ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

พยัคฆราชถล่มมังกรดอย ตอนที่ 4 เขี้ยวเล็บม้งเฒ่า 1

เริ่มโดย wattana2015, พฤษภาคม 14, 2017, 05:01:10 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

wattana2015

พยัคฆราชถล่มมังกรดอย  4  by wattana 2015


พยัคฆราชถล่มมังกรดอย   ตอนที่  4  เขี้ยวเล็บม้งเฒ่า  1

ความเดิม

  เพชรขานรับแล้วก็เดินตามเข้าไปไร่ของผู้ใหญ่บ้านทันที  เดินออกจากหมู่บ้านมาไกลโขร่วมชั่วโมงกว่าจะถึงไร่ของพ่อหลวงม้ง  ไปถึงก็ยังไม่ทันพักเหน่อยม้งทั้งบ้านก็พากันขุดไร่ถางพงเพื่อเตรียมการเพาะปลูก 

  เพชรเห็นไร่ฝิ่นแซมอยู่ทั่วบริเวณที่แปลงเพาะปลูก  สมัยนั้นถึงเป็นสิ่งผิดกฏหมายบ้านเมืองก็ตามแต่กลางป่ากลางดงเช่นนี้เจ้าหน้าที่หน่วยไหนจะมีเวลาส่งกำลังเข้ามาตรวจสอบบ้าง  มันก็เลยเป็นเรื่องปกติไป  แต่ม้งบ้านนี้เท่าที่ดูมีคนทั้งบ้านอยู่ไม่มากนัก  คงเพราะอาศัยอยู่ห่างไกลเลยไม่ค่อยมีคนอยู่อาศัยด้วยการเดินทางลำบากอาศัยแต่การเดินเท้า  ถนนหนทางยังไม่เจริญเช่นสมัยใหม่ทุกวันนี้

  สาวๆหน้าตาจิ้มลิ้มก็พอมีแต่ไม่มากเท่าไหร่ ราวๆยี่สิบกว่านางคงเป็นลูกสาวของพ่อหลวงหรือผู้ใหญ่บ้านหรือผู้อาวุโสในเผ่า  ม้งทั้งบ้านกะจำนวนประชากรน่าจะในราวสองร้อยกว่าชีวิตมากน้อยกว่านี้ไม่เท่าไหร่ ทำงานกันตั้งแต่เช้าจนบ่ายตะวันตรงหัวจึงหยุดพักกินข้าวกัน...


  สาวม้งนั้นน้องนางแต่ละนางสวยเป็นธรรมชาติแก้มแดงเพราะอากาศเย็นบนดอยไม่ต้องอาศัยเครื่องประทินผิวอย่างสาวสมัยใหม่  และยุคเก่านั้นความเจริญยังยากที่จะย่างกรายเข้าไปเยือนในป่าดงพงไพร  ถ้านับชนเผ่าเท่าที่ดูด้วยใจเป็นธรรมไม่ลำเอียงละก้อบรรดาสาวบนดอยนั้นน่าจะนับสาวม้งเป็นเทพธิดาดอยก็ว่าได้  และสาวในเผ่าที่ค่อนข้างจะหาคนสวยยากสักหน่อยลำดับสุดท้ายน่าจะเป็นเผ่าอีก้อเพราะใบหน้าสาวๆในเผ่าค่อนข้างจะกลมคล้ายพวกมองโกเลียใบหน้าเลยแบนๆไม่ค่อยมีรูปหน้าเรียวสวยเหมือนสาวเผ่าม้ง,กระเหรี่ยง หรือเผ่าอื่นๆ

สาว อีเม สาวม้งคนสวย

  ขณะทำงานเพชรก็ลอบมองสังเกตท่าทีของคนในบ้านม้งไปเรื่อยๆ ว่าภายในบ้านมีการเคลื่อนไหวสิ่งใดๆบ้างมีการติดต่อจากบุคคลหรือกลุ่มบุคคลภายนอกเข้ามาอย่างผิดสังเกตหรือไม่ เพชรในคราบของหนุ่มอีก้อเล่าซูเข้ามาแฝงตัวขอทำงานที่บ้านม้ง  วิธีนี้นับเป็นการแฝงตัวที่ไม่เป็นที่ผิดสังเกตของคนในบ้านม้งเพราะการทำงานเป็นเรื่องปกติโดยเฉพาะการทำงานในไร่ที่ใช้แรงงาน  มีคนยิ่งมากก็ยิ่งดีงานจะได้เสร็จไวเพราะสมัยเก่าเช่นนี้ยากที่จะหาเครื่องทุ่นแรงใดๆได้นอกจากมือและเท้าของทุกคนช่วยกันออกแรงแบ่งกันทำงาน

   **เกร็ดความรู้**ม้ง หมายถึง อิสระชน เดิมอาศัยอยู่ในประเทศจีน ต่อมาชาวจีนเข้ามาปราบปราม เป็นเหตุให้อพยพลงมาถึงตอนใต้ของจีน และเขตอินโดจีน ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และตอนเหนือของประเทศไทย ประมาณพ.ศ. 2400 โดยมีสองกลุ่มได้แก่ ม้งน้ำเงินและม้งขาว ไม่ชอบให้เรียกว่าแม้ว โดยถือว่าเป็นการดูถูกเหยียดหยาม ประชากรของม้งในประเทศไทย มีมากเป็นอันดับ 2 รองจากกะเหรี่ยง ตั้งถิ่นฐานอยู่ตามภูเขาสูง หรือที่ราบเชิงเขาในเขตพื้นที่จังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน แพร่ ลำปาง กำแพงเพชร เลย พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย และตาก

   ภาษาม้งจัดอยู่ในสาขาเมี้ยว-เย้าจองตระกูลจีน-ธิเบตไม่มีภาษาเขียนแต่ยืมตัวอักษรภาษาโรมัน มาใช้ ม้งไม่มีภาษาที่แน่นนอน ส่วนใหญ่มักจะรับภาษาอื่นมาใช้พูดกัน เช่น ภาษาจีนยูนนาน ภาษาลาว ภาษาไทยภาคเหนือ เป็นต้น ซึ่งม้งทั้ง 3 เผ่าพูดภาษาคล้ายๆ กัน คือ มีรากศัพท์ และไวยากรณ์ที่เหมือนกัน แต่การออกเสียงหรือสำเนียงจะแตกต่างกันเล็กน้อย ม้งสามารถใช้ภาษาเผ่าของตนเอง พูดคุยกับม้งเผ่าอื่นเข้าใจได้เป็นอย่างดี แต่ม้งไม่มีภาษาเขียนหรือตัวหนังสือ อย่างไรก็ตามในปัจจุบันชาวม้งได้เขียน และอ่านหนังสือภาษาม้ง โดยการใช้ตัวอักขระหนังสือละติน (Hmong RPA) เรื่องราวความเป็นมาต่างๆ ของม้ง จึงอาศัยวิธีการจำและเล่าสืบต่อกันมาเพียงเท่านั้น

   ในอดีตนั้นม้งอาศัยอยู่ตามภูเขาอยู่ตามธรรมชาติ ม้งต้องตรากตรำทำงานหนักอยู่แต่ในไร่เท่านั้น ทำให้ม้งไม่มีเวลาที่จะดูแลตัวเองและครอบครัว ดังนั้นชีวิตความเป็นอยู่ของม้งจึงเป็นแบบเรียบง่าย เพราะคลุกคลีกับธรรมชาติเป็นส่วนใหญ่เท่านั้น ชีวิตประจำวันของม้งคือ จะทำไร่ ทำสวน และหารายได้เล็กน้อยเพื่อจุนเจือครอบครัว ส่วนเรื่องอาหารก็จะเป็นเรื่องเรียบง่าย

    ในการกินอาหาร ม้งนิยมใช้ตะเกียบซึ่งรับมาจากธรรมเนียมจีน ส่วนเหล้าจะนิยมดื่มกันในงานเลี้ยงต่างๆ เช่น งานแต่งงาน งานเลี้ยงญาติ อาจเป็นญาติของภรรยาที่มาเยี่ยม ฝ่ายญาติทางสามีจะต้องรินแก้วเหล้าแจก ครั้งละ 2 แก้ว โดยเชื่อกันว่าจะทำให้คู่สามีภรรยาอยู่ด้วยกันตลอดไป ก่อนจะดื่มเหล้าแต่ละคนจะพูดว่า "ผมจะดื่มเพื่อทุกคน" และจะต้องคว่ำจอก หรือคว่ำแก้วเมื่อหมดแล้ว ม้งจะนิยมดื่มเหล้าครั้งเดียวหมดแก้ว มีการดื่มซ้ำวนเวียนหลายครั้ง ผู้ที่มิใช่นักดื่มย่อมจะทนไม่ได้ อาจขอให้บุคคลอื่นช่วยดื่มแทนก็ได้ เหล้าจะทำกันเองในหมู่บ้าน ซึ่งทำจากข้าวโพด ข้าว หรือข้าวสาลี ม้งให้เกียรติแก่ผู้ชาย เพราะฉะนั้นผู้หญิงจึงรับประทานอาหาร หลังผู้ชายเสมอ การประกอบอาหารของม้งส่วนใหญ่จะเป็นในลักษณะการต้ม ทอด และม้งยังมีความสามารถในการถนอมอาหาร ซึ่งในการถนอมอาหารสามารถถนอมได้หลายแบบ เช่น การหมัก การดอง (ซึ่งปัจจุบันนี้ ม้งส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้ตะเกียบในการรับประทานข้าวแล้ว ส่วนใหญ่จะใช้ช้อนมากกว่า ซึ่งเมืองไทยแทบจะไม่พบม้งที่ใช้ตะเกียบในการทานข้าว แต่ม้งที่ประเทศลาวยังคงใช้ตะเกียบในการรับประทานข้าวอยู่)

   ชนเผ่าม้ง นิยมสร้างบ้านอยู่บนภูเขาสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งม้งบางกลุ่มจะมีการปลูกฝิ่นเป็นพืชหลัก แต่ในปัจจุบันนี้ ม้งได้รับพระมหากรุณาธิคุณ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ให้อพยพมาตั้งรกรากอยู่ในพื้นราบลุ่มเขา และยังมีม้งบางกลุ่มก็ยังคงตั้งรกรากอยู่บนดอย แต่ไม่ลึก การคมนาคมพอที่จะเข้าไปถึงได้ หมู่บ้านม้งจะประกอบด้วยกลุ่มเรือนหลายๆ หย่อม แต่ละหย่อมจะมีบ้าน  ราวๆ 7-8 หลังคาเรือน โดยที่มีเรือนใหญ่ของคนสำคัญอยู่ตรงกลาง ส่วนเรือนที่เป็นเรือนเล็กจะเป็นลูกบ้านหรือลูกหลาน ส่วนแต่ละหย่อมนั้นจะหมายถึงตระกูลเดียวกัน หรือเป็นญาติพี่น้องกันนั่นเอง

  ตัวบ้านปลูกคล่อมอยู่บนพื้นดินที่ทุบแน่น โดยใช้พื้นดินเป็นพื้นบ้าน ฝาบ้านเป็นไม้แผ่น มุงด้วยคา มีห้องนอน กับห้องครัวในบ้าน บ้านจะมีขนาดใหญ่ เพราะอยู่อาศัยในลักษณะครอบครัวขยาย ม้งถือผู้อาวุโสเป็นหัวหน้าครอบครัว วัสดุส่วนใหญ่ใช้ไม่เนื้ออ่อน ผนังกั้นระหว่างห้องหรือบ้านทำใช้ลำไม้ไผ่ ผ่าคลี่เป็นแผ่น หลังคามุง ด้วยหญ้าคา หรือใบจาก แต่เสาจะเป็นไม้เนื้อแข็ง แปลนเป็นแบบง่ายๆ ตัวบ้านไม่มีหน้าต่าง เนื่องจากอยู่ในที่อากาศหนาวเย็น ใกล้กับประตูหลัก จะมีเตาไฟเล็ก และแคร่ไม่ไผ่สำหรับนั่งหรือนอน เอาไว้รับแขก กลางบ้านจะเป็นที่ทำงานบ้าน เข้าไปในสุดด้านซ้ายจะเป็นเตาไฟใหญ่สำหรับ ทำอาหารเลี้ยงแขกจำนวนมาก และเอาไว้ต้มอาหารหมู บางบ้านจะมีครกไม้ใหญ่สำหรับตำข้าวเปลือก มีลูกโม่หินสำหรับบดข้าวโพด แป้ง ถั่วเหลือง ใกล้กับที่ทำงานจะมีกระบอกไม้ใผ่รองน้ำตั้งอยู่ สำหรับมุมบ้านฝั่งขวามักจะกั้นเป็นห้องนอนของพ่อแม่ กับลูก

   ภายในบ้านจะมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ อยู่ 4 แห่ง คือ ประตูทางเข้าหลัก, เสากลางบ้าน, ผนังบ้านที่ตรงข้ามกับประตูหลัก (เป็นสถานประกอบพิธีกรรมทางไสยศาสตร์ของม้ง จะประกอบด้วยกระดาษที่ตัดมาติดเป็นแผ่นใหญ่และยาวเป็นรูปสี่เหลี่ยม และมี การตั้งโต๊ะหมู่บูชาจะมีภาชนะกระป๋องหรือ กระบอกไม้ไผ่ใส่ข้าวเปลือก หรือ ขึ้เถ้า หรือข้าวโพดก็ได้ จะนำธูปจำนวน 7 ดอกมาปักข้างๆ กระบอกธูป จะมีกระบอกสุรา และกระบอกน้ำไว้เซ่นไหว้), และเตาไฟใหญ่

   ชาวม้งจะไม่ค่อยย้ายที่อยู่บ่อยนักเมื่อเทียบกับเผ่าอื่น บางทีอยู่นาน 15-20 ปี จึงย้ายไปอยู่ที่ใหม่ และอาจย้ายกลับมาที่เดิมอีกม้งมีระบบ เครือญาติที่มั่นคงมาก จึงเป็นการยากที่จะถูกกลืนโดยชนชาติอื่นๆ ในปัจจุบันนี้ยังมีการสร้างบ้านเรือนเช่นนี้อยู่ แต่พบน้อยมาก ส่วนใหญ่ม้งจะรับวัฒนธรรมของสังคมอื่นๆมา จึงทำให้การสร้างบ้านเรือนเปลี่ยนแปลงไป   โดยสร้างบ้านเรือนเหมือนกับคนไทยมากขึ้น และจะมีการย้ายบ้านเมื่อมีโรคระบาด หรือมีเหตุการณ์ที่ร้ายแรงเกิดกับหมู่บ้าน หรือขัดแย้งกับราชการจนต้องมีการต่อสู้เกิดขึ้น

  ในการย้ายแต่ละครั้งจะมีการย้ายแบบระมัดระวังที่สุด เมื่อใกล้จะย้ายแล้วม้งมีการขุดหลุมเพื่อที่จะฝังสัมภาระ ที่เป็นหม้อข้าว-หม้อแกงที่ไม่จำเป็นมาก และจะทำเครื่องหมายบางอย่างที่สามารถที่จะจำได้ไว้ เพื่อย้อนกลับมาเอาเมื่อเหตุการณ์สงบเรียบร้อย เมื่อเริ่มย้ายม้งจะนำม้า เป็นพาหนะในการบรรทุกของ โดยให้ผู้ชายนำขบวนเดินทางพร้อมกับแผ้วถางทางเดินให้กับผู้หญิง และลูกเดินตามกับม้าที่บรรทุกของด้วย และผู้ชายที่มีอาวุธอยู่ท้ายขบวนคอยป้องกันดูแล เมื่อการเดินทางไปถึงบริเวณที่ต้องการที่จะตั้งรกรากแล้ว การที่จะอยู่ในบริเวณนั่นได้นั้น จะต้องให้คนที่เป็นหมอผีหรือคนทรงเจ้าจะเป็นคนเสี่ยงทายพี้นที่นั้นก่อน เพื่อความอยู่รอดของเผ่าม้ง

   ความเชื่อก่อนที่จะปลูกบ้านเรือน  ม้งจะมีการเสี่ยงทายพื้นที่ที่จะมีการปลูกบ้านเรือนก่อน เพื่อครอบครัวจะได้มีความสุข และร่ำรวย โดยกระทำดังนี้ เมื่อเลือกสถานที่ได้แล้ว จะขุดหลุมหนึ่งหลุมแล้วนำเม็ดข้าวสารจำนวนเท่ากับสมาชิกในครอบครัวโรยลงในหลุม แล้วโรยข้าวสารอีกสามเม็ดแทนสัตว์เลี้ยงเสร็จแล้ว จะจุดธูปบูชาผีเจ้าที่เจ้าทาง เพื่อขออนุญาต และเอาชามมาครอบก่อนเอาดินกลบ รุ่งขึ้นจึงเปิดดู หากเมล็ดข้าวยังอยู่เรียบ ก็หมายความว่า ที่ดังกล่าวสามารถทำการ ปลูกสร้างบ้านเรือนได้ รอบๆ ตัวบ้านมักจะมีโรงม้า คอกหมู เล้าไก่ ยุ้งฉางใส่ข้าวเปลือก ถั่ว และ ข้าวโพด

   ผู้ชายม้ง มักมีคำนำหน้าว่า "เลา" เช่นเดียวกับจีนฮ่อและเย้า และมีนามสกุลเป็นแซ่   เช่นเดียวกับจีน เช่นชื่อ เล่ายิ่ง เลาเต็ง เลาอู คำนำหน้านามของผู้หญิงมีชื่อว่า "อี" เช่น อีชิ อีมี่ อีไม เป็นต้น

   และอย่างที่เกริ่นไว้ข้างต้นว่าสาวเผ่าม้งนั้นสวย   เพชรเองเลยทำงานได้ๆเรื่อยโดยทำไปแอบมองสาวสวยในเผ่าว่ามีมากน้อยเพียงใด  จนเผลอแอบเหล่มองไปที่สาวสวยนางหนึ่งที่ดูแล้วน่าจะเป็นลูกสาวของตัวพ่อหลวงบ้าน(ผู้ใหญ่บ้าน)ม้งนั่นเอง  เธอคนนั้นดูสวยผุดผาดมีน้ำมีนวลสมกับเป็นสาววัยใสรุ่นกำดัดที่งามเปล่งปลั่งเหนือสาวใดในเผ่า  เขาแอบมองจนตะลึงในความสวยของหล่อน

   เจ้าหล่อนคนสวยที่สุดในเผ่าชื่อ อีเม ร่างสูงเพรียวรูปร่างดีกว่าสาวคนอื่นๆในเผ่า  ใบหน้าหวานสวยซึ้ง  เพชรหรือเล่าซูแอบมองวงหน้างามนั้นจนตะลึงเสียสมาธิในงานทำงานในไร่ไปนานโข  จนพ่อหลวงหรือผู้ใหญ่บ้านที่เป็นพ่อของเจ้าหล่อนมองด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์นักเลยโยนขอนไม้เข้าสีข้างเป็นการเตือนเบาๆว่าให้ทำงาน 

   คนม้งทั้งเผ่าจะทำงานกลางแดดแบบนี้แทบทั้งวันและทุกๆวันเนื่องจากอยู่ห่างไกลความเจริญไม่ทำมาหากินก็จะไม่มีกิน  และเวลาที่ทำงานคนม้งก็ทำกันจริงจัง  แต่ถึงทำแบบนั้นผลผลิตที่ได้ก็พอแค่เลี้ยงปากท้องไปวันๆแค่พอมีกินเท่านั้นเพราะการปลูกอาศัยธรรมชาติทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์จึงหวังอะไรแน่นอนไม่ได้กับฟ้าฝน  ยิ่งเผ่าม้งเองอาศัยอยู่บนเขาสูงจึงเป็นปกติในเรื่องนี้

   ถึงพ่อเฒ่าจะมองด้วยสีหน้าท่าทางไม่พอใจแต่ยังไม่ว่าอะไรมากเพราะถึงจะเสียสมาธิไปบ้างแต่มือของเล่าซูเองก็ยังทำงานไม่หยุด  ยังคงจับจอบขุดดินไปเรื่อยๆเหมือนคนอื่น  แต่สาวอีเมก็ลอบแอบมองท่าทีของเจ้าหนุ่มแปลกหน้าต่างเผ่าไปพลางๆด้วยความเขินอายจนแก้มแดงตามประสา  ถึงจะแต่งตัวมอซอแต่เลาซูก็มีใบหน้าที่คมคายหล่อเหลาในสายตาสาวๆไม่น้อย  เจ้าหล่อนที่เป็นสาวบริสุทธิ์ย่อมพึงใจที่มีหนุ่มหน้าตาคมคายมาลอบมองตนเอง


    

   สาวน้อยแสนสวยรีบเดินนำไปที่ตัวบ้านของหล่อนทันที  ก่อนที่ผู้เป็นพ่อจะรอนานไปกว่านี้   มื้อค่ำของบ้านป่าบ้านดอยแบบนี้ก็เป็นพวกเผือกพวกมันต้ม  มีเนื้อก็เป็นพวกสัตว์ที่ล่าได้ตามป่าเขาพวกนกหนู  นานๆทีจึงจะมีมาให้กินกันไป  เพราะเหตุนี้พ่อหลวงจึงมองเขาเปลี่ยนไปตอนที่เขาหากินได้ด้วยเองไม่ต้องพึ่งใครโดยเฉพาะการล่าสัตว์และการหาของป่าไปขายในเมืองสมัยนั้นหาคนแบบเขาได้น้อยแทบนับตัวได้ 

   คนบนดอยความรู้น้อยและไม่ค่อยกล้าเดินทางออกจากถิ่นเข้าไปในเมืองนักถ้าไม่จำเป็นถึงขนาดว่าเป็นเรื่องคอขาดบาดตายอย่างเรื่องเจ็บป่วยหนัก  สาเหตุหลักหนึ่งนั้นเพราะเดินทางลำบากเพราะการคมนาคมไม่สะดวกถนนหนทางยังไม่มีเหมือนปัจจุบัน... 


เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

Adriano

แหม สาวดอยส่วนใหญ่ผิวดีนะ ได้ขาวเนียน มันก็น่ามองไปอีกแบบ ขอบคุณมากจ้า    ::DookDig::

xonly289548

สาวดอยจริงเปล่านิสวยกว่าคนที่ราบอีกไอ้หนุ่มของเราคงรวบอีกละ

Pongsathorn Weerahong

เจอเทพธิดาดอยแล้วหละ ขอบคุณสำหรับความรู้เรื่องม้งครับ

thum2520


koboy

เคยเจอชาวม้งที่เชียงคำ ใช้แซ่ครับ ผมเจอตระกูลแซ่เต็ม หรือเต็มศิริมงคล สาวๆ หน้าตาหมวยๆ น่ารักครับ ผู้ชายสํงผอมส่วนใหญ่ ได้รู้จักเหล้าป่าดองกระเพาะเม่น ที่นี่แหละครับ เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว

mspeed


nitty46

ไม่ทันไรจะสอยสาวม้งซะแล้ว 5555
ขอบคุณท่านผุ้เขียนครับ

pd19811983

สาวดอยผิวดีมากสวยๆก็เยอะนะครับ
อีเม นีี้ยิ่งสวยเลย ถ้าเหมือนในรูปก็คงดี

wmpm2703


nooy01

ส่วนตัวชอบสาวเหนือมาก ยิ่งอยู่บนดอยยิ่งชอบ ยังไงจะติดตามผลงานนะครับ

cannabis999

 ::WooWoo::ได้ความรู้เกี่ยวกับม้ง แบบละเอียดมาก แจ๋วมากเลยครับ

pj762856


somc217

นอกจากความสนุกของเนื้อเรื่องแล้ว
ยังได้รับความรู้เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับเรื่องของม้งจากผู้เขียนอีกด้วย
ขอบคุณมากครับ

air111fox

เกร็ดความรู้เพียบ เพลิดเพลินไปกับเนื้อเรื่องจริงๆ