ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

squeeze - เจิน (รีไรต์ แนวปัญหาครอบครัว)

เริ่มโดย footswitch, มกราคม 25, 2018, 12:02:23 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

footswitch

*ภาพบุคคลและสถานที่ไม่เกี่ยวพันใดๆกับเนื้อหาครับ*

...........................................................

ผมกับเจิน เราแต่งงานกันค่อนข้างเร็วครับเจินเรียนจบยังไม่ถึงปีเราก็แต่งงานกันแล้ว บ้านของเจินกับบ้านของผมทำธุรกิจเกี่ยวกับเบเกอรี่ร่วมกัน พ่อของเจินเค้าจะรับสืบทอดสูตรขนมขายดีจากบรรพบุรุษของเค้ามาส่วนบ้านผมก็จะมีหน้าที่ทำตลาดส่งสินค้าวางขายไปทั่วประเทศ สองสามปีหลังนี้มีวางขายในร้านสะดวกซื้อด้วย

แม่บอกว่าพ่อผมกับพ่อเจินมองตากันไปมาก็ไม่รู้ว่าใครจะโกงใคร สองคนนี้เค้ารู้จักเป็นเพื่อนซี๊กันตั้งแต่เด็กแต่ว่าพอเรื่องเงินๆทองๆกลับไม่ไว้วางใจกันเป็นอย่างนี้มานาน จนเมื่อเจินเรียนจบพ่อผมก็เลยตัดวงจรความไม่ไว้วางใจสู่ขอดองกันให้สิ้นเรื่องสิ้นราวเป็นทองแผ่นเดียวกันไปซะเลย เพราะต่างฝ่ายก็ต่างมีลูกคนเดียวถึงจะโกงกันไปโกงกันมายังไงก็ไปตกอยู่กับลูกของทั้งคู่อยู่ดี

ตอนนั้นผมเรียนจบมาสามปีกว่าทำงานในบริษัทเกี่ยวกับเน็ตเวิร์คแห่งหนึ่ง สาเหตุที่ไม่ทำกับที่บ้านเพราะผมกับพ่อไม่ค่อยจะลงรอยอะไรกันเท่าไหร่ต่างคนต่างทำงานของตัวเองไปนั่นล่ะดี แต่ผมก็ไม่ทิ้งยังมองๆศึกษาให้รู้ไว้เพราะยังไงวันนึงก็ต้องรับช่วงมาทำต่อ แต่แล้ววันนั้นก็มาเร็วกว่าที่คิด

วันเกิดลูกสาวของผมครบหนึ่งขวบพ่อผมจองห้องในภัตตาคารแห่งหนึ่งไว้เชิญญาติใกล้ชิดและเชิญบ้านเจินมาด้วยสองครอบครัวรวมกันนับได้สิบกว่าคน พอทุกคนช่วยกันร้องเพลงอวยพรวันเกิดให้ลูกชายผมเสร็จเป่าเทียนเรียบร้อยเป็นอันเสร็จพิธียู่ดีๆพ่อผมก็ประกาศพูดเสียงดังๆว่าเค้ายกกิจการให้ผมทำต่อส่วนตัวเค้าจะขอๆไปอยู่บ้านเลี้ยงหลานเล่นกับหลาน

พอได้ยินแบบนั้นพ่อเจินเค้าก็บ้าจี้อะไรไม่รู้ประกาศตามว่าเค้าก็จะรีไทร์เหมือนกันยกโรงงานให้ลูกสาว เราสองคนก็เลยต้องลาออกจากงานประจำที่ทำกันอยู่โดยปริยายเพื่อมาดูแลกิจการที่ครอบครัวพร้อมใจกันยกให้ตั้งแต่ยังไม่สามสิบด้วยกันทั้งคู่



ระหว่างผมกับเจินถึงแม้มันจะไม่ใช่การคลุมถุงชนเสียทีเดียวเพราะต่างคนก็ต่างเคยเห็นหน้ากันมาตั้งแต่เด็ก เจินในมุมมองของผมตอนนั้นเธอเป็นคนที่หยิ่งมากแต่ก็น่ารักมากด้วย ผมยอมไปเจอพ่อที่โรงงานหลังเลิกเรียนก็เพราะจะได้ไปทำเป็นเดินจุ๊ยผ่านไปผ่านมาให้เจินเห็น ปกติเธอจะทำการบ้านอยู่แต่ในออฟฟิศซึ่งก็ไม่ค่อยได้ผลอะไรครับเพราะไม่เห็นว่าเธอจะมีทีท่าเงยหน้ามามองหรือสนใจผมแต่อย่างใด

อย่างที่บอกว่าผมไม่ค่อยจะถูกกับพ่อตัวเองซักเท่าไหร่ยิ่งพอรู้ว่าจะต้องแลกอิสรภาพของวัยเริ่มทำงานเพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางธุรกิจของพ่อก็ไม่ค่อยจะสบอารมณ์เพราะมันน่าจะหมดสมัยจับลูกให้มาแต่งงานกันแบบนี้แล้ว แต่อาจเพราะพ่อกับแม่ผมแต่งงานกันเร็วแต่สิบแปดสิบเก้าส่วนทางบ้านเจินหนักหน่อยคือซินแสจับคู่ให้

การที่ผมกับเจินจะขัดขืนนั้นดูจะเป็นไปได้ไม่ง่ายนัก เธอก็เปิดใจว่าเธอไม่ชอบบ้านผมที่ค้าขายเอาเปรียบบ้านเธอและอีกหลายๆเรื่อง ถึงว่าทำไมเจินถึงดูหยิ่งกับผมนัก แต่ที่สุดแล้วเจินก็เลือกที่จะยอมเข้าใจว่าคงขัดที่บ้านไม่ได้ เจินขอให้ผมรู้ไว้ว่าผมจะได้เธอไปแค่ร่างกาย เธอต้องทุกข์ทรมานใจมากมายแค่ไหนสังเกตุจากน้ำตาที่หลั่งไหลผมก็ไม่มีอะไรจะพูด พลอยเซ็งๆไปด้วยเหมือนกัน

ตอนแรกผมก็นึกว่าเจินจะหยิ่งเฉพาะกับผมแค่นั้นแต่เมื่อได้มาอยู่ในชายคาเดียวกันทุกวันผมก็พบว่าเธอหยิ่งแทบจะกับทุกคน เรียกว่าตั้งแต่ยามหน้าหมู่บ้านเข้ามาเลยก็ได้ซึ่งแม่ผมบอกว่าเป็นลักษณะนิสัยของพ่อเธอ แม่ผมก็ใจเย็นไปกระแซะคุยด้วยเรื่อยๆ แม่บอกว่าเจินก็ไม่เห็นจะมีอะไรกิริยามารยาทก็เรียบร้อยดีส่วนพ่อผมนี่ไม่ต้องพูดถึงคือเจินไม่คุยกับท่านเลย

เราต่างคนต่างรับสืบทอดกิจการของครอบครัวมาเต็มตัวเต็มมือ ผมสังเกตุว่าระหว่างผมกับเจินเหมือนจะยิ่งห่างหมางเมินกันมากขึ้นยิ่งเรื่องเซ็กซ์นี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ก่อนที่เราจะมีลูกก็อาจมีบ้างที่ผมกรึ่มๆดื่มกับลูกน้องที่โรงงานแล้วกลับบ้านมาลงกับเจินที่บ้าน แต่พอเจินรู้ว่าตั้งท้องเธอก็ไม่ยอมให้ผมยุ่งด้วยอีกเลยทั้งๆที่หมอรับฝากครรภ์ก็เคยอธิบายท่าทางที่สามารถมีอะไรกันได้แต่เธอก็ไม่ยอม

หลังจากคลอดทีนี้หนักเลยครับเพราะแม่ของเจินมาอยู่ช่วยเลี้ยงด้วย เจินแยกห้องไปนอนกับแม่และลูกเพราะผมเคยขับรถเกือบลงข้างทางดันไปง่วงเอาตอนกลางวันเพราะต้องตื่นตอนดึกๆเนื่องจากลูกร้อง



เล่ามาสักพักแล้วก็เหมือนเขียนมาปรึกษาปัญหาชีวิตแต่ก็เป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้วลองเอามาเล่าเผื่อว่าใครที่มีปัญหาใกล้เคียงกันอ่านแล้วอาจพอมีไอเดียทางออกทางแก้ไขขยับปรับเปลี่ยน จริงๆคนสองคนมันก็เหมือนฟันเฟืองสองอันที่หมุนส่งกำลังทำงานร่วมกันช่วงแรกๆก็อาจยังไม่ลงล็อคสบเหลี่ยมมุมกันเสียทีเดียวลองสังเกตุไขน้อตปรับมุมเสียใหม่อาจราบเรียบเป็นจังหวะสอดคล้องกันมากขึ้น ทุกปัญหามีทางออกครับถ้าเราอดทนมีกำลังใจเพียงพอบางทีเวลาก็พาทางออกมาให้เอง

แต่เรื่องที่จะเล่าในช่วงเวลานั้นผมกลับไม่ได้คิดแบบนี้นะครับ ตอนนั้นมีแว้บๆบ้างในห้วงความคิดขนาดว่าอยากจะขอแยกทางต่างคนต่างไปเลยทีเดียว ช่วงหลังที่เจินแยกไปนอนกับลูกอีกห้องผมอยู่คนเดียวในห้องก็จะเล่นคอมพ์เล่นเน็ตอะไรไปเรื่อยครับ เหมือนเด็กเพิ่งเคยเล่นเว็บโป๊กว่าจะได้นอนก็เที่ยงคืนช่วยตัวเองเสร็จแล้วก็หลับจนเป็นธนนมเนียมปฏิบัติ


วันนึงเจินบ่นกับผมเรื่องกองกระดาษทิชชู่ที่ผมหมกๆไว้แถวโต้ะคอมพ์ในห้องตอนที่เธอเจอตอนเข้าไปทำความสะอาด ผมคิดว่าเจินรู้ว่ามันคืออะไรส่วนผมอายมากครับเกิดมายังไม่เคยรู้สึกอายอะไรขนาดนี้ คิดว่าเจินคงเอาไปคุยกับแม่เพราะอีกคืนนึงผมเดาว่าแม่ของเธงคงไล่ให้เธอกลับมานอนกับผมที่ห้องเหมือนเดิม

แต่ตอนนั้นในความรู้สึกของผมคือมันกลายเป็นรำคาญไปแล้วเพราะนอนคนเดียวมาตั้งหลายเดือน ดูเว็บโป๊ชักว่าวเสร็จแล้วก็นอนได้สบายใจกลับกลายมาต้องเกร็งๆเห็นผมเล่นคอมพ์ดึกๆเจินก็บ่นจนผมตัดรำคาญเลิกเล่น

ตอนนั้นผมติดเว็บพวกแอบถ่ายมาก มันเป็นอะไรแบบที่เปิดโลกใบใหม่จำได้ว่าเป็บพวกคลิปแอบถ่ายในห้องน้ำร้านกาแฟแห่งหนึ่งซึ่งผมเสียเงินเป็นสมาชิกหลายๆเว็บรวมกันก็หลายพันอยู่ ผมจมดิ่งลงลึกถึงขนาดสั่งเจ้ากล้องจิ๋วแอบถ่ายนี่มาเก็บไว้ในลิ้นชักโต้ะทำงานว่างๆก็หยิบมาดูคิดอะไรเพลินๆไปเรื่อย

ตามหมายกำหนดการบริษัทขายน้ำหวานจะมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขายที่หน้าร้านขายปลีก จำได้ว่าตอนที่มากันครั้งที่แล้วจะมีพริ้ตตี้สวยๆมาด้วยสองสามคนและเจ้าของผลิตภัณฑ์ชื่อพี่จูน อายุอานามน่าจะสามสิบต้นๆ ยังสวยรูปร่างดีผิวขาวแบบสาวหมวยผมตรงยาว 

ผมแอบมองพี่จูนมานานตั้งแต่สมัยที่เธอเป็นสาวแต่งตัวขมุกขมอมพาลูกตัวเล็กขับรถมาส่งของเองเป็นซิงเกิ้ลมัมทำมาหากินตั้งแต่อายุยังไม่ถึงยี่สิบ กิจการขายส่งหัวน้ำหวานเข้มข้นก็ดีขึ้นเรื่อยๆไม่ถึงสิบปีก็สามารถเป็นตัวแทนสั่งนำเข้ายี่ห้อดีๆจากต่างประเทศมาขายได้

แต่พอกิจการไปได้ดีพี่จูนก็หายหน้าไปกลายเป็นลูกน้องมาส่งของแทนอยู่นานหลายปี จนกระทั่งปีที่แล้วที่พี่จูนกลับมาที่ร้านอีกครั้งพร้อมทีมถ่ายวิดีโอโปรโมทสินค้าเพื่อถ่ายทำการจัดกิจกรรมพิเศษในฐานะเจ้าของแบรนด์ เธอกลายเป็นสาวเซ็กซี่ในชุดแซ็กสั้นรัดทรงสเน่ห์ของสาวรุ่นใหญ่เบิกบานเต็มที่จนพ่อผมยังเอ่ยปากชม ปีนี้โทรคุยกันแล้วพี่จูนก็ว่าจะมาด้วยตัวเองเหมือนเดิม



ผมเอากล้องจิ๋วที่ซื้อมาดองอยู่ในลิ้นชักโต้ะขึ้นมาวางโทรบอกเจินว่าจะกลับดึกอยู่เคลียร์งานที่ร้าน พอลูกจ้างกลับหมดแล้วลองเอาเจ้ากล้องจิ๋วเดินเข้าห้องน้ำของร้านไปวางมุมโน้นมุมนี้ส่วนอีกตัวนึงก็หามุมแอบวางในห้องที่จัดไว้ให้พวกพริ้ตตี้แต่งตัว

แค่วางกล้องเปลี่ยนมุมโน้นมุมนี้ผมก็ตื่นเต้นน้ำแทบจะแตกเล่าอย่างไม่อายเลยว่าผมนั่งชักว่าวกับสัญญาณภาพห้องน้ำและห้องแต่งตัวเปล่าๆที่ทดลองดูผ่านโทรศัพท์ หลับตานึกแล้วก็นึกไปว่าจะมีใครมาใช้ห้องน้ำและห้องแต่งตัวบ้างพริ้ตตี้สวยๆรูปร่างดีๆพวกนั้นไม่รอดผมแน่ๆเผลอๆฟลุ๊คๆอาจมีพี่จูนสามสิบยังแจ๋วขวัญใจผมผ่านเข้ามากล้องด้วย

แต่สุดท้ายก่อนจะเช้าผมก็เก็บอุปกรณ์ทั้งหมดเข้าลิ้นชักที่เดิมครับ ถ้าคิดว่าไม่พร้อมที่จะเผชิญกับความผิดพลาดนอกเหนือการควบคุมผมว่าอย่าริเลยดีกว่า คงคล้ายๆคนที่ไม่กล้ามีปืนในบ้านเพราะไม่ไว้ใจตัวเอง ไหนจะพ่อแม่ผมไหนจะทางบ้านเมียไหนจะลูกค้าคนรู้จักโอ้ยสารพัดเหตุผลที่จะมั่นใจได้ว่าคงสนุกไม่คุ้มค่าเสี่ยง

คิดได้แบบนั้นก็กลับบ้านไปนอนตัวแข็งๆมืดๆเพราะบอกกับเจินไว้ว่าจะไม่เล่นคอมพ์ส่วนเจินก็ยังคงแสดงทีท่ารังเกียจผมจากวีรเวรวีรกรรมกองกระดาษทิชชู่ใช้แล้วแห้งกรัง แค่พูดยังไม่พูดด้วยจะให้สะกิดชวนออกกำลังยามดึกนี่ไม่ต้องฝัน

นี่คือสัปดาห์นรกอย่างแท้จริงครับ กับแม่เจินผมก็อายเพราะคิดว่าท่านคงรู้เรื่องกองกระดาษทิชชู่ กับเจินนี่เหมือนคนไม่รู้จักไม่พูดจากันมาเป็นชาติ หลังจากงานจัดกิจกรรมของพี่จูนผ่านไปผมก็ต้องขึ้นไปเชียงใหม่เพื่อเจรจาวางสินค้าใหม่อีกสองวัน

คืนก่อนวันงานผมนอนไม่หลับเลยครับในหัวสมองวนเวียนคิดถึงโอกาสทองที่กำลังจะผ่านเลยไปในวันพรุ่งนี้ เพราะว่าใจไม่ถึงจะเปลี่ยนใจออกไปร้านตอนนี้ก็ขี้เกียจหาเรื่องโกหกพยายามข่มตาให้หลับได้ยินเสียงกรนเบาๆของเจินคล้ายๆกับทุกคืนที่ผมมักจะหลับทีหลัง




เห็นข้อความส่งมาเตือนทางโทรศัพท์เรื่องคลิปใหม่ๆที่เว็บส่งให้สมาชิกตั้งแต่ตอนเย็นแล้วตามด้วยข้อความกำชับให้รีบโหลดเพราะโดนกดดันหนักจากการปราบปรามเว็บอนาจารของเจ้าหน้าที่ก็ยิ่งร้อนใจ ผสมกับความเสียดายเรื่องที่จะมีสาวสวยมาแก้ผ้าให้ดูถึงในสถานที่ของเราเองก็ตบะแตกทนไม่ไหวลุกขึ้นหยิบทิชชู่เปิดคอมพ์จัดมุมไม่ให้แสงไฟจากจอคอมพ์สว่างเข้าตาเจินตรวจสอบว่าปิดเสียงเรียบร้อย เปิดดูตัวอย่างแล้วก็เลือกกดโหลดทีเดียวเป็นไฟล์ใหญ่ๆนั่งรอด้วยใจระทึกมองไปรอบๆมีแต่แสงสว่างจากจอทำให้ไม่เห็นอะไรในความมืดเลยนอกจากไฟสีเขียวของเครื่องปรับอากาศ 

นั่งคลำอาวุธสั้นประจำกายของตัวเองไปด้วยหลังจากที่ไม่ได้ชักว่าวมาหลายคืนโหลดเสร็จก็รีบเปิดดูมือก็สาวเจ้าหนอนน้อยที่ตอนนี้แข็งอยู่ในกำมือรูดขึ้นลงอย่างคุ้นเคยใกล้จะถึงจุดหมายก็หยิบทิชชู่มารองรอไว้ไม่ให้เลอะเทอะ

   "ทำอะไรอ่ะ" เจินยันตัวขึ้นมานั่งมองเห็นใบหน้าหยิ่งๆในความมืดสลัว
   "เห้ย..!! เปล่า ไม่ได้ทำอะไร"

ผมรีบใส่กางเกงลุกถือเจ้าก้อนกระดาษหลักฐานไปเข้าห้องน้ำแล้วก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ปิดหน้าจอคอมพ์ รีบเดินกลับมาก็เป็นอย่างที่กลัวครับคือเจินนั่งอยู่หน้าจอกำลังดูภาพแอบถ่ายภายในห้องน้ำหญิง ผมเห็นแสงกระทบใบหน้าของเจินชุ่มด้วยน้ำตาหล่นค่อยๆหล่นจนพร่างพรูลงมาเป็นสาย เจินเปิดปากวิ่งอ้อมตัวไม่มองหน้าผมกลับไปนอนที่ห้องแม่ ผมยืนนิ่งอยู่กับที่ในความมืดมองภาพคลิปที่ตอนนี้ค้างนิ่งๆอยู่กับภาพห้องน้ำเปล่าๆ





ตื่นเช้าทั้งๆที่ไม่รู้ว่ากี่โมงยามถึงจะข่มตาให้หลับลงไปได้เพราะเสียงสตาร์ทรถไม่รู้ว่าเจินออกไปไหนตั้งแต่ยังไม่เจ็ดโมง เธอไม่เปิดโอกาสให้ผมอธิบายซึ่งถึงจะมีโอกาสนั้นผมก็ไม่รู้จะอธิบายกับเธออย่างไรอยู่ดีถึงจะพ้นข้อหาไอ้โรคจิต ตัดสินใจหลับตานอนต่อตั้งปลุกกะตื่นมาจะโทรบอกที่ออฟฟิศว่าผมจะไปสนามบินเพื่อไปเชียงใหม่บ่ายนี้เลย

หลับตานอนนิ่งๆได้ไม่ถึงสิบนาทีทั้งที่รับรู้ว่าร่างกายยังต้องการการพักผ่อนเพิ่มแต่ก็ลุกขึ้นมาจนได้ ออกมาเดินนอกห้องทั้งบ้านก็ว่างเปล่าแสดงว่าออกกันไปทั้งสามสาวสามวัยนึกใจหายวิ่งไปเปิดดูตู้เสื้อผ้าก็โล่งใจที่ข้าวของอะไรของเจินยังอยู่

บ่ายวันนั้นตอนออกไปสนามบินเจินก็ยังไม่กลับไม่มีโทรศัพท์จะโทรไปเองก็ไม่รู้จะพูดแก้ตัวอะไรยังไงอายก็อาย ได้ชื่อว่าเป็นผัวเป็นเมียกันก็แค่ขึ้นไปนอนคร่อมแหย่ยึกๆยักๆนกกระจอกกินน้ำ แต่ความห่วยแตกของชีวิตคู่นี้ผมจะไม่ขอรับผิดไว้คนเดียว

อย่างที่เคยบอกว่าเจินเป็นคนหยิ่ง เวลาอยากจะซุกไซร้ก้านคอขาวๆเจินก็จะทำเหมือนรำคาญเลื่อนลงไปที่สองเต้าเล่นลิ้นดุนดันกับเม็ดยอดปทุมถันขนาดปลายนิ้วก้อยแป๊ปเดียวเจินก็จะบอกว่าจั๊กจี้ แค่ทำท่าว่าจะเลื่อนหน้าหมายใจจะลงไปสำรวจพื้นที่สามเหลี่ยมภาคใต้ปกคลุมด้วยเส้นไหมสีดำขลับเรียงเส้นสวยตัดกับเนินหน้าท้องน้อยเนียนขาว เลื้อยลงยังไม่ถึงสะดือเลยเจินก็มีอันจะต้องร้องห้ามเอาไว้ก่อน ผมเคยฝ่าฝืนไม่ทำตามคำห้ามของเธออยากลองเล่นท่าโน้นท่านี้ตามอย่างในหนังโดนด่าว่าวิตถาร

แล้วท่อนไม้สองท่อนจะสืบพันธ์ุกันยังไงน่ะเหรอครับ ก็อย่างที่บอกคือเจินจะนอนนิ่งๆแล้วก็บอกเร่งให้ผมเสร็จไปเลยๆ แล้วเธอก็จะดึงกระดาษทิชชู่มาอุดหลับตานอนนิ่งๆเป็นอันว่าจบ ถ้าชวนคุยเธอจะตอบว่าง่วง.. นอนนะ เพราะฉะนั้นถ้าบทรักของเราห่วยแตกความสัมพันธ์ความใกล้ชิดของเราชีวิตของเราอนาคตของเราก็คงหนีไม่พ้นความห่วยแตกไปไหนได้ไกลนัก

กลับมาจากเชียงใหม่คราวนี้ได้เจอครบทั้งบ้านสามสาว แม่ของเจินร้องถามว่ากินอะไรมาหรือยังผมก็ตอบว่าเรียบร้อยมาแล้วแวะเล่นกับลูกสาววัยขวบกว่าสักพักแล้วก็ขอตัวขึ้นห้องนอน ตลอดเวลาตั้งแต่กลับมาถึงบ้านเจินไม่มองหน้าผมเลยครับไม่สนใจคล้ายผมไม่มีตัวตนอะไรแบบนั้น

ตอนอาบน้ำในใจนี่อยากขอเลิกกับเจินเลยนะครับเพราะคิดว่าเธอคงจัดหมวดหมู่ผมเป็นพวกโรคจิตวิกลจริตน่ารังเกียจเป็นตัวอันตรายของสังคม ยิ่งคิดผมยิ่งหาทางออกให้ตัวเองไม่ได้ดีไปกว่าการขอล้มกระดานยุติภาพความฝันคืนความเป็นตัวเองด้วยการขอหย่าและคิดว่าจะคืนร้านให้ป๊าด้วยเพราะเบื่อเต็มทนถ้าจะให้อดทนอยู่แบบนี้ต่อไปก็คงไม่ไหวเข้าสักวัน

เสร็จจากสรุปเรื่องลูกค้าทางเชียงใหม่แล้วผมจะพูดกับเจิน อาบน้ำมาสบายตัวเตรียมจะนอนก็หวนใจนึกถึงของชอบของติดใจขึ้นมา ยังเหลือคลิปที่ยังไม่ได้ดูแต่เกิดเหตุกับเจินซะก่อน วันนั้นเป็นช่วงสุดท้ายพี้คสุดของสัปดาห์นรกของผมแล้วครับ
เจินเปิดประตูเข้ามาก็เหมือนย้อนเหตุการณ์เดิมแต่คราวนี้ผมเปิดไฟสีขาวสว่างและเจ้าท่อนเนื้อขนาดมาตรฐานก็ยังคาไม้คามือ ผมตกใจเจินก็ตกใจปิดปากเดินถอยออกจากห้องผมรีบใส่กางเกงแล้วตามเธออกไปดึงมือเธอไว้ไม่ให้หนีเข้าห้องแม่กระซิบว่าขอให้กลับไปคุยกันในห้องก่อน

   "เจินนั่งก่อน"

ผมประคองจัดท่าให้เธอนั่งบนเก้าอี้กดย้อนคลิปภาพเคลื่อนไหวให้ย้อนกลับไปนิดเดียว ในจอเป็นภาพแอบถ่ายผู้หญิงผิวขาวเนียนรูปร่างดีกำลังอาบน้ำท่าทางผ่อนคลายบิดตัวไปมาคล้ายกำลังมโนโพสท่าถ่ายรูป มือข้างนึงลูบคลำของสงวนมีเสียงครางเสียวเบาๆด้วยความพอใจมืออีกข้างก็บีบบดเคล้นสองเต้าเนียนขาวของตัวเองไปด้วย

   "พี่อย่ามาทำทุเรศแบบนี้ในบ้านนะ มีทั้งเจินแม่เจินแล้วยังลูกเราอีกก็ผู้หญิงทั้งนั้น แม่พี่ก็ผู้หญิงน !!"
      "คือพี่ไม่รู้จะอธิบายยังไง"
      "พี่จะอธิบายบ้าอะไร!! ถ้าหื่นนักพี่ก็กำเงินไปเที่ยวอาบอบนวดสิแบบนี้มันทุเรศรู้ตัวบ้างมั๊ยเจินรับไม่ได้"

จากที่เคยคิดว่าจะคุยเพื่อจบเรื่องของเราหลังจากเคลียร์งานเชียงใหม่ก็เลยขอจบซะคืนนี้เลยดีกว่ายังไงก็คงไม่ได้มีอะไรเลวร้ายไปกว่านี้ ผมสารภาพกับเจินตามความจริงว่าเป็นคนที่ชอบเรื่องอะไรทำนองนี้มาก ตอนเด็กๆเคยแอบดูน้าข้างบ้านอาบน้ำอยู่เป็นปีๆไปโรงเรียนไปมหาลัยก็ชอบแอบดูกางเกงในพวกผู้หญิงตามโรงอาหาร บอกแม้กระทั่งว่าผมซื้อกล้องมาเพื่อแอบดูสาวๆพริ้ตตี้ที่จะมาทำกิจกรรมพิเศษที่ร้านแต่ก็เลิกล้มความตั้งใจไปเพราะไม่อยากมีเรื่องมีราวเป็นข่าวลงหนังสือพิมพ์ให้ครอบครัวเดือดร้อน




จะให้ผมไปหาหมอนวดอย่างที่เธอบอกผมก็ไม่ชอบเพราะรู้ตัวว่าเป็นคนเสร็จธุระเร็วน้ำอดน้ำทนว่ายยังไม่ทันครึ่งสระก็จมน้ำตายแล้ว จะให้ไปนวดหรือมีเมียน้อยจึงน่าจะยิ่งถาโถมให้ปัญหามันซับซ้อนขึ้นไปอีก สู้จัดการกับตัวเองน้ำแตกก็ได้เวลานอนแล้วเรียบง่ายสบายๆแต่มันมีปัญหาตรงที่รสนิยมของผมมันดูต่ำช้าสถุนโรคจิต

   "เจินดูก่อน" ผมยังพยายามประคับประคองอารมณ์เพราะเธอทำท่าจะลุกเมื่อผมกดเปิดคลิป
   "ดูบ้าอะไร!! เจินไม่ได้มีรสนิยมพวกโรคจิตเหมือนพี่นะ!!"

 

คืนนั้นเรานอนข้างกันเงียบๆไม่ได้มีใครพูดอะไรแต่ผมก็รู้ว่าเจินยังไม่หลับ ที่คิดว่าจะบอกเลิกกับเธอก็เลยยังไม่ได้พูด วันรุ่งขึ้นระหว่างผมขับรถไปคุยกับลูกค้าแถวสมุทรปราการเจินโทรเข้ามาร้องไห้เสียงตื่นพยายามฟังได้ความว่าคนงานโทรมาบอกว่าป๊าของเธอล้มที่โรงงาน ถึงแม้ว่าป๊าจะบอกยกโรงงานให้เจินแล้วแต่ในความจริงก็ยังไปคุมงานเหมือนเดิมทุกวันจนเจินไม่รู้จะไปทำไมให้ทะเลาะกันเรื่องระบบงานของคนรุ่นเก่ากับรุ่นใหม่

ผมรีบกด 1669 บอกสถานที่เค้าไปและคนป่วยมีแนวโน้มว่าจะเป็นอาการทางเส้นเลือดในสมอง เดี๋ยวนี้หน่วยแพทย์กู้ชีพเค้าจะเตรียมทีมสำหรับดูแลผู้ป่วยสโตรกเอาไว้เลยบางหน่วยงานสามารถฉีดยารักษาเบื้องต้นได้ที่บ้าน พอดีสถานที่ที่ไปหาลูกค้าใกล้กับโรงงานของป๊าเจินจึงรีบเข้าไปและตามไปโรงพยาบาลตามลำดับ

   "ป๊าล่ะ" เจินถามทันทีที่ตามมาโรงพยาบาลพร้อมกับแม่
   "ลูกล่ะ"
   "ฝากพี่แอนข้างบ้านไว้ ป๊าเป็นไงบ้าง"
   "เมื่อกี๊หมอเค้าออกมา เค้าว่าช่วงแรกๆอาจมีอาการทางคำพูดและก็พวกความจำแต่ก็น่าจะกลับมาได้ในเวลาไม่เกินหกเดือน เส้นเลือดมันไม่ถึงกับแตกแค่อุดตันยังดีที่มาถึงเร็ว"
   
   "ขอบคุณพี่มากนะ หนูทำอะไรไม่ถูกแล้ว" เจินพนมมือไหว้ซุกหน้าลงกับหน้าอกผมแล้วร้องไห้ผมกอดประคองลูบหลังปลอบเธอเบาๆ
   "ไม่ต้องร้องหรอก ตอนนี้เจินต้องเข้มแข็งเป็นหลักให้แม่ ป๊าเค้ามาถึงโรงพยาบาลเร็วเห็นหมอเค้าว่าถ้ามาถึงภายในสามชั่วโมงก็ไม่น่าเป็นห่วงอะไรมาก"
   "ถ้าไม่ได้พี่หนูก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน"
   "ไม่ใช่พี่หรอก ถ้าจะขอบคุณก็ต้องขอบคุณ 1669 น่ะ เค้าเก่งจริงๆ"
   "ตอนนั้นเลขอะไรเจินก็นึกไม่ออก มันชาไปหมดทั้งตัว"
   "ถ้าเป็นพ่อแม่พี่พี่ก็ไม่รู้นะว่าจะนึกออกแบบนี้รึเปล่านะ"

ลูบหัวเมียสาวที่อยู่กันมาจนลูกสาวได้ขวบกว่าแต่ก็เหมือนจะเพิ่งสนิทสนมสมกับคนที่ใช้ชีวิตอยู่ใต้ชายคาเดียวกันในตอนนี้ ผมจับมือเจินไว้ตลอดเวลาที่ฟังสรุปอาการแนวทางการรักษาการปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมและเสริมเครื่องพยุงตามมุมต่างๆภายในบ้านส่วนอาการของท่านตอนนี้ก็จัดว่าปลอดภัยอยู่โรงพยาบาลให้แน่ใจสักสี่ห้าวันก็พอ



หลังจากวันนั้นหน้าที่ในการเลี้ยงลูกสาววัยขวบกว่าก็กลับมาเป็นของผมอีกครั้งเพราะเจินกับแม่ไปอยู่ดูแลพ่อตาผมที่โรงพยาบาล ผมต้องโทรหาเจินแทบทุกชั่วโมงถามว่าไอ้นั่นไอ้โน่นเก็บไว้ตรงไหนเพราะที่ผ่านมาบอกตามตรงว่าแทบไม่ได้เลี้ยงลูกเองเลย เอาลูกไปเลี้ยงที่ออฟฟิศด้วยตอนไปตรวจดูแลงานลูกน้องสาวๆรวมถึงน้องๆที่ช่วยขายหน้าร้านชั้นล่างพากันมารุมขอช่วยเลี้ยงกันใหญ่ เสมียนสาวคนใหม่ชื่อเปิ้ลที่แม่ผมฝากมายังมาคุยเล่นด้วยทั้งที่ก่อนหน้านี้เคยพูดจากันแต่เรื่องงาน

   "แอ่นแอนแอ๊น ดูสิใครมาเยี่ยมอากง" ผมอุ้มลูกผลักประตูห้องพัก
      "ตายแล้ว!! ภพเอาเหมยมาโรงพยาบาลทำไม เชื้อมันเยอะ" แม่ของเจินรีบมารับหลานไปอุ้มแทน
   "พามาเยี่ยมอากงไง เผื่ออากงจะจำหลานได้" ผมประคองแม่ของเจินที่อุ้มหลานอยู่เดินไปข้างๆเตียง
   "มึงพาเด็กมาโรงพยาบาลทำไม" ป๊าเปลี่ยนเสื้อผ้ารอตั้งแต่หกโมงเช้าเพราะหมออนุญาตให้กลับบ้านได้ในวันนี้
   "ป๊าจำได้มั้ยหลานชื่ออะไร เดี๋ยวป๊านึกชื่อออกแล้วจะได้เก็บของกลับบ้านพร้อมกันเลย" แม่เจินแกล้งถาม
   "จำได้สิ ห่า แต่มึงอย่ามาถามเซ้าซี้ตอนนี้ได้มั้ยวะ กูจำได้ก็แล้วกัน" ผมสังเกตุว่าอาการปากเบี้ยวผิดรูปเริ่มกลับมาเข้าที่เข้าทางส่วนสมองด้านนึกคำด่าไม่น่าจะเสียหาย

เจินเดินขึ้นมาพร้อมกับใบเสร็จรับเงินค่าใช้จ่ายที่สูงเอาการอยู่ยังดีที่ป๊าเคยซื้อประกันสุขภาพไว้นานแล้วก็เพิ่งจะมีโอกาสได้ใช้ พอเห็นลูกสาวเจินก็โผเข้าไปขอเอามาอุ้มหอมแก้มซุกไซร้จนเหมยทำท่ารำคาญผมยื่นโทรศัพท์ให้พนักงานที่เดินตามเจินมาถ่ายรูปหมู่ให้หน่อย เดินเข้าไปยืนข้างหลังเจินโอบแขนกอดไว้ทั้งแม่ทั้งลูก เจินทิ้งน้ำหนักตัวผ่อนคลายพิงในอ้อมกอดผม

รูปนั้นผมลงไปในเฟสบุ้คมีคนกดไลค์เป็นร้อย บางคนถามว่าป๊าก็ไม่เป็นไรมากแล้วสองผัวเมียนี่จะยืนยิ้มทั้งน้ำตากันทำไม
   
   "ภพ.. มึงอยู่ในห้องกับป๊าก่อนพวกมึงออกไปให้หมด วันนี้กูจะบอกสูตรมัน" ป๊าพูดตอนเตรียมตัวพร้อมจะกลับบ้าน
   "อ่ะๆ เราออกไปกันก่อนพ่อตาลูกเขยเค้าจะรับมอบมรดกกัน" แม่ของเจินพูดยิ้มๆกวักมือเรียกเจินกับลูกให้เดินตามออกไปกันก่อน "นี่แม่ยังไม่รู้เค้าเลยนะไอ้สูตรเตี๋ยวเสียวตูดอะไรของป๊าเอ็งเนี่ย"
      "แม่ๆ .. ป๊าจำชื่อพี่ภพได้!!" เจินกระซิบบอกด้วยความประหลาดใจ

   "มึงนั่งลง แล้วก็ตั้งจำให้ดีๆเพราะกูจะบอกมึงทีเดียว แต่ก่อนอื่นมึงต้องสัญญาก่อนว่ามึงห้ามบอกสูตรใครถ้ามึงรับสูตรกูไปแล้วแม้แต่ลูกเมียพ่อแม่มึงก็บอกไม่ได้"
      "เอ่อ.. ผมถ่ายวิดีโอไว้ได้มั้ยครับ เผื่อลืม.."
      "ไอ้สัส จำสิ!! สมัยก่อนมีอย่างงี้ซะที่ไหนล่ะ!!"
   "ก็เดี๋ยวนี้มันมีนี่ครับหรือจะอัดแค่เสียงก็ได้นะป๊า อ่า อ่ะ.. ครับๆ จำครับ" ถึงจะป่วยยังไงสายตาดุทรงพลังคู่นั้นก็ยังเตือนสติผมได้ว่ามึงอย่าปีนเกลียว
   "มึง..จำ!!!" ป๊าของเจินเน้นเสียงหลับตานึกนิ่งอยู่นานส่วนผมตั้งสติเตรียมจดจำสิ่งที่ป๊าของผมเพียรพยายามเท่าไหร่ก็ยังไม่เคยรู้เคล็ดลับของหุ้นส่วนสำคัญ "ไอ้.. ขาวๆที่มันเรียงๆเป็นหัวๆนี่มันอะไรวะ"
   "อะ.. อะไรนะครับ"
   "ขาวๆกลมๆอ่ะ กลิ่นแรงๆอ่ะ"
   "กระเทียมครับ"
   "เออ กระเทียมโลนึง" ป๊าหลับตานึกต่อในท่าเดิม" แล้วไอ้ที่หัวใหญ่ขึ้นมาหน่อยเปลือกบางๆล่ะ"
   "หอมหัวใหญ่ครับ"
   "เออ.. ไอ้ห่า!! นึกชื่อมันไม่ออกเว้ยรู้นะว่าอะไรแต่มันพูดไม่ออก แม่ง.. ใส่ด้วยกิโลนึง แล้ว.." ป๊าทำท่าจะนึกต่อ
   "เอ่อ.. ไปบอกที่บ้านได้มั้ยครับป๊าขืนออกช้าเดี๋ยวเค้าคิดเพิ่มอีกวันนะคับ"
   "ไอ้ห่า!! งั้นไปดิ!!" ป๊าแทบจะกระโดดลงจากเตียงคนไข้เดินเซๆเอียงๆนำออกจากห้องไป ผมแม่งโคตรงง



ฟ้าหลังฝนมักจะสดใสสวยงามเสมอรู้สึกได้ถึงลมเย็นๆที่พัดพาเรื่องร้ายๆที่เกิดกับชีวิตผมมานานแรมปี ป๊ากับแม่ของผมเสนอว่าควรจะให้พ่อแม่ของเจินย้ายไปอยู่เสียด้วยกันที่ประจวบบ้านเกิด ป๊ากับแม่ผมทำสวนมะม่วงส่งออกเยอะอยู่และอยากจะพาหลานไปเลี้ยงเพราะเป็นบ้านริมทะเลเงียบสงบอากาศดีเหมาะควรที่จะเป็นสถานทีพบกันพอดีระหว่ากับจินตนาการของวัยเด็กและการพักฟื้นผ่อนใจของคนแก่

......................................


เรื่องงานของผมก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเพราะเป็นรูปแบบบริษัท ข้อดีคือเราปล่อยบ้างตามสันดานขี้เกียจไม่ต้องเอาใจใส่ตลอดเวลาทั้งหน้าร้านหลังร้านเหมือนรุ่นพ่อ มีผู้จัดการและระบบโครงสร้างแผนลำดับงานชัดเจนอะไรๆมันง่ายขึ้น 

   "ทำไมแต่ก่อนเจินถึงรังเกียจพี่อ่ะ" อยู่ดีๆผมก็ถามขึ้นมาตอนเดินดูข้าวของสินค้าในห้างสรรพสินค้าชื่อดังรอเวลาดูหนังรอบสุดท้าย
   "รังเกียจ!! .. ตอนไหน" เจินจับเนื้อผ้าเสื้อยืดที่แขวนโชว์อยู่
      "ทุกตอนอ่ะ ตั้งแต่เด็กๆแล้ว"
      "ไม่เห็นรังเกียจเลย รังเกียจก็ต้องแบบ หยี.. แหวะ ขยะแขยง แบบนั้นสิ"
      "นั่นอ่ะ แบบนั้นเลย ครบถ้วน"
      "เหรอ.. เจินเป็นแบบนั้นเธอ ไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย หน้าตอนเฉยๆก็เป็นแบบนั้นเองมั้ง คิดมากป่าว"

   "ก็ไม่เห็นจะมาคุยด้วยอะไรด้วยเลย พี่ก็ตามมาโรงงานกับพ่อแทบทุกวันเห็นแต่ทำการบ้านอยู่ในห้องออฟฟิศ"
      "ออกมาคุยกับผู้ชายแบบนั้นเค้าเรียก แร่ด..แล้วมั้ง" เจินเน้นเสียง
      "เออ ก็มองบ้างอะไรบ้างก็ยังดี นี่ทำแบบไม่มีตัวตนเลยอ่ะ"
      "แล้วเห็นเจินนั่งทำการบ้านเหรอ"
      "เห็นดิ เห็นนั่งทำการบ้านอยู่ที่โต้ะทำงานในออฟฟิศทุกวัน"
      "ก็มานั่งให้เห็นแล้วไง .. เค้าทำการบ้านข้างบนสบายๆก็ได้จะมานั่งทำในออฟฟิศทำไม"
      "อ้าว เหรอ.. " ผมนึกตาม

   "แล้วพี่คิดดูนะ ป๊าหนูเค้าชี้ให้ดูตั้งแต่หนูเพิ่งขึ้นม.สี่อ่ะว่าเนี่ยผัวมึง โอ้ย.. หนูจะบ้า " ผมปล่อยให้เจินเดินพูดไปคนเดียวเพราะไม่อยากเดินเข่าไปในโซนขายชุดชั้นในทำสัญญาณมือให้เธอเดินเลือกไปคนเดียว ระหว่างยืนรอก็กวาดสายตามองอะไรไปเรื่อยมองนาฬิกาใกล้เวลาห้างปิดลูกค้านักช้อปปิ้งค่อนข้างบางตา
   
      "แอะ!! มองจังนะคนนั้นอ่ะ" เจินเดินมาข้างหลังร้องทักจนผมสะดุ้ง
      "อ๋อ.. เปล่า เผลอน่ะ แหะๆ"
      "ไปดูใกล้ๆมะเดี๋ยวพาเดินไป"
      "ไม่เอาหรอก บ้าเหรอแผนกชุดชั้นใน ไม่เอา!!" ผมฝืนแรงจูงมือของเจินไว้
      "อ้าว.. ไหนว่าโรคจิต"
      "แค่นักเลงคีย์บอร์ดอ่ะ ยังไม่ใช่ตัวจริง"

   "อะไรนักเลงคีย์บอร์ด..พูดจาไม่รู้เรื่อง ไปเหอะ!! เดี๋ยวเจินพาไปดูใกล้ๆ น่ารักนะหุ่นดีด้วยดาราแน่ๆเลย จะใส่ชุดชั้นในยังไงน้าา"
      "ไม่เอา พนักงานเค้ามองแล้วเดี๋ยวเค้าด่าเอา" ผมยิ่งลุกลี้ลุกลนก็เหมือนยิ่งโดนแกล้ง
   "ไปกับหนูไม่เป็นไรหรอก ห่างๆก็ได้ป่ะ นี่มุมนี้ๆเห็นชัด โห..หุ่นดีเนอะ" เจินก้มๆเงยๆแอบมองผู้หญิงคนนั้นกำลังเลือกชุดชั้นในจากทางด้านหลัง "โหย.. จีสตริงด้วย พี่!!" เจินคงไม่เห็นผมที่กำลังส่ายหน้าอนาถใจอยู่ "เค้าไปห้องลองแล้วพี่ ตามๆ!!" 
      
   "ไม่เอา.. มานี่ อวู้!!" ผมไม่แน่ใจว่าจริงๆแล้วเธอเพี้ยนหรือว่าแค่อยากแกล้งผมเล่นๆ    "เจินซื้อตัวนี้ไปใส่ดิ"
      "หืย.. แบบนี้ใครจะใส่ไปไหนได้" เจินมองดูชุดชั้นในเกือบจะซีทรูทั้งชิ้นล่างชิ้นบน
   "ถ้าไม่ซื้องั้นไปเลย!! ไปตรงโน้นดีกว่า" ผมรีบจูงมือเมียสาวที่เปลี่ยนจากคนเชิดหยิ่งไปเป็นเพี้ยนๆงงๆยังไงชอบกล    "เนี่ยเสื้อผ้าผู้หญิง เดินแผนกนี้เหอะ"

ผมมองคุณแม่ยังสาวที่ครั้งนึงพูดได้เลยว่าเคยนึกเกลียดผู้หญิงคนนี้ เธอหยิ่งถือตัวผมยังจำท่ามองด้วยหางตาของเธอได้เพิ่งเข้าใจว่าเจินเป็นสาวเข้าใจยาก เจินเดินเลือกดูเสื้อผ้าที่ส่วนใหญ่จะเป็นชุดเสื้อสูทกระโปรงทำงานไม่แตกต่างกับชุดที่เธอกำลังใส่มาดูหนังรอบดึกอยู่ตอนนี้
   
      "ตัวนี้สวยดี" ผมชวนเธอคุยเรื่อยเปื่อย
      "พี่ไม่ซื้ออะไรเหรอ" เจินหันมามองหน้า
      "ฮึ.. ชุดทำงานเต็มตู้นี่ก็ผอมลงด้วย ข้าวปลาไม่ค่อยจะได้กิน"
      "เจินนี่เป็นเมียที่ไม่ได้เรื่องเลยเนอะ พี่ภพถึงได้ผอมลง"
   "เห้ย!! ไม่ใช่ ข้าวที่บ้านก็มีให้กินตลอดแหละ แต่บางทีกลับมาแล้วเจินกับลูกเข้าห้องไปแล้วพี่ก็ขี้เกียจกิน"
      
   "แล้วถ้ารู้ว่ากลับมาเจินก็เข้าห้องไปแล้วทำไมไม่ไปกินไปเที่ยวที่อื่นอ่ะ"
   "เที่ยวเหรอ.. พี่ใช้คำพูดตรงๆได้ป่ะ"
      "ได้สิ ทำไมเหรอ"
      
   "คือ ที่ไม่เที่ยวอ่ะบอกตรงๆนะ เงินสองสามพันกลับมาช่วยตัวเองก็จบข่าวตังค์อยู่ครบ พี่อ่ะ แป๊ปเดียวก็เรียบร้อยแล้ว กลัวไม่คุ้มอ่ะเสียดายตังค์"
      "ทู่เรสสสส ทู่เรศศ ทู่เรสสสส ทู่เรสทู่เรสทู่เรสทู่เรสทู่เรสทู่เรส"
   "เจินนนนน!!" ผมหัวเราะแกล้งเขย่าไหล่เธอจนหัวคลอนเรียกสติ "นี่ก็ถึงได้ถามก่อนไงว่าพูดได้รึเปล่า"
      "พูดด้ายยย แต่อย่าแรงนัก แต่ละอย่าง"


      
   "นี่เหมือนกำลังจีบกันใหม่ทำความรู้จักกันใหม่เลยเนอะ" ผมจับมือเธอเดินตามไปด้วยช้าๆ
      "ถ้าคิดจะจีบเจินใหม่ก็เอาแบบตัวตนจริงๆเลยนะ จะได้รู้ว่ารับได้รับไม่ได้แค่ไหน"

   "แล้วพี่ภพชอบผู้หญิงแบบไหน" เจินหันมาถามหลังจากปล่อยเดทแอร์ไปซักพัก
   "ชอบแบบไหน กว้างไปอ่ะ ขอแคบลงอีหน่อยสิ"
   "เอา การแต่งตัวก็ได้ ทรงผมอะไรงี้"
      "ชอบแบบไหนเหรอ ก็ชอบแบบแต่งตัวถูกกาละเทศะนะ"
   "แต่งแบบเรียบร้อยเงี้ยเหรอ"
   "เปล่า ไม่ใช่อย่างงั้น ถูกกาละเทศะแบบ.. ไปเที่ยวทะเลก็ใส่บิกินี่"
   "โถ.. ในหัวมีแต่เรื่องแบบนี้ใช่มั้ยเนี่ย งั้นเอาแบบชอบมองก็ได้ เห็นแล้วอึ้งตะลึงนิ่งไปเลยอ่ะ ชุดยีนส์แบบคนเมื่อกี๊เหรอ"
      
   "แบบชอบมอง พูดได้จริงเหรอ"
      "จริง คราวนี้ไม่ต้องถามอีกแล้วนะอยากพูดก็พูดเลย จะได้รู้จักพ่อของลูกมันจริงๆซักที"
      "พี่ฟังแล้วเหมือนขู่ว่ะ และตอนนี้เจินก็เริ่มทำหน้าเฉยๆอีกแล้วด้วย"
      "บ้าเหรอ ใครจะอแ๊บหน้ายิ้มได้ตลอดล่ะ"
   
      "พี่ชอบชุดชั้นใน ถอดแล้วก็เฉยๆนะชอบใส่มากกว่า เคยขโมยของพี่ข้างบ้านมาช่วยตัวเองด้วย"
      "โห ทุเรศมาก พี่นี่ตอนเด็กมีแต่เรื่องอุบาถๆเนอะ"
      "เออ สอยมาตัวนึง เป็นปีเลยไม่ซักด้วยนะกลัวไม่มีที่ตาก เดี๋ยวแม่เห็น"
      "นี่คุยกับพี่หนูต้องทำใจก่อนเลยนะเนี่ยว่าจะได้ฟังได้เจอเรื่องอะไรบ้างเนี่ย"
      "อ่าว.. ไหนบอกว่าให้เปิดใจเททิ้งให้หมด"
      
   "เอาแบบชุดที่ใส่ออกนอกบ้านได้สิคร้าา ชุดชั้นในใครจะบ้าใส่ออกมาเดิน"
      "ถ้าพี่ชอบแบบไหนแล้วเจินจะใส่เหรอ" แค่เนี้ยครับกะจู๋ผมก็แข็งอัดแน่นในกางเกงยีนส์แล้ว
      "ก็เอาแบบคนธรรมดาใส่ยังพอได้ละกันนะพี่ภพ" เหมือนเจินเริ่งรับรู้ชะตากรรม
      "ตัวนี้เลย.." ผมชี้เสื้อเนื้อผ้าบางเบาย้วยที่หมายตาไว้
      
   "พอเลย!! นี่มันมุ้งแล้วมั้ง โหย.. มุ้งตัวละสามพันแปด นี่ลดยี่สิบเปอร์เซ็นต์แล้วนะ" เจินทำเสียงกระซิบ ขนาดยี่ห้อยังอ่านยากเลย
   "งั้นตัวนี้ ตัวนี้" ผมเลือกเสื้อย้วยทรงเดียวกันแต่สีเข้มไม่ได้บางจ๋อยระดับขาโชว์ฮาร์ดคอร์เหมือนตัวเมื่อกี๊
      "คอเสื้อโอเคนะแต่ดูแขนดิ..กว้างอย่างกะสนามหลวงขืนใส่นมได้ออกมาโชว์"
      "เออ ตัวนี้แหละ เปลี่ยนใส่ตอนนี้เลยได้ป่ะ"
   "ไม่เอาอ่ะคนเยอะแยะ แล้วใส่กับกระโปรงทำงานเนี่ยนะ" พนักงานขายเริ่มขยับมาใกล้ๆทั้งชั้นแทบจะเหลือเราเป็นลูกค้าเพียงสองคน

   "อีกสิบห้านาทีนะคะลูกค้า" พนักงานขายสาวเอ่ยเตือนเบาๆ
      "ครับๆ พอดีรอดูหนัง.. "
      "ถ้าจะดูหนังก็เดี๋ยวต้องขึ้นไปแล้วค่ะ"
      "เอ่อ ครับ งั้นรีบเลย พี่มีกางเกงแบบสั้นมากๆมั้ยครับ"
      "สั้นเลยเหรอคะ"
      "ครับ เอาสั้นที่สุดในร้านพี่เลย"
      
   "อืม.. ถ้าสั้นมากๆก็จะเป็นพวกยีนส์สั้นค่ะ"
      "ครับ ใส่คู่กับเสื้อตัวที่ผู้หญิงคนนั้นเค้าถือไว้น่ะครับ"
      "อืม ต้องสั้นๆเลยเหรอคะ"
      "สั้นครับ ขอสั้นที่สุดเลยเดี๋ยวผมเลือกเองก็ได้"
      
   "ถ้าสั้นที่สุดก็เป็นกระโปรงยีนส์ค่ะ ตัวนั้นมันจะสั้นกว่าหน่อยนึงถ้าคุณผู้หญิงก็มีไซส์ค่ะ"
   "เออ แจ๋วเลย กระโปรงๆ ครับ เอากระโปรงยีนส์ เจินอยากเลือกมั้ย" เจินเพยิดหน้าถอนหายใจเป็นสัญญาณว่าเรื่องของมึงเลย มึงอยากให้เมียมึงแต่งเป็นสก้อยก็ตามใจฝันมึงเลย
   
   "อ่ะ เวลาน้อย เอาตัวเนี้ย ลองดิ..  พี่ครับ ผมเข้าไปในห้องลองด้วยได้ป่ะ" พนักงานสาวโบกมือว่าไม่ได้ "ออกมาให้ดูด้วยนะ"
      "รู้และว่าพี่ชอบสไตล์ไหน" เสียงดังออกมาจากห้องลองเสื้อ
      "สไตล์ไหน"
      "สก้อยไง.. สไตล์สก้อยเกิร์ล"
   "เห้ย.. สวยอ่ะกลายเป็นคนละคนเลย พอดีนะ..ใส่เลย พี่ครับเอาสองตัวนี้เลย เอ่อ.. รองเท้าแตะเพชรๆนั่นด้วย"
      "บ้า!! ใส่ไม่ได้ ไปใส่ที่บ้านดิ คนเยอะ"
      "เยอะอะไรล่ะมีแค่เราเนี่ย เดี๋ยวก็เข้าโรงหนังแล้ว"
      "มันเป็นเสื้อในแบบไม่ใช่ใส่โชว์ข้างนอก!!" ผมมองบราลายลูกไม้สีขาวโผล่ออกมาเกือบครึ่งเต้า
   "คิดตังค์เลยครับพี่ผมขอถุงใส่ชุดเดิมด้วย" ผมยื่นบัตรเครดิดพร้อมเสื้อผ้าชุดเก่าให้พนักงานไปพับใส่ถุง "เอ่อ.. พี่มีกรรไกรที่ตัดพวกขากางเกงมั้ยครับ"
   
ผมรับกรรไกรจากพนักงานนั่งคุกเข่าบอกให้เจินยืนนิ่งๆ หรี่ตาวัดกะระดับบรรจงขลิบตัดกระโปรงยีนส์ช้าๆเจินตกใจจะถอยหนีจนผมต้องร้องเตือนอีกครั้งว่าให้ยืนนิ่งๆเพราะอาจบาดเจ็บ รู้สึกได้ว่าต้นขาขาวของเธอสั่นๆ เสร็จแล้วก็มาถอยยืนดูผลงานคืนกรรไกรกับพี่พนักงานขายหญิง

เจินใส่แจ็คเก็ตกันหนาวแบบมีฮูทตัวใหญ่โคร่งของผมรูดซิบถึงคอคลุมกระโปรงสั้นเหลือคืบตัวนั้นอวดเรียวขายาวขาวเนียนเพราะเธอสูงเกือบเท่าผม ถ้าไม่นับรองเท้าแตะติดรถที่ใส่มากับมีหมวกห้อยสร้อยคอใหญ่ๆอีกซักหน่อยคงคล้ายกับพวกหมวยเอ็กซ์ฮิปฮอป

      "ไหนโยว่ซิ"
      "ห่ะ"
      "โยว่.. วอสซัป" ผมทำมือล้อเลียนแต่เหมือนเจินจะไม่ตลกด้วย
      "สองตัวเกือบเจ็ดพันเนี่ยนะ รองเท้าอีก"
      "ปกติพี่ก็ไม่ได้กินไม่ได้เที่ยวอะไร ไม่เป็นไรมั้ง"
      "ไม่เป็นไรได้ไง จะเงินใครหาได้มันก็เงินลูกทั้งนั้นนะ!!"
      "อ้าว แต่ก็คุ้มนะไม่เคยเห็นเจินแต่งตัวแบบนี้มาก่อน"
      "นี่..รองเท้าแตะด้วย เข้ากั๊นเข้ากัน" เจินลืมตัวยกรองเท้าแตะคีบสูงจนเห็นกางเกงในสีขาว

      "เพิ่งเคยเห็นเจินใส่แบบนี้เป็นครั้งแรก"
      "ตลก.. อย่างกับชุดอยู่บ้าน"
      "เห้ย สวยดีออก.."
      "พี่!! เดี๋ยวก่อน!!" เจินหยุดเดินตัวเกร็งตอนกำลังจะถึงโรงหนัง มองตรงไปที่ผู้ชายที่ยืนอยู่คนเดียว

      "ทำไมอ่ะ เป็นอะไร"
   "รุ่นพี่มหาลัยเจิน" 
   "อ้าว.. แล้วทำไมอ่ะ เดี๋ยวนะ เดี๋ยวๆ.. เดาว่าคนนี้ใช่คนที่คุยในไลน์รึเปล่า" ผมทายถูกเพราะท่าทางเจ้าหมอนั่นมันก็หล่อเหลาเอาการเหมาะสมกับเจินมากกว่าผมแน่ๆ



      
   "พี่แอบบดูมือถือเจินเหรอ"
   "ดู.. แต่เห็นแค่หน่อยนึงแค่ที่มันเตือน ไม่ได้กดเข้าไปดูข้างใน แต่หลังๆนี่ชักบ่อยนะ เดี๋ยวนะ อ๋อ.. นี่.. นี่มัน หรือว่า!!"
   "บ้าแล้ว อะไรล่ะ"
   
   "ใช่เจ้าของหมวกสวาทสีแดงใบนั้นรึเปล่าเนี่ย" ผมทำเสียงล้อเลียน
   "หมวกสวาทบ้าอะไร หมวกทีมบาสมหาลัยเค้าย่ะ พี่เค้าให้เจินกับมือวันที่เค้ารับปริญญา"
      "อ๋อ หมวกแทนใจ ว่างั้น.. มิน่า ได้อารมณ์เลย"
   "ทุเรส ไอ้พี่ภพ ไหนบอกว่าจะไม่ล้อเจินไง" เจินหยิก.. เรียกว่าจิกแรงๆดีกว่าผมสัมผัสได้ถึงกรงเล็บ
   
      "โท้.. มาดูหนังคนเดียวบ้าป่าว.."
      "เค้าก็ดูคนเดียวแบบนี้แหละ ถ้าแต่ก่อนจะดูด้วยกันก็ต้องรอบกลางวันแต่ก็ห้ามป๊ารู้เลย"
      "แล้วตอนนั้นทำไมเจินไม่บอกกับป๊าไปล่ะว่ามีแฟนอยู่แล้ว"
      "แล้วทำไมพี่ภพไม่บอกป๊าพี่บ้างล่ะ"
      "อ๊าว ก็พี่ชอบเจินแล้วพี่จะบอกป๊าทำไมอ่ะ"

      "แล้วตอนบอกเลิกเค้าเค้าไม่โกรธเหรอ" ผมยืนซ้อนด้านหลังกอดไหล่เธอ
   "เค้าก็เสียใจนะ แต่ก็บอกเค้าว่าเจินต้องแต่งงาน คือเค้าก็ไม่ผิดอ่ะส่วนเรื่องแต่งงานตอนแรกเจินก็คิดว่าป๊าพูดเล่น ถ้ารู้ว่าจริงแบบนี้ตอนเค้ามาจีบก็ไม่ยุ่งหรอก"
      "ใครมาจีบ!! หนุ่มฮอตนักบาสมหาลัยเนี่ยนะจะมาจีบยัยหมวยหน้าหยิ่งตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง"
      "พี่ภพ.. เจินนี่คนนะไม่ใช่เซเว่น เค้ามาจีบสิ"
      "อ้าว แบบนี้เราก็ผิดเต็มๆนะ มิน่า.. เวลาข้อความหลังๆมันถึงได้ตัดพ้อน้อยใจอะไรจังเลย"
      "พี่ภพ!! นี่ดูมือถือเจินตลอดเลยใช่มั้ยเนี่ย"

   "ตอนแรกนะพี่คิดว่าเจินมีชู้ ก็เลยอดใจไว้ไม่ไหว แต่พออ่านข้อความก็รู้นะว่าไม่ได้มีอะไรกัน แค่ดรามากันอย่างเดียว เกาลี๊เกาหลีพี่แม่งกลายเป็นตัวโกงเหี้ยๆไปเลยอ่ะ"
   "สงสัยต้องเปลี่ยนรหัสซะแล้ว"
   "เข้าไม่ได้พี่ก็ถามรหัสใหม่อยู่ดี"

      "..พูดตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์แล้วล่ะ"
   "ใช่.. ไม่มีประโยชน์แล้วเพราะกูไม่คืนมึงแน่ๆ โคตรเท่โคตรหล่ออย่างมึงยังไม่ได้แอ้มนางฟ้าเลยสู้พี่ก็ไม่ได้เนอะ" ผมหันมาพยักพเยิดกับเจิน "

   "อืม.. อยากดูหนังกับเค้าอีกซักรอบมั้ยล่ะ พี่ให้เป็นรอบสุดท้าย ไปแก้ไขบอกลาเค้าซะให้จบและก็ขอให้จบพร้อมกับหนังรอบนี้จริงๆ"
      "นี่ทำเป็นใจดีเผื่อไว้ทีตัวเองรึเปล่าเนี่ย" เจินดักทางไว้ก่อน
      "มีที่ไหนล่ะ พี่ไม่ลักกินขโมยกินเหมือนสุดหล่อนักบาสมหาลัยแฟนเจินหรอก"
      "อ๊ะ รู้ด้วยว่าเค้าเล่นบาส"
   "สืบมาหมดแล้ว บ้านมันอยู่ไหนพี่ยังรู้เลยเพราะฉะนั้นหนังจบก็คือจบ เจินเป็นสมบัติส่วนตัวของพี่แล้วครั้งนี้ก็คือพี่อนุญาติ ว่าไง เอาไม่เอา"
      
   "แล้วมีข้อแม้มั้ย" เจินเริ่มระแวดระวังตังเวลาคุยกับผม
      "มี"
      "ว่าแล้ว.. อะไรอ่ะข้อแม้"
      "พี่ขอยึดเสื้อแจ็คเก็ตไว้ก่อน"
      "ไม่เอาอ่ะ หน้าเจินยังมีนะยางอาย"
   "กับไอ้นักบาสรูปหล่อเนี่ย..โอกาสของคุณมีแค่หนังรอบนี้รอบเดียว อย่าลืมนะครับ ลูกรออยู่ที่บ้าน"
   
      "นี่ถามจริงๆรู้มาก่อนป่ะเนี่ย ว่าเค้าจะมาดูหนัง"
   "เออ เมื่อตอนบ่ายเห็นมันลงไอจีว่าจะมาดูหนังที่นี่รอบสุดท้ายรับสมัครคนดูเป็นเพื่อน พี่ก็เลยพาเจินมาสมัคร"

   "จากนี้.. ท่านผู้เข้าแข่งขันต้องเลือกแล้วละครับว่าอยากดูกับใคร ระหว่าง..." ผมแกล้งทำเสียงใหญ่ๆ
   "มุมแดง ไอ้โรคคคคจิต..เบเกอรี่ มุมน้ำเงินนน ไอ้หล่อยอดนักบาสขวัญใจสาวน้อยสาวใหญ่และกระเทยอดีตรักเก่าที่บ้านเกิดดดดดดด" เจินหัวเราะแห้งๆแบบอนาถใจ
      "บ้าป่ะเนี่ย นักมวยอะไรทำไมชื่อยาวจัง"
   "อย่าดิ กำลังได้อารมณ์เลย" ผมเริ่มใหม่ "เลือกใครครับสาวน้อย คิดให้ดีเพราะว่าจะต้องมีคนอกหักหนึ่งคนแน่นอนนนน" ทำเสียงเอคโค่ด้วยนะเวลาอ่าน
      "ขอตัวช่วยค่ะ"
      "ตัวช่วยอะไรครับ"
      "ขอถามเพื่อน"
      "ถามใครครับ"
      "ผัวค่ะ ผัวไม่รัก ผัวไล่ให้ไปดูหนังกับคนอื่น"
      "เชิญถามได้ครับ"
      
   "ถ้าเป็นพี่ พี่จะดูกับใคร"
      "ถ้าพี่เป็นพี่หรือถ้าพี่เป็นหนูหรือถ้าหนูเป็นพี่ คำตอบมันจะไม่เหมือนกันนะ"
      "พี่อยากให้หนูไปดูหนังกับเค้าจริงๆเหรอ"
      "เอางี้.. หลังจากนี้ถ้าถึงตรงไหนที่เจินรู้สึกว่าอยู่ในจุดที่เริ่มไม่สนุกแล้วลำบากใจแล้วเจินก็บอกพี่แล้วกัน" ผมจับมือเธอ "พี่สัญญาว่าเราจะอยู่ดูลูกสาวเราเรียนจบมีแฟนมีครอบครัวและจะบอกลูกว่าไม่ต้องเผาแต่ให้ฝังอยู่ข้างๆกันไปเลย"
      "ปาก ใช่มั้ยเนี่ย"
   "เอานะ ..แต่เดี๋ยวก่อน ถอดแจ็คเก๊ตมาก่อน" ผมถือถุงเสื้อผ้าชุดเก่าแจ็คเก็ตตัวใหญ่ ดึงมือเธอให้เดินตามเข้าไปจังหวะเดียวกับที่พนักงานประกาศเรียกรอบหนัง




      "สวัสดีครับ" ผมเอ่ยทัก
      "สวัสดีครับ อ้าว.. เจิน" ไอ้หล่อคงแปลกตากับเจินในชุดสก๊อย ส่วนเจินโบกมือทักทายอ่อยๆ
      "พอดีผมไม่ชอบดูหนังแนวนี้น่ะครับแต่เจินเค้าอยากดู คุณดูเรื่องอะไรอ่ะ"
      "ฟิฟตี้ เฉด ออฟเกรย์ ครับ"
   "อ้าว ดูเรื่องเดียวกันเลย งั้นดีเลย ผมให้ตั๋วคุณดูเป็นเพื่อนเจินหน่อยสิ ฮันนีมูนซีทที่นั่งมันดีกว่าจะได้คุยกันด้วย"
      
   "เดี๋ยวสิ เอ่อ.. คือ จริงๆไม่มีอะไรนะ ผมก็คุยกับเจินเล่นๆไม่ได้มีอะไรกัน ใช่ป่ะเจิน" หนุ่มนักบาสยังงงๆแต่ชิงออกตัวก่อน
      "อ้าว พูดแบบนี้คุณรู้เหรอว่าผมเป็นใคร"
      "ครับ รู้ครับ"
   "อ่ะ ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมไล่เรียงอีกทีนะ คือมันไม่มีอะไรจริงๆผมอ่านข้อความที่คุณคุยกับเจินผมก็รู้ว่าพวกคุณไม่มีอะไรกัน แต่ทีนี้ปล่อยไว้นานมันก็ไม่ดีไง ผมว่าคุณอย่ารอเลยเรื่องเก่ามันก็คือเรื่องเก่าเชื่อผมเถอะคุณต้องเข้าใจว่าเค้ากับผมมีลูกกันแล้วมันเลยเวลาจบเรื่องของคุณไปแล้ว ผมปล่อยให้คุณคุยกับเจินอีกไม่ได้มันจะกลายเป็นชู้สาวอะไรไปซึ่งผมไม่ยอมให้มันเกิดแบบนั้นแน่ๆ"
   
   "เอ่อ.. พี่ครับ วันนี้ผมมากับแฟนครับ แฟนผมเดินมาโน่นแล้วครับ คือเรื่องไลน์ผมสัญญาครับว่าจะไม่มีอีกแล้ว นะเจินนะ.. ไม่มีอีกแล้วครับพี่ .. เอ่อ พี่อย่าบอกแฟนผมได้มั้ยครับ"

      "มีอะไรกันเหรอคะ อ้าวเจิน"
      "สวัสดีค่ะพี่หนิม" เจินยกมือไหว้สวัสดี
      "อ๊ะ!! สวยขึ้นรึเปล่าเราเนี่ย !! มากับแฟนเหรอสวัสดีค่ะ" ผมก้มหัวกล่าวสวัสดีตอบ "มีอะไรกันรึเปล่าคะ เจินเจอพี่บอสเหรอ ดูฟิฟตี้รึเปล่าเค้าเรียกแล้วไปเหอะ ว่าแต่ข้างในมันหนาวนะเจิน เอ๊กซ์ขนาดนี้จะไหวเหรอจ้ะ" รุ่นพี่สาวตั้งข้อสังเกตุ   


.........................................

      "แฟนเค้าเหรอ อ้าวนึกว่าโสด"
   "รุ่นพี่คณะเจินเอง หลีดงานบอลเลยนะ เกือบไปแล้วมั้ยล่ะไม่ดูตาม้าตาเรือเลยพี่ภพอ่ะ"
   "แล้วเค้าเป็นแฟนกันรึเปล่าล่ะ"
   "มาด้วยกันขนาดนี้ก็แฟนสิ"
   "อ้าว แล้วตอนยังเรียนก็แฟนเหรอ"
   "ก็ไม่รู้ คนเค้าก็แซวๆกันแหละ"
   "แล้วเจินก็รู้ว่าเค้ามีแฟนเนี่ยนะ"
   "เค้าก็ไม่ได้แฟนอะไรกัน พี่เค้าก็มีแบบหลายคน"
   "เอ๊ออ.. ไรวะ คนแบบนี้ไม่ต้องไปดูกับมันก็ดีแล้วล่ะถ้างั้น"

   "เค้าว่าเจินบ้าแน่ๆแต่งมาซะโชว์ขนาดนี้"
   "ร้อนอ่ะดิ เหงื่อทั้งตัวเนี่ย ..รูดซิปออกป่ะ" แสงสว่างจากจอหนังนมคู่สวยของนางเอกในเรื่องสว่างวาบทาบใบหน้าเจิน

   "นมคับพี่ รูดซิปออกก็นมจากเต้าล้วนๆเลยคับ จะเดินกลับไปที่จอดรถยังไงยังไม่รู้เลยคับ" ภายใต้แจ็คเก็ตหนาของเจินตอนนี้ไม่มีเสื้อผ้าอาภารณ์ปกปิดชิ้นใดเหลืออยู่แล้ว ผมขอให้เธอสวมเพียงแจ็คเก็ตตัวเดียวที่ห้องน้ำหน้าประตูโรงหนัง
      "แถวเราไม่มีคนเลยอ่ะ นิดนึง นะ"
   "โน่นคับ บนหัวคับ ห้องฉายหนังโผล่หัวมาก็เห็นแล้ว เดี๋ยวก็ได้เป็นคลิปหื่นหรอก"

แสดงว่าเจินดูทางหนีทีไล่รอบตัวไว้แล้ว ผมซะอีกที่หื่นจนไม่คำนึงถึงความปลอดภัยเพราะก็อย่างที่เธอว่าจริงๆแค่กล้องแอบถ่ายเล็กๆมีอินฟาเรดก็จับภาพพวกเราได้แล้ว ยิ่งเก้าอี้ฮันนีมูนแบบนี้หนังติดเรทเรื่องนี้แถมยังเป็นรอบสุดท้ายจริงๆมันก็ล่อเป้าส่อเจตนาสุดๆ คราวนี้ผมและเจินอาจได้ไปเป็นดาราจำเป็นปลิวว่อนเป็นคลิปแอบถ่ายเวียนว่ายถูกเล่นซ้ำมาซ้ำไปอยู่ในสารบบอินเทอร์เน็ตเผลอๆอาจอีกเป็นร้อยๆปี

ไม่งั้นเวลาเค้าสร้างตึกมูลค่าเป็นพันๆล้านเค้าไม่เขียนติดป้ายเอาไว้ตัวโตๆเตือนใจหรอกว่า

ปลอดภัยไว้ก่อน




........................................

   "เขียนเสร็จแล้วเหรอวะ"
   "เออ แต่ยังต้องอ่านซ้ำอีกหลายๆรอบหน่อย พิมพ์ผิดเยอะชิบหาย" เพชรหลังตรงชูสองแขนยืดตัว
   "นี่ขนาดท่านี้มึงยังไม่มีนมเลยนะเนี่ย เสริมมั้ย เดี๋ยวชั้นหาข้อมูลให้"
   "กูก็อยู่ของกูดีๆนะอีต้น นี่เมื่อไหร่มึงจะเลิกยุ่งกับนมกูซักทีเนี่ย"

   "เออ แล้วนี่แกเขียนเรื่องไอ้เจินมันไม่ผิดกฏเหรอวะ เจินมันไม่ใช่เพื่อนมัธยมเรานะเว่ย"
   "ก็เขียนๆไปก่อนเก็บๆไว้ นึกไม่ออกว่ะจะเขียนเรื่องใครดีแต่ละเรื่องมันก็นานแล้วด้วย" เพชรหมุนคอเสียงกระดูคอลั่นจนต้นทำหน้าเสียวใส้แทน
   
   "แกก็เขียนเรื่องตัวเองดิ แค่เรื่องแกอาบน้ำกับพ่อจนม.ห้านี่ก็มันส์แล้ว" ต้นออกไอเดีย
   "เขียนเรื่องแกดีกว่า"
   "เรื่องไหนวะ เอาแบบเวอร์ๆญี่ปุ่นๆหน่อยนะ"
   "เอาเรื่องที่แกชอบแอบแจกเกงในเอาป่ะ"
   "บ้า เดี๋ยวคนอ่านเค้าคิดว่ากูฟุ่มเฟือย เดี๋ยวนี้อะไรแม่งก็ดรามากันหันซ้ายหันขวาคนก็ด่าแล้ว"
   "ไม่รู้จะเขียนยังไงให้แกดูดีว่ะ" เพชรทำท่าจะเริ่มอ่านใหม่ทั้งหมดซ้ำอีกครั้ง
   "เออ .. เอาแบบญี่ปุ่นๆคิกขุๆหน่อยก็แล้วกัน" ต้นย้ำเพื่อนอีกครั้งเพราะอยากจะอ่านเรื่องของตัวเองจากมุมมองของเพชรเพื่อนสาวคนสนิทคิดว่าคงสนุกเพราะต่างรู้เห็นวีรกรรมของกันและกันมาตลอด

   "แล้วแกกลับมาทำไมวะ อยู่ญี่ปุ่นไม่ดีเหรอเห็นแกชอบนี่ อะไรๆก็ญี่ปุ่น"
   "ไม่เอาอ่ะ กูไประเบิดพลีชีพแล้วก็พอแล้วว่ะ อยู่เลยกูว่าแม่งไม่ฟีล ถ้าต้องไปอยู่ญี่ปุ่นชั้นไปอยู่กับแม่กับพี่ตองที่เมกาไม่ดีกว่าเหรอ"
   "ไหนแกบอกว่าไปหาคุณมูไง แล้วไประเบิดพลีชีพอะไรวะ" เพชรสงสัย
   "กูไปหาผัวถึงโน่นกูคงแค่ไปขี้มั้ง!! อีนี่ .. ถามเยอะแยะซอกแซ็ก ว่าแต่แกชอบของฝากรึเปล่าว้ะ"
   "เครื่องนวดเนี่ยนะ ขอบใจว่ะ"
   "ตรงจากห้างดงกี้เลยนะมึงชั้นกับคุณมูเลือกเองกับมือ คนขายบอกอันนี้ฟีลจีสปอตสุดๆ"
   "เออ แท้งกิ้วว่ะถูกใจชิบหายเลย" เพชรหยิบเจ้ามินิไวเบรเตอร์สีหวานจ๋อยมาดู "เห็นไอ้นี่แล้วนึกถึงพวกไอ้จอยว่ะ"
   "เรื่องนี้แกก็เขียนได้ ชั้นว่าสนุก ว่าแต่อันนั้นมันไปไหนแล้ววะ" ต้นถาม
   "โหย นานแล้วอีต้น หาไม่เจอแล่ว"
   "อ่าว.. ซวยแล้ว หาดีๆนะแกเดี๋ยวอยู่ดีๆมาโผล่ตอนคนอื่นมาล่ะดูไม่จืด"
   "ใครแม่งเอากลับบ้านไปด้วยป่าววะ"
   
   "แล้วแกกลับมาอย่างนี้คุณมูเค้าไม่เสียใจเหรอวะ ไหนว่าอยู่ไทยคนญี่ปุ่นคนเค้าไม่เอาไง"
   "ก็ชั้นเสนอข้อแลกเปลี่ยนที่คุณมูเค้าไม่อาจปฏิเสธได้น่ะสิ" ต้นยักคิ้วแสดงความเหนือชั้น
   "อะไรวะ ทำไมอยู่ดีๆก็ยอมซะอย่างงั้นก่อนหน้านี้ยังไงก็ไม่ได้นี่หว่า"
   "ชั้นทิ้งแกไม่ได้ว่ะ" ต้นรื้อเสื้อผ้าออกจากกระเป๋าเดินทาง
   "ทิ้งบ้าอะไร เราคุยเรื่องนี้กันแล้วนะเว่ยต้น!! ญี่ปุ่นแค่นี้เองชั้นอยากเจอแกเดี๋ยวชั้นบินไปเองก็ได้" เพชรหน้าตาขึงขัง
   "คุณมูเค้าบอกว่าแกไม่ไปหรอก เค้าว่าถ้าเค้าเป็นแกเค้าก็ไม่ไป"
   "เห้ย.. คิดมาก แล้วนี่ไม่ใช่ว่าแกต้องแยกกันเพราะชั้นนะเว่ยต้น!!"
   "แยกกันสิดี แกต้องเห็นพวกญาติๆพ่อแม่พี่น้องเค้า แม่ง.. เก๊กซิบหาย หายใจเข้าแต่ละทีกูโคตรเกรงใจเค้าเลย แล้วแม่งงานศพยายเค้าด้วยใช่ป่ะพิธีแม่งอลังการโคตร"
   
   "แล้วพ่อแม่เค้าไม่ชอบแกเหรอวะ"
   "ก็ไม่หรอก เค้าก็เก๊กไปอย่างงั้นแหละมั้ง งานศพด้วย"
   "ก็เหมือนคุณมูแรกๆแหละมั้ง ไอ้โน่นก็ไม่ได้ไอ้นี่ก็ไม่เอา"
   "รายนั้นน่ะเหรอ เจอชั้นล้างสมองไปแล้วเรียบร้อย"
   "ล้างสมองอะไรวะ คุณมูอ่ะนะ" เพชรยังสงสัยเรื่องแฟนหนุ่มใหญ่ชาวญี่ปุ่นของเพื่อน
   "อยากเก๊กดีนัก ชั้นใช้ให้เป็นตากล้องซะเลย นี่แกดูรูปสิ"
   "สงสารเค้าว่ะ เค้าคงไม่อยากให้แกกลับมา"

   "โหย!! อีต้น!! ตำรวจไม่จับเหรอวะแบบนี้" เพชรเลิกคิ้วตาเบิกโพลงดูภาพจากกล้องมิรเรอร์เลสที่เพื่อนสาวเพิ่งซื้อก่อนหน้าไปญี่ปุ่น
   "ตำรวจห่าไรเป็นชั่วโมงยังไม่มีรถสักคัน กูกลัวโจรมากกว่า แต่แม่ง.. เอาวะ ครั้งนึงในชีวิต"
   "แซ่บว่ะมึง กล้าชิบ" เพชรกดเลื่อนดูไปทีละรูป
   "แก้หมดก็มีนะมึง นี่.. วิดีโอก็มี ทริปนี้เก็บคุ้ม"
   "ไม่กลัวหลุดเหรอวะต้น โหย.. แบบนี้ใช่มั้ยเนี่ยคุณมูเค้าถึงยอมแก"
   "เปล่า.. เค้ายิ่งไม่ยอมให้ชั้นกลับหนักเข้าไปอีกสิ ชั้นจดทะเบียนกับเค้าแล้วนะเว่ยเพชร จดที่โตเกียว" 

   "ชั้นเสนอเค้าว่าถ้าเค้ายอมให้ชั้นกลับมาอยู่กับแก ข้อแลกเปลี่ยนก็คือเวลาที่เค้ามาเมืองไทยชั้นกะจะให้แกเป็นตัวแถม"
   "แถมอะไรวะ"
   "เราก็เป็นเมียด้วยกันไงชั้นเป็นหมายเลขหนึ่งส่วนแกก็เป็นหมายเลขสอง ทีนี้จะได้ไม่ต้องลำบากใจกันเสียที"
   
   "โถ.. อีฉลาด" เพชรถอนหายใจส่ายหน้า
   "เอาเถอะเพชร นมมึงเล็กขนาดนี้ผู้ชายที่ไหนเค้าจะเอามึ้ง.." ต้นทำหน้าตาดูหวังดีกับเพื่อนรักเสียเหลือเกิน

..........................................
   



















เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

live20

#1
 เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดีมากครับอ่านแล้วรู้สึกย้อนความหลังได้เลย






คำเตือน  ก่อนคอมเม้นต์ จากเจ้แว่น
................................................
ใครจะอ่านผลงานทุกตอนในห้องนี้ ถ้าทำตามกติกา-เงื่อนไขนี้ไม่ได้ แล้วรีพลายมักง่ายผ่านไปที หรือ รีพลาย ขอบคุณครับ,ขอบคุณ,ขอบคุณค่ะ,ติดตามครับ,สนุกมากครับ,ติดตามต่อ. อะไรประมาณนี้ จะแบนเลยนะ ขอบคุณมากๆครับ ก็ไม่ต้อง thank,thank you,thx ขี้หมาหลายแหล เหล่านี้ก็อย่าให้เห็น จัดรูดแบนไปยาวๆถ้าเจอ นี่เป็นข้อตกลงไว่ก่อนอ่านระหว่างเจ้าของงาน กับสมาชิก ::Angry:: ถ้า รีพลายผิดเงื่อนไขมาหรือ โชว์พาล์วอยู่มานาน โชว์เก๋า โชว์สด โชว์เกรียน ทำมึนลองมาจะแบนเลย เพื่อสมาชิกอีกส่วนที่พร้อมทำตามกติกา ::Cheeky:: เพราะไม่เช่นนั้น รีพลายคุณอาจทำให้ สมาชิกที่ปฏิบัติตามพลอยอดอ่านไปด้วย ฉะนั้นไม่แน่ใจ อย่าพิมพ์เอามักง่ายมั่วๆ..ถ้าคิดว่า กฏนี้มันยากก็ไปหาที่อื่นเสพนะ อย่าเข้ามาใช้มาอ่านงานที่ห้องนี้ อ๋อ ใครโดน pm เตือนถ้ายังมึนจะแบนจาก 6 เดือนเป็น 1ปี. .

กฎที่วางนี่ไม่ได้เขียนเอา ฮา เนอะ แบนจริงใครอยู่นานแล้วคงรู้จัก แว่น ดี..คิดว่า ฉันแบนจริงหรือเตือนเอาสนุกเล่นๆ..อย่าๆลอง เดี๋ยวจะเสียความรู้สึกด้วยรีพลายคุณเอง ทำตามเงื่อนไข ยากอะไร หรือ จะโชว์เกรียน..เตือน,ขอร้อง,ขอความร่วมมือ แล้วเมื่อไม่รักษาสิทธิ์-ประโยชน์คุณเอง ก็แบนไปใช้เวปอื่น. .
................................................................................................................

cyborg0011

มีปัญหาอะไรในครอบครัว ก็ระบายได้เลยครับ

gritkin

เรื่องเสียวเเบบอ่านเพลินๆ สนุกดีครับ เเต่ตัดซ่อนแบบมีงงนะครับ

Kacey Chase

เรื่องในครอบครัวมันเครียด และเป็นบ่อเกิดให้คนนอกเข้ามาแทรกได้ครับ

livpool

ไม่ใครซักคนต้องมีนอกลู่นอกทางบ้างหล่ะ

say4444


Mamotaro Musashi

ความรักที่จืดชืด อยุ่ดีๆเป้นความรักที่ฟรุงฟริงมาได้ครับ

axolotss


holovelove

ขอเข้าอ่านข้อความที่ซ่อนนะ อ่านสนุกแต่งงๆ
เหงาๆ

akerue

มันก็งงๆอยู่นะ แต่นิสัยมันเปลี่ยนไปเร็วไปไหม

boom

เรื่องของครอบครัว เป็นเรื่องที่ต้องศึกษา และแก้ไขหาทางออก การเปิดใจแล้วแก้ไขร่วมกันตามเรื่องของคุณเป็นสิ่งที่่ดี ในการแก้ปัญหาครอบครัวครับ

thep59

อ่านแล้วสนุกดีครับ ลุ้นดีแต่บางทีก็งงๆ

olemantu

เป็นเรื่องทที่เล่าไปเรืื่อย ๆ ก็จรีงแต่จี๊ดดีจัง..ทุกครอบครัวมีปัญหา..แต่ใครจะอยู่กับครอบครัวแล้วมีความสุขได้ ถ้าไม่ยอมรับความจริงใจกัน

KFzzz

อาเจินไม่ยิมปล่อยอารมณ์เลย สงสารผัวหน่อยสิอาเจิน