ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_keng7799

ศิลาปฏิสาร The Paradox 1.1 (ผลงานท่าน Buta) ตอนที่ 1/3

เริ่มโดย keng7799, มิถุนายน 06, 2017, 04:21:41 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

keng7799

ไกรวิทย์ขยับร่างไปทางปลาย เตียงอย่างระมัดระวัง ประสบการณ์การต่อสู้ที่ฝึกฝนมาทำให้ทราบดีว่าระยะห่างเพียงเตียงนอนขวางกั้น แบบนี้ แม้จะเป็นผู้มีวิชาการต่อสู้ก็ไม่สามารถหลบเลี่ยงความเร็วของกริชสลายปราณ ที่ถูกซัดออกจากมือของผู้ทรงปราณเช่นกองคำได้

"ก่อนเอ็งจะตายตามนังรินลดาและนังแก้วคำ ข้าจะบอกให้ว่าจะฆ่าเอ็งอย่างไร..."

กองคำจับตาการเคลื่อนไหวของไกรวิทย์เขม็งแต่ยังคงระเบิดความโกรธแค้นเป็นคำพุดไม่หยุด

"ข้า จะตรึงกริชสลายปราณที่ปอดขวาให้ลมปราณทะลักออกมาทีละน้อย เอ็งจะค่อยๆ ขาดอากาศหายใจยิ่งพยายามสูดลมเข้าไปเท่าไหร่ เอ็งจะยิ่งเจ็บปวดจนแทบขาดใจ แต่เอ็งจะยังไม่ตาย ...ยังไม่ตายจนกว่าปราณจะแห้งเหือดไปใน 2 ชั่วโมง คราวนี้แม้แต่เทวราชก็ช่วยเอ็งจากความตายไม่ได้อีกแล้ว..."

ไกรวิทย์สูดลมหายใจลึก พยายามสะกดสติให้พ้นการรบกวนความคิดจากกองคำ สมองเด็กหนุ่มนึกถึงคำพูดของพ่อครูคำแปง

'วิถี แห่งปราณมีสองสาย สายหนึ่งเข้มแข็งแกร่งกร้าว อีกสายหนึ่งอ่อนไหวซับซ้อน ปราณคชสีห์เป็นปราณที่เกิดจากปราณคชสารแนวแข็งกร้าวของอาณาจักรอโยธยา ผสานกับกับปราณสีหราชที่นุ่มนวลว่องไวแห่งอาณาจักรล้านนา ทำให้เป็นปราณที่สมบูรณ์ในการต่อสู้ทั้งรับและรุก แต่จุดอ่อนที่สำคัญคือสติของผู้ทรงปราณที่จะต้องยึดมั่นควบคุมให้แน่วแน่ มิฉะนั้นหากเกิดโทษะ โมหะ โลภะและราคะ ครอบงำจิตใจ ปราณจะโคจรย้อนกลับ และเปลี่ยนผู้ทรงปราณให้เป็นผู้นิยมการเข่นฆ่า พาตัวเองเข้าสู่ความมืดตลอดกาล'

ภาพของผู้ทรงปราณที่วิปลาสเช่นกองคำ เบื้องหน้า ทำให้ไกรวิทย์หนาวยะเยือกไปทั่วร่าง เป็นความหนาวที่มิได้เกิดจากความหวาดกลัว แต่เกิดจากการระลึกได้ว่าเมื่อครู่ที่ผ่านมาตนเองปล่อยให้ความโกรธเข้าครอบ งำจนปราณคชสีห์ย้อนกลับ แม้ปราณจะกลับเข้าวิถีจากการร่วมรักกับแก้วคำ แต่เด็กหนุ่มก็ตระหนักถึงสภาพความรุนแรงที่ก่อขึ้นระหว่างขาดสติ ภาพของกองคำเบื้องหน้ากลับดูคล้ายนกับภาพในกระจกเงาของตนเองหากปล่อยให้ปราณ มืดเข้าครอบงำจิตใจ

"เวลาเอ็งไปพบนังรินลดาในนรก ข้าฝากเอ็งบอกมันหน่อยนะว่า หีมันยอดเยี่ยมที่สุดที่ข้าเคยเย็ดมา บอกให้มันรอข้าอีกหน่อย ข้าจะตามลงไปเย็ดมันในนรกตลอดกาล"

เสียงชาย วิปลาสเบื้องหน้าดังขึ้น แม้ไกรวิทย์จะรู้ว่านี่เป็นวิธีกระตุ้นให้เพลิงโทสะเข้าครอบงำ เพื่อทำลายความสามารถในการป้องกันตัวเอง แต่ความโกรธของวัยหนุ่มกลับก่อตัวขั้นโดยไม่สามารถควบคุมได้ ปราณคชสีห์เริ่มชะงักการโคจรเพื่อหาทางแทรกไปยังช่องทางย้อนกลับดังเช่นที่ เคยเกิดขึ้นเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว แต่ก่อนที่ความสามารถในการควบคุมปราณของไกรวิทย์จะพังทลาย ความอบอุ่นสายหนึ่งก็แผ่ขึ้นมาจากท้องน้อย กระจายตัวปิดกั้นช่องทางย้อนกลับของปราณทั้งหมด และผลักดันให้ปราณกลับเคลื่อนตัวในทิศทางเดิม

'ปราณจักรวาล'

ไกร วิทย์ร้องในใจด้วยความตื้นตัน เมื่อรู้ว่าสิ่งที่แก้วคำได้มอบให้ก่อนตายกำลังช่วยปรับสภาพปราณจให้กลับสู่ จุดสมบูรณ์อีกครั้ง เด็กหนุ่มจับจ้องมือซ้ายที่กุมกริชสลายปราณของกองคำไว้แน่วแน่ ขณะที่บังคับร่างกายให้สั่นเทิ้มราวกับกำลังประสบสภาพปราณย้อนกลับ ดวงตากองคำทอเบิกโพลงด้วยความอำมหิต ก่อนส่งเสียงร้องตะโกนสนั่น

"ช่วยด้วย ขโมย ขโมย... "

ดวงตาที่ลุกโพลงของกองคำจับจ้องไกรวิทย์

"เดี๋ยว คนของท่านพ่อข้าก็จะแห่กันมา พวกมันจะพบศพนังแก้ว กับเอ็งที่ถูกแทงทะลุอก ข้าจะบอกพวกมันว่าเอ็งเข้ามาข่มขืนนังแก้วแล้วฆ่าทิ้ง พอข้ามาพบเอ็งก็ทำร้ายจนข้าแขนหัก ข้าจึงจำเป็นต้องป้องกันตัวแค่นี้ข้าก็พ้นผิดทุกข้อ ข้าอยากรู้จริงๆ ว่าพ่อเลี้ยงไกรสรพ่อเอ็งจะอยู่ในเชียงใหม่ได้ยังไง เมื่อลูกชายกลายเป็นฆาตกรฆ่าข่มขืนแบบนี้ "

สติไกรวิทย์สงบนิ่ง ขณะที่ท่าทางภายนอกแสดงออกถึงความโกรธแค้นขาดสติ ร่างเด็กหนุ่มโถมทะยานเข้าหากองคำ พร้อมกับประกายแว่บของกริชสลายปราณถูกซัดออกจากมือกองคำ มันพุ่งเข้าตรงเป้าหมายที่อกด้ายขวา ร่างไกรวิทย์กระดอนกลับไปตามกระแสปราณที่แฝงมากับกริช กลิ้งตกไปจากเตียงลงไปนอนตะแคงอยู่บนพื้น สองมือเด็กหนุ่มกุมด้ามกริชไว้ราวกับพยายามถอนออก เลือดไหลรินออกมาตามด้ามกริช ร่างเด็กหนุ่มกระตุกเป็นระยะ ขณะที่กองคำสืบเท้าเข้ามายืนอยู่ปลายเท้า...

"เจ็บใช่ไหม..ดีมาก จงทรมาณต่อไปจนกว่าจะสิ้นใจเถอะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า "

------ฉึก------

ประกาย วูบพลุ่งขึ้นจากพื้นห้องนอน พุ่งใส่หน้าผากกองคำที่ยังหัวเราะอยู่ มันจมมิดเข้าไปในหน้าผาก แรงกระแทกส่งร่างกองคำให้ปลิวกระเด็นไปยังผนังห้องนอนตรงข้าม แล้วกองนิ่งอยู่กับพื้นในท่านั่ง ดวงตากองคำเบิกโพลงอย่างไม่ยินยอมเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น วิญญานวิปลาสหลุดลอยออกจากร่างไปตลอดกาล....

ไกรวิทย์ยันร่างขึ้นจาก พื้น กุมหน้าอกขวาไว้แน่นเพื่อห้ามเลือด เด็กหนุ่มถอนใจยาวเมื่อพบว่าร่างศัตรูสิ้นลมหายใจ แม้จะปวกแปลบปลาบจากรอยแผลที่หน้าอกอันเกิดจากการซัดของกริชสลายปราณ ที่แม้เด็กหนุ่มจะผนึกกระแสปราณสองชนิดป้องกันไว้และใช้มือซ้ายปิดเป้าหมาย ที่อกด้านขวา แต่ความคมกล้าก็ยังทะลุผ่านหลังมือซ้ายเข้ามาในแผ่นอกเกือบ 1 นิ้ว เด็กหนุ่มก้าวหยุดเท้าจับจ้องร่างของกองคำอย่างชิงชัง

"มึงไม่ได้เจอน้องรินในรกแน่นอน...มีแต่ความทรมาณชั่วกัลป์เท่านั้นรอมึงอยู่ "

เด็ก หนุ่มพึมพำราวกับจะส่งวิญญานชั่วร้ายไปยังขุมนรก หันกายกลับมายังร่างไร้วิญญาณของแก้วคำบนเตียง สอฝมือกุมมือเด็กหญิงที่เริ่มเย็นชืดไว้แน่น

"แก้ว พี่ขอโทษ...พี่จะไม่ลืมแก้วตลอดไป "

ราว กับวิญญาณแก้วคำจะรับรู้ เปลือกตาที่เบิกโพลงของเด็กหญิงกลับปิดลงอย่างช้าๆ ขณะที่เสียงดังของฝีเท้าจำนวนมากวิ่งตรงเข้ามายังบ้าน ไกรวิทย์สูดลมหายใจหนักๆ เด็กหนุ่มทราบดีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องนี้ไม่สามารถบอกเล่าให้ผู้ใดเชื่อ ถือได้ เด็กหนุ่มหอบเสื้อผ้าตนเองขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วพุ่งร่างออกจากหน้าต่าง แต่กลับเผชิญหน้ากับชายกลางคนท่วงท่าเปี่ยมอำนาจยืนตระหง่านอยู่ตรงหน้า ในมือถือปืนลูกซองสั้นกระชับแน่นเล้งตรงมาที่ร่างเด็กหนุ่มผุ้ที้เพิ่งพุ่ง ร่างออกมาจากหน้าต่างห้องนอน

"พ่อเลี้ยงคำพงษ์ "

"ไกรวิทย์ "

เสียง บุคคลทั้งสองดังเรียกชื่อผู้อยู่ตรงหน้าพร้อมกัน ขณะที่พ่อเลี้ยงคำพงษ์ยังคงตกตะลึงอยู่ เสียงของชายฉกรรจ์ก็ดังลั่นขึ้นใบบ้าน..

"พ่อเลี้ยง มันฆ่าคุณหนูทั้งสองคน จับมันไว้ "

ใบหน้าพ่อเลี้ยงคำพงษ์ตกตะลึงแว่บหนึ่งและเปลี่ยนเป็นความโกรธแค้นรุนแรง นิ้วในโกรางไกปืนกระดิกเพื่อสังหารเป้าหมายเบื้องหน้าทันที

-----เปรี้ยง---------

ปราณ ในร่างไกรวิทย์ตื่นตัวก่อนที่นิ้วพ่อเลี้ยงสมพงษ์จะขยับ ร่างเด็กหนุ่มพลิกหลบลูกกระสุนอย่างเฉียดฉิว ก่อนวิ่งออกไปด้านหลังบ้านกระโดดข้ามรั้วเข้าสู่อนาคตที่มืดมนไม่ต่างจาก ความมืดสนิทของท้องฟ้ายามใกล้รุ่งเบื้องหน้า
ศิลาปฎิสาร  The Paradox  บทที่ 1.4 ....การเปลี่ยนแปลง

พุทธศักราช 2535

1 เดือนผ่านไป หลังจากการฌาปณกิจร่างน้องกิฟท์ ชีวิตประจำวันของผมเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติอันน่าเบื่อหน่าย การดูแลแก๊งค์ ควบคุมกิจการนอกกฎหมาย และการขยายเขตอิทธิพลไปยังพื้นที่คลองโคนของไอ้ธง ที่กำลังแตกกระจายเนื่องจากการหายไปของหัวหน้า โดยไม่มีใครรู้ว่าซากศพไอ้ธงได้จมดินไปกับการเผาด้วยยางรถยนต์เมื่อเดือนที่ แล้ว งานที่วุ่นวายทำให้ผมแทบไม่มีเป็นตัวของตัวเอง ลูกน้องทุคนของผมทำงานอย่งเต็มที่จนในที่สุดก็สามารถเข้าครอบครองพื้นที่ คลองโคนไว้ได้อย่างสมบูรณ์ จนทำให้ผมมีสถานะเป็นผู้มีอิทธิพลสูงสุดในอำเภอเล็กๆ ที่มีเพียงสี่ตำบลแห่งนี้

เสียงเคาะประตูห้องทำให้ผมต้องละความ สนใจจากหนังสือพิมพ์และกาแฟเบื้องหน้า ข่าวการลุกฮือของประชาชนต่อต้านเผด็จการทหาร ไม่ได้อยู่ในความสนใจของผมเท่าใดนัก ชีวิตในพื้นที่แห่งนี้ห่างไกลยิ่งจากผลกระทบทางการเมืองทุกรูปแบบ

"เฮียวิทย์ ทิพย์เข้าไปได้ไหม.."

เสียง เด็กสาวคนสนิทที่ทำหน้าที่ด้านบัญชีรับจ่าย รวมทั้งดูแลเรื่องส่วนตัวให้ผมมาตลอด 5 ปี ดังขึ้น แม้สายตาและความเข้าใจของคนภายนอกรวมทั้งลูกน้องในแก๊งค์ผมทุกคน จะเข้าใจว่านังทิพย์เป็นเมียของผม แต่ไม่มีใครรู้ความจริงแม้แต่น้อยว่าตลอดเวลาที่นังทิพย์อยู่ร่วมบ้าน ผมไม่เคยมีความสัมพันธ์ทางเพศกับนังทิพย์แม้แต่ครั้งเดียว อาจเป็นเพราะว่าเมื่อผมรับรู้อดีตที่โหดร้ายของนังทิพย์ หรือทิพย์วารี ธนศารสมบัติ ลูกสาวนักธุรกิจส่งออกข้าวรายใหญ่ของประเทศ ที่กลับเปลี่ยนจากนักเรียนโรงเรียนคอนแวนต์ชั้นสูงมาถูกบังคับเป็นโสเภณี ย่านสำเพ็งจนติดโรคร้าย ที่ส่งผลให้ต้องตัดมดลูกทิ้ง ทำให้ผมมีแต่ความสงสารและไม่เคยต้องการให้นังทิพย์กระทำอื่นใดนอกจากการช่วย เหลืองานตามปกติเท่านั้น
ความคิดผมย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ที่นัง ทิพย์ก็ใช้โอกาสที่พักอยู่ในโรงพยาบาลหนีการควบคุมของแก๊งค์เก้ายอดออกมา พบกับผมเป็นครั้งแรกโดยบังเอิญที่สวนลุมพินี การช่วยนังทิพย์ที่ถูกสมุนแก๊งค์เก้ายอดรุมทำร้ายเพื่อนำตัวกลับไปเป็น โสเภณี ทำให้นังทิพย์ เข้ามาอยู่ในชีวิตผมนับแต่นั้น พร้อมทำให้ผมต้องหนีออกจากกรุงเทพมายังคลองน้อย เพื่อหลบหนีการแก้แค้นของแก๊งค์เก้ายอดซึ่งเป็นที่รับรู้ในวงการนักเลงทั้ง หมดว่าไม่สามารถตอแยได้
ผมถอนใจยาวเมื่อคิดถึงความลับของแก๊งค์ เก้ายอดที่น้อยคนจะรู้ วงการนักเลงรู้แต่เพียงว่าแก๊งค์นี้เป็นชาวจีนที่ครอบครองอิทธิพลในพื้นที่ เยาวราชมานาน โดยไม่ยอมขยายอิทธิพลออกจากพื้นที่ แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าไปแบ่งปันผลประโยชน์ทุกรูป ความโหดเหี้ยมดุร้ายของแก๊งค์เก้ายอดเป็นที่เลื่องลือ จนกลายเป็นเขตต้องหามของแก๊งค์อื่นๆ แต่ผมทราบดีว่าผู้ที่เบื้องหลังของแก๊งค์เก้ายอดต่างหากคือความน่ากลัวที่ แท้จริง และคงไม่ใครนึกถึงว่าชายชรานามถังฮวง หัวหน้าแก๊งค์เก้ายอดที่เปลือกนอกเป็นเพียงผู้เฒ่าอมโรค ที่ทแท้คือผู้สืบทอดปราณมังกรฟ้าที่ตกทอดมาจากจีนแผ่นดินใหญ่ รวมทั้งศิษย์ทั้งสี่ที่แยกย้ายกันดูแลกิจการ ล้วนเป็นผู้ทรงปราณมังกรฟ้าระดับสูง ที่แม้ไม่ต้องมีอาวุธใดๆ ก็สามารถสังหารศัตรูได้ในพริบตา การช่วยเหลือนังทิพย์โดยการสังหารสมุนของแก๊งค์เก้ายอดไปสองคน จึงเท่ากับการประกาศสงครามโดยเปิดเผยระหว่างผมกับแก๊งค์เก้ายอด จริงอยู่ที่ผมเชื่อว่าผมสามารถหักหาญกับผู้ใดผู้หนึ่งในกลุ่มศิษย์ของถังฮวง ได้ แต่ผมสำนึกดีว่าแก๊งค์ของผมยังไม่เข้มแข็งพอรับการโจมตีของบุคคลทั้งสี่ พร้อมกันได้แม้แต่ชั่วขณะเดียว ทำให้ผมต้องพาลูกน้องทุกคนหนีมาอยู่ในพื้นที่ซึ่งห่างไกลเช่นในปัจจุบัน
"เฮียวิทย์...อยู่หรือเปล่า "
เสียงเคาะประตูเบาๆ ดังซ้ำขึ้น ปลุกผมจากเหตุการณ์ในอดีต
"เข้าสิทิพย์ ประตูไม่ได้ล๊อค "
สิ้นเสียงอนุญาต นังทิพย์ก็ก้าวเท้าเข่ามานั่งพับเพียบอยู่ข้างเก้าอี้ที่ผมนั่งอยู่
"เฮียบอกกี่ทีแล้วว่า ให้มานั่งบนเก้าอี้ อย่ามานั่งกับพื้นแบบนั้น"
ผม บ่นอย่างไม่จริงจังนัก เพราะรู้ดีว่านังทิพย์ไม่เคยยอมขึ้นมานั่งเสมอกับผมแม้แต่ครั้งเดียว นังทิพย์สบตาผมส่ายหน้าแล้วยิ้มบางๆ บอกให้รู้ว่าคำบ่นของผมไม่เกิดผลบังคับใดๆ กับนังทิพย์
"เอ้าว่าไง อย่ามัวแต่ยิ้มมีอะไรถึงมาหาเฮียแต่เช้า"
นังทิพย์เอื้อมมือมาหยิบไฟแช๊คขึ้นจุดไฟให้ เมื่อเห็นผมหยิบบุหรี่ออกจากซอง
"วันนี้เฮียดูอารมณ์ดีขึ้นนะ ทิพย์ดีใจที่เฮียไม่เครียดเหมือนเดือนที่แล้ว"
ผมหัวเราะเบาๆ
"วันนี้มาแปลกนะเรา จะขอให้เฮียทำอะไรล่ะ หรือจะขอเงินไปแต่งตัวกับเขาบ้าง"
นังทิพย์สั่นหน้า อาจจะเป็นอุปทานที่ผมรู้สึกว่าแววตานังทิพย์สลดลงวูบหนึ่ง แล้วกลับเข้าสู่แววตาปกติ
"ไม่ใช่เรื่องของทิพย์หรอก ทิพย์อยากมาคุยกับเฮียเรื่องหนูพิม"
" หนูพิม..ลูกเจ็เหล็งน่ะหรือ "
ผมทวนคำเบาๆ ใบหน้ากลมน่ารักที่ประดับด้วยแว่นสายตาคล้ายเด็กหญิงผู้เป็นที่รักของผมในอดีต ปรากฏขึ้นในความคิด นังทิพย์พยักหน้ารับ
"ก็ หนูพิมที่เฮียช่วยไว้เมื่อเดือนก่อนนั่นแหละ เมื่อคืนนี้หฯุพิมมาหาทิพย์ที่ห้องร้องไห้ร้องห่มใหญ่ ไม่ยอมกลับบ้าน จนทิพย์ต้องให้ค้างคืนด้วย"
ผมสะดุ้งเล้กน้อยเมื่อได้ยินคำอธิบายของนังทิพย์ ภาพร่างเปลือยของเด็กหญิงที่เกือบถูกไอ้ธงและพวกข่มขืนผุดขึ้นมาความคิด
"หนูพิมเป็นอะไรไปล่ะ หรือว่ามีใคร.... "
นังทิพย์สั่นหน้า เข้าใจทันทีว่าผมหมายถึงอะไร
"ไม่ มีใครทำร้ายหนูพิมหรอกเฮีย แต่เเป็นเรื่องนังเหล็งน่ะ มันให้หนูพิมลาออกจากโรงเรียนไปอยู่กับร้านของน้องชายมันที่ยะลา ไอ้ห่านี่มันเคยติดคุกคดีข่มขืนมาแล้ว ถ้าหนูพิมไปอยู่ที่นั่นมันต้องข่มขืนหนูพิมแน่ๆ ทิพย์อยากรู้จริงๆ ว่าว่าถ้าหนูพิมเป็นลูกแท้ๆ ของนังเหล็งมันจะบังคับให้ลูกออกจากโรงเรียนไปอยุ่กับพวกบ้ากามแบบนี้ไหม"
เสียง นังทิพย์บอกถึงความเห็นใจหนูพิมและโกรธแค้นเจ๊เหล็งอย่างรุนแรง ผมรู้ดีว่านังทิพย์มีความรู้สึกที่ดีกับเด็กหญิงผู้ปราศจากพ่อแม่ ที่ถูกเจ๊เหล็งเก็บมาเลี้ยงเอาไว้เพียงเพื่อหวังใช้แรงงาน และจะโพนทนาชาติกำเนิดของเด็กหญิงให้ผู้คนรับรู้เสมอเวลาเมาขาดสติ ทำให้หนูพิมกลายเป็นเด็กที่เงียบขรึม มุ่งทำงานที่ได้รับคำสั่งอย่างไม่ปริปาก แต่ขณะเดียวกันก็มุมานะเรียนหนังสือจนได้รับทุนให้ไปศึกษาต่อระดับมัธยมที่ กรุงเทพในโรงเรียนที่มีชื่อเสียงอย่างสตรีวิทยา แต่แล้วอนาคตและโอกาสทั้งหมดก็กลับพังทลายเมื่อเจ๊เหล็งบังคับให้เด็กหญิง ละทิ้งเป้าหมายในชีวิต เพื่อให้ทำงานหาเงินมาสนองความต้องการของตนเองเท่านั้น
"อีเหล็งมันทำลายอนาคตเด็กแบบนี้ได้ยังไงกัน"
ผม โพล่งออกมาอย่างเหลืออดเมื่อได้ยินเรื่องของหนูพิม นังทิพย์สะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงที่แสดงความไม่พอใจของผม นังทิพย์เอื้อมมือมาเกาะขาผมไว้
"เฮียหาทางช่วยเด็กมันหน่อยได้ไหม ..ทิพย์ขอร้อง ทิพย์กลัวว่าถ้าหนูพิมต้องออกจากโรงเรียนไปอยู่กับไอ้เหี้ยนั่น หนูพิมต้องเจอแบบเดียวกันกับที่ทิพย์เคยเจอ ทิพย์ไม่อยากเห็นเด็กที่สดใสอย่างหนูพิมต้องมีชีวิตแบบทิพย์"
เสียง ของนังทิพย์ค่อยๆ เปลี่ยนจากความโกรธ ไปเป็นความเสียใจ น้ำเสียงเด็กสาววัย 19 ที่เคยประสบกับการรุมข่มขืนจากผู้ชายที่เด็กหญิงในวัยเพียง 12 ปีเชื่อว่ามีความรักมอบให้ แต่กลับเป็นการหลอกไปให้เพื่อนเดนคนทั้งกลุ่มข่มขืนอย่างทารุณ และส่งไปขายที่ซ่องในความควบคุมของแก๊งค์เก้ายอดกว่า 2 ปี จนดอกไม้แรกแย้มต้องกลายเป็นเศษซากที่เหี่ยวเฉา เช่นเด็กสาวที่นั่งอยู่เบื้องหน้าผมคนนี้
ผมนิ่งไปชั่วขณะ ก่อนตัดสินใจ..
"ทิพย์ ไปบอกอีเหล็งนะว่า เฮียรับหนูพิมให้มาช่วยงานที่นี่ ถ้าไม่พอใจอะไรให้มาคุยกับเฮียที่นี่ แล้วก็ไปเรียกหนูพิมมาพบเฮียเดี๋ยวนี้เลย"
" เฮียวิทย์.. "
นังทิพย์อุทาน เงยหน้ามองผมอย่างไม่เชื่อกับสิ่งได้ยิน ทำให้ผมต้องรีบสำทับ
"ไปเร็วๆ มานั่งตะลึงอะไรกัน"
ใบ หน้านังทิพย์ยิ้มออกมาทั้งน้ำตา ลุกขึ้นวิ่งออกไปจากห้องด้วยกริยาที่ราวกับเด็กหญิง ผมสูบบุหรี่ในมือพ่นควันออกมาช้าๆ รู้ดีว่าเจ๊เหล็งจะไม่กล้าขัดขืนความต้องการของผมอย่างแน่นอน เพราะยังคงหากินต้องอยู่ในพื้นที่อิทธิพลของผม ก่อนที่ผมจะดับบุหรี่ นังทิพย์ก็กลับเข้ามาห้องพร้อมกับร่างเด็กหญิงวัย 12 ในชุดเสื้อยืดหลวมๆ กางเกงกีฬาขาสั้นกระดำกระด่าง ตัดความขาวผ่องของลำขาอวบเกินอายุที่พ้นขอบกางเกงอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าเด็กหญิงยังคงมีร่องรอยการร้องไห้ให้เห็นได้รางๆ จากคราบน้ำตาที่เกาะกรังร่องแก้ม แต่แววตาน้องพิมกับเป็นประกายแจ่มใส ซึ่งผมรู้ดีว่าเป็นประกายที่เกิดจากการบอกเล่าการตัดสินใจของผมให้น้องพิม รับรู้เมื่อครู่ แต่ก่อนที่ผมจะทักทายเด็กหญิง ร่างน้อยๆ ก็ทรุดตัวลงคุกเข่ากราบแทบเท้าผม พร้อมเสียงสะอื้นที่ดังขึ้น
"พิมของคุณเฮียวิทย์ที่ช่วยพิม พิมจะขอรับใช้เฮียวิทย์ที่นี่"
ผม รับสอดมือเข้าใต้วงแขนเด็กหญิงเบื้องหน้า แล้วออกแรงดึงให้ลุกขึ้นกลับมาอยู่ในท่านั่งพับเพียบเช่นเดียวกับนังทิพย์ ก่อนที่จะปล่อยมือ สัมผัสที่ปลายนิ้วผมบอกให้รู้ว่าได้กระทบกับฐานหน้าอกเต่งของเด็กหญิงเบาๆ แต่ก็รับรู้ได้ถึงความครัดเคร่งของก้อนเนื้อที่ซ่อนอยู่ภายใต้เสื้อยืดตัว หลวมนั้น
"หนูพิมไม่ต้องของคุณเฮีย เดี๋ยวกลับไปที่บ้านบอกนังเหล็งมันว่า เฮียจะให้หนูพิมมาทำงานช่วยนังทิพย์และให้พักอยู่ที่นี่ เฮียจะให้เงินเดือนเดือนละ 4 พัน หนูพิมจะแบ่งให้นังเหล็งเท่าไหร่ก็แล้วแต่ และที่สำคัญ"
ผมหยุดชั่วขณะก่อนกล่าวต่อ
"หนูพิมทำงานช่วยนังทิพย์เฉพาะตอนเย็นและเสาร์อาทิตย์ ส่วนกลางวันก็ไปเรียนที่โรงเรียนตามปกติ ห้ามลาออกมาอย่างเด็ดขาดเข้าใจไหม"
"เฮียวิทย์... "
เสียงนังทิพย์และน้องพิมอุทานขึ้นพร้อมกัน น้องพิมโถมเข้ากอดขาผมไว้แน่น ส่งเสียงระล่ำละลัก
"พิมขอบคุณเฮียวิทย์ พิมพ์จะตอบแทนทุกอย่างที่เฮียต้องการ พิมพ์จะ..."
ผม ลูบศีรษะเด็กหญิงเบาๆ อย่างปราณี ในใจคิดถึงร่างหนึ่งที่เคยโผเข้ากอดผมแน่นเมื่อผมบอกความในใจของเด็กหนุ่ม วัย 15 ให้รับรู้ภายใต้ร่มของต้นรังริมลำห้วยสายน้อย ก่อนขัดจังหวะคำพูดของเด็กหญิง
"เฮียมีเงื่อนไขข้อหนึ่งที่หนูพิมต้องปฏิบัติ หนุพิมจะทำได้ไหม "
เด็กหญิงเงยหน้าขึ้นสบตาผม แล้วปล่อยแขนจากการกอดขาผมไว้ พยักหน้ารับอย่างไม่ลังเล
" พิมสัญญาจะทำทุกอย่างตามความต้องการของเฮียวิทย์ "
"เฮีย จะส่งให้หนูพิมเรียนเท่าที่หนูพิมต้องการ แต่หลังจากจบการศึกษาแล้ว หนุพิมต้องไปให้พ้นจากชุมชนนี้ ไปเริ่มชีวิตใหม่ อย่าหันกลับมาที่นี่อีกเป็นอันขาด เข้าใจไหม.. "
เด็กหญิงอ้าปากกว้าง ใบหน้าที่ฉายแววดีใจเมื่อได้ยินคำว่าส่งให้เรียน เปลี่ยนไปทันทีเมื่อผมจบคำสั่งที่ให้ออกไปจากชุมชน ...
"ทะ ทะ ทำไม..พิมจะรับใช้เฮียวิทย์ที่นี่..ทำไมพิมต้องไป.. "
ผมส่ายหน้าเบาๆ
"ที่ นี่ไม่มีอะไรเลยสำหรับอนาคตของหนูพิม .. อย่าจมอยู่กับปลักโคลนที่นี่ อย่าเป็นอย่างเฮียที่ต้องทิ้งการศึกษากลางทาง เส้นทางของเฮียมันหยุดที่ตรงนี้ แต่ของหนูพิมมันจะต้องออกไปจากที่นี่ ไม่ต้องโต้แย้งอะไรแล้ว ออกไปได้ เฮียจะทำงาน"

ผมตัดบทเพื่อยุติ การสนทนา นังทิพย์หันมาฉุดร่างหนูพิมให้ออกไปจากห้อง เมื่อเห็นผมหันกายกลับไปยังโต๊ะเบื้องหน้าเป็นสัญญานจบการสนทนาที่ทุกคนใน แก๊งค์เข้าใจกันดี เสียงสะอื้นด้วยความดีใจของหนูพิมและเสียงพูดของนังทิพย์ค่อยๆ ห่างออกไป ทิ้งผมให้กลับมาอยู่ในความเงียบสงบตามปกติ
ผมทอดสายตาไปยังภาพชุมชน คลองน้อยที่ปรากฏอยู่ที่หน้าต่างเบื้องหน้า ภาพของชุมชนที่เสื่อมโทรม ยากไร้จนไม่มีอนาคต ปรากฏอยู่ตรงหน้า นี่เป็นสถานที่ที่ดูเหมือนจะถูกสังคมภายนอกลืม ข่าวสารจากหนังสือพิมพ์ที่ผมอ่านทุกวันบอกให้รู้ว่าโลกภายนอกกำลังพัฒนาไป ข้างหน้าอย่ารวดเร็ว การติดต่อสื่อสารเริ่ม ขยายตัวจนโลกกำลังเล็กลงทุกขณะพร้อมกับคำศัพท์ใหม่ๆ เช่นโลกาภิวัตน์กำลังเข้ามาแทนที่สังคมดั้งเดิม แต่ขณะเดียวกันปัญหาสังคมมากมายก็ขยายตัวตามมา โดยเฉพาะการข่มขืนซึ่งปรากฏขึ้นเป็นข่าวหน้าหนึ่งแทบทุกวัน ใจผมคิดไปถึงหนูพิม ที่ผมพยายามช่วยให้เด็กหญิงที่มีส่วนคลับคล้ายน้องรินคนนี้พ้นจากความล้า หลังในชุมชน แต่ผมก้ไม่แน่ใจว่าจะเป็นการผลักหนูพิมให้ไปสู่ความเสื่อมโทรมของสังคมภาย นอกหรือไม่ในอนาคต หนูพิมอาจจะก้าวไปสู่อนาคตสดใส หรืออาจจะต้องกลับมาอยู่ในสภาพเดียวกับนังทิพย์ ที่ต้องติดอยู่กับสถานที่ซ่อนตัวแห่งนี้ไปอย่างไม่มีกำหนด
ในความ เงียบ ผมคิดถึงความจริงอันโหดร้ายที่เกิดกับน้องกิฟท์ ตลอดเวลาที่ผมหลบหนีคดีมายังกรุงเทพ ผมไม่เคยได้รับข่าวคราวจองน้องกิฟท์อีกเลย นอกจากคำบอกเล่าของน้าแม้นวงศ์ ที่บอกผมเมื่อ 15 ปีก่อนว่าหลังจากเหตุร้ายเกิดขึ้นกับผมและน้องริน ครอบครัวน้องกิฟท์ก็ย้ายออกจากหมู่บ้านไปอย่างกระทันหัน โดยไม่มีผู้ใดทราบว่าทั้งหมดย้ายไปยังที่ใด แต่หลังจากที่ผมรับน้องกิฟท์มาจากวัดที่พำนักของผู้ป่วยโรคเอดส์ ผมก็ได้รับรู้ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นกับน้องกิฟท์ ข้อเท็จจริงที่ทำให้ผมต้องแค้นเคืองกับโชคชะตาที่เกิดขึ้น
' คุณพ่อข่มขืนกิฟท์ '
เสียง แผ่วเบาที่อ่อนระโหยของน้องกิฟท์ เล่าให้ผมฟัง หลังจากผมนำร่างที่ใกล้ถึงกาลแตกดับออกมาจากวัด ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับน้องกิฟท์เกิดในวันเดียวกันกับวันที่ผมและน้องรินไป ยังบ้านเล็กริมห้วย น้องกิฟท์เล่าให้ฟังว่าหลังจากที่ผมและน้องรินกลับออกไป ในตอนบ่ายวันนั้นเองที่ พ.ต.ท.สมภพ กลับมาจากทำงานก่อนเวลา และเข้าไปข่มขืนน้องกิฟท์ ที่ห้องนอนโดยที่เด็กหญิงไม่สามารถขัดขืนได้ แต่หลังจากทำลายความสาวของลูก สาวตนเอง ดูเหมือนว่า พ.ต.ท.สมภพ จะกลับได้สติและมองภาพน้องกิฟท์ที่สะอึกสะอื้นอยู่บนเตียงอย่างตกใจ และก่อนที่น้องกิฟท์จะรู้ตัว บิดาผู้เคยเป็นทุกอย่างในชีวิตน้องกิฟท์ ก็จับปืนมาจ่อขมับ และลั่นไกปลิดชีวิตตนเองต่อหน้าลูกสาว ทิ้งให้น้องกิฟท์กรีดร้องราวกับเสียสติ จนมารดาน้องกิฟท์กลับมาจากทำงานและพบสภาพอันสยดสยองในห้องของลูกสาว
แต่ แทนที่คุณวีณาผู้เป็นมารดา จะแจ้งความสิ่งที่เกิดขึ้นต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ หญิงผู้ใกล้เสียสติกับภาพที่เกิดขึ้นกลับสั่งการให้นำร่างไร้วิญญานของ พ.ต.ท.สมภพ และน้องกิฟท์ เดินทางเข้ากรุงเทพในคืนนั้น และนำร่าง พ.ต.ท.สมภพไปให้บิดาผู้มีอิทธิพลใน จ.ชลบุรี ทำลายอย่างลับๆ พร้อมแจ้งความให้ พ.ต.ท.สมภาพกลายเป็นผู้สาบสูญ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับน้องกิฟท์กลับโหดร้ายยิ่งกว่า สตรีผู้เป็นมารดาที่เคยรักทะนุถนอมลูกสาว กลับโทษว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นความผิดของน้องกิฟท์ และกักขังเด็กหญิงไว้ที่ จ.ชลบุรี เพื่อให้คนงานประมงใช้ร่างของเด็หญิงเป็นที่ระบายความใคร่ กว่า 10 ปี จนเด็กหญิงที่เคยสดใสราวดอกไม้แรกแย้มแย้ม กลับกลายเป็นร่างที่ไร้จิตวิญญาน และติดเชื้อโรคร้ายจนทำให้ต้องนำตัวมาทิ้งให้รอความตายที่วัดซึ่งผมไปพบ
'กิฟท์ ไม่โกรธแค้นใครอีกต่อไปแล้วพี่เอ กิฟท์ต้องการเพียงให้พี่เออยู่ข้างๆ กิฟท์ จนกว่ากิฟท์จะจากไปเท่านั้น ตอนนี้กิฟท์เพียงแต่เสียดายเวลาที่กิฟท์มีความสุขอยู่กับพี่เอและพี่ริน มันน้อยเหลือเกิน กิฟท์รู้ว่าพี่รินรักพี่เอ แต่กิฟท์ก็เคยแอบฝันว่าบางทีกิฟท์อาจจะมีโอกาสอยู่กับพี่เอและพี่ริน ในฐานะภรรยาอีกคนหนึ่ง แต่ในเมื่อสวรรค์ไม่อนุญาตให้กิฟท์ได้ตามสิ่งที่ต้องการ กิฟท์ก็คงต้องโทษโชคชะตาตัวเองเท่านั้น ....'

เสียงของน้องกิฟท์แว่ว ขึ้นมาจากความทรงจำ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้ที่ผมรัก ทำให้บางทีผมต้องต้องคิดว่านี่เป็นชะตาที่สวรรค์ลิขิตมาให้เกิดขึ้นกับผู้ ที่ผมรักผมจริงๆ หรือไม่ บางทีผมอาจต้องยอมจำนนต่อโชคชะตาและปล่อยให้ชีวิตดำเนินไปตามความต้องการจาก เบื้องบน จนกว่าจะสิ้นชีวิต
"เฮียวิทย์..ทิพย์เข้าไปได้ไหม"
เสียง นังทิพย์ทำให้ผมสะดุ้งขึ้นจากความคิดคำนึง นาฬิกาเบื้องหน้าบอกเวลา 10 โมงเช้า ผมถอนใจยาว เมื่อพบว่าตนเองจมอยู่ในความคิดบ่อยครั้งขึ้นและนานขึ้นทุกที
" เข้ามาสิ แล้วเรื่องหนูพิมเรียบร้อยไหม "
ผมตอบอนุญาต พร้อมถามเรื่องของเด็กหญิงในทันทีที่นังทิพย์เข้ามาในห้อง
"เรียบ ร้อยแล้วเฮีย หนูพิมเอาเสื้อผ้าของใช้มาด้วยแล้ว ตอนที่ทิพย์ไปถึงน่ะ ไอ้น้องชายบ้ากามของเจ็เหล็งกำลังรอรับตัวหนูพิมอยู่พอดีเลย นี่ถ้าทิพย์เป็นผู้ชายคงได้ชกปากมันแล้ว เฮียน่าจะได้เห็นสายตามันที่มองหนูพิมนะ นี่ถ้าหนูพิมขึ้นรถไปกับมันรับรองว่าได้เสียสาวก่อนถึงยะลาแน่ๆ"
นังทิพย์รายงานด้วยน้ำเสียงแค้นเคือง
"แล้วเจ็เหล็งล่ะ คัดค้านอะไรหรือเปล่า"
ผมถามอย่างไม่สนใจอะไรนัก เพราะรู้คำตอบดีอยู่แล้ว
" มันจะไปกล้าอะไรล่ะเอีย พอทิพย์บอกว่าเฮียจะรับตัวหนูพิมไปอยู่ด้วยมันก็หงอเลย ทิพย์เลยสำทับบอกมันว่าเฮียจะรับหนูพิมเป็นเมียด้วย ห้ามใครเข้ามายุ่งเกี่ยวกับหนูพิมอีก"
ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินคำพูดของนังทิพย์
"เฮ้ย เอ็งไปบอกอย่างนั้นได้ยังไงกันนังทิพย์ "
นังทิพย์หน้าสลดเมื่อได้ยินเสียงดุ แต่ยังคงพยายามชี้แจง
"ทิพย์ ขอโทษเฮียที่บอกพวกมันอย่างนั้น แต่ถ้าหนูพิมไม่มีฐานะเป็นเมียเฮีย ไม่ช้าก็เร็วไอ้พวกหนุ่มๆกลัดมันที่นั่นต้องหาทางฉุดหนูพิมแน่ "
ผม นิ่งไปกับคำชี้แจงของนังทิพย์ ความเป็นที่เกิดขึ้นในชุมชนเสื่อมโทรมแห่งนี้ผ่านการรับรู้ของผมมาโดยตลอด ผมรู้ดีว่าคำพูดของนังทิพย์ไม่ได้เกินเลยความจริงแม้แต่น้อย เด็กหญิงรุ่นสาวแทบทุกคนในชุมชนถ้าไม่ปล่อยตัวมีเพศสัมพันธ์ด้วยความเต็มใจ ก็จะถูกดักฉุดไปข่มขืนจนกลายเป็นสิ่งปกติที่เกิดขึ้น การดักฉุดน้องพิมของพวกไอ้ธงเมื่อเดือนที่แล้วก็เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ ชัดเจน แต่ถ้าทุกคนรับรู้ฐานะของน้องพิมเป็นเมียของผมก็จะไม่มีใครกล้ามายุ่งเกี่ยว อย่างแน่นอน
"น้องพิมอายุแค่ 12 เองนะนังทิพย์ "
ผมบ่นเบาๆ หลังจากไตร่ตรองยอมรับความจำเป็นที่นังทิพย์ต้องอ้างกับเจ๊เหล็ง

"ทำไมเฮียไม่ไปบอกไอ้พวกที่มันข่มขืนทิพย์บ้างล่ะ ว่าทิพย์อายุ 12 อย่าเพิ่งข่มขืน"
เสียง นังทิพย์ที่ตอบกลับมาสั่นเครือแตกพร่า ทำให้ผมต้องหันมองด้วยความแปลกใจ ร่างนังทิพย์ยังคงพับเพียบกับพื้นเช่นเคย แต่ก้มหน้าสะอื้น สองมือกำเป็นหมัดเกร็งแน่นอยู่ที่หน้าตัก อากัปกริยาที่แปลกไปทำให้ผมต้องลุกจากเก้าอี้มานั่งอยู่บนพื้นข้างนังทิพย์ เชยคางให้สบตาผม
"ทิพย์ เป็นอะไรไป"
นังทิพย์โผเข้ากอดร่างผม ไว้แน่น ใบหน้าซุกอยู่กับหน้าอกผมจนผมรับรู้ถึงน้ำตาที่ไหลออกมาชุ่มเสื้อ ผมโอบไหล่นังทิพย์เอาไว้เบาๆ ลูบศีรษะไปมาอย่างปลอบโยน
"ทิพย์ เสียใจ.. เสียใจที่ร่างกายของทิพย์ต้องสกปรกเพราะคนที่ทิพย์มอบความรักให้ เสียใจที่ทำไมทิพย์ไม่ได้พบคนดีๆ อย่างเฮียก่อนที่ทิพย์จะเป็นแบบนี้ ที่สำคัญทิพย์อิจฉาน้องพิมที่มีโอกาสหลุดพ้นจากความสกปรกโดยมีเฮียวิทย์คอย ดูแลช่วยเหลือ...เฮียวิทย์รู้ไหมว่าตลอด 5 ปีที่ทิพย์อยู่กับเฮีย ไม่มีสักคืนที่ทิพย์ไม่คิดถึงเหตุการณ์ที่โรงแรมม่านรูดนั้น ทิพย์ไม่เคยลืมความขยะแขยงของควยทุกแท่งที่เข้ามาในร่างกายทิพย์ ชีวิตทิพย์ไม่มีค่าอะไรเลย ไม่มีค่าสำหรับใครทั้งนั้นแม้แต่ตัวทิพย์เอง..."
ผม กอดร่างเด็กสาวที่กำลังสะอึกสะอื้นระบายความในใจต่อเนื่อง ตลอดเวลา 5 ปีที่นังทิพย์พักอยู่กับผม เด็กสาวไม่เคยระเบิดอารมณ์เสียใจออกมาถึงขนาดนี้ ผมนึกเสียใจที่ไม่เคยสนใจสภาพจิตใจของนังทิพย์ และไม่เคยรับรู้ว่าเบื้องลึกของเด็กสาวที่ภายนอกดูเป็นปกติ จะซ่อนความรู้สึกที่เกิดจากบาดแผลในจิตใจไว้มากมาย ผมกระชับวงแขนให้แน่นขึ้นเล็กน้อยจนรู้สึกถึงร่างกายที่สั่นเทาของเด็กสาว บางทีถึงเวลาแล้วที่ผมควรจะช่วยเหลือเด็กสาวที่ประสบชะตากรรมเลวร้ายคนนี้ ให้มีชีวิตใหม่ที่ดีขึ้น เช่นเดียวกับหนูพิม
"ทิพย์อย่าคิดดูถูกตัวเองแบบนั้น สำรับใครๆ ทิพย์อาจจะไม่มีค่า แต่สำหรับพี่ทิพย์คือคนที่มีค่าเสมอ"
ทิพย์วารีเงยหน้าขึ้นสบตาผม แววตาสั่นระริก
"เฮีย..."
ผมสั่นหน้าช้าๆ
"ต่อไปนี้ทิพย์อย่าเรียกเฮียอีกเลย พี่ไม่เคยชอบคำนี้ เรียกพี่ว่าพี่เอได้ไหม"
"พี่เอ...ใครกันเฮีย "
ทิพย์วารีถามด้วยสีหน้าสงสัย
"นั่น เป็นชื่อของพี่ ชื่อที่ไม่มีใครเคยเรียกมา 15 ปีแล้ว พี่ขอโทษที่ไม่ดูแลทิพย์ให้ดีกว่านี้จนไม่รู้ว่าทิพย์ยังไม่ลืมเลือนความเลว ร้ายที่เกิดขึ้น ต่อไปนี้จงจำไว้ว่าทิพย์เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตพี่ พี่จะไม่มีวันยอมให้ทิพย์ดูถูกตัวเองแบบนี้อีก และจงจำไว้นะว่าทิพย์เป็นคนที่มีค่าที่สุดสำหรับพี่"
"พี่..อะ เอ.."
ทิพย์วารีพึมพำเบาๆ อย่างไม่คุ้นเคย
" นั่นแหละ แล้วก็หยุดร้องไห้ซะ ชีวิตของทิพย์เพิ่งผ่านมา 19 ปี ยังมีอนาคตที่ดีรอทิพย์อยู่ถ้าทิพย์กล้าที่จะก้าวไปหามัน อย่าปล่อยตัวเองให้จมอยู่กับอดีตที่ไม่สามารถแก้ไขได้ แต่จงมองไปที่อนาคตและหาทางทำให้มันดีขึ้น เข้าใจไหม"

คำพูดที่ผมพูด เพื่อกระตุ้นกำลังใจของทิพย์วารี กลับทำให้ผมตระหนักตนเองว่าผมเองต่างหากที่เป็นผู้จมอยู่กับอดีตที่ไม่ สามารถแก้ไขได้ ตลอด 15 ปีที่ผ่านมาผมผลักตัวเองเข้าไปใช้ชีวิตกับความทุกข์และความทรงจำที่เจ็บปวด จนไม่มีช่องว่างสำหรับสิ่งอื่นใด การช่วยเหลือหนูพิม และการระเบิดอารมณ์ของทิพย์วารี กลับเป็นเครื่องกระตุ้นให้ผมรู้สึกตัวว่าทุกสิ่งสามารถเริ่มต้นใหม่ได้ ถ้าผมตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลง
"ทิพย์เข้าใจแล้ว..ขอบคุณพี่เอที่เตือนสติทิพย์ แต่ทิพย์ยังไม่รู้เลยว่าทิพย์จะทำอย่างไรดีกับชีวิตตัวเอง "
ใบ หน้าเด็กสาวที่สบตาผมอยู่เบื้องหน้า สะท้อนแววตาสับสน แต่ยังคงเป็นใบหน้าของเด็กสาวที่งดงามที่สุดคนหนึ่ง หากเจ้าของใบหน้านั้นไม่ตกอยู่ในอารมณ์เศร้าหมองดังที่ปรากกอยู่ตลอดเวลาที่ ผ่านมา ผมรู้ดีว่ามีชายหนุ่มย่านคลองน้อยหลายคนพยายามทำความรู้จักทิพย์วารี แม้กระทั่งเจ้าชัยคนสนิทของผมก็ยังแสดงท่าทีสนใจเด็กสาวอย่างเห็นได้ชัด แต่ที่ผ่านมาทิพย์วารีดูจะไม่สนใจเพศตรงข้าม และเก็บตัวอยู่ในบ้านเงียบๆ เพื่อทำหน้าที่ดุแลกิจการของแก๊งค์โดยไม่เรียกร้องค่าตอบแทนใดๆ ทั้งสิ้น
" เรื่องนั้นทิพย์ค่อยๆ คิดก็ได้ ทิพย์อาจจะเรียนต่อศึกษานอกโรงเรียนแล้วหาทางเข้ามหาวิทยาลัยก็ได้ อนาคตยังอยู่อีกไกล บางทีทิพย์อาจจะได้พบผู้ชายดีๆ ที่ทิพย์จะได้ใช้ชีวิตร่วมกันก็ได้นะ.."
ประโยคสุดท้ายผมพูดด้วยนำเสียงเย้าแหย่เพื่อปรับเปลี่ยนอารมณ์ของเด็กสาวให้สดชื่นขึ้น แต่ทิพย์วารีกลับถอนใจยาว..
" ใครจะมาสนใจผู้หญิงที่เคยเป็นกะหรี่ล่ะพี่เอ...โดยเฉพาะผู้หญิงที่ไม่สามารถมีลูกได้แบบทิพย์"
ผม นิ่งงันไปเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าการติดโรคร้ายของทิพย์เมื่อ 5 ปีก่อน ทำให้เด็กสาวต้องผ่ามดลูกที่อักเสบรุนแรงทิ้งทั้งหมด การที่ผมพูดล้อเล่นเรื่องการแต่งงานจึงกลับเป็นการซ้ำเติมทิพย์วารีมากกว่า ที่จะปลอบใจ ผมรีบเปลี่ยนน้ำเสียงเพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดทันที
" ผู้ชายไม่ใช่ว่าจะเลวร้ายไปทุกคนหรอกทิพย์ เชื่อพี่เถอะว่าผู้ชายที่จะรักทิพย์จริง โดยไม่คำนึงถึงอดีตมีอยู่แน่นอน ขอให้ทิพย์ลืมอดีตและพร้อมที่จะเปิดใจรับเท่านั้น "
ทิพย์วารีสบตาผม ก่อนหลบสายตาแล้วถามอย่างแผ่วเบา
" แล้วพี่เอล่ะ เคยเปิดใจรับใครบ้างหรือเปล่า"
ผม นิ่งงันไปกับคำถามของทิพย์วารี จริงทีเดียวที่ตลอด 15 ปีที่ผ่านมา ผมไม่เคยเปิดใจรับผู้หญิงคนใดเข้าในชีวิต ไม่มีแม้กระทั่งการระบายความใคร่ตามปกติของผู้ชายทั่วไป การร่วมรักครั้งสุดท้ายของผมคือการร่วมกับแก้วคำน้องสาวของศัตรูผู้ทำร้าย น้องรินเมื่อ 15 ปีก่อน
"ตลอด 5 ปีที่ทิพย์อยู่กับพี่เอ ทิพย์รู้ว่าพี่เอไม่เคยแม้แต่จะไปเที่ยวผู้หญิง ไม่เคยมีใครที่พี่เอแสดงความสนใจ ทิพย์รู้ว่าพี่เอมีอดีตที่โหดร้าย แม้ทิพย์จะไม่รู้รายละเอียดแต่จากที่พี่เอแสดงต่อพี่กิฟท์ ทิพย์ก็รู้พี่เอไม่ใช่คนที่ไร้ความรักเหมือนที่พี่เอพยายามแสดงออก บางทีถ้าพี่เอจะยอมรับสิ่งที่ผ่านมาเหมือนที่พี่เอพยายามบอกทิพย์ พี่เอก็อาจจะเปิดใจรับใครให้มาช่วยแบ่งเบาความทุกข์ของพี่เอได้บ้าง"
น้ำเสียงทิพย์วารีดูราวกับจะแทรกผ่านเข้ามาในจิตใจผมอย่างเต็มที่ ผมส่ายหน้าช้าๆ
"สำหรับพี่มันคงสายไปแล้วล่ะ"
มือเรียวบางที่อบอุ่นของทิพย์วารีเอื้อมมือมากุมมือผมไว้แน่น
"ถ้าทิพย์จะขอให้พี่เอเปิดใจรับทิพย์บ้าง พี่เอจะรังเกียจทิพย์ไหม"
ผม สะดุ้งกับคำพูดของเด็กสาวในอ้อมแขน ทิพย์วารีสบตาผมแน่วแน่ ริมฝีปากขบแน่นหลังจากใช้ความพยายามพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา ดวงตาเรียวยาวเป็นประกายด้วยความคาดหวัง ผมจ้องมองใบหน้างดงามนั้นอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ตลอดเวลาที่ผ่านมาทิพย์วารีไม่เคยแสดงท่าทีใดๆ ให้ผมรู้ถึงความรู้สึกที่มีต่อผมนอกจากความเคารพในฐานะผู้มีพระคุณเท่านั้น แต่แววตาที่ผมกำลังจับจ้องอยู่เบื้องหน้านี้ เป็นแววตาเดียวกันกับแววตาน้องรินที่ผมเคยเห็นในอดีต มันเป็นแววตาของหญิงสาวที่ตัดสินใจบอกรักผู้ที่ตนเลือกแล้วว่าคือผู้ที่จะ มอบหัวใจให้
ความเงียบชั่วอึดใจที่เข้ามาปกคลุม ทำให้ทิพย์วารีมีสีหน้าสลดลง เด็กสาวถอนสายตาจากผมก่อนก้มหน้าพึมพำ
" ทิพย์ขอโทษพี่เอ...ทิพย์น่าจะรู้ว่ากระหรี่อย่างทิพย์ไม่คู่ควรกับพี่เอหรอก.."
ร่าง เด็กสาวขยับตัวห่างจากอ้อมแขนของผม เพื่อลุกขึ้น ผมยึดร่างทิพย์วารีไว้ให้แน่นขึ้นดึงร่างบอบบางเข้ามากอด เชยคางกลมมนขึ้นให้สบตากับผม และก่อนที่ทิพย์วารีจะเอ่ยคำพูดใดๆ ออกมา ผมก็ประทับจูบกับริมฝีปากเรียวบางเบื้อหน้าแทนคำตอบ
ดาวตาเด็กสาว เบิกโพลง แต่หลับตาลงอย่างรวดเร็วเมื่อผมเพิ่มน้ำหนักบดเบียดริมฝีปากอ่อนนุ่ม สองแขนเด็กสาวโอบรอบคอผมแน่น เปิดปากให้ลิ้นของผมเแทรกผ่านเข้าไปรับรสหอมหวานสดชื่นภายใน กลิ่นกายทิพย์วารีหอมกรุ่นอบอวลทำให้ผมกระชับวงแขนแน่นขึ้น และปล่อยให้ลิ้นเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นเรียวเล็กที่ตอบโต้อยู่ภายใน ร่างเด็กสาวอ่อนตัวลงจนค่อยๆ นอนหงายอยู่บนพื้นโดยมีให้ร่างผมโน้มตามลงทาบทับอย่างช้าๆ
"พี่เอ..."
ทิพย์ วารีครางออกมาเมื่อผมถอนจูบ เพื่อก้มลงซุกไซร้ซอกคอหอมกรุ่น สองแขนเด็กสาวลูบไล้แผ่นหลังผมอย่างลืมตัว สองมือผมค่อยแทรกผ่านชายเสื้อยืดลูบไล้ผ่านหน้าท้องเรียบเนียน ไปสู่หน้าอกเต่งที่ห่อหุ้มไว้ด้วยบราผ้าฝ้ายราคาถูก เพียงเคล้นคลึงเบาๆ ก็สัมผัสได้ถึงความครัดเคร่งของเต้านมที่ยังคงความแน่นของเนื้อหน้าอกของวัย สาวไว้อย่างเต็มที่ แม้จะผ่านการฟอนเฟ้นของผู้ชายมามากมายก็ตาม เพียงผมสอดมือผ่านบราตัวน้อย หัวนมแข็งปั๋งที่ชูชันขึ้นรับการสัมผัสก็บดเบียดอยู่กับฝ่ามือผม สั่นระริกด้วยอารมณ์สาว ร่างทิพย์วารีแอ่นเหยียดขึ้นราวกับต้องการให้ผมสัมผัสมันอย่างเต็มที่ เสียงเด็กสาวครางกระเส่า
" โอย...เฮียวิทย์...ทิพย์ ทิพย์... "
" เรียกพี่เอสิทิพย์... "
ผม กระซิบข้างหู พร้อมกับเลือนมืออ้อมผ่านด้านหลังที่แอ่นโค้งขึ้นเพื่อปลดตะขอบรา เพียงขยับนิ้วบราตัวน้อยก็หลุดการการควบคุมหน้าอก ก้อนเนื้อเคร่งครัดทั้งสองข้างดีดตัวอยู่เต็มอุ้งมือผม ขณะที่เจ้าของหน้าอกคู่งามกำลังบิดร่างส่ายไปมาราวกับได้รับความเจ็บปวด...
"พี่เอ...พี่เอ...ทิพย์รักพี่เอ..พี่เออย่ารังเกียจทิพย์นะ..."
ผมเน้นฝ่ามือบดเต้านมเต่งตึงทั้งคู่ สัมผัสความหยุ่นแน่นอย่างละลานใจ
" พี่ไม่เคยรังเกียจน้องทิพย์...ต่อไปนี้น้องทิพย์ต้องใช้ชีวิตร่วมกับพี่นะ.."
"ทิพย์จะเป็นของพี่เอคนเดียว...พี่เอจะ...อื๋ย..."
ทิพย์ วารีครางลั่น เมื่อรับรู้ว่ามือของผมเปลี่ยนเป้าหมายเบื้องบนมายังขอบกางเกงยืดขาสั้นตัว หลวม แล้วแทรกตัวผ่านขอบล่างไปยังกางเกงในเนื้อบางภายใน ความชุ่มชื้นเปียกชุ่มไปทั่วจนรู้สึกได้ ผมแทรกผ่ามือผ่านขอบกางเกงในเพื่อกุมเนินเนื้อทิพย์วารีเอาไว้เต็มฝ่ามือ ทิวขนหนานุ่มที่ปกคลุมเนินเนื้อให้สัมผัสที่แตกต่างไปจากอวัยวะของเด็กหญิง เช่นน้องรินและแก้วคำในอดีต แต่ก็เร้าอารมณ์ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันแม้แต่น้อย นิ้วผมแทรกผ่านสองแคมจมลงไปภายในร่องหลืบอบอุ่นอย่างง่ายดาย เม็ดมณีที่ด้านบนแข็งตัวกระทบรับสัมผัสอย่างกระตือรือล้นพร้อมกับร่างเจ้า ของเม็ดเสียวที่แอ่นสะโพกขึ้นรับการรุกรานของมือ นิ้วชี้ผมผ่านเข้าไปสู่ความอบอุ่นภายในอย่างง่ายดายจากน้ำหล่อลื่นที่ชุ่ม โชก แต่แรงบีบรัดภายในยังคงบดเบียดนิ้วราวกับจะพยายามต่อต้านการรุกล้ำเข้าไปสู่ ปลายทาง มันเป็นแรงบีบรัดที่ไม่บอกให้รู้เลยแม้แต่น้อยว่าร่องหลืบนี้เคยถูกรุกล้ำ จากแท่งเนื้อมานับไม่ถ้วนในวัยเพียง 12 ปี อาจเป็นเพราะร่างกายที่ยังคงเจริญเติบโต และการว่างเส้นร่วมเพศมากว่า 5 ปี ทำให้มันค่อยๆฟื้นคืนสภาพสู่ความคับแน่นที่ควรเป็นของเด็กสาววัย 19
" พี่เอ...ทิพย์ สะ เสียว.. "
เสียง เด็กสาวกระเส่า ลมหายใจร้อนกรุ่นกระทบซอกคอผมเป็นจังหวะถี่ยิบ ผมถอนนิ้วออกจากส่วนลี้ลับของทิพย์วารี เพื่อยกร่างขึ้นมาในอ้อมแขนและมุ่งหน้ามาที่เตียงนอนในห้องด้านข้าง เด็กสาวลืมตาขึ้นเมื่อรับรู้ว่าร่างถูกยกจากพื้น แต่ก็หลับตาลงเมื่อเห็นจุดหมายที่ผมกำลังพาไปยังห้องนอนที่อยู่ติดกัน
ผม วางร่างเด็กสาวที่กำลังตกอยู่ในอารมณ์รักลงบนพื้นเตียงอย่างทะนุถนอม ทิพย์วารีหลับตาพริ้มเมื่อผมค่อย ๆ ดึงชายเสื้อยืดออกไปทางศีรษะโดยที่เด็กสาวช่วยชูแขนให้มันหลุดออกไป จากร่างอย่างเต็มใจ ทรวงอกอวบตระหง่านอวดความเต่งตึงอยู่ต่อหน้า แม้จะอยู่ในท่านั่งแต่มันยังคงตั้งเต้าอย่างมั่นคงโดยไม่คล้อยต่ำไปตามแรง ดึงดูด ผมซุกหน้าเข้าระหว่างก้อนเนื้อนวลทั้งสองซุกไซร้ไปมาเพื่อสัมผัสแรงสะท้อน ของวัยสาว ทิพย์วารีส่งเสียงหอบกระชั้น สองแขนโอบรอบคอผมแน่น ผมค่อยๆ ถอดกระดุมเสื้อออก พร้อมกางเกงแพร แล้วทาบทับเรือนร่างเปลือยท่อนบนของทิพย์วารีไว้เต็มตัว
" พี่เอ...พี่เอ... "
เสียง เด็กสาวพร่ำเรียกชื่อผม เมื่อผมสอดมือไปยังตะขอกางเกงขาสั้นเพื่อปลดมันออกแล้วรูดซิบพร้อมกับลากมัน ลงไปตามลำขายาวเรียว โดยที่เข้าของช่วยยกสะโพกขึ้นให้ง่ายต่อการปลดเปลืองไปพ้นร่างกาย ผมยันดายขึ้นเพื่อใช้สายตาซึม๙ับความงามเบื้องหน้า
ร่างเปลือยขาว ผ่องด้วยเชื้อสายจีนของทิพย์วารี อวดความงามกับสายตาของผมอย่างเต็มที่ ใบหน้างามหลับตาพริ้ม สองแก้มแดงระเรื่อ หน้าอกคู่งามชูช่อเป็นก้อนด้วยขนาดราวกับผลฝรั่งขนาดใหญ่ที่มีเมล็ดยอดสี น้ำตาลอ่อนประดับปลายอยู่อย่างงดงาม ต่ำลงไปเป็นเนินหน้าท้องขาวเนียนที่มีไรขนอ่อนๆ นำทางลงไปสู่เนินนูนที่ปกคลุมด้วยขนหนานุ่ม ผมเลื่อนร่างลงมาต่ำเพื่อเสพรับความงามของเนินเนื้อนั้นอย่างเต็มตา และต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็นเมื่อพบว่ามันโหนกนูนเด่นขึ้นมาอย่างน่า ชม สองแคมเปล่งปลั่งประกบปิดช่องทางรักไว้แน่นหนาราวกับไม่เคยมีสิ่งใดผ่านเข้า ไปภายใน กลิ่นหอมอ่อนๆ โชยขึ้นนมากระทบจมูกโดยปราศจากกลิ่นฉุนเฉียยวที่ไม่พึงประสงค์ใดๆ บอกให้รู้ว่าเจ้าของเนินเนื้อนี้รักษาความสะอาดไว้อย่างดี น้ำรักที่เอ่อล้นออกมาจากร่องระหว่างสองแคมยิ่งทำให้ทั้งเนินนูนดูเป็น ประกาย ผมซุกหน้าลงกับเนินหน้าท้องขาวผ่องแล้วค่อยๆ ลากต่ำลงไปยังความเป็นหญิงของทิพย์วารีเบื้องล่างเพื่อชิมรสหอมหวานของเด็ก สาว โดยปราศจากความรังเกียจที่มันเคยรองรับความใคร่ของผู้ชายนับไม่ถ้วนมาในอดีต แต่ก่อนที่ใบหน้าผมจะกระทบเป้าหมาย ทิพย์วารีก็ผุดร่างขึ้นดึงผมกลับขึ้นมาทาบทับร่างเปลือยเอาไว้ ก่อนส่ายหน้าไปมา

"พี่เอ..อย่า...มันสกปรก "
ผมเลื่อนมือลงไปลูบไล้แก้มสะโพกหยุ่นตึงเบื้องล่าง
"พี่ไม่เห็นว่าจะสกปรกตรงไหนเลย มันหอมมากต่างหาก ขอพี่ชิมรสของทิพย์เถอะนะ"
เด็กสาวส่ายหน้า ขืนร่างผมไว้ไม่ยอมให้เลื่อนกลับลงไปเบื้องล่าง
"ทิพย์ ไม่ได้หมายความถึงความสะอาด แต่หีของทิพย์มันผ่านควยสกปรกของผู้ชายมามาก พี่เอไม่ควรลดตัวลงไปสัมผัสมัน ขอให้หีของทิพย์รองรับความรักจากควยพี่เอดีกว่านะ..."
น้ำเสียงทิพย์ วารีบอกความรู้สึกละอายในร่างกายของตนเอง ผมส่ายหน้าช้าๆ ดึงหมอนมาสอดใส่ใต้สะโพกกลมกลึงจนเนินเนื้อแอ่นตัวขึ้นนูนเด่น แล้วและฝืนร่างลงต่ำทั้งที่ทิพย์วารีพยายามดึงรั้งไว้ แต่เมื่อผมฝังใบหน้าเข้ากับเนินเนื้อเต็มๆ ร่างเด็กสาวกลับสะท้านเฮือก สองมือไหล่ผมแน่น เมื่อผมตวัดลิ้นโลมเลียสองแคมอวบอย่างไม่รังเกียจ กรุ่นไอจากร่างกายส่วนลี้ลับของทิพย์วารีไม่มีกลิ่นใดๆ ที่ไม่พึงประสงค์ มีแต่เพียงความหอมของสบู่ที่แสดงถึงการรักษาความสะอาดอย่างดี และกลิ่นคาวน้อยๆของน้ำรักที่หลั่งไหลออกมาจากร่องหลืบภายใน สองแคมสั่นระริกเมื่อลิ้นผมสอดแทรกผ่านเข้าไปและไล้เลียเม้ดเสียวด้านบนจน มันแข็งตัวขึ้นเป็นปุ่ม ร่างกายเด็กสาวบิดส่ายไปมาจนผมต้องกดสะโพกไว้แน่นเพื่อใช้ลิ้นกระตุ้นความ เสียวให้มากยิ่งขึ้น
"``พี่เอ...ยะ ยะ อย่า...ไม่ดี มันสกปรก...มัน อ๊าย....ทิพย์...โอ๊วส์... "
สะโพก อวบของทิพย์วารียกแอ่นขึ้นเหนือหมอนอัดแน่นกับลิ้นผมที่กระตุ้นเม็ดเสียวต่อ เนื่องจนเด็กสาวไปถึงจุดสุดยอด...เล็บจิกที่หัวไหล่ผมเกร็งแน่นจนแทบจะฝัง เข้าไปในกล้ามเนื้อ ผมยกตัวขึ้นทาบทับเรือนร่างที่ยังคงกระตุกจากจุดสุดยอด เคลื่อนแท่งเนื้อที่เกร็งแข็งขนาก6 นิ้วเศษ เข้าไปสู่ภายในร่องหลืบอบอุ่นทันที มันแทรกตัวผ่านความคับแคบภายใน น้ำหล่อลลื่นที่ท่วมทะลักเบิดทางให้มันมุดตัวลงไปฝังความยาวทั้งหมดอย่างไม่ ลำบากนัก ทิพย์วารีสะท้านร่างขึ้นเมื่อรับรู้ถึงการรุกรานของแท่งเนื้อ
" โอว...พี่เอ...มันลึกดีจัง ทิพย์เสียว"
ผมซุกหน้ากับซออกคอไซร้ติ่งหูจนร่างทิพย์วารีสั่นระริก
"หีทิพย์นี่แน่นสุดๆ เลยนะ รัดจนพี่แทบกระเด้าไม่ได้เลย "
"พี่เอบ้า ก็ควยพี่เอใหญ่ขนาดนี้ มันจะไม่คับยังไงได้...หีทิพย์น่ะผ่านผู้ชายมาเยอะมันไม่คับเหมือนสาวๆ หรอก"
ประโยคสุดท้ายของเด็กสาวยังคงบ่งบอกถึงความรู้สึกดูถูกตัวเอง ผมยกร่างขึ้นจ้องตาเด็กสาวตรงๆ
" ทิพย์...จำไว้นะว่าพี่ไม่รังเกียจร่างกายทิพย์เลยแม้แต่น้อย พี่เห็นแต่ความงดงามของร่างกายและจิตใจทิพย์ ไม่ว่าสิ่งใดที่เกิดขึ้นในอดีต นับแต่นี้มันจะไม่มีวันหวลกลับมาอีกแล้ว พี่จะปกป้องทิพย์ตลอดไป สัญญากับพี่นะว่าจะเลิกลงโทษตัวเอง และก้าวต่อไปพร้อมกับพี่.."
น้ำตาหยดใสไหลซึมผ่านหางตาทิพย์วารี เด็กสาวพยักหน้ารับแล้วโน้มคอผมไปประทับจูบอย่างหนักแน่น
" ทิพย์เชื่อพี่เอ ต่อไปนี้ทิพย์จะมีแต่พี่เอเท่านั้น...."
ผม ขยับแก่นกายที่ฝังอยู่มิดในร่างทิพย์วารีขึ้นมาช้าๆ จนแทบพ้นปากทางเข้า เด็กสาวลืมตาโพลงยกสะโพกตามขึ้นมาราวกับไม่ต้องการให้ผมถอนออกไป แต่มันกลับทำให้เกิดแรงกระแทกทันทีที่ผมกดมันกลับลงไปจนสุดอีกครั้ง
" โอ๊วส์ พี่เอ...อย่าเพิ่งแรงนัก ทิพย์ไม่ได้เย็ดมา 5 ปีแล้วนะ..."
ผม หัวเราะเบาๆ แต่ก็ยอมลดความแรงลงเล็กน้อย ผมทาบร่างลงทับแล้วค่อยๆ กระด้าอย่างช้าๆ แรงเสียดสีและดูดรัดของร่างกายเด็กสาวผนึกรอบแท่งเนื้อผมทุกส่วน แม้จะไม่แน่นตึงจนขยับไม่ได้แบบหญิงสาวบริสุทธิ์ แต่มันก็แน่นเกินพอสำหรับสร้างความเสียวในการร่วมรัก เวลาที่ผ่านไปสามารถฟืนฟูร่ายกายของอดีตหญิงงามเมืองที่ถูกทารุณกรรมทาง เพศอย่างหนัก ให้กลับมาอยู่ในสภาพเปล่งปลั่งสมบูรณ์ของวัยสาวได้อย่างสมบูรณ์
" ซี๊ดส์...พี่เอ...เร่งอีกก้ได้ ทิพย์ ไม่เจ็บแล้ว...โอย... "
ผมสอดแขนเข้าใต้แผ่นหลังประคองร่างเด็กสาว ดึงขึ้นมาให้อยู่ในท่านั่ง ทำให้ต้นขาอวบสอดมาโอบเอวผมอย่างอัตโนมัติ
" อุ๊ย พี่เอ...ทำอะไรน่ะ"
"พี่อยากเห็นทิพย์ชัดๆ อยากเห็นทิพย์มีความสุขด้วยตาของพี่เอง"
ผม ตอบพร้อมกระเด้าแท่งเนื้อเข้าออกถี่ยิบ หน้าอกคู่งามแกว่งตัวตามแรกกระแทก สองแขนทิพย์วารีกอดรอบคอผมแน่น แหงนหน้าขึ้นสูดปากด้วยความเสียว ขณะที่ผมก้มหน้าลงชมภาพแท่งเนื้อวิ่งเข้าออกร่องหลืบอวบอิ่มเบื้องล่าง เสียงกระทบหน้าท้องกระทบกันเป็นจังหวะ ลำเนื้อชุ่มไปด้วยน้ำหล่อลื่นเป็นมันระยับวิ่งเข้าออกอย่างไม่รู้จักเหน็ด เหนื่อย ความเสียวกรูขึ้นมาสะสมที่ปลายพร้อมที่จะระเบิดออกทุกขณะ ผมรีบดันร่างทิพย์วารีลงนอนหงายกับพื้นเตียง ยกสองขาขึ้นสูงให้พาดอยู่ในแขนผม เนินเนื้อยิ่งยกตัวสูงอัดแน่นกับการกระเด้า
" พี่เอ...พี่เอ...ทิพย์จะ...จะ ถึงแล้ว ...อ๊าย..ส์....."
ร่าง เด็กสาวกระตุกถี่ยิบ ผมยกแขนขึ้นเพื่ออัดเนินนูนเข้ากับแท่งเนื้อก่อนกระแทกเป็นครั้งสุดท้าย น้ำรักที่ไม่เคยหลั่งออกมากว่า 15 ปี ทะลักเข้าไปภายในร่างกายทิพย์วารีราวน้ำพุ สองแขนผมทิ้งลงปล่อยท่อนขาเด็กสาวลงบนพื้นเตียงพร้อมกับร่างของผมทาบทับ เรือนร่างงามไว้ด้านบน น้ำรักยังคงกระตุกฉีดเข้าไปเป็นระยะ...
" อือ...โอย...พี่เอ...ท่วมไปหมดแล้ว....เอ๊ะ...อะไร"
ทิพย์ วารีร้องอุทานเบาๆ ขณะที่ผมรับรู้ถึงปราณในร่างกายเคลื่อนตัวเข้าสู่ร่างกายทิพย์สารีพร้อมกับ น้ำรัก ร่างกายเด็กสาวดูดรับปราณช้าๆ และเริ่มวนเวียนไปตามแนวทางของปราณคชสีห์ ทั้งที่ผมไม่ได้ควบคุม
" พี่เอ...อะไร มันไหลอยู่ที่ท้องทิพย์ "
" หลับตาซะทิพย์ ทำใจให้สงบ ไม่ต้องกลัวนะ "
ผม รีบปลอบทั้งที่ยังงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ก็เชื่อว่ากระแสปราณจะไม่ก่อให้เกิดอันตรายใดๆ กับเด็กสาวอย่างแน่นอน ทิพย์วารีหลับตาลงตามคำบอกของผม ขณะที่ผมค่อยๆ เคลื่อนปราณเข้าสู่แรงดึงดูดในร่อง หลืบเด็กสาว มันกระจายตัวตามตำแหน่งจักรชีวิตของปราณคชสีห์ แล้วค่อยๆ รวมตัวย้อนกลับมายังร่างกายผมอีกครั้ง ภาพเบื้องหน้าผมพลันเลือนลงปรากฏภาพและความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคยตามเข้าสู่ จิตใจผมอย่างรวดเร็ว มันเป็นภาพของทิพย์วารีในชุดนักเรียนเซ็นต์โยเซฟคอนเวนต์ ที่กำลังถูกกลุ่มชายหนุ่ม กระชากชุดนักเรียนออกจากร่างบนเตียงนอนที่ดูคล้ายโรงแรมม่านรูด เด็กหญิงขัดขืนดิ้นรนอย่างเต็มที่แต่ไม่สามารถต้านทานแรงของชายจำนวนมากที แยกย้ายกันตรึงแขนขาไว้รอบด้าน เด็กหนุ่มคนหนึ่งหัวเราะอย่าลำพองก้าวเข้ามาที่หว่างขาแล้วกดแท่งเนื้อลงมา ในร่องหลืบเปล่งปลั่งที่ปราศจากเส้นขนอย่างไม่ปราณี ผมรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดของเด็กหญิงและความรู้สึกเคียดแค้นชิงชังอย่าง รุนแรง ภาพของเด็กหญิงเปลี่ยนไปเป็นภาพในอาคารซอมซ่อ ชายชราจำนวนมาก เวียวยว่ายมาเสพร่างกายเด็กหญิงต่อเนื่อง จิตใจเด็กหญิงเปลี่ยนเป็นทอดอาลัยในชีวิต

ความทรงจำมหาศาลหลั่งไหล เข้าสู่สมองผมอย่างต่อเนื่อง ภาพชีวิตวัยเด็กของทิพย์วารีที่ถูกครอบครัวตั้งข้อรังเกียจว่าเป็นเด็ก กาลกิณี เนื่องจากเกิดมาพร้อมกับการเสียชีวิตของบิดา ชีวิตที่ถูกดุด่าจากครอบครัวตลอดเวลาจนทำให้เด็กหญิงแสวงหาที่พึ่งทางใจ และถูกเด็กหนุ่มหลอกลวงให้ตกเป็นเหยื่อของขบวนการค้ากาม ทุกสิ่งพุ่งเข้ามาในจิตใจผมพร้อมกับปราณที่ย้อนกลับไปหมุนเวียนในร่างกาย ทิพย์วารีอีกครั้ง
ร่างกายผมและทิพย์วารีผนึกแน่นท่ามกลางความเคลื่อน ไหวของปราณที่ค่อยๆ ช้าลงจนในที่สุดทุกสิ่งก็สงบนิ่ง ผมผ่อนลมมหายใจยาว ลืมตาขึ้นและพบว่าดวงตาเรียวยาวของทิพย์วารีกำลังจับจ้องใบหน้าผมด้วยสายตา งุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
" พี่เอ เกิดอะไรขึ้น ..ทิพย์รู้สึกเหมือนกับเข้าไปอยู่ในชีวิตพี่เอ รับรู้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นแม้กระทั่งความรักที่พี่เอมีให้พี่ริน พี่กิฟท์... "
ผมสั่นศีรษะด้วยความงุนงงเช่นกัน
"พี่ก็ไม่รู้ เหมือนกัน มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน พี่เองก็รับรู้ชีวิตของทิพย์ตั้งแต่เกิด รับรู้ความทุกข์ที่ทิพย์ได้รับทุกอย่าง ราวกับว่าความทรงจำทั้งหมดของทิพย์ถ่ายทอดมาให้พี่ เย็ดจนหนำใจฺห้าสิบเอ็ดครั้งพร้อมกับความทรงจำของพี่ถ่ายทอดไปยังทิพย์"
ทิพย์วารีเบิกตากว้าง แต่สองแก้มแดงระเรื่อ..
"หมายความว่าพี่เอก็รู้ว่าทิพย์คิดอะไรกับพี่เอใช่ไหม..."
ความ ทรงจำของทิพย์วารีแทรกเข้าสู่การรับรู้ของผม ความรักที่เด็กสาวมีให้ผมมาตลอดหลายปีที่ผ่านมาแต่ถูกเก็บไว้ด้วยความละอาย ในอดีตของตนเอง ปรากฏในสมองผมอย่างชัดเจน แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือผมได้รับรู้ว่าร่องรอยบาดแผลในอดีตของทิพย์วารีเลือน หายไปจากผลของการร่วมรักที่ผ่านมา ผมรับรู้ถึงความตั้งใจแน่วแน่ของเด็กสาวที่จะใช้ชีวิตร่วมกับผมตลอดไป ผมยิ้มให้ทิพย์วารีอย่างอ่อนโยน
"แล้วทิพย์รู้ไหมล่ะว่าพี่รู้สึกอย่างไรกับทิพย์"
ใบหน้าหวานใสซุกเข้ากับหน้าอกผมอย่างอายๆ
"ทิพย์รู้ ทิพย์แน่ใจแล้วว่าพี่เอไม่รังเกียจอดีตของทิพย์แม้แต่น้อย ต่อไปนี้ทิพย์จะอยู่เคียงข้างพี่เอตลอดไป เอ๊ะ... "
เด็ก สาวอุทานเบาๆ เมื่อรู้สึกว่าแก่นกายผมที่ยังคงแข็งตัวอยู่ในร่องหลืบเริ่มขยับขึ้นลงอีก ครั้งช้าๆ ทั้งที่เพิ่งหลั่งน้ำรักจำนวนมากออกไป ผมทาบร่างลงกับความอวบอัดนิ่มนวลเบื้องล่างและเริ่มเคลื่อนไหวรับความสุขอีก ครั้ง ทิพย์วารีสูดลมหายใจลึกยาวพร้อมแอ่นเนินนูนขึ้นรับการกระเด้าอย่างเต็มใจ
"พี่เอไม่ต้องยั้งนะ เย็ดทิพย์ตามที่พี่เอต้องการเลย"โอย...พี่เอ...ทิพย์ไม่ไหวแล้ว เกิดอะไรขึ้น ทำไมควยพี่เอถึงแข็งไม่หยุดแบบนี้..."
ทิพย์ วารีส่งเสียงคราญครางเมื่อผมหลั่งน้ำรักครั้งที่สองขณะที่เด็กสาวไต่ไปถึง จุดสุดยอดเป็นครั้งที่หก กล้ามเนื้อในร่องหลืบสั่นระริกรับน้ำรักที่กระฉูดลงไปจนเนืองนองออกมาด้าน นอก แต่แท่งเนื้อยังคงแข็งปั๋งและความรู้สึกต้องการของผมก็ยังคงเกิดขึ้นต่อ เนื่องพร้อมที่จะร่วมรักต่อไปอีก แต่เพียงผมเริ่มกระเด้าอีกครั้งทิพย์วารีก็สั่นหน้าส่งเสียงคราญครางอย่าง หมดแรง
"พี่เอ..ทิพย์รับต่อไปไม่ได้แล้วล่ะ...สงสารทิพย์เถอะ..."

ผม สุดหายใจลึกเพื่อระงับความต้องการที่ยังลุกโพลงในจิตใจ ถอนแท่งเนื้อออกมาช้าๆ จนพ้นจากร่างงามที่นอนหงายอยู่ เผยให้เห็นช่องทางรักบวมแดงจากการเสียดสีกว่าหนึ่งชั่วโมงโดยไม่หยุด น้ำรักไหลย้อนกลับออกมาเป็นสายจนเปรอะเปื้อนที่นอนเป็นวงกว้าง ผมเอนร่างลองนอนเคียงข้างทิพย์วารี ดึงร่างงามมากอดไว้ในท่าตะแคง ก่อนจูบหน้าผากโหนกนูนชื้นเหงื่อเบาๆ..
" พี่ขอโทษนะ..ทิพย์น่ารักจนพี่อดใจไม่ไหวเลย"
ทิพย์วารีส่ายหน้าช้าๆ
"ทิพย์ต่างหากที่ต้องขอโทษพี่เอ ที่ไม่สามารถรับความต้องการพี่เอได้.. พี่เอยังต้องการอีกหรือเปล่า"
ผมลูบไล้แผ่นหลังเรียบลื่นไปมา สัมผัสแรงดีดสะท้อนของแก้มสะโพกด้านหลัง
"พี่ยังต้องการอยู่ แต่ไม่เป็นไรหรอก..ทิพย์พักผ่อนดีกว่า"
ทิพย์วารียันกายออกจากอ้อมแขผม ลุกขึ้นนั่งบนเตียงแล้วบอกผมเบาๆ..
"พี่เอรอทิพย์เดี๋ยวนะ.."
เด็กสาวก้างลงจากเตียง แล้วแต่งตัวอย่างลวกๆ ก่อนขยับร่างออกไปจากห้อง
ผม นอนพิจารณาแก่นกายที่ยังคงแข็งตัวชูชันอย่างแปลกใจ ที่ผ่านมาหลังจากการหลั่งน้ำรัก ผมต้องพักผ่อนระยะหนึ่งจึงจะเริ่มเกมส์รักครั้งใหม่ แต่ครั้งนี้ดูราวกับว่าความต้องการของผมพุ่งพล่านอยู่ภายในร่างกายและต้อง การระบายออกอย่างไม่สิ้นสุด ปราณคชสีห์วนเวียนในร่างกายอย่างไม่ขาดตอนซึ่งเป็นสิ่งที่ผิดกับคำเตือนของ พ่อครุคำแปงอาจารย์ ที่ย้ำเสมอว่าการ่วมรักกับเพศตรงข้ามต้องกระทำในสถานที่ปลอดภัยเนื่องจาก ปราณคชสีห์จะหยุดโคจรชั่วคราวเป็นเวลา 1 ชั่วยามหากมีร่วมรักกับเพศหญิงจนเกิดการหลั่งน้ำกาม เหตุการณ์ณืที่เกิดกับนผมและน้องรินเมื่ออ 15 ปีก่อน คือหลักฐานยืนยันความจริงข้อนี้ เพราะหากปราณคชสีห์ไม่หยุดการโคจรหลังจากที่ผมหลั่งน้ำรักเข้าไปในร่างกาย น้องริน กองคำก็จะไม่สามารถเข้าใกล้มาทำร้ายผมได้
การคิดถึงศัตรู ผู้ทำลายทุกสิ่งของผม ทำให้ผมระลึกได้ถึงเหตุการณ์ร่วมรักระหว่างผมกับแก้วคำ และการถ่ายเทปราณจักรวาลที่กองคำเพราะสร้างในร่างกายเด็กหญิงเพื่อเตรียมมอบ ให้ "ท่านผู้นั้น" แต่ผมกลับเป็นผู้ทำลายพรหรมจรรย์ของแก้วคำและรับปราณจักรวาลที่ผมไม่รู้จัก ไว้แทน ภาพความร้อนเร่าทางเพศของแก้วคำอันเกิดจากปราณจักรวาล ทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่าบางทีการร่วมเพศครั้งแรกในรอบ 15 หลังการร่วมรักกับแก้วคำ อาจเป็นการปลุกกกระแสปราณจักรวาลในร่างกายผมขึ้นมา และนี่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการซึมซับและถ่ายเทความทรงจำระหว่างผมกับ ทิพย์วารี แต่ผู้ที่จะให้ความกระจ่างผมได้ก็มีเพียงกองคำ ที่ถูกผมสังหารไปแล้ว กับพ่อครูคำแปงอาจารย์ผมเท่านั้น แต่ผมก็ไม่มีหวังที่จะได้พบพ่อครูคำแปงอีกต่อไป เพราะพ่อครูได้เสียชีวิตพร้อมคุณพ่อคุณแม่ผมในเหตุการณ์เครื่องบินตกที่ จ.ภูเก็ตเมื่อ 5 ปีก่อน
"พี่เอ...ทิพย์มาแล้ว"
เสียงทิพย์ วารีดังขึ้นปลุกผมจากห้วงความคิด ผมเงยหน้าขึ้นจากแท่งเนื้อชูชัน ตามเสียงเรียก แต่ก็ต้องรีบคว้าผ้าห่มมาปกคลุมท่อนล่างทันที เมื่อพบว่าทิพย์วารีจูงร่างเด็กหญิงผมสั้นในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นเข้ามา ในห้องนอนของผมพร้อมกัน
"น้องพิม...ทิพย์"
ทิพย์วารีหัวเราะ อย่างเบิกบานใจ พาร่างน้องพิมมาสั่งบนเตียงข้งๆ ผม เด็กหญฺงก้มหน้างุดแต่สองแก้มแดงจัด ซึ่งผมแน่ใจว่าเกิดจากการเห็นแท่งเนื้อของผมอย่างเต็มตาก่อนที่ผมจะทันนำผ้า ห่มมาคลุมไว้
"ทิพย์พาน้องพิมมาช่วยพี่เอ...พี่เอยังต้องการอยู่ไม่ใช่หรือ"
" อะ อะ อะไรกัน...ทิพย์..พี่... "
ผม ได้แต่ตกตะลึงพูดจาตะกุกตะกักไม่เป็นภาษา ทิพย์วารีโน้มตัวมากอดผมไว้กระซิบข้างหู แต่ในระดับเสียงที่ผมรู้ดีว่าน้องพิมที่ยังคงนั่งก้มหน้าอยู่ข้างๆ ต้องได้ยินแน่นอน
"พี่เอลืมไปแล้วหรือว่า ทิพย์รับรู้ความรู้สึกทุกอย่างของพี่เอแล้ว พี่เอคิดยังไงกับน้องพิมทิพย์ก็รู้ และที่สำคัญ น้องพิมก็ตั้งใจที่จะเป็นเมียพี่เออยู่แล้ว"
ในสมองผมปรากฏภาพน้อง พิมคุยกับทิพย์วารีที่ห้องของเด็กหญิง ความทรงจำของทิพย์วารีที่ถ่ายทอดมาให้ผม ทำให้ผมรับรู้ว่าทั้งสองได้คุยกันเรื่องที่น้องพิมจะมาอยู่ที่บ้าน และน้องพิมได้ขอให้ทิพย์วารีบอกให้ผมรับน้องพิมไว้เป็นภรรยาด้วยร่างกาย มิใช่การบอกคนภายนอกตามที่ผมสั่งไว้เท่านั้น ในความทรงจำของทิพย์วารี น้องพิมพร่ำบอกถึงบุญคุณที่ผมมีต่อเด็กหญิง และความต้องการที่จะตอบแทนผมด้วยร่างกายของตนเอง ซึ่งเมื่อมันปรากฏในสมองผม ทำให้แก่นกายใต้ผ้าห่มที่อ่อนตัวลงจากความตกใจเมื่อครู่กลับผงาดขึ้นอีก ครั้ง พร้อมกับภาพเรือนร่างเปลือยเปล่าอวบอัดของน้องพิมที่ผมเคยสัมผัสเมื่อเดือน ที่ผ่านมา ทรวงอกอวบเกินวัยและเนื้อหยังเต่งตึงซึ่งก่อนหน้านี้ผมเคยมองดูด้วยความ สงสาร กลับปรากฏมาเป็นภาพกระตุ้นอารมรณ์รักของผมอย่างรุนแรง ผมมองเรือนร่างอวบของเด็กหญิงที่ก้มหน้าอยู่ด้วยความรู้สึกที่เปลี่ยนไป เสื้อยืดสีขาวบางๆ บนร่างน้องพิม ทำให้เห็นเฟิร์สบราไร้สายที่ห่อหุ้มทรวงอกอวบกลมไว้ภายใน กางเกงขาสั้นที่เปิดเผยลำขาอวบอัดสมบูรณ์ของวัยสาว เมื่ออยู่ในท่านั่งทำให้เป้ากางเกงอัดแน่นเข้ากับเนินนูนเด็กหญิงจนเป็น รูปร่างกลมนูน ยิ่งทำให้อารมรณ์ผมกระเจิดกระเจิงมากขึ้น
"เอ้อ...พี่...น้องพิม...จะ.."
ผมยังคงตะกุกตะกัก แต่ทิพย์วารีกลับลุกขึ้นจากเตียง ดึงร่างน้องพิมมานั่งชิดผม ก่อนหันหลังเดินออกจากห้องพร้อมส่งเสียง
"ไม่รู้ล่ะ พี่เอตัดสินใจเองก็แล้วกัน พิมพ์โดยเย็ดจนหีบวมแล้ว ไปนอนดีกว่า... "
น้ำ เสียของเด็กสาวที่ออกไปจากห้องดูสดชื่นและร่าเริงผิดกับ "`นังทิพย์" ที่ผมรู้จัก อากัปรกริยาที่เปลี่ยนไปเป็นเด็กสาวสดใส ทำให้ผมต้องยิ้มออกมา แต่ความสนใจผมก็ต้องกลับมาอยู่ที่ร่างเด็กหญิงด้านข้าง เมื่อน้องพิมเอื้อมมือมากุมมือผมที่อยู่นอกผ้าห่มเอาไว้
"น้าเอ...พิมต้องทำอย่างไรบ้าง... "
เสียง เด็กหญิงที่สั่นระริก ทำให้ผมเชยคางที่ก้มอยู่ขึ้นมาสบตา ใบหน้าที่ผมได้พิจารณาอย่างละเอียดเป็นครั้งแรก เป็นใบหน้ากลมของเด็กหญิงวัย 12 ที่สบตาผมด้วยดวงตากลมโตสุกใส หางตาชี้ขึ้นเล็กน้อยทำให้ดูโฉบเฉี่ยวตัดกับใบหน้าอ่อนเยาว์อย่างน่าสนใจ แว่นสายตาพลาสติคสีแดงที่คล้ายกับแว่นกับน้องริน เพิ่มความน่าสนใจและทำให้เป็นใบหน้าของเด็กนักเรียนที่รักการเรียน มากกว่าจะเป็นเด็กหญิงที่กำลังเตรียมมอบร่างกายให้ผู้ชายคนแรกในชีวิต แต่ก็กลับเป็นความขัดแย้งที่กระตุ้นอารมณ์รักของผู้ชายทุกคนได้อย่างง่ายดาย
"น้องพิมแน่ใจหรือ..."
ผมพยายามระงับความรู้สึกทางเพศที่กำลังปะทุ ถามด้วยเสียงแผ่วเบา น้องพิมสบตาผมแน่วนิ่ง

" ถ้าพี่เอไม่รังเกียจพิม พิมพร้อมจะให้พี่เอทุกอย่าง ขอเพียงแต่พี่เออย่าทิ้งพิมเท่านั้น พิมไม่มีที่พึ่งอีกแล้ว"
ผมดึงร่างอวบอัดเข้ามากอดในวงแขน
"ถ้า น้องพิมเพียงต้องการตอบแทนน้าที่ช่วยน้องพิมไว้ ก็อย่าฝืนใจตัวเองเลยนะ น้าไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทนจากน้องพิมทั้งนั้น และน้าก็จะไม่ละทิ้งการดูแลน้องพิมแน่นอน จนกว่าน้องพิมจะพบผู้ชายที่ดีพอที่จะใช้ชีวิตร่วมกันไปตลอด "
น้องพิมก้มหน้าหลบสายตาผม เสียงสั่นเครือแผ่วเบาดังขึ้น
" น้าเอรังเกียจพิมใช่ไหม... พิมคงไม่สวยพอสำหรับน้าเอ"
ผมกระชับวงแขนให้แน่นขึ้น
"น้า ไม่เคยรังเกียจพิมเลย พิมเป็นเด็กผู้หญิงที่น่ารักที่สุด ถ้าพิมถามน้าตรงๆ น้าก็ขอบอกว่าน้าต้องการพิม แต่น้าจะไม่มีวันบังคับให้พิมต้องทำอะไรที่ฝืนใจตัวเองเด็ดขาด"
น้องพิมเงยหน้าขึ้น ดึงมือที่กุมมือผมดึงขึ้นและนำมาวางไว้ที่หน้าอกเต่งตรงตำแหน่งหัวใจ
"พิม อาจจะเด็กเกินไป แต่พิมรู้ว่าพิมต้องการอะไร ตั้งแต่วันที่น้าเอช่วยพิมจากพวกนั้น พิมพ์ก็รู้แล้วว่าพิมได้พบคนที่ดีที่สุดสำหรับพิมแล้ว ขอเพียงพี่เอไม่รังเกียจพิมเท่านั้น พิมพร้อมที่จะเป็นของน้าเอแม้ว่าน้าเอจะไม่รักพิมก็ตาม"
ความรู้สึก ตื้นตันพลั่งพรูขึ้นมาในใจผม เด็กหญิงเบื้องหน้าแม้จะมีอายุเพียง 12 ปี แต่การทำงานหนักและหน้าที่รับผิดชอบเกินตัว ทำให้ความคิดของเด็กหญิงดูราวกับเด็กสาวเต็มตัว ที่กำลังต้องการความรักจากเพศตรงข้าม สัมผัสที่นุ่มนวลเต่งตึงของหน้าอกวัยสาวภายใต้ฝ่ามือผม สะท้อนความรู้สึกอบอุ่นที่เกิดขึ้นในหัวใจผมบอกให้รู้ว่าผมควรตัดสินใจอย่าง ไร
"ปัญหาคือ....น้าก็รักน้องพิมนี่สิ จะทำยังไงดีนะ"
ผมพูด โดยพยายามเปลี่ยนอามรณ์ให้สดชื่นขึ้น เพื่อปลุกน้องพิมจากอารมณ์เศร้าให้กลับมาเป็นเด็กหญิง ที่สดใสอย่างที่ควรเป็น ร่างน้องพิมสะท้านกับคำพูดผม เงยหน้าขึ้นสบตาผมอย่างไม่เชื่อหู
" น้าเอ...น้าเอรักพิม... "
เสียงเด็กหญิงทวนคำ ก่อนโถมร่างอวบอัดเข้ามาในอ้อมแขน ผมหัวเราะเบาๆ จับคางน้อยๆ สั่นเพื่อยกใบหน้าขึ้นมาสบตาผมอย่างเอ็นดู
"ก็รักนะสิ...ทำยังไงดีล่ะ.. "
น้องพิมยิ้มออกมา ทั้งน้ำตา...ขณะที่ผมดันร่างน้อยให้ออกห่างจากตัว แล้วเอื้อมมือไปยังชายเสื้อยืดที่เอวน้องพิมเพื่อดึงมันขึ้นช้าๆ
"น้าเอ...จะ..จะ.."
" น้าขอดูน้องพิมให้เต็มตานะ...ไม่ต้องอายหรอก.."
น้อง พิมสูดหายใจลึก แต่ไม่ขัดขืนเมื่อผมยกชายเสื้อพ้นออกจากศีรษะ หน้าอกอวบเด็กหญิงที่ห่อหุ้มด้วยเฟริรศบราสีเนื้อปรากฏอยู่ตรงหน้า ผมดึงร่างน้องพิมให้ลงจากเตียงมายืนอยู่ตรงหน้า โดยไม่สนใจว่าผ้าห่มที่คลุมแก่นกายผมเลื่อนหล่นไปด้านข้างทำให้มันเป็นอิสระ และชูชันเต็มสายตาเด็กหญิง มือผมปลดกระดุมกางเกงขาสั้นแล้วรูดซิบไปจนสุดราง ปล่อยให้แรงโน้มถ่วงดึงดูดกางเกงตัวน้อยลงไปกองกับปลายขา ร่างขาวโพลนของเด็กหญิงวัย 12 ที่มีเพียงบราและกางเกงในลายการ์ตูนกระต่าย สว่างจ้าอยู่หน้าผมราวกับจะส่งประกายออกมาด้วยตนเอง
ควมอวบอัดของน้อง พิมเปิดเผยตัวเองอย่างเต็มที่ หน้าอกเต่งคู่งามอัดแน่นอยู่ใต้บราเนื้อบาง ที่มองผ่านทะลุเห็นยอดอกสีชมพูเข้มได้รางๆ ปุ่มนูนน้อยๆ ที่ดันตัวเองออกเป็นรูปร่างบนเนื้อผ้าบอกให้รู้ว่าอามรณ์เด็กหญิงกำลังเริ่ม รับรู้ประสบการณ์ความรักครั้งแรก ลานหน้าท้องราบเรียบผายออกตามความกว้างของสะโพกอวบกลมที่มีกางเกงในน่ารักปก ปิดจุดสำคัญที่สุดของเด็กหญิงไว้ ผมต้องกลืนน้ำลายเมือนึกถึงสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใต้ ภาพเนินนูนอวบอิ่มที่เคยเห็นเมื่อเดือนที่ผ่านมาปรากฏขึ้นในความทรงจำ สายตาผมไล่ลงมาที่ลำขาอวบที่แน่นไปด้วยเนื้อหนังจนไม่ปรากฏช่องว่างใดๆ ระหว่างกลาง เรือนร่างเกือบเปลือยของเด็กหญิงสั่นน้อยๆ เมื่อรับรู้ว่าผมกำลังใช้สายตาจับจ้องร่างกายที่เปล่งปลั่งสมบูรณ์ จนสีแดงเริ่มแผ่ซ่านไปทั่วร่าง ยิ่งขับเน้นผิวกายขาวผ่องของเด็กหญิงให้เห็นสีชมพูอ่อนๆ ทั่วร่าง
" พะ พิมต้องถอดออกไหมน้าเอ.... "
เสียง แผ่วเบาดังขึ้นปลุกผมจากความงามเบื้องหน้า ผมพยักหน้าอย่างไม่รู้ตัว ขณะที่น้องพิมเริ่มดึงบราตัวน้อยออกจากศีรษะ แล้วก้มตัวลงเกี่ยวของกางเกงในไล่ลงไปทางปลายเท้า ร่างเปลือยเปล่าของเด็กหญิงก้าวออกจากวงกางเกงในขยับมายืนอยู่ตรงหน้าผม
หน้า อกตูมเต่งขนาดผลแอปเปิลสองลูก ตระหง่านอยู่ตรงระดับสายตาผมที่กำลังนั่ง ป้านสีชมพูเล็กๆประดับบนยอดอกที่มีหัวนมคู่น้อยสีชมพูเข้มตั้งอยู่กึ่งกลาง หน้าอกงามทั้งคู่ขยับขึ้นลงตามจังหวะการหายใจถี่ๆ ของเด็กหญิง สายตาผมเลื่อนลงไปจับจ้องเนินนูนที่ตระหง่านอยู่เบื้องล่าง ลมหายใจชะงักกึกกับภาพสองแคมเปล่งปลั่งโดดเด่นโดยปราศจากเส้นขนแม้แต่เส้น เดียวมาปกคลุม มีเพียงไรขนบางๆ ที่เหนือเนินนูนตรงตำแหน่งเม็ดเสียว ช่องทางเข้าสู่ภายในปิดสนิทไร้ช่องว่าง ประกบกันเป็นพูอิ่มอวบด้วยขนาดที่เบียดคับหน้าขา ขนาดของมันน่าจะเป็นของหญิงสาววัยรุ่นอายุ 17-18 มากกว่าจะปรากฏอยู่บนเรือนร่างของเด็กหญิงอายุเพียง 12 ปีตรงหน้าผม
ผม เอื้อมมือไปลูบไล้สะโพกอวบอิ่มเบื้องหน้าอย่างลืมตัว ผิวกายน้องพิมสั่นระริกเมื่อถูกสัมผัส แต่เด็กหญิงยังคงยืนนิ่งให้ผมเลื่อนไล้มือไปตามผิวกายนุ่มนวลโดยไม่ขัดขืน
" น้องพิม.....งดงามเหลือเกิน..."
ผม ครางแล้วฉุดร่างน้อยเข้ามาในอ้อมกอดออกมาอย่าลืมตัว จนน้องพิมล้มตัวลงมาบนร่างผม ใบหน้ากลมน่ารักของน้องพิมมาลอยอยู่ตรงหน้า ดวงตาหลับพริ้ม สองแก้มแดงเปล่งปลั่ง ริมฝีปากเผยอออกเล็กน้อย เป้นภาพที่ทำมให้ผมไม่สมารถยับยั้งใจได้อีกต่อไป ริมฝีปากผมประทับแนบแน่นกับความเย้ายวนของริมฝีปาดอวบอิ่มเบื้องหน้า น้องพิมสะท้านเฮือกกับรสจูบแรกในชีวิต สองแขนกอดรอบคอผมไว้ด้วยสัญชาติญาณ ก่อนเผยอริมฝีปากรับการดุนดันของลิ้นผมผ่านไร้ฟันไปยังลิ้นน้อยๆ หอมกรุ่นที่รอคอยอยู่ภายใน เพียงสัมผัสปลายเบาๆ ลิ้นก็ถดถอยเข้าไปอย่างตกใจ แต่กลับค่อยๆ กลับขึ้นมาแตะลิ้นผมอย่างกลัวๆ กล้าๆ และเมื่อได้รับรสหวานชื่นของการสัมผัสมันก็กลับเริ่มเกี่ยวพันกับลิ้นผม อย่างเต็มใจ พร้อมกับร่างเปลือยอวบอิ่มที่เริ่มบิดส่ายไปมาบนร่างผม หน้าอกขาดใหญ่เกินตัวถูกเจ้าของอัดร่างเข้าเบียดหน้าอกผมจนแนบแน่น จนผู้รับรู้ได้ถึงความครัดเคร่งและหัวนมที่กำลังชูชันเป็นก้อนแข็ง เพียงผมส่ายร่างให้เกิดการเสียดสีมากขึ้นร่างน้อยในอ้อมแขนก็ยิ่งเพิ่มแรง เบียดอัดเข้ามาจนแทบจะหลอมกลืนเป็นเนื้อเดียว
สองแขนเด็กหญิงเริ่ม เปลี่ยนจากการโอบรอบคอผม มาเป็นการลูบไล้แผ่นหลังผมไปมา เมื่อมือผมเคลื่อนตัวไปตามแผ่นหลังเนียนนุ่มจนถึงสะโพก นิ้วผมสอดผ่านร่องก้นลงไปช้าๆ เพื่อวกกลับขึ้นมาด้านหน้า และทาบนิ้วลงกับปากทางเข้าสู่ความสาวของเด็กหญิง ผมสัมผัสได้ถึงความชุ่มชื้นที่นองเนืองออกมาจากร่องหลืบ และเมื่อผมเริ่มถูนิ้วที่วางทาบระหว่าวงสองแคมอวบช้าๆ น้องพิมก็สะดุ้งเฮือก ถอนปากจากการจูบส่งเสียงครางกระเส่า
"นะ น้าเอ...มัน..มัน พิมเป็นอะไรไม่รู้ อย่าไปถูตรงนั้น...อ๊าวส์...มันจี๊ดๆๆ "
ปลาย นิ้วผมวางอยู่เหนือปุ่มเล็กๆ เหนือร่องหลืบเด็กหญิง สัมผัสความแข็งตัวจนรู้สึกได้ เพียงผมไล้ปลายนิ้วคลึงวนเป็นวงอย่างช้าๆ น้องพิมก็อุทานลั่น
" อูวส์....น้าเอ...มันจี๊ดๆ แล้ว พอก่อน อย่าคลึงตรงนั้น...."
ปาก น้อยๆ ของเด็กหญิงอ้ากว้าง ก่อนกัดหัวไหล่ผมอย่างแรง เมื่อผมยังไม่ยอมหยุดการเคล้นคลึง สะโพกน้อยๆ สั่นเป็นวงอย่างบ้าคลั่งจนผมต้องพลิกร่างน้องพิมให้อยู่ในท่านอนหงายเพื่อ ใช้นำหนักตัวผมกดทับท่อนล่างของเด็กหญิงเอาไว้ ท่านี้ทำให้ผมต้องเปลี่ยนมือจากการสัมผัสด้านหลังกลับมากุมเนินนูนอวบทาง ด้านหน้า ความอูมอิ่มและขนาดที่เต็มอุ้งมือของเนินนูนทำเอาผมต้องสูดลมหายใจลึกเพื่อ ระงับความต้องการที่จะนำแท่งเนื้อประจำตัวเข้าไปสัมผัสคุณภาพความเป็นหญิง ของน้องริน ผมต้องการให้น้องพิมไปถึงจุดสุดยอดครั้งแรกโดยปราศจากความเจ็บปวดเพื่อ เตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับการร่วมรักอย่างเต็มรูปแบบต่อไป
ขณะ ที่นิ้วผมยังคงคลึงเคล้นติ่งเสียวจนร่างงามบิดส่าย ผมค่อยๆ ลดร่างลงไปฝังใบหน้ากับหน้าอกอวบเพื่อสัมผัสความนุ่มหยุ่นของหน้าอกอวบของ น้องพิม ริมฝีปากผมฉกวูบเม้มเม็ดหัวนมน้อยๆ ข้างหนึ่งเอาไว้ในปาก แล้วใช้ลิ้นกดอัดปลายยอดของมันไปมา พร้อมกับมืออีกข้างที่ว่างจากการโมจตีเนินนูนหน้าขา ก็บี้คลึงหัวนมอีกเม็ดพร้อมกัน.
" น้าเอ....พะ พอ ก่อน...พิม...ซี๊ดส์.....โอ๊ย ตายแล้ว...พิม...อ๊าวส์... "
สะโพก อวบอิ่มของน้องพิมกระตุกเป็นจังหวะกระดอนขึ้นลงถี่ยิบ เป้นสัญญานวาสเด็กหญิงไปถึงจุดหมายวัยสาวเป็นครั้งแรกแล้ว ผมรีบผละจากหน้าอกด้านบนเคลื่อนตัวลงไปยังสะโพกที่ยังคงสั่นระริก แล้วฉกริมฝีปากไปลิ้มรสหอมหวานของน้ำรักแรกน้องพิม ที่กำลังทะลักทะลายออกมาจากร่องหลืบ ลิ้นผมสัมผัสความหอมระรื่นที่แทบปราศจากกลิ่นคาว มันหอมหวานราวกับน้ำทิพย์ ผมดูดซับทุกหยาดหยอดพร้อมใช้ลิ้นเลียไล้ไปตามของสองแคมนูนเด่นที่ไม่มีเส้น ขนใดๆ มารบกวนสายตา ความนุ่เต่งตึงของสองแคมที่ปกป้องช่องทางรักยิ่งทำให้ผมแน่ใจว่ามันจะบีบรัด แก่นกายของผมอย่างเต็มที่ยามสอดใส่ ลิ้นผมสอดแทรกลึกลงไประหว่างสองแคมกวาดเลียน้ำทิพย์ที่ยังหลงเหลือย่างชื่น ใจ ....
ร่างที่เริ่มผ่อนคลายจากความเสียวของน้องพิม กลับสั่นระริกอีกครั้ง เมื่อผมโลมเลียเนินเนื้องดงามไปมา สองแขนน้องพิมกุมศีรษะผมแน่นราวกับจะดึงมันขึ้น แต่แล้วก็กลับกดอัดให้ใบหน้าผมแนบเนินนูนต่อไป ทำให้ปลายจมูกผมกลับกดคลึงตรงตำแหน่งเม็ดเสียวหนักขึ้นตามตัว น้องพิมบิดส่ายร่างไปมาจนสะโพกแทบหลุดจากการเกาะกุม
"น้าเอ พอก่อน...ขอพิมพักบ้าง เมื่อกี้พิมแทบขาด จะ...ใจ...อ๊ะ ...โอ๊วส์ อย่า...อย่า.."
น้อง พิมร้องเสียงหลง เมื่อผมถอนปากจากการโลมไล้เนินนูนแล้วค่อยๆ สอดนิ้วกลางลงระหว่างสองแคมที่บีบกระชับ มัเคลื่อนเข้าไปช้าๆ สัมผัสกระชับแน่นของพื้นผิวภายในที่พยายามต้านทานการรุกรานอย่างเต็มที่ แต่มันก็ยังคงจมลงไปได้จากความลื่นของน้ำรักที่เนืองนองอยู่ภายในร่องหลืบ ผมเคลื่อนร่างกลับขึ้นทาบทับร่างเปลือยนวลเนียนเอาไว้ กระซิบที่ที่ข้างใบหูน้องพิมเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากการุกรานเบื้องล่าง
" น้องพิมรู้สึกอย่างไร...มีความสุขไหม..."
น้องพิมพยักหน้ารับอย่างอายๆ
" ทีแรกพิมเสียวจนนึกว่าจะฉี่ออกมาแล้ว แต่มันกลับเสียวจนถึงที่สุดยังกับพิมลอยขึ้นไปบนฟ้าแล้วตกลงมาทันที นี่ใช่ไหมน้าเอที่เขาเรียกว่าเย็ด....."
ผมหัวเราะเบาๆ .. ค่อยๆ สอดนิ้วลงไปลึกอีกเล็กน้อย..
"ยัง หรอก เมื่อกี้น้องพิมเสียวถึงจุดสุดยอดน่ะ ... น้าต้องเอาควยนี่ใส่เข้าไปในหีน้องพิมก่อนถึงจะเรียกว่าเย็ด มันจะเจ็บนิดหน่อยแต่เสียวกว่านี้อีกหลายเท่า ........."
ผมดึงมือน้องพิมให้เลื่อนไปกุมแก่นกายแข็งปั๋งเอาไว้ น้องพิมลืมตาโพลงเมื่อสัมผัสขนาดของมัน
" มันใหญ่จังเลยน้าเอ..."
เด็ก หญิงอุทานออกมา แต่ยังคงกุมแท่งเนื้อเอาไว้แน่น ผมสอดนิ้วลงไปในร่องหลืบทีละน้อยระหว่างที่น้องพิมผงกหัวขึ้นจับจ้องแท่ง เนื้อในมือ
" ไม่ใหญ่เกินที่น้องพิมจะรับไว้หรอกรับรอง"
ผม กระซิบเบาๆ นิ้วยังคงจมลงไปผ่านจุดที่ควรเป็นเยื่อพรหมจรรย์โดยไม่สิ่งใดกีดขวาง ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมคาดไว้แล้วตั้งแต่เห็นน้องพิมใช้จักรยานเป็นพาหนะไปกลับ ตลอดเวลา เยื่อสาวที่บอบบางย่อมไม่สามารถต้านทานแรงกระแทกนั้นได้ แต่ก็เป็นการดีสำหรับการร่วมรักครั้งแรกเพราะจะเป็นการลดความเจ็บปวดที่เกิด ขึ้นจากการแทรกแท่งเนื้อเข้าสู่ร่างกาย
" อูย..น้าเอ..เบาๆ หน่อยนะ พิมเจ็บ...."
น้องพิมร้องออกมาเบาๆ เมื่อรับรู้ว่านิ้วผมกำลังเคลื่อนลงไปเรื่อยๆ
" หีน้องพิมทั้งอวบทั้งแน่นเลยรู้ไหม.."
ผมกระซิบเบาๆ น้องพิมหน้าแดงยกมือขึ้นทุบหลังผมหนักๆ
"น้าเอนี่พูดหยาบคาย....พิมอายนะ...อู๊ยส์ ...น้าเอมันเข้าไปลึกจัง.."
น้องพิมครางออกมาเมื่อนิ้วกลางผมแทรกเข้าไปจนสุดความยาว
" น้องพิมยังเจ็บไหม.. "
"มันเจ็บแปลบๆ น่ะน้าเอ..แต่ก็เสียว"
ผม เคลื่อนนิ้วขึ้นมาช้าๆ แล้วกดกลับลงไป โดยเพิ่มระยะทางทีละน้อย สะโพกอวบของน้องพิมเริ่มบิดรับการเคลื่อนไหวของนิ้ว ผมก้มลงจูบน้องพิมแนบแน่น เด็กหญิงหลับตาลงพร้อมกับกอดร่างผมไว้และแลกลิ้นกับผมอย่างลืมตัว ขณะที่นิ้วผมเพิ่มระยะได้ยาวขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นการกระเด้านิ้วเข้าสู่ร่องหลืบอย่างเต็มที่ โดยที่สะโพกน้องรินกระด้งรับนิ้วต่อเนื่อง...
"ผมพลิกสะโพกน้องพิม ที่ยังคงกระเด้งรับนิ้วให้อยู่ในท่าตะแคง ถอนนิ้วออกจากร่องหลืบ เพื่อยกขาอวบขึ้นสูงมาเกี่ยวที่เอวผม ทำให้แท่งเนื้อผมจ่ออยู่กับปากทางเข้าสู่ความเป็นสาว ผมค่อยๆกดหัวบานของแท่งเนื้อลงระหว่างสองแคมที่ชุ่มน้ำรัก กระเด้าขึ้นลงสั้นๆ ให้ส่วนหัวค่อยๆ แหวกสองกลีบเข้าไปช้าๆ ขณะที่น้องพิมยังคงกระเด้งสะโพกรับ ทำให้ส่วนหัวค่อยเพิ่มระยะทางเข้าไปเรื่อยๆ โดยที่น้องพิมยังคงปล่อยอารมณ์ไปกับการจูบที่ร้อนแรง และการลูบไล้หน้าอกคู่งามจนร่างงามสั่นระริก

น้ำรักน้องพิมไหลออก มาชุ่มโชกจนปากทางเข้าเปียกลื่น ผมตัดสินใจกดแท่งเนื้ออย่างแรงจนส่วนปลายจมวูบลงไปในร่องหลืบ ผมรู้สึกได้ถึงสองแคมที่แยกออกตึงเปรี๊ยะบีบรัดหัวของแท่งเนื้อราวกับจะผลัก ดันมันออกมา น้องพิมสะดุ้งเฮือก
"โอ๊ย...น้าเอ...อะ อะไร พิมเจ็บ...มันฉีกแล้ว....เอาออกไปก่อน...."
ผมหยุดการเคลือ่นไหว แช่แท่งเนื้อไว้ในระดับเดิม ก่อนกระซิบปลอบเด็กหญิง
" เจ็บมากไหมน้องพิม...ไม่เป็นไรแล้วมันผ่านเข้าไปได้แล้ว เดี๋ยวก็หายเจ็บทนหน่อยนะ เมียของน้า"
น้องพิมเบิกตากลมโตที่มีน้ำตาเอ่อริ้น ขึ้นสบตาผม
"พิมเป็นเมียน้าเอแล้วหรือ..."
ผมหัวเราะเบาๆ เพื่อสร้างความรู้สึกผ่อนคลายให้เด็กหญิงที่กำลังสูญเสียความสาว
"เป็นแล้วสิ ควยน้าเข้าไปในหีน้องพิมแล้ว น้องพิมเป็นเมียน้าจริงๆ แล้วนะ"
น้องพิมยิ้มออกมาทั้งน้ำตา
"พิมดีใจ...พิมเป็นเมียน้าเอแล้ว น้าเอต้องรักพิมให้มากๆ นะ"
ผมขยับแท่งเนื้อเล็กน้อยเพื่อผ่อนแรงบีบรัด
" น้าจะรักน้องพิมตลอดไป ไม่มีใครรังแกน้องพิมได้อีกแล้ว"
น้องพิมโน้มศีรษะขึ้นมาจูบผม
" พิมก็จะเป็นของน้าเอคนเดียว อูย...น้าเอ..ค่อยๆ ก่อนนะ พิมยังเจ็บอยู่เลย"
เด็ก หญิงครางออกมาเมื่อรับรู้ว่าแก่นกายของผมกำลังพยายามหาทางลงไปให้ถึงจุดหมาย ผมรีบประทับจูบเด็กหญิงอีกครั้งเพื่อหันเหความสนใจ จนน้องพิมเริ่มจูบตอบอีกครั้ง มือผมลูบไล้ผ่านแผ่นหลังไปยังสะโพกบีบเคล้นความเต่งตึงไปมา พร้อมกับส่ายหน้าอกเสียดสีกับเต้านมที่อัดแน่นกับหน้าอกผม เสียงครางในลำคอของเด็กหญิงบอกให้รู้ว่ารสสัมผัสนั้นกำลังกระตุ้นอารมณ์รัก ให้พุ่งทะยานขึ้น ผมค่อยๆ ส่ายสะโพกเป็นวงกลมเล็กๆ เพื่อเบิกทางเข้าที่คับแคบ น้ำหล่อลื่นที่เริ่มไหลออกมาอีกครั้งช่วยให้ลำลึงค์เสียดสีเม็ดเสียวเหนือ ร่องรักไปมา ใบหน้าเด็กหญิงแดงก่ำ สะโพกน้อยๆ เริ่มเคลื่อนไหวรับการสอดใส่ ผมค่อยๆ กดแก่นกายท่อนยางผ่านความรัดรึงลงไปทีละน้อย สัมผัสความรู้สึกที่มันฉีกผ่านริ้วกล้ามเนื้อภายในลงไปช้าๆ น้องพิมผงะใบหน้าออกจจากการจูบเมื่อรับรู้ถึงการเคลื่อนตัวดำดิ่งเข้าไปใน ร่างกาย
"อ๊ะ...อะ อ๊า...โอย...น้าเอ....พิมเจ็บ..."
"น้องพิมอดทนอีกนิดนะ...."
ผม ปลอบเด็กหญิงอย่างอ่อนโยนแต่ยังไม่หยุดการทะลวงผ่านกลีบเนื้อภายในลงไป น้องพิมัดฟันแน่นแต่ยังคงพยักหน้าเป็นสัญญานให้ผมรุกต่อโดยไม่ยับยั้ง แท่งเนื้อยาวเหยียดกดอัดเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่มันจะฝังความยาวทั้งหมดไว้ ภายใน
"โอ๊ย...น้าเอ สงสารพิมเถอะ...พอก่อน..."
เสียงเด็กหญิงสั่นสะท้าน น้าตาเอ่อออกมาจนเปียกท่อนแขนผม
"มันเข้าไปหมดแล้วล่ะน้องพิม...หีน้องพิมรับไว้ได้ทั้งหมดเลยนะ เห็นไหม..."

ผม ดันร่างเด็กหญิงออกเล็กน้อยในท่าตะแคง เพื่อให้ก้มผ่านไปดูภาพแท่งเนื้อผมที่ฝังอยู่ภายในร่องหลืบ ก่นอดึงออกมาช้าๆ ภาพแท่งเนื้อที่เป็นมันปลาบจากน้ำรักและริ้วรอยเลือดจางๆ ทำให้น้องพิมเบิกตากว้าง
" เลือดออกด้วย...จิ๋มพิมฉีกแน่ๆ เลย...อ๊าวส์ "
เด็กหญิงพึมพำออกมาเทื่อเห็นคราบเลือด แต่ก็ต้องกลับแหงนหน้าครางลั่นเมื่อผมดันแท่งเนือ้กลับเข้าสู่ความอบอุ่นคับแน่นภายในอีกครั้ง
" ครั้งแรกก็ต้องมีเลือดออกเป็นธรรมดา น้องพิมไม่ต้องกลัวนะ...ต่อจากนี้ไปน้องพิมจะมีแต่ความสุขเท่านั้น ....น้องพิมยังเจ็บอยู่ไหม"
ผมปลอบและถามอย่างห่วงใย น้องพิมก้มหน้าอายๆ แต่สองแขนกระหวัดเข้าโอบร่างผมไว้
" เจ็บอยู่น้าเอ แต่ไม่มากแล้วมันชาๆ มากกว่า น้าเอทำต่อเถอะ..."
ผมเชยคางกลมมนของเด็กหญิงขึ้นสบตาแล้วยิ้มให้
" งั้นน้าเริ่มละนะ.."
น้อง พิมพยักหน้ารับเบาๆ ซุกหน้าเข้ากับอกผม ขณะที่ผมค่อยๆ เพิ่มแรงกระเด้าร่องรักทีละน้อย เสียงลมหายใจเด็กหญิงดังแรงขึ้นเป็นจังหวะ สองแขนกอดร่างผมไว้แน่นขณะที่ร่างอวบอิ่มไหวระริกไปตามแรงกระแทกเบื้องล่าง น้ำหล่อลื่นจำนวนมากเอ่อซึมมาอำนวยความสะดวกจนแท่งเนื้อของผมสามารถวิ่งผลุบ เข้าออกร่องหลืบที่แสนคับแคบเบื้องหน้าได้เต็มที่ ความรัดรึงของมันที่บีบกระชับทุกส่วนของท่อนลำบีบเคล้นจนน้ำรักผมวิ่งพรูกัน มารออยู่ที่ส่วนปลายพร้อมที่จะระเบิดออกทุกขณะ.. ผมสุดลมหายใจลึกก่อนพลิกร่างอวบอิ่มมาอยู่ในท่านอนหงาย สองขาอวบแยกออกกว้าง สองมือเด็กหญิงเกร็งจิกผ้าปูที่นอนแน่น ใบหน้าน่ารักบิดส่ายไปมาบนหมอน ส่งเสียงครางกระเส่า
"น้าเอ...น้าเอ...พิม..พิม...มะ ไม่ไหวแล้ว "
ร่าง น้อยกระตุกถี่ยิบพร้อมกับการขมิบภายในร่องรักที่กระหน่ำท่อนเนื้อผมทุกด้าน ผมยันร่างขึ้นแอ่นท่อนลำไปข้างหน้า ก่อนกระเด้าหนักครั้งสุดท้าย น้ำรักทั้งหมดพรั่งพรูเข้าไปยังมดลูกเด็กหญิง จนสะโพกน้องพิมกระดอนขึ้นลงเป็นจังหวะ ทันใดนั้นสิ่งที่เกิดหลังการร่วมรักของผมกับทิพย์วารีที่ผ่านมาก้กลับเกิด อีกครั้งระหว่างที่น้ำรักผมกำลังฉีดใส่มอลูกน้องพิมเป็นระลอก
ปราณ ของผมถ่ายเทไปกับน้ำรักพร้อมสัมผัสรอบด้านที่เลือนหายไป ผมรู้สึกถึงการแทรกจิตวิญญาณเข้าไปสู่ร่างน้องพิมและซึมซับความทรงจำทั้งหมด ของเด็กหญิงเอาไว้ ภาพจำนวนมากผ่านจิตใจผมราวกับภาพยนต์ที่เร่งความเร็วสูง แต่ผมก็ยังคงรับรู้ประสบการณ์ชีวิตทั้งหมดของน้องพิมได้ราวกับเกิดขึ้นกับ ตัวผมเอง
ปราณวนเวียนในร่างน้องพิมครู่ใหญ่ แล้วเริ่มรวมศูนย์กลับมายังอวัยวะเพศเด็กหญิงก่อนถ่ายเทกลับมาสู่ร่างผม พร้อมกับประสาทสัมผัสที่กลับคืนมาอีกครั้ง ร่างผมทาบทับน้องพิมแน่นสนิท เด็กหญิงหลับตาพริ้ม ใบหน้าแสดงอารมณ์ที่แตกต่างกันไปมา บางครั้งก็ดูราวกับจะยิ้ม แต่ก็กลับเป็นเศร้าเสียใจในเวลาต่อมา ครู่ใหญ่ใบหน้านั้นก็หยุดการเปลี่ยนแปลง พร้อมกับดวงตากลมโตที่เปิดขึ้นสบตากับผม
"น้าเอ...พิมเห็นทุกอย่าง...นี่เกิดอะไรขึ้น เวลาคนเราเย้ดกันจะต้องเป็นแบบนี้หรือน้าเอ.."
ผมยิ้มให้เด็กหญิงแล้วส่ายหน้าช้าๆ..

" อย่าถามน้าเลย เพราะน้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ก่อนหน้านี้น้าก็เย็ดกับทิพย์แล้วเกิดแบบเดียวกัน..แต่น้ากลับดีใจนะเพราะ น้าได้รู้ว่าน้องพิมรักน้าจริงๆ ไม่ใช่เพียงแต่ต้องการตอบแทนบุญคุณน้าเท่านั้น"
น้องพิมยกมือขึ้นลูลบล้ใบหน้าผมอย่างนุ่มนวล
"พิม ก็ดีใจ ที่ได้รับรู้ว่าน้าเอก็รักและต้องการพิม ไม่ใช่แต่สงสารพิมเท่านั้น แต่พิมก็สงสารน้าเอเรื่องน้าริน และน้ากิฟท์ พิมไม่เคยรู้เลยว่าน้าเอผ่านชีวิตที่ทรมานถึงขนาดนั้น...เอ๊ะ.."
ดวงตากลมโตที่สบตาผมเบิกกว้างขึ้น จับจ้องใบหน้าผมด้วยความงุนงง
"มีอะไรหรือน้องพิม "
" พิมตาฝาดไปหรือเปล่า แต่ทำไมรู้สึกว่า น้าเอหน้าตาเปลี่ยนไป"
คราวนี้กลับเป็นผมที่เป็นงุนงงบ้าง
" เปลี่ยนไปยังไหรือน้องพิม "
" พิมอธิบายไม่ถูก แต่ดูเหมือนว่าหน้าพี่เอจะไม่มีริ้วรอยที่พิมเคยเห็น รอยแผลเป็นที่แก้มก็ไม่มี หรือพิมจำผิดไป"
ผม ยกมือขึ้นลูบแก้มซ้ายซึ่งเคยมีรอยแผลเป็นยาวจากคมมีดในการต่อสู้กับแก๊งค์ เก้ายอดที่สวนลุมพินี แน่กลับสัมผัสถูกความเรียบลื่นของผิวหน้า ที่ผมเองยังแปลกใจเพราะมันเป็นผิวที่ยืดหยุ่นนุ่มนวลราวกับใบหน้าเด็กหนุ่ม มากกว่าที่จะเป็นผิวของผุ้ที่ผ่านประสบการณ์ต่อสู้ในวงการนอกกฎหมายมาอย่าง โชกโชนเช่นผม
"น้าเอดูเป็นหนุ่มขึ้นมากเลย ผิวก็ขาวขึ้น"
น้อง พิมจับจ้องและลูบไล้ใบหน้าผมอย่างแปลกใจ ทำให้ผมตัดสินใจช้อนร่างน้องพิมขึ้นมาในวงแขนและอุ่มไว้ด้านหน้าทั้งที่แก่น กายผมยังคงฝังแน่นอยู่ในร่างกายเด็กหญิง
" อุ๊ย...น้าเอ...ทำอะไรน่ะ..."
ผม ไม่ตอบแต่เดินตรงไปที่กระจกบานใหญ่ ภาพในกระจกสะท้อนร่างเปลือยเปล่าขาวโพลงของน้องพิม ที่อยู่ในวงแขนด้นหน้าผม แต่เมื่อผมพิจารณาใบหน้าจของตนเองกลับต้องอุทานออกมาด้วยความแปลกใจ เพราะแม้มันจะเป็นใบหน้าของผมอย่างปฏิเสธไม่ได้ แต่มันกลับไร้ริ้วรอยของกาลเวลาปรากฏ มันกลับเป็นใบหน้าของชายหนุ่มเต็มวัยอายุประมาณ 20 ปีเศษ แทนที่จะเป็นชายอายุ 35 อย่างที่ควรเป็น
"นี่เกิดอะไรขึ้น..."
ผมนิ่งงั้นชั่วขณะแล้วพึมพำออกมาด้วยความงุนงง
" น้าเอ...ขอพิมลงก่อนเถอะ.. "
เสียง เด็กหญิงในอ้อมแขนปลุกผมให้รู้ตัว ผมรีบเดินกลับมายังเตียงเพื่อปล่อยให้ร่างน้องพิมนอนลงบนเตียงก่อนถอนแท่ง เนื้อออกจากร่องรักเด็กหญิงช้าๆ
" อูย...แสบไปหมดเลยน้าเอ.."
น้อง พิมบ่นเบาๆ เมื่อแท่งเนื้อหลุดพ้นร่องหลืบน้อย น้ำรักของผมไหลย้อนกลับเอ่อตามามาเป็นสายผสมคราบเลือดเป็นริ้วสีชมพูจางๆ ผมก้มลงจูบหน้าผากกลมกว้างของน้องพิมเบาๆ
"น้องพิมมีความสุขไหม..."

น้องพิมพยักหน้ารับอย่างอายๆ

" พิมมีความสุขที่สุด...น้าเอล่ะ"

ผมหัวเราะเบาๆ ก้มลงช้อนร่างเปลือยน้องพิมขึ้นมาในวงแขน ก่อนอุ้มขึ้นพาเดินตรงไปยังประตู

" อุ๊ย..น้าเอ..จะไปไหน พิมแก้ผ้าอยู่นะ..เดี่ญวพี่ทิพย์เห็น"
" น้าจะพาน้องพิมไปนอนพักผ่อนไง นอนที่นี่ไม่ได้หรอกผ้าปูที่นอนเปียกไปหมดแล้ว"

น้อง พิมก้มหน้าลงอย่างอายๆ แต่ไม่ขัดขืนเมื่อผมพาเดินออกจากห้อง แต่ก็กลับอุทานออกมาเมื่อเห็นว่าผมตรงไปยังประตูห้องที่อยู่ตรงข้ามซึ่งเปิด อ้าอยู่

"น้าเอ..นั่นห้องพี่ทิพย์ ไม่ใช่ห้องพิม"

ผมยิ้มให้เด็กหญิง แต่ ยังคงตรงเข้าไปในห้องทิพย์วารี

"ไม่เอานะน้าเอ..ว๊ายพี่ทิพย์...อย่ามองนะ"

ร่าง เปลือยขาวโพลนของทิพย์วารีที่นั่งอยู่หน้ากระจกแต่งตัวหันกลับมาเมื่อรับรู้ ว่ามีผู้เข้ามาในห้อง เด็กสาวอุทานอย่างยินดีเมื่อเห็นผมอุ้มน้องพิมที่เปลือยเปล่าเข้ามาในห้อง

"น้องพิมเสร็จพี่เอไปแล้วหรือ... เป็นไงบ้าง โอ้โฮ...หีบวมเหมือนพี่เลย นี่พี่เอคงเย็ดไม่ยั้งแน่ๆ ใช่ไหม"

สองแขนน้องพิมกอดผมแน่น พยายามเบียดร่างเข้ากับผมเพื่อซ่อนสายตาทิพย์วารี

"ไม่เอาแล้ว พี่พิมพ์...ทิพย์อายนะ"

ทิพย์ วารีหัวเราะเสียงสดใส หันกลับมาสบตาผม แต่ดวงตาเด็กสาวกลับเบิกกว้างเช่นเดียวกันกับผมที่เห็นความเปลี่ยนแปลงมที่ เกิดขึ้นกับทิพย์วารี

ใบหน้ารูปไข่ของเด็กสาวปราฏการเปลี่ยนแปลงเช่น เดียวกับที่เกิดขึ้นกับผม ริ้วรอยบนใบหน้าที่เกิดจากประสบการณ์ที่ทารุณในอดีต ดูจะสลายหายไปอย่างสิ้นเชิง ความเปล่งปลั่งของวัยสาวปร่ากฎขึ้นแทนที่อย่างชัดเจน ดวงตาที่จับจ้องผมอยู่เป็นประกายสุกใส ริมฝีปากอิ่มเป็นสีชมพูระเรื่อ ผมเลื่อนสายตาจับจ้องร่างกายเปลือยเปล่าของทิพย์วารี ผิวกายเด็กสาวดูขาวขึ้นจนแทบเปล่งประกาย หน้าอกตูมตั้งของเด็กสาวดูเต่งตึงขึ้นจนรู้สึกได้ด้วยสายตา เนินนูนหน้าขาก็เช่นกัน มันดูราวกับจะเพิ่มความอวบอิ่มและสดใสราวกับไม่เคยผ่านการร่วมรัก ขณะเดียวกับทิพย์วารีก็จับจ้องใบหน้าผมด้วยสายตาแปลกใจ

"พี่เอ..พี่เอดูเหมือนจะเปลี่ยนไป ..เหมือนกับจะหนุ่มขึ้นมากในทันที"

เสียงเด็กสาวเอ่ยขึ้นอย่างไม่แน่ใจ

" ทิพย์ก็เหมือนกัน...รู้สึกตัวไหม"

ผมถามทิพย์วารี เพื่อคลายข้อสงสัย เด็กสาวพยักหน้า

"เมื่อ ครู่นี้ ทิพย์ก็นั่งดูตัวเองในกระจก.. ทีแรกทิพย์ก็ไม่แน่ใจ แต่เมื่อพี่เอบอกอย่างนี้ทิพย์ก็รู้ว่าสายตาและความรู้สึกทิพย์ไม่ได้ผิด ปกติ ทิพย์อธิบายไม่ถูก แต่มันเหมือนกับว่าเคยมีภูเขาลุกหนึ่งกดทับอยู่แต่ตอตนรี้ทั้งหมดมันหายไป ทุกสิ่งดูแจ่มใสและงดงามไปหมด.. นี่มันเกิดอะไรขึ้น"

ผมวางร่างน้องพิมนั่งบนเตียง แล้วดึงร่างทิพย์วารีลงมานั่งขนาบข้างผม เพื่อโอบแขนรอบสตรีทั้งสองผู้เป็นเมียผมอย่างสมบูรณ์เอาไว้

"พี่ เองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าจะให้เดาพี่เชื่อว่าน่าจะเป็นผลของการถ่ายเทปราณของพี่กับทิพยืและน้อง พิม แต่อย่างไรและทำไมพี่ตอบไม่ได้ แจ่ไม่ว่ายังไงมันก็ไม่เกิดผลเสียหายกับร่างกายของพวกเรา มีแต่จะดีขึ้น ดังนั้ยอย่างไปคิดถึงหรือกังวลกับมันเลยนะ"

" ปราณคชสีห์ ปราณจักรวาล"

เสียง ทิพย์วารีและน้องพิมพึมพำขึ้นพร้อมกัน แต่ผมไม่แปลกใจที่ทั้งสองรู้จักชื่อของปราณที่ไหลวนเวียนในร่างกาย เพราะทราบดีประสบการณ์และความทรงจำทั้งหมดของผมถูกถ่ายเทไว้ในจิตใจของทั้ง สอง เช่นเดียวกับที่ผมรับเอาไว้ ทำให้บัดนี้ผมและเมียรักทั้งสองเท่ากับเป็นคนๆ เดียวกันโดยปราศจากความลับทุกเรื่อง

"น้าเอรับรู้ชีวิตของพี่ทิพย์ แต่ทำไมพิมไม่ได้รับรู้ล่ะ ทั้งที่พี่เอถ่ายทอ

tetete


peddo

งดมาสิบห้าปี พอเอาทีพี่ไม่ยั้งเลยนะครับ สนุกซายซึ้งครับ ขอบคุณครับ

suriyamahajit


devilzoa

เหมือนว่าเนื้อหาจะขาดหายไปนะครับตั้งแต่ตอนที่แล้ว แล้วตอนนี้ก็ด้วย
ขอบคุณที่นำมาแบ่งปันครับ

oak31092


dwarf

ขอบคุณครับ....มีความรู้สึกอยากฟังปราณแบบนี้มั่งจัง

panther

ไม่ได้ปลดปล่อยมา15ปี พอปล่อยออกมาก็ทำให้ดูเด็กลง มันมาจากความรักหรือเปล่า ไม่ใช่แค่ลมปราณ