนี่.." นางตานีเสริม
นางลำดวนทำเฉยและเอ่ยบอก "ของนอกแค่สะใจ แต่ของไทยอยู่ในสายเลือด  ปล่อยไปเถอะเดี๋ยวพี่หมอเบื่อเมื่อไหร่ก็ต้องกลับมาลงรูเดิม..เชื่อข้าอย่าไปกังวล..."
"จริงของเอ็งว่ะ นังลำดวน.." นางตานีเห็นด้วย
นางตะเคียนก็ยิ้ม แล้วเอ่ยอย่างชอบใจ " แหม  นังลำดวน  ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา  วันนี้เอ็งเพิ่งพูดถูกใจข้าจริงๆว่ะ.."

คริ..  คริ .. คริ .. คริ .....  เสียงหัวเราะเย็นๆดังมาจากผีสาวทั้งสาม
นางผีสาวทั้งสามยืนหัวเราะอยู่หน้าปากถ้ำชั่วครู่ร่างของนางทั้งสามก็สลายหายไป 
บริเวณนั้นจึงเงียบแต่ระงมด้วยสียงร้องของแมลงกลางคืนอีกครั้ง

ลึกเข้าไปภายในถ้ำ

ข้างในนั้นเป็นสถานที่ตั้งของโรงงานและห้องทดลองสร้างอมนุษย์สายพันธุ์ใหม่
เจ้าอมนุษย์หมาป่าวิ่งผ่านเครื่องจักรขนาดใหญ่  ผ่านห้องผลิตที่กำลังมีอมนุษย์หลายตนถูกแช่อยู่ในแท่นแก้วรอเวลาฟื้นตัวเมื่อกระบวนการสร้างเสร็จสมบูรณ์  ผ่านห้องทดลองและห้องวิจัยที่เหล่าแวมไพร์ทำงานอย่างขันแข็ง  เจ้าหมาป่าวิ่งไปเรื่อยๆจนกระทั่งมาถึงตรงที่ วาเล็ค มอทัซ จอมผีดิบยืนอยู่  มันวิ่งมาทรุดแทบเท้าของเขา

วาเล็ค มอทัซ ยืนมองร่างของอมนุษย์ที่กำลังค่อยๆคืนร่างกลับเป็นคน
เขาเอ่ยอย่างชื่นชม "กลับมาอย่างปลอดภัยสินะ  อบีเกล คืนนี้ฆ่าได้เท่าไหร่หล่ะ"
"แก...ไอ้ผีนรก  ไอ้ปีศาจร้าย  แก....." หญิงสาวผิวสีร้องด่าอย่างเคืองแค้น  สายตาของเธอฉายแววเจ็บแค้นในตัวเขา
"โกรธเคืองกันเรื่องอะไรเล่ายาหยี  ฉันสร้างให้เธอมีรูปกายสดสวยขนาดนี้ยังไม่พอใจอีกหรือ?"
สาวผิวสีกัดกรามเมื่อคืนร่างสมบูรณ์  เธอนอนหงายเปล่าเปลือยหมดสิ้นเรี่ยวแรง "แกทำฉันเป็นปีศาจร้ายกระหายเลือด  แกทำให้ฉันต้องฆ่าผู้บริสุทธิ์ไปไม่รู้เท่าไหร่  แก...แกมันไอ้ฆาตกรเลือดเย็น"
"โอ๊ะโอ๋....นี่ฉันร้ายกาจขนาดนั้นเชียว ไม่รู้ตัวเลยนะนี่  แต่ทำใจเถอะ อบีเกล เธออยากได้ร่างกายที่สวยงามฉันก็ให้เธอแล้ว  แต่สิ่งที่เธอต้องเอามาแลกฉันก็ได้แล้ว ต่างคนต่างสมหวังก็เจ๊ากันไม่ใช่หรอ?" จอมผีดิบถามกลับแล้วยิ้มอย่างผู้เหนือกว่า
สาวผิวสีพยายามทรงตัวแล้วยืดกายยืนขึ้น "แต่ไม่ใช่แบบนี้  ฉันไม่ต้องการแบบนี้  ฉันไม่ได้อยากเป็นแบบนี้..."
"แต่ก็เป็นไปแล้ว  ขอบใจที่ยอมมาเป็นร่างทดลองให้ฉัน ปรับปรุงอีกนิดหน่อยเธอก็จะสมบูรณ์แล้ว"
"แก...ไอ้สารเลว..." สาวผิวสีพุ่งตัวจะขย้ำ จอมผีดิบอย่างโกรธแค้น  แต่สมุนร่างใหญ่ของเขาก็จับเธอตัวล็อคไว้
จอมผีดิบมองเธอแล้วยิ้มให้ พลางสั่งสมุน "เอาตัวเธอไปจองจำไว้  แล้วเฝ้าระวังอย่างดีก่อนจะแก้ไขส่วนควบคุม"
"ครับ...ท่าน มอทัซ...." สมุนของจอมผีดิบรับคำ  แล้วก็พาตัวสาวผิวสีไปตามคำสั่ง

อีกด้านหนึ่ง  หมอผีสิน และ สาวนักล่า แคทเทอรีน เดินเข้ามาในถ้ำ ซึ่งช่วงแรกๆก็มืดสนิท  พอเข้ามาถึงช่วงข้างลึกสุดก็เห็นแสงสว่างจากภายใน  ทั้งสองแอบย่องเข้าไปเรื่อยๆ  หมอผีหนุ่มนั้นตามหลังสาวนักล่าเข้าไป จึงได้สังเกตุเห็นเรือนร่างอวบอัดในชุดหนังสีดำคับติ้วได้อย่างถนัด ซึ่งสาวนักล่าเป็นผู้หญิงชาวยุโรปไม่ค่อยถือสาการถูกลวนลามทางสายตาแบบนี้ บางครั้งยังนึกสนุกชอบแต่งตัวโชว์ส่วนสัดอวดสายตาและยั่วตัณหาหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่อีกต่างหาก 

เมื่อทั้งสองต้องหลบยามที่ซอกหินร่างจึงมาแนบกัน หมอผีหนุ่มได้กลิ่นกายของนักล่าสาวก็เผลอสูดเข้าเต็มๆปอดอย่างลืมตัว  เนื้อตัวก็ขาวนวล หน้าตาก็สดสวยเสียแต่สายตาเย็นชาไปหน่อย  ยิ่งได้เห็นเนินอกอวบเบียดเสียดกันภายใต้ เกาะอกแบบครึ่งเต้าไร้สายสีดำเข้มชัดๆทำเอาเขาชักปั่นป่วน รอนเต้าคู่โผล่รอดสู่สายตาออกมาจากขอบเสื้อเมื่อมองลึกลงไปก็เห็นก้อนเนื้อกลมสวย ขาวนวลเนียนน่าลูบไล้น่าสัมผัสและน่าเคล้นคลึงยิ่งนัก   เวลาที่สาวนักล่าหายใจเข้า - ออก ทำให้หน้าอกอวบขยับสะท้อนขึ้นๆ ลงๆ น่าซุกไซร้เป็นอย่างมาก

เมื่อหมอผีหนุ่มละสายตาต่ำลงไปก็มองเห็นหน้าท้องแบนราบสะดือสวยได้รูป ไล่ไปอีกก็เป็นสองท่อนขาอวบภายใต้กางเกงหนังสีดำฟิตๆ รัดรูปที่สวมใส่อยู่   เขาจ้องรอยรัดรึงจากขอบของกางเกงเอวต่ำถึงเป้าของกางเกงที่ปกปิดโหนกนูนที่อยู่ด้านหน้านั้นมันเกือบจะเห็นขนอ่อนรำไรๆ  แค่ขอบต่ำ อีกนิดเดียวจะสามารถมองเห็นเนินนูนตรงหว่างขาของนักล่าแวมไพร์สาวได้อยู่แล้วเชียว หมอผีหนุ่มมองไปกลืนน้ำลายไปสมาธิชักแตกซ่าน แต่เขาต้องสะดุ้งเมื่อถูกเขย่าตัวแรงๆ

"นี่นาย...นาย....นาย....เป็นอะไร  เรียกตั้งนานทำไมไม่ตอบ..." หญิงสาวเรียกดุๆ เขย่าแขนจนเขาคืนสติ
หมอผีหนุ่มหัวเราะแหะๆ "เอ่อ.อ.อ...มัวท่องคาถามหาละลวยอยู่..ขอโทษที"
"ท่องทำไม  รีบไปต่อเถอะ..." หญิงสาวเอ่ยอย่างหงุดหงิด  และออกนำหน้าไป
หมอผีหนุ่มวิ่งออกตามไป พลางรำพึง "โอม..ขาวหนอ..อวบจริงหนอ...น่าล่อจริงหนอ...."

พอพ้นนอกเข้ามาทั้งสองเห็นโรงงานผลิต อมนุษย์ที่ทั้งคนทั้งเครื่องกำลังทำงานอย่างแข็งขัน  ทำเอาทั้งสองอ้าปากค้างมองกันอย่างตะลึงพึงเพลิด  เพราะคาดไม่ถึงว่าเหล่าแวมไพร์ กำลังสร้างกองทัพผีนรกที่ร้ายกาจจากเทคโนโลยี่  ทั้งสองตะลึงมองอยู่นานจนกระทั่งคนเดินยามผ่านมาจึงพากันเร้นกายหลบและต้องอยู่ชิดจนเบียดกันอีกครั้ง  หมอผีหนุ่มหลับสูดกลิ่นกายของนักล่าสาวอย่างลืมตัวอีกครั้ง  จนเกือบเผลอใจโอบกอดและลูบไล้  แต่สาวเจ้าหันมามองด้วยแววตาสงสัย  ทำเอาเขาต้องหยุดชะงักและชวนคุยอย่างอื่นแก้เขิน

หมอผีหนุ่มเอ่ยกับสาวนักล่า " ไม่น่าเชื่อว่า พวกผีดิบนั่นมันมาเปิดโรงงานสร้างอสูรสายพันธุ์ใหม่ที่นี่?"
"ตามล่ามาตั้งแต่ โรมาเนีย ถล่มที่มั่นมันมาก็หลายแห่ง  แต่ไม่เคยเจอแหล่งใหญ่ขนาดนี้มาก่อนเลย"สาวนักล่าเอ่ยบอกอย่างทึ่งๆแกมยินดีที่ได้เจอที่นี่  เธอมองไปรอบๆอย่างสังเกตและวิเคราะห์
"เจ้าหมานำทางนั่นยอดเยี่ยมจริงๆพากลับมาหาเจ้าของได้เหมาะเจาะ  ไปต่อกันเถอะ...." หมอผีหนุ่มเอ่ยชวน
"จะไปไหนหรอ?"
"ก็เรามากันทำไมหล่ะ?"  บอกเสร็จหมอผีหนุ่มก็ออกเดินหลบหลีกเร้นกายสายตาพวกเฝ้ายาม
หญิงสาวนักล่า ตามมาติดๆ "แต่เราต้องกลับไปเตรียมตัวก่อน..."
"ไม่จำเป็น ผมเตรียมมาพร้อมแล้ว"
หญิงสาวทำหน้า ฉงน "นายเตรียมอะไรมา  ฉันเห็นนายคุยจัง.."
"เจอเจ้าผีดิบตัวพ่อของคุณแล้ว  เดี๋ยวก็รู้...."
สาวนักล่าส่ายหัว แล้ววิ่งเร้นกายตามเขาไป พลางบ่นเบาๆไล่หลัง  "นี่นายคิดอะไรของนายอยู่นะ..."

หญิงสาวก็ให้แปลกใจว่าทำไมตัวเองถึงยอมติดตามเขามา  แม้นท่าทางของหมอผีหนุ่มคนนี้ขี้เล่นและดูร่าเริงตลอดทุกสถานการณ์  แต่กระนั้นเขาก็ดูจะมีมาดผู้นำและรู้ว่าพึ่งพาได้  หญิงสาวไม่เคยเจอใครแล้วรู้สึกอย่างนี้มาก่อน  ตลอดเวลาที่ผ่านมาตัวเธอต้องต่อสู้ลำพังและต้องแบกภาระความหวังขององค์กรไว้เต็มบ่า  แต่ครั้งนี้เธอรู้สึกถึงการมีคนที่เธอพอฝากความหวังได้เคียงข้างอยู่ด้วย  เธอจึงรู้สึกอุ่นใจอย่างประหลาด... แต่หมอผีหนุ่มเล่า  เขาคิดอะไร.....

ทั้งสองย่องเข้าไปเรื่อยๆจนถึงห้องหนึ่งที่มีแท่นแก้วใส่น้ำจนเต็ม  ข้างในมีร่างคนถูกแช่อยู่และมีอยู่มากมายหลายสิบแท่น  หญิงสาวยืนจ้องมองใบหน้าของผู้ถูกแช่อยู่หน้าแท่นหนึ่ง  ร่างนั้นซีดขาวอ้าปากค้าง ดวงตาเหลือกสีขาว ไม่ต้องสังเกตก็รู้ว่าไร้ชีวิตเพราะไม่ขยับส่วนใดของร่างกาย และมีสายระโยงระใยเจาะติดอยู่ตามตัวเต็มไปหมด

หญิงสาวเอ่ยเมื่อหมอผีหนุ่มมายืนข้างหลัง "นี่คือร่างทดลอง..."
"เพื่ออะไร?" หมอผีหนุ่มถามเสียงแผ่วๆ
"เป้าหมายของมันคือสร้างกองทัพอมนุษย์เพื่อยึดครองโลก" หญิงสาวเอ่ยบอกน้ำเสียงเข้มๆ
"ขนาดนั้นเชียว   นี่มันตั้งเป้าไว้สูงเกินหรือเปล่า   โลกนี่มันไม่ได้ยึดครองกันง่ายๆนะ"  น้ำเสียงทะเล้นๆของหมอผีหนุ่มทำเอาหญิงสาวมองเคืองๆ
"นี่นายจริงจังหน่อย  ตอนนี้ฉันซีเรียสนะ..." หญิงสาวนักล่าเอ่ยดุๆ
"ครับๆ ผมขอโทษ....."

ทั้งสองเดินต่อไปเรื่อยๆ  และได้เจอการทดลองอาวุธแปลกๆของพวกมัน ที่ทั้งร้ายแรง  อานุภาพสูงและผิดพลาดระเบิดจนพวกที่ทำการทดลองกระเด็นกระดอน  และทดสอบเหล่ามนุษย์แปลงประหลาดๆ  ที่ทั้งดุร้ายและไร้สภาพ  ลักษณะโดยรวมเหมือนกำลังลองผิดลองถูกกัน  ทั้งสองแอบเร้นกายไปเรื่อยๆจนกระทั่ง

หญิงสาวเอ่ยบอกหมอผีหนุ่ม "เราน่าจะกลับกันได้แล้วนะ  เดี๋ยวพวกมันจะรู้ตัว"
"ยังไม่เจอหัวหน้าของมันเลย  จะรีบกลับทำไม?" หมอผีหนุ่มบอก
"จะอยากเจอไปทำไม?"
"จะได้จัดการพวกทีเดียว ถอนรากถอนโคนไปเลย...."
"เราแค่สองคนทำอะไรพวกมันไม่ได้หรอก  กลับไปตั้งหลักแล้วยกพวกมาถล่มมันดีกว่า" หญิงสาวนักล่าแนะนำ
"นี่คุณกลัวพวกมันหรอ?"
หญิงสาวจ้องเขาเคืองๆ "ฉันไม่ได้กลัว  แต่ประเมินแล้วมีมาแค่สองอาวุธฉันก็ไม่ได้เอามา  ทางสำเร็จมันน้อย.."
"ถ้าอย่างนั้นกลับไปเตรียมตัวกันก่อนก็ได้...." หมอผีหนุ่มทำท่าเสียดาย

แต่ก่อนที่ทั้งสองจะเดินออกไปก็ต้องชะงัก  เมื่อสะพานสูงด้านหลังมีชายคนหนึ่งเดินออกมายืนดูทั้งสอง
เสียงแหบๆทรงอำนาจเอ่ยทัก "จะรีบกลับไปไหนกัน  ยังเที่ยวชมโรงงานของข้าไม่ทั่วเลยนะ.."
"วาเล็ค  มอทัซ!!!" หญิงสาวนักล่าอุทานเมื่อหันกลับไปมองตามเสียง   จอมผีดิบยิ้มเหี้ยมๆให้
หมอผีหนุ่มรีบเอาตัวบังร่างอวบขาวของสาวนักล่า เขาว่า "มาเจอกันจนได้นะ..."

จอมผีดิบจ้องมองหมอผีหนุ่ม  มันยิ้มบางๆ " หมอผีสิน...จอมขมังเวทย์อันดับหนึ่งของสยามประเทศ  ยินดีที่มาเยือนห้องทดลองอันต่ำต้อยของข้า  คงไม่ต้องแนะนำตัวหรอกนะ..."
"อื่อ.อ.อ..ชื่อแกดังกระฉ่อนขนาดนั้น  ไม่จำเป็นแล้วแหล่ะ...ว่าแต่แกรู้จักข้าได้อย่างไง?" หมอผีหนุ่มถามอย่างสงสัย
จอมผีดิบยิ้มเหี้ยมๆ  มันว่า "ข้ารู้ได้ทุกเรื่องที่อยากรู้  โดยเฉพาะเรื่องของแก.....ข้าสืบรู้มาจนหมดแล้ว..."
"สนใจข้าแล้วล่ะสิ...ใช่ไหม?" หมอผีหนุ่มตอบแล้วขยับเตรียมพร้อม
จอมผีดิบลอยร่างลงมายืนห่างๆเขาสอง –สามก้าว มันว่า "ก็เรื่องของเจ้ามันน่าสนใจหยอกเมื่อไหร่?"
"แล้วแกจะไม่ผิดหวังเลย...." หมอผีหนุ่มบอกแล้วเขาก็ล้วงเอาสิ่งหนึ่งจากย่ามตรงเข้าไปคล้องคอของมันไว้ "นี่คือของต้อนรับเจ้าที่มาเยือนเมืองไทย รับไปซะ...."

จอมผีดิบมองงงๆ  เมื่อมีพวงกระเทียมมาคล้องคอตน มันถามอย่างขันๆ "นี่อะไร? ทำไมไม่ใช่พวงมาลัยดอกไม้ต้อนรับ"
"นี่แกไม่กลัวกระเทียมหรอ?" หมอผีหนุ่มถามอย่างประหลาดใจ  เมื่อจอมผีดิบเอาพวงกระเทียมออกจากคอแล้วโยนทิ้ง
จอมผีดิบหัวเราะเยาะ " ปัญญาอ่อนนะนี่  ใครสั่งใครสอนมาวะ  ท่าทางที่ฟังมาเกี่ยวกับกิตติศัพท์ของแกนี่จะผิด"
"ไม่กลัวกระเทียมก็เจอนี่เลย น้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์จากโบสถ์ เซนโยเชฟ" ว่าแล้วหมอผีหนุ่มก็เอาน้ำมนต์จากขวดสาดใส่
จอมผีดิบผงะ ร้องลั่น มันถอยไปหลายก้าว "โอ้ยๆๆๆ นี่แกเอาอะไรมาสาดข้า.."
"เป็นไง เจอน้ำมนต์ร้องลั่นเลยนะ...." หมอผีหนุ่มหัวเราะอย่างยินดี ที่ตัวเองทำเจ้าผีดิบเจ็บปวดได้
จอมผีดิบ มอทัซ ปัดคราบน้ำจากชุดของตน "บ้าเอ้ย..ชุดของข้า  แกรู้ไหมนี่เวอร์ชาเช่นะโว้ย  โธ่...จะซักออกหรือเปล่านี่"
"น้ำมนต์ไม่ได้ผล  งั้นเจอนี่  ในนามของพระบุตร พระจิต และพระบิดา  จงกลับสู่ขุมนรกเสียบัดนี้ เจ้าผีร้าย..." หมอผีหนุ่มเอาไม้กางเขนขึ้นมาชู  และเดินเข้าหาจอมผีดิบ  เงากางเขนทาบร่างของมันทำเอาผงะถอยไปติดข้างฝา
มันร้องลั่นราวเจ็บปวด  "ฮ้าก.ก.ก.ก...ก..ก....ก์....."
"เป็นไงกลัวใช่ไหม  กลับสู่นรกไปซะเจ้าผีร้าย  ไม่งั้นเจ้าจะเจ็บปวดร้องอยู่อย่างนี้.." หมอผีหนุ่มชูกางเขนเกือบชิดหน้ามัน
"โอ้ย...โอ้ย...โอ๊ย...ข้าเจ็บ..."
"เจ็บก็จงกลับสู่นรกไป" หมอผีหนุ่มร้องสั่ง แล้วยื่นไม้กางเขนแทบจะแตะหน้าผากของจอมผีดิบ
"ข้าเจ็บไม่ใช่เพราะกางเขนของแก.."
"แล้วเจ็บเพราะอะไร?" หมอผีหนุ่ม ขมวดคิ้วสงสัย
"แกเหยียบตีนของข้า.."
"หา..." หมอผีหนุ่มก้มลงดู  แล้วร่างของเขาก็ถูกเตะกระเด็นไปนอนกองกับพื้น ไม้กางเขนกระเด็นไปคนละทาง

หมอผีหนุ่มนอนจุกขณะสาวนักล่าวิ่งมาประคอง  เธอทำหน้าหน่ายๆแกมผิดหวัง "เป็นอย่างไงบ้าง?"
"พอไหว...." เขาฝืนลุกขึ้นมา แล้วถามจอมผีดิบ "นี่แกไม่เป็นไรเลยหรือนี่..."
"ของปัญญาอ่อนอย่างนั้นจะทำอะไรข้าได้  ตอนนี้เลิกเล่นแล้ว  ข้าจะเอาจริงละนะ.." จอมผีดิบเดินปรี่เข้ามา

หมอผีหนุ่มผลักสาวนักล่าออกไป   แล้วเขาก็ชักสิ่งหนึ่งออกมาแทงฉึกลงบนอกตรงตำแหน่งหัวใจของมันพอดิบพอดี
จอมผีดิบชะงักอ้าปากตาค้าง  มุดเงินขนาดใหญ่ในมือของหมอผีหนุ่มปักที่อกของมันจนทะลุหลัง

หมอผีหนุ่มยิ้ม  "ข้าก็เลิกเล่นแล้ว  นี่ไม้ตายสุดท้าย  ถ้าแกยังรอดได้อีกก็นับถือแล้วหล่ะ"
"อ้าก.ก.ก.ก..ก...ก.ก...ก...ก์....." จอมผีดิบร้องลั่น  มันเดินเซไปเซมา ท่าทางเจ็บปวด
หมอผีหนุ่มถอนหายใจ "เฮ้อ.อ.อ....กว่าจะเอาอยู่...."

จอมผีดิบ มอทัซ  ยืนตัวตรงแล้วเอามือจับมุดแล้วกระชากออกมา  มันดูมุดแล้วส่ายหน้าก่อนโยนทิ้ง
หมอผีหนุ่มมองตาค้าง  ไม้สุดท้ายของเขาก็ใช้ไม่ได้ผล  เจ้าจอมผีดิบยังเฉย หน้าซีดขาวมีรอยยิ้มหยามหยัน

ร่างสูงใหญ่เดินทื่อเข้ามาหา  มอทัซ  จอมผีดิบส่ายหัวแล้วยิ้มเยาะๆ  "เจ้ามีอะไรมาเล่นกับข้าอีกไหม....."
"นี่แก...ไม่เป็นอะไรเลยหรอ...." หมอผีหนุ่มขยับถอยหลังมาจนกระทั่งยืนคู่กับหญิงสาว
หญิงสาวนักล่ามองเขาสายตางงๆ เธอว่า "นี่นายทำอะไรนะ?"
"ก็ปราบแวมไพร์ไง?" หมอผีหนุ่มบอก  ท่าทางของเขาผิดหวัง "ทำตามตำราแล้วนะ  ทำไมไม่ได้ผล มันไม่เป็นไรเลย"
"แวมไพร์ของจริงมันปราบอย่างงั้นที่ไหน  นั่นมันในหนัง..เฮ้อ.อ.อ...หลงนึกว่าจะพึ่งพาได้"
"ทำไมคุณไม่บอกผมก่อนหล่ะ?"
"ก็ฉันนึกว่านายจะแน่จริง  มีมุกใหม่ๆหน่ะสิ  โห้...ของเก่าเก็บทั้งนั้น..." หญิงสาวบอกแล้วส่ายหน้า
"เอาอย่างไงต่อดีหล่ะ?  ผมหมดมุกแล้ว..." หมอผีหนุ่มถามพลางชำเหลืองดูจอมผีดิบที่เดินทื่อเข้ามา
หญิงสาวขยับหลบตาม  ส่วนสายตาจ้องจอมผีดิบไม่วาง "คงได้เวลาที่เราต้องกลับแล้ว.."
"นั่นสิ   ผมว่าเราคงอยู่นานเกินไปแล้วนะ....." หมอผีหนุ่มเริ่มเห็นด้วย

ทั้งสองหันหลังจะวิ่งหนี  แต่จอมผีดิบก็หายตัวมาโผล่ขวางหน้าไว้
มันเอ่ยเยาะๆ "จะรีบกลับไปไหน  ข้ายังไม่ได้ต้อนรับพวกแกในฐานะเจ้าบ้านที่ดีเลย.."
แล้วร่างของทั้งสองก็ถูกฟาดกระเด็นไปกระแทกข้างฝา  ทั้งคู่ตกลงมานอนจุกแอ้ก
ระหว่างทั้งสองนอนจุกและพยายามช่วยกันประคองให้ลุกขึ้นมา   พวกสมุนของจอมผีดิบหลายสิบตนก็กรูเข้ามาล้อมทั้งสองเอาไว้  จอมผีดิบ มอทัซ ยิ้มอย่างพอใจ "จอมขมังเวทย์อันดับหนึ่งของสยามประเทศ  นักล่าแวมไพร์เลือดผสม เรด รีปเปอร์ ขององค์กร กางเขนดำ น่าผิดหวังจริงๆ  ช่างเก่งไม่สมคำล่ำลือเลยนะ"
"ทีของแกแล้ว อยากพ่นอะไรก็เชิญ..." นักล่าสาวเอ่ยแค้นๆ เธอยืดกายระวังตัวในวงล้อม
หมอผีหนุ่มเอาหลังมาชนกับหญิงสาว  "อย่าห่วง ผมจะพาคุณออกไปให้ได้  และไม่ต้องกลัว ผมจะปกป้องคุณเอง...."
"นายเอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ..." หญิงสาวเอ่ยอย่างไม่เกรงใจคนฟัง
จอมผีดิบ เดินมายืนไม่ห่าง มันแสยะยิ้มเอ่ยอีก "ข้าจะทำอย่างไงกับพวกเจ้าดีนะ  ส่งกลับไปทางไปรษณีย์  หรือว่าเก็บไว้เรียกร้องผลประโยชน์ภายหลังดี"
"ฉันไม่ยอมให้แกใช้เป็นข้อต่อรองกับองค์กรหรอก..." สาวนักล่าเอ่ยอย่างเด็ดเดี่ยว
จอมผีดิบ ยิ้มเหี้ยมๆ "ห้าวหาญดี  น่าเสียดายที่อยู่คนละฝ่าย  ถ้าเราอยู่ฝ่ายเดียวกันข้าคงจะบรรลุเป้าหมายไปนานแล้ว"
"ข้าไม่มีทางเข้ากับพวกแวมไพร์เด็ดขาด.." หญิงสาวนัยน์ตาแดงวาบ ตะโกนบอกอย่างขุ่นเคือง
จอมผีดิบเอ่ยเสียงยั่วเย็นๆ "แต่เจ้าก็เป็นแวมไพร์....."
"ฉันไม่ใช่แวมไพร์....ฉันเป็นคน...และฉัน....เกลียดแวมไพร์...." หญิงสาวตะโกนปฏิเสธเสียงดังลั่น
"เจ้าจะปฏิเสธสิ่งที่เจ้าเป็นไม่ได้หรอก เด็กน้อย...เพราะเจ้าเกิดมาเป็นแวมไพร์...." จอมผีดิบบอกเสียงเข้มๆ
หญิงสาวนักล่าล้วงสิ่งหนึ่งออกมาแล้วตะโกนกลับ "แต่ฉันไม่ยอมรับ..."

หญิงสาวขว้างสิ่งนั้นลงพื้นก็เกิดระเบิดขึ้น  ควันสีขาวฟุ้งปกคลุมบริเวณนั้นจนมองไม่เห็นอะไร  พวกผีดิบเกิดความโกลาหลร้องเอะอะเสียงดัง  หญิงสาวฉวยโอกาสคว้าข้อมือของหมอผีหนุ่มและฉุดให้ตามไป  หากมีใครเข้ามาขวางก็ถูกเตะต่อยจนล้มกลิ้งล้มหงายไป  กระทั่งควันจางบริเวณนั้นก็ไร้ร่างของทั้งสอง  จอมผีดิบมองอย่างเคืองแค้น

ลูกน้องร่างใหญ่เอ่ยถาม "ท่าน มอทัซ  มันหนีไปได้ ทำอย่างไงต่อครับ"
"ปล่อยฝูงแวร์วูฟล์  ไปตามจับพวกมันกลับมาให้ได้" จอมผีดิบกัดฟัน  ดวงตาบนใบหน้าขาวซีดฉายแววเหี้ยมๆ
ลูกน้องเอ่ยบอกอย่างกังวล "แต่ แวร์วูฟล์ มันควบคุมยากนะครับ"
"ทำตามข้าสั่ง.." เสียงดุๆเอ่ยมาอย่างเฉียบขาด
พวกลูกน้องตัวลีบรับคำสั่นๆ "คะ..ครับ...."

ด้านหนึ่ง กรง ของอมนุษย์ถูกเปิด  ร่างของสัตว์ร้ายหน้าขนเขี้ยวขาวยาวโง้งหลายสิบตัววิ่งกรูออกมา  มีบางตัวพอหลุดออกมาได้จับร่างเคราะห์ร้ายของผู้เปิดประตูปล่อยกระชากฉีกแยกเป็นชิ้นๆ และส่งเสียงคำรามขู่กัน  พวกผีดิบที่ยืนอยู่บนสะพานต่างมีสีหน้ากังวล  ขณะจอมผีดิบทำหน้าพอใจ  รอยยิ้มเหี้ยมๆปรากฏที่มุมปาก

จอมผีดิบ สั่งการด้วยเสียงทรงอำนาจ "บริวารของข้า  จงไปตามล่าศัตรูทั้งสองของข้า จับมันกลับมาให้ได้..."

สิ้นเสียงของจอมผีดิบ พวกอมนุษย์ก็พากันร้องคำรามและวิ่งกรูไปตามทิศทางที่ นักล่าสาวกับหมอผีหนุ่มหนีไป
จอมผีดิบ มองตามอย่างพอใจ  ขณะที่ลูกน้องต่างหน้าเสียและมีแววตากังวล...

ทางด้าน นักล่าสาว และหมอผีหนุ่มเตลิดหนีมาส่วนลึกสุดของถ้ำ

ทั้งสองหนีมาจนเจอทางตัน  หมอผีหนุ่มทำท่าเซ็งๆ "ยอดมากๆ  มาทางไหนไม่มา ดันมาทางนี้"
"ก็มันฉุกละหุกนี่  ฉันก็ไม่ได้ตั้งใจพานายมาทางนี้สักหน่อย" หญิงสาวเองก็เซ็งไม่แพ้กัน
หมอผีหนุ่มมองสำรวจไปทั่ว เขายิ้มขึ้น "ก็ไม่เลวร้ายเกินไปนะ"
"อะไรหรอ?"
หมอผีหนุ่มชี้ไปที่โพลงด้านบน มีภาพแผ่นฟ้าและดาวระยิบระยับ "ในความมืดยังมีแสงสว่าง ความหวังยังมีเสมอ"
"อย่ามัวพูดคำคม รีบเผ่นกันเถอะ.." หญิงสาวบอกแล้วกระโดดขึ้นไปบนทางออกอย่างรวดเร็ว
หมอผีหนุ่มมองร่างอวบๆแน่นนวลเนื้อเคลื่อนไหวอย่างเย้ายวน ทึ่งๆ  เขาเผลอรำพึง "โอ้ว...ทำได้อย่างไง?"
"ขึ้นมาไวๆสิ...."  หญิงสาวร้องเรียกลงมา
หมอผีหนุ่มจึงรู้สึกตัว "อะ..อ้า...จะขึ้นไปเดี๋ยวนี้แหล่ะ"

แล้วหมอผีหนุ่มก็ปีนตามขึ้นไปอย่างรวดเร็ว เมื่อแว่วเสียงเห่าหอนและคำรามของเหล่าอมนุษย์ใกล้เข้ามา

ทั้งสองปีนขึ้นมาก็พบว่าข้างนอกเป็นเนินหินยื่นไปไม่ไกล  และเดินไปอีกหน่อยก็เป็นหน้าผาลึกด้านล่างเป็นแม่น้ำไหลเชี่ยว  ส่วนด้านหลังก็เป็นเชิงผาสูงชัน  ทำเอาต้องถอนหายใจกันเฮือกๆ  แต่หมอผีหนุ่มก็เดินไปที่ก้อนหินใหญ่ เขาพยายามจะดันให้มันกลิ้งมาที่ปากหลุมตรงที่ออกมา  หญิงสาวมองอย่างสงสัย

"นั่นนายจะทำอะไร?" เธอถามขณะเขาออกแรงดันเต็มที่
หมอผีหนุ่มตอบว่า "ผมจะปิดทางไม่ให้พวกมันตามขึ้นมาน่ะสิ.."
"อื่อ.อ.อ...ดี..มาฉันจะช่วย..." หญิงสาวเดินมายืนข้างๆและช่วยดัน
หมอผีหนุ่มยิ้ม "ขอบคุณ.."
"ไม่ต้องขอบคุณหรอก เราได้รับผลประโยชน์ร่วมกัน ต้องช่วยกันอยู่แล้ว"
"อื่อ.อ...ดีที่คิดเหมือนกัน.."

ทั้งสองออกแรงดันก้อนหินอย่างเต็มที่  ระหว่างนั้นหมอผีหนุ่มก็ลอบมองเรือนร่างของสาวนักล่าอีก  สายตาของเขาจ้องมองสองเต้าอวบที่ดันเสื้อเกาะอกออกมา  เนินนมขาวๆ โผล่พ้นร่องเสื้อด้านบน  มันใหญ่โตจนแทบปริหลุดออกมาทั้งสองเต้า ดันไปชำเลืองมองไปแทบไม่มีสมาธิ  และอยู่ใกล้ชิดขนาดนี้ก็ยิ่งห้ามใจไม่ไหว  มันอยากจะบีบเคล้นให้หนำใจจริงๆ  สาวนักล่าชักแปลกใจที่ดันก้อนหินไม่เคลื่อนที่ เธอหันมามองที่หมอผีหนุ่ม  ยามนี้เขาตาเยิ้มจ้องหน้าอกของเธอจนน่าเกลียด

หญิงสาวเม้มปาก เอ่ยเสียงดุๆ  "นี่นายมองอะไรน่ะ"
"มองนมคุณเอ้ย...ไม่ใช่...มองว่าคุณดันไหวไหม?" หมอผีหนุ่มตอบแบบสะดุ้งๆ
หญิงสาวสายตาเคลือบแคลง "นายคิดอะไรกับฉันหรือเปล่า?"
"ไม่ได้คิดเลยครับ  ผมไม่ได้คิดอะไรเลย..." หมอผีหนุ่มบอกเสียงสั่นๆปนพิรุธ
"แต่สายตาของนาย..."
"รีบๆดันเถอะ  เดี๋ยวไอ้พวกนั้นโผล่มาจะยุ่ง.." หมอผีหนุ่มรีบตัดบท

ก้อนหินถูกดันกลิ้งไปปิดทางออก  แต่เงาร่างหนึ่งก็พุ่งสวนขึ้นมาก่อนมันจะปิดได้สนิท
ร่างนั้นดวงตาวาวโรจน์  กางแขนกางขาส่งเสียงคำราม  มันคือเจ้าสัตว์ร้ายนั่นเอง  มันจ้องทั้งสองอย่างประสงค์ร้าย
หมอผีหนุ่มและนักล่าสาวขยับถอยห่าง  ยามนี้ทั้งคู่ไม่มีอาวุธรับมือมัน  และมันก็เดินแยกเขี้ยวขู่ไล่ต้อนทั้งสองเข้ามา
ทั้งสองถอยไปเรื่อยๆ  จนกระทั้งถึงขอบหน้าผา  เจ้าสัตว์ร้ายขยับเข้ามาเรื่อยๆ  หมอผีหนุ่มหันไปมองฝั่งตรงข้าม

หมอผีหนุ่มกระซิบบอกสาวนักล่า "เดี๋ยวคุณกอดผมแน่นๆนะ....."
"ทำไมหรอ?" สาวนักล่าถามอย่างแปลกใจ

ไม่มีคำตอบในช่วงเวลาเร่งด่วน  หมอผีหนุ่มหยิบปืนรอกออกมาจากย่ามและยิงไปที่ต้นไม้ฝั่งตรงข้าม
แม่นราวจับวาง ปลายของมันเจาะเข้ากับต้นไม้   และหมอผีหนุ่มก็โอบร่างอวบๆของนักล่าสาวไว้
เขาทดสอบความแข็งแรงของหัวลูกดอกที่ปักต้นไม้ฝั่งตรงข้ามด้วยการดึงเส้น สลิง จากกระบอกปืนสอง – สามครั้ง
เมื่อมันแน่นพอเขาก็สูดลมหายใจลึกๆ  และหันมาจ้องตาหญิงสาว

หมอผีหนุ่มกระซิบบอกเบาๆ "เชื่อใจผมนะ.."
"อื่อ.อ.อ...ไม่เชื่อก็จำเป็นต้องเชื่อแล้วหล่ะ....." หญิงสาวกอดร่างของเขาแน่นทันที

ร่างของหมอผีหนุ่มเข้ามายืนประกบเบียดด้านหน้าของหญิงสาวนักล่าสุดสวย เขาใช้มือรั้งเอวคอดกิ่วเข้ามาแนบกับลำตัวของตน ท่อนขาของเขาบดอยู่บริเวณโหนกนูนของสาวนักล่า   ส่วนตรงเนินอกอวบสองเต้าที่เบียดชิดกันภายใต้เสื้อเกาะอกรัดรูปสีดำก็เบียดเสียดกับแผงอกกำยำของเขา ทำให้สองเต้าอวบใหญ่เด้งแทบทะลักท้าทายสายตาออกมา  หากไม่หนีเจ้าสัตว์ร้าย หมอผีหนุ่มคงไม่อยากละจากสัมผัสยามนี้แน่ๆ  ทันทีที่เสียงกระโจนใส่จากมันดังมา  เขาก็โหนตัวพาหญิงสาวกระโดดหนีไปจากตรงนั้นในทันที

เจ้าสัตว์ร้ายกระโจนตามมาแต่คว้าร่างของทั้งสองไม่ทัน  ร่างของมันตกลงไปในหุบเหวและกระแทกกับสายน้ำที่เชี่ยวกราดก่อนจะจมหายไปไม่รู้ชะตา  แต่หมอผีหนุ่มเองก็เพลินที่ได้สัมผัสร่างกายขาวอวบของหญิงสาวจนเคลิ้มลืมตัวเมื่อร่างของทั้งสองไปถึงอีกฝั่งแทนที่จะรีบลงสู่พื้น  เขามัวใจลอยจึงพาหญิงสาวที่ร้องเตือนเสียงลั่นเสียหลักลอยเลยไปกระแทกกับต้นไม้เข้าอย่างจัง  เป็นผลให้ร่างของทั้งสองลอยกลับมาแล้วหล่นตูมจมหายไปกับสายน้ำด้วย....

ทั้งสองจมหายไปกับสายน้ำได้เพียงอึดใจ  ที่ก้อนหินปิดทางออกตรงหน้าผา  เกิดระเบิดแตกกระจายออกมา 

พอควันจาง  ร่างของจอมผีดิบเดินก้าวขึ้นมายืนโดยมีสมุนตามมาเป็นพรวน  พวกมันส่งสายตามองไปยังสายน้ำที่ไหลเชี่ยวด้านล่าง  จึงได้เห็นร่างสองร่างดำผุดดำว่ายไหลไปตามกระแสน้ำ  และพลันร่างของหมาป่าประหลาดที่ตกน้ำไปก็ตะเกียดตะกายกลับขึ้นมาตรงที่พวกมันยืนอยู่  ร่างของหมาป่านอนลงทำท่าเหมือนสิ้นแรงแล้วก็ค่อยๆกลายร่างเป็นสาวผิวสีนอนหายใจรวยริน  จอมผีดิบทำหน้าเหี้ยมๆไม่พอใจที่ทั้งสองหนีไปได้...

จอมผีดิบหันไปทางเจ้าร่างใหญ่แล้วสั่งการ "อเนลก้า  เจ้าจงนำคนไปตามจับ นังกึ่งแวมไพร์นั่นกลับมาให้ได้ จับเป็นนะ"
"แล้วเจ้าผู้ชายหล่ะ?" ลูกน้องร่างใหญ่เอ่ยถาม
จอมผีดิบเอ่ยตอบเหี้ยมๆ "มันไม่มีความจำเป็นอะไรกับเรา ฆ่ามันทิ้งได้เลย"
"ครับท่าน มอทัซ...." รับคำสั่งเจ้าร่างใหญ่ก็เดินนำพรรคพวกออกไปไล่ล่าทั้งสองตามคำสั่ง

จอมผีดิบมองร่างเปลือยของสาวผิวสีที่นอนหายใจรวยริน  สบสายตาเคืองแค้นของสาวผิวสีอยู่ชั่วครู่เขาก็สั่ง

"เอากลับไปขัง  แล้วเตรียมทดลองตัวยาขั้นต่อไป" สั่งจบจอมผีดิบก็เดินกลับลงไปจากช่องที่ออกมา

คล้อยหลังเหล่าสมุนรีบกรูมาหิ้วปีกหามร่างของสาวผิวสีตามกลับลงไป


นีโอ


ริมฝั่งน้ำไม่ใกล้ไม่ไกลจากตรงเชิงผา
สาวนักล่าเดินโซเซขึ้นจากน้ำ  มีหมอผีหนุ่มเดินระโหยโรยแรงตามมาห่างๆ

สาวนักล่ามองหมอผีหนุ่มเคืองๆ"ฉันไม่น่ามาคบกับนายเลย  นึกว่าจะมีดีอะไรที่แท้ก็มุกเก่าๆทั้งนั้น  อายพวกผีดิบมันจริงๆ"
"ผมก็ทำตามตำราที่เรียนมาทุกอย่างแล้วทำไม?..........." หมอผีหนุ่มครางบอก
"ฉันนี่นักล่ามืออาชีพ  จะทำอะไรทำไมไม่ถามฉันก่อน  ปราบแวมไพร์น่ะ  ลืมที่เห็นในหนังมาเลย กระเทียม  น้ำมนต์  และไม้กางเขนมันใช้ได้ที่ไหน..." หญิงสาวบอกแล้วนั่งพักเหนื่อยที่ก้อนหินใหญ่
"แล้วอะไรใช้ได้บ้างล่ะ?" หมอผีหนุ่มทรุดลงนั่งไม่ห่างแล้วถาม
"แสงแดด มุดเงิน เพราะร่างกายของพวกนี้แพ้แร่เงินอย่างรุนแรง และสารเคมีบางอย่างที่เราวิเคราะห์มา" หญิงสาวอธิบาย
หมอผีหนุ่มขมวดคิ้ว "แต่ตะกี้ผมใช้หมุดเงินแทงหัวใจเจ้าตัวหัวหน้าของมัน  ทำไมมันเฉย"
"ใช้ไม่ได้เฉพาะ  วาเล็ค มอทัซ  คนเดียว เพราะมันเป็นระดับหัวหน้า  และเจ้าหมอนี่มันเป็นนักวิทยาศาสตร์ก่อนมาเป็นแวมไพร์  มันเกลียดและปฏิเสธการเป็นมนุษย์เพราะเหตุผลส่วนตัว  มันจึงคิดค้นพัฒนาสายพันธุ์แวมไพร์ไปเรื่อยๆ  ตอนนี้จุดอ่อนของแวมไพร์ถูกลบจนจะหมดแล้ว  เหลือแค่สู้แสงแดดเท่านั้นที่ วาเล็ค ยังแก้ไม่ได้..." สาวนักล่าอธิบายยาว
"แต่คุณก็มีกึ่งหนึ่งที่เป็น แวมไพร์  คุณสู้แสงแดดได้  ถ้าอย่างนั้นลูกครึ่งก็สู้แสงแดดได้ทุกคน" หมอผีหนุ่มวิเคราะห์ขึ้นมา
"ไม่ใช่ทุกคน  เพิ่งมีฉันแค่คนเดียวที่เป็นลูกครึ่งแวมไพร์แล้วมีภูมิคุ้มกันแสงแดด.." สาวนักล่าบอกเสียงแผ่วๆ
หมอผีหนุ่มขมวดคิ้ว "เพราะอะไร ถึงมีคุณคนเดียว"
"ยังไม่รู้  แล็ปยังหาเหตุผลไม่ได้  พวกแวมไพร์ก็สงสัย แต่ฉันรู้เพราะอะไร?" หญิงสาวเงยหน้าสวยๆมองไปที่อื่น
หมอผีหนุ่มถามเสียงนุ่มๆ "เพราะอะไรหรอ?"
"เพราะฉันมีจิตใจเป็นมนุษย์...."
ตอบแล้วหญิงสาวก็ยืนขึ้น  เธอมองไปบนฟ้า ตอนนี้กำลังดำสนิทราวจะมีฝนตก
หญิงสาวเอ่ยชวน "หาทางกลับกันเถอะ...ก่อนที่พวกมันจะตามมา"
"อื่อ.อ...ไปสิ....." หมอผีหนุ่มลุกขึ้นเดินตามหญิงสาวไป

และแล้วพอเดินไปได้สักพักฝนได้ตกลงมาอย่างหนัก  ท้องฟ้ามืดครึ้มแต่บรรยากาศก็จวนใกล้จะแจ้งแล้ว  ทว่าฝนก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงสักที  ทั้งสองเดินฝ่าสายฝนไปเรื่อยๆ สายฝนที่ยังตกลงมาไม่หยุดทำให้เสื้อหนังเกาะอกรัดรูปเของสาวนักล่าเปียกปอนชุ่มฉ่ำไปด้วยหยดน้ำ ยิ่งแนบเนื้อเน้นรัดสัดส่วนเนินนูนตามร่างกายอวบอัดของนักล่าแวมไพร์คนสวยมากขึ้น  ตอนตกน้ำก็เปียกปอนจนเห็นชัดแล้ว  แต่ในตอนนี้ก็ยิ่งเน้นยิ่งเห็นได้ชัดมากขึ้นกว่าเดิมอีก  หมอผีหนุ่มที่เดินตามมาข้างๆเริ่มจะไม่ค่อยมองทางเพราะข้างๆมีสิ่งที่น่ามองมากกว่า

หมอผีหนุ่มชำเรืองมองหน้าอกอวบมองเห็นรำไรเป็นก้อนกลมมีเกาะอกครึ่งเต้ารองรับน้ำหนักให้ได้รูปทรงสวย กางเกงสีดำเปียกน้ำแนบชิดกับสะโพกผายอวบ   ช่างรัดเน้นเห็นถึงสัดส่วนในเสียจนหมอผีหนุ่มตื่นตัว  ชักเดินไม่ตรงทางจนกระทั่งเขาเดินตกหลุมหัวทิ่มหน้าคว่ำไป  หญิงสาวเข้ามาประคองอย่างห่วงใย  พอเต้าอวบมาโดนแขนหมอผีหนุ่มแทบอยากกอดแล้วปล้ำตรงนั้นเสียเลย  แต่เขาก็ห้ามใจรักษาภาพของพระเอกไว้ก่อน...

สาวนักล่าประคองพาหมอผีหนุ่มไปนั่งหลบฝนใต้ต้นไม้  เขาเอ่ยบอกเธอว่า "ขอบคุณนะครับผมซุ่มซ่ามไปหน่อย"
"ไม่หน่อยละ  เฟอะฟะมากต่างหาก" สาวนักล่าย้ำมา  แล้วละออกไป หมอผีหนุ่มแสนเสียดายที่เต้าอวบๆลอยห่างไป
หมอผีหนุ่มมองไปรอบๆตัว  เขากำหนดจิตแล้วลืมตา "เจ้าที่แรงอีกแล้ว...."
"อะไรหรอ?" หญิงสาวถามอย่างสงสัย  ในสิ่งที่เขาพูดออกมา
หมอผีหนุ่มถอนใจ "ผมติดต่อภูติของตัวเองไม่ได้  เราคงต้องคลำทางออกไปเอง และภาวนาอย่าเจอพวกผีร้ายนั่นด้วย"
"ค่อยยังชั่วหรือยัง ไปต่อกันเถอะ  ที่นี่ฉันไม่อยากปักหลักนาน  เพราะเป็นถิ่นของพวกมัน" หญิงสาวเอ่ยชวน
หมอผีหนุ่มลุกขึ้น  เขาว่า "ก็ไปสิ  ผมไหวแล้ว..."

ทั้งสองออกเดินคู่กันมา  แต่ยังไม่ทันคุยอะไรกัน  ทั้งสองก็ย่ำไปบนพื้นที่ยุบตัวและตกลงไปยังอุโมงค์ใต้ดินที่ลึกชัน  ระหว่างกลิ้งไปทั้งสองหวีดร้องอย่างตกใจ  จนกระทั่งร่างของทั้งสองไถลไปสุดทางและลอยตกลงไปกระแทกน้ำตื้นๆอย่างแรง  สรรพเสียงเงียบไปพักใหญ่  และหมอผีหนุ่มที่ลอยคอแช่น้ำอยู่ก็ค่อยๆขยับกายขึ้นนั่ง  เขามองไปที่ร่างของสาวนักล่าที่ลอยคออยู่ไม่ห่าง  เขาขยับเข้าไปหาใกล้ๆจึงได้เห็นหญิงสาวหลับตาหมดสตินอนนิ่งแช่อยู่ในน้ำ...

หมอผีหนุ่มเขย่าร่างเรียกสติหญิงสาว  แต่เธอก็ยังนิ่ง  เขามองร่างของเธอแช่น้ำในความสลัวลาง  แล้วเขาก็ต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างลำบาก  เมื่อมองเห็นเต้าอกอันอวบล้นออกมานอกผ้ามองเห็น เนินขาวผ่อง มีเม็ดน้ำเกาะพราวและกระเพื่อมเล็กน้อย ตามแรงหายใจ มองต่ำลงมาตามสะเอว...ท้องน้อย...หยุดกึกลงเนินสมบูรณ์หว่างขานั้นมองดูแล้วใหญ่โตโอ่อ่าดีเหลือเกิน  ของฝรั่งนี่รับประกันอยู่แล้ว  ยิ่งท่อนขาที่ถ่างอ้าน้อย ๆ ประกอบกับผ้าหนังอันเปียกชุ่มรัดเนินเนื้อนั้นสนิทเห็นได้อย่างถนัดชัดแจ้งว่ากว้างขวางใหญ่โตแค่ไหน...

หมอผีหนุ่มรีบสลัดอาการหื่นออกให้หมดจากสมอง  เขาต้องช่วยเธอก่อนจึงลากร่างอวบของนักล่าสาวมาที่ฝั่งและประคองกึ่งอุ้มพามมานอนที่มุมผนังข้างหนึ่ง  โชคดีที่เป็นโพลงใต้ดินจึงมีที่กันฝนให้  แต่สาวนักล่ายังคงสั่นๆท่ามกลางความหนาวเย็นของอากาศ  เขามองหาเศษไม้ก็นำมาก่อไฟโดยใช้มนต์เสกไฟช่วย  จึงทำให้มีความอบอุ่นขึ้นมาบ้าง

ไม่นานหญิงสาวก็ขยับรู้ตัว เธอมองไปเห็นหมอผีหนุ่มนั่งพิงไฟอยู่ 
เขาหันมาทักพร้อมรอยยิ้ม "ฟื้นตัวไวดีนะ  ยังบาดเจ็บตรงไหนอยู่หรือเปล่า"
"ไม่อ่ะ...นายช่วยฉันหรอ?" หญิงสาวลุกเดินมานั่งข้างๆพลางเอามืออังไฟเรียกไออุ่นให้ร่างกาย
"ก็มีมากันสองคน ใครจะช่วยหล่ะ?" หมอผีหนุ่มตอบขำๆ
"ชักกวนเหมือน แจ็กค์แล้วนะ.." หญิงสาวบอกทั้งรอยยิ้มบางๆ
หมอผีหนุ่มเอาหลังมือแตะหน้าผากเธอ เขาทำหน้าเข้มๆ "อื่อ.อ.อ..ไม่มีอาการไข้เลยนี่.."
"ฉันไม่เคยป่วยด้วยโรคจากไวรัสกระจอกๆอย่างหวัดหรอก" หญิงสาวบอกแล้วยิ้มขำๆ รู้สึกอบอุ่นในหัวใจอย่างประหลาด
"ก็ดี..ถ้าอย่างนั้นอีกเดี๋ยวเราคงไปกันได้แล้ว" หมอผีหนุ่มบอก
หญิงสาวมองดูรอบๆตัว "แล้วที่นี่ที่ไหนเล่านี่..."
"เราตกมาจากตรงโน้น.." หมอผีหนุ่มชี้ให้ดูโพลงไกลๆ มันอยู่เหนือขึ้นไปตรงเนินที่ทั้งคู่นั่งอยู่
"เราเดินมาเขตดินยุบตัวและเป็นทางน้ำใต้ดิน..แต่ระยะแค่นี้พวกเรากระโดดขึ้นไปได้สบาย"
"อื่อ...อ...อ...อ์...มีพลังพิเศษนี่ทำอะไรก็ง่ายไปหมดนะ.." หมอผีหนุ่มแซว แล้วเร่งเชื้อไฟไล่อากาศเย็น

แต่อยู่ๆหญิงสาวก็รู้สึกหมดแรง  เธอมีอาการกระหายน้ำเป็นกำลังจึงลุกขึ้นไปวักน้ำที่ไหลดื่มไม่หยุด
หมอผีหนุ่มมองงงๆและเดินไปประคองร่างอวบๆ  แต่หญิงสาวก็สะบัดและก้มวักน้ำดื่มต่ออย่างน่ากลัว

หมอผีหนุ่มพยายามห้ามแต่ถูกผลักหงายอีก "คุณเป็นอะไรไปน่ะ แคท ทำไมดื่มน้ำน่ากลัวอย่างนั้น..."
"ไม่รู้...แต่ฉันกระหายมากเลย..ฮ้า..ร์...ฮ้า..ร์...." หญิงสาวชักตาขวางๆ  หมอผีหนุ่มชักแปลกใจ
เขาจับไหล่เธอทั้งสองข้าง แล้วจ้องตาที่เปลี่ยนแววไปมา "แคท...คุณ โอ.เค หรือเปล่า?"
"ฮื่อ.อ.อ....แฮ่.ร์...แฮ่...ร์...." หญิงสาวชักออกอาการทุรนทุราย ชักดิ้นไปมาอย่างรุนแรง
หมอผีหนุ่มชักใจคอไม่ดี "แคท...แคทเทอรีน...คุณเป็นอะไรไป....."
"วัคซีน...วัคซีน...วัคซีน..." หญิงสาวครางฮือๆ แล้วบอกเสียงแผ่วๆ อาการดิ้นรนเริ่มหนักขึ้นจนน่ากลัว
หมอผีหนุ่มพยายามกดร่างอวบๆที่ดิ้นจนทุกส่วนกระเพื่อมสั่นไปทั้งตัว "วัคซีน...แล้วมันอยู่ไหนล่ะ?"
"ที่แล็ป..ที่แล็ป...อะ...โอ้ย...ทรมานเหลือเกิน...ฮ้า..ร์...ฮ้า..ร์...ฉันต้องฉีดวันนี้แต่มัวมาที่นี่.."  ร่างอวบๆกระตุกเฮือกๆ
หมอผีหนุ่มประคองร่างของเธอขึ้นมา "ถ้าอย่างนั้น  ผมจะรีบพาคุณกลับแล็ป ...  อดทนไว้ก่อนนะ..."
"ฮื่อ.อ.อ.อ....ฮื่อ.อ.อ.." หญิงสาวสั่นจนกระทั่งแน่นิ่งไป
หมอผีพยายามเขย่าตัวเรียกสติ "แคท...แคท..คุณได้ยินผมไหม?"

หญิงสาวยังนิ่ง  หมอผีหนุ่มเข้าใจว่าเธอหมดสติไปแล้ว  เขาจึงแบกร่างของเธอขึ้นหลังและเดินลัดเลาะขึ้นจากโพลงน้ำใต้ดินเพื่อพาเธอไปรับวัคซีนที่แล็ป  แต่ระหว่างเดินไปนั้นเขาไม่ได้ล่วงรู้เลยว่าหญิงสาวมีอาการเปลี่ยนไป  เธอลืมตาช้าๆแต่เป็นดวงตาสีแดงก่ำ  เล็บมือยืดยาวออกมาและเคลื่อนไหวช้าๆเงียบๆที่ด้านหลังของเขา  เมื่อเธออ้าปากก็มีเขี้ยววาววับยื่นออกมาแทรกที่ซี่ฟันเรียงสวยของเธอ

หญิงสาวขยับศีรษะไปมา  ดวงตาแดงเรืองแสงน่ากลัวและจ้องลำคอของหมอผีหนุ่มที่กำลังแบกร่างของเธออยู่ หญิงสาวผงกหัวอ้าปากกว้างและงับเข้าที่ลำคอของหมอผีหนุ่มทันที  หมอผีหนุ่มสะดุ้งร้องลั่นแต่สาวนักล่าที่ยามนี้ความกระหายเข้าครอบงำจนอาการแวมไพร์กำเริบ  แต่พองับไปแล้วเธอกลับขมวดคิ้วเพราะคมเขี้ยวไม่อาจเจาะลำคอของหมอผีหนุ่มได้  หมอผีหนุ่มพยายามสะบัดให้ร่างอวบหลุดออกจากการเกาะกุมแผ่นหลังของตนเอง  ไม่ทันร่างจะร่วงหล่นสาวนักล่าก็กระโจนขึ้นไปยืนบนเนินหินเสียเอง

หมอผีหนุ่มจ้องตาแดงเรื่อๆของเธอ "แคท..นี่คุณ...คุณกลายเป็นแวมไพร์ไปแล้วหรอ?"  หมอผีหนุ่มตะลึง  แต่เขายังพูดเรียกสติของเธอ "ใจเย็นๆ แคท...คุณต้องเข้มแข็งนะ  อย่าให้ความกระหายเข้าครอบงำ  ตั้งสติแล้วไปกับผม" เขายื่นมือให้เธอ
"แฮ่..ฮ้า..ร์...ฮ้า...ร์.....แฮ่..ร์...." สาวนักล่าตอนนี้เหมือนไม่มีสติสัมปชัญญะแล้วคำรามเสียงขู่แล้วจ้องหมอผีหนุ่มอย่างกระหายเลือด  ร่างอวบขยับจ้องหมายจู่โจมเขาอีกครั้ง
"แคท...คุณต้องทำได้  คุณคือนักล่าแวมไพร์  ไม่ใช่แวมไพร์ล่าเหยื่อ...พยายามควบคุมสิ  อย่าให้มันควบคุมคุณ.."
สาวนักล่าเริ่มตัวสั่น  เธอยกมือกุมหัวท่าทางเหมือนกำลังบังคับตัวเอง "แฮ่...แฮ่..ฮ้า..ร์...โฮ้ก.ก.ก...ก์...."
"ดีมากแคท  อย่ายอมแพ้ความกระหาย  คุณต้องชนะมัน" หมอผีหนุ่มพยายามพูดให้กำลังใจ

หญิงสาวนักล่าล้มลงชักดิ้นชักงอดึงทึ้งร่างกายและเส้นผมของตัวเองอย่างน่ากลัว  หมอผีหนุ่มเข้าไปช่วยจับร่างของเธอไว้และพยายามพูดเรียกสติ  อาการดิ้นทุรนทุรายของเธอน่ากลัวและรุนแรงเสียจนหมอผีหนุ่มชักจะเกรงๆว่าเธอจะทนไม่ไหวอาจจะถึงขั้นเสียชีวิตได้  แต่แล้วสาวนักล่าก็กระตุกร่างแรงๆสะดุ้งเฮือกๆจนร่างอวบสั่นกระเพื่อมและแน่นิ่งไป  หมอผีหนุ่มจ้องมองอย่างกังวล  และพยายามเรียกชื่อเพื่อเรียกสติ  แต่เธอก็ยังนอนนิ่งหายใจรวยริน

หมอผีหนุ่มรอดูอาการของหญิงสาวอยู่พัก เธอยังแน่นิ่งเขาจึงเขย่าตัวเบาๆ "แคท..แคท...ยังไหวใช่ไหม?"
"ฮื่อ.อ.อ...โฮ้ก.ก.ก...ก...ก....ก์......" สาวนักล่าลืมตาอ้าปากแยกเขี้ยวงับเข้าที่คอของหมอผีหนุ่มอีกครั้ง
"แคท...แคท...ตั้งสติสิ...คุณทำอะไรผมไม่ได้หรอก  ผมหนังเหนียวเขี้ยวของคุณกัดคอผมไม่เข้าหรอก  ตั้งสติเข้าไว้  คุณต้องชนะมันอย่าให้มันครอบงำคุณสิ..." หมอผีหนุ่มตะโกนบอก  ขณะสาวนักล่าก็ยังอ้าปากไล่งับคอของเขาไม่หยุด

เมื่อกัดคอไม่เข้าสาวนักล่าที่กำลังถูกอำนาจกระหายครอบงำก็ผลักร่างของหมอผีหนุ่มนอนลง  แล้วเธอก็นั่งคล่อมอยู่บนอกของเขาแล้วกดร่างของเขาให้นอนนิ่งก่อนจะอ้าปากฟัดไม่เลือกไปตามร่างกายของเขาเพื่อจะเจาะเนื้อเอาเลือดออกมาดื่มกินดับความกระหายของตน  หมอผีหนุ่มพยายามดิ้นแต่ก็ไม่กล้าทำรุนแรง  จนกระทั่งเขาตัดสินใจพลิกตัวกดร่างของเธอลงมานอนกับพื้นและขึ้นทาบทับร่างของเธอเพื่อกดเอาไว้ให้อยู่เฉยๆ แต่เธอก็พยายามดิ้นสุดฤทธิ์

สาวนักล่าเจอกดแขนสองข้าง ดวงตาแดงก่ำจ้องหมอผีหนุ่มอย่างเคืองแค้น  พยายามอ้าปากจะงับคอของเขาอีก หมอผีหนุ่มก็ฝืนขัดขืนเอาไว้  แต่เรี่ยวแรงยามเป็น แวมไพร์ของเธอมันช่างมหาศาลเหลือเกิน  ในที่สุดเขาก็ถูกเหวี่ยงกระเด็นไปกระแทกผนังโพลงตกลงมา  แม้นไม่มีบาดแผลแต่ก็จุก  แต่ไม่ทันตั้งตัวหญิงสาวก็ผวาเข้ามาหาอีกและขย้ำจับตัวของเขาไว้ก่อนฝังเขี้ยวกัดเข้าที่ก้านคอของเขาอีกครั้งซึ่งมันก็ยังไม่เข้าเหมือนเดิม...

หมอผีหนุ่มพลิกตัวกดเธอไว้กับผนังโพลง เขาจ้องตาเธอ "แคท..คุณรู้สึกตัวสักทีสิ...แคท..ขอร้องล่ะ..."
"แฮ่.ร์..แฮ่.ร์..เลือด...เลือด....." สาวนักล่าตอนนี้สติมีแต่ความกระหาย อ้าปากจะงับคอของหมอผีหนุ่มอย่างเดียว
"อย่า...อย่า...แคท...หยุดเถอะ...มีสติสตางค์ซะทีสิ...." หมอผีหนุ่มร้องบอก
หญิงสาวสะบัดหลุดจากการเกาะกุมและตั้งท่าจะขย้ำคอหอยของหมอผีหนุ่มอีก "แฮ่.ร์...แฮ่..ร์....เลือด..เลือด...."

สาวนักล่า อ้าปากกว้างอีกครั้ง และยื่นหน้ามาหมายงับคอของหมอผีหนุ่ม แต่ดันผิดจังหวะปากของสาวนักล่าและหมอผีหนุ่มเข้ามาประกบกัน  ทำเอาสาวนักล่าที่วิญญาณแวมไพร์กำลังเข้าสิงชะงักค้างอยู่อย่างนั้น  หมอผีหนุ่มเองก็งงๆแต่เขาก็ไม่ถอนริมฝีปากของตนออกจากริมฝีปากอวบอิ่มของนักล่าสาว  พอรู้ว่าทำอย่างนี้สามารถหยุดความบ้าคลั่งกระหายเลือดของเธอได้  เขาก็โน้มกายของเธอลงนอนกับพื้น แล้วก้มใบหน้าตามลงมาประกบปากจูบกับนักล่าสาวอย่างดูดดื่ม

หมอผีหนุ่มใช้ริมฝีปากตนเผยอปากหญิงสาว  แล้วก็ดุนสอดปลายลิ้นเข้ามาเกี่ยวตวัดในอุ้งปากอุ่นๆ และฉกลิ้นที่ไวเหมือนลิ้นงูมาพันกับลิ้นของหญิงสาว  นักล่าสาวเองก็ตอบสนองด้วยการสอดปลายลิ้นนุ่มนิ่มเข้าไปเกี่ยวพันกับปลายลิ้นของหมอผีหนุ่ม และสองมือที่กุมดาบเข่นฆ่าเหล่าผีดิบมามากมายก็เอื้อมมากอดโอบโน้นคอดึงใบหน้าของเขาให้เข้าไปชิดแนบแน่น  ทั้งสองกอดจูบแลกลิ้นกันอยู่เนิ่นนานจนกระทั่ง...ต่างหอบหายใจฟืดฟาดแรงขึ้น

และมือของหมอผีหนุ่มก็เริ่มทำงานไปตามแรงขับดันของธรรมชาติ  เขาใช้มือข้างหนึ่งเลื่อนมาเกาะกุมเต้าอ่อนของนักล่าคนสวย และลูบไล้ เขาค่อยๆเคล้นคลึงช้าๆกับหน้าอกอวบอัดขนาดบิ๊กไซร์ ที่อยู่ใต้เสื้อเกาะอกหนังสีดำตัวนั้น ตอนนี้ถูกรั้งลงมาอยู่ใต้ฐานนม ปลายติ่งสีชมพูชูชันแข็งเป็นไตปรากฏอวดความขาวท่ามกลางแสงจันทร์สลัวที่ส่องให้เห็นลางๆ  หมอผีหนุ่มยังบดจูบต่อไม่ละ  ส่วนหญิงสาวก็หลับตาพริ้มรับแรงบดจูบอย่างซาบซึ้งดูดดื่มลืมเรื่องกระหายเลือดไปในบัดดล

หลังจากบดจูบอย่างดูดดื่มไปได้สักพัก นักล่าสาวคนสวยก็เริ่มรู้สึกถึงความต้องการที่อยากจะโดนสมสู่อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เธอเริ่มรู้ตัวแล้วว่าเธอกำลังถูกอารมณ์อื่นเข้าครอบงำแทนความกระหายเลือด  และการปลุกเร้าไฟสวาทของหมอผีหนุ่มก็ช่างจัดเจนจนเธอเองถึงผวาเฮือกๆ  นักล่าสาวคนสวยจึงพยายามรวบรวมสติสู้กับอารมณ์กระหายโดยปล่อยกายปล่อยใจไปกับสิ่งที่หมอผีหนุ่มจะมอบให้ต่อไป....

หมอผีหนุ่มถอนริมฝีปากออกมา แล้วยันกายนั่งบรรจงถอดเสื้อของเธอออกอย่างมือสั่นๆ เสื้อเกาะอกของ เธอหลุดไปแล้ว แต่เธอยังสะลึมสะลืออยู่ แล้วเขาก็ค่อยๆปลดถอดกางเกงหนังรัดรูปออก แม้นจะดึงยากเพราะความฟิตแต่ก็ไม่ใช่ปัญหา  เมื่อสองสิ่งถูกปลดเปลื้องออก บัดนี้ร่างของเธอเหลือแต่ชุดซับในจี – สตริงชิ้นเดียว  หมอผีหนุ่มมองรูปร่างอวบอิ่มยั่วยวนของเธอเต็มตากับ รูปร่างอันอวบอิ่มผิวขาว สองเต้ามโหฬาร หัวนมสีชมพูอ่อนชูชัน หน้าท้องแบนราบ ถัดไปเป็นเนินสวาทมีขนอุยปกโผล่จากขอบ จี – สตริงขึ้นมารำไร มองดูขนาดเนินของเธอช่างใหญ่จริงๆ เลยแถมโหนกนูนเด่นเสียด้วย

ตอนนี้สองเต้าอวบหยุ่นของสาวนักล่าอวดความใหญ่ท้าทายท้ายสายตาของหมอผีหนุ่มแล้ว หน้าอกอวบเบียดเสียดกันกลมกลึงน่าเคล้นคลึงชวนให้หลงใหล ปลายเต้าอ่อนชูชันท้าทายปลายลิ้นให้สัมผัส หมอผีหนุ่มเลื่อนใบหน้าลงไปที่กลางร่องอกสูดความหอมจากหน้าอกอวบอิ่มของสาวนักล่า  เขาใช้ปลายจมูกไซร้ไปมาสลับกันทั้งสองเต้า มือข้างหนึ่งบีบเคล้นติ่งไตบนยอดอก มืออีกข้างไล่เลื่อนลงไปลูบคลึงสะโพกอวบและท่อนขาเรียวงาม

"ซี้ด ด ด ด ... นายจะทำไรฉันน่ะ..อะ.. อย่า...อื่อ...ทำไม... เสียวจัง .... โอว ว ว ว .... อย่าดูดนมซิ ... อ่า ...อย่า...."

นักล่าสาวตอนนี้ถูกปลุกอารมณ์เสียวโดนหมอผีหนุ่มร้องครางเสียงกระเส่า  เขาแนบหน้าไปบนอกตูมเต่ง  แล้วดูดดุน และก็ทำให้นักล่าสาวเกิดความรู้สึกวูบวาบ เสียววูบไปทั้งตัว และที่เนินเนื้อ ก็กำลังถูกใช้ฝ่ามือสากหยาบลูบคลำเคล้นคลึงอย่างมันมือ จิตใจเธอว้าวุ่นอย่างบอกไม่ถูก เรี่ยวแรงขัดขืนลดน้อยลง สิ่งที่เพิ่มมากขึ้นกลับกลายเป็นอารมณ์ความต้องการทางเพศที่เพิ่งทวีจนไม่อาจหักห้าม  ลืมอาการดุร้ายกระหายเลือดไปสิ้น  ตอนนี้อาการที่กำลังเกิดขึ้นมาแทนคืออาการกระหายในใคร่กามที่รอคอยการปลดเปลื้อง 

" อุ๊ย... อย่านะ นายพอได้แล้ว ปล่อยฉันนะ อย่าล้วงสิ.. ซี๊ด..ด.. ปล่อยฉัน " ปากบางสวยร้องต่อว่า มือไม้ผลักไสดิ้นรนขัดขืน แต่ไม่เป็นผล เพราะหมอผีหนุ่มกอดรัดแน่น กำลังหน้ามืด เมามัน กับการได้กอดรัดซุกไซร้ร่างงามสมส่วนอวบอิ่มร่างนี้
"อูว ว ว ว .... อ่า .... นมของคุณแคทสวยมากเลยครับ ... ยอดติ่งเป็นสีชมพูระเรื่อ ... ตอนนี้ก็แข็งเป็นไตน่าดูดมาก ... ให้ผมชื่นใจนานๆ หน่อยนะจ๊ะ ...จ๊วบ..จ๊วบ..จ๊วบ..."
นักล่าสาวครึ่งแวมไพร์ เจอลีลาพ่อหมอเข้าไปก็แอ่นอกแอ่นผวาเฮือกๆ  "อ่า  อ่า  ดะ  เดี๋ยว  อู้ว ว ว ว ว...โอ้ว..ว..ว..ว์......"

หมอผีหนุ่มคงยังให้ความสนใจกับสองเต้าอวบอย่างมาก  เขาไม่เคยเจอขนาดใหญ่ๆและแข็งสู้มืออย่างนี้มาก่อน  เขาปลุกเร้าโดยใช้นิ้วโป้งและนิ้วชี้บี้คลึงปลายยอดเต้าข้างหนึ่ง และใช้ริมฝีปากดูดดุนปลายเต้าอีกข้างหนึ่ง ทำเอานักล่าสาวครางกระเส่าบิดกายเร่าๆ  เนินร่องเสียวของหญิงสาวชุ่มชื้นไปด้วยน้ำเสียวของตนเอง ไหลซึมออกมาเป็นวงกลางเป้ากางเกงชั้นในแบบจี – สตริง ส่งความร้อนผ่าวไปทั่วเป้า

หมอผีหนุ่มใช้ปลายนิ้วบดเสียดกลางร่องเสียวของสาวนักล่า  ถูไถไปมาเร็วๆ ยิ่งทำให้น้ำหล่อลื่นไหลออกมามากยิ่งขึ้น สาวนักล่าหลับตาห่อปากครางฮื่อๆ  น้ำจากช่องทางลับทะลักล้นออกมาไม่ขาดสาย แสดงถึงอารมณ์เสียวกระสันและความพร้อมที่จะโดนร่วมเสพสังวาสของเธอแล้ว  แต่หมอผีหนุ่มก็ยังใจเย็นค่อยๆปลุกเร้าเธอต่อไปเพื่อให้เธอร้อนอย่างเต็มที่ แล้วการลงมือจะได้ไม่ติดขัด

"โอ๊ย..โอ๊ย...พะ..พอ...ก่อนนะ...อย่าทำอย่างนี้....อย่าทำ...ฉันเป็นนักล่าแวมไพร์นะ...ทำอย่างนี้ไม่ได้..ทำไม่ได้..."

เสียงร้องห้ามดังไม่ขาดจากปากของสาวนักล่า  แต่กิริยาตอบสนองกลับแสดงออกว่าอยากถูกแก่นกายหมอผีไทยเสียบใจจะขาด  หมอผีหนุ่มยังคงปลุกเร้าต่อไปอย่างไม่สนใจฟังคำห้ามใดๆ..... หมอผีหนุ่มไล่เลื่อนจมูกและใบหน้าซุกไซร้ต่ำลงไปที่สะดือที่ขาวเนียนซึ่งอวดโชว์อย่างอล่างฉ่าง.... ส่วนข้างล่างก็เป็นจี – สตริง...รัดที่แน่นขึ้นไปจนแทบไม่ได้ปิดอะไรไว้ ตรงนั้นโชว์เนินนูนที่ฉ่ำแฉะน้ำอยากทะลุเนื้อผ้าออกมาร้อนผ่าว  เห็นเรียวท่อนขาขาวโคนขาเนียนบรรจบลึกเข้าไป  ภาพตรงหน้าทำให้อวัยวะเพศของหมอผีหนุ่มแข็งตุงเป้ากางเกง  ท่อนขนาดเขื่องดุนผ้าออกมาเป็นลำชัดเจน....

เมื่อมองโดยรวมแล้วสาวนักล่าช่างน่าล่อจนไม่อาจห้ามใจไหว  หมอผีหนุ่มเมื่อได้โอกาสเขาก็สาบาญว่าจะไม่ยอมพลาดอย่างเด็ดขาด.. คืนนี้ยังไงๆก่อนแจ้งมันต้องประสพผล  เขาต้องส่งสเปิร์มข้ามชาติข้ามสายพันธุ์ให้ได้...

" อู๊ย..ย.. ซี๊ด..ด.. ตาหมอผีสัปดน  ปล่อยฉันนะ อย่าทำแบบนี้ ซี๊ด..ด.. ส..ส...ส์...ปล่อยฉันนะ..บอกว่า..อะ..โอ้ว..ว..ว..ว์... "

หมอผีหนุ่มเครื่องติดแล้วคงยากจะเชื่อฟังเขาเดินหน้าต่ออย่างไม่หยุดยั้ง  นักล่าสาวคนสวยหวีดร้องเสียงหลง เมื่อเขาทรุดตัวลงต่ำ สองแขนกอดรัดที่ต้นขาของเธอ ปากจูบไซร้ไปที่เป้ากางเกงในจี – สตริง  จมูกฝังลึกลงในร่องกลางเนินอวบ กลิ่นน้ำรักของนักล่าสาวโชยเข้าจมูกซึมซาบอย่างชื่นใจ  มือหยาบสากลูบคลำก้นงอนงามแน่น สลับกับใช้ปลายนิ้วชี้แยงเข้าสะกิดร่องลึก  ทำเอานักล่าสาวสวยถึงกับหมดเรี่ยวหมดแรง จะต่อต้านความเสียวซ่านที่เริ่มเข้ามาครอบงำจิตใจ

แม้จะเคยมีประสบการณ์มาบ้างแต่ก็ยังไม่เคยเจอการใช้ปากที่ร่องเสียวของเธอ แต่ตอนนี้เธอกำลังถูกกระทำโดย  หมอผีชาวสยาม ผู้ร่วมงานที่เธอแรกเริ่มนั้นไว้ใจ เชื่อใจ  แต่ก็พาเธอเหลวมาตลอดจนเสื่อมศรัทรา  และก็ร้ายไปยิ่งกว่านั้นเพราะตอนนี้เขากำลังจะ...... ความคิดของนักล่าสาวสะดุดกึก เมื่อขอบกางเกงในของเธอถูกนิ้วเกี่ยวรูดลง เธอรีบตะปบจับไว้ด้วยใจระทึก  เพราะความรู้สึกผิดชอบชั่วดี และ หวงแหนเนื้อตัวเริ่มกลับคืนมา

" ว๊าย...ย.... นายหมอผีลามก ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ อย่าทำแบบนี้ ปล่อยฉันนะ อุ๊ย!!.. "
"อย่าห้ามเลยคุณ แคท คุณเองก็อยากนี่  ผมทนไม่ไหวแล้ว รูปร่างของคุณทรมานใจผมเหลือเกิน ฮื่อ.อ.อ...อ์..."

นักล่าสาวผู้เย็นชาสะดุ้งวูบ เสียงร้องห้ามหายไปในลำคอ เมื่อถูกสอดปลายลิ้นยาวสาก เข้าด้านข้างของกางเกงในที่เธอพยายามยื้อยุดฉุดดึงไว้ แล้วถูกกวาดปลายลิ้นสากโดนกลีบแคม และร่องเสียวพอดี แค่นี้ก็เพียงพอให้นักล่าสาวคนสวยหมดแรงจะต่อต้านอีก ปากบางเฉียบได้รูปส่งเสียงครวญคราง ฝ่ามืออ่อนนุ่นเปลี่ยนมาขยุ้มลงบนผมหยักศกนุ่มมือของเขา รองรับการ ใช้ลิ้นโลมเล้าอย่างผู้สาวปรกติมนุษย์ทั่วไปโดนแล้วลืมโลกลืมตัว  หมอผีหนุ่มเองก็เสนอสนองอย่างถึงใจด้วยการเลียตวัดปัดซ้ายป้ายขวา ขึ้นๆลงๆบนร่องเสียวที่ปิดสนิท

นักล่าสาวยามนี้แข้งขาอ่อนหมดแรง ร่างส่ายเร้าๆราวปลาถูกทุบหัวกับพื้นโพลงดิน หมอผีหนุ่มละปากเมื่อสาวนักล่าคนเก่งนอนหายใจรวยรินสิ้นสภาพดุดันและเย็นชา  เขามองเห็นร่างงาม ผิวขาวนวลเนียน ในสภาพเกือบเปลือย นอนหงายอ้าซ่าอยู่บนพื้น  เขาถึงกับน้ำลายเหนียวติดคอ มันไม่เคยนึกฝันเลยว่า จะมีโอกาสจะได้เชยชมร่างงาม อวบอิ่มไปทั้งตัวอย่างนี้   ไม่รอช้าให้เวลาสูญไปโดยเปล่า  เขารีบโถมกายทับลงบนร่างของนักล่าสาว รีบดึง  กางเกงในตัวจี – สตริงออกทางปลายเท้า ซึ่งคราวนี้ไม่มีการขัดขืน  หนำซ้ำยังยกสะโพกช่วยเสียอีก  เขารีบคลุกเคล้าใบหน้าเข้ากับเนินเนื้ออวบอูมทันที

" อูย..ย.. ซี๊ด..ด.. นายหมอผี...นะ...นาย...อี๊...ยะ..... อย่า.... ซี๊ด..ด.. "
แผล่บ...แผล่บ....แผล่บ....แผล่บ...จ๊วบ...จ๊วบ...จ๊วบ....หมอผีหนุ่มไม่สนใจฟังเสียงห้าม  ก้มหน้าห้มตาเลียไป
"อ๊าย...ยะ...อู๊ย..อู๊ย...อู๊ย...นาย...นะ...อะ....โอ๊ย...ย.....โอ้...No.o.o...Wo..o.o.o....."

เสียงครางสั่นสะท้านหลุดจากปากสวยของหญิงสาว เมื่อเจอจูบไซร้เนินอวบอย่างเมามันส์ ก่อนที่จะแทงปลายลิ้นลงในร่องรูแดงที่ถูกเขาใช้นิ้วแหวกอ้าออก   นักล่าคนสวยสะดุ้งเฮือก เสียววาบไปทุกขุมขน เมื่อร่องเสียวถูกปลายลิ้นสากโลมเลีย ตวัดติ่งเสียวเป็นครั้งแรกในชีวิต ก้นงามงอนที่ถึงกับกระดกแอ่นขึ้น  ปลายเท้าจิกลงกับพื้นดินเกร็งตัวหงิกงออย่างน่ากลัว

" อูย..ย.. ซี๊ด..ด.. นายหมอผี...Wo.o.o...W.o..o..o..o..W๐....นาย ทำอะไรฉัน ฉันเสียวนะ ซี๊ด..ด.... "
"แผล่บ...แผล่บ...แผล่บ....ก็จะทำให้คุณมีความสุขไง...แผล่บ...แผล่บ...แผล่บ....."
"พะ...เถอะ...ฉันจะขาดใจตายอยู่แล้ว  ลิ้นของนายทำฉันเสียวมากๆเลย...โอ๊ย..พะ..พอ...จะไม่ไหวแล้ว..ว...ว..ว์...."

หมอผีหนุ่มไม่พูดพล่ามทำเพลงต่อ  เขาล้วงลิ้นควงดั่งสว่านคว้านไปทั่วร่องเสียวสีชมพูอ่อน กลิ่นน้ำรักหอมกรุ่นโชยเข้าจมูก คราบคาวน้ำรักเปรอะไปทั่วหน้า สองมือหยาบเคล้นคลึงไปที่หน้าอกเต่งอย่างมันมือ  นักล่าแวมไพร์สาวคนสวยแอ่นอกรับมือโดยไม่รู้ตัว  หมอผีหนุ่มก็รีบเสริมกำลังความเสียวให้ทบทวีด้วยการใช้ปลายนิ้วบีบบี้ขยี้หัวนมเม็ดน้อยสีชมพู ริมฝีปากหนาเม้มขบติ่งเสียว ดูดดุนจนดาราสาวสวยนักล่าจิตใจเย็นชาดิ้นพล่าน สุดที่จะกลั้นความเสียวได้

" อูย..ย.. ซี๊ด  ..  ด.. เสียวเหลือเกิน     ซี๊ด.   ...ด..ส..ส..ส..ส..ส..ส์.. ไม่ไหวแล้ว โอ๊ะ...อู้ว  ว  ว  ว   ว     "

นักล่าสาวสวยรู้สึกถึงความเสียวในร่องหลืบลึกสุด  เธอเกร็งสุดตัวแล้วปล่อยน้ำเสียวออกมา ด้วยฝีมือของ ชายที่เธอหลงเข้าใจว่าเป็นสุภาพบุรุษยอดฝีมือปราบผี   สาวสวยเกร็งจนแทบไม่ได้หายใจ  พอสิ้นสุดความเสียวสุดยอดก็ทิ้งตัวอ่อนปวกเปียกลงบนพื้นดินนุ่มๆ หลับตาพริ้ม หายใจรวยริน  สุขจนแทบจะขาดใจรอนๆ

ส่วนหมอผีหนุ่มยังไม่หยุดเขายังคงบีบเคล้นเต้าเต่งตึงทั้ง สองข้างอย่างมันมือ มองดูร่างงามขาวโพลน อวบอิ่ม อย่างย่ามใจด้วยรู้ว่าสาวนักล่าที่ท่าทางเย็นชาคนนี้ไปสู่ประตูสวรรค์ด้วยปลายลิ้นของเขาแล้ว  หมอผีหนุ่มมองดูร่างงามเปลือยเปล่าของนักล่าสาวสวย ที่ดวงตาคู่หลับพริ้ม ทิ้งสองแขนข้างลำตัว หน้าอกงามงอนเต่งตึงกระเพื่อมขึ้นลงตามการหายใจช้าๆ ขาขาวทั้งสองอ้าจากกัน เห็นเนินต่างแดนขาวผ่อง  ร่องหลืบอ้าออกเล็กน้อย  มันฉ่ำเยิ้มไปด้วยคราบคาวน้ำรัก ที่เกิดจากการละเลงลิ้นที่รวดเร็ว เผ็ดร้อนของเขา ได้ และทำให้เธอพบกับความสุขสุดๆที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนในชีวิต

หมอผีหนุ่มละลิ้นออกมาและนั่งดูผลงานของตนเองอย่างภาคภูมิใจ  อารมณ์ใคร่ที่เก็บมาใกล้ประทุออกอย่างเกินเก็บ หลังจากที่ได้เจอและใกล้ชิดไม่นาน  เขารู้สึกชอบและผูกพันธุ์กับนักล่าสาวแสนสวยคนนี้อย่างประหลาดราวคุ้นเคยมาแสนนาน  มองดู ผมยาวสลวย รูปร่างสมส่วน อวบอัด ผิวขาวสะอาดนวลเนียน หน้าอกอิ่มเต่งตึงขนาดล้นหลาม หน้าท้องแบนเรียบไม่มีไขมัน เนินนวลก็โหนกนูนอวบอิ่ม มีเส้นไหมสีดำบางๆกลางรอบแยก ซึ่งร่างงดงามนี้กำลังนอนระทวยตัวเปลือยเปล่า รอให้จัดการตามที่ใจปรารถนา

เขารีบถอดเสื้อผ้าออกอย่างเร่งรีบ  ชั่วพริบตาเขาก็ โชว์ร่างกายกำยำเต็มไปด้วยมัดกล้าม  และตามร่างกายก็ปรากฏรอยสักมากยาย   แต่สิ่งที่น่าตกใจก็คือ ท่อนกระดอลำใหญ่ดำสนิทตั้งเด่เป็นลำยาวน่าเสียวไส้ ปลายหัวบานเยิ้มไปด้วยน้ำเมือกใต้หัวหยักมีปุ่มไตยื่นออกมา  สาวนักล่าเห็นเต็มตาถึงกับอ้าปากค้าง  มันทั้งน่ากลัวและน่าสัมผัสที่สุด

"โฮ้ว..ว..ว์....What  is That?...."

สาวนักล่าพยายามเรียกสติกลับคืนมา รวบรวมเรี่ยวแรงที่จะต่อต้านขัดขืนเจ้าหมอผีชาวสยามตัวแสบให้ได้ เธอจะไม่ยอมให้มันทำอะไรที่เกินเลยไปมากกว่านี้อีกแล้ว แต่เมื่อเธอขยับตัวลุกขึ้นนั่ง  หมายจะขัดขืนหลบหลีกไป ก็ต้องตกใจจนตัวแข็งทื่อ เมื่อได้เห็นท่อนกระดอลำใหญ่ความยาวผิดมนุษย์มนาทั่วไปยื่นขวางหนีไว้   

หมอผีหนุ่มเกาะกุมหัวไหล่ของเธอและกดให้กลับลงไปนอน  สาวนักล่าราวต้องมนต์ยอมนอนหงายลงกลับไปโดยดี  หมอผีกระดอลงอาคมไม่รอช้ารีบโถมร่างกดทับร่างอวบอัดหอมกรุ่นลงกับที่นอนลงนิ่มๆ เขา ประกบริมฝีปากเข้ากับปากสวยของสาวนักล่าแวมไพร์  พลางแหย่ลิ้นยาวสากเข้าไปพัวพันกับปลายลิ้นอ่อนนุ่มของหญิงสาว เธอรู้สึกเสียววูบวาบไปทั้งตัว พยายามจะเบือนหน้าหนี แต่ก็ไม่สามารถทำได้

เท่านั้นยังไม่พอ สิ่งที่ทำเธอเตลิดไปกว่านั้นอีกก็คือ  ถูกมือหยาบกร้านของบีบเคล้นคลึงอกอวบเต่งตึงทั้งสองข้างอย่างรุนแรงและแผ่วเบาสลับกัน  ตอนแรกเธอรู้สึกเจ็บปวด แต่หลังจากที่โดนนวดนานๆเข้า  ความรู้สึกเสียวซ่านเข้ามาแทนที่  นักล่าสาวคนสวยกลับแอ่นหน้าอกขึ้นรับการบีบเคล้นของจอมอาคมเจ้าเสน่ห์โดยไม่รู้ตัว

หมอผีหนุ่มเห็นอาการของสาวนักล่าแล้วก็แอบยิ้มในใจ เพิ่มแรงบีบเคล้นอกอวบอิ่มขึ้นอีก จากนั้นเลื่อนใบหน้าลงไปไซร้ที่ซอกคอขาวสะอาด   นักล่าสาวคนสวยหอบหายใจ  พยายามร้องห้ามเสียงสั่น

"นะ...... นาย.....ปล่อยฉันนะ พอแล้ว อย่าทำแบบนี้ ซี๊ด..ด.ส.ส..ส์... ปล่อยฉัน   อู๊ย..ย.. ซี๊ด..ด.ส..ส..ส...ส์.... "
"อย่าห้ามเลย...คุณ แคท..ผมอดใจไม่ไหวจริงๆ....ยอมผมเถอะ...นะ...อื้อ.อ...อ..อ์...อ้า..ร์..เนื้อตัวของคุณมันวลนุ่มจริงๆ"
"บอกให้พอ....อะ..วะ...ว้าย..อ่ะ...ยะ..อย่า..แหย่อย่างนั้น...อ่ะ...ว้าย...ว้าย......."

นักล่าสาวร้องออกมา ทันทีที่มือข้างหนึ่งจากอกอวบ ลงไปสัมผัสกับความโหนกนูน และเส้นไหมสีดำพร้อมใช้นิ้วกลางกรีดไปตามรอยแยกช้าๆ แล้วใช้ปลายนิ้วสะกิดเขี่ยเบาๆไปยังติ่งเสียวที่กำลังลุกชันของเธอ ความเสียวซ่านที่เกิดขึ้นเข้าแทนที่ความคิดที่จะขัดขืนจนหมด  ยิ่งหมอผีหนุ่มเลื่อนหน้าลงจากการไซร้ซอกคอ ลดปากลงอ้าอมหัวนมกลางอกอวบอิ่มแล้วใช้ลิ้นดูดดุนวนหัวนมไปมา  สลับกับอมเม้มไว้ในปากขบเบาๆ  ส่วนปลายนิ้วบดบี้คลึงวนรอบติ่งตุ่มกลางร่องหลืบของหญิงสาวแบบสะกิดถี่ๆ  จากนั้นใช้นิ้วกลางยาวหยาบชอนไชเข้าไปในรูสวาทของหญิงนักล่าสาวสวย ซึ่งแม้ว่าจะยังปิดสนิท แต่ก็ฉ่ำเยิ้มไปด้วยคราบน้ำรักจากการเล้าโลมด้วยลิ้นจากหมอผีหนุ่มตัวแสบ

" อุ๊ย..ย.. นาย... ทำอะไรน่ะ!!    อย่านะ ซี๊ด..ด.ส. ...ส  ส์.....พอแล้ว.....ปล่อยฉัน อูย..ย.. โอ๊ย..ย.. "

นักล่าสาวร้องสุดเสียง เมื่อรูสวาทของเธอ ถูกนิ้วมือยาวแหย่แยงเข้าไปจนสุด แถมยังชักเข้าๆออกๆอย่างรวดเร็ว ความเสียวซ่านแพร่ไปทุกขุมขน รวมกับที่หน้าอกอวบซึ่งถูกใช้ปาก และมือปลุกเร้าอารมณ์กระสันต์ ทำให้นักล่าสาวถึงกับลืมตัว ยกสองแขนเรียวขาวโอบรัดคอของหมัอผีหนุ่มกดลงให้แนบสนิทแน่นกับหน้าอกเธอ ใบหน้าสวยหวานบิดเบี้ยว อ้าปากส่งเสียงครวญคราง ปลายเท้าทั้งสองข้างงอหงิกจิกลงบนที่พื้นและเหยียบพื้นยกก้นขึ้นๆลงๆให้ร่องเสียวสู้นิ้วเป็นจังหวะๆ

" ซี๊ด..ด.. ส..ส..ส...ส์...นายทำอย่างนี้...อ๊า..ฉะ... ฉันไม่ไหวแล้ว ซี๊ด..ด.. เสียวเหลือเกิน อูย..ย.. "
" เดี๋ยวนะครับคุณนักล่าแวมไพร์ ไร้อารมณ์  เดี๋ยวจะเสียวกว่านี้อีก อูย..ย.. ไม่นึกว่าจะโชคดีอย่างนี้...ฮื่อ.อ.อ..." เขาคิดในใจ

หมอผีหนุ่มไม่รอช้า ใช้มือที่เปียกเยิ้มไปด้วยน้ำอยากของนักล่าสาว รูดไปมาลงบนท่อนกระดอลำยาวที่แข็งโด่เด่ใกล้จะระเบิดน้ำเสียวออกมาอยู่แล้ว พลางคิดถึงความโชคดี ที่จะมีโอกาสได้บุกเบิกทะลวงร่องเสียวรูสวาทของนักล่าสาวคนสวยที่หมายตามาตั้งแต่แรกเจอ   เขาใช้มือซ้ายบีบเคล้นอกอวบต่อไป ส่วนมือขวาจับท่อนกระดอลำใหญ่จ่อไปที่ร่องเสียวของนักล่าสาว  จ่อตรงๆแล้วใช้หัวบานใหญ่เขี่ยขึ้นลงไปมา สะกิดติ่งเสียวสีชมพูที่ลุกตั้งชัน รอจนนักล่าสาวเผลอตัว  เขาก็รีบกดส่วนหัวบานเข้ารูสวาทที่อ้าออกเล็กน้อย จากการถูกนิ้วแหย่แยง นำร่อง

" โอ๊ย..ย.. ว๊าย..ย.. นายอย่าทำรุนแรงสิ..อ้า...ร์... ฉันเจ็บนะ ซี๊ด..ด.. อูย..ย.. "
" อูย..ย.. ขอโทษนะ..ผมไม่นึกว่ามันจะเข้ายาก  นี่คุณกระโดดโลดโผน ถ่างแข้งถ่างขาได้ขนาดนี้ยังฟิตอีกหรอนี่... "

หญิงสาวพยายามกลั้นเสียงกรีดร้องของเธอ แต่ดูจะไม่เป็นผล เมื่อร่างดำกดดันท่อนกระดอยาวใหญ่มุดเข้าใส่ร่องเสียวของเธอ  ตรงหัวกลมมนบานใหญ่แทรกเบียดกลีบแคมทั้งสองข้างออกจากกัน  ถึงแม้ว่ามันจะฉ่ำเยิ้มไปด้วยน้ำรักจากการเล้าโลมของ  แต่ด้วยความฟิตบีบรัดของรูสาว  ทำให้แทรกเข้าไปได้ถึงส่วนคอหยักเท่านั้น  หมอผีหนุ่มกัดฟันดันฝืนแต่ไม่เป็นผล

นักล่าสาวคนสวยอ้าปากตาค้างจากความเจ็บปวด  เธอรู้แล้วว่าไม่ใช้คู่มือของไอ้ท่อนเนื้อที่ใช้ได้ทั้งสามโลก  เธอพยายามกระเสือกกระสนถอยหนีไป  แต่ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากถูกเจ้าหมอผีจอมทะลวงใช้สองมือกดหัวไหล่ติดกับที่พื้น ส่วนเจ้าหมอผีหนุ่มตัวแสบเองก็ก้มหน้าลงซุกไซร้ที่อกอิ่มของเธอ ปากของเขาดูดดุน ขบเม้มหัวนมชมพูทั้งสองข้างเบาๆ  สองมือลูบไล้ทั่วกายจนเธอเพลิดแพลิน และเคลิ้มๆไปทีละน้อย สร้างความเสียวให้เธอจนลืมความเจ็บปวดไปชั่วขณะจิต

เมื่อเห็นนักล่าสาวทำท่าหยุดดิ้นขัดขืน   หมอผีหนุ่มอาศัยจังหวะนั้นค่อยๆ ดันท่อนกระดอเข้าไปอย่างช้าๆทีละนิด รู้สึกได้ถึงความฟิตบีบรัดท่อนกระดอของร่องรูสาวต่างชาติ   ส่วนนักล่าสาวกลับรู้สึกเหมือนร่างค่อยๆถูกฉีกออกจากกัน สองขาเรียวขาวอ้าถ่างกว้างออกเพื่อรองรับการรุกล้ำ  มือทั้งสองข้างจิกขยุ้มพื้นดินจนฝุ่นกระจาย ปากบางอ้ากว้างแต่กลับไม่มีเสียงรอดออกมา ดวงตาคู่งามเบิกโต มีน้ำตาคลอเต็ม ไม่รู้ว่าเกิดจากความเจ็บปวด หรือความเสียวซ่านกันแน่

นักล่าสาวขบฟันกับริมฝีปากแน่น  รับรู้ถึงการแทรกเข้ามาช้าๆของท่อนกระดอยาวใหญ่ จนกระทั่งมันเข้ามาจนสุดความยาว ส่วนหัวมนบานแทบกระทบถูกปากมดลูกของเธอดังกึก   นักล่าสาวทั้งเสียวทั้งเจ็บทั้งจุกจนแทบจะหายใจไม่ออก ยิ่งหน้าท้องที่กล้ามเนื้อเกร็งเป็นรอนแข็งของเขาเลื่อนมาแนบสนิทกับหน้าท้องขาวเนียนของเธอ กลุ่มขนแข็งดำหงิกหงอยบดขยี้กับเส้นไหมบางอ่อนนุ่ม ทำเอาเธอเสียวจนเกือบลืมหายใจ

หมอผีหนุ่มพักเหนื่อยรอจนนักล่าคนสวยปรับโพลงสวาทจนชินกับท่อนกระดอของเขาแล้วจึงค่อยๆขยับเอวชักท่อนกระดอออกช้าๆ   นักล่าสาวรู้สึกเหมือนถูกสูบลมออกจากตัว แอ่นเอวยกเนินสวาทตามขึ้นไป  อาการตอบสนองเช่นนี้ทำให้หมอผีหนุ่มรู้ได้ทันทีว่าตอนนี้หญิงสาวมีความพร้อมที่ให้ได้เสพสุขได้เต็มที่  เขาจึง จึงรีบกระแทกท่อนกระดอสวนลงไปทันที

" โอ๊ย..ย.. อูย..ย.. นาย..อ่ะ..อื่อ...อู้ย..โอ้..Wo..o...o..Oh..h...h..h...h...ha.a..a...a... "

นักล่าสาวร้องครางไม่เป็นภาษา  แต่เสียงร้องและหน้าตาช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง  หมอผีหนุ่มพอใจกับอารมณ์ร่วมแล้ว เขาก็ชักท่อนกระดอออก และค่อยๆเสียบแทรกกลับเข้ามาอย่างช้าๆสลับไปมา สร้างความเสียวให้กับนักล่าสาว จนต้องยกสะโพกขึ้นลงเป็นจังหวะตามแรงกระแทกของเขา  สองแขนที่จิกขยุ้มที่พื้น ก็เผลอยกขึ้นมาจับหัวไหล่ของหมอผีหนุ่มไว้ เรียวขาขาวทั้งสองตวัดโอบเกี่ยวเข้ากับบั้นเอวของเขา  เหนี่ยวเข้าหาตัวเป็นจังหวะตามการกระแทกของท่อนกระดออย่างเป็นจังหวะจะโคนที่ผสานกันอย่างกลมกลืน

หมอผีหนุ่มเห็นอาการดังนั้น ก็เริ่มเพิ่มความแรงในการส่งท่อนกระดอเข้ารูเสียวของหญิงสาว  ลีลาที่จัดเจนจนทั้งคนทั้งผีสางนางไม้หลงใหลถูกนำออกมาใช้สร้างสุขให้นักล่าสาวจนลืมไม่ลงอีกคน  เขาทั้งโยก ทั้งเสย ทั้งงัด ทั้งส่าย ทั้งซอย บดคลึงโคนกระดอบี้เนินนอกบดขยี้ติ่งเสียวอย่างรุนแรง  จนนักล่าสาวคนสวยครวญครางน้ำเสียงสั่นเครือ

" ซี๊ด..ด.. นายหมอผี... แรงอีกก็ได้ ซี๊ด..ด.. เสียวเหลือเกิน อูย..ย.. "
" อูย..ย.. ไม่เจ็บแล้วใช่ไหม อูยถึงได้ขอแรงๆนี่..อื่อ.อ....อู๊ย....ย.. ซี๊ด..ด.. "

หมอผีหนุ่มถามถึงอัตราความต้องการ  แต่นักล่าสาวหาได้สนใจ  ไม่กลับตอบกลับก็เด้งเอวสวนท่อนกระดอที่กระหน่ำมาอย่างลืมตัวด้วยความหลงลืมไปกับความรู้สึกที่ได้รับ  ยิ่งโดนหนักๆเธอยิ่งร้องเสียงดัง  ความอยากเปรี่ยมล้นจนน้ำท่าไหลฉ่ำออกมาเปลอะโคนขาหนีบเสียงกระแทกเสียดสีดัง ฉั่กๆ ลั่นไปทั่วโพลง

" อูย..ย.. นาย..อ้า..ร์... กระแทกแรงอีกนิดนะ ซี๊ด..ด.. อูว..ว..เสียวดีมากๆ "
" ได้ครับคุณแคท  อูย..ย..ไม่ต้องห่วง  หอยดี นมดีอย่างนี้..อู๊ย.. ผมสู้ตายเลย ซี๊ด..ด..ส..ส...ส..ส..ส...ส์ "

หมอผีหนุ่มจัดตามคำร้องขอเพิ่มทั้งความแรง และความเร็ว ขยับเอวซอยถี่ยิบ จนนักล่าสาวคนสวยตัวสั่นเอนไหวโยกไปโยนมาหัวสั่นหัวคลอนไม่หยุด  หน้าอกอวบเต่งสองข้างแกว่งไกวตามแรงกระแทกของเขาไม่หยุด  ที่รูเสียวร้อนผ่าวจากการถูกเสียดสีโดยท่อนกระดอแข็งปานท่อนหิน กลีบแคมขาวปลิ้นเข้าปลิ้นออก  ร่างกายของหมอผีหนุ่มเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อที่หลั่งไหลเพราะการออกแรงครั้งนี้   ส่วนนักล่าสาวคนสวยก็ไม่ยอมน้อยหน้างแอ่นโคกเนินอวบขาวรับแรงกระแทกท่อนกระดอของหมอผีหนุ่มอย่างไม่มีถอย  พร้อมส่งเสียงร้องครวญครางอย่างสุขสม ให้ความร่วมมือในการเสพสมอย่างเต็มที่

" คุณแคทครับ อู๊ย..ย.. แรงพอไหมครับ ซี๊ด..ด.ส.ส.ส...ส์...อู๊ย..ย...แน่น..รัดดีจริงๆ...น้ำจะแตกให่ได้. "
" โอย..ย.. อูย..ย.. ... ฉันไม่ไหวแล้ว..ว... เสียวเหลือเกิน ซี๊ด..ด.. อูย..ย.. "
" อูย..ย.. คุณแคทครับ อูย..ย.. ของคุณทั้งฟิตทั้งตอดเลย ซี๊ด..ด..ส์...ผมจะกลั้นไม่ไหวแล้ว  ว   ว  ว   ว   ว  ว์.... "
" อูว..ว.. ฉันก็เหมือนกัน..แรงๆกว่านี้อีกสิ...เร็วๆ...ฉะ.. ฉันเสียว..ว... ซี๊ด..ด.. อูย..ย.. "
" อา.. คุณแคทครับ...คุณแคทครับ รอผมด้วย...ย... ซี๊ด..ด.. อูย..ย.. "
" อูย..ย.. อา..ร์..มาแล้ว..มาอีกแล้ว..ว..ว..ว.... ออกแล้ว...ว... อ๊า... อูย..ย.. อ้า...ร์...โฮ้ว  ว  วว วว ว  ว์...... "

นักล่าสาวแอ่นตัวยกก้นขึ้นรับแรงกระแทกที่กระหน่ำใส่อย่างถึงใจ  สองมือจิกลงที่แขนของหมอผีหนุ่ม ความเสียวซ่านกระจายไปทั่วร่าง ขาขาวเกี่ยวเอาสะโพกใหญ่ที่เกร็งจนมัดกล้ามขึ้น  พลางดึงเข้าหาตัว หน้าท้องบดเบียดแนบสนิท รูสวาทบีบรัดตอดตุบๆ ปล่อยน้ำเสียวล้นออกมาเปียกชุ่มท่อนกระดอดุ้นเขื่อง  ส่วนหมอผีหนุ่มเองถูกการบีบรัดอย่างรุนแรงของเธ จนไม่อาจอดกลั้นได้อีก   เขากดท่อนกระดอลงไปจนสุด และระเบิดน้ำกามพุ่งเข้าไปในตัวนักล่าสาวคนสวยสุดแรง

น้ำกามอุ่นข้นพุ่งกระทบปากมดลูก ราดรดร้อนผ่าวไปทั่วทั้งช่องสวาทของหญิงสาว หัวบานมนผงกตามจังหวะการหลั่งน้ำกามที่พุ่งปริ้ดๆๆ....หมอผีหนุ่มที่ผวาเฮือกๆเสียวไปกับการกระฉูดแต่ละครั้ง  จนกระทั่งหลั่งออกมาเป็นหยาดหยดสุดท้าย  เขาจึงโน้มตัวลงกอดรัดตัวของสาวนักล่าคนสวยแนบแน่น  อกกำยำเบียดอกอวบจนบี้แบนแทบปลิ้นออกด้านข้างลำตัว ร่างกายผิวเข้มตัดกับผิวขาวนวลเนียนของหญิงสาว ใบหน้าเขาซุกไซร้ซอกคอขาว สองมือลูบไล้ทั่วเรือนร่างนุ่มเนียน กอดก่ายกันหลับตาหอบหายใจไปด้วยความเหนื่อยอ่อน แต่มีสีหน้าสุขสม
.
.
.
.

เสียงแห่งการโรมรันสงบลง
สาวนักล่าคนสวยรู้สึกตัว  เธอสัมผัสความเบาสบายและสุขล้น  แต่เธอก็คล้ายครึ่งหลับครึ่งตื่น
เธอรำพึงกับตัวเองเบาๆ หลังจากนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดกับเธอก่อนที่จะเผลองีบหลับไป
"...อื่อ.อ.อ....มันเกิดอะไรขึ้นกันเล่านี่   นี่เราฝันไปหรือเปล่านะ "


แต่เมื่อเธอได้รับรู้ถึงความเจ็บแปลบที่ร่างกายส่วนล่าง
และรู้สึกว่ามีคนนอนอยู่ข้างบนตัวเธอ ลืมตาเห็นเป็นหมอผีหนุ่ม เธอก็รู้ว่ามันเป็นเรื่องจริง

"โอ๊ย!!  นี่ต้องฝันร้ายแน่ๆ...." หญิงสาวนักล่าพยายามจะดันตัวของเขาออก
แต่ร่างกายที่ใหญ่โต  และแก่นกายขนาดใหญ่ซึ่งปักคาอยู่ตรึงเธอไว้กับที่  จนขยับไม่ได้

หญิงสาวดิ้นแล้ว ร้องบอก "นายหมอผีลามก  นายหมอผี....ตื่นๆๆ นายทำอะไรฉันนี่...."
"อ้าว..ว..ว...ตื่นแล้วหรอ...อาการกระหายเลือดหายหรือยัง?" หมอผีหนุ่มถามเสียงสะลึมสะลือ

หญิงสาวพยายามดันร่างของเขาจนหลุดออกจากการทาบทับตัวเธอ
"ไอ้บ้า...ไอ้ลามก..ไอ้คนฉวยโอกาส....."
หมอผีหนุ่มมองเธอยิ้มๆ  "ด่าเป็นชุดอย่างนี้ แสดงว่าแรงกระหายยังอยู่  ต้องเจอการให้เลือดอีกยก..."
"ไม่เอาปล่อยฉันนะ...เดี๋ยวฉันกลับไปเอาวัคซีนที่ศูนย์เอง เลือดของนายฉันไม่เอาแล้ว"
"แต่เข็มฉีดของผมดีกว่าที่ศูนย์เยอะนะ....." หมอผีหนุ่มยังไม่หนำใจ จึงต้องขอซ้ำไม่ฟังเสียง
"บอกว่าให้ปล่อย...ปล่อยนะ...ไม่เอาแล้ว..ว..ว..ว..ว์......"

แต่แล้วนักล่าสาวคนสวยก็ต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อหมอผีหนุ่มกอดรัดแล้วส่งใบหน้าซุกไซร้เข้าที่ซอกคอด้านหลัง
ฝ่ามืออุ่นสากลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังขาวนุ่มนวลเนียนของเธอ ทำเอาเส้นขนลุกตั้งชันขึ้นทั้งแนว
ก่อนที่จะเคลิ้มและเผลอใจไปอีกครั้ง  นักล่าสาวคนสวยรีบร้องห้ามเสียงเข้ม

" โอ้ว..ว.. นาย หยุดเถอะนะ   อืม..ม.. พอแล้ว อูย..ย.. "
" ขอผมอีกครั้งนะครับ  ผมจะทำให้คุณแคท...มีความสุขที่สุดเลย "
"อื่อ.อ.อ....ไม่...ไม่...อ้า..ร์...อย่า......"
"นะ..ครับ....อย่าขัดขืนเลย......"
"....อ้า...ร์......."
"นะ...นะ..จ๊วบ..จ๊วบ....."
"................."

ความเสียวสยิวแผ่ซ่านไปทั่วร่างอีกครั้ง  ยิ่งเมื่อหมอผีหนุ่มฉวยมือนุ่มของเธอไปจับที่ท่อนกระดอดำยาว ซึ่งกำลังขยายตัวใหญ่ขึ้น  นักล่าคนสวยถึงกับลืมตัวบีบกำแน่น รูดเข้ารูดออกอย่างมันมือ ขณะที่หมอผีหนุ่มรีบฉกมือล้วงไปที่ร่องเสียวของเธอที่ตอนนี้เปรอะเลอะคราบน้ำกามที่ขุ่นข้นจับเขรอะไปหมดทั่วทั้งเนินและขนอ่อนสีดำเงา

หญิงสาวหลับตาแอ่นตัวเพราะเกิดอาการสะดุ้งเมื่อเจอสะกิดเขี่ยติ่งเสียว พร้อมใช้นิ้วแยงแหย่ชอนไชเข้าไปในรูเล็กตีบ หมอผีหนุ่มงอนิ้วควงคว้านทั่วโพรงสวาท  เขาต้องการบรรเลงเพลงกามารมณ์ให้สุดฝีมือ เพื่อให้นักล่าคนสวยติดอกติดใจ แล้วหลงใหลถอนใจไม่ขึ้น  จนต้องยอมมอบร่างกายงดงาม หอมกรุ่น นวลเนียน ให้เขาได้เชยชมสมฤทัยอีกครั้ง...

"พอได้แล้วแค่นี้มันก็ผิดมากแล้ว ฮือ..อ.. นายทำฉันป่นปี้หมดแล้ว ฮือ..อ.. ยังไม่สาแก่ใจอีกหรือ......"
"อยากให้ผมหยุดจริงๆหรอ  คุณแคทก็ยอมให้ผมทำนี่  ปากจะห้ามทำไม  เมื่อใจอยาก..."
"นายกำลังข่มขืนฉันอยู่นะ...ฮือ.อ.อ......"
"ผมข่มขืนคุณตรงไหน... ไม่เห็นคุณแคทขัดขืนผมเลยนี่ "
"แล้วนายจะพูดอีกนานไหม...ทำต่อเร็วๆ...." เสียงบอกอย่างอายๆว่ามา
"คะ..ครับ..ต่อเลยนะ...." หมอผีหนุ่มจึงเลิกพูดหันมาลุยต่อ

นักล่าสาวแสนสวยตอนนี้พูดอะไรไม่ออก  เอ่ยแก้เกี้ยวไปด้วยความอดสู มันเป็นอย่างที่หมอผีหนุ่มพูดจริงๆ เมื่อครู่เธอไม่เพียงแต่จะไม่ขัดขืน  เธอกลับเผลอตัว ร่วมมือตอบสนองการกระทำของเขาอย่างสุดสนุกทั้งเด้งทั้งส่ายทั้งร่อนอย่างเมามันแล้วมันก็จริงที่เธอรับความสุขสุดๆ อย่างที่เธอไม่เคยพบเจอมาก่อนในชีวิต...

มาถึงรอบนี้เธอก็ยังติดใจ  และเปิดโอกาสให้ถูกรุกรานเล้าโลมอย่างเมามัน  หมอผีหนุ่มไม่มีความเกรงใจแล้ว  เมื่อครั้งนี้สาวนักล่าแทบจะนอนอ้าขารอเขาเสียบตามใจชอบ  เขาจึงเริ่มเล้าโลมแบบไม่มีอะไรมาขวางกั้น  เขาอ้าปากขบเม้มติ่งหูนุ่มนิ่ม ขาวสะอาด สอดมือเข้าใต้ร่างอวบตวัดโอบรัดแนบแน่น มืออีกข้างบีบคลึงอกอวบอิ่มมันมือ แอ่นท่อนกระดอยาวใหญ่ดำสนิท ที่ตอนนี้มันหดตัวลงเล็กน้อย ถูไถขึ้นลงในซอกก้นของนักล่าสาวคนสวย

หญิงสาวนักล่าเริ่มรู้สึกตัวหมดเรี่ยวแรงและเกิดความปรารถนาเพิ่มขึ้นมาอย่างมหาศาล  เมื่อถูกชายหนุ่มชำนาญกามปลุกเร้าไฟปรารถนาลุกโชนขึ้นอีก   เธอเอื้อมไปเกาะกุมเจ้าท่อนเนื้อที่เบ่งตัวพองสู้มือ  เธอรู้สึกว่าร้อนผ่าวไปทั้งมือ ท่อนกระดอลงอาคมอันศักดิ์สิทธิ์  อิทธิฤทธิ์มันเธอเพิ่งประจักษ์ไป โอ้...มันช่างสุขสำราญหาสิ่งใดเทียบเคียงไม่ได้เลย.... 

ยามนี้มันขยายใหญ่ขึ้นจนมือกำไม่รอบ  ยาวใหญ่จนนักล่าสาวนึกแปลกใจ ที่เมื่อครู่รูสวาทปิดสนิทของเธอสามารถอ้าอมมันเข้าไปจนสุดความยาว แล้วยังรับการกระแทกกระทั้นอย่างรุนแรง จ เธอหัวสั่นหัวคลอน ตัวกระเด้งกระดอนไปมา ซึ่งตอนแรกแม้ว่าจะเจ็บปวดแทบขาดใจ แต่พอนานเข้ากลับสร้างความสุขสันต์ให้เธอเต็มปรี่ และตอนนี้เมื่อถูกเล้าโลมรุนแรงอีกครั้ง เธอก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับอารมณ์ปรารถนา ยอมให้เขาจัดการทุกอย่างตามที่ต้องการ แล้วยังให้ความร่วมมืออย่างเต็มใจ

นักล่าสาวเร่งมือรูดท่อนกระดอเข้าๆออกๆ   มืออีกข้างบีบคลึงหน้าอกตัวเอง ใช้ปลายนิ้วปั่นคลึงหัวนมจนลุกตั้ง เม้มปากสวยพยายามกลั้นเสียงคราง  เหลือบตามองดูท่อนกระดอใหญ่ยาวในมือ ที่มันแข็งโด่เด่เปียกเยิ้มด้วยคราบน้ำกามแล้วยิ่งกระสันอย่างประหลาด   ยิ่งเธอได้ยินเสียงชายหนุ่มครางออกมาเบาๆ  เธอก็ยิ่งเร่งความเร็วขึ้นอีก  หมอผีหนุ่มที่เอาแต่รุกใส่พอถูกนักล่าสาวตอบโต้กลับมาอย่างรุนแรงจนน้ำกามแทบจะระเบิด  ก็เกิดชะงักและเกรงว่าจะเสร็จไปก่อนที่จะได้พาสาวสวยขึ้นสวรรค์อีกครั้ง จึงต้องรีบสกัดเอาไว้ก่อน

หมอผีหนุ่มรีบขยับตัวลุกนั่ง จับตัวสาวสวยพลิกนอนคว่ำ ยกสะโพกผายสูงขึ้น เขาให้นักล่าสาวใช้แขนยันตัวขึ้นตาม มองเห็นเส้นผมสีทองจางๆดูนุ่มสลวยคลุมแผ่นหลัง ตัดกับผิวขาวนวลเนียน อกอวบเต่งแกว่งตามการหายใจ ใบหน้าสวยหวานเชิดสูงขึ้น  ทำให้รู้ว่าสาวคนสวยพร้อมเต็มที่แล้ว  เขาใช้มือข้างหนึ่งจับเอวคอดกิ่วดึงเข้าหาตัว มืออีกข้างจับท่อนกระดอดำสนิท  จ่อเข้าไปที่รูเสียวของนักล่าสาว แล้วกดเอวดันส่งแก่นกายแทรกเข้าไปช้าๆ อย่างใจเย็น

คราวนี้มันเข้าไปง่ายกว่าครั้งแรก แต่ก็ยังถูกบีบรัดรุนแรง ทั้งสองคนส่งเสียงซู๊ดปาก แม้จะเคยร่วมรักกันมาแล้ว แต่ด้วยรูสวาทสดใหม่ของนักล่าสาวสวย บวกกับขนาดท่อนกระดอที่ยาวใหญ่ของหมอผีหนุ่ม ก็สร้างความเสียววาบให้ทั้งสองคนจนเกินอดกลั้น  ต่างส่งเสียงร้องระคนเคล้าประสานกันไม่หยุดหย่อน

" ซี๊ด..ด.. นี่นาย..ใส่เข้าช้าๆ... เบาๆก่อน ซี๊ด..ด.. ฉันเจ็บ อูย..ย.ของนายมันใช่ธรรมดาที่ไหน.... "
" อูย..ย.. ครับคุณแคท..... อู้ว...ว...ว....ว....ว.. ยังฟิตอยู่เลย แน่นจนน้ำผมแทบแตกอีกรอบ...อู้ว..ว...ว...ว.... "

แต่ก็ไม่มีอะไรมาขวางกั้นความมันไว้ได้  ปากก็ร้องก็พูดกันไปตามเหตุการณ์ที่เจอ  แต่เป้าหมายเบื้องหน้ายังดำเนินต่อไป หมอผีหนุ่มดันส่งท่อนกระดอเข้าไปจนสุดด้าม เสียงถอนใจดังเฮือกแต่ไม่มีเวลาพักหายใจหายคอ  ของอย่างนี้ต้องต่อเนื่อง เขารีบ เอื้อมสองมือสากเกาะกุมเต้านมโตเต่งตึงคู่นั้น บีบเคล้นอย่างแรง จนเนื้อปลิ้นออกมาตามซอกนิ้ว ใช้ใบหน้าที่มีหนวดบางๆถูไถไปบนแผ่นหลังขาวเนียนสูดดมกลิ่นกายหอมกรุ่นจากเนื้อตัวหญิงสาว   

".... คุณแคทพร้อมหรือยังครับ  อูว..ว.. เดี๋ยว..ว.. ผมจะฉีดวัคซีนเลือดขาวให้คุณแคทขึ้นสวรรค์เลยนะครับ.... "
" ซี๊ด..ด..ส..ส...ส...ส์.... นายจะทำอะไรก็รีบๆทำเถอะ  พูดพล่ามอยู่ได้   ฉันไม่ไหวแล้ว อูว..ว.. "

พอได้ยินคำอนุญาต   หมอผีหนุ่มไม่รอช้า  เขารีบใช้สองมือจับเอวของนักล่าสาวไว้แน่น ขยับเอวเข้าๆออกๆอย่างรวดเร็ว รุนแรง รัวท่อนกระดอใหญ่สาวเข้าสาวออกใส่ร่องรูหญิงสาวถี่ยิบ เสียงหน้าท้องกระทบแก้มก้นดังสนั่น เหงื่อออกชุ่มโชกตัว  และต้อง พยายามข่มกลั้นความเสียวที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ   หมอผีหนุ่มสัมผัสความเสียวสุขครั้งนี้รู้สึกตรึงใจจนอยากจะทำอย่างนี้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้  เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะมีโอกาสได้ระบายความใคร่กับร่างกายงดงามนี้อีก....

ส่วนตัวสาวนักล่าเอง เธอก็เผลอตัว ปล่อยใจให้อารมณ์ใคร่ครอบงำ ดันสะโพกส่ายสวน รับจังหวะการกระแทกกระทั้นหนักหน่วงของหมอผีหนุ่ม  น้ำเสียวไหลพลั่กๆออกมารองรับการกระแทกล้นกระฉอกออกมาเยิ้มต้นขา  และยังหยดย้อยตกลงเปียกเปื้อนที่พื้นไม่น้อย  ยิ่งถูกกระหน่ำกระทุ้งใส่ยิ่งเสียวจนต้องหลับตาเชิดหน้าอ้าปากค้าง สองมือจิกขยุ้มดินตะกุยจนกระจาย  ความเสียวซ่านจากท้องน้อยแพร่กระจายทั่วทุกรูขุมขน ช่องสวาทขมิบตัวตอดตุบๆ บีบรัดท่อนกระดอใหญ่ที่กระทุ้งใส่อย่างหนักหน่วงรุนแรงไม่หยุด 

เสียงครางซู้ดซ้าดของนักล่าสาวดังถี่เร็วขึ้น พร้อม ๆ กับหมอผีหนุ่มก็เร่งกระทุ้งจนท่อนกระดอคล้ายปั๊มลูกสูบอันใหญ่ยาวกำลังทิ่มทะลวงคูหาอันใหญ่ของเธออย่าง ถี่ยิบ  การโหมใส่เยี่ยงนี้แสดงว่าจุดสุดยอดของหนุ่มสาวทั้งสองกำลังจะมาถึงในเวลาอันไม่ช้านี้แล้ว  ความเร่งรีบดำเนินไปอย่างไม่พักจนเสียงกระทุ้งกระแทกดังสนั่นไปทั่วโพลงดิน....

" โอว..ว.. .. ฉันเสร็จแล้ว..ว... ซี๊ด..ด.. อูว..ว.. อ้า..ร์...ออก..ก..ก....มาแล้ว..ว  ว   ว  ว  ว......"
" อา.. ซี๊ด..ด.. คุณแคทครับ  ผมก็ไม่ไหวแล้ว..ว... โอย..ย.. อูว..ว..ออกแล้ว..ว...ว..ออกพร้อมกันนะ.... "
"อะ อาว  วว วว               วว......โอ้....ออกมาแล้ว...ออกมาเต็มเลย...อู้ว  ว ว ว...."
"ผมก็ อั๊ก...อัก....อั๊ก...ฮู้ว...โอ้ย.ย..ย......ออกแล้ว  ว ว ว วว  ว์......"

หมอผีหนุ่มกระทุ้งพรวดลงไปเต็มเหนี่ยวจังหวะเดียวกับนักล่าสาวผงกหัวแอ่นโคกสวนกลับมา ร่างของหนุ่มสาวทั้งสองสะท้านสั่นราวกับเจ้าเข้า ต่างคนต่างเกร็งกันสุดตัว   หมอผีหนุ่มขมิบแก้มก้นมุบ ๆ ด้วยความกระสันต์เป็นสัญญาณว่าน้ำกามขาวข้นของเขาได้ฉีดออกใส่รูโพลงสวาทของนักล่าสาว พร้อมกับสาวนักล่าแวมไพร์ก็ขมิบน้ำของตนออกมาผสมผสานกันกับน้ำของหมอผีหนุ่มภายในโพลงเช่นเดียวกัน

หมอผีหนุ่มและนักล่าสาวหลังจากเกร็งพลัง รวบรวมเรี่ยวแรงหมดทั้งตัว ขับดันน้ำกามขาวข้นพุ่งกระฉูดใส่กันจน ล้นทะลักโพรงเสียว  ทั้งคู่ก็หลับตาอ้าปากค้างรับความสุขเสียวไว้อย่างซาบซ่านจนหยาดสุดท้าย  ก่อนที่หมอผีหนุ่มจะอัดหน้าท้องแข็งเกร็งบดเบียดแก้มก้นขาวนุ่ม ส่งปลายหัวกระดอกดกระทบปากมดลูก แล้วก็หมดแรงทรงกาย ทรุดตัวบนแผ่นหลังขาวนวลเนียน กดทับร่างอ่อนระทวยนักล่าสาวที่นอนซบไปบนพื้นก่อนหน้า

ทั้งสองต่างหายใจรวยริน  .....ความรู้สึกล่องลอยไปพร้อมๆกันอย่างเปรี่ยมสุขเหนืออื่นใดในโลกา......
.
.
.
.
.
เมื่อพายุแห่งความกระหายพัดผ่านไป

นักล่าสาวได้สติสตางค์รู้สึกตัวก็ผลักร่างกำยำของหมอผีหนุ่มที่นอนแช่แก่นกายอยู่ในตัวเธอออก
หมอผีหนุ่มถอนตัวอย่างเสียดาย เสียงถอนเสมอดังบ๊วบ....  น้ำเมือกขาวๆไหลออกเลอะพื้นเป็นวงคล้ายไข่ขาว
หญิงสาว ชะโงกมองหน้าหมอผีหนุ่มนัยน์ตาเคืองๆ  แต่เขากลับส่งยิ้มหวานๆให้เธอแทน
จ้องกันแบบไม่มีอะไรจะพูดอยู่ครู่ใหญ่ๆ  หญิงสาวก็ลุกขึ้นนั่งมองหาเสื้อผ้าของตน แล้วเธอก็เดินไปหยิบมาสวมใส่

หลังจากสวมใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย หญิงสาวก็รวบผมยาวสลวยมามัด  หมอผีหนุ่มซึ่งแต่งตัวเรียบร้อยเดินมายืนข้างๆแล้วยื่นเสื้อคลุมให้  หญิงสาวสบตามองด้วยแววตาขุ่นๆก่อนสะบัดเดินหนีไปอีกด้าน  หมอผีหนุ่มเข้าใจอารมณ์ว่านักล่าสาวยังเคืองๆที่เขาฉวยโอกาสกับเธอ  จึงเดินตามไปงอนง้อ

หมอผีหนุ่มพูดเสียงอ่อยๆ "เอ่อ.อ.อ..อ...อ์...ผมไม่ได้ตั้งใจนะ  ตอนนั้นคุณกำลังเกิดอาการคลั่ง  ผมไม่รู้จะช่วยอย่างไง"
"นายก็ช่วยแล้วไง  ฉันกระหายเลือดแดงแต่คุณให้เลือดขาวฉันแทน" หญิงสาวว่าประชดมาแล้วสะบัดหลบแบบแสนงอน
หมอผีหนุ่มพยายามอ้อน "ผมขอโทษจริงๆ มันไม่มีทางเลือกจริงๆ  แล้ว จะให้ผมทำอะไรคุณถึงจะหายโกรธ"
"ไม่ต้องทำอะไรอยู่เฉยๆ  แล้วห้ามเอาเรื่องนี้ไปบอกใครเด็ดขาด" หญิงสาวบอกเสียงกร้าวนัยน์ตาก็ดุจนหมอผีหนุ่มหวาดๆ
"คะ..ครับ...ผมจะไม่บอกใครเด็ดขาด...." หมอผีหนุ่มรับคำแบบแหยงๆ
แต่หญิงสาวยังบ่นต่อ "ฉันนี่อุตส่าห์เชื่อใจนายมากเลยนะไม่น่าเชื่อว่านายจะทำกับฉันได้  ผิดหวังกับทุกเรื่องของนายจริงๆ"
"ผมทำคุณผิดหวังมากเลยหรอ"
"ก็แน่หล่ะ  ฉันนึกว่านายจะมีฝีมือจัดการ มอทัซ ได้  แต่นายก็เอาวิธีปราบผีดิบเพี้ยนๆมาใช้จนกลายเป็นตัวตลกให้พวกผีมันดูแคลน  จนต้องหนีหัวซุกหัวซุนไม่พอ นายยัง...เอ่อ.อ.อ....นายยัง....ฮึ้ย!!!..." หญิงสาวหันรีหันขวางแบบไม่สบอารมณ์
"ผมขอโทษนะ  แต่ว่าคราวหน้า  ผมรับรองว่าเจอมันอีกครั้งผมจะปราบพวกมันให้ราบเลย" หมอผีหนุ่มเดินมาใกล้ๆแล้วเกาะไหล่เปลือยขาวสองข้างของนักล่าสาวพลางบอกยิ้มๆ
หญิงสาวสะบัดตัวเดินหนีออกมา "อย่าหวังว่าจะมีครั้งหน้าเลย  ฉันไม่ร่วมทีมกับนายแล้ว"
"ทำไมเล่าครับ  สามัคคีคือพลัง  เราต้องร่วมมือกันนะ  ไม่อย่างนั้นเราล้มเจ้าพวกผีดิบไม่ได้หรอก"
หญิงสาวเม้มปาก เธอจ้องเขาแล้วพูดอย่างเหลืออด "ผลงานของนายมันไม่เข้าตาน่ะสิ  ฉันยังไม่อยากเจออย่างวันนี้อีก  ฉะนั้นเมื่อกลับไปแล้ว  นายกับฉัน ทางใครทางมัน.."
"แหม  ใจร้ายจัง  เห็นผมเป็นตัวหายนะไปได้  ไม่ให้โอกาสผมบ้างเลย..." หมอผีหนุ่มอุทธรณ์
"คบกันครั้งเดียวก็เกินพอสำหรับนายแล้ว..." หญิงสาวสะบัดหน้าเดินหนีแล้วหาทางปีนขึ้นเนิน
หมอผีหนุ่มวิ่งเข้าไปช่วยดันเธอให้ปีนขึ้น "มา....ผมช่วย..แล้วคุณเกาะดีๆนะ"
หญิงสาวสะบัดตัวหลบทันที "ออกไปห่างๆฉัน  อย่าเข้ามาใกล้..."

แต่ก่อนที่ทั้งสองจะต่อล้อต่อเถียงอะไรกันอีกเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
"แหม  เล่นบทพ่อแง่แม่งอนกันได้น่ารักจริงๆนะ....."

ทั้งสองมองไปก็เห็นชายผิวดำรูปร่างสูงใหญ่ยืนอยู่ห่างๆ  ด้านข้างมีคนชุดดำร่วมๆสิบใบหน้าขาวซีดยืนมองด้วยดวงตาแดงก่ำ สาวนักล่า และหมอผีหนุ่มตั้งท่าอย่างระวัง เพราะรู้ได้ทันทีพวกนี้คือสมุนของจอมผีดิบ ที่มาตามไล่ล่าพวกตน หญิงสาวขยับถอยไปพร้อมๆหมอผีหนุ่ม จนหลังชนผนังโพลงเย็นๆ 

สาวนักล่าเอ่ยว่า "อเนลก้า  หลีกทางเราไม่อย่างงั้นฉันจะตัดแขนของแกอีกข้างที่เหลือ..."
"ตัดแขนของข้าหรอ?"
ชายผิวดำทวนคำ  แล้วมันก็ยื่นเอามือข้างที่นิ้วยาวเป็นตะปุ่มตะป่ำออกมาให้ทั้งสองเห็น
"คราวก่อนแกตัดแขนข้า  ทำเอาข้าเจ็บปวดตั้งหลายวัน  ดูสิ...นี่มือใหม่ของข้า  ท่าน มอทัซ ต่อให้  แล้วข้าจะใช้มันฆ่าแกเพื่อล้างแค้นให้มือเก่าของข้า"  พูดจบก็ยื่นมือมาข้างหน้า  ขยับขยำโชว์ให้ดู

"จะล้างแค้นก็เข้ามาเลย" หญิงสาวพูดจบก็กระโจนเข้าหาพวกกลุ่มผีดิบ
หมอผีหนุ่มรีบวิ่งเข้าไปช่วย "ระวังตัวนะ แคท..."

พวกผีดิบถูกทั้งนักล่าสาวและหมอผีหนุ่ม เตะ ต่อย กระเจิดกระเจิง  พวกมันเข้าไม่ติดจนต้องถอยไปอยู่ห่างๆ  ร่างของผีดิบชั้นกระจอกตนหนึ่งกระเด็นไปกระแทกผนังโพลงร่วงลงมานอนจุกแทบเท้าชายผิวดำ  เขาขบกรามแน่นและเดินเข้าไปหาเอง  แต่พอปะมือกับนักล่าสาวก็เจอสอนมวยจับเตะและต่อยจนต้องหน้าหงายกลับมา ชายผิวดำกุมปากตัวเองที่โดนต่อยจนบวมเจ่อแล้วสบตาลูกน้องอายๆ  เมื่อเห็นว่าพวกตนคงสู้ไม่ได้แน่ๆมันจึงทำท่าจะถอย

สาวนักล่าเอ่ยหยามๆ "ทำท่าว่าเก่ง ทำคุยว่าแน่  ทำไมจะหนีแล้วหรอ?"
"อย่าทำปากดี  นัง เรค รีปเปอร์ ที่นี่ถิ่นของเรา ข้าไม่ปล่อยให้แกหนีไปง่ายๆหรอก..." ชายผิวดำยังคำรามขู่
สาวนักล่าทำหน้ายั่วล้อ พลางท้าทาย "แล้วจะขวางพวกข้าอย่างไง?"
"ฮึ่ม.ม.ม...ม์...พวกเอ็งมาจัดการมันเร็ว..." ชายผิวดำร้องสั่ง

พลันพวกผีดิบร่างเล็กๆ ๔ – ๕ คนก็กระโจนมา  พวกนี้มีความคล่องตัวสูงมากๆ  ชำนาญการต่อสู้มือเปล่าออกหมัดเท้าได้อย่างรวดเร็ว  หมอผีหนุ่มเองยังจับจังหวะไม่ได้จึงพลาดเจอหลอกเตะหลอกต่อยล้มคว่ำล้มหงาย  ด้านสาวนักล่าเองก็กำลังแย่เจอโจมตีบนสลับร่างจนพลาดถูกเตะตัดขาหงายท้อง  และพวกมันก็เอาเชือกสลิงรัดคอแล้วลากไปมัดไว้กับเสาหินค้ำโพลง  ร่างของเธอถูกตรึงเอาไว้ทั้งมือทั้งเท้าจนขยับไม่ได้

หมอผีหนุ่มเองก็ถูกเอาสลิงรัดคอแล้วลากมารุมกระทืบจนหมอบแน่นิ่งไป  พวกผีดิบมองอย่างชอบใจที่จัดการทั้งสองได้อย่างไม่ยากอย่างที่คิด  พวกมันเฮฮากันสนุกสนาน  ทั้งสองถูกลากมาโยนไว้ใกล้ๆกัน  หญิงสาวพยายามดิ้นแต่ก็ยิ่งถูกรั้งรัดคอแน่นขึ้น แถมยังโดน มือ เท้า ของพวกมันประเคนใส่จนจุกเจ็บตัวงอ รอยช้ำและเลือดออกตามรอยแผลทั่วตัว  เจ้าคนผิวดำหัวเราะร่วนเดินด้วยท่ากวนๆเข้ามาหา  และมันก็ยื่นหน้ายื่นตาเข้ามาใกล้ๆหน้าของเธอทำล้อเลียนด้วยรอยยิ้มกวนๆ

เจ้าผีดิบผิวดำถามกวนๆ "ว่าไงล่ะ?  นังผีเพ่นพล่านกลางวันได้  เป็นผีไม่อยู่ส่วนผีอยากเป็นคนหรอ?"
"...อเนลก้า...สาบาญว่าคราวหน้าฉันจะไม่ตัดแค่แขนแก  แต่จะตัดจู๋ของแกด้วย" หญิงสาวร้องด่าผีดิบผิวดำ
เจ้าผีดิบผิวดำทำท่าสยอง พลางเอ่ยล้อ "วู้...ฟังแล้วน่ากลัวจริงๆ  ทำเหมือนจะรอดนะนี่..."
".................." หญิงสาวไม่ตอบ จ้องมันด้วยแววตาแค้นๆ
"นี่เพราะว่าท่าน มอทัซ ให้จับเป็นแกนะ  ไม่อย่างนั้นฉันฆ่าแกไปด้วยแล้ว" ผีดิบผิวดำชูมุดเงินของหมอผีหนุ่มขึ้นมาให้ดู
เจ้าลูกน้องคนหนึ่งถามแทรกขึ้นมา "แล้วไอ้คนไทยนี่หล่ะ  จับเป็นด้วยหรือเปล่า?"
"เจ้าคนนี้  ฆ่าได้เลย..." พูดจบก็โยนมุดเงินให้ "แล้วเอาไปแบ่งกันกินเลือดของมันซะ..."
สาวนักล่าฟังแล้วพยายามดิ้น "อย่าๆ อย่านะ...อย่าทำอะไรเขา....ไอ้พวกสารเลว.ไอ้ผีดิบชาติชั่ว..ไอ้..ฯลฯ.."
"ปากดีนักเรอะ....." พูดจบ ผีดิบผิวดำก็ตบด้วยหลังมือเข้าที่หน้าจนหญิงสาวหน้าหัน  รอยช้ำแดงๆปรากฏที่แก้มขาวๆทันที

หญิงสาวหันหน้ากลับมา แล้วพ่นคราบเลือดผสมน้ำลายใส่หน้าผีดิบผิวดำ
เจ้าผีดิบผิวดำปราดคราบเลือดและน้ำลายออก  มันเดินเข้ามาหาสาวนักล่า และระดม หมัด เท้า เข่า ศอก ใส่ร่างของเธอไม่ยั้ง
จนกระทั่งทีสุดท้าย มันชกเสยปลายคางจนเลือดของสาวนักล่ากระเซ็นออกทางจมูกและปาก
สาวนักล่าทรุดลงหน้าตามีแต่คราบเลือด  และเนื้อนวลทั่วกายมีแต่รอยช้ำถลอก

เจ้าผีดิบผิวดำมองอย่างสะใจ "ว่าไง...ยังจะปากดีอีกไหม?"
"................." หญิงสาวพยายามพูด
เจ้าผีดิบผิวดำขมวดคิ้ว "แกพูดว่าอะไรหรอ?"
"..................." หญิงสาวพูดเบาๆอีก
เจ้าผีดิบ เอียงหูไปใกล้ๆปากของเธอ "เอาสิ....จะพูดอะไร.....หา.."
"อ้าก.ก.ก.ก.ก.ก.ก...ก..ก....ก์..." มันแหกปากร้องลั่น  เมื่อเจอหญิงสาวกัดใบหูจนขาดติดปากของเธอไป
เจ้าผีดิบผิวดำเซไปทางกลุ่มลูกน้อง  มันมองหญิงสาวที่คายใบหูของมันในปากทิ้งมาที่พื้น  เธอมองมันพร้อมรอยยิ้มเยาะเย้ย
ได้มองเศษใบหูของตนแล้ว  เจ้าผีดิบทั้งเจ็บ ทั้งแค้น และทั้งอายระคนกัน 
มันหันไปทางลูกน้องที่กำลังจะเอามุดเงินแทงหมอผีหนุ่ม 
มันกัดฟันกรอดๆแล้วแย่งหมุดเงินมาจากมือลูกน้องพลางเดินปรี่เข้าไปหาหญิงสาว

เจ้าผีดิบผิวดำคำรามอย่างโกรธแค้น "นังสารเลว กัดหูข้าขาดเรอะ...นี่..."
เสียงมุดแทงเจาะเนื้ออ่อนๆเข้าที่ไหปลาร้าของหญิงสาวดังฉึก  ปลายแหลมจมลึกเข้าไปกว่าครึ่ง
ใบหน้าของหญิงสาวแสดงความเจ็บปวดสุดแสน  เธอกัดฟันจ้องตามันไม่ละ
เจ้าผีดิบผิวดำแทงแล้วคว้านอย่างแรง  สีหน้าของมันสะใจ  แต่หญิงสาวกลับไม่ร้องออกมาสักแอะ
เจ้าผีดิบผิวดำมองอาการของหญิงสาวนักล่ามันเคล้นเสียงเหี้ยมๆเยาะเย้ย  "แหม... เข้มแข็งมีน้ำอดน้ำทนดีจริง"
"อึ๊ก..ก.ก....ก...ก์... อึ๊ก...ก...ก..ก...ก์......" หญิงสาวกัดฟันทนจนตัวสั่น เมื่อเจ้าผีดิบผิวดำย้ำมุดให้จมลงบนตัวเธออีก
"ทนจริงๆ  แต่ถ้าเจ็บจนทนไม่ไหวก็ร้องได้นะ  อีควาย...." เจ้าผิวดำบอกหยามๆขณะแทงมุดย้ำไปย้ำมา
หญิงสาวเจ็บจนสุดกลั้นแต่ยังกัดฟันทน  เธอยังจ้องตามันพยายามข่มความเจ็บปวด "...อึ๊ก.ก.ก...อึ๊ก.ก.ก...ก..ก....."

แต่ขณะที่เจ้าผีดิบผิวดำกำลังทรมานหญิงสาวนักล่าอยู่  ด้านหมอผีหนุ่มที่นอนหมอบนิ่งหลังถูกรุมสหบาทา  อยู่ๆเขาก็ลุกขึ้นแล้วเตะต่อยจนพวกมันจนกระเจิง  เจ้าผีดิบผิวดำตะลึงจังงันแต่กว่ามันจะทันตั้งตัว  หมอผีหนุ่มก็พุ่งมาถึงตัวของมันอย่างรวดเร็ว  เขาชกมันหน้าหงายแล้วถอนหมุดออกจากไหล่ของสาวนักล่า  เจ้าผีดิบผิวดำเซไปพอเงยหน้าก็เจอหมอผีหนุ่มแทงด้วยหมุดแหลมเข้าตรงตำแหน่งหัวใจพอดี  มันทำสีหน้าเจ็บปวดปนตะลึงตะลาน

หมอผีหนุ่ม กระซิบบอกมันพร้อมรอยยิ้ม ".. ถ้าเจ็บจนทนไม่ไหวก็ร้องได้นะ  ไอ้ควาย!!!...."
"อ้าก..ก..ก....ก...ก...ก....ก์......" เจ้าผีดิบผิวดำร้องได้แค่นั้น  แล้วร่างของมันก็เกิดการเผาไหม้สลายกลายเป็นเถ้าไป

พวกลูกน้องของมันตะลึงไปชั่วครู่   พอตั้งสติได้ก็กรูเข้ามาหาหมอผีหนุ่ม  แต่คราวนี้เจอหมอผีหนุ่มเตะ ต่อยใส่จนเข้าไม่ติด และหมอผีหนุ่มก็เข้ามาช่วยปลดพันธนาการหญิงสาวนักล่าพลางประคองแล้วลุยแหลกพาหนีฝ่าวงล้อมออกไป  แต่พวกมันก็มีมากพอที่จะขัดขวางไม่ให้ทั้งสองหนีไปได้  และสาวนักล่าก็บาดเจ็บหนักจนหมอผีหนุ่มต้องพะวง 

สาวนักล่าบอกหมอผีหนุ่ม "ทิ้งฉันไว้ที่นี่  แล้วนายรีบหนีไป"
"ไม่ได้....ผิดหลักของพระเอกอย่างผม  เราต้องไปด้วยกัน..." หมอผีหนุ่มยืนยัน
หญิงสาวยิ้มทึ่งๆ "ทำไมอยู่ๆก็เก่งขึ้นมาเฉยๆ  ตะกี้โดนรุมกระทืบเสียจนคลุกฝุ่นหมดทางสู้อยู่แท้ๆ"
"ก็ผมเสียเลือดขาวไปเยอะ  กว่าจะรวมพลังฟื้นฟูกลับมาได้ มันก็ต้องใช้เวลาหน่อยสิครับ...."
"นายนี่นะ....เป็นคนที่ฉันเดาไม่ออกจริงๆเลย..."

หมอผีหนุ่มประคองร่างอวบอิ่มของสาวนักล่าขยับไปเรื่อยๆ ตอบโต้ต่อสู้และคอยระวังการจู่โจมของพวกผีดิบที่หนุนเนื่องเข้ามาไม่หยุด
เขาบอกเธอเสียงหนักแน่น " ผมจะพาคุณฝ่าออกไปนะ  แล้วอย่าอยู่ห่างผมล่ะ"
"ฮื่อ.อ.อ...ฉันจะเกาะติดนายไว้เลย..." หญิงสาวรับปาก  แต่ก็ไปกันแบบล้มลุกคลุกคลาน

พวกสมุนผีดิบต่างอ้าปากคำรามอวดเขี้ยววาววับ  ดวงตาของพวกมันแดงก่ำ  ทั้งหมดบีบวงล้อมเข้ามาหมายเล่นงาน สาวนักล่าและหมอผีหนุ่ม ทั้งสองกวาดตามองอย่างระวังและพร้อมรับการโจมตี  จนเจ้าตนหนึ่งอ้าปากคำรามและกระโจนเข้าหาแต่ว่ามันต้องร้องลั่นเมื่อมุดเงินเล่มหนึ่งพุ่งเข้ามาปักอกของมันสกัดไว้ก่อนจะถึงตัวทั้งสอง  มันหงายท้องลงนอนมีเสียงแหกปากร้องร้องลั่นดังมาจากร่างของมัน   พร้อมๆกับเกิดการเผาไหม้จนร่างของสลายกลายเป็นขี้เถ้าไป....

ทุกสายตาหันไปมองตรงทางออกของโพลงใต้ดิน  ร่างกำยำสูงใหญ่เป็นผู้ลงมือและยืนอยู่ตรงนั้น
พวกผีดิบมีสีหน้าตื่นกลัวขึ้นมาทันที  พวกมันมีท่าทีลนลานและงุนงงต่อผู้มาปรากฏตัว
แต่หญิงสาวนักล่า  กับหมอผีหนุ่มเห็นผู้มาใหม่แล้วมีรอยยิ้มอย่างโล่งใจและสีหน้ายินดี

สาวนักล่าถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า "...แจ็กค์  แดร์โรว์...."
" ขอโทษที  ผมมาช้าไปหน่อย  .."  สิ้นเสียงร่างกำยำก้าวพ้นเงามืดออกมาพร้อมรอยยิ้มมั่นใจ 

เขาเดินอย่างมาดมั่นมายืนข้างๆ  สาวนักล่า และหมอผีหนุ่ม
"ผมเอาของมาฝากด้วย.." เอ่ยจบก็ส่งดาบเงิน สนับมือใบมีดให้หญิงสาวนักล่าและดาบฟ้าลั่นพร้อมย่ามสีแดงให้หมอผีหนุ่ม
ทั้งสองรีบรับมาพร้อมๆกัน แล้วเอ่ยพร้อมๆกัน "...ขอบใจนะ...."

สาวนักล่าขัดดาบสีเงินไว้กลางหลังสวมสนับมือใบมีด  และชักดาบออกมากวักแกว่ง  ประกายสีเงินสะท้อนแสงวูบวาบ
ส่วนหมอผีหนุ่มเอาย่ามมาสะพายไหล่ และเอาดาบขัดหลังก่อนชักออกมาโชว์คมที่แวววาวเช่นกัน
พวกผีดิบได้เห็นแล้วต่างก็พากันถอยกรู ไปยืนรวมกลุ่มอยู่ห่างๆ  และจับจ้องผู้มาใหม่พร้อมหมอผีหนุ่มและนักล่าสาวที่มีอาวุธประจำตัวมาครบมือแล้วอย่างหวาดระแวง
"เอาละ...ได้เวลาลุยแบบถนัดไม้ถนัดมือเสียทีไอ่พวกผีดิบ" สาวนักล่าบอกมาอย่างเข่นเขี้ยว
"แหม....แสดงว่าก่อนหน้าคงลุยกันแบบใช้หมัดดิบๆใช่ไหม ...ท่าจะสนุกนะ.."
"ทั้งสนุกทั้ง...."
หญิงสาวจ้องตาหมอผีหนุ่มเขม็ง...จนเขาชะงักคำพูดค้างไว้ "อย่าพูดถึงอีกนะ...."
"อย่าพูดถึงอะไรหรอ?"
บอกแล้วชายหนุ่มนักล่าค่าหัวแวมไพร์ หันไปชำเลืองมองพวกผีดิบก่อนหันกลับมาถามเพื่อนร่วมทีมทั้งสอง...
"เอ... ว่าแต่ ... .ผมพลาดเรื่องอะไรดีๆไปหรือเปล่านี่?"

โปรดติดตามตอนต่อไป.....

pinmonkey

#2
ประทับใจฉากรักตอนหนีจากพวกเหล่าร้ายมากครับ ได้อารมณ์เหมือนเพชรพระอุมาเลย ขอบคุณมากครับ

................................................

ใครจะอ่านผลงานทุกตอนในห้องนี้ ถ้าทำตามกติกา-เงื่อนไขนี้ไม่ได้ แล้วรีพลายมักง่ายผ่านไปที หรือ รีพลาย ขอบคุณครับ,ขอบคุณ,
ขอบคุณค่ะ,ติดตามครับ,สนุกมากครับ,ติดตามต่อ.
อะไรประมาณนี้ จะแบนเลยนะ ขอบคุณมากๆครับ ก็ไม่ต้อง thank,
thank you,thx
ขี้หมาหลายแหล เหล่านี้ก็อย่าให้เห็น จัดรูดแบนไปยาวๆถ้าเจอ นี่เป็นข้อตกลงไว่ก่อนอ่านระหว่างเจ้าของงาน กับสมาชิก ::Angry::
ถ้า รีพลายผิดเงื่อนไขมาหรือ โชว์พาล์วอยู่มานาน โชว์เก๋า โชว์สด โชว์เกรียน ทำมึนลองมาจะแบนเลย เพื่อสมาชิกอีกส่วนที่พร้อมทำตามกติกา
::Cheeky:: เพราะไม่เช่นนั้น รีพลายคุณอาจทำให้ สมาชิกที่ปฏิบัติตามพลอยอดอ่านไปด้วย ฉะนั้นไม่แน่ใจ อย่าพิมพ์เอามักง่ายมั่วๆ..
ถ้าคิดว่า กฏนี้มันยากก็ไปหาที่อื่นเสพนะ อย่าเข้ามาใช้มาอ่านงานที่ห้องนี้ อ๋อ ใครโดน pm เตือนถ้ายังมึนจะแบนจาก 6 เดือนเป็น 1 ปี. .


กฎที่วางนี่ไม่ได้เขียนเอา ฮา เนอะ แบนจริงใครอยู่นานแล้วคงรู้จัก แว่น ดี..คิดว่า ฉัน
แบนจริงหรือเตือนเอาสนุกเล่นๆ..อย่าๆลอง เดี๋ยวจะเสียความรู้สึกด้วยรีพลายคุณเอง
ทำตามเงื่อนไข ยากอะไร หรือ จะโชว์เกรียน..เตือน,ขอร้อง,ขอความร่วมมือ
แล้วเมื่อไม่รักษาสิทธิ์-ประโยชน์คุณเอง ก็แบนไปใช้เวปอื่น.
.


................................................................................................................

tacklove

#3
น่าตื่นเต้นและแอบลุ้นนิดๆกะสาวลูกครึ่ง อิอิ  ว้าวสุดยอดเลยนิ

mighty

ขอบคุณครับ...อย่างงัยดีนะจะบอกว่าดีใจก้ดีใจนะที่ได้ติดตามเรื่องนี้อีกครั้งนึงยังคงเนื้อเรื่องได้สนุกน่าติดตามเหมือนเดิมแต่ก้แอบเศร้าใจเหมือนกันที่จะได้อ่านติดตามเพียงไม่กี่ตอนเพราะติดสัญญาใจใน e-book ผมเองติดตามศึกไสยเวทย์มาตลอดและไม่คาดคิดหรอกนะว่าจะได้อ่านอีก ตอนเดิมของที่คุณนีโอได้แต่งไว้เกี่ยวกับเสือสมิงเรื่องยังไม่จบก้รอว่าวันนึงคงได้ติดตามตอนต่อไปก้พยายามเข้าใจนะครับว่าตามกระแสวัฏจักรได้อ่านได้ติดตามแค่นี้ก้ขอบคุณมากแล้ว..ขอบคุณอีกครั้งครับ

cd13579

ใครเกรียนแถวแอดๆทั้งหลายแบนตลอดชีพมันได้ไหมเนี่ย อีฉันอยากอ่านจนจะลงแดงตายละ หมอผีาินยังก็คือหมอผีสินแท้ๆกลับกระตืบคนสอนวิชาปราบผีฝรั่งสักป้าปมั้ย ว่าแต่กระหายเบือดจนสเปิรม์เอาไปที นิ่งสนิทเลยได้ผบชงัดจริงๆยาขนานนี้
ใครหื้อใครซ่า ข้าแบนเรียบ

Zoybedal

คุณนีโอผมยกให้เป็นเบอร์1เลยเนื้อเรื่องสนุกมัน มีติดตลกไม่พอฉากรักก็สุดยอดจริงๆเป็นกำลังใจให้พี่

earlybird

ประทับใจทุกคร้งที่ได้อ่าน อย่าสนกากเดนเลยนะท่าน fc ยังมีดีอีกเยอะ

gritkin

กระเทียม น้ำมนต์ โบราณไปแล้วมั้งหมอสิน 555 โดนสวนไปเต็มๆเลย โอยหมดมาดพระเอก สนุกมากครับwriter รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อครับ

busohsensen

ขอบคุณมากครับ อ่านแล้วมีลุ้นมีเสียวดีครับ รอติดตามตอนต่อไปครับ

นีโอ

อ้างจาก: suntaralim เมื่อ ตุลาคม 29, 2016, 02:21:46 หลังเที่ยง
ของนอกแค่สะใจ แต่ของไทยอยู่ในสายเลือด ::Fighto:: ::Fighto:: ::Fighto::

ต้องการสื่ออะไรกับผมและชาวโลกครับ

songsak

ขอบคุณครับ อาวุธปราบผีดิบของหมอผีสินแต่ละอย่างทำเอาฮาเลยครับ จำมาจากหนังแก้วขนเหล็กชัวร์ๆ

legacy

ต่อไปไม่ต้องใช้เซรุ่มแล้ว ใช้เลือดขาวแก้ได้เหมือนกัน แถมมันด้วย  ::DookDig:: ::DookDig:: ::DookDig::

3hman


premz

สนุกดีครับ เดียวบู๊เดียวเสียว มีแง่งอนกันด้วยน่ารักดี ชอบมากเลยครับ เสียดายจังจะได้อ่านอีกแค่ตอนเดียว