ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_rikimaru725

มินิซีรีย์-อุบัติเหตุจริงๆนะ ตอนที่ 1(ถ้าซำก็ขออภัยด้วยนะครับ)

เริ่มโดย rikimaru725, ธันวาคม 07, 2016, 11:28:09 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

rikimaru725

ตอนที่ 1

"พงษ์ เฮ้ย ไอ้พงษ์"
พีรพงษ์สะดุ้งตื่นจากภวังค์เมื่อได้ยินเสียงเพื่อนร่วมงานเรียก เขากำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานตระเตรียมงานนำเสนอของบริษัทอยู่ แต่ไม่รู้เพราะอะไรถึงได้เผลอหวนคิดถึงเรื่องเก่า ๆ นั้นอีกจนได้
"ตื่นแล้วเหรอวะ โน่นโว้ย ผู้จัดการกำลังเดินมาหามึงแน่ะ" ประสงค์บุ้ยปากบอกเพื่อน
พีรพงษ์หันไปมองก็เห็นวิลาสินีก้าวฉับ ๆ มาหาเขา เธอเดินด้วยความรีบร้อนแต่มั่นคงทั้งที่สวมรองเท้าส้นสูงปรี๊ดและต้องเบียด แทรกไปตามช่องว่างอันน้อยนิดระหว่างโต๊ะทำงานในบริษัทเล็ก ๆ แห่งนี้
"ว่าไงจ๊ะพงษ์ งานนำเสนอบ่ายนี้พร้อมแล้วหรือยัง" วิลาสินีเอ่ยถาม
"ครับคุณวิ ผมกำลังตรวจสอบเป็นครั้งที่สามเพื่อความมั่นใจครับ แต่เพื่อกันพลาด ผมจะเอาโน้ตบุ้คสำรองกับโปรเจ็คเตอร์ไปอีกตัวหนึ่งด้วยเผื่อทางลูกค้าไม่ พร้อม" พีรพงษ์เงยหน้าตอบ
วิลาสินียิ้มออกมาด้วยความพอใจ พีรพงษ์อดไม่ได้ที่จะสังเกตเห็นริมฝีปากอิ่มแดงสดเผยอออกและซี่ฟันที่ ขาวสะอาดเรียงกันเป็นระเบียบนั้น เวลาเธอยิ้มนี่ดูเด็กจริง ๆ พีรพงษ์คิดในใจ
"ดีมาก งานนี้เป็นงานสำคัญมากสำหรับบริษัทเราเลยนะ ถ้าได้งานนี้ บริษัทเราจะมีเงินทุนมากพอที่จะขยายกิจการได้ และจะเป็นการเปิดตลาดใหม่ของเราด้วย พวกเธอก็จะได้โบนัสมากโขเชียวล่ะ" วิลาสินีพูด "บ่ายโมงเราเริ่มออกเดินทาง เธอเอาข้าวของไปเก็บไว้ในรถก่อนนะ"
พูดจบ วิลาสินีก็หันตัวเดินกลับไปที่ห้องของตัวเอง เหลือเพียงกลิ่นหอมจาง ๆ ตรงที่ที่หล่อนยืนอยู่ ทั้งประสงค์และพีรพงษ์มองตามหลังวิลาสินีที่เดินจากไป
"กูมองกี่ทีก็ไม่เบื่อว่ะ ก้นผู้จัดการนี่ กลมกลึงผายงอนน่าขยำขยี้ฉิบหาย หน้าตาก็ดี ทำไมยังหาแฟนไม่ได้ก็ไม่รู้ " ประสงค์พึมพำออกมา แต่สายตายังจับจ้องก้นวิลาสินีที่ยักย้ายซ้ายขวาขณะแทรกตัวผ่านช่องระหว่าง โต๊ะทำงาน
"มึงนี่พูดอะไรหัดระวังซะมั่ง นั่นเจ้านายนะโว้ย" แต่ในใจลึก ๆ พีรพงษ์ก็อดเห็นด้วยกับเพื่อนไม่ได้ "ไม่คุยแล้วโว้ย กูยังต้องเช็คโปรแกรมสำหรับเดโมอีก บ่ายนี้ถ้าผิดพลาดล่ะก็ คอกูขาดกระเด็นแน่ ๆ"
พูดจบพีรพงษ์ก็เบือนสายตากลับมาที่จอคอมพิวเตอร์บนโต๊ะ แต่ในใจยังมีภาพส่วนเว้าส่วนโค้งด้านหลังของวิลาสินีติดตาตรึงใจอยู่

ก๊อก ก๊อก
เวลาบ่ายโมงตรง เสียงเคาะประตูดังขึ้น วิลาสินีเปิดประตูห้องออกมาก็เห็นพีรพงษ์ในชุดเสื้อแขนยาวสีฟ้า ผูกเน็คไทสีพื้นเข้ากันกับกางเกงสีดำยืนรออยู่แล้ว เธอมองไปด้านหลังพีรพงษ์ซึ่งเป็นออฟฟิซเล็ก ๆ ของบริษัทที่เธอก่อตั้งขึ้นมาจากหยาดเหงื่อแรงกายเพียงคนเดียวหลังจากใช้ เวลาร่วมสิบปีในการรวบรวมเงินทุน โต๊ะทำงานเก่า ๆ สิบกว่าโต๊ะตั้งอยู่ชิดกันจนแทบไม่มีทางเดิน กลิ่นอับ ๆ ของเอกสารปนกับกลิ่นโอโซนที่ถูกปล่อยออกมาจากอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ซึ่งเป็น เครื่องมือชิ้นสำคัญของบริษัทล่องลอยอยู่ทั่ว ภายในออฟฟิซ อากาศค่อนข้างอับเพราะตัวอาคารเป็นอาคารเก่าสร้างเมื่อสี่สิบปีก่อนตั้งแต่ สมัยสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลงใหม่ ๆ หน้าต่างจึงมีขนาดเล็กและมีเพียงสองบานเท่านั้น วิลาสินีคิดในใจว่า ถ้าการนำเสนอผลิตภัณฑ์ของบริษัทครั้งนี้เป็นไปได้ดี เธอคงจะมีเงินพอที่จะเช่าออฟฟิซใหม่ใจกลางเมืองที่เพียบพร้อมและสะดวกกว่า นี้ไม่ต้องมาทนอยู่กับอาคารเก่า ๆ ราคาถูก ๆ ที่ทรุดโทรมแบบนี้
"....คุณวิครับ" เสียงพีรพงษ์แว่วมากระทบหู วิลาสินีสะดุ้งแล้วเบือนสายตากลับมามองพีรพงษ์ ใบหน้าเธอแดงซ่านด้วยความอายที่เผลอให้ลูกน้องเห็นเธอตอนเหม่อลอย
"เมื่อกี๊ว่าไงเหรอจ๊ะพงษ์" วิลาสินีถามแก้เก้อ
"ผมถามว่าจะไปกันรึยังครับ ได้เวลาออกเดินทางแล้ว เดี๋ยวลูกค้ารอ" พีรพงษ์ตอบด้วยสีหน้าปกติ เขาต้องการให้วิลาสินีมีสมาธิจดจ่อกับการเสนอผลิตภัณฑ์ที่กำลังจะมาถึงให้ มากที่สุดจึงแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง
"จ้ะ ไปกันเถอะ" วิลาสินีตอบแล้วหันกลับไปคว้ากระเป๋าถือและกระเป๋าเอกสารนำเสนอที่วางอยู่บน โต๊ะเล็ก ๆ ของเธอ พีรพงษ์ช่วยถือเอกสารนำเสนอให้เธอแล้วเดินตามเธอออกจากออฟฟิซไปยังที่จอดรถ ที่อยู่ด้านหน้า
ระหว่างที่เดินผ่านโต๊ะทำงาน พวกพนักงานของบริษัทต่างก็หันมามองทั้งคู่แล้วส่งเสียงให้กำลังใจอวยพรให้ ประสบความสำเร็จเพราะทุกคนต่างก็รู้ดีว่าความอยู่รอดของบริษัทขึ้นอยู่กับ การนำเสนอในครั้งนี้ ถ้าผลิตภัณฑ์นี้ขายไม่ได้ บริษัทคงไม่มีเงินทุนที่จะดำเนินการต่อและพวกเขาก็ต้องตกงาน
วิลาสินีหันไปยิ้มขอบคุณให้กับกำลังใจของทุก ๆ คน จนเธอเผลอสะดุดห่วงเหล็กที่อยู่บนพื้นใกล้ประตูออฟฟิซจนเกือบล้มคะมำ ดีว่าพีรพงษ์มือไวช่วยประคองเธอไว้ได้ ด้วยอารามรีบร้อน เขาจึงทิ้งเอกสารนำเสนอในมือแล้วยื่นแขนทั้งสองข้างไปโอบตัววิลาสินีที่ กำลังล้มไปข้างหน้า มือข้างซ้ายของเขาโอบรัดเอวเธอไว้ ส่วนมืออีกข้างเกาะกุมเต้าข้างขวาเธอไว้เต็มอุ้งมือ และในท่าที่วิลาสินีล้มคะมำไปข้างหน้าและพีรพงษ์ถลาเข้าไปประคองเธอ ทำให้ก้นงอน ๆ ของเธออัดเข้ากับควยเขาที่อยู่ในกางเกงอย่างช่วยไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้คิดอะไร แต่พีรพงษ์ก็รู้สึกอุ่นวาบที่หน้าขาเมื่อก้นนิ่ม ๆ เต็มอิ่มแนบเข้ากับตัวเขา จมูกก็ได้กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ จากตัวเธอ ทำให้ควยเขาพองตัวขึ้นมาในทันที
เมื่อวิลาสินีหายตกใจ เธอก็กลับต้องเขินอายอีกครั้งเมื่อรู้ว่าขณะนี้เธออยู่ในสภาพใด คนอื่น ๆ ในบริษัทต่างตกใจไปตาม ๆ กัน พากันวิ่งกรูตรงมาหาทั้งคู่ พีรพงษ์รีบคลายวงแขนออกแล้วขอโทษขอโพยเธอเป็นการใหญ่ วิลาสินีสูดหายใจลึก ๆ สองสามครั้งเพื่อสงบสติอารมณ์แล้วก็พูดว่า "ไม่เป็นไรหรอกจ้ะพงษ์ ถ้าเธอไม่คว้าฉันไว้ ป่านนี้ฉันคงหัวแตกไปแล้ว ฉันลืมไปทุกทีว่าตรงนี้มีประตูห้องใต้ดินอยู่"
คนอื่น ๆ พากันถามวิลาสินีว่าเป็นอะไรมากไหม เธอก็บอกว่าไม่เป็นอะไร จากนั้นก็ขอบอกขอบใจทุกคนที่เป็นห่วงแล้วเดินออกไปที่รถ ส่วนพีรพงษ์ก็รีบก้มลงเก็บเอกสารบนพื้นแล้วตามเธอออกไปติด ๆ

"...จะเห็นได้ว่า โปรแกรมของบริษัทเราสามารถตอบสนองต่อความต้องการของโรงพยาบาลได้เป็นอย่างดี ทั้งในด้านการบริการ บริหารและวิชาการ..."
เสียงหวาน ๆ ของวิลาสินีแว่วมาเข้าหูของพีรพงษ์ที่กำลังนั่งอยู่หน้าจอมอนิเตอร์ของ คอมพิวเตอร์นำเสนอโปรแกรมระบบโรงพยาบาลของบริษัท ภายในห้องนำเสนอปิดไฟมืด มีเพียงแสงของโปรเจ็คเตอร์ที่ฉายไปบนแผ่นสกรีนที่ผนังห้องเท่านั้น วิลาสินียืนอยู่ข้าง ๆ สกรีนกำลังอธิบายถึงความสามารถของโปรแกรมของบริษัทและพยายามโน้มน้าวใจให้ ผู้บริหารรพ.แห่งนี้เห็นประโยชน์ของการนำระบบสารสนเทศเข้ามาใช้ในโรงพยาบาล
สายตาพีรพงษ์จับจ้องมองวิลาสินีที่กำลังใช้ทักษะของนักขายอย่างเต็มที่ เธออยู่ในชุดสูทสีน้ำเงินเข้มแขนยาวคอปก และกระโปรงรัดรูปสีดำผ่าข้างยาวลงมาเลยเข่าเล็กน้อย ชุดที่เธอสวมดูเป็นทางการและปิดบังทรวดทรงจริง ๆ ไปจนแทบไม่เห็น ยิ่งเธอเกล้าผมเป็นมวยด้านหลังและสวมแว่นตาด้วยแล้ว ยิ่งเน้นให้บุคลิกเธอเป็นผู้บริหารสมัยใหม่ที่มั่นใจในตัวเองมากยิ่งขึ้นไป อีก
แล้วความคิดพีรพงษ์ก็แว่บกลับไปถึงวินาทีที่เขาประคองวิลาสินีก่อนที่จะมานำ เสนอ เขายังจำได้ถึงรสสัมผัสอันอ่อนนุ่มแต่เต่งตึงของปทุมถันของเธอได้ดี ความหนึบแน่นของลอนสะโพกที่เบียดบดกับหน้าขาของเขามันช่างเร้าอารมณ์หนุ่ม เหลือเกิน พีรพงษ์สะบัดศีรษะเหมือนพยายามจะไล่ความคิดลามกออกไปจากหัว และพยายามเตือนตัวเองว่า วิลาสินีเป็นใครและอายุต่างกันแค่ไหน
แต่เมื่อสายตาเขาหันไปมองใบหน้ารูปไข่ที่สะท้อนแสงจากโปรเจ็คเตอร์เบื้อง หน้า เขาก็อดคิดไม่ได้ว่า เธอช่างดูอ่อนกว่าวัยเสียเหลือเกิน อาจเป็นเพราะผิวหน้าที่ขาวเนียนนุ่มออกสีชมพูหน่อย ๆ กับจมูกเล็ก ๆ ที่ปลายเชิดรั้นขึ้นเล็กน้อย บวกกับดวงตากลมโตที่แม้ว่าจะอยู่หลังแว่นสายตาก็ยังดำขลับเป็นประกาย ยิ่งตอนที่เธอกำลังนำเสนอ เป็นช่วงที่เธอรู้สึกเป็นธรรมชาติมากที่สุด ยิ่งดูอายุน้อยกว่าความเป็นจริงเป็นสิบปี
พีรพงษ์ทอดถอนใจยาว พักหลังมานี่เขาถอนหายใจบ่อยจนแทบติดเป็นนิสัย และในครั้งนี้ก็เช่นกัน เขาอดหวนคิดถึงแฟนสาวของเขาไม่ได้ ไม่รู้ว่าป่านนี้เธอจะเป็นอย่างไรบ้างในเมื่อเขาต้องพรากจากเธอมาไกลขนาดนี้
ความคิดของพีรพงษ์ย้อนกลับไปเมื่อสองปีก่อนตอนที่เขายังเรียนมัธยมปีที่ 5 เขาได้พบกับวิภาดาซึ่งเป็นรุ่นพี่เขาถึงสามปีโดยวิภาดาเป็นนักศึกษา มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่มาสอนพิเศษให้ที่โรงเรียน พีรพงษ์กับวิภาดาสนิทสนมกันอย่างรวดเร็วเพราะนิสัยคล้ายกันและชอบในสิ่ง เดียวกันคือคอมพิวเตอร์ จนในที่สุดความใกล้ชิดก็กลายเป็นความรักข้ามรุ่น ทั้งวิภาดาและพีรพงษ์ไม่ได้ใส่ใจกับเสียงค้านรอบข้างว่าทั้งคู่ไม่เหมาะสม กันเพราะอายุต่างกันมากและวิภาดายังแก่กว่าด้วย ทั้งสองคนเชื่อว่าความรักระหว่างพวกเขาจะข้ามพ้นอุปสรรคทุกอย่างได้ จนวันหนึ่งเขาและเธอได้เป็นของกันและกันด้วยความยินยอมพร้อมใจของทั้งคู่ พีรพงษ์ยังจำวันนั้นได้ไม่ลืมเลือน มันเป็นวันเสาร์ เขากับวิภาดาอยู่ในห้องนอนของเขาที่ชั้นสองเล่นเกมในคอมพิวเตอร์จนเมื่อย แล้วก็พากันไปนอนพักบนเตียงเขา วิภาดากับเขาเคยถึงขั้นจับมือถือแขนและกอดจูบกันมาแล้วจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่ โตอะไรที่ทั้งคู่จะนอนกอดก่ายกันบนเตียง แต่ครั้งนี้ดูอารมณ์ของทั้งคู่จะเลยเถิดกว่าทุกครั้ง พีรพงษ์จูบวิภาดาซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนอารมณ์เธอกระเจิดกระเจิง มือไม้เขาก็เหมือนหนวดปลาหมึกยุ่มย่ามไปทั่วเรือนร่างเต็มสาวของวิภาดา พีรพงษ์ถอนจูบแล้วจ้องมองสบตาวิภาดา
"ดาครับ จะว่าอะไรมั้ยถ้าผมขอเป็นเจ้าของดาในวันนี้ ผมรักดาเกินห้ามใจจริง ๆ" พีรพงษ์พูด
วิภาดาหน้าแดงก่ำและหอบหายใจน้อย ๆ หน้าอกเธอกระเพื่อมขึ้นลงด้วยแรงอารมณ์ที่อยู่ภายใน เธอเองก็รักเขาเช่นกันและทั้งคู่ก็เคยตกลงใจแล้วว่าจะแต่งงานกันเมื่อเขา เรียนจบ เธอจึงคิดว่าคงไม่เป็นไรถ้าเขาและเธอจะขอมีความสุขด้วยกันก่อนถึงวันนั้น อีกอย่างเธอเองก็อยากรู้เหมือนกันที่ว่ามีความสุขเหมือนขึ้นสวรรค์มันเป็น อย่างไร
"แน้ มาขอกันดื้อ ๆ แบบนี้เลยเหรอจ๊ะพงษ์ ดาอายนะ" เธอค้อนเขาแล้วตอบแบบไว้เชิง
"งั้นแสดงว่าดาไม่ปฏิเสธสินะครับ" พีรพงษ์สรุปเอาดื้อ ๆ วิภาดาหลบตาด้วยความเอียงอาย ยิ่งทำให้พีรพงษ์มั่นใจในคำตอบมากยิ่งขึ้น เขาประกบปากจูบเธออย่างดื่มด่ำและส่งลิ้นเข้าไปควานหาความหอมหวานในปากเธอ วิภาดายังเงอะ ๆ เงิ่น ๆ อยู่เพราะจูบที่ผ่าน ๆ มาก็เป็นแค่เอาริมฝีปากประกบกันเท่านั้น ไม่เคยเกินเลยขนาดส่งลิ้นเข้ามารุกล้ำอธิปไตยกันขนาดนี้ แต่สัญชาติญาณสั่งให้เธอส่งลิ้นไปรัดพันกับลิ้นเขาจนน้ำลายทั้งคู่ปนกันใน ปากเธอ ความรู้สึกที่ลิ้นอ่อน ๆ สัมผัสเสียดสีกันนั้นส่งกระแสความเสียวซ่านไปทั่วร่างกายของวิภาดา
พอพีรพงษ์ถอนปากออก วิภาดาก็นอนตัวอ่อนระทวยอยู่บนเตียงและไม่ได้ขัดขืนเมื่อพีรพงษ์ค่อย ๆ รูดเสื้อยืดเธอออกไปจนเห็นบราเซียร์สีขาวห่อหุ้มเต้านมอวบอัดไว้ เนินอกเธอขาวผ่อง กลิ่นกายสาวบริสุทธิ์โชยขึ้นมากระทบจมูกของพีรพงษ์ทำให้เขายิ่งตื่นเต้นมาก ขึ้น วิภาดาเองก็เช่นกัน เธอไม่เคยยอมให้ใครเปลื้องเสื้อผ้าแบบนี้มาก่อน หัวใจเธอเต้นรัวด้วยความรู้สึกที่แปลกใหม่นี้ พีรพงษ์เองก็เพิ่งเคยทำแบบนี้เป็นครั้งแรก เขาเคยได้แต่ศึกษาจากวีดีโอโป๊เท่านั้น แต่เรื่องแบบนี้ไม่จำเป็นต้องมีคนสอน พีรพงษ์ก้มหน้าลงไปดูดหัวนมเธอทั้ง ๆ ที่ยังอยู่ในบรา มือข้างซ้ายก็เกาะกุมบีบเคล้นเต้าอวบข้างซ้ายไปด้วย
"อู๊ย ซี๊ด พงษ์จ๋า มันเสียวจังเลย อูย อย่าดูดแรงสิจ๊ะ" วิภาดาถึงกับส่งเสียงร้องครางออกมา
พีรพงษ์ไม่ตอบเพราะปากไม่ว่าง กลิ่นสาปสาวช่างหอมหวนยั่วใจชายยิ่งนัก ยิ่งได้ยินเสียงร้องครวญครางด้วยความเสียวจากปากของคู่รัก ก็ยิ่งเพิ่มความกระสันต์ทะยานอยากในใจให้ลุกฮือยิ่งขึ้น เขาละปากจากหัวนมเธอแล้วจูบเรื่อยลงมาตามหน้าท้องเนียนเรียบจนถึงขอบกางเก งวอร์ม วิภาดาขนลุกซู่ด้วยความสยิว พีรพงษ์ยื่นมือไปจับขอบกางเกงแล้วรูดมันลงมา วิภาดาช่วยกระดกก้นขึ้นให้เขารูดกางเกงลงไปได้สะดวก พีรพงษ์โยนกางเกงวอร์มลงไปบนพื้นอย่างไม่สนใจใยดี แล้วหันไปชื่นชมเรือนร่างของวิภาดาที่อยู่บนเตียง
วิภาดายกแขนข้างซ้ายขึ้นพาดปิดหน้าอก ส่วนมือขวายื่นลงไปปิดเนื้อเนินตรงหว่างขา ในตอนนี้เธอเหลือแต่เพียงบราเซียร์และกางเกงในสีขาวปิดบังเรือนร่างอยู่เท่า นั้น สายตาพีรพงษ์กวาดลงมาตั้งแต่ใบหน้าสวยหวานที่แดงซ่านด้วยความเขินอายลงมาตาม ลำคอที่ขาวผ่อง เนินอกที่อวบอิ่มมองเห็นรอยแยกของเต้าขาวแนบชิดสนิทกัน ต่ำลงมาที่หน้าท้องแบบราบคอดกิ่วแล้วผายกว้างออกที่ส่วนสะโพกเป็นรูปโค้งที่ เหมาะเจาะ จากนั้นก็ลงมาตามเรียวขาที่บิดไขว้กันอยู่ ควยพีรพงษ์ที่อยู่ในกางเกงขาสั้นแข็งจนปวดไปหมด
"จ้องอะไรเค้าแบบนั้นจ๊ะ ดาอายจังเลย" วิภาดากระซิบแล้วหลบตาเขา
"ดาสวยที่สุดเลยรู้มั้ย" พีรพงษ์พูดเหมือนละเมอ เขาไม่เคยเห็นของจริงจะจะแบบนี้มาก่อน ยิ่งเป็นของคนที่เขารักด้วยแล้ว ยิ่งทำให้เขากระสันต์ทะยานอยากมากยิ่งขึ้น เขารีบถอดเสื้อยืดและรูดกางเกงขาสั้นพร้อมกางเกงในออกไป ปล่อยให้ท่อนควยเขาเป็นอิสระ พอหลุดจากสิ่งกีดขวาง มันก็ชูตัวผงกหัวงึก ๆ อยากที่จะมุดเข้าร่องรูของวิภาดาเต็มที่
วิภาดาแอบมองตอนพีรพงษ์ถอดเสื้อผ้าตัวเอง ในใจเธอทั้งอายทั้งตื่นเต้นที่ได้เห็นชายหนุ่มรูปร่างดีอย่างพีรพงษ์เปลื้อง ผ้าอยู่เบื้องหน้า พีรพงษ์นั้นถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นนักกีฬาของโรงเรียนแต่เขาก็ออกกำลังกาย ด้วยการวิ่งอยู่สม่ำเสมอ ร่างกายเขาจึงเติบโตเต็มวัย ล่ำสันเกินกว่าเด็กมัธยมรุ่นเดียวกัน เธอมองต่ำลงไปจากหน้าอกที่บึกบึนจนถึงเจ้าน้องชายของเขาที่ผงกหัวทักทายเธอ เธอจ้องมันเขม็งแบบลืมอาย เธอเคยเห็นแต่ของเด็ก ๆ พอมาเจอเอาของจริงตรงหน้าเธอก็อดไม่ได้ที่จะสำรวจมองมันด้วยความสนใจ ส่วนหัวมันสีแดงคล้ำ มีน้ำใส ๆ เอ่อตรงรูที่ส่วนปลาย ท่อนลำของพีรพงษ์ยาวราวห้าหกนิ้วเห็นจะได้ วิภาดารู้สึกร้อนวูบในช่องท้องเมื่อมองดูมัน น้ำเสียวก็ถูกขับออกมาจากร่องรูของเธอจนรู้สึกเปียกแฉะไปหมด
พอไร้สิ่งกีดขวาง พีรพงษ์ก็ถลาขึ้นเตียง เขาขึ้นคร่อมตัววิภาดาแล้วยกมือเธอที่ปิดหน้าอกออก จากนั้นก็สอดมือเข้าไปข้างหลังเธอเพื่อหาตะขอบรา วิภาดาช่วยแอ่นตัวขึ้นให้มือเขาเลื่อนเข้าไปใต้ตัวเธอได้สะดวก พีรพงษ์ปลดตะขอแล้วรูดบราออกจากตัววิภาดา กลิ่นกายสาวยิ่งเข้มข้นขึ้นอีกเมื่อเต้าอวบของเธอเป็นอิสระ มันมีขนาดกำลังพอเหมาะ หัวนมสีชมพูระเรื่อ สั่นระริกตามการหายใจของเจ้าของ พีรพงษ์ฟุบหน้าลงไปฟอนเฟ้นเต้าทั้งสองข้างสลับกันไปพร้อมดูดเลียหัวนมไปด้วย จนมันชูชันขึ้นมา ควยเขาทิ่ม ๆ ตำ ๆ อยู่แถวหน้าขาวิภาดาช่วยเพิ่มความเสียวซ่านให้ทั้งเขาและเธอเป็นทวีคูณ
"อูยย์ เสียวจ้ะ พงษ์ ดาเสียวมากเลย โอยยย" วิภาดาสูดปากคราง พร้อมยกแขนขึ้นโอบหัวพีรพงษ์อย่างลืมตัว ขาเธอยันถีบพื้นเตียงจนผ้าปูที่นอนยับย่น พอดูดกินความหอมหวานจากยอดปทุมจนพอใจแล้ว พีรพงษ์ก็หันความสนใจมาที่ส่วนล่างของเธอ เขาเลื่อนตัวลงต่ำจนใบหน้าอยู่เหนือเนินสวาทซึ่งบัดนี้มีเพียงเนื้อผ้า กางเกงในสีขาวปิดบังอยู่เท่านั้น กลิ่นน้ำหอมปนกับกลิ่นอับน้อย ๆ โชยมาเข้าจมูกเขา พีรพงษ์ฟุบหน้าลงไปแล้วใช้ลิ้นเลียไปจนทั่วเนินอย่างไม่รังเกียจ โดยเฉพาะตรงบริเวณที่เนื้อผ้ามีรอยชื้น
"ว้าย พงษ์ไปทำอะไรตรงนั้น อูยย ดาเสียวไปหมดแล้ว ฉี่จะแตกแล้ว" วิภาดาร้องครางลั่นห้อง เธอบิดตัวไปมาด้วยความเสียว มือเลื่อนลงไปกดหัวพีรพงษ์อย่างลืมตัว ความรู้สึกเธอล่องลอยไปไกล ความเสียวจากการเล้าโลมก่อนหน้านี้เมื่อมารวมกับการกระตุ้นเม็ดแตดด้วยลิ้น อุ่น ๆ ทำให้อารมณ์เธอกระเจิดกระเจิงจนควบคุมไม่ได้ เธอกำลังจะถึงจุดสุดยอดเป็นครั้งแรกด้วยน้ำมือของชายคนที่เธอรัก
"โอ๊ยยย ฉี่แตกแล้ว พงษ์ พงษ์ขา" วิภาดากรีดร้องออกมาเมื่อความเสียวพุ่งขึ้นถึงจุดวิกฤติ วินาทีนั้นน้ำเสียวก็ไหลรินออกมาจนเปียกกางเกงใน โพรงหีเธอบีบตอดเป็นระยะ ๆ ความเสียวซ่านแล่นไปทั่วร่างจนตัวสั่นกระตุก เธอกดหัวพีรพงษ์แนบกับเนินหีเธอไว้แน่นจนเขาแทบหายใจไม่ออก
พีรพงษ์ผงกหัวขึ้นจากเนินสวาทเธอเมื่ออาการเกร็งของวิภาดาสงบลง เขารู้ว่าเธอได้ถึงจุดสุดยอดไปแล้ว และในตอนนี้เธอพร้อมแล้วสำหรับการสอดใส่ เขายื่นมือจับขอบกางเกงในตัวจิ๋วแล้วลากมันลงไปตามเรียวขาจนหลุดออกไปจาก ปลายเท้า พีรพงษ์จ้องมองโคกหีของคนรักอย่างหลงใหล มันนูนเด่นพองาม มีขนขึ้นปกคลุมเต็มแคม น้ำเสียวที่ไหลทะลักออกมาเปียกขนหมอยจนลู่แนบติดกับเนื้อเนิน เขาเลื่อนตัวขึ้นไปทาบทับวิภาดา วิภาดาแยกขาออกโดยอัตโนมัติให้พีรพงษ์แทรกตัวเข้ามาแล้วจับลำควยจ่อเข้ากับ เนินหีเธอ พอควยเขาแตะแคมหี ทั้งสองคนก็สูดปากครางด้วยความเสียว พีรพงษ์ทนต่อไปไม่ไหวเลยกดสะโพกลงไปแต่เนื่องจากเป็นครั้งแรกของเขาและไม่ รู้ว่าโพรงหีอยู่ตรงไหน ปลายควยจึงไถลขึ้นไปชนเม็ดแตดจนวิภาดาตัวสั่นครางระงมอีกครั้ง เธอเอื้อมมือลงไปกำลำควยเขาแล้วจ่อส่วนหัวเข้ากับปากช่องโพรงของตัวเอง พีรพงษ์ห่มตูดกดควยลงไปโดยไม่รอช้า ส่วนหัวบานใหญ่ผลุบหายเข้าไปในรูหีที่ฉ่ำแฉะทันที ทั้งคู่ซี๊ดปากด้วยความเสียวอีกครั้ง พีรพงษ์ค่อย ๆ กดควยลงไปช้า ๆ ด้วยเกรงว่าวิภาดาจะเจ็บ โพรงหีของวิภาดาแม้ว่าจะใหม่เอี่ยมถอดด้ามแต่ด้วยความเสียวก่อนหน้านี้และ น้ำรักที่หล่อลื่นเป็นอย่างดีทำให้เธอพร้อมรับสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามา ความเจ็บปวดจึงไม่มากนัก
มันเป็นความรู้สึกที่แปลกใหม่สำหรับทั้งสองหนุ่มสาวเหมือนได้ไปท่องโลกอื่น พีรพงษ์รู้สึกถึงความคับแน่นและร้อนชื้นโอบกระชับรอบลำควยเขาในขณะที่เขา โหย่งตูดกดควยลงไป รสสัมผัสช่างเลอเลิศหาที่เปรียบมิได้ ดีกว่าสาวควยตัวเองเป็นไหน ๆ ส่วนวิภาดาก็รู้สึกตึงแน่นที่ส่วนล่างของร่างกาย แต่ความรู้สึกนี้ก็มีความเสียวซ่านปะปนอยู่ไม่น้อย ยิ่งตอนที่ลำควยพีรพงษ์เคลื่อนเข้ามา มันเสียดสีกับเม็ดแตดเธอและครูดกับผนังโพรงหลืบจนเธออดไม่ได้ต้องสูดปาก ครางออกมา
พีรพงษ์ขย่มสะโพกลงไปเป็นครั้งสุดท้ายจนมิดลำควย ขนหมอยของคู่รักวัยรุ่นได้มาสัมผัสกันเป็นครั้งแรก วิภาดาและพีรพงษ์จ้องมองตากันแน่วนิ่งด้วยความรักระคนกับแรงตัณหา
"ผมรักดาที่สุดเลยครับ" พีรพงษ์บอกความรู้สึกภายในของตัวเอง
"ดาก็รักพงษ์ค่ะ ตอนนี้เราเป็นของกันและกันแล้วใช่มั้ยคะ พงษ์ต้องรักและถนอมดาตลอดไปนะคะ" วิภาดาตอบอย่างเอียงอาย
"ผมให้สัญญาครับ" พีรพงษ์ตอบ เขายกสะโพกสาวควยขึ้นจากรูหีวิภาดาแล้วก็กดพรืดลงไปจนมิดอีกครั้ง วิภาดาสูดปากครางกระเส่าด้วยความเสียวซ่าน ตอนนี้ความอายฝ่ายตรงข้ามได้เลือนหายไปหมดแล้วเพราะในขณะนี้ทั้งคู่เปรียบ เสมือนบุคคลเดียวกันไปเรียบร้อย วิภาดายกหัวขึ้นมองลงไปด้านล่าง ภาพที่เธอเห็นคือลำควยอวบอ้วนเป็นมันปลาบด้วยน้ำเงี่ยนของเธอเองขยับเข้าออก หีเธออย่างเป็นจังหวะจะโคน
"อูยย ดาเห็นด้วย เห็นควยพงษ์เข้าหีดา ซี๊ด" วิภาดาสูดปาก
"เสียวมั้ยจ๊ะที่รัก พงษ์เองก็เสียวเหลือเกิน หีดาดูดควยพงษ์ดีเหลือเกิน" พีรพงษ์ชมคนรัก เมื่อเห็นว่าวิภาดากำลังเงี่ยนได้ที่จนไม่รู้สึกเจ็บแล้ว เขาก็เร่งจังหวะกระเด้าขึ้นจนเต้านมวิภาดาสั่นกระเพื่อมตามแรงหนุ่ม กระเด้าแต่ละครั้งเรื่องไม่มิดลำเป็นไม่มี เสียงควยพุ่งเข้าออกรูหีที่เปียกแฉะดังเจ๊าะแจ๊ะ ๆ เพิ่มความกำหนัดแก่พีรพงษ์ที่เพิ่งรู้จักการเย็ดเป็นกำลัง ส่วนวิภาดาเองก็เสียวไม่แพ้กัน ก่อนหน้านี้ที่ถึงสวรรค์ด้วยลิ้นของพีรพงษ์เธอก็ว่าสุขล้ำแล้ว แต่การที่ถูกเย็ดด้วยลำควยของจริงมันดียิ่งกว่าจนเทียบกันไม่ได้ ความตึงแน่นในโพรงหีกับความรู้สึกที่มีลำควยร้อนผ่าววิ่งเข้าออกตัวเธอทำให้ เธอเสียวอร่อยจนอยากกรีดร้องออกมา
พีรพงษ์ก้มหน้าลงไปบดปากแลกจูบกับคนรัก วิภาดาในตอนนี้ก็เสียวจนลืมอาย ส่งลิ้นนุ่ม ๆ ออกมาตวัดรัดพันกับลิ้นของพีรพงษ์จนน้ำลายปนเปกันไม่รู้ว่าของใครเป็นของใคร ในระหว่างนั้นสะโพกของทั้งสองก็ขยับเข้าหากันเร็วขึ้นเรื่อย ๆ วิภาดาเรียนรู้โดยธรรมชาติว่าถ้าเธอแอ่นสะโพกขึ้นไปหาเขาในจังหวะที่เขากด ควยลงมา มันจะทำให้ควยเข้าไปในหีเธอได้ลึกขึ้นและเพิ่มความเสียวขึ้นอีกเป็นทวีคูณ วิภาดาโอบแขนรัดลำตัวพีรพงษ์ไว้แน่น ตาเธอหลับพริ้มดื่มด่ำกับความสุขเสียวที่คนรักรุ่นน้องมอบให้ สองหนุ่มสาวเหงื่อชุ่มตัวหายใจหอบกระเส่าจากการกระเด้าเย็ดอย่างไม่ลืมหูลืม ตา
"อูยย์ ผมจะถึงแล้วนะดา ผมแตกในตัวดาได้มั้ย อาวว์" พีรพงษ์ใกล้ถึงจุดจบ ต้องรีบถอนปากแล้วขอความเห็นจากวิภาดา
"ดา...ดาก็จะเสร็จเหมือนกันค่ะ ได้สิคะพงษ์ ประจำเดือนดาเพิ่งหมดไปอาทิตย์ที่แล้วเอง ซี๊ด โอยย์" วิภาดาส่งเสียงตอบกระท่อนกระแท่น
"ถึง...ถึงแล้ววววว" พีรพงษ์โหย่งตูดกดควยลงไปสุดแรงเป็นครั้งสุดท้ายเมื่อถึงจุดสุดยอด น้ำควยอุ่น ๆ ฉีดพุ่งเข้าโพรงหีสาวคนรักชุดแล้วชุดเล่าจนวิภาดารู้สึกร้อนวูบไปทั่วท้อง น้อยและเธอเองก็เสร็จเหมือนกัน
"โอ๊ยยย เสร็จแล้ว..." วิภาดากรีดร้องออกมาโดยไม่อายพร้อมกับยกขาเรียวงามขึ้นรัดรอบก้นพีรพงษ์ช่วย กดให้ควยเขาจมลึกเข้าไปในหีเธอยิ่งขึ้น โพรงหีเธอบีบรัดลำควยเขาเป็นจังหวะเหมือนจะรีดน้ำรักเขาให้หมดตัว
พีรพงษ์ฟุบตัวลงไปกับเนื้อตัวนุ่ม ๆ ของวิภาดา ทั้งคู่หอบหายใจเหนื่อยราวกับวิ่งทางไกล แต่บนใบหน้าทั้งสองกลับประดับด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขที่ได้มอบสิ่งที่หวงแหน ให้กันและกัน พีรพงษ์ยกตัวขึ้นแล้วประทับจูบวิภาดาอย่างดูดดื่ม แล้วบอกเธอว่า "ผมรักดาที่สุด ผมจะไม่มีวันทิ้งดา"
"ดาก็เช่นกันค่ะ" วิภาดายิ้มให้เขาแล้วโอบแขนกอดพีรพงษ์แน่น
ทั้งคู่นอนกอดกันต่ออีกราวสิบนาทีก่อนจะลุกขึ้นไปทำความสะอาดตัวในห้องน้ำ วิภาดาต้องรีบกลับบ้านก่อนที่พ่อแม่ของพีรพงษ์จะกลับมา พีรพงษ์จึงออกมาส่งเธอที่หน้าบ้าน
หลังจากวันนั้น ทั้งคู่ก็นัดพบกันและหาความสุขด้วยกันอีกหลายต่อหลายครั้งจนทั้งพีรพงษ์และ วิภาดาต่างก็ชำนาญในชั้นเชิงกามมากขึ้น มีการเปลี่ยนท่าทางร่วมรักอย่างหลากหลายยิ่งขึ้น ความรักของทั้งคู่ก็ยิ่งเบ่งบานสดใส จนถึงวันที่พีรพงษ์เรียนจบม.6 เขาบอกพ่อแม่ว่าเขาจะไม่เรียนต่อ แต่จะออกมาหางานทำและแต่งงานกับวิภาดา ทั้งพ่อและแม่เขาคัดค้านหัวชนฝาแม้ว่าเขาจะบอกว่าเขาและวิภาดาได้เสียกัน แล้ว พ่อแม่เขาติดต่อพูดคุยกับพ่อแม่ของวิภาดาอย่างเคร่งเครียดแล้วทั้งสองฝ่ายก็ เห็นพ้องต้องกันว่าสองหนุ่มสาวนี้ไม่เหมาะสมกัน ทางฝ่ายพ่อแม่ของวิภาดาส่งตัววิภาดาไปเรียนต่อที่ต่างประเทศในทันทีโดยทั้ง สองหนุ่มสาวไม่มีโอกาสได้เจอกันอีกเลย
ตั้งแต่วิภาดาจากไป พีรพงษ์ก็เอาแต่นั่งซึมกระทือ ไม่เป็นอันกินอันนอน ใครพูดด้วยก็ไม่พูดด้วยจนพ่อแม่เขาผิดสังเกตุ ต้องไปปรึกษาจิตแพทย์ ซึ่งจิตแพทย์ก็แนะนำว่า เป็นอาการของโรคซึมเศร้า ควรเปลี่ยนบรรยากาศไม่ให้อยู่ที่เดิมซึ่งจะทำให้คิดมาก พ่อแม่พีรพงษ์จึงส่งเขาเข้ามาทำงานในกรุงเทพ
"พงษ์...พงษ์..." เสียงเรียกชื่อเขา พร้อมกับมีมือมาเขย่าตัว พีรพงษ์หลุดจากภวังค์แห่งความคิดคำนึงกลับมาสู่ความเป็นจริงในปัจจุบัน วิลาสินีกำลังจับแขนเขาเขย่าเบา ๆ พร้อมจ้องมองใบหน้าเขาด้วยสีหน้าเป็นห่วง
"ครับคุณวิ มีอะไรเหรอครับ" พีรพงษ์เอ่ยถาม สีหน้าวิลาสินีค่อยคลายความกังวลลง
"ก็เธอเอาแต่เหม่อลอย ฉันบอกให้เธอเริ่มเดโมโปรแกรมให้ลูกค้าดูตั้งหลายครั้งแต่เธอก็ไม่ตอบ"
"ขอโทษครับ ผมไม่เป็นไรแล้ว เริ่มกันเลยนะครับทุกท่าน" พีรพงษ์กล่าวขอโทษทุกคนในที่ประชุม แล้วเริ่มนำเสนอโปรแกรมที่ได้เตรียมมา การนำเสนอเป็นไปด้วยความกระชับ เน้นฟีเจอร์หลัก ๆ ที่โรงพยาบาลต้องใช้ น้ำเสียงของพีรพงษ์ก้องกังวาลเต็มไปด้วยความมั่นใจในผลิตภัณฑ์ของบริษัทตัว เอง หลังการนำเสนอจบลงก็เป็นการสอบถามข้อสงสัยต่าง ๆ ซึ่งทั้งวิลาสินีและพีรพงษ์ก็ตอบได้เป็นที่พอใจทุกข้อ
"ขอบคุณครับสำหรับการนำเสนอในครั้งนี้ ผมขออนุญาตประชุมกรรมการบริหารเป็นการส่วนตัวสักครู่นะครับ เชิญคุณวิและเจ้าหน้าที่ออกไปรอที่ห้องรับรองก่อนนะครับ" ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบอกวิลาสินี
ในห้องรับรอง วิลาสินีและพีรพงษ์นั่งติดกันบนโซฟา วิลาสินีหันมามองสำรวจพีรพงษ์อย่างเป็นห่วงพร้อมสอบถามว่าไม่สบายหรือเปล่า ซึ่งพีรพงษ์ก็ตอบว่าไม่เป็นอะไร แค่คิดอะไรเพลิน ๆ เท่านั้นเองแล้วก็ก้มหน้าก้มตาเล่นกับเจ้าโน้ตบุ้คคู่กาย วิลาสินีถอนหายใจแล้วส่ายหน้าด้วยความเป็นห่วง
ทั้งสองคนนั่งรออยู่ราวครึ่งชั่วโมง จากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่มาเชิญวิลาสินีกลับไปที่ห้องประชุม ทิ้งให้พีรพงษ์นั่งรออยู่ที่ห้องรับรอง สิบห้านาทีต่อมา วิลาสินีก็กลับมาพร้อมรอยยิ้ม แต่ละก้าวที่เธอเดินเหมือนติดสปริง พีรพงษ์ไม่ต้องรอให้วิลาสินีเอ่ยปากเขาก็รู้ว่าการเจรจาครั้งนี้ประสบความ สำเร็จ
หลังจากขับรถออกมาจากโรงพยาบาลโดยพีรพงษ์เป็นคนขับและวิลาสินีนั่งอยู่ข้าง ๆ ขณะนั้นเป็นเวลาสี่โมงครึ่งแล้ว พีรพงษ์ถามเธอว่าจะกลับไปที่ออฟฟิซรึเปล่า วิลาสินีตอบว่าไม่ต้อง วันนี้ต้องไปฉลองความสำเร็จกันหน่อย แล้วบอกทางให้พีรพงษ์ขับไปตามที่เธอสั่ง
ทั้งคู่เดินเข้าไปในร้านอาหารหรูแห่งหนึ่งในย่านพัฒน์พงษ์ พอบริกรมาพาไปนั่งโต๊ะและสั่งอาหารแล้วก็คุยกันเรื่องที่เพิ่งไปเสนอโปรแกรม มา ดูวิลาสินีจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เธอยิ้มและหัวเราะตลอดเวลา พีรพงษ์ก็เออออไปกับเธอตามมารยาท
เมื่อบริกรเสริฟอาหาร วิลาสินีก็สั่งเบียร์มาหนึ่งขวดและแก้วสองแก้ว ทั้งสองคนรับประทานอาหารแล้วดื่มเบียร์ไปด้วย บรรยากาศในร้านอาหารแห่งนั้นกำลังคึกคัก เสียงเปียโนที่บรรเลงจากฟลอร์ด้านซ้ายเป็นเพลงคลาสสิคของบีโธเฟ่น แสงไฟสีนวลสาดส่องลงมาจากเพดานสะท้อนกับบานกระจกที่ติดอยู่ตามเสาและผนัง ห้องเป็นประกายวับวาว วิลาสินีที่ดื่มเบียร์ไปสองแก้วเริ่มผ่อนคลายมากขึ้น เธอยิ้มและพูดคุยอย่างร่าเริง ส่วนมากแล้วพีรพงษ์จะเป็นฝ่ายฟังเธอพูดเสียมากกว่า เขาจ้องมองวิลาสินีที่นั่งอยู่ตรงข้ามโต๊ะ แสงที่สะท้อนจากกระจกทำให้ใบหน้ารูปไข่ของเธอดูเด่นเป็นพิเศษ ริมฝีปากอิ่มทาลิปมันเป็นสีแดงสดตัดขับผิวหน้าที่ขาวผ่อง ตอนที่เธออารมณ์ดีเช่นนี้ ดูใบหน้าเธออ่อนเยาว์กว่าอายุจริงมากนัก
"คุณวิครับ อย่าดื่มมากไปกว่านี้เลยนะครับ เดี๋ยวจะเมา" พีรพงษ์เตือนเธอด้วยความหวังดี
"แหม มันก็ต้องฉลองกันหน่อยที่งานนี้สำเร็จอย่างงดงาม เธอก็มีส่วนช่วยเยอะนะ โดยเฉพาะการเดโมที่ตรงใจผู้บริหารมากจนเขาตกลงใจซื้อโปรแกรมของบริษัทเรา" วิลาสินีตอบอย่างอารมณ์ดี
พีรพงษ์ไม่พูดอะไรต่อ อาการซึมเศร้าของเขาแม้ว่าจะดีขึ้นบ้างแล้ว แต่ในบางขณะเขาก็ยังอยากอยู่คนเดียวเช่นในขณะนี้ หลังจากที่เขาและวิลาสินีกินข้าวเย็นเสร็จ เขาถึงกับต้องประคองเธอไปขึ้นรถ เพราะวิลาสินีดื่มเบียร์ไปคนเดียวจนเกือบหมดขวด
พอเขาพาเธอไปนั่งตรงที่นั่งข้างคนขับแล้ว พีรพงษ์ก็เดินอ้อมไปเปิดประตูข้างคนขับแล้วถอยรถออกจากที่จอดของร้าน ก่อนจะออกสู่ถนนใหญ่ เขานึกขึ้นได้ว่าวิลาสินียังไม่ได้รัดเข็มขัดนิรภัยเลย เขาจึงหันไปกะจะบอกเธอ แต่ก็พบว่าเธอเมาจนเกือบหมดสติแล้ว เสื้อสูทของเธอหลุดลุ่ย กระดุมเม็ดบนหลุดออกจนมองเห็นฐานอกอวบอิ่มขาวผ่อง ส่วนกระโปรงผ่าข้างก็ร่นขึ้นมาจนมาถึงกลางท่อนขาอ่อน รอยผ่าที่ยาวอยู่แล้วก็ทำให้เขามองเห็นขึ้นไปถึงโคนขาเธอที่มีขนอ่อน ๆ ปกคลุมอยู่ พีรพงษ์ต้องสูดลมหายใจลึก ๆ สะกดข่มความรู้สึกพลุ่งพล่านในใจลง แล้วเอื้อมมือไปเขย่าตัววิลาสินี แต่วิลาสินีได้แต่ส่งเสียงดังอ้อแอ้และไม่มีท่าทีว่าจะรู้สึกตัวเลย
พีรพงษ์มองซ้ายมองขวา เมื่อไม่เห็นว่ามีคนอยู่แถวนั้น เขาก็ปลดเข็มขัดนิรภัยของตัวเองออกแล้วโน้มตัวข้ามวิลาสินีไปหยิบปลาย เข็มขัดด้านซ้ายของเธอ ขณะที่เขาโน้มตัวไปนั้น กลิ่นกายของวิลาสินีที่ปนไปด้วยกลิ่นเหงื่อและเบียร์ก็โชยมากระทบจมูก แผงอกเขาเสียดสีกับหน้าอกหน้าใจที่พุ่งโชนของเธอโดยไม่ได้ตั้งใจจนเขารู้สึก ได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจเธอ เขารีบดันตัวออกห่างแต่มือซ้ายเจ้ากรรมดันลื่นหลุดจากเบาะทำให้ใบหน้าเขาซุก ลงไปตรงหน้าตักเธอพอดี จมูกเขากดลงไปบนเนินเนื้อของเธอด้วยความบังเอิญ วิลาสินีส่งเสียงครางออกมาทั้งที่ยังหลับตาอยู่ พีรพงษ์รีบยันตัวขึ้นแล้วเงยหน้าขึ้นมามอง เมื่อเห็นวิลาสินียังไม่รู้สึกตัว เขาก็ถอนใจด้วยความโล่งอกแล้วรีบดึงสายเข็มขัดอ้อมผ่านตัวเธอมายังปลายอีก ด้านหนึ่ง สายตาเขาอดไม่ได้ที่จะมองต่ำลงไปยังขาอ่อนขาว ๆ ของเธอที่โผล่พ้นชายกระโปรงที่ร่นขึ้นมา มันขาวเนียนและดูเต่งตึงจนไม่น่าเชื่อว่าเป็นของผู้หญิงวัย 39 เกือบสี่สิบแล้ว จากท่อนขาอ่อนที่อวบกำลังเหมาะกับรูปร่างลงไปยังหัวเข่าที่กลมมนและส่วนน่อง ที่เป็นรูปเรียวไม่มีเส้นเลือดขอดเลยแม้แต่เส้นเดียว เป็นช่วงขาที่สาว ๆ หลายคนต้องอิจฉา
พีรพงษ์หักห้ามใจตัวเองเบือนสายตาออกจากเรียวขาขาว ๆ เบื้องหน้า เขารัดเข็มขัดนิรภัยอีกครั้งแล้วขับรถออกจากร้านอาหารแล้วออกสู่ถนนใหญ่กลับ ไปยังบ้านของวิลาสินี
วันนั้นรถติดเป็นพิเศษ กว่าจะถึงบ้านของวิลาสินีก็ใช้เวลาร่วมสองชั่วโมง ในระหว่างที่รถติดอยู่นั้น วิลาสินีก็ค่อย ๆ สร่างเมา เธอร้องขอน้ำดื่มแล้วเทน้ำลงบนผ้าเช็ดหน้า จากนั้นก็เอามาเช็ดหน้าเช็ดตาตัวเอง พีรพงษ์ถอนหายใจด้วยความโล่งอกที่เขาคงไม่ต้องอุ้มเธอขึ้นบ้าน
พอขับรถเข้าโรงจอดและดับเครื่องแล้ว พีรพงษ์ก็ลงจากรถแล้วเดินอ้อมไปเปิดประตูให้วิลาสินี
"เชิญครับคุณวิ" พีรพงษ์พูดอย่างสุภาพ
"แหมอะไรกันจ๊ะพงษ์ ลืมไปแล้วเหรอว่าที่บ้านน่ะไม่ต้องเรียกคุณวิหรอก นั่นน่ะใช้เรียกตอนที่เราอยู่ที่ทำงานเท่านั้นจ้ะ" วิลาสินีกระเง้ากระงอดต่อว่าต่อขานหลานชาย
"ขอโทษครับป้าวิ ผมลืมไป" พีรพงษ์ตอบผู้เป็นป้า วิลาสินีเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของแม่เขา แม่เขาแต่งงานตั้งแต่อายุ 17 และคลอดพีรพงษ์ในปีถัดมา ส่วนวิลาสินีเป็นคนเรียนเก่ง สอบชิงทุนไปต่างประเทศได้และเรียนต่อจนได้ปริญญาเอกที่นั่น พอกลับมาที่ประเทศไทย เธอก็ทำงานให้กับบริษัทหลายต่อหลายบริษัทจนเก็บหอมรอมริบได้พอสมควรจึงออกมา เปิดบริษัทซอฟท์แวร์ของตัวเอง แม่ของพีรพงษ์จึงฝากเขาเข้าทำงานในบริษัทของพี่สาวเพราะเห็นว่าพีรพงษ์ชอบ คอมพิวเตอร์เป็นทุนเดิมและวิลาสินีจะได้ช่วยดูแลอาการซึมเศร้าของหลานชายให้ ด้วย พีรพงษ์จึงย้ายมาอยู่บ้านวิลาสินีได้เดือนกว่า ๆ แล้ว แต่เวลาที่อยู่ที่บริษัท เขาต้องเรียกป้าว่าคุณวิเพื่อไม่ให้พนักงานคนอื่นรู้ว่าทั้งสองคนเป็นญาติ กันเพราะวิลาสินีเกรงว่าจะเสียการบังคับบัญชา ซึ่งพีรพงษ์เองก็ไม่ได้คิดอะไรมากในส่วนนี้
วิลาสินีก้าวลงจากรถ สายตาของพีรพงษ์ที่ก้มต่ำก็เหลือบเห็นท่อนขาขาว ๆ ตอนที่แยกออกจากกันก่อนที่จะเบือนสายตาหลบ วิลาสินีลุกขึ้นแต่แล้วก็เซจนเกือบล้ม พีรพงษ์ต้องรีบประคองเธอขึ้นไปบนบ้าน หลังจากให้เธอนอนพักอยู่บนโซฟาในห้องรับแขกจนหายเวียนหัวแล้ว พีรพงษ์ก็ขอตัวกลับขึ้นห้องตัวเอง ส่วนวิลาสินีก็กลับเข้าห้องตัวเอง อาบน้ำแล้วเข้านอน

akine


psm_mach

เริ่มเรื่องได้ดี ดูท่าน่าจะสนุกครับ คุณวิน่าจะเป็นแค่น้านะครับ เป็นป้าดูแก่ไปหน่อยทั้งที่อายุ 39 ขอบคุณที่นำเรื่องมาลงให้อ่านครับ

devilzoa


yoot2499x

แม่ไม่ให้แต่งกับสาวิายุมากกว่าแต่สงสัยจะเสร็จน้องสาวตัวเอง 


naivenom

เคยอ่านมาแล้ว แต่มาอีกรอบกะยังลุ้นเหมือนเดิม ขอบคุณครับ


hanabombam

งานนี้มีเสียว ป้าหลาน จะต้องมีเสียวกันแน่ๆ เเต่ว่าเมื่อไรกันนะ