ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

หัวใจรักที่ปิดตาย (7)

เริ่มโดย twintower, พฤษภาคม 24, 2017, 01:06:53 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

twintower

****จากผู้เขียน****

เรียนท่านผู้อ่านผมจะแจ้งให้ทราบก่อนนะครับว่างานเขียนเรื่องหัวใจที่ปิดตาย  หลังจากตอนที่ 7 ไปแล้ว จะมีอีก 2ตอน  แต่ 2 ตอนที่เหลือจะไม่มีบทเสียวเลยครับ เลยแจ้งให้ทราบล่วงหน้า  และยังประหลาดใจตัวเองไม่หายว่าทำไมถึงแต่งได้ยาวขนาดนี้ แต่คงเป็นเพราะ ผมเลือกที่จะไปแต่งตอนจบของเรื่องไว้ก่อนอย่างที่บอกไปในตอนที่ 5 เลยต้องแต่งหาจุดเชื่อมเพื่อไปให้ถึงตอนจบให้ได้  เพราะเรื่องนี้ตั้งใจไว้แต่ต้นแล้วว่าจะไม่เปลี่ยนตอนจบเลยตั้งใจเขียนตอนจบไว้ล่วงหน้าครับ   แต่กว่าจะลงตัวได้เล่นเอามึนไปเหมือนกัน  ยอมรับว่าใส่รายละเอียดปลีกย่อยไปค่อนข้างเยอะ  เพื่ออธิบายความเป็นมาของยู เนื้อหาเลยเพิ่มขึ้นครับ ส่วนเรื่องบทสรุปชีวิตครอบครัว ชีวิตรัก ของพอลนักบินหนุ่มกับภรรยาสาวจะลงเอยอย่างไร แต่งจบไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่คนเแต่งขอตรวจทานอีกครั้งนะครับ

ขอบคุณครับ

**** Twin Tower ****

*******************************************************************

จนช่วงเช้าอัปษรนั้นตื่นนอนที่หลังแฮ็คเธอเดินเข้าไปจัดการตัวเองในห้องน้ำและพบว่ามีเสื้อคลุมแขวนอยู่เธอจึงหยิบสวมและเดินออกมาด้านนอก พบว่าเจ้าของห้องนั่งจิบกาแฟอยู่บนโซฟาร์ตัวยาวโดยอยู่ในชุดเสื้อคลุมเหมือนกัน พอเห็นดาราสาวเดินมาแฮ็คจึงทักไปว่า

"ตื่นมานานหรือยัง"

"พึงตื่นคะพี่"

"ษรจะรับกาแฟไหมพี่จะไปชงมาให้"

"ไม่ละคะพี่ ษรไม่ค่อยดื่มกาแฟ ขอบคุณคะ"

ดาราสาวพูดก่อนจะนิ่งไปชั่วขณะแต่แฮ็คก็ไม่ถามอะไร  เพราะถือว่าตนเองนั้นถือไพ่ที่เหนือกว่า  แล้วดาราสาวจึงตัดสินใจพูดมาว่า

"พี่แฮ็คเรื่องเมื่อคืน อย่างที่ษรบอกไปษรมีความสุขมากจริงๆคะษรไม่มีความสุขแบบนี้มานานแล้วคะ"

"พี่ก็ว่าแบบนั้นแหละและษรก็สนองตอบได้อย่างดี  เหมือนอัดอั้นมานาน"

ดาราสาวได้ตัดสินใจเล่าเรื่องเมื่อคืนระหว่างเธอกับขิงให้แฮ็คฟัง  เพราะไหนๆเธอมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับไฮโซสาวและเธอพอจะเดาออกว่าแฮ็คคงพอรู้ประวัติเธอมาบ้างไม่อย่างนั้นเมื่อคืนคงไม่ดักคอในเรื่องอดีตของเธอ ซึ่งเธอได้พูดปิดท้ายว่า

"พี่ลองคิดดูสิคะ เจอแบบนี้ใครจะไม่หงุดหงิด  ท่าดีทีเหลวนกกระจอกไม่ทันกินน้ำ แถมเล็กๆก็เล็กแต่ดีที่มาเจอพี่ช่วยษรไม่งั้นเมื่อคืนคงอกแตกตาย"

แฮ็คนั้นนั่งฟังอย่างเดียวพร้อมกับนึกไปถึงยู  ว่าถ้าอัปษรเจอยูเข้าไปแล้วลีลาของยูจะไม่ทำให้ดาราหลงใหลหนักเข้าไปอีกหรือและยังกล้าเอาเรื่องบนเตียงมาพูดโดยไม่อาย  แต่ดีที่เธอได้สกัดไว้เรียบร้อยแล้ว แฮ็คจึงทำทีเอามือไปลูบหน้าเหมือนแสดงความเห็นใจ  แต่สายตาของดาราสาวมองไปเห็นร่องอกของแฮ็คที่โผล่จากเสื้อคลุม ซึ่งมันปลุกอารมณ์ของเธอได้อย่างดี  แต่แฮ็คนั้นพูดมาว่า

"น่าสงสารอย่าไปสนใจเลยคะผู้ชายแบบนั้น ไม่สร้างความสุขเรื่องบนเตียงให้เราได้พวกเห็นแก่ตัว  แล้วปล่อยให้เราค้างคา"

ดาราสาวเอามือไปลูบที่ขาอ่อนของแฮ็คก่อนจะเลื่อนสูงขึ้นไปถึงบริเวณเอวถึงแม้จะมีเสื้อคลุมสวมทับอยู่แต่เธอก็รู้ว่าแฮ็คนั้นสวมเสื้อคลุมอย่างเดียวเหมือนกับเธอ  ซึ่งแฮ็คปล่อยให้เธอลูบคลำจนอัปษรยื่นหน้าไปจูบกับแฮ็คและไฮโซสาวรับการจูบอย่างเต็มใจ และอัปษรที่อารมณ์คลุกกรุ่นเต็มที่แล้ว

"มื้อเช้านี้ษรขอกินพี่นะคะ เห็นพี่แต่งตัวแบบนี้แล้วษรเงี่ยนคะ"

ก่อนที่เธอจะเอาหน้าไปซุกไซร้ตรงเต้านมของแฮ็คที่เสื้อคลุมเริ่มจะรุ่ยร่าย แล้วเลื่อนหน้ามาแลกจูบอันดูดดื่มอีกครั้งริมฝีปากที่บางเฉียบของทั้งคู่ประกบกันแน่น  แฮ็คเอื้อมมือทั้งสองกอดดาราสาวแน่น อัปษรซุกไซร้ไปตามซอกคอของแฮ็ค  ประสบการณ์ที่เธอเคยได้จากอดีตผู้จัดการที่เป็นทอมนั้นสอนให้เธอรู้วิธีทำรักแบบหญิงกับหญิงได้อย่างดี  ทั้งๆที่ในตอนนั้นส่วนใหญ่เธอจะเป็นฝ่ายตั้งรับซะมากกว่า และเสื้อคลุมของทั้งสองก็หลุดออกจากร่างกายโดยอัปษรเป็นคนจัดการ  ร่างของแฮ็คนอนราบลงบนโซฟาร์โดยที่อัปษรเริ่มเอาหน้าไปซุกไซร้ที่เต้านม  พร้อมดูดสลับไปมาทั้งสองข้าง 

แฮ็คนั้นครางออกมาไม่หยุดหย่อน บางครั้งอัปษรจะเอาเต้านมของเธอมาสีกับเต้านมของแฮ็คก่อนจะเลื่อนหน้าลงไปด้านล่าง  ซึ่งโคกหีที่ชุ่มฉ่ำของไฮโซสาวนั้นรอรับการลงลิ้นจากเธออยู่แล้ว  อัปษรเอาจมูกที่โด่งจากการศัลยกรรมฝังลงไปในร่องหีของแฮ็คพร้อมสูดดมความหอมก่อนจะใช้ลิ้นกวาดเข้าไปในรูหี  แฮ็คนั้นร้องออกมาทันที

"ษรขาพี่ เสียว ซี๊ดดดดดดดดดด  พี่ทรมาณอู๊ยยยยยยยยย เลียคะเลียเลย"

ดาราสาวนั้นลงลิ้นอย่างต่อเนื่อง  เพราะเธอคิดไว้ว่าถึงเธอนั้นจะไม่ชอบเรื่องการมีสัมพันธ์กับผู้หญิงด้วยกันเท่าไหร่นัก เพราะเธอชอบของแท้จากผู้ชายมากกว่าแต่ในอนาคตเธออาจจะต้องมาขอพึ่งพาแฮ็คในบางครั้งเพื่อผ่อนคลายความเงี่ยนของเธอและที่สำคัญเธอไม่ต้องกินยาคุมด้วย  เธอจึงอยากทำให้ม่ายสาวคนนี้ติดใจ คิดได้แบบนี้อัปษรจึงเกร็งลิ้นและเลียอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเสียงครวญครางของแฮ็คนั้นมันสร้างบรรยากาศได้อย่างดี  ร่างของแฮ็คส่ายไปมาบนโซฟาร์จนเธอนั้นทนไม่ไหว  แอ่นกายขึ้นรองรับลิ้นจากดาราสาวพร้อมมือที่ที่จับบ่าดาราสาวแน่น ก่อนจะร้องมาว่า

"ษรขาพี่ถึงแล้ว  พอก่อนพี่เหนื่อย"

อัปษรหยุดเลียแต่จูบไปบนโคกหีที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำรักและน้ำลายของเธอแรงๆและเอาตัวไปทาบบนตัวแฮ็คหน้าอกของทั้งคู่สีกันไปมา พร้อมกับการจูบอย่างดูดดื่มอีกครั้ง  อารมณ์สวาทของดาราสาวนั้นยังไม่ดับ  เธอประคองให้แฮ็คขึ้นมานั่ง ทันทีที่ทรงตัวมานั่งได้  แฮ็คเอาหน้าฝังไปที่หน้าอกของดาราสาวทันที  อัปษรแอ่นกายรองรับ  แต่แฮ็คนั้นยังไม่ใช้ริมฝีปากมาดูดดื่ม ใช้จมูกสูดดมไปมาทั้งสองเต้า  จนพอใจก่อนจะใช้ริมฝีปากงับไปเบาๆที่เต้านมและเอาลิ้นไปแตะอัปษรเป็นฝ่ายครางบ้างแฮ็คดูดสลับไปมาเหมือนกับที่ดาราสาวทำให้เธอ มือทั้งสองของแฮ็คเลื่อนไปบีบขยำสะโพกของดาราสาวอย่างเมามัน พร้อมกัดเบาๆที่เต้านมของอัปษรจนเธอร้องออกมา

"ดีคะพี่ ดีทำแบบนี้ษรชอบๆๆๆๆๆ  ทอมผัวเก่าษรก็ทำแบบนี้คะ ซี๊ดดดดดดด"

หลังจากที่ดูดดื่มกับเต้านมที่ผ่านการศัลยกรรมมาแล้ว  แฮ็คจับให้อัปษรพิงไปที่พนักพิง  และจับขาของดาราสาวกางออกพร้อมกับตัวเธอที่ทรุดกายลงไปนั่งบนพื้น  แต่ก่อนที่เธอจะทำอะไร  อัปษรใช้มือกดใบหน้าของไฮโซสาวฝังลงไปที่โคกหีของเธอทันทีพร้อมกับคำพูดที่ว่า

"เลียเลยคะพี่  เลียเลย"

แฮ็คสนองตอบความต้องการของอัปษรตามที่เธอขอ  และคราวนี้เป็นฝ่ายดาราสาวที่ดิ้นพร่านแต่แอ่นกายขึ้นรองรับการลงลิ้นของแฮ็คพร้อมเสียงครางที่ดังอย่างต่อเนื่อง แฮ็คนั้นทั้งเลียสลับกับดูดที่เม็ดแตดยิ่งเพิ่มความเสียวให้กับดาราสาวอย่างมากจนเธอมีอาการเกร็งและครางเสียงยาวออกมา  แฮ็คจึงลุกขึ้นไปนั่งข้างๆอัปษรก่อนที่จะแลกจูบกันดูดดื่มและประคองร่างที่เปล่าเปลือยไปล้างคราบไคลกันที่ห้องน้ำ  หลังจากนั้นแฮ็คชวนอัปษรทานมื้อเช้าแต่เธอปฏิเสธเพราะเธอจะมีถ่ายรายการจะขอกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน  และก่อนที่เธอจะเดินออกจาก  อัปษรได้ถามแฮ็คว่า

"พี่แฮ็คแล้วเรื่องของเราต่อไปละคะ"

"พี่ไม่ใช่เลสเบี้ยนนะ เรื่องของเราเมื่อคืนพี่อยากให้อยู่ในความทรงจำมากกว่า ธรรมชาตินะสร้างให้ ผู้หญิงคู่กับผู้ชายแต่พี่ก็ไม่ปิดโอกาสนะเพราะษรสร้างความสุขให้กับพี่ได้มาก  เอาเป็นว่าถ้าเรามีโอกาสมีความต้องการเราก็ค่อยมาสนุกกันอีกแล้วกันนะ  แต่พี่ชอบผู้ชายมากกว่า  เหมือนกับษรนั่นแหละ"

ดาราสาวได้ยินคำตอบที่ไม่ปิดโอกาสซะทีเดียวก็ยิ้มรับพร้อมหอมแก้มหม้ายสาวไฮโซอีกครั้งก่อนจะออกจากห้องพร้อมกับความคิดตอนระหว่างขับรถกลับคอนโดของเธอว่า

"จริงสินะ  ผู้หญิงต้องคู่กับผู้ชาย  แต่ถ้าเจอแบบไอ้ขิงบ่อยๆก็ไม่ไหวเหมือนกัน ถ้าไม่ได้พี่แฮ็คช่วยตีฉิ่งให้วันนี้แม่คงเหวี่ยงน่าดูตอนไปถ่ายรายการ"

ผิดกลับอีกฝ่ายที่กลับไปนั่งที่โซฟาร์พร้อมกับความคิดที่ว่า

"ยูเธอน่าจะพ้นกรงเล็บแม่เสือสาวจอมล่าสวาทแล้วนะ  เจอพี่จัดให้ถึงขนาดนี้พร้อมเรื่องของยูที่พี่เสริมแต่งให้ แต่สาวคนที่ยูไปด้วยนะพี่ดูแล้วน่าจะสมกับยูดีนะ"

เธอคิดพร้อมรอยยิ้มเมื่อเธอนึกไปถึงภาพที่เธอเห็นตอนยูเดินไปกับแพงซึ่งหน้าตาที่สวยงามพร้อมกับบุคลิกของหญิงสาวที่เธอเห็นนั้น ทำให้ดูแล้วเหมาะสมกับชายหนุ่มเป็นอย่างมาก

ฝ่ายยูในวันรุ่งขึ้นแพงนั้นเป็นเจ้ามือเลี้ยงอาหารยูที่โรงอาหารซึ่งเธอบอกว่า น้องสาวสนใจที่จะส่งเรซูเม่ไปสมัครงานยูจึงขอชื่อกับนามสกุลและอีเมลของน้องสาวแพง  ก่อนจะพิมพ์ส่งความไปให้พี่น้อย ซึ่งไม่นานนักก็ได้รับการตอบกลับมาว่าให้ส่งมาได้เลย ยูจึงบอกแพงไปซึ่งเธอรีบโทรไปบอกน้องสาว และยูเห็นว่าเธอทานข้าวถึง 2 จาน ฝ่ายหญิงสาวก็บอกไปหลังจากที่เห็นฝ่ายชายมองมาที่อาหารตรงหน้าว่า ขอกินอาหารไทยให้เต็มที่ก่อนเพราะมะรืนนี้ก็จะกลับไปสเปนแล้ว   ซึ่งตอนแรกยูอยากจะชวนเธอไปทานข้าวเย็นแต่นึกได้ว่าเธอควรจะใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวให้ได้มากที่สุด และยูได้ขอเบอร์โทรศัพท์ซึ่งแพงให้แต่โดยดีและบอกมาว่า

"เบอร์นี้แพงใช้ที่เมืองไทยนะเป็นเบอร์แบบเติมเงิน กลับไปทำงานที่นั่นก็ทิ้งได้เลย"

"แล้วเบอร์ที่สเปนละครับ เผื่อผมจะได้โทรหาคุณตอนไปผมที่นั่น"

"เดี๋ยวนะ"

หญิงสาวทำปากจู๋ก่อนพลิกสมุดโน้ตที่ถือติดมาแล้วยิ้มแบบเขินๆออกมาเมื่อหาสิ่งที่ต้องการก่อนจะจดเบอร์และฉีกกระดาษให้ยูพร้อมบอกว่า

"ชั้นจำเบอร์ไม่ได้ต้องจดไว้"

ยูเอาเบอร์ที่เธอให้มาบันทึกไว้ในโทรศัพท์  จนวันต่อมาทั้งคู่ทานข้าวกลางวันอีกและคราวนี้ยูเป็นเจ้ามือโดยตอนแรกหญิงสาวจะไม่ยอม  เพราะบอกว่ายูเลี้ยงบะหมี่ให้ทั้งครอบครัวเธอแล้ว  แต่ชายหนุ่มบอกว่า ให้เธอเลี้ยงไอติมแพงเลยยอม และยูได้ถามเวลาที่เธอจะบินไปสเปน  ก่อนจะบอกว่าอาจจะไปส่งถ้าไม่ติดงาน  แค่นี้ก็ทำเอาหญิงสาวแอบปลื้มแล้วเพราะทั้งคู่ต่างรู้ว่าในเวลา 2 วันที่ผ่านแม้จะมีเวลาที่เจอกันช่วงสั้นๆแต่ความสัมพันธ์ก็คืบหน้าไปมาก ถึงแม้ 2 วันนี้ยูจะไม่ได้ไปส่งแพงที่บ้านก็ตามทีเพราะชายหนุ่มมีงานที่ต้องทำจำนวนมากทั้งงานในหน้าที่และงานที่ต้องรับผิดชอบของกลุ่มเมนเตซ ซึ่งหญิงสาวนั้นไม่ได้ว่าอะไร  แต่ในช่วงค่ำของวันเสาร์แพงที่ชะเง้อมองหายูที่สนามบินก็ได้รับโทรศัพท์ของยูที่โทรมาขอโทษบอกว่ามาส่งไม่ได้เพราะมีงานด่วนต้องทำ  หญิงสาวนั้นปากบอกว่าไม่เป็นอะไร แต่ใจจริงนั้นเธออยากแนะนำให้ยูรู้จักกับครอบครัวของเธอแต่พอรู้ว่ายูมาไม่ได้ เธอได้แต่บ่นในใจว่า

"อีตาบ็องส์จะมาส่งก็ไม่ได้นะ"

แต่ยูนั้นมีการประชุมทางวีดีโอกับโซเฟียร์ที่สเปนและบ็อบที่ยังอยู่มาเลเซียในเรื่องงานพอดีทำให้ไปส่งแพงไม่ได้    จนมาถึงช่วงกลางสัปดาห์ซึ่งก่อนหน้านี้ชายหนุ่มโทรหาแพงทุกวันหลังจากหญิงสาวได้เดินทางกลับไปทำงานที่นั่น  จนคนที่บ้านดูออกว่ายูนั้นเริ่มสดใสร่าเริงขึ้นมาบ้าง ยูที่กำลังเดินอยู่ในห้างสรรพสินค้าหลังเลิกงานได้ไปเจอรินกับเอิ้นที่พาพีนัสมาเดินเล่นเพราะเป็นวันหยุดของรินและเอิ้นเลิกงานพอดี ทำให้ทั้งหมดเข้าไปคุยกันที่ร้านไอติม ระหว่างที่นั่งทานไอติมอยู่นั้นรินที่ตักไอติมป้อนให้ลูกชายได้ถามเพื่อนมาว่า

"เออ ดูแกหน้าตาเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาบ้างนะนี่  ไปเจออะไรเข้ามาละ"

ทั้งรินและเอิ้นสังเกตอาการของเพื่อนสนิทได้อย่างดีจนรินเป็นฝ่ายตั้งคำถาม  ซึ่งยูก็ไม่ได้ปิดบังอะไร  เพียงแต่ยิ้มออกมาก่อนจะตอบเพื่อนไปว่า

"ชั้นว่าชั้นเจอคนที่ใช่แล้วหว่ะ"

ทำเอาเอิ้นแทบสำลักไอติมก่อนถามเพื่อนไปว่า

"เฮ้ยจริงอะ  ใครวะชั้นรู้จักหรือเปล่าอย่าบอกนะว่าเป็นยายตรี  เพราะยายนั่นก็เพ้อถึงแกตลอดแต่ชั้นไม่สนับสนุนนะ เพราะรู้ว่าแกไม่ชอบแบบนี้"

ยูหัวเราะออกมาก่อนจะเล่าเรื่องของแพงให้ฟัง ซึ่งเพื่อนทั้งสองต่างตั้งใจฟังจนรินลืมป้อนไอติมให้ลูกชาย ทำให้พีนัสดึงช้อนจากมือของแม่มาตักกินเองพอยูเล่าให้ฟังจนจบ รินได้ถามเพื่อนด้วยน้ำเสียงที่จริงจังว่า

"แกแน่ใจนะ"

"ประมาณนั้น ชั้นชอบเค้าตรงที่ชั้นบอกไปนะ  ไม่มีวางมาดวางฟอร์ม  ไม่ห่วงสวย สงสัยอะไรก็ถาม"

"แล้วเค้ารู้หรือยังว่าแกชอบเค้า"

คราวนี้เอิ้นเป็นถามขึ้นมา ซึ่งยูส่ายหัวและบอกไปว่า

"ไม่รู้หว่ะเพราะเราก็พึ่งรู้จักกัน  แต่ชั้นมั่นใจ ว่าแพงนี่แหละคนที่ใช่"

"อ้าวงี้เพื่อนชั้นรุ่นน้องชั้นหลายๆคนก็อกหักสิอุตส่าห์เซ้าซี้ขอเบอร์ขอไลน์แกจากชั้นกับพี่พู่อยู่"

รินเป็นคนพูดขึ้นมาทำเอายูหัวเราะก่อนตอบไปว่า

"พอเหอะว่ะ ไม่อยากประวัติศาสตร์ซ้ำรอย  จะให้เหมือนพ่อกับแม่หรือไง  นักการทูตกับแอร์โฮสเตสนะแค่นี่ชั้นก็ตามรอยเท้าพ่อมาทุกอย่างแล้ว"

"เออหวะ เปลี่ยนเป็นนักการทูตหนุ่มกับนักการทูตสาวก็ดี แล้วแกอย่าปล่อยให้เนิ่นนานหละ อยู่ไกลกันความรู้สึกมันอาจจะเปลี่ยนก็ได้ จะทำอะไรก็รีบๆทำซะ"

เอิ้นเป็นคนพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มเพราะเห็นว่าเพื่อนรักนั้นมีความสดใสและมีความสุขมากขึ้นจากเดิม  ยูสบตากับรินซึ่งแอร์โฮสเตสสาวพยักหน้าสนับสนุนคำพูดของน้องสะใภ้  ยูจึงตอบเพื่อนทั้งสองไปว่า

"ขอชั้นเคลียร์เรื่องบางเรื่องให้จบก่อนแล้วกันมันจะได้ไม่ค้างคา แล้วชั้นจะไปขอแพงเค้าเป็นแฟน"

ชายหนุ่มตอบเพื่อนด้วยความมั่นใจเพราะรู้อยู่ว่าตนเองมีเรื่องที่ต้องสะสางให้เสร็จเรียบก่อนจะได้ไม่มากวนใจภายหลัง จนถึงเย็นวันเสาร์ที่ห้องอาหารในโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง  ยูที่แต่งกายตามสบายได้เดินเข้าไปในห้องอาหารก่อนกวาดสายตามองไปรอบๆและเห็นตรีที่ลุกขึ้นโบกมือเรียกชายหนุ่มจึงเดินเข้าไปหา ทั้งคู่ทักทายกันก่อนที่ตรีจะเชิญให้ยูนั่ง นักข่าวสาวได้บอกมาว่าต้องขอบคุณยูที่เสียสละเวลามาให้  ยูนั้นยิ้มรับพร้อมกับคิดไปว่า นี่คงจะเป็นเรื่องสุดท้ายที่ต้องสะสางก่อนที่ตนเองจะบินไปสเปนเพื่อภารกิจของหัวใจ  เพราะเมื่อวานนี้แฮ็คได้นัดเจอกับยูและเล่าเรื่องของอัปษรให้ฟังว่าคงจะเลิกสนใจยูแล้วเพราะแฮ็คได้สร้างเรื่องขึ้นมาเล่าให้อัปษรฟัง  พอยูรู้ว่าแฮ็คเล่าอะไรให้ฟังทำเอายูนั้นหัวเราะออกมาไม่หยุดแถมยังบอกว่า

"ทำไมพี่ไม่บอกไปละครับว่า ยูเป็นแนวแบดบอยด้วยถึงมีการ์ดคุ้มกัน เธอจะได้หนีไปไกลๆไม่ต้องหวนกลับมาอีกเลย"

แฮ็คได้แต่ยิ้มเพราะยูไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างนอกจากนี้ในเรื่องของบทรักที่แฮ็คมอบให้อัปษรแต่แฮ็คเล่าเรื่องของขิงให้ฟัง  ซึ่งตอนแรกยูก็ทำท่า งงๆ  แต่พอไฮโซสาวขยายความถึงเรื่องธุรกิจทำให้ยูเข้าใจเพราะยูรู้มาว่า บ็อบนั้นได้ปฏิเสธเรื่องการขอเป็นตัวแทนในการจำหน่ายรถเพิ่มอีกของครอบครัวขิงไปเรียบร้อยแล้ว   เพราะดูจากข้อมูลแล้วไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับทางบ็อบและทีมงานได้  ก่อนที่แฮ็คจะบอกถึงข่าวซุบซิบหน้าบันเทิงที่มีออกมาว่าความสัมพันธ์ของขิงกับอัปษรนั้นสิ้นสุดลงแล้ว แต่ยูก็เฉยๆกับเรื่องนี้ เพราะแฮ็คบอกว่ายังไงอัปษรก็ไม่ทางหันกลับมาสนใจยูได้อีก ก่อนที่การพบกันคืนนั้นของทั้งคู่จะจบกันด้วยบทรักซึ่งยูสนองตอบให้ไฮโซหม้ายสาวได้อย่างเต็มที่ทั้งข้างหน้าและข้างหลัง  เพราะดูเหมือนทั้งคู่จะรู้กันดีว่านี่คงเป็นบทรักครั้งสุดท้ายของทั้งคู่  ซึ่งก่อนที่ยูจะกลับแฮ็คได้กอดยูและหอมแก้มยูเหมือนพี่สาวหอมน้องชายก่อนจะบอกว่า

"ขอให้โชคดีกับความรักนะยู  พี่เดาว่ายูคงเจอคนที่ใช่แล้ว"

ยูกอดแฮ็คตอบแต่ไม่ถามว่าเพราะอะไรทำไมแฮ็คถึงเดาออก  ยูคิดถึงเรื่องที่แฮ็คช่วยสะสางไปอีกเรื่องจนมาถึงเรื่องสุดท้ายคือเรื่องของตรีที่ยูอยากจะเคลียร์ให้จบ ยูนั้นเป็นคนโทรนัดตรีเองโดยนักข่าวสาวเป็นคนเลือกสถานที่ ซึ่งพอยูนั่งลงพนักงานรับเดินมารับออเดอร์ยูเห็นหญิงสาวมีน้ำมะนาวคั้นวางอยู่ตรงหน้า ชายหนุ่มเลยสั่งอย่างเดียวกันและบอกนักข่าวสาวที่ทำหน้าสงสัยไปว่า

"ผมโตมากับพวกน้ำผลไม้นะครับ  ส่วนตัวก็ไม่ชอบดื่มพวกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อยู่แล้ว"

ซึ่งพอจะคลายความสงสัยให้กับนักข่าวสาวลงไปได้  เพราะตอนแรกเธอนึกว่ายูจะสั่งเบียร์หรือไวน์มาดื่ม เธอชวนคุยกับยูเรื่องอื่นๆจนน้ำมะนาวคั้นที่ยูสั่งพนักงานได้นำมาเสิร์ฟให้นักข่าวสาวจึงเข้าประเด็น

"คุณยูคือคุณคงรู้ว่าที่ตรีตามคุณมาตลอดตั้งแต่ที่สเปนคือเรื่องอะไร"

"ทราบครับ  คุณอุตส่าห์ไปหาข้อมูลที่สำนักงานกฎหมายจนผู้จัดการต้องเชิญคุณออกมา"

นักข่าวสาวทำตาโต ก่อนจะย้อมถามกลับมาว่า

"แปลว่าทางนั้นรายงานคุณมาแล้วสิ"

ยูจิบน้ำมะนาวก่อนจะตอบไปว่า

"พอผมกลับเมืองไทยทางนั้นก็ส่งเรื่องมาให้ทราบแล้วครับตั้งแต่ตอนที่คุณไปรอทำข่าวที่งานเลี้ยงในโรงแรมที่มาดริดจนบอดี้การ์ดผมต้องบอกให้ตำรวจไปของร้องคุณว่าอย่าเสนอข่าวของผม และภาพจากวงจรปิดตั้งแต่คุณเดินเข้าไปจนถึงเชิญออกจากสำนักงานกฏหมาย  แต่ผมเฉยๆไม่พูดอะไรตั้งแต่เจอคุณที่บ้านเอิ้น  เพราะรู้ว่ายังไงคุณก็หาข้อมูลของผมไม่ได้ พอคุณจะถามเอิ้นมันก็ไม่บอกอยู่แล้วไม่ใช่หรือครับ"

"ทีมงานคุณสุดยอดเลยนะ  สมกับเป็นทีมงานของเมนเตซกรุ๊ปที่ครอบคลุมไปทั่งยุโรปและเอิ้น  ตรีเข้าใจเพื่อนคะ  ว่าไม่อยากที่จะเล่าเรื่องประวัติของคุณให้ฟัง"

"แล้วคุณอยากรู้อะไรจากผมละ"

นักข่าวสาวหันไปรอบๆแล้วบอกมาว่า

"ตรงนี้ไม่สะดวกที่จะคุยคะคุณยู  เพราะคนเยอะและเสียงดัง  ตรีจองห้องไว้สำหรับสัมภาษณ์คุณแล้วเชิญคะ"

ก่อนที่ยูจะพูดอะไรออกนักข่าวสาวเชิญชายหนุ่มให้เดินจากห้องอาหารทันทีและเธอบอกว่าค่าเครื่องดื่มจะไปรวมกับค่าห้องที่เธอจองไว้เพื่อสัมภาษณ์ชายหนุ่ม  ตรีไม่เปิดโอกาสให้ยูถามอะไรจนไปถึงห้องที่เธอจองไว้เพื่อสัมภาษณ์ ซึ่งปกตินักข่าวสาวจะทำแบบนี้ทุกครั้งเวลาสัมภาษณ์กับแหล่งข่าวระดับสูงแต่จะมีทีมงานมาด้วยทุกครั้งแต่ครั้งนี้ไม่ใช่เธออยากคุยกับยูเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น   ซึ่งห้องนี้เป็นห้องสูทขนาดใหญ่  เธอพายูไปนั่งในส่วนที่เป็นห้องรับแขกและจัดการรินน้ำฝรั่งให้กับยู ส่วนของเธอนั้นเป็นน้ำเปล่า พอเธอนั่งลงและเตรียมเครื่องบันทึกเสียงพร้อมสมุดจดเรียบร้อยยูจึงได้ถามไปว่า

"ลงทุนเช่าห้องสูทเพื่อสัมภาษณ์ผมเลยหรือไงครับนี่"

"ตรีคิดว่ามันคุ้มค่าคะ  เพราะถ้าบทสัมภาษณ์ได้รับการเผยแพร่เมื่อไหร่มันคงกระตุ้นยอดขายและโฆษณากับทางสำนักข่าวที่ตรีทำงานอยู่แน่คะ"

ยูถอนหายใจก่อนบอกไปว่า

"คุณตรีผมบอกตามตรงนะ  ผมคงให้สัมภาษณ์คุณตอนนี้ไม่ได้"

นักข่าวสาวนั้นมีสีหน้าที่ตกใจก่อนถามกลับมาว่า

"ทำไมละคะคุณยู"

ยูยิ้มอย่างอ่อนโยนและบอกไปว่า

"บอกตรงๆนะ ทางผมยังไม่พร้อมเท่าไหร่ในเรื่องนี้  เพราะอีกอย่างคุณอย่าลืมสิผมทำงานในกระทรวงการต่างประเทศด้วย ถ้าเรื่องแบบนี้มันถูกเผยแพร่ออกไป อย่างเป็นทางการ  ผมย้ำนะอย่างเป็นทางการมันไม่ดีต่อผมแน่นอน  เพราะปัญหาต่างๆคงตามมาอีกมาก ผมเลยบอกว่าผมยังไม่พร้อมครับ  ช่วงนี้ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องข่าวซุบซิบของคนไม่กี่คนดีกว่าครับเพราะเรื่องแบบนี้เราไม่ห้ามกันไม่ได้อยู่  โปรดเข้าใจผมด้วยครับ"

ประโยคหลังยูพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนนุ่มเอาใจเพราะเห็นได้ชัดว่าตรีนั้นมีสีหน้าที่ผิดหวังอย่าเห็นได้ชัด และชายหนุ่มได้พูดต่อไปอีกว่า

"แต่เอาอย่างนี้แล้วกันคุณตรี  ผมไม่อยากใช้คำว่าสัญญาเลยแต่ขอให้เชื่อมั่นในการรักษาคำพูดของผมว่า  ถ้าวันใดที่ผมพร้อมและตอนนั้นคุณยังต้องการสัมภาษณ์ผมอีก ผมยินดีจะให้คุณสัมภาษณ์เป็นคนแรกและพร้อมจะตอบทุกเรื่องครับ ไม่มีการสกรีนคำสัมภาษณ์ก่อนแน่นอน"

"แต่ก็ยังไม่รู้อีกเมื่อไหร่ใช่ไหมคะ"

"ใช่ครับ โปรดเข้าใจผมบ้างครับ  เพราะตอนนี้ผมใช้ชีวิตที่เมืองไทยอย่างสงบสุขเงียบๆกับแม่เพียง 2 คนครับ  ผมยังไม่อยากให้มีอะไรมารบกวนท่านครับ อยากไปไหนมาไหนได้ตามสบายไม่ต้องมีกล้องหรืองมีสายตาที่คอยจับจ้องที่สำคัญคือไม่เป็นข่าว เพราะเรารู้ว่าสื่อทางไทยเราไม่มีความสามารถที่จะมาขอร้องขอความร่วมมือได้   ไม่เหมือนสื่อในยุโรปที่ค่อนข้างเกรงใจพ่อทูนหัวของผม แล้วคุณไม่คิดหรือครับว่าผมจะอึดอัด แบบที่คุณไปเห็นที่งานเลี้ยงในโรงแรมที่มาดริด  ผมต้องถูกคุมเข้มจากทีมบอดี้การ์ด คนอื่นๆมันมองดูเท่ห์ดูมีอำนาจ ที่เวลาไปไหนมาไหนจะมีคนสวมสูทใส่แว่นกันแดดมีหูฟังเดินล้อมหน้าล้อมหลัง แต่ทั้งผมและพ่อทูนหัวก็อึดอัดนะครับ แต่พูดไม่ได้ จะไม่มีก็ไม่ได้ครับ  สู้อยู่เมืองไทยไม่ได้ คุณก็เห็นผมว่าใช้ชีวิตได้ตามสบายไปไหนมาไหนได้สะดวกจะขับรถหรือจะนั่งรถเมล์ผมก็ทำได้ตามสบาย เห็นใจผมเถอะครับ ผมอยากใช้ชีวิตที่เรียบง่ายอย่างนี้ต่อไปอีกสักพัก ก่อนที่จะเข้าไปทำงานในฐานะผู้สืบทอดเมนเตซกรุ๊ปอย่างเต็มตัวซึ่งตอนนั้นผมคงใช้ชีวิตอย่างอิสระเรียบง่ายไม่ได้อีกแล้วครับ"

ตรีนั้นพอจะเข้าใจเหตุผลแต่เธอก็ยังเสียดายโอกาสอยู่ เพราะไมรู้ว่าอนาคตถ้าถึงตอนนั้นจริงๆแล้วเธอยังจะทำงานเป็นนักข่าวอยู่หรือเปล่าถึงเธอจะเชื่อมั่นในคำพูดยูก็ตามทีเธอจึงถามไปว่า

"สักหน่อยก็ไม่ได้หรือคะคุณยู"

"ถ้าหน่อยนี่หน่อยแค่ไหนละครับ อย่าพึ่งดีกว่าครับคุณตรี"

ยูพูดด้วยน้ำเสียงหัวเราะ

"ตรีไม่อยากกลับไปมือเปล่าคะ คุณยู ไม่งั้น บก.เล่นงานตรีแน่นอน"

เธอพูดมาด้วยน้ำเสียงที่อ้อนวอน  ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆและมีสีหน้าที่เห็นใจเมื่อเห็นความผิดหวังบนใบหน้าของนักข่าวสาวก่อนจะพูดไปว่า

"งั้นเอาเรื่องการเจรจาของทางนักธุรกิจสเปนที่พึ่งมาเมืองไทยแทนไหมครับ  เพราะข่าวที่ออกมานั้นเป็นแค่การแถลงข่าวสั้นๆของทาง รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศของสเปนกับทางฝ่ายรัฐบาลไทยเท่านั้น  แต่ทางภาคธุรกิจมีแต่ข่าวของทางไทยส่วนทางฝ่ายสเปนเองดูจะไม่เป็นชิ้นเป็นอันเท่าไหร่นัก  ถึงงานนี้ผมจะเป็นแค่ผู้ประสานงาน แต่ก็เป็นแหล่งข่าวให้คุณได้ครับ"

นักข่าวสาวแทบจะไม่คิดรีบพยักหน้ารับข้อเสนอของยูทันที  เพราะเธออยากได้ข่าวจากทางฝั่งสเปนเช่นกัน  เพราะตั้งแต่เธอไปร่วมงานเลี้ยงจนถึงวันแถลงข่าว ตรีและนักข่าวฝ่ายไทยนั้นแทบจะไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันจากทางฝั่งสเปนเท่าไหร่เพราะทางนั้นบอกว่าจะสรุปหลังจากเยือนครบทุกประเทศแล้วแต่ถ้าได้จากยูซึ่งคงจะรู้อะไรลึกๆจากทางนักธุรกิจฝั่งสเปนน่าจะเป็นผลดีกับเธออย่างน้อยก็เอาไปเสนอ บก.ได้  แต่ยูบอกมาว่า

"ไม่มีการบันทึกเสียงนะครับ ขอให้จดบันทึกไป แล้วอย่าระบุว่าเป็นแหล่งข่าวระดับสูงขอให้เป็นระบุเป็นแหล่งข่าวเท่านั้นครับ"

นักข่าวสาวตกลง เธอหยิบปากกามาจดคำบันทึกการสนทนาระหว่างเธอกับยู  ซึ่งพอได้ยินคำตอบหรือบางครั้งชายหนุ่มจะใช้การคาดคะเนมาตอบ แต่เธอก็รู้ว่า คู่สนทนาคนนี้ไม่ธรรมดาเพราะ รู้จักตอบและรู้จักเลี่ยงคำตอบตรงๆในบางคำถามได้อย่างสวยงามโดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวกับกลุ่มเมนเตซ  ยูฉากออกได้อย่างงดงามทุกครั้ง สมกับที่เพื่อนของเธอบอกมาว่า ยูนั้นเป็นทั้งนักการทูตและนักธุรกิจ การสนทนาเป็นไปอย่างดีจนตรีนั้นพอใจกับการให้สัมภาษณ์ของยูถึงแม้จะเป็นคนละเรื่องกับที่เธอตั้งใจไว้  จนตรีได้ข้อมูลตามต้องการแล้วเธอได้กล่าวขอบคุณยูแล้วเก็บสมุดบันทึกลงกระเป๋าก่อนจะบอกว่า

"ขอบคุณคุณยูมากๆเลยนะคะ ถึงจะไม่ใช่เรื่องที่ตรีตั้งเป้าไว้"

"ไม่เป็นไรครับ  อย่างน้อยคุณตรีก็ไม่กลับไปมือเปล่า"

นักข่าวสาวนิ่งคิดไปชั่วขณะก่อนตัดสินใจพูดมาว่า

"คุณยูตรีขอบอกอะไรหน่อย  เพราะอย่างน้อยตรีกับคุณยูคงจะได้พูดคุยอีกหลายครั้ง  ถ้าไม่บอกตรีคงอึดอัดแน่นอนคะ  และเหมือนจะเป็นการปิดคุณยู"

"เรื่องอะไรหรือครับ"

"คือตรีพูดตรงๆเลยนะคะ  ตรีเป็นญาติกับจ็อบคะ"

ยูนิ่งไปชั่วขณะ  เพราะชื่อนี้เป็นชื่อที่ยูไม่อยากได้ยินมาตลอด 5 ปีที่ผ่านชื่อนี้เคยสร้างความปวดใจให้กับยูจนชายหนุ่มต้องหลบไปรักษาแผลหัวใจที่สเปนและมัมนั้นคอยปลอบประโลมตลอด  ยิ่งพอรู้ว่าฝ่ายหญิงนั้นไปเฝ้าแถวๆบ้านของยู  มัมเลยให้ออกข่าวว่ายูไปพักผ่อนที่ฟินแลนด์ เพื่อจ็อบจะได้ไม่มาตามหายูที่สเปน และเป็นเหตุที่ทำให้หัวใจรักของยูนั้นปิดตายมาตลอดจนมาเจอแพง ยูถอนหายใจออกมาและตอบไปว่า

"แล้วคุณมาบอกผมทำไม"

"ก็แค่บอกให้รับรู้ไว้คะ เหตุผลคืออย่างที่บอกไปแล้ว  แต่จ็อบไม่รู้นะคะว่าตรีนั้นรู้จักกับคุณยู  แต่ถ้าคุณยูอยากเจอหรืออยากคุยกับจ็อบอีกตรีจะช่วยประสานให้คะ"

"อย่าดีกว่าครับ"

"แต่จ็อบตอนนี้ก็ไม่มีใครนะคะ เพราะทั้งตรีทั้งพี่สาวก็รู้ว่าจ็อบนั้นเสียใจขนาดไหน"

"ไม่ละครับ  จ็อบเค้าทำผมเสียใจมาก  ถ้าตอนนั้นเค้าบอกว่าเค้าไม่คบผมเพราะมีอีกคนที่ดีเหมาะกับเค้ามากกว่า  ผมก็หลีกทางให้อย่างเต็มใจ  แต่นี่เค้าคบซ้อน พอผมรู้ผมขอเลิกก็โทษผมอย่างเดียว จะว่าผมไม่มีเวลาให้มันก็ไม่ใช่  ผมถึงเสียใจมากในเรื่องนี้ที่เค้าคบซ้อน  เหมือนผมโดนหลอก  ผมใช่ว่าจะเป็นคนดีนะ  แต่เจอแบบนี้เข้าไปก็ไม่ไหว  ตอนนั้นผมไม่สนหรอกว่าเค้าจะไปดักรอพบผมที่หน้าบ้าน หรือจะโทรหาผม  ผมไม่อยากจะเจอหรืออยากจะคุยกับเค้าอีกแล้วครับ  ผมเลือกทางเดินของผมแล้วครับคุณตรี"

ยูอธิบายด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย ทำให้ตรีนั้นพอจะเข้าใจในความรู้สึกของยู เธอพยักหน้าอย่างเข้าใจ  และยูนั้นได้ขอตัวกลับนักข่าวสาวได้ลุกมาส่ง ทั้งสองสัมผัสมือกัน ก่อนที่ยูจะบอกว่า

"สำหรับมิตรภาพของเราครับคุณตรี เพราะยังไงผมก็ถือว่าได้เพื่อนเพิ่มอีกหนึ่งคนเพราะยังไงคุณก็เป็นเพื่อนเอิ้นที่เป็นเพื่อนสนิทผม"

มีแววผิดหวังในแววตาของตรีแต่ยูไม่สังเกตเห็น แต่เธอฝืนยิ้มรับก่อนที่ยูจะเดินออกไป จากห้อง  ตรีนั้นถอนใจออกมาอย่างเสียดาย พร้อมกับนึกไปถึงเอิ้นที่บอกว่า ยูนั้นเป็นคนถือตัวไว้ตัวและเป็นสุภาพบุรุษซึ่งมันเป็นความจริงๆ  เพราะวันนี้เธอลงทุนขนาดนี้  เพราะลึกๆเธอหวังจะอ่อยชายหนุ่ม ซึ่งเธอแอบประทับใจตั้งแต่เจอที่สเปน นี่เป็นครั้งแรกที่เธอคุยกับแหล่งข่าวสองต่อสอง เพราะทุกทีจะมีทีมงานอย่างน้อย 1 คน ที่มาด้วย แต่มันไม่เป็นอย่างที่เธอคาดหวังเท่าไหร่ถึงแม้เธอจะได้ข้อมูลในการเขียวข่าวมาแต่เป็นคนละเรื่องกับที่ตั้งใจไว้  รวมถึงการได้อยู่ใกล้ชิดกับชายหนุ่ม  ตรีคาดหวังอะไรที่มากกว่านั้น  แต่ยูนั้นไม่มีทีท่าขนาดอยู่กับเธอสองต่อสองในห้อง  แต่ยูนั้นไม่สนใจในตัวเธอเลย และยิ่งคำพูดที่บอกว่าได้เพื่อนเพิ่มซึ่งมันคงได้แค่นี้จริงๆ ทำให้เธอคิดไปว่า

"ดูสง่า และไว้ตัวจริงๆ มิน่าใครๆถึงเข้าถึงตัวยากแม้กระทั่งสวยๆอย่างอัปษรยังไม่ถึงตัวเลย"

ตรีได้แต่ถอนใจด้วยความผิดหวัง  ส่วนยูนั้นพอเดินเข้าไปนั่งในรถ  ยูถอนหายใจออกมาด้วยความโล่ง  เพราะเคลียร์ปัญหาได้หมดแล้วไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอัปษรที่แฮ็คนั้นช่วยจัดการให้  และเรื่องของตรี  เพราะยูดูออกว่าถ้าไม่ได้มาพบกับตรี เธอคงตามไม่หยุดแน่นอน ซึ่งวันนี้หลังจากได้คุยแล้ว มันน่าจะช่วยไม่ให้เธอตามติดยูอีกต่อไป  ยูหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพร้อมนึกไปว่า

"หมดเคลียร์ปัญหาหมดแล้ว  ต่อไปก็เรื่องของเราซะที"

ยูกดโทรศัพท์และรอสายครู่หนึ่ง  พอปลายทางรับยูพูดว่า

"โซเฟียร์  ผมมีเรื่องรบกวนช่วยจัดการให้ด่วนเลยครับ คือ...................."

ผ่านไป 1สัปดาห์ ช่วงสายๆของวันเสาร์ ที่อพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่งที่มาดริด แพงที่พึ่งตื่นนอนได้ไม่นานและอาบน้ำเรียบร้อยเธอกำลังคิดว่าจะออกไปหาอะไรทานคนเดียว เพราะเบญที่พักอยู่ไม่ไกลออกไปนั้นลากลับเมืองไทยพอดี  ทำให้เธอไม่รู้จะชวนใครไปทานด้วยเพราะเธอสนิทกับเบญมากที่สุด  และด้วยอารมณ์ที่กำลังเริ่มหงุดหงิด แพงมองไปที่โทรศัพท์ก่อนจะบ่นออกมาว่า

"ตาบ็องส์  หายไปไหนนะ  เมื่อวานก็ไม่โทรมาหาไลน์ไปก็ไม่อ่าน"

ที่เธอบ่นอย่างนี้เพราะเมื่อวานยูไม่ได้โทรมาหาเธอ  ซึ่งช่วงเวลาบ่ายๆที่สเปนยูจะโทรมาคุยกับเธอตลอดแต่เมื่อวานยูนั้นเงียบหายไป  เธอส่งไลน์ไปยูก็ยังไม่อ่าน และเธอกำลังคิดที่จะโทรหาเพื่อนที่ทำงานสถานทูตสักคนเพื่อชวนไปกินข้าวด้วยกัน  แต่โทรศัพท์ของเธอก็ดังซะก่อนและพอเธอมองไปที่หน้าจอก็เห็นเบอร์ที่ไม่คุ้นเป็นเบอร์ในสเปน  เธอรับและก่อนที่จะพูดนั้นมีเสียงทักที่คุ้นเคยพูดมาก่อนว่า

"แพงผมยู นะ  คุณตื่นหรือยัง"

"ตื่นแล้วสินี่มัน กี่โมงแล้วละชั้นไม่ใช่คนนอนตื่นสายนี่  แล้วคุณเอาเบอร์อะไรโทรมาละนี่"

แต่ยูนั้นไม่ตอบคำถามของหญิงสาวแล้วพูดมาว่า

"นี่คุณไปเที่ยวบ้านผมไหมละ ที่ผมเคยชวนคุณตอนอยู่เมืองไทยนะ"

"เฮ้ย คุณพูดอะไรของคุณนะ แล้วจะให้ชั้นไปยังไปเมื่อไหร่"

"ก็นี่ไง  ผมมารับคุณแล้ว  ตอนนี้ผมรออยู่หน้าอพาร์ทเม้นท์แล้ว"

"เฮ้ย คุณรู้ได้ไงว่าชั้นอยู่ที่ไหนแล้วคุณจะไม่ให้ชั้นเตรียมตัวเลยหรือไง"

หญิงสาวร้องมาเสียงหลงแต่ยูนั้นตอบมาว่า

"อ้าวคุณบอกผมเองนี่ว่าคุณพักอยู่ที่ไหน แล้วไปบ้านผมจะต้องเตรียมตัวอะไรไม่ใช่ไปพบประธานาธิบดีสหรัฐนะ ไปเหอะผมรออยู่ข้างล่างแล้ว"

"คุณนี่เอาแต่ใจตัวเองจริงๆนะ"

"เออนะ  ผมมารอแล้ว"

แพงทำปากจุ๊กจิ๊กก่อนบอกไปว่า

"งั้นรอก่อนชั้นแต่งตัวก่อน"

"ก็ได้  ไม่ต้องรีบนะผมรอได้  แต่อย่านานนักนะ"

แล้วยูวางสายทันที  ทำเอาหญิงสาวทำตาโตใส่โทรศัพท์แล้วบ่นมาทันที

"อีตาบ้า  ทำอย่างกับลูกเศรษฐีเอาแต่ใจแล้วมาบอกแบบนี้ใครจะตั้งตัวทัน เดี๋ยวไม่ไปซะเลยนี่  แค่เอสงสัยเมื่อคืนบินมาแน่นอนถึงไม่โทรหาเรา"

เธอพูดไปก็เปิดตู้เสื้อผ้าหาชุดมาใส่  ซึ่งปกติแพงนั้นไม่ค่อยพิถีพิถันในการแต่งตัวเท่าไหร่  แต่คราวนี้เหมือนหญิงสาวจะเลือกเสื้อผ้านานกว่าปกติ  จนเรียบร้อยก่อนเธอจะจัดของใส่กระเป๋าเป้ใบเล็กแล้วเอาแจ็คเก็ตกันหนาวมาสวมทับและรีบออกจากห้องหลังจากที่ล็อคประตูเรียบร้อยเธอรีบลงลิฟท์ก่อนจะเดินออกมานอกตัวอาคาร และห่อไหล่อย่างไม่รู้ตัวเมื่อเจอกับอากาศที่หนาวเย็น  เธอยืนมองไปรอบๆ ก่อนพึมพำว่า

"อีตายูอยู่ไหนนะ"

ก่อนที่เธอจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา รถแลนด์โรเวอร์สีดำที่จอดไม่ห่างจากเธอเท่าไหร่ กระจกด้านหลังก็ถูกเลื่อนลงพร้อมเสียงเรียก

"แพงทางนี้"

ยูโผล่หน้ามาพร้อมกับกวักมือเรียก  เธอเดินไปที่รถทันทีและก่อนจะถึงรถคนขับรถที่ตัดผมสั้นเกรียนได้เดินลงมาพร้อมเปิดประตูให้  ทำเอาหญิงสาวถึงกับทำตัวไม่ถูกเพราะเป็นครั้งแรกที่มีคนมาเปิดประตูรถให้เธอ  พร้อมกับการแต่งกายที่สวมโค้ทสีดำสวมแว่นตากันแดดที่สำคัญมีหูฟังด้วย เธอก้มศีรษะให้แล้วกล่าวขอบคุณเป็นภาษาอังกฤษก่อนก้าวชึ้นไปบนรถที่ยูนั่งรออยู่แล้ว คนขับรีบเข้ามาในรถแล้วขับรถออกไปทันทีก่อนที่เธอจะพูดอะไรออกมา ชายหนุ่มก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อนว่า

"เร็วดีนี่  ผมนึกว่าจะนานกว่านี้"

"ย่ะ เร่งชั้นยิกๆ  ไม่เห็นบอกล่วงหน้า  จะไม่ไปก็ไม่ได้ คุณเล่นแบบนี้นี่"

"ก็ผมเคยถามคุณแล้วนี่  และคุณก็ไม่ปฏิเสธ พอผมมาผมก็มารับตามที่บอกไว้นะสิ"

เธอย่นจมูกให้ยู ก่อนจะเอาล้วงไปในเป้ก่อนจะหยิบเองถุงมือมาสวม   และค้นหาอะไรในเป้ ก่อนจะบ่นออกมาเบาๆ ยูที่สวมแจ็คเก็ตกันหนาวเช่นกันถามมาว่า

"หาอะไรหรือคุณ"

"บ้าจริง ชั้นลืมเอาผ้าพันคอมา  ก็เพราะคุณนะเร่งยิกๆๆๆ ชั้นเลยลืม"

"อ้าวแล้วมาโทษผม  ไม่เป็นไรที่บ้านผมพอจะมีให้คุณยืม"

เธอแลบลิ้นให้ยูก่อนจะมองไปรอบๆแล้วมองไปที่คนขับรถอีกครั้ง แต่พอเห็นเส้นทางที่จะไปเธอถามยูทันทีว่า

"อ้าวคุณนี่มันทางไปสนามบินนี่"

"ก็ใช่ไงคุณ  ไปสนามบินคุณอย่าบอกนะว่าผมจะพาคุณนั่งรถไป 4ร้อยกว่ากิโลนะคุณ  มันไม่ใช่ระยะทางกรุงเทพเมืองนนท์นี่  ไปเครื่องบินเร็วกว่าเยอะ"

"อ้าวแล้วคุณจะพาชั้นไปยังไงนี่ ไหน คุณซื้อตั๋วเครื่องบินแล้วหรือ"

เธอถามออกมาแบบตรงๆ  ทำเอายูหัวเราะไม่หยุด ทำเอาบอดี้การ์ดที่ขับรถให้ถึงกับยิ้มออกมาเพราะไม่เห็นจูเนียร์หัวเราะแบบนี้มานานแล้ว แต่ตรงกันข้ามกับหญิงสาวที่เริ่มโมโหอยากจะทุบยูแรงๆสักครั้งแต่ติดตรงที่มีคนขับรถอยู่เธอเลยทำไปด้วยเสียงตวาดเบาๆว่า

"หัวเราะอะไร"

ยูตอบแบบยิ้มๆว่า

"เอาน่าผมพอจะจัดการได้"

แล้วก็เปลี่ยนเรื่องไปถามถึงพี่เบญที่เธอก็บอกว่าพี่เบญลากลับไปเยี่ยมบ้านที่เมืองที่เมืองไทย  ยูก็ไม่พูดอะไรอีก ไม่เหมือนกับเธอที่มีคำถามมากมายที่อยากจะถามแต่พอเห็น ยูมองไปนอกรถ เธอเลยไม่กล้าถามแต่แล้วหญิงสาวยิ่งประหลาดใจพอถึงสนามบินนั้นรถพาไปอีกด้านและเธอเห็นคนขับยกข้อมือด้านซ้ายขึ้นมาแล้วพูดด้วยเสียงเบาๆแต่เธอพอจะจับใจความว่า

"เตรียมเครื่องบินได้ จูเนียร์มาถึงแล้ว"

เธอหันมามองหน้ายูที่ยังยิ้มไม่เลิกจนรถมาจอดใกล้ๆกับเครื่องบินไอพ่น 2 เครื่องยนต์สีฟ้าอ่อน แต่ก่อนที่เธอจะถามอะไร คนขับรถก็รีบลงมาเปิดประตูให้ทางด้านยู  ซึ่งชายหนุ่มลงจากรถแล้วก้มมาบอกกับแพงว่า

"อ้าวคุณมาถึงแล้วลงมาสิครับ"

"หญิงสาวเลื่อนตัวมาและออกจากรถทางประตูเดียวกับยู  เธอมองไปรอบๆและที่เครื่องบินเธอเห็นผู้ชายที่แต่งกายด้วยชุดเหมือนกับนักบินของสายการบินยืนรออยู่ตรงบันไดเครื่อง  ยูหันไปขอบคุณบอดี้การ์ด แล้วเรียกหญิงสาวให้เดินตามไปที่เครื่องบิน แพงที่มีอาการตื่นๆแต่เดินตามไปโดยดี  ซึ่งก่อนขึ้นเครื่องบิน  ยูได้แนะนำให้เธอรู้จักกับนักบินผู้ช่วย แล้วบอกกับเธอว่า

"เชิญคุณก่อน"

หญิงสาวมองหน้ายูก่อนเดินขึ้นขึ้นไปแต่โดยดี  และยูก้าวขึ้นตามไปติดๆ  จนเข้าไปในเครื่องเธอมองที่ยูอีกครั้ง ยูจึงพูดว่า

"นั่งเลยสิครับจะมองหน้าผมทำไม"

และยูพบการค้อนของแพงก่อนที่เธอจะเดินไปนั่งตรงเก้าอี้เดี่ยวที่ยูนั้นนั่งประจำ  ทำเอานักบินผู้ช่วยที่เดินตามขึ้นกำลังจะปิดประตูมองตาค้างและทำท่าจะพูดอะไรออกมาแต่ยูส่ายศีรษะเหมือนกับบอกว่าไม่เป็นอะไร  ทำไมนักบินจะไม่ตกใจ  เพราะที่นั่งตรงนั้นรู้กันว่าเป็นที่นั่งเฉพาะของบอสกับจูเนียร์หรือไม่ก็มารดาของจูเนียร์เท่านั้น ขนาดบ็อบเป็นมือขวาของบอสเวลามาคนเดียวยังนั่งเก้าอี้ตรงข้ามหรือไม่ก็ตัวอื่น แต่นี้เพื่อนของจูเนียร์ไปนั่งอย่างหน้าตาเฉยแต่พอเห็นจูเนียร์ส่งสัญญาณว่าไม่เป็นอะไร  นักบินผู้ช่วยจึงยิ้มออกมาก่อนจะทำการปิดประตูและเดินเข้าไปในห้องนักบิน  ยูที่กำลังจะนั่งเก้าอี้ตรงข้ามแพง  แต่ยังเห็นเธอกอดเป้อยู่  จึงพูดมาว่า

"คุณส่งเป้มาให้ผมก่อนดีกว่า  มากอดไว้ทำไมละ"

หญิงสาวมองหน้าก่อนจะยื่นให้โดยดี  ยูรับมาและเดินไปวางที่เก้าอี้ด้านหลังเธอพร้อมรัดเข็มขัดให้ด้วย  เป็นจังหวะที่เครื่องบินติดเครื่องยูเดินกลับมานั่งและรัดเข็มขัดพร้อมบอกไปยังหญิงสาวที่นั่งตรงข้ามว่า

"แพงครับ  รัดเข็มขัดด้วยครับ"

คราวนี้เธอยิ้มแบบอายๆก่อนจะทำตามที่ยูบอกและมองไปรอบๆเครื่องที่กำลังแท็กซี่ไปรันเวย์ ซึ่งหญิงสาวเห็นว่าเป็นเครื่องบินที่ภายในตกแต่งอย่างหรูหราเน้นโทนสีฟ้าอ่อน พร้อมจอทีวีขนาดใหญ่  เก้าอี้เป็นเบาะอย่างดีแถมกว้างใหญ่นั่งสบายตรงหน้าเธอเป็นโต๊ะสำหรับใช้วางของหรือทานอาหารก็ได้ ก่อนจะถามยูไปว่า

"เครื่องบินของคุณหรือนี่"

"ของแด้ดนะ  แต่ผมใช้ประจำ"

"งั้นหมายความว่าที่คุณเลยเล่าให้ฟังว่าคุณมาสเปนบ่อยๆ  คุณก็นั่งเครื่องบินลำนี้มาสิ"


"ใช่แล้วคุณมันสะดวกดีและประหยัดเวลาด้วย"

ยูเงียบไปสักพักเพราะเป็นจังหวะที่เครื่องบินเร่งเครื่องเชิดหัวขึ้นจากรันเวย์ขึ้นพอดี พอเครื่องตั้งระดับแล้วยูจึงพูดต่อไปว่า

"มันอำนวยความสะดวกให้ผมกับแด้ดมากเลยคุณไม่ต้องมานั่งรอขึ้นเครื่องมาถึงสนามบินก่อนเครื่องออกครึ่งชั่วโมงยังได้ อย่างผมนี่บินมาค่ำๆวันศุกร์กลับไปถึงไทยก็เช้าวันจันทร์ไปทำงานเลย เรากำหนดเวลาเองได้ไง  อีกอย่างผมก็นอนบนเครื่องนี่แหละ  ถ้าอากาศดีไม่แปรปรวนผมก็นอนบนเก้าอี้ยาว"

ยูพูดพร้อมชี้ไปด้านข้างอีกฝั่งที่เป็นเก้าอี้ตัวยาว และพูดต่อไปว่า

"ถ้าอากาศไม่ดีผมก็นั่งหลับบนเก้าอี้  แด้ดผมก็เหมือนกัน ก็ได้หลับสนิทพอสมควรนะคุณยิ่งเดินทางอย่างผมบ่อยๆนี้มันช่วยได้เยอะ ไม่อย่างนั้นก็แย่ เวลาแม่ผมมาด้วยก็เหมือนกัน  ไม่ต้องลำบากนั่งนานๆอยู่บนนี้เราเดินไปเดินมาได้ตามสบาย เป็นส่วนตัวดีด้วย ตอนมัมกับพ่อผมอยู่เราก็เดินทางกันแบบนี้นะ ผมว่ามันสะดวกกว่านั่งเครื่องชั้น 1อีก จะนั่งตรงไหนก็ได้ หนังก็มีให้ดูตามสบาย  แต่ส่วนใหญ่ผมไม่ค่อยดูนะเน้นนอนอย่างเดียว"

หญิงสาวพยักหน้าเพราะตอนแรกเธอเข้าใจว่ายูนั่งเครื่องบินโดยสารทั่วๆไป เธอลืมนึกถึงตรงนี้และไม่เคยถามยูเลย แต่มันกลับเพิ่มความหวั่นไหวในใจของเธอที่ยิ่งฟังแล้วเธอกับยูนั้นต่างกันเยอะมาก และเป็นจังหวะที่สัญญาณปลอดภัยดังขึ้น  เธอมองไปมาอีกครั้งก่อนถามว่า

"แล้วไม่มีแอร์โฮสเตสหรือไง"

ยูหัวเราะอย่างเต็มเสียงก่อนตอบไปว่า

"ไม่มีหรอกคุณ ส่วนใหญ่เราก็ทำอะไรกินกันเอง แหมมันก็อึดอัดไม่น้อยนะ ถ้ามีแค่ผู้โดยสาร 1 คน แอร์โอสเตส 1 คน นั่งมองหน้ากันไปมา"

เธอพยักหน้าแล้วถามด้วยน้ำเสียงอ่อยๆว่า

"มีน้ำกินไหมชั้นหิวน้ำ"

ยูยิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วเอามือชี้ไปที่ท้ายเครื่องบิน  พร้อมบอกว่า

"นั่นไงคุณมีตู้เย็นอยู่  มีน้ำหลายอย่างเลยคุณไปเลือกได้ตามใจชอบ ตอนมาผมดื่มไปไม่เท่าไหร่เหลืออีกเยอะ"

หญิงสาวเหลือบตามองก่อนจะปลดเข็มขัดแล้วลุกไปทางท้ายเครื่องพร้อมเดินย่นหน้ากับบ่นออกมาเบาๆว่า

"อีตาบ็องส์แล้วไม่บริการเลยหรือไง  เครื่องบินก็ของตัวเอง  เอาใจผู้หญิงไม่เป็นเล้ยคนเรา"

แล้วเธอต้องแยกเขี้ยวออกมาเพราะมีเสียงของยูที่บอกตามมาว่า

"คุณหยิบน้ำเปล่าให้ผมขวดนึงด้วยนะ"

"ได้ทีใช้เลยอีตายู  คนบ้า"

เธอได้บ่นพึมพำก่อนเปิดตู้เย็นเธอเห็นมีน้ำหลากหลายชนิดทั้งน้ำอัดลมน้ำผลไม้ที่เธอเดาจากสีสันน่าจะเป็นน้ำแอปเปิ้ลกับน้ำส้ม แพงหยิบโค้กกระป๋อง กับน้ำเปล่าที่เธอจงใจหยิบขวดเล็กไปให้ยู ก่อนจะไปวางบนโต๊ะที่กั้นกลางแบบประชดและนั่งลง  เปิดโค้กออกมาดื่ม โดยไม่สนใจใบหน้าที่อมยิ้มของยู ที่บอกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอีกครั้ง

"แพงคุณหิวหรือเปล่า"

ซึ่งเธอพยักหน้าทันทีก่อนตอบมาว่า

"หิวสิหิวไส้แทบขาดเลยชั้นกำลังคิดจะออกไปหาอะไรกินพอดีแต่คุณโทรมาก่อน"

"ผมนึกว่าคุณเห็นของกินในตู้เย็น"

"อ้าวมีด้วยหรือ"

"มีสิคุณแหมผมบินมาตั้ง 10 กว่าชั่วโมงจะไม่มีอะไรรองท้องเลยหรือไงครับ มาเดี๋ยวผมไปดูให้ก่อนว่าเหลืออะไรบ้าง"

ยูพูดจบแล้วลุกทันทีโดยไม่รู้ว่าหญิงสาวมองตามพร้อมแลบลิ้นให้ ก่อนจะบ่นในใจว่า

"มีของกินแล้วไม่บอกเรา ตานี่พิลึกคน"

ยูนั้นจัดการอะไรอยู่ชั่วครู่โดยที่เธอไม่หันไปมอง แพงมองออกไปนอกเครื่องบินอย่างตื่นตา  พร้อมกับคิดว่าเครื่องบินส่วนตัวมันดีอย่างนี้เอง พวกเศรษฐีถึงนิยมนั่งกัน ความคิดเธอสิ้นสุดลงเมื่อยูเดินมาพร้อมอะไรบางอย่างที่กำลังส่งกลิ่นหอม ยูวางถาดลงบนโต๊ะก่อนจะนั่งพร้อมบอกว่า

"บะหมี่เจ้าหน้าหมู่บ้านผมเองที่ผมบอกว่าอร่อยกว่าเจ้าที่ไปทานกันวันนั้นนะ  ผมซื้อมาให้คุณ"

แพงทำตาโตด้วยความประหลาดใจ เพราะสิ่งที่อยู่ในกล่องพลาสติกตรงหน้าเธอคือบะหมี่เกี๊ยวแห้งที่กำลังส่งกลิ่นหอมแตะจมูกเธอ  และมีแซนวิสอีก 2 ชิ้นใหญ่อยู่ในจานที่วางติดกัน

"เฮ้ยคุณซื้อมาได้ไงนี่"

"ผมก็ซื้อตอนออกจากบ้านไง  ซื้อมา 2ห่อ  ผมกินไปแล้วห่อหนึ่ง  อีกห่อเก็บในตู้เย็นแล้วมาอุ่นให้คุณทานไงผมรู้ว่าคุณอยากทานตอนแรกจะซื้อข้าวมันไก่มาด้วยแต่ไม่ขาย จะเอาเกี๊ยวน้ำมาก็กลัวเซ็ง"

แพงยิ้มออกมาอย่าลืมตัว  ก่อนจะแกะซองเครื่องปรุงที่มีทุกอย่างพร้อมและตะเกียบที่อยู่ในซองพลาสติกก่อนพึมพัมว่า


"ขอบคุณ คุณมากเลยนะ  กำลังอยากกินอยู่พอดี แล้วแซนวิสอะไรนะ น่ากินเหมือนกัน"

"แซนวิสไก่งวงนะคุณ อันนี้ทำสดๆ  ผมหยิบมาจากบ้านเมื่อเช้าอร่อยรับรอง  เพราะทำจากเชฟฝีมือดี"

"แล้วคุณไม่ทานหรือ"

"นี่ไงผมกินเป็นเพื่อนคุณ  ถึงเตรียมแซนวิสมา 2ชิ้น  ผมชิ้นคุณชิ้นไง"

หญิงสาวปรุงบะหมี่ก่อนใช้ตะเกียบคีบเข้าปาก พร้อมกับอุทานว่า

"อืมอร่อยจริงๆ ขนาดแช่เย็นมาก่อนนะนี่"

ยูยิ้มออกมาได้ ก่อนจะเอาแซนวิสมาทานบ้างและแพงถามเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้

"เออนี่คุณบอกว่าหยิบมาจากบ้านแสดงว่าคุณแวะที่บาร์เซโลน่าก่อนหรือ"

"ใช่แล้วผมมาถึงแต่เช้ามืด  จะบินตรงไปหาคุณที่แมดริดก็เห็นว่าเช้าไป  เลยไปแวะบ้านก่อนแล้วค่อยบินมารับคุณ"

"อ้าวแล้วนักบินไม่เหนื่อยแย่เลยหรือ"

"เหนื่อยอะไรคุณ  เราทำตามกฎ ชุดที่มากับผมจากกรุงเทพก็ไปพักส่วนนี่ใช้นักบินอีกชุด ไม่ต้องห่วง"

แพงพยักหน้าก่อนจะถามต่อไปว่า

"แล้วคุณนึกยังไงมาชวนชั้นนี่แล้วมาชวนแบบฉุกละหุก  จะไม่มาก็ไม่ได้คุณเล่นมารอหน้าตึกแถมไม่บอกล่วงหน้า"

ยูตอบไปสั้นๆว่า

"ก็คุณบอกผมเองว่าอยากมาเที่ยวบ้านผม พอผมมาสเปนมาผมก็มารับคุณไง"

หญิงสาวย่นจมูกให้ก่อนก้มหน้ากินบะหมี่อย่างเอร็ดอร่อย  ส่วนยูนั้นได้แต่ยิ้มพร้อมนึกย้อนไปอาทิตย์ที่แล้วหลังจากตนเองได้คุยกับตรีเป็นที่เรียบร้อยและโทรหาโซเฟียร์  เพื่อให้เธอช่วยจัดเครื่องบินมารับตนมาสเปนในวันนี้อย่างเร่งด่วน  เพราะจริงๆแล้วยูนั้นจะมากับแม่ในช่วงคริสต์มาส  และพ่อทูนหัวของยูมีบินไปทำงานที่มาลากากับผู้บริหารของกลุ่มเมนเตซซึ่งจะกลับมาพรุ่งนี้ซึ่งต้องใช้เครื่องบินอีกทั้งโซเฟียร์รู้ดีว่าถ้ายูมานั้นโรแบร์โต้ต้องอยู่ทุกครั้ง แต่ยูบอกโซเฟียร์ไปว่าอยากทำตามอารมณ์แบบลูกเศรษฐีที่เอาแต่ใจ ส่วนเรื่องอื่นตนเองจะคุยกับแด้ดเอง ทำให้โซเฟียร์นั้นหัวเราะออกมาก่อนจะจัดการให้ตามความต้องการของเจ้านาย ทำให้โรแบร์โต้ต้องเปลี่ยนไปใช้เครื่องบินอีกเครื่องหนึ่งแทน และกำชับให้ยูอยู่รอเจอในวันอาทิตย์ก่อนกลับเมืองไทย

เพราะลูกชายนั้นบอกเหตุผลไปว่าเพราะอะไรตนเองถึงบินด่วนมาที่สเปนและโรแบร์โต้ยังบอกลูกชายต่อไปว่าถ้าเป็นไปได้อยากเจอกับแพงเหมือนกัน  ยูมาถึงบาร์เซโลน่าแต่เช้ามืดโดยมีคาร์รอสขับรถมารอรับเจ้านายที่สนามบิน  ยูไปที่บ้านเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและลงไปทักทายสุนัขที่เลี้ยงไว้ ก่อนจะแวะไปหาแม่ทูนหัวที่สุสานและมาที่สนามบินซึ่งคาร์รอสนั้นขับรถให้ และบังเอิญที่ หนึ่งในทีมบอดี้การ์ดไปทำงานอยู่มาดริดพอดีคาร์รอสเลยจัดการให้มาขับรถให้จูเนียร์เพื่อไปรับเพื่อนพร้อมดูแลความปลอดภัยให้


ยูนั้นปฏิเสธหัวใจของตนเองไม่ได้และไม่อยากจะปล่อยให้มันเนิ่นนานไปกว่านี้  ถึงพึ่งจะรู้จักหญิงสาวได้ไม่นานเท่าไหร่แต่ยูมั่นใจว่าแพงนั้นคือคนที่ใช่จริงๆ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือไม่รู้จะหาวิธีพูดยังไงที่จะบอกหญิงสาวที่นั่งตรงหน้าว่าจะขอเป็นแฟน   เลยใช้วิธีชวนมาเที่ยวบ้านแบบบังคับกลายๆไว้ก่อน คิดแล้วก็หนักใจ เพราะพรินซ์ออฟบาร์เซโลน่านั้นสามารถพูดคุยเจรจาตั้งแต่ระดับรัฐมนตรีจนถึงนักธุรกิจชื่อดังระดับโลกได้สบายๆ  แต่การจะขอหญิงสาวคนนี้มาเป็นแฟนดูมันช่างจะยากเย็นเหลือเกินเพราะไม่รู้จะพูดยังไง จนเผลอถอนหายใจออกมา ทำให้หญิงสาวที่ก้มหน้าก้มตากินบะหมี่ที่จวนจะหมดอยู่แล้วถามมาว่า

"เป็นอะไรหรือคุณ ถอนหายใจ"

"ไม่มีอะไรหรอกคุณ มันเป็นจังหวะผมหายใจเข้าไปเต็มปอดเองนะ"

ชายหนุ่มรีบบอกมาทันที และพอเห็นหญิงสาวทานหมดก็ยิ้มออกมาและบอกไปว่า

"ถ้าไม่อิ่มก็มีแซนวิสอีกชิ้นนะคุณ  แต่อร่อยจริงๆคุณลองกินสักคำก็ได้ถ้าอิ่มแล้ว"

แพงยิ้มแหยๆให้ก่อนจะทำตาม  พอกัดไปคำแรกเธออุทานออกมาว่า

"อืมอร่อยจริงๆเลยคุณ เออนี่แพงจะบอกคุณตั้งแต่วันก่อนแล้วก็ลืม คือขอบคุณ คุณมากนะน้องสาวชั้นได้งานทำแล้ว"

"ก็ดีนี่คุณ  ผมไม่ได้ช่วยอะไรเลย ตำแหน่งนี้พี่น้อยเค้าหามานานแล้ว"

"แต่น้องสาวแพงบอกมาว่า  ตอนที่สัมภาษณ์นะคนที่ชื่อพี่น้อยกับหัวหน้าด้านกราฟฟิก บอกว่าบริษัทนี้กลุ่มเมนเตซถือหุ้นอยู่ด้วย"

ยูหัวเราะก่อนบอกมาว่า

"ตอนเปิดบริษัทพ่อผมถือหุ้นอยู่ 30 เปอร์เซ็นต์ส่วนแด้ดนั้นตอนแรกจะใช้เงินส่วนตัวถือแต่สุดท้ายเปลี่ยนใจเอาเงินบริษัทไปถือ10เปอร์เซ็นต์เพราะอย่างน้อยคำว่าเมนเตซกรุ๊ปมันน่าจะสร้างความเชื่อมั่นความน่าเชื่อถือได้มาก แต่จริงๆแล้วก่อนพ่อผมเสีย  พ่อผมเป็นถอยไปเป็นที่ปรึกษาแล้ว  ปล่อยให้พี่เกมส์กับพี่น้อยบริหารแทนพ่อของเค้า ตอนนี้ผมก็เป็นแค่ผู้ถือหุ้นแต่ไม่มีบทบาทบริหารงาน แด้ดก็ไปทำหน้าที่ ที่ปรึกษาแทนไง"

"แต่ชั้นกลัวถ้าน้องสาวชั้นทำอะไรผิดพลาดมันจะไปกระทบถึงคุณไง"

ยูยิ้มออกมาเพราะรู้ว่าหญิงสาวนั้นวิตกอะไรก่อนตอบไปว่า

"ไม่ต้องกลัวอะไรหรอกคุณ ปล่อยให้น้องสาวคุณทำงานไปตามสบาย  ถ้าไม่เก่งจริงทางนั้นไม่รับหรอกคุณ พูดตรงๆผมคือผู้ถือหุ้นแต่ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวในเรื่องการบริหารเลย"

ยูบอกไปอย่างนี้เพราะยูรู้แล้วว่าน้องสาวของแพงได้งาน น้อยนั้นโทรมาบอกว่าคนที่ยูแนะนำไปนั้นมีฝีมือดีและมีแนวคิดที่ดีตรงกับที่ทางบริษัทต้องการ  ซึ่งการที่น้องสาวของแพงได้งานนั้นเป็นเพราะฝีมือล้วนๆไม่ใช่จากที่ยูเป็นคนแนะนำเลย ซึ่งแพงพยักหน้าออกมาก่อนจะบอกต่อไปว่า

"พอเห็นน้องสาวแพงได้งานประจำแล้วก็โล่งใจไปเยอะ  แต่จริงๆแล้วแพงก็คิดมาเหมือนกันพอเห็นคุณต้องเดินทางเพื่อมาเยี่ยมแด้ดคุณกับการที่คุณยอมละทิ้งโอกาสความก้าวหน้าที่จะมาทำงานในต่างประเทศ  เพราะใครๆก็บอกว่าคุณนะมีความสามารถมาก  ถ้ามาประจำสถานทูตที่ต่างประเทศอย่างน้อยคุณก็คงจะได้เป็นเลขานุการตรีไม่ก็เลขานุการโทแล้ว ขนาดท่านทูตยังชมคุณเลย  แต่คุณไม่อยากห่างจากแม่คุณและที่คุณเดินทางแบบนี้ก็ดูออกว่ามันเหนื่อยถึงคุณจะบอกว่าได้นอนก็ตาม ทำให้แพงคิดอยากจะย้ายกลับไปที่เมืองไทยแล้ว เพราะน้องสาวแพงก็ได้เงินเดือนสูง น่าจะช่วยทางบ้านได้  แพงสงสารพ่อนะ  ที่ต้องไปดูแลสวนทุกวัน อีกอย่างแพงจะได้อยู่กับพ่อกับแม่ด้วย คุณทำให้แพงคิดได้"

เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่สลดยูเลยตอบไปว่า

"คุณก็ทำเรื่องขอย้ายกลับสิ"

"มันไม่ง่ายนะสิ อาจจะต้องใช้เวลานาน"

"เอาแบบนี้แล้วกัน คุณไปทำเรื่องก่อนผมจะลองคุยกับอาธวัชชัยให้ หรือไม่ก็ลุงผมถึงจะเกษียณไปแล้วก็ยังพอมีเส้นสายอยู่"

"ลุง?"

เธอถามกลับมาด้วยความสงสัยยูหัวเราะก่อนอธิบายว่า

"เพื่อนสนิทพ่อผมนะ เคยเป็นทูตที่นี่และกลับไปเป็นอธิบดี เกษียณในตำแหน่งรองปลัดกระทรวงไง"

พอชายหนุ่มอธิบายเพิ่มถึงชื่อกับนามสกุลทำให้หญิงสาวคลายความสงสัยแต่ไม่วายตอบกลับไปว่า

"จะดีหรือคุณ  มันดูใช้เส้นนะ"

"ไม่เป็นไรหรอกคุณ  ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน  คนอยากจะมาแทนมีอีกเยอะเราแค่ขอกลับ ไม่ได้ไปเบียดเบียนหรือข้ามหัวใคร คุณทำเรื่องเลยผมจะช่วยคุยให้ตกลงแบบนี้นะ"

แพงพยักหน้าแม้ในใจจะหวั่นๆเล็กน้อย  แต่ก็เห็นด้วยกับยูว่าไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนและถ้าเป็นไปได้จริงๆเธอจะได้กลับไปอยู่กับพ่อและแม่ได้ตามความต้องการและชายหนุ่มบอกให้เธอทานแซนวิสให้หมด หญิงสาวยิ้มอายๆก่อนก้มหน้าจัดการแซนวิสจนเกลี้ยง หลังจากที่เธอจิบโค้กไปอึกใหญ่  ชายหนุ่มจึงถามไปว่า

"อิ่มเลยใช่ไหม"

เธอพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มก่อนจะชมว่าถูกปากเธอทั้งสองอย่าง แพงมองไปรอบๆเครื่องอีกครั้งแล้วถามต่อไปว่า

"คุณมีเครื่องแบบนี้กี่ลำละ"

"2 ลำ  แต่ลำนี้ใช้ส่วนตัวแต่มีบ้างที่ระดับผู้บริหารหรือแขกที่สำคัญจริงๆถึงจะได้ใช้เพราะส่วนใหญ่เราจะ ให้ใช้อีกลำที่ให้ผู้บริหารของเมนเตซกรุ๊ปใช้  ลำนั้นจะเป็น แบบ8 ที่นั่ง  ไม่มีเก้าอี้ตัวยาวแบบนี้ แต่แด้ดกับบ็อบ คนที่คุณเห็นตอนงานเลี้ยงนะตัดสินใจซื้อเพิ่มอีก 4เครื่องนะแต่ซื้อมาทั้งบริษัทที่ทำธุรกิจให้เช่าเครื่องบินส่วนตัวนะ แล้วก็เลยสั่งซื้อเครื่องใหม่มาเพิ่ม อีก 2เครื่องนะเพราะธุรกิจนี้กำลังบูมหลังปีใหม่น่าจะเสร็จเรียบร้อย"

เธอทำปากจู๋ก่อนพึมพำมาว่า

"รวยจัง"

ยูได้แต่ยิ้มๆและพอจะคาดเดาอะไรออกจากใบหน้าของหญิงสาว  แต่ไม่พูดอะไรและจัดการเก็บถาดอาหารไปไว้ในกล่องเก็บบริเวณท้ายเครื่องแล้วกลับมานั่งพร้อมบอกหญิงสาวให้เตรียมรัดเข็มขัดเพราะเครื่องบินเริ่มลดระดับแล้วซึ่งตรงกับสัญญาณให้รัดเข็มขัดดังขึ้นจนเครื่องบินได้ลงจอดและแท็กซี่ไปที่ลานจอด จนเครื่องจอดสนิท  ซึ่งคราวนี้กัปตันเป็นคนมาเปิดประตูให้และยูได้แนะนำให้หญิงสาวรู้จักก่อนกล่าวขอบคุณกัปตันและเดินนำแพงลงจากเครื่อง  และเธอได้ห็นรถบีเอ็มสีดำจอดรออยู่ พร้อมผู้ชายวัยกลางคนที่แต่งตัวเหมือนกับคนที่ขับรถมาส่งเธอกับยูที่สนามบินยืนเปิดประตูรออยู่ และยูได้แนะนำให้รู้จักโดยใช้ภาษาอังกฤษพร้อมบอกด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยแต่แววตานั้นมีรอยยิ้มว่า

"แพงนี่ คาร์รอสนะ  คาร์รอสเป็นรองหัวหน้าทีม บอดี้การ์ดหรืออีกนัยหนึ่งคือบอดี้การ์ดประจำตัวผม"

หญิงสาวยิ้มแบบแหยๆก่อนจะจับมือทักทายโดยที่ยูรู้ว่าเธอนั้นอึดอัดขึ้นมาแต่ไม่พูดอะไร และบอกให้เธอขึ้นรถไปก่อนและตนเองตามขึ้นไป พอรถเคลื่อนตัวออกจากสนามบิน ยูได้ถามเธอเป็นภาษาอังกฤษว่า

"คุณเคยมาแถวนี้หรือเปล่า"

หญิงสาวทำหน้าแบบสงสัย  แต่สายตาของยูที่จ้องมองมาที่เธอและใบหน้าที่พยักลงเล็กน้อยนั้นเหมือนจะขอร้องให้เธอตอบเป็นภาษาอังกฤษ หญิงสาวจึงตอบไปเป็นภาษาอังกฤษว่าไม่เคยเธอพึ่งมาแถวนี้ครั้งแรก  ซึ่งระหว่างทางยูได้บอกเธอว่าตรงที่รถผ่านเรียกว่าอะไรหรือมีจุดสำคัญอะไรบ้าง แพงจึงเปรยๆมาว่า

"ที่นี่คุณคงจำได้หมดทุกที่เลยสินะ"


"ใช่ครับ  ผมโตมาที่นี่ขนาดกรุงเทพผมยังไม่ชำนาญเท่านี้เลย"

ทำเอาเธอยิ้มออกมาก่อนจะกระซิบถามเป็นภาษาไทยด้วยเสียงที่เบาๆว่า

"แล้วคุณจะให้ชั้นพักที่ไหน"

"หาอะไรนะ"

พอเห็นชายหนุ่มทำตาโตพร้อมคำพูดที่ดูสงสัย  เธอเลยพูดไปว่า

"ชั้นถามว่าจะให้ชั้นพักที่ไหน  ชั้นเตรียมเสื้อผ้ามาแล้ว"

ยูนั้นหัวเราะออกมาอย่างเต็มที่ ทำเอาคาร์รอสนั้นเหลือบมามองที่กระจกหลังพร้อมนึกไปว่า ไม่เห็นจูเนียร์หัวเราะแบบนี้มาตั้งแต่มาดามได้จากไป  รองหัวหน้าบอดี้การ์ดนั้นถึงกับยิ้มออกมาอย่างมีความสุขแต่หญิงสาวหน้ามุ่ยทันทีพร้อมบอกมาว่า

"ก็ชั้นนึกว่าคุณจะพานั่งรถมาเลยเตรียมเสื้อผ้ามาด้วย ถ้าลำบากไม่ต้องก็ได้"

ยูที่กำลังหัวเราะอยู่ได้ตอบเธอไปว่า

"ก็ได้ไม่เห็นเป็นไรบ้านผมมีห้องเยอะไว้คุณกลับพร้อมผมพรุ่งนี้  ผมแวะไปส่งคุณก่อนแล้วผมค่อยกลับเมืองไทย  ตอนแรกผมกะพาคุณมาเที่ยวบ้านแล้วตอนเย็นๆผมจะไปส่ง แต่ก็ดีเหมือนกันคุณจะได้มีเวลาเที่ยวเพิ่มขึ้น"

"ถ้าลำบากก็ไม่เป็นไร ชั้นกลับเย็นนี้ก็ได้ย่ะ"

"ไม่ลำบากหรอก งั้นเปลี่ยนแผน  เอาว่าวันนี้ผมพาคุณเที่ยวชมเมืองก่อนดีกว่า เพราะยังไงคืนนี้คุณก็พักที่บ้านผมแล้วยังมีเวลาเอาตามนี้นะ"

แพงค้อนให้ก่อนจะพยักหน้า  ยูจึงพูดต่อไปว่า

"นี่มันก็ผ่านมาครึ่งทางแล้ว  เอาเป็นว่าไปที่บ้านผมก่อนแล้วกันเอากระเป๋าไปเก็บแล้วค่อยย้อนมา"

หญิงสาวนั้นไม่พูดอะไรต่อเพราะตนเองรู้สึกอายที่ไม่ถามชายหนุ่มให้ละเอียดก่อน พร้อมกับความคิดในใจว่า

"ยายแพงแกโก๊ะอีกแล้ว แล้วนี่อีตายูจะมองเราเป็นคนยังไงนะ"

ตรงข้ามกับชายหนุ่มที่รู้สึกดีใจที่หญิงสาวจะพักที่บ้าน  เพราะจะได้เจอกับแด้ดที่เดินทางกลับมาในวันพรุ่งนี้ จนรถไปถึงหน้าคฤหาสน์ซึ่งก่อนไปถึงหญิงสาวสังเกตเห็นเหมือนกับตอนที่นั่งรถไปขึ้นเครื่องบินที่คาร์รอสจะยกข้อมือขึ้นมาพูด รถได้เลี้ยวผ่านประตูไฟฟ้าที่เปิดรออยู่แล้ว  แพงนั้นถึงกับอุทานออกมาเมื่อเห็นภาพภายในว่า

"หูยยย สวยกว่าที่เห็นข้างนอกอีก"

เธอมองไปรอบๆอย่างตื่นตา  ผู้ชายในชุดสูทยืนเตร็ดเตร่ตรงประตู2-3คน ภาพของต้นไม้นานาชนิดที่ได้รับการดูและอย่างดีพร้อมกับสนามหญ้าที่ได้รับการตัดแต่งอย่างสวยงามรถผ่านวงกลมน้ำพุก่อนจะจอดหน้าทางเข้าบ้าน ซึ่งเธอเห็นชายหญิงสูงวัยสองคนมายืนรออยู่  คาร์รอสรีบลงจากรถก่อนมาเปิดประตูให้ด้านที่เธอนั่ง  แพงลงไปทันทีก่อนหันมาขอบคุณคาร์รอส ส่วนยูนั้นเดินตามลงมาก่อนพาเธอไปแนะนำให้รู้จักกับมิเชลและปาสกาล ซึ่งยูได้กล่าวเป็นภาษาฝรั่งเศส ทำให้หญิงสาวพูดฝรั่งเศสตาม ซึ่งทั้งมิเชลและปาสกาลทำให้หญิงสาวนั้นหายประหม่าไปได้จากคำพูดที่เป็นกันเอง ซึ่งระหว่างนั้นยูหันไปคุยอะไรบางอย่างกับคาร์รอสที่พยักหน้าอย่างไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่นัก แล้วยูหันมาชวนหญิงสาวเข้าไปในบ้านโดยทั้งปาสกาลและมิเชลเดินตามมาห่างๆ จนเข้าไปในห้องโถงใหญ่ก่อนจะเลี้ยวไปที่ห้องรับแขก ซึ่งทั้งพ่อบ้านและแม่บ้านไม่ได้ตามเข้ามายูบอกให้หญิงสาวนั่ง ก่อนที่ตนเองจะบอกมาว่า

"คุณรอก่อนแป็บนึงนะ ผมจะไปเอาผ้าพันคอให้คุณก่อน ลมมันแรงส่วนทางโน้นเป็นทางไปห้องน้ำนะ แล้วผมจะพาคุณไปเที่ยวในตัวเมือง"

แต่แพงพูดมาว่า

"เฮ้ยคุณแต่ถ้าไปแบบมีการ์ดตามชั้นไม่อยากไปนะ  มันอึดอัด"

ยูยิ้มออกมาก่อนตอบไปว่า

"ผมขอคาร์รอสแล้ว  เราไปกันสองคนได้ตามสบายครับ ผมรู้ว่าคุณอึดอัดเลยไปขอเค้าแล้ว"

"ขอ?"

"นั่นแหละ  แต่อย่าสนใจเลยคุณนั่งรอก่อนผมขึ้นไปเอาผ้าพันคอให้คุณก่อน"

ยูพูดจบได้เดินออกไปจากห้อง หญิงสาวมองไปรอบๆเพื่อดูความหรูหราโอ่อ่าของห้องรับแขกที่ตกแต่งเน้นโทนสีฟ้าอ่อนเหมือนบนเครื่องบิน  เธอลุกขึ้นยืนไปดูรูปในกรอบที่ประดับไว้มากมาย มีรูปใหญ่ที่เด่นที่สุดคือรูปยูในวันรับปริญญาตรีที่ยืนตรงกลางและด้านข้างทั้งสองมีผู้ชายกับหญิงยืนประกบด้านละ 2 คนซึ่งเธอเดาว่าเป็นพ่อแม่แท้ๆของยูกับพ่อและแม่ทูนหัวของยู  ซึ่งเธอยอมรับว่าทั้งแม่แท้ๆและแม่ทูนหัวของยูนั้นเป็นผู้หญิงที่สวยมาก ซึ่งรูปหน้ายูนั้นรับจากแม่แท้ๆมาเกือบทั้งหมด   และเธอไปเห็นรูปอีกรูปที่แม่ทูนหัวของยูกำลังอุ้มเด็กน้อยคนหนึ่งโดยมีคฤหาสน์หลังนี้อยู่เบื้องหลัง แต่เธอก็ได้ยินเสียงของมิเชลที่บอกมาเป็นภาษาอังกฤษจากเบื้องหลังว่า

"ชาร้อนๆคะคุณแพง"

เธอหันไปมองและยิ้มซึ่งมิเชลกำลังเอาถ้วยชาวางลงบนโต๊ะ เธอเลยถามไปว่า

"ขอบคุณคะแล้วมิเชลอยู่ที่นี่มานานหรือยังคะ"

"อยู่ก่อนจูเนียร์จะมาอยู่ที่นี่คะอยู่ตั้งแต่บ้านหลังเก่า"

ถึงเธอยังไม่เข้าใจกับคำว่าบ้านเก่าเธอก็ไม่ถามอะไรต่อเพราะเธอคิดว่าจะไปถามจากอีตาจูเนียร์ที่วันนี้ดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษก่อนจะถามต่อไปว่า

"มิเชลคะ ในรูปนี้ใช่ยูหรือเปล่าคะ"

แม่บ้านเดินเข้ามาใกล้ก่อนตอบว่า

"ใช่คะ จูเนียร์ตอน 6เดือนได้คะ  ถ่ายคู่กับมาดาม ภาพนี้พ่อจูเนียร์เป็นคนถ่ายให้คะ"

"งั้นแปลว่ายูมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เด็กแบเบาะเลย"

"ใช่แล้วคะ ทั้งดิฉันทั้งสามีก็ช่วยกันดูแลเลี้ยงจูเนียร์มาตลอด"

ก่อนที่เธอจะถามอะไรต่อไปก็ได้ยินเสียงเป็นภาษาฝรั่งเศสดังจากข้างหลังว่า

"นินทาอะไรผม"

ทำเอาแม่บ้านหัวเราะออกมา  แต่หญิงสาวนั้นรีบปฏิเสธทันที

"เปล่าชั้นแค่ถามว่าเด็กในรูปนะใช่คุณหรือเปล่า"

"ใช่สิ  รูปผมเกือบทั้งนั้นแหละเต็มบ้านไปหมด  ฝีมือมัมกับมิเชล คุณลองถามมิเชลได้ลองชี้ไปรูปไหนมิเชลบอกได้หมดว่าตอนนั้นผมอายุเท่าไหร่รูปนี้ถ่ายที่ไหน"

แม่บ้านได้แต่อมยิ้ม ส่วนยูส่งของที่อยู่ในมือให้หญิงสาว

"นี่คุณ ผ้าพันคอ  ผมเอาหมวกไหมพรมมาเผื่อด้วย  เห็นว่าลมมันแรง"

หญิงสาวหยิบผ้าพันคอไหมพรมสีฟ้าอ่อนจากมือของยูพร้อมด้วยหมวกไหมพรมสีเดียวก่อนจะอุทานว่า

"สวยจังเลย"

เธอเอามาพิจารณาอย่างละเอียดก่อนจะเห็นที่ปลายของผ้าพันคอมีตัวอักษรสีขาวที่ถักเป็นภาษาสเปน ยูที่มองอยู่เลยบอกว่า

"ถ้าแปลเป็นภาษาอังกฤษคือคือ มัมแอนด์ยูครับ"

"งั้นแปลว่า แม่ทูนหัวคุณถักให้ละซิ"

"ใช่แล้ว มัมถักให้ผมเป็นสิบๆผืน แต่ขอโทษไหมพรมพวกนี้เมดอินไทยแลนด์นะ  มัมกับแม่ผมไปซื้อแถวสำเพ็งกับพาหุรัดมา"

"ถักเก่งจัง  แต่ชั้นไม่กล้าใช้นะ มันควรเป็นของที่ระลึกที่คุณควรเก็บไว้มากกว่า"

ยูส่ายหัวก่อนบอกว่า

"ไม่เป็นไรหรอกมัมถักให้ผมเยอะตั้งแต่ผมเกิด นี่ไง ภาพนี้เหมือนไอ้โม่งเลยแด้ดถ่ายให้ตอนไปสวิต ผมอายุได้ 3ขวบมั้ง"

ยูชี้ให้ดูอีกภาพที่ตนเองในวัยเด็กยืนหัวเราะบนหิมะพร้อมการแต่งกายในชุดกันหนาวพร้อมผ้าพันคอและหมวกไหมพรม และมิเชลได้เสริมมาว่า

"มาดามถักไหมพรมเก่งคะ คุณแพงใส่เถอะสีนี้เป็นสีที่มาดามชอบด้วย"

ทำให้เธอเข้าใจทันทีว่าทำไมทั้งห้องรับแขกทั้งบนเครื่องบินเน้นการตกแต่งด้วยสีฟ้าอ่อนเพราะเป็นสีที่แม่ทูนหัวของยูชอบและยูได้บอกมาว่า

"ไปเหอะคุณ จะได้มีเวลาเที่ยวกันเยอะๆ เราค่อยกลับมากินมื้อเย็นกันที่นี่  กระเป๋าคุณไว้ที่นี่แหละ  เอาเฉพาะของจำเป็นไป ส่วนห้องพักเดี๋ยวมิเชลจัดการให้ ไปครับ"

เธอทำตามที่ยูบอก ก่อนจะขอตัวกับแม่บ้านแต่ยูบอกให้เธอลองดื่มชาก่อนซึ่งชายหนุ่มบอกว่าหอมมากๆ  เธอทำตามก่อนจะบอกว่าเป็นจริงอย่างที่ยูบอกจนเธอทำท่าติดใจ  แล้วมิเชลก็บอกว่าจะไปเปลี่ยนแก้วให้เพราะจูเนียร์รออยู่  ก่อนที่เธอจะยกถ้วยชาเดินออกจากห้องและไม่นานนักมิเชลได้กลับมาพร้อมกับแก้วที่เก็บความร้อนพร้อมฝาปิด  หญิงสาวกล่าวขอบคุณก่อนจะเดินตามยูออกไปที่ห้องโถง ซึ่งเธอเห็นเปียโนตั้งอยู่แต่สายตาเธอไปสะดุดประตูที่อยู่ด้านหลังห้อง  เธอเลยถามยูว่า

"คุณนั่นประตูไปไหนนะ มันทะลุไปหลังบ้านเลยหรือเปล่า"

"ไม่ใช่หรอกมันเป็นทางลงไปห้องใต้ดินที่เป็นที่จอดรถนะ  ไป ไหนๆก็ถามแล้วผมพาไปดูแล้วกัน"

ยูเดินนำไปทันทีก่อนที่หญิงสาวจะพูดอะไร ทำให้เธอต้องรีบเดินตาม ไปซึ่งเป็นจริงอย่างที่ยูบออกเพราะพอพ้นประตูไปก็มีบันไดลงไปด้านล่าง เธอก้าวอย่างระวัง และพอลงไปถึงด้านล่างภาพที่ปรากฏต่อสายตาของเธอคือรถหรูนับสิบคันจอดเรียงกันเป็นระเบียบอยู่ 2ฝั่ง  ยูพาเธอเดินไปดูทีละคันเธอมองเหมือนจะให้ยูช่วยอธิบาย ยูชี้ไปทีละคันและบอก ซึ่ง 3คันแรกที่จอดเรียงกัน ทำแพงถึงกับทำตาโตเพราะเป็นรถโรสลส์-รอยซ์ ถัดไปเป็นคาดิแด็ค 3ตอน และเบนท์ลีย์ ก่อนที่จะมาหยุดตรงจากัวร์ ซึ่งยูบอกว่าคันนี้เป็นรถที่มัมใช้ประจำและรักมาก ตอนนี้ไม่ค่อยได้ใช้งานส่วนใหญ่จะให้คนขับคอยขับรักษาสภาพรถบางทีแด้ดก็จะขับเอง และคันถัดมานั้นคือวอลโว่ซึ่งหญิงสาวสังเกตุเห็นว่ายูนั้นมีสีหน้าสลดลง ก่อนที่ยูจะบอกว่าคันนี้เป็นของพ่อยู เวลามาที่นี่พ่อจะใช้คันนี้ตลอด เพราะพ่อชอบรถยี่ห้อนี้มากที่เมืองไทยก็เหมือนกันวอลโว่คันที่พ่อขับยูก็เก็บรักษาไว้ และมาอีกฝั่งที่มีรถสปอร์ตจอดอยู่หลายคัน จนเธอไปสะดุดตากับแอสตันมาร์ตินที่เธอเคยเห็น  แพงจึงได้ถามไปว่า

"ชั้นเคยเห็นคุณขับคันนี้ตอนคุณไปที่สถานทูตนะ"

ยูพยักหน้าก่อนบอกว่า

"จริงๆแล้วคันนี้แด้ดซื้อมาสะสมไว้นะไม่ค่อยได้ใช้  เพราะรถของผมจะมี 2คันคือบีเอ็มคันที่เรานั่งมาและปอร์เช่ที่จอดข้างๆไง  ผมชอบบีเอ็มมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว  ขนาดที่เมืองไทยผมยังใช้เลยแต่คนละรุ่น คันที่เรานั่งมาใหม่กว่า"

เธอพยักหน้าและมองรถทุกคันด้วยความตื่นตาก่อนจะไปหยุดที่ปอร์เช่ ทำเอาชายหนุ่มสังเกตเห็นเลยบอกว่า

"งั้นเดี๋ยวเราเอาปอร์เช่ไปแล้วกัน"

"เฮ้ยคุณไม่ต้องก็ได้ แค่นี้ชั้นก็เกรงใจแย่แล้วตั้งแต่เครื่องบินส่วนตัวแล้ว"

"เอาน่าไม่เป็น  ผมก็อยากขับคันนี้เหมือนกัน"

ยูพูดจบเดินไปห้องเล็กๆที่อยู่ใกล้ๆบันไดเพื่อไปหยิบรีโมทที่แขวนอย่างเป็นระเบียบพร้อมป้ายที่บอกว่าเป็นของรถคันไหนก่อนจะเดินออกมาและกดรีโมทไปที่รถปอร์เช่ และบอกให้หญิงสาวขึ้นรถ  เธอมองหน้ายูก่อนพอชายหนุ่มพยักหน้าเธอจึงเปิดประตูรถและยูตามขึ้นไปนั่งด้านคนขับก่อนจะสตาร์ทรถและขับออกไปเธอนั้นก็ตื่นเต้นเพราะเป็นครั้งแรกที่เธอได้นั่งรถสปอร์ตราคาแพง เธอนั้นมองไปบริเวณสนามก่อนจะถามไปว่า

"บ้านคุณมีลานจอดคอปเตอร์ด้วยหรือ ชั้นเห็นถุงสีส้มนะ"

"อ๋อWind Sock นะหรือใช่แล้วคุณ"

"อย่าบอกนะคุณมีคอปเตอร์ส่วนตัวด้วย"

ระหว่างนั้นยูได้เลี้ยวรถออกจากบ้านไปแล้ว และยูได้ตอบแพงไปว่า

"ใช่แล้วคุณ ตอนแรกผมอยากให้คอปตอร์ไปรับคุณที่สนามบินเหมือนกันนะ แต่กลัวคุณว่าผมเว่อร์ผมอวดรวยเลยไม่เอาดีกว่า"

"อ้าวเฮ้ย  ไหงงั้นละ  ชั้นอยากนั่ง เกิดมาชั้นไม่เคยนั่งเลย"

"กรรม  งั้นไว้ครั้งหน้าแล้ว"

"ก็ได้"

แต่หญิงสาวแอบยิ้มเพราะดีใจที่ได้กวนอารมณ์ของยูก่อนจะคุยต่อไปว่า

"ทำไมคุณไม่ขับแบบในหนังนะ  แบบเร่งเครื่องขับเร็วๆนะให้สมกับเป็นรถสปอร์ตสิ"

ยูกลืนน้ำลายลงคอก่อนตอบไปว่า

"แหมคุณ มันต่างกัน ขับเร็วเกินไปก็โดนจับความเร็วนะสิ  เอาไว้ครั้งต่อๆไป ผมจะพาคุณไปขับในสนามแข่งรถรับรองผมทำได้แบบที่คุณขอ"


"คุณไปขับในนั้นได้"

"ใช่แล้ว  ผมเคยไปขับมาแล้วหลายครั้งตอนเค้าเชิญให้มาลองนะ  ทั้งบีเอ็มกับปอร์เช่ที่ออกมารุ่นใหม่ๆ  ผมมาทดลองเกือบตลอด  เพราะเป็นลูกค้ารายใหญ่ของเค้า  แต่บางยี่ห้อก็ไม่ต้องเชิญไปขับได้เลยเพราะแด้ดมีหุ้นอยู่ "

"โห"

"โหอะไร  ไม่แปลก  เพราะเค้าเชิญมาเยอะทั้งพวกตัวแทนขายในไทยพวกนักข่าวที่เขียนเรื่องรถทางบริษัทเค้าก็เชิญก็จะได้โปรโมทรถใหม่ไง  แต่อาจจะเป็นคนละรอบกับที่เชิญผม  เพราะส่วนใหญ่ตอนที่ผมไปจะเน้นเฉพาะพวก VIP เท่านั้น  มันก็ขับได้เต็มที่ไง"

เธอพยักหน้าและยูเล่าให้ฟังต่อไปว่า  ตอนต้นปีไปงานมอเตอร์โชว์กับแด้ดที่เมืองไทย ยูยังช่วยขายปอร์เช่ให้ 1 คัน

"อ้างไหงงั้นละ"

"ก็แบบนี้คุณ  ผมทดลองขับรุ่นนั้นมาแล้ว ตอนไปถึงบู๊ธ มีคนสนใจแต่เซลดันไปอธิบายคนละความหมายไง  ผมได้ยินเลยเข้าไปสอดว่าผมเคยลองขับมาแล้วเลยพอจะตอบเค้าได้  พอดีผู้จัดการเดินมาสมทบและการันตีว่าผมเคยไปลองขับมาจริงๆ  ลูกค้าเลยซื้อ"

"อ้าวไหงงั้นละ ทำไมผู้จัดการเค้ารู้จักคุณหรือ"

"ใช่แล้ว  เพราะจริงๆแล้ว  บู๊ธนั้นเป็นบริษัทนำเข้ารถจากบริษัทที่ทางเราเป็นเอเย่นต์ใหญ่อยู่ไง แด้ดจะไปงานมอเตอร์โชว์ตลอดเพราะไปดูตลาดด้วย ทางผู้จัดการเลยรู้จักผม"

เธอจิบชาไปด้วยพร้อมพยักหน้าก่อนที่ยูจะบอกต่อไปว่า

"รถเบนซ์คันนั้นเหมือนกัน คันที่ผมขับไปส่งคุณที่บ้านในวันฝนตกนะ ถ้าคุณรู้เรื่องรถก็จะรู้ว่ารถรุ่นที่คุณนั่งวันนั้นนะ เป็นรุ่นที่ไม่มีขายในเมืองไทยมีแต่บริษัทที่นำรถเข้าจากทางเราเท่านั้นที่สั่งไปขาย  เค้าเน้นขายพวกชอบสะสมนะ"

"งั้นเท่ากับว่า คุณนำเข้าไปเองหรือไง"

"เปล่า  จริงๆแล้วมันเกี่ยวกับบริษัทนำเข้ารถบริษัทนี้ด้วยละคือแบบนี้"

ยูเล่าให้เธอฟังต่อไปว่า  ตอนช่วงนั้นเป็นช่วงที่พ่อของยูได้เสียไปไม่นานนัก ยูที่ความรู้สึกเคว้งคว้างไม่ค่อยอยากอยู่กับบ้านเท่าไหร่นักเพราะความคิดถึงพ่อที่จากไปอย่างกะทันหัน ยู ได้ไปเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้าแบบไม่มีจุดหมายและบริษัทนั้นได้มาออกบู๊ธในห้างนั้นพอดี  ยูที่ไม่มีกระจิตกระใจอะไรได้เดินไปดูรถ  และจู่ๆก็ตัดสินใจซื้อรถทันทีหลังจากพูดคุยกับเซลไม่นานเท่าไหร่โดยไม่สนใจสอบถามอะไรมากมาย  แพงจึงได้ถามขึ้นว่า

"ทำไมเป็นแบบนั้นละ"


"ผมบอกไม่ถูกใจคอมันไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ไงเลยซื้อโดยไม่คิด"

และยูเล่าต่อไปว่าตอนซื้อก็ไม่ได้สนใจว่าซื้อจากบริษัทอะไรจนวันที่จ่ายเงินตอนไปรับรถ  ยูก็ไม่สนใจอยู่ดีและแม่ก็บ่นว่าซื้อมาทำไมเปลืองเงินที่บ้านก็มีอยู่ 3 คันแล้ว แต่เรื่องมาถึงแด้ดได้เพราะยูนั้นลืมไปว่าตอนที่ใช้บัตรเครดิตจ่ายนั้นถึงจะเป็นบัตรที่ไม่จำกัดวงเงิน ที่ตัวเองมีอยู่หลายใบ  แต่บัตรใบนั้นแด้ดทำให้และพอมีค่าใช้จ่ายสูงๆมันจะมาเตือนให้ทางพนักงานบัญชีของบริษัทที่ดูแลอยู่  แถมรายชื่อลูกค้าที่ซื้อไปรถทางตัวแทนที่เมืองไทยจะต้องส่งมาให้ทางนี้รับทราบด้วยทุกครั้ง  เพื่อเก็บเป็นข้อมูล พอทุกอย่างมันตรงกันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องรีบรายงานพ่อทูนหัวของยูทันที

"แล้วแด้ดคุณว่ายังไงละ"

แพงถามไปยังยูที่กำลังขับรถอยู่

"ไม่ว่ายัง  เพราะแด้ดดูเหมือนจะเข้าใจสภาพจิตใจผมดี  แด้ดโทรมาหาแม่ผมว่าอย่าไปว่าผมเลย  เพราะสภาพจิตใจผมย่ำแย่  มากอาจจะหาอะไรมาทดแทนเพื่อยึดเหนี่ยว แด้ดรู้ดีเพราะเลี้ยงผมมา "

"งั้นรถก็จอดเต็มบ้านคุณเลยนะซิ"

"ประมาณนั้น  แต่ผมก็ขายโตโยต้าไป รถคันนั้นผมซื้อหลังจากที่เข้าไปทำงานใหม่ จริงๆผมซื้อโตโยต้าเพราะประชดพวกปากมากนะ คือตอนที่ผมไปทำงานแรกๆ  ผมขับบีเอ็มไป มัมซื้อให้ผมไงแต่พอขับไปไม่เท่าไหร่ก็มีการจับกลุ่มนินทา เรื่องรถที่ผมขับ  ผมเลยรำคาญไปซื้อโตโยต้ามาขับซะเลยแต่ก็ไม่วายโดนอีก พ่อผมก็บอกไว้มันเป็นเรื่องปกติของสังคมการทำงาน  ผมจะต้องรับให้ได้ ผมก็เลยเบื่อๆไปคำว่าข้าราชการระดับล่างนี่มันทำอะไรเกินตัวก็ไม่ได้  ใส่นาฬิกาดีๆก็ไม่ได้  ผมเลยเอาไว้ที่นี่หลายเรือนไม่เอากลับ ยกเว้นเรือนที่ใส่อยู่ เพราะมัมกับแด้ดให้เป็นของขวัญวันที่ผมเรียนจบปริญญาตรี"

แพงเหลือบไปมองนาฬิกายี่ห้อหรูที่ยูสวมใส่อยู่ แต่ยูก็วกกลับมาเล่าเรื่องรถอีกว่า

"ขับโตโยต้าเกือบปีมั้ง  ผมเลยกลับมาใช้บีเอ็มเหมือนเดิมแต่คราวนี้คนไม่ค่อยพูดแล้ว  และผมก็ไม่ใส่ใจเท่าไหร่  แม่ผมเลยเอาไปขับแทนแต่ตอนนี้ไม่ค่อยได้ขับแล้ว ผมห่วงแม่เลยบอกว่าไปไหนให้คนขับรถขับให้จะดีกว่า  เพราะตอนงานมอเตอร์โชว์เมื่อต้นปี  ผมเลยซื้อรถตู้เบนซ์แบบ VIP ให้แม่ จะได้นั่งสะดวก  แด้ดก็เห็นดีด้วย"

"แล้วแม่คุณบ่นอีกหรือเปล่า"

"ไม่นะ กลับชอบเพราะผมเอาแบบที่ตกแต่งให้นั่งได้ 4 คน แม่เลยนั่งสบายๆเลย  บอกว่าเหยียดขาได้สบายๆ ส่วนเรื่องอื่นๆนะไม่เท่าไหร่ เครื่องเสียงแม่ก็ไม่สน  ติดทีวีก็ไม่ค่อยได้ดู  ส่วนมากนั่งเล่นไลน์กับกลุ่มเพื่อนๆ"

ยูเล่าด้วยน้ำเสียงหัวเราะ  ก่อนจะย้อนไปว่าในวันนั้นหลังจากที่เดินดูรถกับพ่อทูนหัวไปหลายบู๊ธพอตัดสินใจซื้อรถตู้เบนซ์เรียบร้อย  ยูกับพ่อทูนหัวเดินผ่านบู๊ธของวอลโว่ ยูที่เห็นรถรุ่นใหม่โชว์อยู่จึงเงยหน้าเรียกโรแบร์โต้ว่า

"แด้ดครับ"

โรแบร์โต้ที่กำลังยืนดูอีกคันอยู่หันมามองหน้าลูกชายและดูเหมือนจะเข้าใจ จึงบอกกลับไปว่า

"เอาสิยู  พ่อซื้อให้"

ยูยิ้มออกมาและเป็นจังหวะที่หัวหน้าเซลรีบเดินมาหาเพราะคุ้นเคยกันอยู่แล้ว พ่อของยูนั้นเป็นลูกค้าขาประจำของที่นี่ทำให้รู้จักกันเป็นอย่างดี  หญิงสาวที่นั่งฟังก็รู้สึกแปลกใจพร้อมถามไปทันทีว่า

"แล้วคุณจะซื้ออีกทำไมละ  ชั้นว่ามันเปลืองนะ"

"ใช่ผมยอมรับ  แต่บางทีผมก็บอกไม่ถูกนะมันเหมือนไม่มีเหตุผล  แต่มันมาจากความคิดถึงพ่อนะ เพราะพ่อจะชอบชวนผมมาดูเวลามีวอลโว่รุ่นใหม่เข้ามา   ผมคงซื้อเพราะเหตุนี้มั้ง  แด้ดก็ไม่ห้ามแม่ก็ไม่บ่น  แต่รถจอดเต็มบ้าน ปกติผมใช้บีเอ็ม  แม่ก็หันไปนั่งรถตู้ ส่วนเบ็นซ์นานๆผมก็เอาใช้ที รถวอลโว่คันเก่าของพ่อ  ผมก็ไม่กล้าเอามาใช้นะกลัวโดนชน อาทิตย์หนึ่งไม่ผมก็คนขับก็เอามาวิ่งวนในหมู่บ้านสักรอบสองรอบเก็บเอาไว้เป็นที่ระลึกนะดีที่มีคนขับ 2คนช่วยกันดูแล  ส่วนคันวอลโว่ที่ซื้อใหม่  ผมเอามาใช้แค่สองครั้งเอง  แต่เบนซ์คันนั้นนะ  พี่น้อยจ้องตาเป็นมันอยู่  อยากได้แต่ผมไม่ขาย"

ยูพูดไปหัวเราะไปแต่หญิงสาวนั้นหันมามองหน้าอีกครั้งแล้วทำหน้าแปลกๆให้ยูเห็น  ทำเอาชายหนุ่มถึงกับขำแล้วบอกต่อมาว่า

"แพงผมรู้นะ ว่าคุณมีคำถามอีกเยอะ  อย่างเช่นทำไมแด้ดกับมัมถึงได้เลี้ยงผมมาแต่เด็กๆจนผมกลายเป็นทายาทของตระกูลนี้ ทั้งๆที่ ผมไม่ใช่เชื้อสายของทั้งคู่เลย และพ่อกับแม่ผมก็มีฐานะแต่ทำไมต้องให้คนอื่นมาเลี้ยงผม แล้วผมจะเอายังไงต่อกับอนาคต เอาไว้กลับบ้านไปก่อนแล้วผมจะตอบคำถามคุณให้หายสงสัยเพราะเรื่องมันยาว มันเกี่ยวพันกับเรื่องที่คุณเคยถามผมว่าทำไมผมพูดได้หลายภาษา  ทุกอย่างมันเกี่ยวกันหมดครับ  ผมถึงบอกเรื่องมันยาว  ตอนนี้ให้ผมพาคุณทัวร์ให้สนุกก่อนดีกว่าครับ"


หญิงสาวพยักหน้ารับคำเพราะยูนั้นเดาใจเธอออก  เพราะทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับชายหนุ่มตั้งแต่ที่เธอรู้จักมันช่างน่าสงสัยทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทำธุรกิจอะไรถึงรวยล้นฟ้า  การที่มีบอดี้การ์ดตามติดตลอดและทำไมเด็กผู้ชายไทยคนหนึ่งถึงมาเติบโตกับตระกูลนี้ได้จนกลายเป็นทายาทของตระกูลนี้

kaithai

คำเตือน  ก่อนคอมเม้นต์ จากเจ้แว่น
................................................................................................................
ใครจะอ่านผลงานทุกตอนในห้องนี้ ถ้าทำตามกติกา-เงื่อนไขนี้ไม่ได้ แล้วรีพลายมักง่ายผ่านไปที หรือ รีพลาย ขอบคุณครับ,ขอบคุณ,ขอบคุณค่ะ,ติดตามครับ,สนุกมากครับ,ติดตามต่อ. อะไรประมาณนี้ จะแบนเลยนะ ขอบคุณมากๆครับ ก็ไม่ต้อง thank,thank you,thx ขี้หมาหลายแหล เหล่านี้ก็อย่าให้เห็น จัดรูดแบนไปยาวๆถ้าเจอ นี่เป็นข้อตกลงไว่ก่อนอ่านระหว่างเจ้าของงาน กับสมาชิก ::Angry:: ถ้า รีพลายผิดเงื่อนไขมาหรือ โชว์พาล์วอยู่มานาน โชว์เก๋า โชว์สด โชว์เกรียน ทำมึนลองมาจะแบนเลย เพื่อสมาชิกอีกส่วนที่พร้อมทำตามกติกา ::Cheeky:: เพราะไม่เช่นนั้น รีพลายคุณอาจทำให้ สมาชิกที่ปฏิบัติตามพลอยอดอ่านไปด้วย ฉะนั้นไม่แน่ใจ อย่าพิมพ์เอามักง่ายมั่วๆ..ถ้าคิดว่า กฏนี้มันยากก็ไปหาที่อื่นเสพนะ อย่าเข้ามาใช้มาอ่านงานที่ห้องนี้ อ๋อ ใครโดน pm เตือนถ้ายังมึนจะแบนจาก 6 เดือนเป็น 1ปี. .

กฎที่วางนี่ไม่ได้เขียนเอา ฮา เนอะ แบนจริงใครอยู่นานแล้วคงรู้จัก แว่น ดี..คิดว่า ฉันแบนจริงหรือเตือนเอาสนุกเล่นๆ..อย่าๆลอง เดี๋ยวจะเสียความรู้สึกด้วยรีพลายคุณเอง ทำตามเงื่อนไข ยากอะไร หรือ จะโชว์เกรียน..เตือน,ขอร้อง,ขอความร่วมมือ แล้วเมื่อไม่รักษาสิทธิ์-ประโยชน์คุณเอง ก็แบนไปใช้เวปอื่น. .
................................................................................................................

wattana2015

มาแล้วครับ   ::Reader::  ตามมาอ่านผลงานของท่านทวินอย่างไว  ผมชอบแนวผลงานของท่านมาก  อ่านแล้วได้ทั้งอารมณ์ความรู้สึกและจินตนาการไปในตัว   ::JubuJubu:: เนื้อหาละเมียดละไมละเอียดจนน่าจะไปอยู่ในผู้แต่งในตำนานใต้ดินได้อีกคนทีเดียว  ขอติดตามอ่านงานดีๆแบบนี้ไปยาวๆเลยครับ  เป็นกำลังใจให้ครับ   ::Thankyou::

P Eet ✦Diamond✦

Nice... I really enjoy this story. Have to say that it has soooooo many details about that this could be made into series for any of the TV channels. 

Just want to ask writer that ... why is it that I have a feeling of reading a very well informed documentary?
It  like reading a catalog of things that he own ... like every single plot always talk about things that he has, yet you mange to tied them all together. It is not an easy thing to fit all of your information into less than 10 episodes story.  Very nice plots & not toooo much drama, it's the way I love to read an erotica. 

Thanks  so muc & looking forward to see how it all will come together soon !
Disclaimer: The view and opinion expressed on this website are solely those of my very own. It is solely for the purpose of entertainment and has NO meaningful value of any kind. They DO NOT necessarily represent those of the majority of READERS & WRITERS of this website staff, and/or any/all contributors to this site.

ஜ۩۞۩ஜ THANK YOU ஜ۩۞۩ஜ 



❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀

DIAMONDS ARE FOREVER !!!

   ..... (¯`v´¯)♥
   .......•.¸.•´
   ....¸.•´
   ... (
   ☻/
   /▌♥♥
   / \ ♥♥

sunnie06

อ่านเพลินเลย เรื่องของยูสนุกมาก

elviswhat

ผมเป็นกำลังใจให้ท่าน twintower นำผลงานดี ๆ มาแบ่งปันนะครับ แต่อดสงสัยไม่ได้ ยูอาจจะต้องเจอกับจ็อบเป็นแน่

Pongsathorn Weerahong

ขอบคุณครับ อ่านแล้วเพลิน ขอปรบมือให้คนเขียน เก็บรายละเอียดได้ดีมากครับ อ่านแล้วเหมือนเป็นตัวละครด้วยเลย

man5252

ไม่มีบทเสียว แต่เนื้อเรื่องสนุกมาก  ยอมรับในฝีมือผู้แต่งสนุกมาก  

633sqd

ผลงานดีๆใกล้จบอีกเรื่องแล้ว เสียดายเหมือนกันนะ ::JubuJubu::

azerothx

ผลงานท่านทวิน ไม่ต้องมีแนว วาบหวิว ก็อ่านสนุกเพลินดีครับ แถมเขียนได้หน้าติดตามมากๆ ครับ ::Thankyou::

tacklove

ในที่สุดยูตัวจริงกลับมาทลายกำแพงตัวเองโดยสาวโก็ะอย่างแพงได้ซะที จะมีฉากบู๊บ้างไหมเนี่ย

ทราย ไม่เปลี่ยนแปลง

สนุกดีครับ ให้ความรู้สึกดี บรรยากาศโรแมนติคดี เนื้อเรื่องสบายๆ ชอบครับ

naitoom

ถึงไม่มีบทเสียวในอีก 2 ตอนที่เหลือ ก็ไม่เป็นไรครับ เพียงอยากให้จบแบบไม่มีอะไรคาใจ...แบบจบสมบูรณ์
สำหรับชายที่ Perfect แบบนี้ ทำให้ผู้อ่านอิจฉา ฝันอยากจะเป็น
ทำให้อยากให้จบแบบ Happy ด้วย

sniperteam

มาติดๆกันสองตอนค่อยหายคิดถึง เนื้อหาชวนติดตามมาก บอกตามตรงเป็นเรื่องที่อ่านแล้วข้ามบทเสียว เพราะชอบเนื้อเรื่องอื่นๆมาก ไม่ใช่บทเสียวไม่ตื่นเต้น แต่อยากอ่านบทถัดไปเร็วๆ อยากให้มีบทแอ็คชั่นมาแทรกจัง แบบออกมากับนางเอกมีตัวร้ายมาโจมตีพระเอกปกป้อง พานางเอกหนีมาได้ บอดีการ์ดตามมาช่วย ประมานนี้ ขอบคุณมากนะครับ เนืีอหายอดเยี่ยมมาก

tetete

ตอนหน้าเราคงได้รู้ความจริงทั้งหมดเกี่ยวกับยู