ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

Swinging legacy | Cheerleader : Chapter 5 Initiative

เริ่มโดย Basilisk, มกราคม 18, 2020, 08:36:31 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 2 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

Basilisk

บันทึกสวิงกิ้ง ภาคหลีดคณะ: บทที่ห้า มือนำ
(Swinging legacy | Cheerleader : Chapter 5 Initiative)




หลายวันผ่านไป จนกระทั่งเข้าปลายเดือนเมษายน

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น...

"เป็นไงบ้างจ้ะ..." เสียงหวานที่คุ้นเคยจากปลายสาย

"เหมือนเดิมนะ คิดถึงเหมือนเดิม..." ผมพูดอย่างที่รู้สึก

หนึ่งเล่าว่าแฟนเก่าเข้ามาเอาของต่างๆ ที่เค้าเคยมาอาศัยอยู่ที่บ้านเธอ ทำให้สะกิดใจขึ้นมาว่าจะมาวอแวกับเธอหรือเปล่า "แล้วหนึ่งว่าไง..." ผมถาม "เค้ามาเอาไปหมดแล้วล่ะ มีมาหาที่ร้านบ้างแต่เราก็ไม่ได้อะไรนะ" ผมค่อนข้างเชื่อหนึ่งสนิทใจ เพราะคงไม่มีเหตุผลอะไรที่ทำให้เธอต้องกลับไปคบกับแฟนเก่าเธอเลย เราพูดคุยแสดงความคิดถึงกันปกติ ผมไม่พูดเรื่องภาพ... คิดว่าจะทำให้เธอประหลาดใจ ก่อนวางสายหนึ่งทิ้งท้ายว่า...

"อีกไม่กี่วันแล้วนะ... จะได้เจอกัน"

"เอ้อใช่สิ... เธอต้องกลับมาเตรียมงานซ้อมหลีดนี่ ลืมไปเลย" น้ำเสียงผมดีใจ ลืมเรื่องนี้ไปสนิท เธอก็เหมือนผมที่ต้องเตรียมงานล่วงหน้าเป็นเดือน "เธอจะมาวันใหนอ่ะ..." "มะรืนจ้ะ" น้ำเสียงเธอปนหัวเราะ กลายเป็นว่าโดนเซอร์ไพรส์ไปก่อนอีกตามเคย...




Photo by Charles Deluvio on Unsplash




เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทันที... หลังจากหนึ่งวางสายไป

"เออ ฮัลโหลๆ ไอนน สรุปมึงว่างมั้ยเนี่ย" เสียงไอเจษนี่เอง "บทกูว่างก็ว่างจริงๆ บทกูไม่ว่างนี่ก็หลายอย่างเชียว" ผมเซ็งใส่ เพราะช่วงนี้ใกล้จะเปิดเทอมในอีกสองอาทิตย์ ต้องเตรียมงานกิจกรรมเพราะพวกเพื่อนๆ ก็เริ่มทยอยกลับมาที่มหาลัยกันเกือบครบทีมแล้ว อีกอย่าง... หนึ่งก็จะกลับมา ใหนจะเรื่องวุ่นวายตอนเปิดภาคเรียนอีก "แปปนะตังกูจะหมด คุย MSN ดีกว่า" ไอเจษเร้า "ได้ๆ" ผมเปิด MSN ขึ้นมา ไอเจษเรียกวิดีโอคอล หน้ามันขึ้นมาเกือบครึ่งจอ พื้นหลังเห็นฝ้าเพดานสภาพคล้ายในห้องนอน "เออ งานกูอ่ะ 29 นะ อย่าลืมๆ" "ไม่ลืมๆ กูว่าน่าจะไปได้" ไอเจษเป็นคนย้ำคิดย้ำทำเหมือนเคย งานเกือบสิ้นเดือนมันโทรมาย้ำตั้งแต่ต้นเดือน "แล้วจะให้กูไปนอนใหน บ้านมึงไม่เอาแล้วนะ กูเกรงใจแม่มึง เที่ยวนี้ต้องพาหนึ่งไปด้วยอีก"

"มึงไปนอนที่ตากอากาศป่ะหล่ะ เดี๋ยวกูช่วยออก จะได้แดกเหล้ากันด้วย งานนี้กูบอกไอตั้น ไอพุ ไอเอสแล้ว พวกมันน่าจะว่าง"

"เอองั้นมึงดูราคามานะ แล้วมาบอกกู แล้วนี่มึงจะแดกก่อนวันงานเลยเหรอว่ะ ฮ่าๆๆ ตอนนั้นมึงเป็นนาคอยู่นะ" ผมหัวเราะ "โด่ เดี๋ยวกูไปดูพวกมึงแดกก็ได้ สัสเอ้ย..." "เดี๋ยวนะๆ ไอตั้นทักเฟสมา" ผมบอกไอเจษ "เออๆ แค่นี้แหละ กลัวมึงลืม" ไอเจษตัดวิดีโอคอล

"เออ นนมึงว่าไง ไปมั้ยงานไอเจษ" ไอตั้นพิมพ์ส่งมาในแชท

"ไปๆ กูให้มันดูที่พักอยู่..."

"...อ่าว มึงคุยกะมันแล้วเหรอ"

"เออ มันเพิ่งวางสายไปเมื่อกี้เอง..."

"งานนี้จัดหนักนะเว้ยไอนน ส่งเพื่อนเข้าโบสถ์"

"แน่นอนอยู่แล้ว" ผมพิมพ์ตอบ...

"...เออ แล้วแฟนมึงมาป่ะ"

"หนึ่งอะเหรอ กูก็ว่าจะให้ไปด้วยแหระ..."

"........."

แปลกใจว่ามันจะถามถึงหนึ่งไปทำไม ทั้งๆ ที่เพิ่งเคยเจอกันแค่ครั้งเดียว... หนึ่งจะไปหรือไม่ไปก็ไม่น่าจะเกี่ยวข้องอะไรกับงานนี้ คือคำถามนี้มันไม่จำเป็นที่จะต้องถามก็ได้ หรือมันอาจจะถามไปยังงั้นเอง...

"ถามทำไมวะ รึมึงหลงเสน่ห์หนึ่งเข้าแล้ว" ผมคิดอยู่นานกว่าจะพิมพ์ประโยคนี้ลงไป...

"........."

ช่องแชทขึ้นเตือนว่าอีกฝั่งกำลังพิมพ์อยู่ แล้วก็หยุดไป เหมือนไอตั้นจะพิมพ์อะไรสักอย่างส่งมา แต่ลบไปก่อน "กูล้อเล่น... ต้องไปดิ กูพาหนึ่งไปอยู่แล้ว" ผมพิมพ์ต่อ เห็นมันเงียบไปไม่พิมพ์อะไรตอบกลับมา

"เออ..."

ไอตั้นพิมพ์ตอบกลับมาสั้นๆ... ผมสับสนกับท่าทีของเพื่อน รู้สึกแปลกๆ ตั้งแต่ตอนไปเที่ยวทะเล รู้สึกว่าไอตั้นมันสนใจหนึ่งเป็นพิเศษ หรือว่ามันจะคิดอะไรกับหนึ่งจริงๆ...

ความคิดนั้นแว่บเข้ามา...

ผมหยุดพิมพ์โต้ตอบ สงบนิ่งและครุ่นคิด จากที่จะโกรธเพื่อน กลับรู้สึกสนุก ผมกลับคิดขึ้นมาว่า... ถ้าหากเราทำเฉยๆ ลองทำเป็นไม่รู้ว่ามันแอบชอบหนึ่ง มันจะไปได้ถึงใหน มันจะทำยังไงต่อ รึมันอาจจะคิดว่าหนึ่งก็ชอบมันเหมือนกัน คงเป็นประกายความรู้สึกเล็กๆ ที่ตอนนั้นเพื่อนๆ รวมทั้งผม ไม่ได้เอะใจอะไรขึ้นมา ท่าทีของหนึ่งที่เรียบเฉยและแสดงออกอย่างปกติกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้น... ไม่แน่ว่ามันอาจจะตีความไปตามที่มันเข้าใจ

แต่ถึงไอตั้นจะเป็นคนห่ามๆ มันก็ยังเกรงใจผมในทุกๆ เรื่อง มันไม่ใช่คนที่คิดจะลองดี เจ้าเล่ห์ หรือทำอะไรให้ผิดใจกับเพื่อน มันเป็นคนที่ผมสนิทใจที่สุดแล้วว่าจะไม่มีทางหักหลังเพื่อนเด็ดขาด แต่ทำไมเรื่องนี้มันล้ำเส้นเข้ามาแปลกๆ... ถ้ามันชอบแฟนเพื่อนขึ้นมาจริงๆ แล้วมันจะทำยังไง มันจะแทงข้างหลังเพื่อนหรือว่าแสดงออกมาในแบบอื่น ผมตัดสินใจที่จะเงียบไว้ เพื่อรอวันพิสูจน์...




ขอบคุณรูปภาพจาก wanderingthefuture




2 พฤษภาคม 2555
หน้าตลาด NM เวลาประมาณ 11:25 น.

จุดพักรถและซื้อของฝากขึ้นชื่อของเหล่านักท่องเที่ยวที่ทำให้การจราจรขาออกชลอตัวลงอยู่ที่นี่

ตลาด NM...

ตลาดที่ทอดตัวยาวกว่า 300 เมตร อุดมไปด้วยร้านของฝากท้องถิ่นกว่า 20 ร้าน ภายในร้านค้าทุกร้านประดับประดาด้วยไฟห้อยสีเหลือง warm white อร่ามตา... และที่ผมแปลกใจก็คือ ทุกๆ ร้านขายสินค้าคล้ายๆ กัน ไม่ว่าจะข้าวหลาม ปลาเส้น หมึกกรอบ ผลิตภัณฑ์อาหารทะเลตากแห้ง ขนมหม้อแกง ขนมจาก ฯลฯ ราคาแตกต่างกันบ้างเล็กน้อย ในขณะที่กำลังตั้งคำถามกับตัวเองว่าทำไมเค้าต้องขายเหมือนๆ กันด้วย ทำไมไม่แยกไปเลยว่าร้านนี้ขายอย่างนึง อีกร้านขายอย่างนึง เพราะถ้าผมเป็นนักท่องเที่ยวไปเลือกซื้อก็คงสับสนไม่น้อยเลย... รถตู้คันหนึ่งวิ่งมาเทียบท่าข้างฟุตบาทอย่างรวดเร็ว "NM ครับ... NM" เสียงเด็กรถตะโกนออกมา ผมนั่งบนเบาะมอเตอร์ไซค์มองกลุ่มคนที่เดินลงจากรถตู้อย่างใจจดใจจ่อ คนแรกคือสาวออฟฟิศสวมส้นสูงท่าทางขมักเขม้น คนที่สองคือชายวัยกลางคน และคนที่สามคือผู้หญิงผมยาว สวมแว่นตาดำอันใหญ่ ใส่เสื้อแขนยาวสีเข้มลายมิคกี้เม้าส์ กางเกงเลกกิ้งสีดำแนบเนื้อ ชิ้นเนื้อสะโพก ก้นและต้นขาแข็งแรงอวบอิ่มได้รูป เธอมองหาใครสักคนอยู่ แล้วก็จำเธอได้ทันที "หนึ่ง ทางนี้..." "อ่าว..." หนึ่งยิ้มและหัวเราะแก้เขินที่หาผมไม่เจอ เธอรีบวิ่งมาทางผม กลิ่นตัวยังหอมคลุ้งเหมือนเคย ผมกางสองมือไปรับสัมภาระไว้

"รอนานมั้ยจ้ะ..." หนึ่งเสียงหวานพร้อมกับถอดแว่นออก

รอยยิ้มและน้ำเสียงจากตัวจริงมันต่างจากที่ได้ยินอีกฝั่งของหูโทรศัพท์อย่างเทียบกันไม่ได้เลย... ผมแทบพูดอะไรไม่ออก คิดถึงเธอมาก ท่ามกลางความวุ่นวาย เสียงรถอื้ออึง ประโยคนึงหลุดออกมา

"คิดถึงเธอมากเลย" คำตอบของผมไม่ตรงคำถามของเธอ...










หนึ่งนั่งกอดเอวแน่นมาจนถึงหอ ทันทีที่ประตูห้องปิดลง ผมเข้าสวมกอดอย่างอิ่มอุ่นตรงหน้ากระจกที่เธอใช้แต่งหน้าเป็นประจำ หนึ่งกอดกลับ ลมหายใจเธอแรงขึ้นทันที... กลิ่นเส้นผม กลิ่นกาย และกลิ่นลมหายใจ หอบเอาความรู้สึกที่คุ้นเคยกลับมาทั้งหมดในคราวเดียว

ผมเลื่อนฝ่ามือลงไปพักที่บั้นท้ายกลมงอน ด้วยความบางของเลกกิ้ง ทำให้สัมผัสได้ถึงรายละเอียดต่างๆ ของชิ้นเนื้อด้านใน ขนาดมันเพิ่มขึ้นมากกว่าปกติ หลังจากลูบไปรอบๆ สามสี่ครั้ง ก็ค่อนข้างจะมั่นใจ หนึ่งอวบขึ้นชัดเจน...

"อยู่กะแม่ กินเยอะเหรอเนี่ย" ผมแซว

"อิอิ กินดีอยู่ดีจ้ะ"

จากบั้นท้ายที่กลมกลึงสวยงามอยู่แล้ว กลายเป็นอวบอิ่มเข้ารูปแน่นตึงกว่าที่เคย ผมถอดเสื้อแขนยาวเธอออก โยนลงบนที่นอน ก้มลงไปปลดกระดุมกางเกงเลกกิ้ง รูดม้วนลงจากเอวสู่ปลายเท้าต่อเนื่อง หนึ่งยกขาสลับข้างให้ถอดได้ง่ายขึ้น ทั้งตัวหญิงสาวเหลือแค่ชั้นใน สายตาเธอล่องลอยมองต่ำลงมาตามกางเกงตัวเองที่ถูกถอด โยนไว้ที่พื้นข้างๆ... ต้นขาขาวอวบอิ่ม บั้นท้ายใหญ่ขึ้นดูมีน้ำมีนวล สาบสาวสะพรั่งส่งกลิ่นกายหอมฟุ้งเย้ายวน

ผมอ้อมมือไปปลดตะขอ บราตกลงที่พื้น หน้าอกกระเด้งออกมา

ไม่ใช่แค่ต้นขาและสะโพก ผลลัพธ์ของการเพิ่มน้ำหนักยังส่งมาถึงขนาดเต้านม ชั้นใขมันหนากลมพองโตเต่งตึง ชวนให้ทนไม่ใหว... ต้องจรดปากจูบเนินอกไปหนึ่งที

"อุ้ย... อื้มมม..."

ผมใจเย็นคุกเข่าลง... สองมือบรรจงถอดกางเกงในตัวเล็กสีเทาลายลูกไม้เลื่อนลงสู่ปลายเท้า ตรงเป้ามีเมือกเปียกแฉะเป็นวง และด้านหน้าระดับสายตาในตอนนี้คือผืนเนื้อสามเหลี่ยมขนาดย่อม นูนขึ้นจากแรงเบียดต้นขา มีร่องบากตรงกลางชุ่มเมือกส่งกลิ่นคาวสาบสาวเต็มจมูก ผมจับข้างต้นขาทั้งสองฝั่งไว้อย่างเต็มไม้เต็มมือกว่าที่เคย

ไม่รู้อะไรดลใจ... ผมจรดริมฝีปากประทับจูบลงไปที่โหนกนูนผืนนั้นอย่างทะนุถนอม

ผมส่งสายตาขึ้นไปหา เธอประคองตัวผมลุกขึ้น... ในร่างเปลือยอวบสะพรั่ง หญิงสาวลมหายใจปั่นป่วน เธอเริ่มขยับ... ถอดเสื้อผ้าออกให้ผมจนหมดทีละชิ้นๆ

แล้วร่างอุ่นๆ เปลือยเปล่าก็เข้าประจันหน้ากัน กระแสประสาทเริ่มวิ่งพล่านคล้ายกระแสไฟที่กำลังสปาร์ค รั่วออกมาเป็นจุดๆ ตามผิวหนัง ความเสียวสยิวพุ่งพรวดขึ้นมา ใจเต้นตึกตักพร้อมกับเลือดที่สูบฉีดจนร้อนรุ่มไปทั้งตัว

หนึ่งผลักผมลงบนที่นอนประหนึ่งนางร้ายในละครหลังข่าว ก้าวขาขึ้นคร่อม ออกท่าเย้ายวนเต็มอารมณ์ "เรานั่งรถมานานนะ ไม่ให้เราอาบน้ำก่อนเหรอ" เธอเอ่ยขึ้นเรียบๆ "ถ้าอาบ... กลิ่นพวกนั้นจะยังอยู่มั้ย" คำตอบนั้นทำเธอนิ่งไปสักพัก "ไม่แน่ใจอ่ะ..." สีหน้าสงสัย "งั้นก็เริ่มเลยเหอะ..." หลังประโยคนั้นจบ หนึ่งยงโย่ยงหยกคว้าท่อนที่ตึงแน่นไปด้วยเลือดประทับร่องทันที

สัมผัสแรกหลังจากผ่านไปสองเดือน...

คือความเจ็บเสียด...

ภายใต้เนื้อหนังที่อวบอิ่มมากขึ้น มีผลไปถึงชั้นใขมันและเนื้อเยื่อภายใน ทุกอย่างดูแน่นไปหมด ให้ความรู้สึกนึกย้อนไปถึงคืนแรกของความสัมพันธ์

ต้องตบก้นเธอเบาๆ ส่งสัญญาณให้ค่อยๆ ทำ... ทว่าด้วยเมือกหล่อลื่นที่เอ่อล้นออกมามากมายจากร่องหน้า ยังพอทำให้กามสวาทดำเนินต่อไปได้ ถึงจะบีบคัดแน่นอยู่ในที... ทุกท่วงท่าอิริยาบถ ต้องอาศัยแรง จังหวะ และองศาที่ต่างออกไปเพื่อรองรับความเต็มกระชับจากทุกๆ สัดส่วนที่เพิ่มเข้ามา

หนึ่งเองก็น่าจะรับรู้ได้เหมือนกันถึงความเบียดเสียดที่มากกว่าปกติ เสียงครางของเธอปนไปด้วยความสยิวและความเจ็บเสียด







ผมขยับตัวลุกเข้าหา เปลี่ยนมาท่านั่ง... หนึ่งแยกขากว้างหันหน้าประกบเอวแนบชิดเข้ามา สองฝ่ามืออ้อมไปข้างหลังรองก้นเธอเอาไว้ ตัวเธอลอยสูงขึ้นเล็กน้อย ตำแหน่งนี้ยอดนมตรงกับหน้าพอดี แต่ยังไม่ทันได้อ้าปากงับ... หนึ่งคล้องคอเดินเครื่อง ขยับเอวแอ่นก้นจนตัวโค้ง เสยร่องลู่ขึ้นสลับกับทิ้งตัวลง ฝ่ามือที่พวงก้นทำหน้าที่คอยทอนแรงหล่น และช่วยโยนตัวเธอขึ้นไป เต้านมอวบกระดอนฟาดหน้าผากผมอย่างแรงทุกครั้งที่เธอโยกลงมา แต่หนึ่งก็ไม่ขยับออกแม้แต่น้อย ยังเดินหน้าฟาดเอวฟาดเต้า เข้าทำรุนแรงหนักหน่วง

เสียงสูดปากดังขึ้นเรื่อยๆ พร้อมๆ กับเสียงเนื้อกระแทก โมเมนตัมของแรงเหวี่ยงยิ่งหนักขึ้นเป็นเท่าทวี ทุกการกระทบ หน้าอก เอว สะโพก ต้นขา ทั้งร่างกายสั่นกระเพื่อมถึงกัน ท่อนรยางค์เนื้อทั้งแขนขาที่อวบแน่นเหมือนใส้กรอก ให้สัมผัสการกระแทกที่สะท้านและทรงพลังกว่าทุกครั้ง...

"ปั่บ ปั่บ!!... ปั่บ"

เหงื่อสาวผุดซึม กลิ่นน้ำกามฉ่ำอบอวล ...ร่างเปลือยชิ้นคาวยังคงทิ้งโถมน้ำหนักใส่ต่อเนื่องเพื่อเข้าถึงจุดสุดยอด ผมไม่รีรอเกร็งหน้าท้องส่งกำลังช่วยอีกแรง เงี่ยงตึงผึงครูดเบียดผนังช่องคลอดรัวขึ้นลงเป็นจังหวะ

"โอ้ยยย นน..."

"โอ๊ยย นน นน..."

"ซี้ดด...... อ๊าาาาายย........." หนึ่งหงายหน้าหวีดร้องกอดคอแน่น

...แสงสวรรค์แรกหลังจากผ่านไปร่วมสองเดือน

แล้วเบื้องหน้าก็มืดลงจนมองอะไรไม่เห็น เธอกอดรัดกดสองเต้าใส่จนเต็มหน้า หลีดสาวในร่างอวบอัดตัวกระตุกยึกๆ ขมิบรวบ ขับเมือกใสราดช่องคลอดจนชุ่มฉ่ำ เสร็จนำไปก่อน...

น้ำกามที่หลั่งรินออกมาราวทำนบแตกนั้นมากกว่าทุกครั้ง มันเยอะจนให้ความรู้สึกอุ่นไปทั้งลำ ใหลย้อยต่อเนื่องลงไปถึงง่ามก้นหยดเป็นทางมันวาว ผมออกแรงขยับเล็กน้อยเพื่อเปลี่ยนท่า จับเธอพลิกคลานท่าหมา... เผยแผ่นหลังและบั้นท้ายหลีดคณะที่ให้ความรู้สึกอันโอฬาร น้ำนวลในชั้นผิวมันวาวชุ่มชื้น มือนึงจรดปลายแท่งเนื้อ มือนึงจับเอวบางค่อยๆ ดันเข้าไป...

"........."

"............"

แปลกใจว่าทำไมมันเข้ายากผิดปกติ สัมผัสแปลกๆ แต่มันก็เริ่มจะเข้าไปแล้ว หนึ่งกระตุกเกร็ง... สะดุ้งเล็กน้อย

"เอาตรงนั้นเหรอ เจ็บนะ... ค่อยๆ ทำ"

เดี๋ยวนะ... ผมก้มลงไปมอง

เฮ้ย ผิดช่อง... เรากำลังสอดใส่เข้าประตูหลังหลีดสาวไปเต็มๆ "ขอโทษๆ เราทำผิด..." ผมสะดุ้งจะชักออก

ไม่ทัน... กล้ามเนื้อหูรูดอมส่วนหัวเข้าไปอย่างรวดเร็ว

"โอ้ย... ซี้ดด...... โอ้วววว" หนึ่งครางอู้ มือไม้สั่นปัดป่ายอ้อมมาด้านหลังบีบต้นขาผมไว้ไม่ให้ขยับออก

"นน... นนลองทำดูก็ได้... แต่ค่อยๆ ก่อน" เธอเสียงสั่น...

ผมนิ่งชะงัก ประหลาดใจมากกว่าที่จะตกใจ ไม่รู้ว่าที่เธอพูดนั้นทีเล่นหรือทีจริง เพราะมันก็... ใช่ว่าจะทำไม่ได้ เอาเข้าไปน่าจะไม่ใช่เรื่องยาก อีกอย่าง... ผมไม่รังเกียจเธอแน่นอน และนี่ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับเรา

ภาพการร่วมรักทางประตูหลังระหว่างหญิงชายมักมีให้เห็นผ่านตาอยู่เสมอในเว็บโป๊ทั่วไป ไม่ได้จำกัดอยู่แค่กับกลุ่มชายรักชาย ยิ่งเฉพาะฝั่งตะวันตกที่ชายหญิงมีเซ็กส์กันแบบนี้จนเป็นเรื่องปกติ

แต่หนึ่ง... ทำไมถึงได้อยากทำแบบนี้ ไปเอาความคิดนี้มาจากใหน ช่องทางที่ไม่ปกตินี้อาจจะทำให้เธอเจ็บ จนผมไม่กล้าที่จะบุ่มบ่ามทำอะไร ถึงแม้ว่าหนึ่งจะเป็นคนอยากรู้อยากลองขนาดใหนก็ตาม ...แต่ด้วยสถานการณ์ที่เร่งเร้า จากประสบการณ์กับเธอที่ผ่านมา ทำให้เราไม่มัวมาถามอะไรแบบนั้นในตอนนี้ ผมรวบรวมสติ สะกิดให้สัญญาณ ถอนลำออกมา เตรียมจะเสียบเข้าไปใหม่ ปาดมือลูบน้ำเมือกร่องหน้ามาช่วยทาร่องหลังเบาๆ หวังจะให้เข้าไปได้ง่ายกว่าเดิม

ร่างกายเธอผ่อนคลายลง กล้ามเนื้อไม่แข็งเกร็งเหมือนตอนแรก... เสียบเข้าไปได้ไม่ยาก แต่หนักสุดคือส่วนโคนของเราที่โดนกล้ามเนื้อหูรูดปากรูรัดไว้จนแน่น จะขยับเข้าหรือขยับออกก็ไม่สะดวก

"โอ้ยย โอ้ย... โอ้วว ซึ้ดด เบาๆ ก่อน..." เธอร้องปราม

ผมค่อยๆ ประคอง ขยับเข้าขยับออกช้าๆ ให้ตัวเองชินกับสภาพในรูหลังไปด้วย มันกลับกลายเป็นเราที่เกร็งสุดๆ ไม่แพ้กัน เพราะกลัวเธอจะเจ็บ

หลังจากฝืนขยับเข้าขยับออกได้ไม่นาน... จากเสียงร้องก็เปลี่ยนเป็นเสียงคราง สลับกับกัดกรามอย่างสะใจ แล้วทั้งท่อนก็หลุดเข้าไปจนสุด

"อื้อออ...หื้มมมม............ หื้มมมมม"

แทบจะไม่รู้สึกถึงการตอดรัดของโพรงผนังด้านในเลย รู้สึกแน่นโคนหน่วงๆ หนึ่งเกร็งประตูหลังขมิบรัดไว้จนขยับเข้าออกลำบาก แต่ถ้าให้เทียบกัน ยังไม่เจ็บเสียดครูดแน่นไปทั้งแท่งเท่ากับร่องหน้า

ผมสับสนไปหมด ว่าจะทำยังไงต่อดี เพราะนี่ไม่ใช่เซ็กส์ปกติอย่างที่เราเคยมีกัน มันจะไปจบลงตรงใหน แล้วตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าหนึ่งรู้สึกยังไง เธอเอาแต่ครางจนปากสั่น ตัวกระตุกเกร็ง

ผมโน้มตัวลงจนหน้าอกแนบกับแผ่นหลังของหลีดสาว สอดมืออ้อมไปใต้หว่างขาขาวนวล ด้วยสัญชาตญาณว่ายังไงร่องหน้าก็คือชนวนไปสู่การหลั่งน้ำ เริ่มลูบใล้ร่องสงวนเบาๆ ด้วยสามปลายนิ้ว ชี้ กลาง นาง ชุ่มลื่นกดปลิ้นสลับไปมาระหว่างแคมซ้ายขวาและติ่งตรงกลาง

หนึ่งเสียวทวีคูณจากการกระตุ้นทั้งสองทาง เสียงครางระงม ทำสถานการณ์ยิ่งตึงเครียด... ผมเริ่มได้ใจเลื่อนนิ้วรุกหนักตามเสียงครางเข้าไปข้างใน แหย่เข้ารูช่องคลอด... ทุกอณูสัมผัส ล้วนเต็มไปด้วยเมือกคาวและน้ำกาม ผิวรอบๆ ขรุขระเป็นเอ็น ดุ้นที่ปักคาอยู่ช่องหลังกดผนังด้านบนทับยู่ลงมา ทำให้รูหน้าแคบลงคล้ายสายยางกำลังถูกกดทับ เยื่อบุด้านในขมิบห่อรวบทั้งนิ้วไว้แน่นราวสุญญากาศ ขณะที่ยังรับรู้การเคลื่อนใหวเข้าออกของท่อนเนื้อที่ปักร่องหลังห่างออกไปเพียงผนังเนื้อบางๆ กั้น

ถึงตรงนี้ที่เริ่มได้ยินเสียงเธอครางเร่งจังหวะดังขึ้น ดังขึ้นเรื่อยๆ ...หนึ่งกำลังจะถึงจุดสุดยอด

"โอ๊ยยย... โอ๊ยย...... โอ้ย... โอ้ยเสียววว..." "โอ๊ยย... นน... จะเสร็จอีกแล้ว..."

"อ๊ายยยยยยย..." ในที่สุดก็เร้าเรียกน้ำกามสาวราดออกมาได้อีกครั้ง

สองทางพร้อมๆ กัน ผลลัพท์รุนแรงอย่างคาดไม่ถึง หนึ่งหน้าแดง ตัวเกร็ง ปากอ้าตาลอย...

ผมเกร็งปลายนิ้วทิ่มค้างไว้ที่เดิม พร้อมกับเลื่อนแท่งที่รูหลังอย่างหนักหน่วงและรวดเร็ว แรงกระทบส่งมาถึงนิ้วที่ร่องหน้า กดสั่นย้ำๆ ตรงจุดเสียว เรียกน้ำกามกันอีกยกใหญ่

ในที่สุด... น้ำที่สามก็ออกมา ชุ่มนิ้ว หนึ่งแน่นิ่งไปกับที่นอน แทบจะไม่มีเสียงร้อง เวลาเดียวกันกับน้ำเชื้อกลุ่มใหญ่กระฉูดพุ่งทะลุเข้าประตูหลัง ไม่เล็ดลอดออกมาแม้แต่หยดเดียว

เราสองคนนอนหมดแรงในสภาพ cool down... ผมถอนออก เห็นหัวขาวซีดเผือดจากแรงบีบรัด มีรอยถลอกที่เงี่ยงเล็กๆ แต่ให้ความรู้สึกแสบสะท้าน หนึ่งพลิกตะแคงหลบหน้าไม่สบตา วิ่งหน้าแดงเข้าห้องน้ำ ผมหิ้วผ้าเช็ดตัวเดินตามเข้าไปติดๆ

.........

"เจ็บมั้ย..."

"นิดหน่อย..." หนึ่งตอบทั้งที่ยังเขิน มือหยิบฝักบัวจ่อล้างตรงหว่างขา

"รู้สึกยังไงอ่ะ..."

.........

"......มันก็จุกๆ นะ เหมือนตอนปวดท้อง แล้วมีอะไรมาคาไว้ เบ่งไม่ออก... ประมาณนั้นอ่ะ..."

"แล้วดีมั้ย..." "เสียวนะ ถ้าข้างหน้าโดนไปด้วย... นี่ถามอะไรนักหนา ฮึ..." เธอเริ่มบ่น

"ฮ่าๆๆ อยากรู้ไง อยู่ๆ ก็ให้ทำ... เรานี่รู้สึกแน่นไปหมด"

"เอาจริงๆ ก็เคยฟังจากเพื่อนมาบ้างแหระ..." หนึ่งยื่นฝักบัวสลับมาให้ผมล้าง

"หือ เพื่อนหนึ่งอ่ะเหรอ..." เดี๋ยวนะ ยุคนี้เค้ามีเซ็กส์แบบนี้คือเรื่องปกติใช่มั้ย ผมคิดในใจ

.........

"อือ... มันเคยให้แฟนมันทำให้..."

"แล้วเป็นไง..." ผมอยากรู้

"มันบอกก็เสียวดี... ปกติแฟนมันเอาข้างหน้า มันไม่เคยเสร็จเลย พอเอาข้างหลังแล้วทำแบบนนไปด้วยอ่ะ มันเสร็จ" ...อ่าว แบบนี้ก็มีด้วย

"แต่หนึ่งไม่ใช่แบบนั้นนี่ หรืออยากลอง..." "อยากลองเฉยๆ แต่ก็เสียวไง" "อีกอย่างวันนี้อ่ะ... ข้างหน้ามันเจ็บๆ ไม่ค่อยสะดวก" หนึ่งบ่น

"เราก็เจ็บ น่าจะไม่ได้มีอะไรกันนานอ่ะ อีกอย่างนึง..." ผมเว้นวรรค ยิ้มมุมปาก

"อะไร... จะว่าเค้าอ้วนอีกแล้วใช่มั้ย... " หนึ่งเสียงดุใล่ตีผมยกใหญ่

"เดี๋ยวๆ ยังล้างไม่เสร็จเลย ฮ่าๆๆๆ" ผมยกฝักบัวสะบัดไปมา เปียกปอนกันหมด กลายเป็นว่าต้องอาบน้ำกันทั้งคู่ ...







"เอ๊ะ... นน ทำไรอ่ะ" หนึ่งออกมาจากห้องน้ำ "หือ... อะไรเหรอ" "ที่หนังสือทับอยู่อ่ะ ข้างล่างมันมีกระดาษอะไรแปะไว้" เธอสังเกตุเห็นโต๊ะญี่ปุ่นนั่นแล้ว ต้องบอกตอนนี้แหละ เป็นโอกาสดีที่สุด "อ่าว ไม่รู้นะ... หนึ่งทำไว้รึเปล่า" ผมยักท่า "ลองเปิดดูสิ..." หนึ่งตากผ้ากับไม้แขวนห้อยไว้ที่หูจับตู้เสื้อผ้า ร่างเปลือยเดินไปยกหนังสือออกอย่างรวดเร็ว "นั่นไง เราว่าแล้ว..." หนึ่งยิ้มหวาน "ชอบมั้ย..." "ชอบสิ... แหมวาดรูปเราโป๊เลยน้า" "เธอรู้มั้ยหน้าเธอวาดยากมาก... แก้แล้วแก้อีก... วาดออกมาไม่ค่อยเหมือนอ่ะ เหมือนขาดอะไรไปอย่างนึง" ผมบ่น "เราว่าเหมือนนะ ขอบคุณนะจ๊ะ... อิอิ" ถ้าเธอชอบผมก็ดีใจ "เพื่อนหนึ่งกลับมามอกันครบยังอ่ะ..." "พวกเฮดหลักกลับกันมาบ้างแล้ว ก็พอซ้อมได้นะ" "แม่บ่นมั้ยอ่ะ กลับมาเร็วตั้งสามอาทิตย์" "เค้าก็คิดถึงแหละ อยากให้อยู่นานๆ จนเปิดเทอม... แต่เราก็ต้องกลับมาเตรียมงานนี่ ทำไงได้" "อือ... เพื่อนเราก็กลับมาเกือบครบทีมและ ปีนี้ขึ้นปีสามด้วย เตรียมงาน น่าจะหนักเอาการเลย"

สองอาทิตย์แรกของเดือนพฤษภาคม... ผมกับหนึ่งเข้ามหาลัยเตรียมงานกิจกรรมกันอย่างเข้มข้นเหมือนปีที่แล้วแต่ครั้งนี้ค่อนข้างหนักกว่าตอนอยู่ปีสอง เพราะต้องคอยดูแลน้องเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าการเตรียมงานกิจกรรมสำหรับนิสิตใหม่ภายในคณะมีปัญหามากมาย ต้องใช้ทั้งกำลังและสมองอย่างหนักเพื่อให้เกิดข้อผิดพลาดน้อยที่สุด หากเกิดข้อผิดพลาดจากความประมาทใดๆ ของรุ่นพี่ จะส่งผลให้งานกิจกรรมถูกตัดงบ ถูกยุบ และในกรณีที่เลวร้ายที่สุดอาจส่งผลเสียต่อชื่อเสียงคณะและมหาลัย หรือรุนแรงจนกลายเป็นคดีความ... ทุกอย่างเป็นไปได้ รุ่นพี่ต้องรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับนิสิตใหม่ รู้เกี่ยวกับตารางเรียนของเค้า รู้เกี่ยวกับโรคประจำตัวของแต่ละคน การแพ้อาหาร ศาสนา กินหมูได้หรือไม่ได้ การเดินทางมาเรียน การใช้ยานพาหนะ กิจกรรมส่วนตัวของเค้า ทำงานหลังเลิกเรียนหรือไม่ และอื่นๆ ข้อมูลเหล่านี้เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับรุ่นพี่ทุกคนที่มีส่วนรับผิดชอบในการจัดกิจกรรมเพื่อต้อนรับนิสิตใหม่หรือ "เฟรชชี่" ท่ามกลางกระแสการรับน้องที่ใช้ความรุนแรงจากมหาลัยต่างๆ ทั่วประเทศ ผมและหนึ่งคือหนึ่งใน staff ที่ดูแลกิจกรรมเหล่านี้ แค่เราทำงานคนละส่วนกัน หนึ่งจะดูแลน้องหลีดที่รับเข้ามาใหม่ทั้งหมด รวมถึงดูแลน้องที่กำลังจะขึ้นปีสองด้วย ส่วนผมจะเตรียมงานส่วนกลาง ดูแลทุกกิจกรรมของนิสิตที่เข้าใหม่ทั้งหมด ครอบคลุมไปถึงน้องในหลีด สันทนาการ อเมริกันเชียร์ แสตนด์เชียร์ รับคำสั่งจากนายกสโมสรนิสิตอีกทอดนึง โดยมีอาจารย์ที่ปรึกษาคอยกำกับดูแล ปีนี้รุ่นพี่ปีสี่ที่เคยดูแลพวกผมพร้อมใจกันรามือออก ลดบทบาทตัวเองให้น้อยลง เปิดทางให้พวกผมที่อยู่ปีสาม ระดมความคิด วางแผน กำกับงานภาคสนามให้เบ็ดเสร็จในคราวเดียว โดยคอยให้คำแนะนำอยู่ห่างๆ ถือว่าเป็นงานหนัก ท้าทายและจะผิดพลาดไม่ได้แม้แต่นิดเดียว ผมคิดว่ากลุ่มหลีดของหนึ่งก็น่าจะใช้ระบบนี้เหมือนกัน...

เย็นวันหนึ่ง... ก่อนเข้าอาทิตย์เปิดภาคเรียน

"เออ... หนึ่ง เราว่าเราจะไปงานบวชไอเจษอ่ะ" "เหรอ วันใหนอ่ะ..." ผมกับหนึ่งอยู่ที่ร้านยำหน้ามอ บรรยากาศโดยรอบเงียบเหงา ร้านอาหารยังไม่เยอะเหมือนตอนเปิดเทอม "สิ้นเดือนแหระ ว่าจะไปนอนค้างสักคืนนะ หนึ่งไปป่าว" "ไปดิ เราน่าจะไปได้แหระ" หนึ่งตอบ "วันนี้อย่างเหนื่อยเลย เตรียมพื้นที่" ผมบ่น "สู้ๆ นะ เราจะเหนื่อยไปด้วยกัน" หนึ่งหัวเราะ "เรานี่คิดท่าเต้นใหม่หมดเลย ว่าจะเอาเพลงเก่ามาเพิ่มด้วยนะ" "เหรอ... ดีๆ ปีนี้ไม่พลาดแน่ เดี๋ยวเราไปยืนดู อยากเห็นท่าเต้นโบราณกาล" "ชิชิ ให้จริงเถอะ ปีที่แล้วไปดูเราไม่กี่งานเอง" หนึ่งดุ "ชัวร์ๆ ไม่ไปได้ไง" ผมย้ำคำ...

22 พฤษภาคม 2555
วันเปิดภาคเรียน...

สิ่งที่วุ่นวายกว่าทุกงานกิจกรรมนำมามัดรวมกันของทั้งมหาลัยก็คือวันเปิดภาคเรียน... เพราะการเลือกลงทะเบียนวิชาเรียนในระดับมหาลัยนั้นอิสระยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด นิสิตมีวิชาให้เลือกเรียนมากมาย ถ้าไม่นับวิชาบังคับและวิชาแกน สำหรับผมและหนึ่งในระดับชั้นปีที่สาม การเลือกลงทะเบียนวิชาที่อยากจะเรียนจริงๆ ยังคงเปิดกว้างและไม่ผูกมัด ทั้งวิชาในภาค และวิชาเลือกเสรี การลงทะเบียนเรียนรายวิชายังลงรายละเอียดยิบย่อยไปจนถึงเวลาเรียนและอาจารย์ผู้สอน ความวุ่นวายเกิดขึ้นจากตรงนี้... เพราะไม่ว่าใครก็อยากได้ทั้งเพื่อนร่วมห้องที่สนิทสนมกันและอาจารย์ผู้สอนที่ปล่อยเกรดง่ายๆ ปัญหามากมายจะเกิดขึ้นถ้าทุกคนมีความคิดแบบเดียวกัน เช่น ลงทะเบียนเรียนไม่ทันเพื่อน ทำให้ตัวเองตกไปอยู่อีก section นึงที่ไม่มีคนรู้จัก กลายเป็นเรียนกับเพื่อนต่างภาควิชา หนักสุดก็กลายเป็นว่าไปเรียนกับนิสิตต่างคณะไปเลย หรือ section ของอาจารย์ที่ชื่นชอบคนนี้เต็ม เพราะอาจารย์ก็มีเหตุผลที่ว่าต้องการสอนกับจำนวนนิสิตลิมิตเท่านี้เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการสอนสูงสุด กลายเป็นต้องไปเรียนกับอาจารย์ที่เข้มงวด เช็คชื่อทุกคาบเรียนและปล่อยเกรดยาก หรือในรายวิชาเลือกเสรี ถ้าวิชานั้นๆ มีนิสิตสนใจอยากเรียนเข้ามาลงทะเบียนเป็นจำนวนมาก โชคดีที่สุดคือเปิด section เพิ่ม และโชคร้ายคืออดเรียน ต้องรอเปิด section อีกทีปีหน้า... ยังไม่นับรวมเรื่องเวลาที่ collapse กันระหว่างวิชาในภาคที่เป็นวิชาบังคับและวิชาแกน ยิ่งทำให้ปัญหาเวลาเรียนซ้อนทับกันยุ่งวุ่นวายมากขึ้น จากความอิสระนำไปสู่ความยุ่งเหยิง... จากกรณีที่ว่ามาทั้งหมด ส่งผลให้วินาทีที่มหาลัยประกาศให้ลงทะเบียนเรียนออนไลน์ ที่ง่ายดายราวหยิบวิชาลงตะกร้าชอปปิ้งและกด proceed... บ่อยครั้งประสบปัญหาเว็บล่มจากการเข้าระบบจำนวนมากอย่างไม่ต้องสงสัย... ณ เวลานั้นทุกคนจะรวมตัวกันอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ในสำนักคอม ไม่ก็แลบทอปส่วนตัว เพื่อประลองความใวนิ้วมือ... ด้วยความโชคดี ผมกับหนึ่งผ่านมันมาได้ ได้เรียนใน section เดียวกันเกือบทั้งหมด... และได้เวลาที่ค่อนข้างลงตัวกับงานกิจกรรมในภาคเย็น




ขอบคุณรูปภาพจาก reg.buu




หลังจากเปิดภาคเรียนไปได้ราวหนึ่งอาทิตย์... ส่วนใหญ่คาบแรกของทุกๆ วิชาจะอธิบาย course syllabus คือกล่าวถึงหัวข้อเนื้อหาคร่าวๆ ทั้งหมดที่จะเรียนในเทอมต้น และส่วนใหญ่ยังไม่มีการเรียนการสอนอะไร เป็นอาทิตย์เปิดเทอมที่สบายๆ ตามที่ทุกคนรู้กัน... แต่นั่นก็แค่สำหรับเพื่อนๆ ที่ไม่ได้มีกิจกรรมอะไร ตรงกันข้ามกับผมและหนึ่งที่ลุยงานกิจกรรม staff ให้เฟรชชี่ต่อเนื่องตั้งแต่ยังไม่เปิดภาคเรียน ตารางงานเช้า กลางวัน เย็น แน่นเอียด จะได้พักมาเจอหน้ากันก็ตอนกินข้าวและตอนกลับหอเท่านั้น ด้วยวัยที่พร้อมลุยงานหนักและหากเป็นเรื่องที่อยากทำด้วยแล้ว เราแทบจะไม่เคยพูดออกมาว่าเหนื่อยกันเลยสักครั้ง...

บรรยากาศการเปิดภาคเรียนมีสิ่งที่เหมือนเดิมเสมอๆ คือทุกคนกลับบ้านไปหาครอบครัวและกลับมาพร้อมกับรูปร่างที่เปลี่ยนไป อ้วนขึ้นบ้าง ผอมลงบ้าง... รวมถึงทรงผมใหม่ของแต่ละคนที่สร้างความฮือฮาไม่น้อย การรอต้อนรับน้องภายในภาควิชาที่จะเข้ามาใหม่ หรือรายวิชาที่น่าสนใจประจำภาคเรียนนี้ และสุดท้ายคือการได้เจอกับอาจารย์ผู้สอนที่เราไม่เคยได้เรียนด้วย... ทุกๆ อย่างเริ่มต้นพร้อมๆ กันใหม่อีกครั้ง... เป็นเวลาให้ทุกคนได้ทบทวนผลสัมฤทธิ์ปีที่แล้ว วางแผน และตั้งเป้าหมายให้กับเทอมนี้ สลัดข้อผิดพลาดในปีก่อนทิ้งไป แล้วเริ่มใหม่ให้ดีกว่าเดิม... สำหรับเราสองคน ผมจบปีสองด้วยผลการเรียนค่อนข้างดีเยี่ยม ส่วนหนึ่งได้ตัวเลขที่พอประคับประคองให้เธอยังสามารถใช้พื้นที่มหาลัยเป็นฟลอร์เต้นได้ตามปกติ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง... ทุกอย่างดูราบรื่นสำหรับเราสองคน และเป็นหน้าที่ผมในการประคับประคองให้หนึ่งยังสามารถบ่มเพาะความฝันของเธอได้ต่อไป...

28 พฤษภาคม 2555...

"กูดูราคามาแล้วนะ มันมีห้อง 8 คน 2,400 ห้องสองคน 1,000 ห้อง 4-5 คน ไม่มีเลยว่ะ" ไอเจษบอกข้อมูล "อ่าว... ทำไมมันเป็นงั้น แล้วเอาไงดีวะ ถ้าเอาห้อง 8 คน ค้างกันอยู่แค่ 3-4 คน มันก็ดูเปลืองไปมั้ย" ผมพูด "งั้นเอางี้ เอาห้อง 1,000 สองห้อง จ่ายกะกูคนละครึ่ง" ไอเจษเสนอ "เออ ดีเหมือนกัน แล้วใครค้างมั่งวะ..." "กูอ่ะค้างคนนึง ไอเอสไม่รู้ว่ามันจะมาป่าวนะ ไอตั้นกูไม่แน่ใจ มึงลองถามมันเอง ส่วนไอพุกับไอเน่คงไม่ค้างหรอกแต่น่าจะมาดื่มอยู่" ไอเจษอธิบาย "เออ ขอบใจมึงว่ะ เป็นธุระจัดหาให้" "มึงมางานกูก็ดีแล้ว เรื่องแค่นี้กูจัดการให้ได้... เออ แล้วนี่มึงจะมากี่โมง... กูโกนหัวแปดโมง" "โกนแต่เช้าเลยเหรอว่ะ..." "เออ พวกผู้ใหญ่เค้าว่างกันเวลานั้น" "น่าจะได้นะ ถ้ากูไม่ตื่นสายอ่ะ ฮ่าๆ"  ผมกับไอเจษรับผิดชอบเป็นพ่องานตามเคย เป็นแบบนี้มาแต่ใหนแต่ไร "เคร เจอกันเพื่อน กูมานอนวัดแระเนี่ย ไอพุมาช่วยเตรียมงานด้วยวันนี้" "อ่าวเหรอ กูต้องเรียกว่านาคเจษล่ะสิเนี่ย ฮ่าๆ แล้วไอพุมันยังอยู่มั้ย..." "กลับไปตั้งแต่เมื่อเย็นแล้ว" "เออ เดี๋ยวพรุ่งนี้กูรีบไป..." สายโทรศัพท์ตัดไป

"หนึ่งว่างชัวร์นะ พรุ่งนี้" ผมถามเพื่อความแน่ใจ "จริงๆ ก็ไม่ค่อยว่างหรอก แต่พอไปได้ เค้าฝากงานกับเพื่อนไว้หมดแล้ว" "อ่อ พรุ่งนี้เราออกกันแต่เช้านะ สักหกโมง สองชั่วโมงน่าจะถึง นั่งรถตู้" "นนอ่ะแหละจะตื่นรึเปล่า ฮิฮิ ตื่นสายประจำนี่นนอ่ะ..." หนึ่งแซว "แหม ได้ทีเลยนะ ตื่นๆ... งานบุญงานบวชไม่พลาดอยู่แล้ว" ผมหัวเราะ "เอ้อ เที่ยวนี้เราไปนอนตากอากาศกันนะ ถือโอกาสไปพักผ่อนด้วย สบายๆ... ดีมั้ย" "ดีจ้าา..." หนึ่งตระเตรียมเสื้อผ้าลงกระเป๋าใบเล็กสองสามชุด ยาสีฟัน เครื่องสำอางค์ต่างๆ ถูกแพ็คใส่ถุงซิปล๊อคอย่างดี... ผมนั่งลงอ่านข้อความที่เพิ่งส่งมาทางเฟสบุ๊ควินาทีที่แล้ว อ่าว... ไอตั้นนี่หว่า

"ว่าไงมึง"

"พรุ่งนี้มาแน่นะมึง งานเช้ามึงมามั้ย"

"ไปดิ น่าจะตื่นทัน กูบอกไอเจษแล้ว"

"นอนตากอากาศด้วย เมาเละแน่งานนี้"

"มึงเอามอไซค์มึงมาด้วยนะ เผื่อวิ่งออกไปซื้อของ รถสองแถวกลางคืนแม่งไม่น่าจะมีแล้ว"

"เออ ดึกๆ ยิ่งหิวง่ายๆอยู่ มากับแฟนมึงป่ะเนี่ย" คิดไว้แล้วว่ามันต้องถามถึงหนึ่ง

"เออ แน่นอนเดะ"

"เออ ไอเอสบอกจะไปอยู่"

"ดีแล้ว ไม่เมาไม่ต้องกลับนะโว้ย" 

"ไม่กลับ นอนนู่น"...

ไอตั้นรู้ใช่มั้ยว่าไอเจษเปิดห้องไว้สองห้อง เพราะถ้ามันไม่รู้แสดงว่ามันจะนอนค้างร่วมห้องกับผมและหนึ่ง หรือไม่มันก็คงคุยกับไอเจษแล้ว... ตอนนี้ค่อนข้างแน่ใจแล้วว่ามันสนใจหนึ่งเป็นพิเศษ ผมดูออกด้วยสัญชาตญาณผู้ชายด้วยกัน แต่ไม่แน่ใจว่าคิดอะไรไปถึงใหน ถ้าคิดจะค้างกับผมและหนึ่งจริงๆ แสดงว่ามันต้องรอโอกาสหรือจังหวะอะไรสักอย่างที่นำไปสู่ความสัมพันธ์ขั้นต่อไป

ผมยังไม่ฟันธงเรื่องนี้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ในใจตอนนี้ไม่ขุ่นมัว ไม่โกรธเลยแม้แต่น้อย กลับรู้สึกตื่นเต้นแปลกๆ อย่างบอกไม่ถูก...

ทำไมรู้สึกตื่นเต้น ใจเต้นแรงแปลกๆ... 

...ภาพเมื่อครั้งที่หนึ่งนั่งในรถหัวเราะไปกับไอตั้น แววตาที่ส่งให้กันเป็นครั้งคราว จังหวะที่มันเข้าไปจับรับเอวหนึ่งจากด้านหลัง และสองคนได้สบตากันตรงๆ... ฉากต่างๆ รายละเอียดยิบย่อยที่มองข้ามไปลอยขึ้นมา จังหวะนั้นอีก จังหวะนั้นด้วยเหมือนกัน... ในหัวผมปะติดปะต่อเรื่องราวได้สมบูรณ์อีกครั้ง "นน เราเรียกหลายครั้งแล้วนะ..." หนึ่งตวาด

"ฮะ ว่าไงนะ..." ผมงงๆ ความคิดพังครืน

"นนจะเอาชุดใหนไปบ้างอ่ะ เราจะแพ็คให้ พรุ่งนี้ต้องออกแต่เช้าไม่ใช่เหรอ"

.........

"อ๋อ หนึ่งจัดให้เราเลยก็ได้ เรามีไม่กี่ชุดหรอก" เฮ้อ... ผมถอนหายใจ

"เอ้อ... หนึ่งโอเคมั้ยกับเพื่อนๆ เราอ่ะ" ไม่รู้คิดอะไรถึงถามไปแบบนั้น "ก็โอเคนะ ปกติอ่ะ..." เธอตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ส่วนไอตั้นก็หยุดพิมพ์ไปแล้ว "ไอเจษดูมันไม่ค่อยกล้าคุยกับหนึ่งนะ หนึ่งไปทำอะไรให้มันกลัวป่าว" ผมหัวเราะ "บ้า...ไม่ได้ทำอะไรเลย แต่ดูเค้าเป็นคนขี้อายนะ" หนึ่งพูดไปแพ็คกระเป๋าไป "ไอพุอ่ะ จริงๆ มันร้าย ไม่สงบเสงี่ยมอย่างที่เห็นหรอก ตั้งแต่คบกับไอเน่มันหมดฤทธิ์ไปเลย"

"จริงเหรอ เราก็ดูออกนะว่าทะเล้น เค้าโดนเน่ดุตลอดเลยนี่"

"ดูออกด้วยเหรอ แล้วไอตั้นอ่ะ ดูออกมั้ยว่ามันเป็นคนยังไง..." ผมปูเรื่องมาเพื่อประโยคนี้

"ตั้นเหรอ ก็ดีนะ เฟรนด์ลี่ดี ดูจะเป็นคนสบายๆ" หนึ่งตอบ

"เราว่ามันชอบหนึ่งนะ..."

ทุกอย่างหยุดนิ่ง เงียบสงบ...

"...... หือ ตั้นอ่ะนะ ไม่ใช่มั้ง... นนรู้ได้ไงว่าเค้าชอบเรา" หนึ่งหัวเราะ เขินเล็กน้อย "เซ็นส์ของผู้ชายด้วยกันน่ะ ฮ่าๆ" ผมพูดติดตลก "เราก็เคยคิดอยู่บ้างนะ แต่ไม่ได้รู้สึกอะไร" หนึ่งเปรย

อ่าว... ใหนเมื่อกี้ยังบอกว่าไม่น่าใช่

"ถ้ามันชอบหนึ่งอย่างที่เราคิดจริงๆ หนึ่งจะว่าไง" ผมตามต่อ "เราก็เฉยๆ นะ เราก็มีนนอยู่แล้วนี่ เราไม่ได้คิดอะไรกับใครอยู่แล้ว... หรือนนจะให้เราทำยังไง" นั่นสิ... เราจะซักไซ้ไล่เรียงหนึ่งไปเพื่ออะไร... แต่ที่หนึ่งบอกว่า "หรือจะให้เราทำยังไง" นี่ควรบอกมั้ยว่าอยากทดสอบความรู้สึกของเพื่อน จะให้หนึ่งช่วยทำอย่างนั้น อย่างนี้... ไม่ดีกว่า... คิดว่าไม่ควรทำอย่างนั้นกับหนึ่ง หนึ่งเป็นแฟนเรา และบางทีหนึ่งอาจจะไม่สนุกหรือไม่อยากรู้ความจริงอะไรพวกนี้ก็ได้

"เราไปอาบน้ำก่อนนะ เริ่มร้อนละ..." หนึ่งหันมาบอก

"อื้อ..."







หนึ่งเช็ดตัว เดินออกมาด้วยเนื้อตัวอวบตึงสะพรั่งอย่างที่เห็นทุกๆ ครั้ง แค่วันนี้อาบน้ำนานผิดปกติ... เธอกำลังยืนใช้ผ้าขนหนูขยี้ผมให้แห้งอยู่ตรงหน้ากระจก... ผมเดินเข้าไปอาบต่อทันที หยดน้ำจากฝักบัวใหลเป็นริ้วซู่ซ่าลงพื้นห้องน้ำ...

อาบไป คิดไป... เราไม่น่าไปถามอะไรบ้าๆ กับหนึ่งแบบนั้น เพราะในใจก็กลัวจะกระทบกับเรื่องพรุ่งนี้ที่ต้องไปหาเพื่อนๆ... บรรยากาศคงไม่สู้ดี จะมองหน้ากันลำบาก หรือส่งพิรุธให้เพื่อนคนอื่นๆ รู้เรื่องพวกนี้ ไม่รู้ว่าต้องพับเรื่องนี้เก็บไปเลยมั้ย ลืมมันไปซะ... แล้วไปเที่ยวพักผ่อนกับหนึ่งอย่างปกติสุข

"ปั่ก..." เสียงหนึ่งปิดไฟ ผมมองลอดช่องว่างประตูออกไปในตัวห้อง ไฟดับลงจริงๆ

นอนแล้วเหรอ... สงสัยจะเหนื่อย ผมอาบน้ำเสร็จเดินออกมา หนึ่งในสภาพเปลือยอร่ามนั่งชันขาแขนเท้าหัวเข่าอยู่บนผ้าห่ม ส่งสายตามาทางผม "ยังไม่หลับเหรอ เห็นปิดไฟ นึกว่านอนแล้ว..." ผมเอ่ยขึ้นก่อน

"ยัง รอนนอยู่..."

ผมเข้าใจคำพูดของหนึ่งทันที เพราะพรุ่งนี้ไปต่างจังหวัด สิ่งที่คิดคือหนึ่งไม่รู้ว่าต้องนอนห้องเดียวกับเพื่อนๆ ผมมั้ย และเราอาจจะไม่สะดวกที่จะมีอะไรกันในคืนพรุ่งนี้ คืนนี้จึงเป็นคืนที่ตั้งใจปลดปล่อยกับผมให้มากที่สุด...

ผมรีบเช็ดตัว ก้าวขึ้นเตียง... ทิ้งตัวลงนอนข้างๆ หนึ่งสะบัดคอหันหน้ามาพูดกับผม

"นนอยากให้เค้ามีอะไรกับตั้นรึเปล่า"

เฮ้ย...

ผมตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน มองหน้าหนึ่งปนสงสัย บ้าน่า...

ก่อนหน้านี้เราจะผ่านเซ็กส์แบบสุดเหวี่ยงกันมาขนาดใหน แต่ก็ไม่เคยคิดไปใกลถึงขั้นให้แฟนตัวเองไปมีอะไรกับคนอื่น

"ไม่ๆๆ จะทำอย่างนั้นทำไมอ่ะ..." ผมรีบพูด

"ตอนแรกอ่ะ เราคิดว่าตั้นมันชอบหนึ่ง คือปกติแล้วมันไม่ใช่คนแบบนั้นไง ที่จะแบบ... แทงข้างหลัง ผิดใจกับเพื่อน อะไรอย่างนี้... ก็เลยอยากให้หนึ่งคอยสังเกตุมันเฉยๆ และก็ทำอะไรนิดๆ หน่อยๆ ไม่ได้ถึงขนาดจะให้ไปมีอะไรกัน" อธิบายสิ่งที่อยากจะพูดออกมาได้ซะที

"อ๋อ... อืมมม ถ้านนทำแล้วสบายใจ จะให้เราทำอะไรเราก็ทำได้หมดแหละ เพื่อความสุขของนนนะ เราทำได้..." หนึ่งมองหน้าอย่างจริงใจและอ่อนโยน ผมเงียบด้วยความตรึงใจ... ผู้หญิงคนนี้รักเรามากจริงๆ "แล้วความสุขของหนึ่งล่ะ ถ้าหนึ่งไม่มีความสุข เราก็ไม่มีความสุขนะ" ผมบอกกับหนึ่ง "ถ้าเป็นเรื่องที่เราชอบเราก็มีนะ... ความสุขอ่ะ... แต่ถ้าเราทำแล้วนนจะหึงมั้ยล่ะ" เธอตอบพร้อมเขยิบเข้ามากอด เราเริ่มเข้าใจในสิ่งที่จะสื่อถึงกันมากขึ้น

"เรื่องแบบใหนที่หนึ่งชอบ..." ผมถามต่อ

"เรื่องแบบนี้รึเปล่า..." ผมวางฝ่ามือพักไว้บริเวณสามเหลี่ยมเนื้อนิ่มสาวแรกรุ่น หนึ่งไม่พูด แต่ขยับเข้ามาจูบอย่างเร่าร้อน นี่คือคำตอบใช่มั้ย... เนื้อต้นขาเข้าพัวพันรวบรัดกอดก่ายกันระวิง เซ็กส์อันเร่าร้อนเริ่มขึ้น เรารับส่งอารมณ์สวาทกันอย่างรู้ใจในห้วงเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมง...

มันควรจะเป็นเซ็กส์อันแสนวิเศษตามปกติ ที่เรามีให้กันมาเสมอ ทว่า... คืนนี้หนึ่งกลับทำอะไรต่างออกไป

...หลังเสร็จไปหนึ่งรอบ เราสองคนอยู่ในสภาพเหงื่อแตก กลิ่นน้ำคัด น้ำกาม เหงื่อใคล ลอยฟุ้งไปทั่วห้อง หนึ่งเปลี่ยนท่าขยับขึ้นมาคร่อม ผมคิดว่าเธอจะขึ้นควบท่าถนัดอย่างเคย แต่เธอกลับนอนหงายซ้อนบนตัวผมอีกที... reverse cowgirl นั่นเอง ท่าที่เคยใช้นอกระเบียงเมื่อปลายปีที่แล้ว แต่ครั้งนี้ไม่ต้องทำอะไร เธอเป็นฝ่ายเริ่มเองทั้งหมด

หนึ่งนั่งอ้าขากึ่งนั่งกึ่งยอง จับแท่งเนื้อเล็งไปที่หว่างขาในท่านั้น ท่อนชำแรกกลีบลื่นชุ่มเข้าไปราวกับมีแรงดึงดูด

"อู้ยยย......... อ่าาา......"

สาวสวยส่งเสียงผ่อนคลาย หงายตัวลงมา... แขนยันที่นอนไว้มั่นคงคล้ายสะพานโค้ง เกร็งลำตัวกดเอวรับดุ้นเนื้อเข้าครูดช่องคลอดได้ซาบซ่านถึงใจ ผมช่วยจับเอวเพื่อทอนน้ำหนักออกครึ่งนึง ยกขึ้นยกลงตามแรงให้ร่อนได้สะดวก "ปั่กๆๆ... อ่าา อ่าา ปั่กๆ อ่าา อ่าา"  หนึ่งครางกระเส่าตามแรง เนื้อสะโพกสาวอวบให้น้ำหนักที่ต้องออกแรงยกพยุงเป็นสองเท่า พวงแก้มก้นกลมแน่นกระเด้งตีหน้าตักรุนแรง เสียงสะท้านก้องไปทั่วห้องทุกครั้งที่ทิ้งตัวลงมา "ปั่บๆๆ...ปั่บๆ..." ใกล้แล้ว เธอกำลังจะถึงจุดสุดยอด ผมใช้แขนทั้งสองข้างยกเอวบางขึ้นๆ ลงๆ หนึ่งเองก็ร้อนแรง ร่อนเอวเร่งจังหวะเข้ามาเป็นทวีคูณ

"โอ้ยยย... ซี้ดด... โอ้ย โอ้ย... นนๆ" ส่งสัญญาณจะเผาเครื่องไปสู่น้ำสาม

"อ๊าาาายยย..."

สิ้นเสียงหวีดยาว เธอทิ้งแผ่นหลังเลื่อนลงมาทับผมอย่างหมดแรง... "ฮ่าา...... ฮ่าา..." หายใจฟืดฟาด...

หนึ่งหงายหน้าพักคอไว้ที่หัวใหล่ผม ตะแคงหัวหันมา ข้อพับศอกเธอล๊อคเข้าที่คาง ท่อนแขนโอบหัวผมให้ตะแคงหันหน้าเข้าหากัน... เราจูบกันอย่างดูดดื่ม รุ่มร้อนด้วยเพลิงสวาทที่ยังครุกรุ่น

เหมือนหนึ่งอยากพูดอะไรสักอย่าง... แต่ยังไม่เอ่ยปาก...


 

เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

pepejang

เริ่มเข้าทางล่ะ  สวิงแต่ๆเลย  ^ ^

nowhereman

#2
เอาละสิ เริ่มเข้าทางสวิงแล้ว แต่อารมณ์แบบเสียบผิดรูนี่ คงเป็นจุดเริ่มของหลายๆคู่
รูปประกอบเด็ดมากครับ แต่งานนี้ นนรับได้จริงๆหรอเนี่ย

testman

ออกอาการกลัว ๆ กล้า ๆ กัน
ถ้าเรื่องไม่เปิดจั่วหัวมา คงเดาทางกันไม่ถูก
แต่ที่แน่ ๆ ผมอยากเป็นเพื่อนกับนนขึ้นมาทันใด

Anawat Por


ผู้เฒ่าเซราะกราว

สงสัยตั้นจะแอบชอบหนึ่งแน่ๆเลย พอหนึ่งกลับมาจากบ้านนนเผลอไปซั่มประตูหลังหนึ่ง แถมหนึ่งก็ยังอยากลองซั่มประตูหลังด้วย แบบนี้ถ้านนพาหนึ่งไปงานบวชเจษ งานนี้หนึ่งจะโดนสวิงไหมนะ....หึหึ

ผู้เฒ่าเซราะกราว

อ้างจาก: ผู้เฒ่าเซราะกราว เมื่อ มกราคม 19, 2020, 10:58:12 หลังเที่ยง
สงสัยตั้นจะแอบชอบหนึ่งแน่ๆเลย พอหนึ่งกลับมาจากบ้านนนเผลอไปซั่มประตูหลังหนึ่ง แถมหนึ่งก็ยังอยากลองซั่มประตูหลังด้วย แบบนี้ถ้านนพาหนึ่งไปงานบวชเจษ งานนี้หนึ่งจะโดนสวิงไหมนะ....หึหึ
ลองหนึ่งเป็นแบบนี้ก็ชัวร์เลยว่าต้องมีการสวิงเกิดขึ้น และเมื่อมีครั้งแรกก็ต้องมีครั้งต่อๆไปอีกแน่นอน....หึหึ

Fury War

สงสัยเข้าทางเพื่อนแล้วล่ะ ถ้าเป็นแบบนี้

axolotss

เหมือนเพื่อนจะคิดไม่ซื่อเท่าไหร่

Tik K.


Popoing

นน รับได้จริงหรือ ผม ผมว่สไม่น่ะ ลึกในใจไม่อยากรับหรอก

MAC

ในที่สุดก็ลงท้ายเซ็กส์หมู่ฮิๆๆๆๆ ::Me?::

ones26421


san2503

คราวนี้มาเร็วครับ วางพล๊อตเรื่องได้เหมาะเจาะมากครับ

kobjuk

แนวสามีปวดตับน่าจะมา หนึ่งชอบแนวนี้ปน่ๆ