ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

สายเลือดต้องสาบ ตอนที่ 5 แวะพัก

เริ่มโดย devilza2010, พฤษภาคม 28, 2017, 11:27:10 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

devilza2010

ช่วงเวลาแห่งความสุขผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตลอด 2 วันที่ผ่านมาเฟรย่าได้อาศัยอยู่กับเพื่อนสนิทและหลานชาย ทุกห้วงเวลาที่ผ่านไปมีแต่ความสุขและความรักใคร่ จนเธออยากจะอยู่ที่นี่กับเพื่อนสนิทและหลายชายคนโปรดตลอดไป ความเจ็บปวดปนเสียวมันช่างรัญจวนอยู่หัวใจของหญิงสาวทั้งสองตลอดเวลา 2 วัน พวกเธอล่อนจ้อนเปลือยตลอดเวลาที่ผ่านมา เพราะเซโร่แทบจะเย็ดพวกเธอตลอดเวลา บ่อยครั้งระหว่างการร่วมรักเธอและเพื่อนสนิทเผลอสลบคาลำควยของเขาหลายหน

เฟรย่าเธออดสงสัยไม่ได้ว่าหลานชายของเธอเป็นสัตว์ประหลาดที่อดอยากมาชาติปางก่อนเหรอป่าว ความหื่นกระหายที่เกินขีดจำกัดของคนทั่วไป ความอึดและพละกำลังอันมหาศาลแทบไม่มีขีดจำกัด และสิ่งสำคัญคือลำควยขนาด 7 นิ้วของเขาช่างเป็นศัตรูที่น่ากลัวของเหล่าหญิงสาวโดยแท้จริง

การมาเยี่ยมเยือนของเพื่อนสนิททำให้แคทดีใจมากๆ เนื่องจากเธอไม่ได้เจอเพื่อนสนิทมานานแล้วและเฟรย่าเป็นคนเดียวที่รู้ใจเธอมากที่สุด ส่วนอีกเหตุผลเธอต้องการหาคนมาช่วยแบ่งเบาภาระอันหนักอึ้งของเธอ เพราะการร่วมรักของเซโร่แต่ละครั้งมันช่างยาวนานเหลือเกิน บ่อยครั้งเธออดสงสารลูกชายไม่ได้ที่ต้องแอบไปช่วยตัวเอง เนื่องจากร่างกายของเธอปวดระบมจนไม่สามารถร่วมรักกับลูกชายได้ แม้ร่างกายจะปวดระบมแต่ความเสียวซ่านจากการร่วมรักกับลูกชายเป็นสิ่งเติมเต็มเพลิงสวาทของเธอได้เป็นอย่างดี

เซโร่ไม่เข้าใจตัวเองเลยว่า ทำไมเข้ามีอารมณ์ทางเพศมากมายขนาดนี้ ความหื่นกระหายของเขาเหมือนเป็นสัญชาติญาณดิบ เพราะแค่มีสิ่งปลุกเร้ามากระตุ้นอารมณ์สวาทของเขา เด็กหนุ่มต้องหาวิธีระบายความใคร่กับมารดาตลอด ทุกครั้งที่เขาร่วมรักแล้วถึงจุดสุดยอด ร่างกายของเขาเหมือนมีพลังงานขุมหนึ่งไหลเวียนออกมา ซึ่งเขาเคยถามท่านแม่ว่ามันคืออะไร แต่ท่านแม่ก็ตรวจไม่พบถึงสิ่งผิดปกติในร่างกายของเขา และยิ่งเขามีถึงจุดสุดยอดมากเท่าใด เขายิ่งรู้สึกว่าร่างกายของเขามันสดชื่นมากยิ่งขึ้น พละกำลังที่ควรจะหมดกลับเพิ่มมากขึ้นเสียอีก   

จนเวลาล่วงเลยผ่านไป 2 อาทิตย์ ทั้งสามจึงออกเดินทางมาถึงหมู่บ้านเมล สองสาวใส่ฮู้ดคลุมร่างกายเผื่อหลีกเลี่ยงสายตาของคนรอบข้าง ตอนแรกพวกเธอก็ใส่ชุดธรรมดา แต่ด้วยรูปร่างหน้าตาที่โดนเด่นของพวกเธอ ทำให้สองสาวกลายเป็นจุดสนใจทุกทีที่แวะเข้าเมือง และบ่อยครั้งชอบมีพวกหน้าหม้อมาจีบพวกเธอ ดังนั้นเพื่อตัดปัญหาความรำคาญเพวกเธอจึงสวมฮู้ดปิดบังสายตาแทะโลมตลอดทาง

หมู่บ้านเมลเป็นหมู่บ้านสุดท้ายก่อนถึงเมืองอัลราบัส หมู่บ้านเมลเปรียบเสมือนเมืองท่าของเมืองอัลราบัส ผู้คนมากมายเดินทางมาที่แห่งนี้เพื่อค้าขาย แลกเปลี่ยนข่าวสาร รับสมัครพรรคพวกเข้ากิลด์ จับปาร์ตี้ออกล่าปีศาจ อะไรต่างๆมากมาย

"ว๊าว...ผมพึงเคยเห็นคนเยอะขนาดนี้เป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ย" เสียงพูดออกมาจากเด็กหนุ่มด้วยความร่าเริง ภาพสัญจรไปมาของผู้คนมากมาย หมู่บ้านเมลเป็นพื้นที่โล่งขนาดใหญ่ ถูกห้อมล้อมด้วยกำแพงสีขาวขนาดใหญ่ทั้งสี่ด้าน ในหมู่บ้านมีบ้านไม้จำนวนมากมาย

"เซโร่จ๊ะ...ถ้าเข้าไปในเมืองอัลราบัสจะมีคนมากกว่านี้อีกนะ" เฟรย่าหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นท่าทางตื่นตาตื่นใจของเซโร่ บางครั้งเธอแทบลืมเลือนไปเลยเด็กหนุ่มคนนี้อายุเพียง 14 เท่านั้น เพราะบทรักอันร้อนแรงของเขามันเหนือกว่าผู้ใหญ่เสียอีก 

"เซโร่จ๊ะ...ลูกลองไปเดินเล่นในหมู่บ้านก่อนนะ แม่กับฟรย่าของไปเยี่ยมเพื่อนเก่าสักแปบจ้า แล้วเดี๋ยวพวกเรามาเจอกันหน้าร้านอาหารตรงนั้นอีกครึ่งชั่วโมงจ๊ะ" แคทพูดพลางชี้ไปร้านอาหารตรงกลางหมู่บ้าน "ร้านอาหารลืมเลือน"

"ครับท่านแม่" เด็กหนุ่มตอบกลับมา พลางมองสำรวจว่าจะไปเดินเล่นที่ไหนดี

"อย่าซนที่ไหนละพ่อตัวแสบ" เฟรย่าเดินไปลูบหัวของหลานชายเบาๆ

"ครับพี่สาว" เซโร่ตอบยิ้มๆ ความจริงท่านแม่ของเขาให้เรียกเพื่อนสนิทเธอว่าท่านน้า แต่เฟรย่ากลับปฏิเสธให้เขาเรียกว่าพี่สาวเหมือนเดิม โดยให้เธอให้เหตุผลว่าเรียกพี่สาวแล้วดูสนิทสนมกันดี

หลังแยกจากสองสาวแล้ว เซโร่ก็เดินเล่นพลางดูร้านค้าต่างๆ มากมาย สินค้านานาชนิดถูกวางขายโดยพ่อค้าแม่ค้า สิ่งของแต่ละอย่างเป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับเด็กหนุ่มมาก เดินไปสักพักเขาก็มาถึงตรอกซอยที่ไม่ค่อยมีผู้คนมากนัก รอบๆ มีแต่ร้านขายอาวุธ เกราะป้องกัน ด้วยความสนใจดาบเขาจึงเดินเข้าไปดูอาวุธร้านต่าง แต่ก็ไม่มีดาบเล่มไหนสนใจแม้แต่น้อย

"ให้ตายสิ ไอแก่นั้นยังกล้ามาขายดาบโสโครกพวกนั้นอีก เห็นแล้วรำคาญลูกตาฉิบหาย" เสียงห้าวๆ ของหนุ่มคนหนึ่งพูด 

"หึหึ...อีกไม่นานร้านมันเจ๊งแน่ๆ ดันซุ่มซ่ามไปชนสาวของลูกชายตระกูลอาซุส อีกไม่นานไอแก่นั้นโดนเล่นงานชัวร์" ชายหัวโล้นหัวเราะเบาๆ บนใบหน้าโหดมีรอยยิ้มที่สะใจอย่างยิ่ง

"นั่นสินะ" เสียงหนุ่มร่างผอมตอบกลับมา

เซโร่บังเอิญได้ยินการสนทนาของชายร่างผอมกับคนหัวโล้น จึงหันไปมองเห็นคนนับ 10 ยืนล้อมรอบชายชราสูงวัย ชายชราผมขาวหงอกยาวถึงกลางหลัง รูปร่างผอมบางเหมือนคนไร้เรี่ยวแรง แววตาเลื่อนลอยเหมือนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ใบหน้าแฝงด้วยความเศร้าหมอง เขาเห็นสีหน้าของชายชราแล้วอดสงสารไม่ได้

กลุ่มชายหนุ่มเกือบสิบคนที่ล้อมรอบชายชราคือ คนของตระกลูอาซุส ตระกลูแห่งนี้เป็นตระกลูของ วินเซ่น อาซุส ขุนนางใหญ่ในเมืองหลวงดินแดนใต้ ทำให้ไม่มีใครกล้าไปเข้ายุ่งเรื่องของพวกเขา เพราะมันไม่คุ้มกับการเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเหลือชายแก่เพียงคนเดียว

ความจริงชายแก่นั่งขายอาวุธอยู่เฉยๆ แต่กลุ่มคนเหล่านี้เกิดความไม่พอใจชายแก่ เนื่องจากวันก่อนชายชราผู้นี้ดันไปชนกับหญิงสาวคนหนึ่ง ซึ่งเธอเป็นที่หมายปองของลูกชายขุนนางใหญ่วินเซ่น อาซุส ด้วยเหตุนี้ ซานโตส อาซุส ลูกชายคนเดียวของตระกูลจึงพาพวกมาอัดชายชราถึงที่

"ไอหงอกแกกล้านะที่มาชนใส่อลิส วันนี้มึงไม่ตายดีแน่ พวกเราจัดการ" เสียงคำสั่งของซานโตสดังขึ้นมา เพื่อให้ลูกน้องจัดการ ความจริงตัวเขาเองไม่ต้องมาก็ได้ แค่เพียงลำพังลูกน้องของเขาคนเดียวก็น่าจะจัดการชายชราได้สบาย แต่เพื่อความสะใจเขาจึงมาดูด้วยตาของตนเอง

เหล่าลูกน้องเมื่อได้คำสั่งจากลูกพี่ พวกเขาไม่รอช้าจัดบาทาให้แก่ชายชราทันที "ตุ๊บๆ ตั๊บๆๆ" เสียงกระทืบของชายหนุ่มดังขึ้นต่อเนื่อง ผู้คนเห็นภาพเหล่านั้นถึงกับเบือนหน้าหนี ยกเว้นแต่เซโร่ที่จ้องมองชายชราด้วยความรู้สึกแปลกใจ 

"โอ้ย...อ๊ากกกก" เสียงร้องที่น่าจะออกจากปากของชายชรา แต่เสียงร้องเหล่านั้นกับเป็นของชายหนุ่ม ที่ตอนนี้นอนโอดโอยอยู่บนพื้นหลายคน ซานโตสเห็นลูกน้องของเขาโดนชายแก่จัดการในเพียงครั้งเดียว ก็เริ่มแสดงความหวาดกลัว เพราะตอนนี้เหลือเพียงเขาแค่คนเดียว

เซโร่มองด้วยชายชราด้วยความตกใจ เขาเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าชายชราผู้นี้จะร้ายกาจมาก เขาทราบแต่แรกว่าคนแก่ผู้นี้ต้องไม่ธรรมดา ด้วยความรู้สึกบางอย่างที่เตือนว่าชายชราคนนี้อันตรายมากๆ แม้ใบหน้าของเขาจะไม่เปลี่ยนแปลง แต่ชั่วพริบตาที่ลงมือแววตาของเขาแสดงออกถึงความอำมหิต จนเซโรเองถึงเสียววาบขนลุกชันไปทั้งตัว

"ไอหนู...รีบไสหัวไปซะ ก่อนที่ข้าจะอารมณ์เสียไปมากกว่านี้" ชายชราพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มๆ อย่างเชื่องช้า แต่ทุกคำพูดเปี่ยมไปด้วยพลัง จนเด็กหนุ่มซานโตสเหงื่อแตกพลั่ก ขาแข้งสั่นจนแทบอ่อนระทวย ความรู้สึกของเขาตอนนี้อยากจะวิ่งหนีไปให้ไกลที่สุด แต่ขาของเขามันก้าวแทบไม่ออก

"ยังไม่..." ชายชรายังไม่ทันพูดจบ เด็กหนุ่มนามซานโตสก็รีบเผ่นแน่บ โดยไม่อายสายตาของคนรอบข้างแม้แต่น้อย เหล่าลูกสมุนที่นอนอยู่บนพื้นเห็นลูกพี่วิ่งหนีไปแล้ว ก็ช่วยกันพยุงประคองร่างที่บาดเจ็บกันกลับไป

"ว๊าว...ท่านตาคนนี้เจ๋งดีจริงแฮะ โจมตีแค่ครั้งเดียวก็ไล่พวกนั้นเผ่นจนหนีแทบไม่ทัน" เสียงเอ่ยชมจากจริงใจของเซโร่ ก่อนเขาจะเดินไปหาชายชรา

แววตาที่เลื่อนลอยของชายชราต้องเบิกกว้าง ใบหน้าของเขายิ้มออกมาเป็นครั้งแรกเมื่อเห็นเซโร่เดินเข้ามา เด็กหนุ่มเห็นท่าทีของชายชราที่เปลี่ยนไปก็แปลกใจนิดๆ เขาอยากทราบว่าอาวุธที่ชายร่างผอมบอกว่าโสโครกเป็นยังไง เพราะด้วยฝีมือของชายชราอาวุธของเขาต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ แต่พอเห็นอาวุธตรงหน้าต้องยอมรับว่าชายหนุ่มร่างผอมคนนั้นไม่ได้กล่าวเกินเลยแม้แต่น้อย

ไม่ว่าจะเป็น ดาบ มีด โล่ ต้องบอกว่าอาวุธต่างๆ แทบจะพังอยู่รอมล่อ ดูยังไงมันขยะชัดๆ อาวุธะพวกนี้แทบไม่ต่างอะไรจากเศษเหล็กเลย "เอ่อ...ท่านตาครับของเหล่านี้มันใช้งานได้จริงๆเหรอครับ" เด็กหนุ่มถามด้วยความสงสัย

"ฮ่าๆๆ...อาวุธเศษเหล็กแบบนั้นจะใช้งานได้ไงเจ้าช...เอ้ย!...เจ้าหนู" เซโร่เลิกคิ้วอย่างแปลกใจ กลับคำพูดของชายชรา "เมื่อสักครู่ท่านตาเรียกผมว่าอะไรนะ" เขาไม่ได้หูฝาดไปแน่เมื่อสักครู่ชายชราเรียกเขาว่าเจ้าชาย

"ฮ่าๆ...อย่าสนใจคำพูดไร้สาระของคนแก่อย่างข้าเลย" ชายชราพูดอย่างอารมณ์ดี ท่าทีผิดกับตอนคุยกับพวกอันธพาลพวกนั้นอย่างสิ้นเชิง

เซโร่มองดูอาวุธบนเสื่อด้วยความปลงตก ตอนแรกเขานึกว่าอาวุธของชายชราจะสุดยอด ที่ไหนได้ดาบไม้ของเขาอาจจะแข็งแรงกว่าอาวุธทั้งหมดในร้านชายชราก็ได้ 'เฮ้อ!...คิดผิดซะแล้วมั้งที่เดินเข้ามาดู เอ๊ะ' เสียงอุทานด้วยความตกใจ เมื่อมือของเขาไปสัมผัสกับดาบที่มีแต่สนิม ดาบสั้นทื่อขนาดประมาณ 0.5  เมตร ดาบทั้งเล่มถูกปกคลุมไปด้วยสนิม ทว่าความรู้สึกบางอย่างบอกว่าดาบเล่มนี้มันไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

"ท่านตาครับดาบเล่มนี้มันมีที่มายังไงเหรอครับ?" เซโร่พูดพลางหยิบดาบโชว์ให้ชายชราดู เขาจ้องมองดาบในมือเด็กหนุ่มด้วยแววตาที่แฝงไปด้วยความโศกเศร้า

"ดาบเล่มนี้เป็นอาวุธของคนรู้จักของตาในสมัยก่อน แต่ตอนนี้เขาเสียชีวิตไปแล้ว ตาเองก็ไม่คิดว่าจะมีคนสนใจดาบเล่มนี้อีกครั้ง" น้ำเสียงของชายชราแฝงไปด้วยความโศกเศร้าอย่างชัดเจน

"ผมขอโทษครับท่านตา...ผมไม่ทราบว่า..." เด็กหนุ่มพูดไม่ทันจบ ชายชราก็ทำท่าโบกมือบอกว่าไม่เป็นไร ก่อนจะพูดกับเด็กหนุ่มว่า "หลานชายตาขอร้องหลายชายสักเรื่องสิ"

"ได้ครับ" เด็กหนุ่มรับคำแน่น

"ช่วยใช้ดาบเล่มนี้ได้หรือไม่ ตาขอร้องละถ้าเขารู้ว่าหลานชายเป็นคนใช้ต้องดีใจมากๆ แน่" คำขอร้องอ้อนวอนของชายชรา ทำเอาเซโร่ต้องแปลกใจ เขาคิดว่าจะเป็นเรื่องยากอะไรซะอีก แค่ขอให้เขาใช้ดาบในมือเรื่องแค่นี้ไม่มีปัญหาสักนิด เพราะเขาเองก็ถูกโชคชะตากับเล่มนี้ ความรู้สึกว่าอาวุธในมือมีความผูกพันกับเขาเป็นพิเศษ

"ไม่มีปัญหาครับท่านตา แต่ผมไม่มีตังนะครับ แล้วเจ้าของคนเก่าของดาบเล่มนี้ชื่ออะไรเหรอครับ" เด็กหนุ่มถามด้วยความอยากรู้ เพราะเหตุใดท่านตาจึงบอกว่าเขาคนนั้นต้องดีใจมากแน่ๆ

"ฮ่าๆๆๆ ตาไม่คิดตังหรอกน่า ส่วนเจ้าของคนเก่าของดาบเล่มนี้เขามีนามว่าคาซามะ" หลังจากได้ยินคำตอบของชายชรา เขาคิดว่าน่าจะใกล้ถึงเวลานัดระหว่างท่านแม่กับพี่สาวแล้ว เขาจึงเอ่ยอำลาคุณตาก่อนจะวิ่งไปยังร้านอาหารลืมเลือน

"ตาหวังว่าหลานชายจะทำให้ดาบเล่มนั้นยอมรับได้นะ ส่วนเราก็ต้องกลับไปหาท่านแม่มดแล้วซิ" ชายชราพูดกับตัวเองเบาๆ พลางจ้องมองเงาหลังของเด็กหนุ่มที่เขารอมานานหลายปี เพื่อส่งมอบดาบเล่มนี้ให้แก่เด็กหนุ่ม

กงล้อแห่งโชคชะตากำลังจะเปลี่ยนไป...ประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ที่ลืมเลือนหายไปตามกาลเวลา...กำลังจะกลับมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง...ความสิ้นหวังยาวนานมาหลายปี...ความเจ็บปวดที่พวกเขาได้รับ...ศัตรูเหล่านั้นต้องได้รับการตอบแทนที่สาสมอย่างแน่นอน

=================================================================

เซโร่เดินย้อนกลับมาตรงกลางหมู่บ้านเพื่อไปหาท่านแม่และพี่สาว กลางทางดันเจอคนมุงอีกแล้ว ด้วยความสนใจจึงแอบเดินไปดู เห็นกลุ่มชายหนุ่ม 5-6 ล้อมรอบเด็กสาวสองคน ดูจากหน้าตาพวกเธอน่าจะอายุประมาณ 15 ปี แถมหน้าตาของพวกเธอยังเหมือนกันจนแทบแยกไม่ออก ไม่ต้องบอกก็รู้พวกเธอเป็นฝาแผดกัน

'หมู่บ้านนี้มันอะไรกันเนี่ย ทำไมขยันมีเรื่องกันจัง' เด็กหนุ่มคิดในใจอย่างปลงๆ เขาชำเลืองมองหน้าตาของเด็กสาวที่อยู่ในวงล้อม พวกเธอมีผิวขาว หน้าตาน่ารัก (เหมือนสาวญี่ปุ่น) สีผมแดงดั่งเปลวเพลิงอันเป็นเอกลักษณ์ของพวกเธอที่มองเห็นได้แต่ไกล รูปร่างผอมบางที่น่าทะนุถนอม ปากเรียวงามมันชวนให้เหล่าชายหนุ่มต้องหลงใหล

ด้วยความสงสัยเขาจึงสอบถามเรื่องราวจากพี่สาวตรงหน้า ซึ่งเธอก็เล่าให้เขาฟังคราวๆ กลุ่มคนพวกนี้มาตามจีบสองสาว แต่ไม่เล่นด้วยพวกนั้นจึงโมโหเลยล้อมทั้งคู่ไว้แต่ไม่กล้าลงมือ เพราะเกรงกลัวเบื้องหลังของพวกเธอ เนื่องจากเด็กวัยรุ่นที่สามารถใช้เวทย์มนตร์ได้ล้วนมาจากตระกูลชั้นสูง แต่ที่พวกมันกล้ามาหาเรื่องฝาแฝดคู่นี้เพราะกลุ่มเพื่อนฝ่ายชายไม่อยู่ทำให้เหลือเพียงสองฝาแฝดเท่านั้น ส่วนชาวบ้านส่วนใหญ่ใช้เวทย์มนตร์ไม่ได้เลยไม่มีใครกล้าให้ความช่วยเหลือ

อลิสและโมนิก้ามองหาเพื่อนชายด้วยความหวาดกลัว ฝาแฝดคู่นี้ความจริงสามารถกลุ่มโจรกระจอกได้สบาย แต่พวกมันใช้หินอาคมผนึกเวทย์มนตร์ ทำให้นักเวทย์ไม่สามารถใช้เวทย์มนตร์ได้ในรัศมี 100 เมตร เป็นเวลา 30 นาที ซึ่งหินอาคมผนึกเวทย์มนต์เป็นของผิดกฎหมาย

"ตกลงน้องสาวจะไปกลับพวกพี่ได้หรือยัง ถ้าเล่นตัวนักคงต้องลงไม้ลงมือบ้างแล้ว ฮ่าๆๆ" เสียงหัวเราะของชายหนุ่มอ้วนฉุดังขึ้น

"นั่นซิ...มัวแต่ลีลาเดียวพวกพี่ก็จับทำเมียซะเลย" เสียงแหบแห้งของชายหนุ่มร่างโย่งพูดด้วยสีหน้าหื่นกาม จนเธอเห็นแล้วต้องเบือนหน้าหนีด้วยความขยะแขยง

"พวกแกลองเข้ามาซิ...เพื่อนฉันเอาแกตายแน่" คำขู่ของเด็กสาว ไม่ได้ทำให้พวกมันกลัวแม้แต่น้อย "ฮ่าๆๆๆๆ พวกแกจะทำอะไรข้าได้ นักเวทย์ที่ไร้พลังมันไม่ต่างอะไรจากคนธรรมดาหรอกนะ" ชายหัวโล้นพูดด้วยความสะใจ

"ลองเข้ามาซิ...พวกเรายอมกัดลิ้นตายดีกว่ายอมเป็นเมียพวกแก" เด็กสาวผมยาวเป็นคนพูด สองฝาแฝดแม้ว่าหน้าตาจะเหมือนกัน แต่สิ่งที่แตกต่างของพวกเธอคือความยาวของผม เด็กสาวคนหนึ่งผมยาวถึงกลางหลัง ส่วนอีกคนผมสั้นแค่เพียงต้นคอเท่านั้น

"เฮอะ...ปากดีแบบนี้ต้องเย็ดให้เรียกพี่ว่าผัวคะ...ผัวจ๋า ฮ่าๆๆ" คำลามกของชายร่างผอม ทำให้กลุ่มพวกมันผิวปากด้วยความถูกใจ จากนั้นพวกมันพากันตะโกนคำลามกต่างๆ จนสองสาวหน้าแดงด้วยความหวาดกลัว

เซโร่มองดูการตอบโต้ของอันธพาลและสองสาวด้วยความแปลกใจ พวกมันจะลีลาทำไม แค่พวกมันรุมเข้าไปจับก็เป็นอันจบ แต่นี้พูดยืดเยื้อเหมือนรอเวลาอะไรสักอย่าง หรือมันมีแผนการอะไรบางอย่าง 'นั่นมันไอโล้นกับคนผอมที่เดินสวนเราตรงร้านของท่านตานิ ไอพวกปากเสียนั่นเองหรือเนี่ย งานนี้ต้องสั่งสอนที่บังอาจมาว่าท่านตาหน่อยซะแล้ว' เซโร่คิดในใจ

เด็กหนุ่มเบียดแทรกกลุ่มฝูงชนจนไปถึงข้างหน้า เขาเหลียวมองดูซ้ายขวาเพื่อคำนวณแผนการบางอย่างในใจ จากคำบอกเล่าสองสาวนั่นต้องเป็นนักเวทย์อย่างแน่นอน แต่คงมีเหตุผลสักอย่างทำให้พวกเธอใช้เวทย์มนต์ไม่ได้ เด็กหนุ่มมองกลุ่มอันธพาลอย่างใจเย็นเพื่อวิเคราะห์หาจุดอ่อน และในที่สุดเขาก็เห็นจุดอ่อนนั้นแล้ว

"อะ...ขอโทษครับ" เสียงของเด็กหนุ่มดังขึ้นเพื่อเรียกร้องความสนใจตามแผน เป็นเหตุให้คนทั้งหมดหันมามองตามเสียงของเขาเป็นตาเดียว ก่อนเขาจะแกล้งเดินสะดุดขาตนเองจนไปชนกับชายร่างโย่ง เนื่องจากไม่ทันระวังชายร่างโย่งจึงหลบไม่พ้น "โครม" เสียงชนกันของคู่ดังขึ้น ชายร่างโย่งเสียหลักจนเซล้มไปชนกับคนด้านหลัง

"เฮ้ย!" เสียงประสานของกลุ่มอันธพาลดังขึ้นด้วยความตกใจ เมื่อเห็นชายหนุ่มร่างโย่งกำลังล้มไปชนกับชายขาเป๋ผู้ถือหินอาคมผนึกเวทย์มนต์ ดูเหมือนโชคยังเข้าข้างพวกเข้า แม้ชายขาเป๋จะล้มลงแต่หินอาคมยังไม่ตกแตก

"ไอหนูแกอยากตายหรือไ..." คนร่างผอมยังไม่ทันพูดจบ เขาก็ได้ยินเสียงที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น "เพล้ง!!!" เสียงหินอาคมผนึกเวทย์มนต์แตกออกเป็นเสี่ยงๆ สายตาของกลุ่มอันธพาลหันไปมองชายขาเป๋ ภาพที่เห็นคือรองเท้าแตะข้างหนึ่งอยู่บริเวณข้อมือของชายขาเป๋

"เอ่อ...ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ" เขาเดินไปหยิบรองเท้า ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงไร้เดียงสา หน้าตาอันใส่ซื่อของเด็กหนุ่ม ทำเอาคนมุ่งเกิดความรู้สึกสงสารที่เด็กหนุ่มอาจถูกทำร้ายด้วยความไม่ตั้งใจ เขาไม่รอช้าเดินออกไปทันที แต่มีมือข้างหนึ่งมาคว้าไหล่ของเซโร่เอาไว้

"ไอหนู ก่อเรื่องแบบนี้แล้วคิดจะหนีไปง่ายๆ หรือไงวะ?" เสียงอาฆาตของชายร่างผมดังขึ้น จนทำให้คนรอบข้างฟังถึงกับเสียววาบ

"ผมว่าพี่ชายระวังด้านหลังดีกว่าครับ" เซโร่เอ่ยเตือนด้วยความหวังดี แต่มันสายไปแล้วที่จะให้โอกาสกลุ่มอันธพาลเหล่านั้นได้แก่ตัว

"พายุอัคคีทมิฬ x2" เสียงสองสาวฝาแฝดประสานกัน สายลมเริ่มประสานตัวกับเป็นเปลวเพลิง จนเกิดเป็นพายุไฟขนาดย่อม เปลวเพลิงแดงซ่านค่อยๆหมุนอย่างเชื่องช้า ก่อนจะพุ่งจู่โจมใส่กลุ่มอันธพาลอย่างรวดเร็ว

"บรึ้ม!!!" เสียงระเบิดของพายุไฟดังสนั่นไปทั่วบริเวณ สะเกร็ดไฟแตกกระจายเหมือนจุดพลุไฟ ด้วยความโมโหสองสาวจึงใช้เวทย์ประสานจนลืมไปว่าเธออยู่กลางชุมชน ดีที่ว่าไม่มีผู้ใดบาดเจ็บ

"ว๊าย...ตายแล้ว...อลิสแล้วเด็กคนนั้นละ" เด็กสาวผมสั้นพูดด้วยความตกใจ ตอนนั้นพวกเธอโมโหจึงใช้เวทย์จัดการพวกนั้น โดยลืมไปว่าเด็กผู้ชายยังอยู่ในกลุ่มคนเหล่านั้น

"นั่นสิ...แย่แล้วถ้าเด็กคนนั้นบาดเจ็บ พวกเราจะทำไงดีเนี่ย เขาอุส่าห์เป็นคนช่วยพวกเรา" เด็กสาวนามอลิสพูดพลางมองหาร่างของเด็กชายที่ช่วยพวกเธอเอาไว้ สองสาวมองหาร่างของเซโร่อยู่นานก็ไม่เห็นแม้แต่เงา ความเสียใจจนน้ำตาเริ่มไหลซึมออกมา ทั้งที่กลุ่มโจรเหล่านั้นนอนบาดเจ็บกันครบ แต่ทำไมเด็กคนนั้นถึงหายไปได้

เซโร่เห็นสองสาวร่ายเวทย์ เขาก็เคลื่อนร่างออกมาด้วยความเร็ว "ลูกไฟของสองสาวนั่นร้ายกาจใช่ย่อยเลย" เด็กหนุ่มพูดกับตัวเองเบาๆ เขาหันกลับไปมองสภาพของเหล่าโจรร้ายที่นอนเจ็บสาหัสบนพื้น สภาพของแต่ละคนไหม้เกรียมด้วยเปลวเพลิง แต่แล้วเขาเห็นสองสาวเริ่มร้องไห้ ก็เข้าใจทันทีพวกเธอคิดว่าเขาบาดเจ็บเลยร้องไห้เป็นแน่

"พี่สาวไม่ต้องเป็นห่วงผมหรอก ผมสบายดีครับ ไว้มีโอกาสเราค่อยเจอกันใหม่นะครับ" เสียงกระซิบแผ่วเบาข้างหูของสองสาว ส่งผลให้พวกเธอเริ่มยิ้มออกมาทีละน้อย สายลมที่พัดผ่านฝากคำพูดของเด็กน้อยเข้ามา โดยความจริงพวกเธอไม่รู้เลยว่า เซโร่เคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงเข้าไปกระซิบข้างหูพวกเธอ ก่อนจะรีบมุ่งไปหาพวกท่านแม่ เพราะเขาเลยเวลานัดมานานแล้ว

หลังจากเซโร่ไปได้ไม่นานกลุ่มเพื่อนชายของเขาก็มาสมทบ สีหน้าของพวกแต่ละบอกได้เลยว่าอารมณ์เสียสุดๆ เพราะแผนการที่พวกเขาวางแผนไว้ล้มไม่เป็นท่า พวกเขาต้องการจะสร้างความประทับใจให้แก่อลิสกับโมนิก้า จึงว่าจ้างโจรเหล่านั้นให้มาแสดงละครโดยใช้หินอาคมผนึกเวทย์ควบคุมตัวสองสาวไว้ โดยผ่านไป 30 นาทีพวกเข้าจะเป็นพระเอกออกมาช่วยเธอ ความจริงเหลือเวลาอีกไม่กี่นาทีแผนการทั้งหมดก็จะสำเร็จแล้ว แต่แผนทั้งหมดก็ล้มเหลวเพราะเด็กหนุ่มปริศนาเพียงคนเดียว พวกเขาเหล่นั้นจึงคิดบัญชีอาฆาตโดยที่เซโร่ไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย

แคทและเฟรย่ายืนรออยู่หน้าร้านอาหารด้วยความกังวลใจ พวกเธอไม่ควรปล่อยให้เซโร่เดินไปคนเดียวเลย เธอลืมไปว่าเขาไม่เคยมาที่หมู่บ้านแห่งนี้ เขาอาจจะหลงทางได้ ยิ่งพวกเธอได้ยินเสียงระเบิดในหมู่บ้าน ทำให้ยิ่งเป็นห่วงเด็กหนุ่มไปกันใหญ่ ขณะกำลังจะออกไปตามหาเซโร่ เขาก็โผล่มาจนพวกเธอสะดุ้ง

"อ่ะ...ขอโทษครับท่านแม่...พี่สาว ผมมาช้าไปหน่อย พอดีผมเจอปัญหาวุ่นวายนิดหน่อยนะครับ" ก่อนจะเล่าเรื่องระหว่างทางให้ฟัง พอพวกเธอฟังเรื่องราวทั้งหมดก็สบายใจ

"พวกเราจะกินข้าวที่ร้านนี้หรอครับ" เด็กหนุ่มพูดพร้อมชี้มือไปร้านที่อยู่ตรงหน้า ร้านอาหารลืมเลือนแห่งนี้เป็นร้านที่ใหญ่ที่สุดในหมู่บ้านเมล ทำให้มีคนมากินอาหารตลอดเวลา เป็นร้านที่ขายดีๆสุดจนบางครั้งต้องรอคิวนานมาก

"ตอนแรกว่าจะพี่สาวว่าจะพามากินที่ร้าน แต่เมื่อสักครู่ตอนไปเยี่ยมเพื่อนเก่า พวกเขาชวนไปทานข้าวเย็นที่บ้านของเขา แล้วพวกเราจะค้างที่นั่นกันหนึ่งคืน" เฟรย่าพูดขึ้นพลางคล้องแขนเซโร่เดินไปที่บ้านเพื่อนเก่าเธอ โดยไม่สนใจสายตาของคนเป็นแม่ที่จ้องมองอยู่ด้านหลังเลย

"ยัยบ้า...อย่าทิ้งฉันไว้คนเดียวซิ" แคทบ่นพึมพำพลางรีบก้าวเดินตามหลังเฟรย่าและลูกชาย

=================================================================

บ้านไม้สีน้ำตาลขนาดกลาง สูง 2 ชั้น บ้านหลังนี้ถูกสร้างอย่างความสวยงาม กลิ่นหอมของดอกไม้นานาชนิดทำให้ผู้มาเยี่ยมเยือนรู้สึกผ่อนคลาย รอบๆ บริเวณบ้านเต็มไปด้วยสวนดอกไม้นานาชนิด ถัดไปจากสวนไม้เป็นสวนผลไม้มากมายนานาพันธุ์ ซึ่งผลผลิตส่วนใหญ่จะถูกจำหน่ายไปยังเมืองอัลราบัส โดยครอบครัวนี้เป็นเกษตรกรที่ใหญ่ที่สุดในหมู่บ้านเมล

ทั้งสามใช้เวลาเดินเพียง 10 นาทีมาถึงบ้านไม้สีน้ำตาล บริเวณหน้าบ้านมีหนึ่งชายหนึ่งหญิงยืนรออยู่ หญิงสาวมีนามว่า ลามิล่า เกรซดิก เป็นเพื่อนของท่านมทีอายุประมาณ 35 ปี หน้าของหญิงสาวตรงหน้ามีใบหน้ารูปไข่ จมูกโด่ง คิ้วสีดำโค้งงาม เรือนผมสีฟ้ายาวตรงถึงกลางหลัง ผิวของเธอสีเนื้อคล้ายผิวแทน บ่งบอกเลยว่าเธอทำงานภายใต้แสงอาทิตย์ทุกวัน ที่สำคัญหน้าอกของเธอใหญ่มาก (คัพG) ส่วนผู้ชายมีชื่อว่า โทมัส เกรซดิก อายุเท่ากับหญิงสาว เขาเป็นชายร่างสูงโปร่ง ศีรษะโล้นล้าน ใบหน้าออกจะโหดนิดๆ กล้ามเนื้ออันสมบูรณ์บ่งบอกว่าเขาเป็นคนที่ออกกำลังกายอย่างหนัก

"นี่เหรอ...เจ้าหนูที่เล่าให้ฟัง" เสียงโหดเหี้ยมดังออกจากผู้ชายตรงหน้า ดวงตาสีดำสนิทจ้องมองมายังเซโร่ราวกับกำลังวิเคราะห์อะไรสักอย่าง

"ว๊าย...เด็กคนนี้น่ารักจริง แคทฉันขอเค้าเป็นลูกบุญธรรมได้มั้ย?" หญิงสาวพูดสีหน้าจริงจัง เธออยากได้ลูกชายมานานแล้ว แต่โชคร้ายที่เธอมีลูกสาวสองคน ทว่าหลังจากมีลูกคนที่สองสามีเธอก็ประสบอุบัติเหตุร้ายแรงจนทำให้เขาเป็นหมัน ไม่สามารถให้กำเนิดลูกได้อีก

"ได้สิ...เซโร่จะได้มีแม่เพิ่มอีกหนึ่งคน เขาจะได้เหงา" แคทพูดด้วยรอยยิ้ม ในตอนแรกเธอมาเยี่ยมลามิล่าและโทมัสด้วยความคิดถึง แต่พอเธอเล่าว่าตอนนี้มีลูกชายอาย 14 ปี ลามิล่าก็ขอลูกชายเธอเป็นบุตรบุญธรรมทันที โดยที่โทมัสไม่ทันพูดอะไรเลย ทว่าทีแรกสามีของเพื่อนสนิทเหมือนจะไม่เห็นด้วย แต่ลามิล่าก็โน้มน้าวสามีอย่างสุดฤทธิ์จนในที่สุดเขายอมแพ้

"เอ่อ...นี่มันเรื่องอะไรกันครับ" เด็กหนุ่มพูดด้วยสีหน้างุนงง มาถึงเขาก็มีแม่บุตรธรรมเพิ่มอีกคนเฉย จึงหันไปหาท่านแม่เพื่อขอคำอธิบาย

"เข้าไปในบ้านก่อนจ๊ะ...เดียวพี่สาวจะเล่าทุกอย่างให้ฟังเอง" เฟรย่าบอกหลานชาย พลางดึงเขาเข้าไปในบ้าน จากนั้นทั้งหมดก็ทยอยตามเข้าไป

เด็กหนุ่มฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้วเขาก็ยิ้มขึ้นมา การที่มีพ่อแม่เพิ่มอีกครอบครัวออกจะเป็นเรื่องที่น่ายินดี เขาลุกขึ้นเข้าไปหาพ่อแม่คนใหม่ ทั้งคู่จ้องมองลูกชายคนใหม่ด้วยความสนใจ เด็กหนุ่มก้มลงกราบท่านแม่ก่อนจะกราบท่านพ่อ เขาทำตามหนังสือที่เคยอ่านผ่านตามา ลามิล่าเห็นเซโร่กราบตนเองก็ถึงกับน้ำตาไหลออกมาจนเปียกแก้มสวยๆ โทมัสเองก็แอบชื่นชมเด็กหนุ่มในใจ

"เซโร่มาให้แม่กอดหน่อยซิ" ลามิล่าพูดทั้งน้ำตาแต่แววตาแฝงด้วยความดีใจ เด็กหนุ่มเดินไปกอดท่านแม่คนใหม่ด้วยรอยยิ้ม โทมัสเห็นสองแม่ลูกกอดกัน ตัวเขาเองก็อดจะเข้าไปกอดด้วยไม่ได้

ภาพบรรยากาศในบ้านไม้สีน้ำตาลเต็มไปด้วยความอบอุ่น ความสุขจากการมีสมาชิกใหม่เข้าภายในบ้านเกรซดิก อาหารมื้อเย็นเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ทั้งหมดกินข้าวไปสักพักลูกสาวคนเล็กของตระกลูเกรซดิก็กลับมา ลูกคนเล็กของลามิล่าและโทมัส มีนามว่า เมโลดี้ เกรซดิก เด็กสาวมีอายุ 15 ปี รูปร่างผอมบาง หน้าตาของเธอคล้ายลามิล่ามาก ดวงตาสีดำขลับเหมือนท่านพ่อ แต่ผิวของเด็กสาวขาวเนียนเหมือนย่า ซึ่งต่างจากพ่อแม่ที่มีผิวออกสีคล้ำๆ

เมื่อเด็กสาวกลับมาแล้วทราบว่าท่านแม่รับเด็กหนุ่มเป็นลูกบุญธรรม เธอเองดีใจมากเพราะอยากได้น้องชายมานานแล้ว เซโร่เล่นบทบาทเป็นเด็กน้อยอย่างแนบเนียน เมโลดี้เธอไม่ทราบเลยว่าน้องชายเธออายุต่างกันเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น เพราะรูปร่างของเซโร่ทำให้เธอเข้าใจว่าเด็กน้อยตรงหน้ามีอายุเพียง 7 - 8 ปีเท่านั้น 

สองแม่ลูกตระกลูเกรซดิกเห่อสมาชิกใหม่ในครอบครัวจนออกนอกหน้า เด็กหนุ่มแทบไม่ต้องทำอะไรบนโต๊ะอาหารเลย เพราะมีสองสาวค่อยดูแลและป้อนตลอดเวลา จนทำให้โทมัสเริ่มรู้สึกอิจฉาลูกชายคนใหม่นิดๆ

เมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้วโทมัสก็ขอตัวไปสังสรรค์กับเพื่อน ส่วนแคทและเฟรย่าออกไปซื้อของใช้ส่วนตัวนิดหน่อย ในบ้านเหลือเพียงพวกเขาสามคน เซโร่ ลามิล่า และเมโลดี้ สองสาวพากันถามความเป็นอยู่ในอดีตของเด็กหนุ่ม เขาจึงเล่าเรื่องต่างๆให้ทั้งคู่ฟังอยากสนุกสนาน ด้วยรอยยิ้มและการแสดงท่าทางประกอบตลอดการเล่า ทำให้ทั้งสามสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว

ผ่านไปเกือบชั่วโมงเฟรย่าและแคทก็กลับมา พวกเธอได้ยินเสียงหัวเราะของเมโลดี้และลามิล่าในห้องนั่งเล่น ด้วยความสงสัยแคทจึงเดินไปดู เห็นลูกชายตัวแสบกำลังท่าทางอะไรสักอย่างอยู่ จนเธออดยิ้มตามไปด้วยมิได้

สักพักก็มีเสียงเคาะประตู ปรากฏว่าเพื่อนของเมโลดี้มาชวนเธอไปติวสอบเข้าโรงเรียนเบอร์ลิน หลังจากเมโลดี้ไปกับพวกเพื่อนแล้ว ภายในห้องนั่งเล่นมีเพียงสามสาวนั่งคุยกันอย่างสนุกสนาน ส่วนเด็กหนุ่มนั่งอยู่ข้างๆ ลามิล่าคอยฟังพวกเธอคุยกันอย่างเงียบๆ ผ่านไปสักพักลามิล่าที่รู้สึกว่าเริ่มเหนียวตัวจึงขอตัวไปอาบน้ำ ซึ่งเซโร่ก็ไม่พลาดโอกาสที่จะขอไปอาบด้วย

"เซโร่...อย่าไปกวนลามิล่าแบบนั้นซิ" แคทพูดด้วยน้ำเสียงดุๆ เธอเกรงว่าจะลามิล่าจะเปลี่ยนจากคำว่าแม่เป็นคำเรียกอื่นแทน เพราะหากให้ลามิล่าอาบน้ำพร้อมเซโร่ มีหวังเพื่อนเธอได้เสร็จลูกชายตัวแสบแน่ๆ

"ใช่...เซโร่มาอาบน้ำพร้อมพี่สาวดีกว่า อย่าไปรบกวนลามิล่าเลย" เฟรย่าพูดตามแคทอย่างรวดเร็ว เมื่อได้การส่งซิกจากเพื่อนสนิท

"ไม่เป็นไรหรอกน่าแคท...เฟรย่า แค่อาบน้ำเองไม่รบกวนอะไรนักหรอก เซโร่มาอาบน้ำพร้อมแม่สิจ๊ะ" ลามิล่าตอบด้วยรอยยิ้ม ซึ่งเธอไม่ได้สังเกตเห็นสีหน้าของแคทและเฟรย่าแม้แต่น้อย

"อย่าเลย...ให้เซโร่อาบพร้อมเราดีกว่า" สองเสียงประสานกันโดยมิได้นัดหมาย ลามิล่าเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ เธออดคิดในใจไม่ได้ว่า 'แค่ให้เซโร่มาอาบน้ำกับเรามันแปลกตรงไหนนะ พวกเธอหวงลูกชายเกินไปมั้ยเนี่ย?'

เซโร่เห็นสองสาวขัดขว้างความสุขของเขา ก็อดเดาะลิ้นในใจไม่ได้ 'ท่านแม่และพี่สาวแกล้งขัดขวางเราแบบนี้ต้องแกล้งพวกเธอให้เข็ด' เด็กหนุ่มคิดในใจก่อนจะยิ้มออกมา รอยยิ้มของเด็กหนุ่มทำเอาแคทและเฟรย่าต้องเสียวสันหลังวูบ 

เซโร่แกล้งร้องไห้ออกมา ก่อนจะพูดมาว่า "ฮืออๆๆๆ ผมแค่อยากน้ำกับท่านแม่ลามิล่า ไม่ได้เหรอครับ" น้ำเสียงสะอื้นของเด็กหนุ่มดังขึ้น ลามิล่ามองลูกชายด้วยความสงสารพลางเดินไปกอดเซโร่เบาๆ  แคทและเฟรย่าทราบดีเด็กหนุ่มตัวแสบแกล้งเล่นละครเท่านั้น แต่พวกเธอก็ไม่สามารถทำอะไรได้

"อย่าร้องนะคนดี เรื่องแค่นี้เองพวกเธอก็อย่าไปห้ามเซโร่เลย อ๊าา..." ลามิล่านั่งคุกเข่าปลอบเซโร่ พลางหันไปพูดกับเพื่อนสนิทก่อนส่งเสียงร้องแปลกๆ ออกมา เซโร่ที่อยู่ในอ้อมกอดของลามิล่า แกล้งร้องไห้ก่อนจะทำเป็นสะอื้นแล้วส่ายหัวไปมาเบาๆ เขาสะบัดหน้าไปสัมผัสภูเขาไฟอันใหญ่อย่างแนบเนียน หน้าอกของท่านแม่บุญธรรมมันกระตุ้นอารมณ์ดิบของเขาได้ดีจริงๆ เขาแกล้งอ้าปากขบหัวนมทั้งสองข้างก่อนจะถอนปากอย่างรวดเร็ว

"ขอบคุณนะครับท่านแม่" เซโร่กระซิบข้างหูของเธอย่างแผ่วเบา ก่อนยื่นหน้าออกมาเขาแกล้งเป่าหูของเธอ แล้วอ้าขบติ่งหูแบบรวดเร็ว ส่วนมือทั้งสองข้างโอบกอดด้านหลังของเธอ แล้วเลื่อนไปลูบไล้บริเวณสะโพกอย่างแนบเนียน 

"อุ๊ย" เสียงอุทานตกใจของลามิล่าดังขึ้น 'ทำไมเมื่อกี้มันเสียววูบแบบนั้นนะ' เธอคิดในใจด้วยความแปลกใจ การกระทำของเซโร่อยู่ในสายตาของสองสาวตลอดเวลา ทั้งคู่ถอนหายใจเบาๆ พลางคิดในใจว่า 'งานนี้ลามิล่าไม่พ้นเงื้อมมือของเซโร่แน่นอน' 

"ตกลงลูกจะไปอาบน้ำกับแม่มั้ยจ๊ะ?" ลามิล่าเอ่ยถามลูกชาย พลางเช็ดน้ำตาให้เด็กหนุ่ม

"ไม่เป็นไรครับ พรุ่งนี้เช้าผมค่อยอาบน้ำพร้อมท่านแม่ดีกว่า วันนี้ผมขออาบน้ำพร้อมแม่แคทและพี่สาวก่อน พอดีผมมีเรื่องอยากปรึกษาพวกเขานะครับ" เด็กน้อยตอบด้วยรอยยิ้มบริสุทธิ์ แต่สำหรับแคทและเฟรย่าเมื่อได้ยินคำพูดของเซโร่ ถึงกับเสียววาบงานนี้พวกเธอโดนเด็กหนุ่มจัดหนักจัดเต็มแน่นอน

"ตกลงจ๊ะ นั้นแม่ไปอาบน้ำก่อนนะ" ลามิล่าพูดจบ ก็ลุกขึ้นเดินไปอาบน้ำ เซโร่เมื่อเห็นลามิล่าเดินออกไปแล้ว เขาก็หันมายิ้มให้กับสองสาว ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ "ผมจะทำโทษท่านแม่และพี่สาวยังไงดีน้า"

gritkin

เเหม เจ้าเล่ห์ไม่เบาเลยนะหนูน้อย ลีลาเเพรวพราวเเบบนี้ ได้ครองฮาเร็มใหญ่ในอนาคตเเน่นอน 5555

ทราย ไม่เปลี่ยนแปลง

พี่สาวคนใหม่ กับแม่แคท ได้มีสลบกันแน่เลย 5555 สนุกดีครับ รอติดตามตอนต่อไปนะครับ เป็นกำลังใจให้ครับ

patkungna01

ไอ้แสบเข้าเส้น 
เหมือนจะรู้ตัวตนของเด็กน้อยแล้ว

abaratei

แสบก๊องซ์เอ้ย(  ไดโนเสาร์น้อย)  แถมฉลาดอีก ::Horror::

songsak

เข้าเมืองมาแปปเดียวเซโร่จะได้สาวเข้าฮาเร็มเพิ่มอีกแล้ว

cd13579

ไอ้เด็กหื่น อีนี่เป็นเด็กตัดต่อพันธุ์กรรมแน่ๆ
ใครหื้อใครซ่า ข้าแบนเรียบ

review1972

เอาน่า...ยังไงท่านแม่กับท่านพี่ก็รับเซโร่ไม่ไหวอยู่แล้วนี่นา ให้คนอื่นมาช่วยแบ่งเบาภาระมั่งก็ดีนะ555

tanee

มันจะเลื่อนขั้นอีหรืองัย จากลูกบุญธรรมกลายเป็น
.....

biggiggog

ไอ้หนูนึ่ลีลาไม่เบาเลยนะเนี่ย
::YarKK::
ขอบคุณมากๆครับ

ballbergkamp

เป็นเด็กที่หื่นมากครับ แถมมีพลังกามาไม่จำกัดอีก อยากมีพลังนี้บ้างครับ

tdt14023

น่าสงสารแคทกับแฟย่าจังเลยที่ต้องโดนเซโร่ทำโทษแล้วอย่างนี้จะมีใครมาช่วยแบ่งเบาโทษของสองสาวมั่งเอ๋ยขอบคุณมากๆครับท่านผู้ประพันธ์รอติดตามตอนต่อไปอย่างใจจดจ่อเลยครับ

devilzoa

แหมหนุ่มน้อยเซโร่นี่สงสัยคงต้องมอบตุ๊กตาทองคำแล้วละ

janara

สงสัยเมืองนี้จะได้คนมาช่วยแบ่งเบาภาระ 4 คนเลยมั้งเนี่ย

strikef.

ขอบคุณครับ 2 สาวโดนลงโทษแบบนี้จะดีใจหรือเสียใจกันแน่ 555