ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

Swinging legacy | Cheerleader : Chapter 6 Plan

เริ่มโดย Basilisk, กุมภาพันธ์ 02, 2020, 01:34:32 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 2 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

Basilisk

บันทึกสวิงกิ้ง ภาคหลีดคณะ: บทที่หก แผน
(Swinging legacy | Cheerleader : Chapter 6 Plan)




29 พฤษภาคม 2555
เวลา 5:45 น.

สะพานต่างระดับ... ระโยงระยางคดโค้งซ้อนทับกันไปมานับไม่ถ้วน มองดูคล้ายงูคอนกรีตขนาดยักษ์เข้าโรมรันพันตูเป็นระยะทางใกลออกไปสุดลูกหูลูกตาโดยมีท้องฟ้าสีครึ้มเป็นฉากหลัง บนยานพาหนะที่พุ่งไปด้วยความเร็วเกือบร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมง... รู้ได้ในทันทีว่าเรากำลังผ่านแยกอิเกียมุ่งตรงสู่สี่แยกบางนาในไม่ช้านี้ ผมส่ายสายตามองผู้คนภายในรถตู้ที่เบียดเสียดแน่นขนัด ก้มมองดูนาฬิกา... เราน่าจะไปถึงก่อนเวลา... ตอนนี้ขยับตัวได้ไม่ถนัดนัก เพราะสาวสวยกลิ่นตัวหอมฟุ้งกำลังใช้หัวใหล่ผมต่างหมอนนอนหลับตั้งแต่ 10 นาทีแรกที่ขึ้นมานั่งในแถวหลังสุด บางครั้งที่รถเปลี่ยนเลนเพื่อแซงคันหน้า หนึ่งจะหน้าทิ่มสะดุ้งตื่นมาทุกครั้งไป ต้องคอยจับหน้าผากเธอเอาไว้ตลอด... รถตู้คันนี้บรรทุกผู้โดยสารมาเกินกว่าที่ควรจะเป็น และในบางจังหวะยังจอดรับรายทางซึ่งเป็นเรื่องผิดปกติสำหรับรถตู้ที่ต้องใช้ความคล่องตัวเพื่อไปให้ถึงจุดหมายทันตามเวลาที่ผู้โดยสารคำนวณเอาไว้...







ผมนั่งมองทางไปเรื่อย พลันนึกถึงเรื่องเมื่อตอนตีสี่... ...หนึ่งเป็นคนปลุก "นน...นน ตื่นเร็ว" น้ำเสียงเธองัวเงียไม่เหมือนคนตื่นนอนสักเท่าไหร่ "อื้อ อือ..." ผมตอบรับ มองดูนาฬิกา คว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำทันที น้ำเย็นช่วงเช้ามืดปลุกเราให้สร่างจากความง่วงได้ดี... เดินออกมา มองไปที่ระเบียง ท้องฟ้ามืดมาก... นี่เรานอนกันไปสามชั่วโมงเองนี่ หันไปที่เตียง... หลีดสาวคลุมผ้าห่มทั้งตัวโผล่มาแค่หัว นอนหลับสบายเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น... นึกหัวเราะในใจ "หนึ่งๆ ตื่นเร็ว ปลุกเราแล้วตัวเองหลับต่อได้ไงเนี่ย..." "อือ......" มีเสียงตอบรับมานิดนึง "ขออีกสักสิบนาทีได้มั้ย... ง่วงมากเลย" เธอเริ่มงอแง "ไม่ดีกว่า เธอแต่งตัวช้า เป็นชั่วโมงกว่าจะเสร็จ ลุกเลยๆ" ผมสร่างแล้วจะพูดอะไรก็ได้ หนึ่งลุกพรวดขึ้นมานั่งขอบเตียง... อยู่สักพักนึง... เธอก็ลุกไปคว้าผ้าเช็ดตัวผืนชื้นต่อจากผมเดินเข้าห้องน้ำทันที เสียงน้ำจากฝักบัวกระทบร่างหญิงสาวทำให้ผมมั่นใจว่าเธอจะสดชื่นขึ้นและบรรเทาความง่วงไปได้บ้าง ผมแต่งตัวรอ...เสร็จภายในไม่กี่นาที หนึ่งเดินออกมา สภาพยังอึนๆ อยู่... แล้วเวลาที่เหลือเกือบหนึ่งชั่วโมงผมก็ใช้มันไปกับการนั่งมองเธอประทินผิว เขียนคิ้ว แต่งตัว...อย่างที่เลี่ยงไม่ได้

"หนึ่งตื่นเร็วถึงแยกบางนาแล้ว..." หนึ่งพลิกกลับมานั่งตัวตรง ค่อยๆ ลืมตาในขณะที่ทุกคนกุลีกุจอออกจากรถตู้ราวกับผึ้งแตกรัง "ถึงใหนแล้วเนี่ย...อือ..." เสียงงัวเงีย "แยกบางนา... เรานั่งรถไปอีกสองต่อก็ถึงแล้ว อีกไม่ไกล" เธอโซเซสะพายเป้ลุกตามผมมา เราต่อรถเมล์สาย 511 เข้าสู่ปากน้ำ ระหว่างทางเธอก็ยังแอบหลับเหมือนเคย... ไม่ถึง 20 นาทีเราก็มายืนอยู่ตรงย่านตลาดสดในช่วงที่คนพลุกพล่านตอนเช้ามืดพอดิบพอดี... ก้มลงมองนาฬิกา เจ็ดโมงเศษ... น่าจะไปถึงพอดีไม่ขาดไม่เกินมาก







เมืองปากน้ำ... ลักษณะเป็นท่าเรือสำหรับเรือพาณิชย์ขนาดใหญ่และเรือโดยสารข้ามฟากขนาดเล็ก ยังเป็นท่าจอดของรถสองแถวแทบจะทุกสายที่วิ่งที่นี่ มองออกไปในทะเลจะพบเจดีย์กลางน้ำที่มีงานประจำทุกๆ ปี... ถัดจากตัวท่าเข้ามาเป็นลานกว้างหน้าศาลาว่าการเมืองอยู่ติดกับถนนเส้นหลักเข้าสู่ตลาดสด... ทุกครั้งที่ผมแวะเวียนมาที่นี่ เป็นต้องเหลียวมองตรอกเล็กๆ คล้ายเพิงที่สร้างขึ้นลวกๆ ด้านล่างเป็นทางน้ำเสีย แต่เต็มไปด้วยร้านค้าประเภทหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นเรียงรายติดๆ กันจนสุดตรอก จนทุกคนที่นี่เรียกกันติดปากว่า "คลองน้ำเน่า" ตอนเด็กๆ ผมมักจะมาเลือกซื้อหนังสือการ์ตูนกับพ่อที่นี่ จากราคา 35 บาทเมื่อ 9 ปีที่แล้ว ตอนนี้ราคาขยับขึ้นมาเป็น 45 บางเล่มก็เหยียบ 50 บาท... ผมจูงมือหนึ่งเดินตัดเพิงแผงพระเครื่องขนาดใหญ่ที่เคยไปยืนรอพ่อส่องพระนานหลายชั่วโมง ลัดเลาะริมฟุตบาทข้ามมาถึงห้างสรรพสินค้าเล็กๆ ที่มีชื่อเสียง ท่ารถสองแถวอยู่ตรงข้ามพอดี "ไง ตื่นยัง..." ผมถามขณะกำลังก้าวขึ้นรถขยับนั่งชิดด้านใน "ก็ตื่นแหละ วุ่นวายขนาดนี้..." หนึ่งดูสร่างขึ้น "แต่ก่อนอ่ะ ตอนเลิกเรียน เรากับพวกไอเจษ ก็มาเล่นกันแถวนี้กันแหละ มาซื้อไพ่ยูกิมั่ง หนังสือการ์ตูนมั่ง" "นั่งรถสองแถวนี่ไปอีกแปบเดียวก็ถึงแล้ว"  อีกใจก็คิดไปว่านี่เรากำลังพาหนึ่งมาลำบากมั้ย... แต่เดี๋ยวพอเช็คอินที่บังกะโลแล้วเธอก็คงได้พักยาวหน่อย ยังไงตอนนี้ต้องไปให้ทันงานโกนก่อน "ปากน้ำ สุเหร่า ตรากบ โนรี กม.30 เลยเร้วววว..." เสียงเด็กติดรถเรียกลูกค้า... เรานั่งรอกันอยู่ไม่นานคนก็เต็ม รถเคลื่อนตัวออกจากท่าทันที วิ่งเลี้ยวขวาเข้าสู่แยกบางปู ผ่านซอยบ้านไอเจษ หยุดจอดที่ตรากบ ผ่านแยกสายลวด วิ่งมาถึงซอยโนรี ผ่านกม.30 ซอยวิทยุการบิน มาหยุดที่ซอยสามห่วง "สามห่วงครับสามห่วง..." ผมเตรียมเงินค่าโดยสารคนละ 7 บาท เดินไปด้านหน้ารถ เด็กติดรถลดกระจกลงรับเงิน "ถึงแล้ว... นั่นแหละวัดที่ไอเจษบวช" ผมชี้ให้หนึ่งดู เราเดินข้ามสะพานลอยไปลงตรงร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า เดินเลยขึ้นไปอีกนิดเดียวก็เห็นป้ายวัด... เราสองคนเดินเข้ามา บรรยากาศมันดูเงียบๆ ชอบกล ผมกดโทรศัพท์โทรหาไอเจษ "เออ กูอยู่หน้าวัดแล้ว..." "เดินเข้ามาเลย กูอยู่ตรงศาลา" ผมเดินเข้าไปเรื่อยๆ เจอศาลามีพระประธานองค์ใหญ่น่าจะที่นี่แน่ "อ่าว ไอ นน..." เสียงไอพุร้องมาแต่ใกล มันกำลังช่วยไอเจษตระเตรียมอุปกรณ์ดูวุ่นวาย "ฮ่าๆ ไอพุ มึงดูคล่องนี่หว่า..." ผมแซว "ไม่คล่องได้ไงสาส...  กูก็บวชที่นี่..." ช่วงที่ห่างหายจากเพื่อนๆ ไอพุคงบวชที่นี่ โดยที่ผมไม่รู้เรื่องอะไรเลย "อ่อ ที่นี่เค้าให้มาอยู่วัดก่อนเหรอวะ ปกติเป็นนาคห่มขาวนี่เค้าต้องโกนหัวแล้วนะ..." ผมถามไอเจษ "พ่อแม่กูอ่ะเดะ ให้มานอนวัด เค้าบอกก่อนจะบวชมารมันจะผจญ..." ไอเจษได้โอกาสบ่น "อ่าวเชี่ย... แล้วมึงจะไปได้เหรอคืนนี้ แม่มึงเคร่งซะขนาดนั้น" "แม่กูอ่ะไม่น่าให้ แต่พ่อกูอ่ะไม่ว่าอะไร บอกจะซื้อเหล้าให้กลมนึงอีก" ไอเจษหัวเราะ "กูนึกว่ามึงจะมาไม่ทันกูโกนนะเนี่ย ไอนน..." "บอกแล้ว ถ้าตื่นใหวก็มา..." "แล้วนี่มีอะไรให้ช่วยมั้ย มันจะแปดโมงแล้วนี่... ไอพุเหลือไรมั่งวะ" ผมดูนาฬิกา "เสร็จหมดแระ เหลือแต่แขกเนี่ย... ยังไม่โผล่สักคน" ไอพุลากเก้าอี้พลาสติกสีแดงไปวางด้านหน้าศาลา "เออ ไอนนเรื่องห้องอ่ะ กูไปถามเค้าแล้ว เช็คอินหลังเที่ยง..." "อ่อ เออ..." ผมนึกถึงหนึ่งขึ้นมาพอดี หนึ่งหายเงียบไปเลยตั้งแต่เข้าวัดมา มองไปรอบๆ เห็นหนึ่งนั่งพิงเสาศาลางีบหลับเงียบๆ "ดูแฟนมึงดินน ไหวมั้ยว่ะนั่น..." ไอพุบอก "เออ สงสัยจะเพลีย... เรียนหนักเหรอวะ รึตื่นเช้าเกินไป" ไอเจษเสริม "เรียนยังไม่หนักหรอก เพิ่งเปิดเทอม แต่กิจกรรมอ่ะดิ กูลากยาวกันมาตั้งแต่ต้นเดือน..." ผมอธิบาย "เช็คอินหลังเที่ยงด้วย คงต้องให้แอบแน็ปที่นี่ไปก่อน"...




Photo by Hisu lee on Unsplash




เวลาราวๆ 9:00 น.

รถแขกเหรื่อทยอยกันเข้ามา... แต่ไม่มากอย่างที่คิด แม่ไอเจษคงตัดสินใจจะให้งานนี้เป็นไปอย่างเรียบง่ายที่สุด หลังจากที่ถามไอเจษว่าทำไมกำหนดการมันเคลื่อนไปได้ขนาดนี้ ก็ได้คำตอบว่าแม่มันถือเคล็ดว่าเลขเก้าเป็นเลขมงคล ให้เราออกมารอโดยที่รู้กันแค่ผู้ใหญ่เหรอเนี่ย... ผมเข้าไปใหว้พ่อแม่มันตามปกติ พิธีการเริ่มขึ้น... ไอเจษนั่งบนเก้าอี้แดงที่ตระเตรียมไว้ ในมือถือใบบอน ทุกคนต่อแถวทยอยกันเข้าไปขลิบผมนาคออก โดยเริ่มจากอาวุโสที่สุดก่อนและผมเป็นคนสุดท้าย จากนั้นพระสงฆ์เข้ามาโกนต่อจนเกลี้ยงหัว แม่ไอเจษเตรียมขมิ้นเอาไว้... หลังจากเช็ดตัวนาคจนแห้ง ก็เริ่มประพรมขมิ้นสีเหลืองนั้นจนทั่วตัว ดูสวยงาม ทั่วร่างกายคล้ายถูกเคลือบด้วยสีทอง พร้อมกันนั้นก็เตรียมจะสวมชุดคลุมนาคสีขาวให้ "เอาไว้ก่อนก็ได้... วันนี้มันจะไปกับเพื่อนมันก่อนนี่" พ่อไอเจษขัดขึ้นมา "อ้าว... แล้วจะให้มันไปเหรอ... เดี๋ยวมันก็เละเทะกลับมางานพรุ่งนี้ไม่ใหว พรุ่งนี้วันสำคัญด้วย..." คำพูดของแม่ไอเจษตรงกันข้ามกับนิสัยของมันอย่างสิ้นเชิง ผมรู้จักมันดียิ่งกว่าใคร... มันเป็นคนที่ไม่ชอบเสี่ยงทำอะไรตามอารมณ์หรือตามกิเลส มีกรอบพฤติกรรมของตัวเองชัดเจน ถ้ามันบอกว่าไม่กิน ถึงคะยั้นคะยอให้ตายมันก็ไม่กินสักหยด "ให้มันไปเถอะ เพื่อนมันอุตส่าห์มาหา อ่ะนี่... เดี๋ยวพ่อออกให้กลมนึง" พ่อไอเจษควักแบงค์พันออกมาจากกระเป๋า ในสายตาของผมเค้าคือคุณลุงที่อ่อนโยนและใจดีกับผมมาตลอด เพราะสมัยเด็กมีช่วงนึงที่ผมไปนอนเล่นบ้านมัน ก็เป็นพ่อมันนี่แหละบอกว่าให้อยู่ไปเลย "อยู่เหมือนบ้านตัวเองไปเลย..." ผมก็อยู่ได้ไม่นานเท่าไหร่เพราะเกรงใจแม่มัน แวะเทียวไปเทียวมาสบายใจกว่า ไอเจษนั่งนิ่งก้มหน้าไม่พูดอะไร ผมรู้ว่ามันก็กำลังวัดดวงเหมือนกันว่าจะได้ไปมั้ย ไอพุมองไปหาไอเจษ... ส่งยิ้มเยาะ เพราะเห็นไอเจษนั่งเกร็งลุ้นจนตัวแข็ง "เออ ให้มันไปก็ให้มันไป เดี๋ยวถ้ากลับมาไม่ทันนะน่าดู..." แม่มันพูดไม่มองตาพวกผมเลย... ผม ไอเจษ ไอพุ หันไปยกมือใหว้พ่อไอเจษแทบจะพร้อมกัน "ขอบคุณครับพ่อ..." สามเสียงประสาน เราสามคนมองหน้ากัน แล้วก็ระเบิดหัวเราะ หนึ่งอมยิ้มยืนมองอยู่ใกล้ๆ ไม่รู้ว่าตื่นมาตอนใหน... แม่ไอเจษหันหน้ากลับมาทันที "ขอบคุณครับแม่..." เราสามคนยกมือไหว้อย่างนอบน้อมตัวเกร็ง อยากให้แกกลับไปเร็วๆ พ่อไอเจษเห็นแล้วก็ยืนอมยิ้ม




Photo by truthseeker08 from Pixabay




หลังจากได้อิสระภาพ... ไอเจษในสภาพหัวโล้นก็ล้างขมิ้นออก ใส่ชุดลำลองออกมากับพวกผมทันที "ดูดีๆ นะมึง หายเหลืองยัง..." ผมแซว "เออ เดี๋ยวเย็นๆ กูตามเข้าไป..." ไอพุบอก พวกผมแยกกับมันตรงนั้น คิดว่ามันคงเข้าไปช่วยงานที่บ้านต่อ "แล้วไอตั้นอ่ะ... มันจะมามั้ยเนี่ย" ผมถามถึง หนึ่งหันมามองตาเล็กน้อย มีรอยยิ้มที่มุมปาก "ต้องรอมันเลิกงานมั้ง..." "เฮ้ย เพื่อนโกนหัวทั้งที มันยังทำงานอีกเหรอ" ไอตั้น ไอเอส ไอพุ จบแค่ปวช. มีแค่ไอเจษที่เรียนต่อปวส. คนเดียว... ไอพุช่วยกิจการที่บ้าน ส่วนไอตั้น ไอเอสหันหน้าเข้าหางานโรงงานมีอาชีพเป็นสองคนแรกๆ ในกลุ่ม "เออ มันไม่อยากลา... โดนหักเยอะ เดี๋ยวห้าโมงมันก็เลิกงานแล้ว" "ส่วนไอเอสน่าจะทุ่มนึง..." ไอเจษอธิบาย "เออ แล้วเราจะไปใหนกันดีวะ ตอนนี้เพิ่งจะสิบโมงเอง เหลือเวลาอีกสองชั่วโมง" ผมถาม "ก็ไปตากอากาศเลยก็ได้ นั่งเล่นแถวนั้นรอ... แฟนเอ็งยังไม่เคยไปนี่ ใช่ป่ะ... หนึ่งเคยไปป่ะ" มันเลิ่กลั่กหันไปหาหนึ่ง เสียงแผ่วลง มันจะกลัวอะไรหนึ่งนักหนา "น่าจะเคยมาตอนเด็กๆ เราจำไม่ได้แล้วอ่ะ..." หนึ่งไม่แน่ใจ "ป่ะ...ไปกัน" ผมตัดบท

เราสามคนขึ้นรถสองแถว... ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีก็ถึงจุดหมาย













สถานตากอากาศ... ที่ในอดีตเคยเป็นบ้านพักสวัสดิการของเหล่าทหารผ่านศึกที่บาดเจ็บจากการรบและทุพพลภาพ แต่ด้วยการปลูกสร้างที่สวยงามและมีทรัพยากรชายฝั่งที่อุดมสมบูรณ์ จึงเปิดให้คนทั่วไปเข้ามาพักผ่อนหย่อนใจและเป็นแหล่งศึกษาธรรมชาติของป่าชายเลนได้อย่างครบวงจร ที่นี่มีสะพานคอนกรีตขนาดใหญ่ทอดยาวลงไปสู่ทะเล มีระบบนิเวศป่าชายเลนที่สมบูรณ์แหล่งหนึ่งของประเทศ... บนพื้นที่กว่าเจ็ดร้อยไร่พาดผ่านด้วยถนนลาดยางตัดกันเกิดเป็นถนนซอกซอยรูปร่างสี่เหลี่ยมมากมาย ถนนแต่ละเส้นเป็นที่ตั้งของบังกะโลหลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบบ้านชั้นเดียวมีที่จอดรถ บ้านสองชั้นขนาดใหญ่ ไปจนถึงบ้านไม้โบราณที่ตั้งชื่อเรียงคล้องจองกันเป็นกลอนเรื่อยไปจนครบหนึ่งบทกลอน พื้นที่ทั้งหมดของที่นี่อยู่ภายใต้การดูแลของทหาร... Landmark สำคัญของที่นี่คงหนีไม่พ้นสะพาน เพราะเป็นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ที่นั่งพักผ่อน และจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูป... อีกทั้งมีทางเดินเป็นสะพานไม้ลัดเลาะตามต้นโกงกาง เหมาะสำหรับโรงเรียนที่ต้องการพานักเรียนเข้ามาศึกษาระบบนิเวศป่าชายเลน ที่น่าตื่นตาที่สุดก็คงเป็นช่วงที่นกนางนวลอพยพ การอพยพของนกนางนวลนี้จะมีแค่หนึ่งครั้งต่อปีเท่านั้นและจะเกิดในช่วงต้นฤดูหนาว... ซึ่งหมายความว่าเราจะอดถ่ายภาพคู่กับนกนางนวลกลับไปอวดเพื่อนๆ ที่มหาลัย...










"เป็นไง... ที่นี่ดีมั้ย" ผมถามหนึ่งขณะที่เรายืนสูดอากาศกันอยู่บนสะพาน "ดีมากเลย อากาศดีจริงๆ..." หนึ่งตื่นเต็มที่ ไม่มีเค้าง่วงให้เห็น "สดชื่นขึ้นแล้วนะ... นานๆ ที ได้ออกมาเที่ยวกับเธอแบบนี้บ้างมันก็ดีเหมือนกันนะ..." ผมยิ้มให้หนึ่ง "เอ้อ ไอนน ข่าวดีว่ะ เค้าบอกให้เข้าได้เลย" เสียงไอเจษดึงหน้าผมกับหนึ่งให้หันไปหา นี่มันวิ่งเข้าไปถามเค้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ "เค้าบอกว่าห้องมันว่างพอดี ไอที่เค้าบอกให้เข้าหลังเที่ยงอ่ะ คือเผื่อมีคนมาพักแล้วยังไม่เช็คเอาท์..." มันอธิบาย "เออดีว่ะ อ่ะมึงกะกูคนละครึ่ง" ผมควักเงินยื่นให้มัน "กูคงต้องเอาค่าเหล้าที่พ่อให้มาจ่ายแล้วว่ะ..." ไอเจษบ่น "อ่อ เค้าไม่รู้ใช่มั้ยว่ามึงมานอนตากอากาศ..." "เออดิ แค่บอกว่าออกมาดื่มกับเพื่อน ไม่ได้บอกว่าจะมาพัก" "โถ่ เงินค่าเหล้าหลุดลอยไปแล้ว..." ผมบ่นเสียดาย "เออไม่เป็นไร ที่เหลือกูเป็นเจ้ามือเอง" ผมบอกมัน "ป่ะ นน ไปดูห้องก่อน..."













ถึงจะอยู่ที่นี่มานานสมัยเด็กๆ... แต่พวกผมก็ไม่เคยได้มาใช้บริการบังกะโลที่นี่เลย ไม่รู้ว่าข้างในมันจะเป็นยังไง... ด้วยวัยที่ยังเด็ก ผมกับเพื่อนก็เคยแอบคิดเหมือนกันว่ามันจะน่าอยู่อย่างที่คิดมั้ย ขี่จักรยานลัดเลาะเดากันไปเดากันมาตามประสาเด็ก วันนี้จะได้รู้สักทีหลังจากที่รอคอยมาร่วมๆ 9 ปีเต็ม... เราสามคนมายืนตรงหน้าป้อมส่วนที่เป็นจุดติดต่อขอเข้าพัก "สองห้องครับ..." ไอเจษบอกกับนายทหารผู้ดูแล "อ่อ น้องที่มาถามเมื่อกี้ป่ะ... ห้องสองคนสองห้อง 2,400 บาทน้อง" "แล้วนี่เข้าพักกันกี่คน..." "นอนจริงๆ แค่สี่คนครับ... เดี๋ยวจะมีอีกสามคนตามมา แค่แวะมาดื่มแป๊บเดียวแล้วก็กลับครับ" มันบอกเค้าหมดเปลือก "ห้องเข้าพักได้แค่ห้องละสองคนนะน้อง ถ้าพักเกินแล้วคนเข้าเวรไปตรวจเจอ เดี๋ยวนายเค้าจะว่าพี่เอา..." น้ำเสียงพี่ทหารจริงจัง "ครับๆ คนที่มาอยู่ไม่ดึกมากครับพี่ ผมรับรองเลย..." มันรีบรับปากกลัวพี่เค้าจะไม่ให้ "อยู่ไม่ดึกครับพี่ บ้านมันอยู่แถวนี้กัน ดื่มเสร็จมันก็กลับไปนอนบ้าน... เผลอๆ มีแค่ผมกับแฟนพักแค่สองคน" ผมช่วยพูดเกทับให้อีกคน "เปิดเผื่อไว้พี่ เผื่อมีคนกลับไม่ใหว..." "อ่าวเหรอ อ่อ... น้องมาจากใหนกันเนี่ย" "ผมกับแฟนมาจากชลบุรี ส่วนไอโล้นนี่มันอยู่แถวนี้ครับ พวกที่เหลือด้วย..." ผมตอบแกมแซวไอเจษ "โอเครๆ เช็คเอาท์ไม่เกินเที่ยงนะ" พี่ทหารกำชับ... เราสามคนเดินออกมา "ได้บังกะโลติดกันเลยว่ะ แจ๋ว..." ไอเจษชูป้ายหมายเลขบนพวงกุญแจ "มึงนี่ก็บอกอะไรเค้าซะละเอียดขนาดนั้น บางเรื่องมึงไม่ต้องพูดก็ได้..." ผมบ่น "...อย่างเรื่องเดี๋ยวมีเพื่อนตามมา มึงจะพูดให้เค้าไม่ใว้ใจทำไมวะ จริงๆ คนเข้าคนออกที่นี่ตลอดอยู่แล้ว จะเดินมาฝั่งบังกะโลเค้าก็ไม่ได้ห้าม" ผมบ่นต่อ "เออๆ กูลนลาน...ไอสัส" มันหัวเราะ "มึงแม่งเป็นงี้ทุกที..."







เราสามคนเดินมาถึงห้อง... บังกะโลที่พวกผมเข้าพักมีลักษณะเหมือนบ้านเดี่ยว ล้อมรอบด้วยต้นโกงกาง ดูสวยงามกลมกลืนกับธรรมชาติ มีที่จอดรถบริเวณใต้หลังคาที่ยื่นออกมาจากตัวบ้าน ด้านหน้าเป็นลานหินมีขนาดกว้างพอจะจอดรถได้อีกสองสามคัน... ผมถอดเสื้อออกเหลือแต่กางเกงยีนส์นั่งเล่นอยู่กับไอเจษตรงนอกชาน หนึ่งเข้าไปในห้องเอาของใช้ต่างๆ ออกจากกระเป๋ามาวางเรียง "มึงเป็นไงมั่ง สบายดีมั้ยช่วงนี้" "ก็เรื่อยๆ แหละ อย่างที่บอก ชีวิตมหาลัย" "มีแค่มึงเลยนะที่ไปได้ใกลกว่าพวกกู พวกกูอยู่นี่แม่งเรียนเทคนิคกันหมด" ไอเจษเล่า "มึงจะคิดงั้นทำไม ชีวิตคนเราแม่งไม่เหมือนกันหรอก ต่างคนก็ต่างมีทางเป็นของตัวเอง" ผมคิดแบบนั้นจริงๆ มันไม่เกี่ยวว่าใครจะไปได้ใกลกว่า มันเกี่ยวกับว่าจะมีความสุขกับชีวิตที่เหลือได้รึเปล่า "เออ แล้วนี่มึงคบกับแฟนมึงเป็นไงบ้าง..." "ดีนะ... ดีเลยล่ะ จะพูดยังไงดีอ่ะ... เค้าทำให้ชีวิตกูดูสดชื่นตลอดเวลา" ผมตอบติดตลก แต่ก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ "ก็จริงนะ... ช่วงนี้แลมึงดูมีความสุข... ป่ะนน มึงจะแดกอะไร เดี๋ยวกูไปซื้อให้..." "เอาเลยเหรอวะ... ไม่รอพวกนั้นไง งั้นเอาลีโอมาก่อนละกันสักสามขวด เอาบุหรี่มาซองนึงด้วยนะ อะไรก็ได้สีเขียวๆ ได้หมด" ผมบอกมัน "ตังค์อ่ะสัส..." มันแบมือ "เออ โทดทีกูลืมไป..." ผมควักตังให้มัน "อย่าลืมไฟแช็คล่ะ เดี๋ยวได้ออกไปอีกรอบ..."







พอไอเจษให้หลังไป... ผมแง้มประตูเข้าไปหาหนึ่ง "เป็นไง... ง่วงมั้ย" "ฮึ... ไม่อ่ะ" "ถ้าง่วงก็นอนก่อนได้เลยนะ" อยากให้เธอได้พักผ่อน เพราะนานๆ ทีจะได้ออกมาข้างนอกกัน "เออ... เรื่องนั้นอ่ะนน" หนึ่งพูดขึ้นมาลอยๆ "เรื่องอะไร..." ผมสงสัย "ก็เรื่องตั้นที่ว่าจะให้เราทำอ่ะ..." เธอหยุดพูดไปชั่วครู่ "อ๋อ เรื่องไอตั้นอ่ะนะ คงต้องให้มันมาก่อน แล้วก็ดูไง... ว่ามันมีอะไรกับหนึ่งจริงหรือเปล่า..." น้ำเสียงผมสบายๆ "แล้วนนจะให้เค้าทำยังไง..." นั่นสิ... ไม่ได้คิดเลย จะทดสอบอะไรยังไงดี การมาพักผ่อนอย่างสุขสบายที่นี่ทำให้ลืมเรื่องพวกนี้ไปสนิท ผมหยุดคิดอยู่พักนึง "ลองหาโอกาสให้มันอยู่กับหนึ่งแค่สองคนมั้ย..." ผมปิ๊งไอเดีย "........." หนึ่งเงียบไปพักนึง "อืม... ก็ดีนะ แบบว่ารอให้เค้าแสดงอะไรออกมาก่อนใช่ป่ะ" เธอเริ่มเข้าใจแผนการ "ไอ้นน... มาดื่มๆ ไอสัส" เสียงไอเจษตะโกนอยู่ด้านนอก ทำไมมันกลับมาเร็วจังวะ "ถ้าเค้าทำอะไรแล้วนนห้ามหึงนะ..." น้ำเสียงหนึ่งท่าทางสนุก "เค้านี่ใคร... ไอตั้นหรือว่าหนึ่ง" ผมกระซิบถาม "เรานี่แหละ..." เธอตอบเบาๆ แววตามีเลสนัย "เดี๋ยวนะๆ..." ผมกำลังจะพูดต่อ "ไอ้นน มึงทำไรอยู่วะ..." มันตะโกนเรียกอีก "ออกไปสิ เพื่อนตามแล้ว อิอิ" หนึ่งตัดบทเสียงหยอก "แหมๆ ฝากไว้ก่อนเถอะ..." ผมกระซิบตีก้นเธอก่อนออกมา "เออ กูมาแล้ว มึงจะเรียกทำไมนักหนาเนี่ย..." ผมพูดพร้อมปิดประตูห้อง "กูนึกว่ามึงจะเข้าไปจัดกันอ่ะดิ กลัวเบียร์มันจะไม่เย็นซะก่อน..." ไอเจษหัวเราะ "มึงจะบวชพรุ่งนี้อยู่แล้ว ยังพูดจาลามกอีกนะมึง..." ผมด่ามัน "แล้วทำไมมึงไปไวจัง" "ไม่ไวได้ไง... กูก็ซื้อร้านแถวนี้แหละ มึงจะให้กูเดินไปซื้อเซเว่นข้างนอกเหรอ ใกลชิบหาย... มึงอย่าลืมดิ กูนั่งสองแถวมากะมึงนะ" "เออว่ะ... แล้วโดนชาร์จมั้ย" "จะเหลือเหรอ แต่ก็ชาร์จไม่เยอะหรอก" "แล้วได้บุหรี่มาป่ะ..." "อยู่นี่ อยู่ในกระเป๋ากู" มันล้วงออกมาให้







ท่ามกลางบรรยากาศและกลิ่นอายธรรมชาติที่สวยงามจับใจ... ที่นี่คือสวรรค์ดีๆ เลยสำหรับคนที่ต้องการพักผ่อนเพื่อเติมพลังให้ชีวิต ผมกับไอเจษนั่งดื่มถามสารทุกข์สุกดิบกันไปเรื่อยๆ จนเวลาล่วงเลยไปหลายชั่วโมง โดยที่ไอเจษไม่แตะเบียร์เลยแม้แต่หยดเดียว จะดื่มก็แค่น้ำอัดลมที่มันซื้อมาเผื่อไว้เท่านั้น ส่วนหนึ่งยังคงเก็บตัวเงียบเชียบอยู่แต่ในห้อง...

"เดี๋ยวกูเข้าไปดูหนึ่งก่อนนะ..." ผมบอกไอเจษ "เออ..." มันพูดพลางแทะเมล็ดแตงโม ผมแง้มประตูเข้าไปเห็นหนึ่งนอนตะแคง ไม่รู้ว่าหลับจริงรึเปล่าแต่ก็ไม่อยากรบกวน ปิดประตูออกมานั่งดื่มต่อ "อ้าว ไอนน ไอสัส แดกไม่รอเลยนะมึง..." ชายร่างสูงโปร่ง ผิวคล้ำ กำลังจอดมอเตอร์ไซค์ข้างรั้ว... เสียงไอตั้นมาก่อนที่ตัวมันจะเหยียบขึ้นชานมาซะอีก "อ่าว ก็มึงเลิกช้า จะให้รอได้ไง..." ผมบ่นแกมหัวเราะ "เพิ่งเลิกงานเลยดิมึง..." ไอเจษถาม ลุกเดินออกมา "เออ เลิกแล้วกูก็แวะมาเลย เห็นเสื้อกูมั้ยเนี่ย ยังไม่ได้เปลี่ยนเลย" "อ่าว แล้วแฟนมึงไม่มาเหรอวะไอนน..." มันถามจนได้ "นอนอยู่ข้างใน สงสัยเพลีย" ผมบอกมัน "มึงถามถึงหนึ่งบ่อย มึงคิดอะไรป่ะเนี่ย... เห็นถามตลอดเลยสัส" ผมเริ่มตึงๆ จากฤทธิ์แอลกอฮอล์หลังผ่านไปสองขวด เลยถามมันไปแบบนั้น "เออ มึงคิดไรป่าวตั้น มึงชอบหนึ่งเหรอ..." ไอเจษตามน้ำได้ดี" ไอตั้นดูชะงัก "กูว่าพวกมึงเมาแล้วมั้งเนี่ย คิดเหี้ยไร... แฟนเพื่อนกูก็คือเพื่อนกูแหละสัส" มันตอบกลบเกลื่อนรึเปล่าผมไม่แน่ใจ "ใครจะไปกลัวหัวหดอย่างมึงวะ ไอเจษ..." ไอตั้นหัวเราะสวนกลับมาบ้าง "กลัวเหี้ยไร กูไม่รู้ว่ะ... อืม...  ...จะว่ากลัวก็กลัวแหระ เออ..." มันพูดพลางกลับมานั่งที่เดิม... เท่านั้นแหละ ผมกับไอตั้นหัวเราะกันยกใหญ่ "ใหนมึงบอกดิ๊ เอาแบบละเอียดๆ เลยว่ากลัวอะไรหนึ่ง" ผมหัวเราะพลางส่งเบียร์ให้ไอตั้น "เออๆ กูก็อยากรู้..." ไอตั้นสนใจ "เอาตรงๆ เลยนะ... กูรู้สึกเหมือนจะโดนล่อลวงอ่ะ เหมือนจะดึงกูไปในมิติอะไรสักอย่าง...เออ..." ไอเจษอธิบายติดตลก ผมมองหน้าตกใจกับคำตอบมันพอสมควร ซึ่งก็คิดว่ามันเป็นเรื่องจริงที่สุด เพราะโดนมาแบบนั้นเหมือนกัน... หรือจริงๆ แล้วอิทธิพลทางสเน่ห์ของหนึ่งจะแพร่ออกไปรอบๆ โดยที่ไม่สนว่าเป้าหมายจะเป็นใคร ไม่เฉพาะเจาะจงตัวบุคคล... และที่ไม่ได้ผลกับไอเจษเพราะมันเป็นคนระวังตัว ไม่สบตากับหนึ่งตรงๆ ไปจนถึงหลีกเลี่ยงการพูดคุย... ไม่เสี่ยงอันตรายใดๆ ที่จะเข้ามาทำให้ชีวิตมันไม่ปกติ... "โถ่... ไอเจษเอ้ย งั้นก็แสดงว่ามึงก็หลงสเน่ห์หนึ่งเหมือนกันล่ะสิ... ถ้ามึงพูดแบบนี้" ไอตั้นแซวทันที "ไม่ๆ ไม่ใช่อย่างนั้น" ไอเจษรีบเถียง "เหมือนกันเหรอ... เมื่อกี้มึงพูดว่าเหมือนกัน เหมือนกันนี่เหมือนใครว่ะ เหมือนมึงหรือเหมือนกู" ผมจับพิรุธมันได้ "เหมือนทั้งมึงทั้งกูแหละ หรือมึงจะบอกว่าแฟนมึงไม่สวย... ใครๆ เค้าก็ชอบกันทั้งนั้นแหละไอนน" มันพูดไปหัวเราะไป แต่คงหมายความตามที่พูด ผมค่อนข้างแน่ใจแล้วว่ามันชอบหนึ่งจริงๆ...



















18:45 น.
วงสนทนาเฮฮาสนุกสนาน เบียร์ขวดสุดท้ายใกล้จะหมดลง...

ปรากฏแสงไฟสาดส่อง รถคันหนึ่งขับเข้ามาบริเวณลานกว้างหน้าบังกะโล... ไม่ต้องสงสัย Corolla สีทองนี่เอง "คุณชายมาแล้วโว้ย ไป... ไอตั้นมึงไปซื้อเบียร์มาเพิ่มด่วน..." ผมบอกมัน "ว่าไงพวกมึง หมดกี่กลมแล้ว..." ไอพุหัวเราะร่า "กี่กลมเหี้ยไร กูเอาตังไปจ่ายค่าห้องหมดแล้ว" ไอเจษตะโกน "นน...แกทำไมไม่ใส่เสื้อดีๆ วะ..." ไอเน่บ่นตั้งแต่ก้าวเท้าลงจากรถ "อ่าว... ไอสัส งั้นกูก็ติดกับแล้วสิ" ไอพุพูดพร้อมกับชูถุงสีขาว ด้านในเห็นขวดสีเขียวประมาณ 5-6 ขวด "แหม คุณเน่ ให้ผมสบายๆ บ้างเหอะ เสื้อมันชุ่มเหงื่อตอนเดินเข้ามาเนี่ย ใกลก็ใกล ไม่ได้ขับรถเข้ามานะจ้ะ" ผมประชดประชัน "ไอตั้นมึงไม่ต้องไปแระ มีมาเพิ่มว่ะ... ไอพุแม่งรู้งาน" ไอเจษบอก "มึงรีบเปิดเดี๋ยวนี้เลย..." ไอตั้นลูบปากรอ "นน แล้วแฟนแกล่ะ" ไอเน่ถาม "นอนอยู่ในห้องนู่น..." ผมชี้ไปทางประตูห้อง "ไปเรียกมาดิ...มากินด้วยกัน" "หนึ่งไม่ดื่มแอลกอฮอล์นะ เท่าที่รู้" ผมบอกมัน "แล้วแกสูบบุหรี่ด้วยเหรอนน... เหม็นมาก" ไอเน่บ่น "จ้าา คุณหญิงเน่... ขี้บ่นจริงจริ๊ง" ผมตอบพลางลุกไปเรียกหนึ่งระหว่างที่พวกมันยุ่งอยู่กับเบียร์ขวดสีเขียว











"หนึ่งๆ ออกมากินด้วยกันสิ... หลับอยู่เหรอ" ผมเข้าไปเขย่าตัวนึงเบาๆ "อือ... เผลอหลับอ่ะ..." หนึ่งงัวเงียลุกขึ้นมา "ไปล้างหน้าเร็ว พวกมันมากันจะครับแล้ว..." "โอเครๆ..." เธอรื้อผ้าขนหนูออกมาจากกระเป๋า สะบัดก้นเดินเข้าห้องน้ำ ผมปิดประตูเดินออกมาหาเพื่อนๆ "อ่าว หนึ่งอ่ะ หลับเหรอ..." ไอเจษถาม "เดี๋ยวออกมา ล้างหน้าอยู่" ผมทิ้งตัวลงนั่งล้อมวง "ไอพุ เดี๋ยวนี้มึงแดกไฮแล้วเหรอ..." ผมถามมัน "เออ มึงลองดิ กินง่ายตื่นมาไม่ปวดหัวด้วย" ไอตั้นส่งแก้วให้ผม "เออว่ะ มันนุ่มกว่าลีโอเยอะเลย..." "แล้วหกขวดมันจะไปพออะไรวะ..." "เอ้า... ตอนแรกกูนึกว่าจะมีเหล้าสักกลมไงสัส" ไอพุบ่น "ที่กูเปิดอีกห้องอ่ะ เพราะมึงเลยไอตั้น... เผื่อมึงไม่กลับไง เห็นบอกจะนอนกับไอนน..." ไอเจษหันไปบอกไอตั้น "เออ ขอบใจว่ะ..." "ตั้น... แล้วแกช่วยไอเจษมันออกบ้างป่าวเนี่ย" ไอเน่มองจิก หยิบขนมขบเคี้ยว "อีกสองวันเงินก็ออกแล้ว เดี๋ยวคืนเลย" "แกอ่ะ อย่างนี้ตลอดเลยว่ะ เกรงใจไอเจษมันบ้าง ทำงานแล้วอะไรแล้ว ก็ออกเองบ้าง" ไอเน่บ่นเป็นชุด "เออๆๆๆ ช่างมันเหอะ... คิดไรมากวะ เพื่อนๆ มากันพร้อมหน้าก็ดีแล้ว" ผมบ่นบ้าง รำคาญไอเน่ที่พูดไม่หยุด "ไอเอสอีกตัว แม่งรอบนั้นไปแดกหมูทะกะพวกกู ไม่จ่ายสักบาท... ตอนเรียกเก็บตังค์แม่งทำยึกยัก แอบกลับไปก่อนอีกสัส" ไอพุเปิดประเด็นขึ้นมาอีกระลอก "ที่พวกมึงทะเลาะกันอ่ะนะ..." ผมถาม "โถ่... มันมีมากกว่านั้นอีกไอนน กูไม่อยากพูด..." "มึงพูดมาเลยกูอยากรู้..." "......แม่งมาทะลึ่งกับไอเน่อ่ะดิ" "ห่ะ ไอเอสอ่ะนะ..." "เออแม่งพูดออกแนวลามก จะเอาไอเน่ ดีไอเน่ไม่เล่นด้วย" จากที่ผมเคยอยู่กับมัน ก็รู้มาบ้างว่ามันค่อนข้างจะหื่น ลามก เปลี่ยนคนคุยไปเรื่อยไม่ซ้ำหน้า ไม่คิดว่ามันจะไม่เว้นกับเพื่อนกับฝูง "อ่อ..." ผมเองก็แปลกใจ "นั่นแหละ... ไอเรื่องที่แม่งขี้เหนียวไม่ค่อยเท่าไหร่หรอก พอให้อภัยได้ แต่ไอเรื่องที่แม่งมายุ่งกะเมียกูเนี่ย แม่งจังไรเกินไป..." "แล้วนี่มึงชวนมันมาป่าว..." ไอพุถามไอเจษ "เออ... เดี๋ยวมันก็มา" ไอเจษตอบเสียงเบา "มึงจะชวนมันมาทำเหี้ยอะไรว่ะ..." ไอพุหัวเราะ "เออ ให้แม่งมาแดกฟรีเหรอ..." ไอเน่เสริมมาอีก "เนี่ยๆ แม่งโทรมาแล้ว" ไอเจษบอก วิ่งออกไปคุยโทรศัพท์ด้านนอก "เออ มึงเข้ามาเลย ซอยสองอ่ะ หลังแรก..." "มันมาแระๆ..." มันหันหน้ากลับเข้ามาบอกเพื่อนๆ... บรรยากาศในวงดูอึมครึม เพราะไอเน่กับไอพุไม่อยากจะอยู่ร่วมวงกับไอเอสสักเท่าไหร่...







"แม่งมากูกลับอ่ะ..." ไอพุบอก "มึงก็อยู่อีกหน่อยไม่ได้เหรอวะ อะไรผิดพลาดก็ให้อภัยกันไป" ผมหันไอบอกไอพุ "โถ่ไอนน เรื่องนี้ยอมไม่ได้จริงๆ ว่ะ มันเหี้ยเกิน" มันฟึดฟัด "มึงก็ใจเย็นๆ ก่อน... ค่อยๆ พูดกันก็ได้ อย่างน้อยก็เพื่อนกัน คิดซะว่าพรุ่งนี้กูจะบวชแล้ว ให้อภัยกันไป" ไอเจษเสริม ไอตั้นนั่งเงียบยกเบียร์อึกๆ ไม่พูดอะไร

มอเตอร์ไซค์เข้ามาจอด เสียงรองเท้ากระทบก้อนหินเดินตรงเข้ามา "จ๊ะเอ๋..." ไอเอสเป็นชายร่างผอม ผอมกว่าไอเจษ หน้าตาธรรมดา สีหน้าออกแนวลามก ผมสั้นติดหนังหัว ส่วนสูงราว 170 เซ็นติเมตร "เอ๋พ่องง..." ไอตั้นด่า ขณะที่ไอพุ ไอเน่นั่งเงียบ ออกท่าทางจะหงุดหงิดด้วยซ้ำ ไอเจษลุกเข้าไปหาไอเอส "เออๆ มาได้ซะที ไม่เจอมึงนานเลย..." "อ่าวไอเจษ มึงก็ไม่เจอมันนานเหรอวะ... อยู่ใกลกันแค่นี้เอง" ผมถาม ขณะที่ไอเจษกำลังจะอ้าปากตอบ ประตูห้องด้านในก็เปิดขึ้น... แสงเล็ดลอดออกมาพร้อมกับกลิ่นสดชื่นจากกายเนื้อสาว เผยร่างสวยสะพรั่งในชุดเสื้อซับในตัวบางขาว โชว์หัวใหล่ผิวเรียบเนียนน้ำผึ้ง ท่อนล่างสวมกางเกงขาสั้นผ้าบางชายขอบเสมอยอดสามเหลี่ยมโคนขา เธอเอียงคอเช็ดผมด้วยผ้าขนหนูที่เตรียมมา สีหน้าเรียบเฉย... ทุกๆ การก้าวเดิน ทำต้นขาขาวนวลล้นเอ่อออกมาจนกางเกงขาสั้นนั้นดูสั้นลงไปอีก... ผู้ชายทุกคนในวงอยู่ในอาการอัมพาต คนที่ยกแก้วก็ยกค้าง ไอเจษหุบปากในสิ่งที่จะพูด ไอตั้นกับไอเอสหน้าเหวอ จ้องตาเป็นมัน... ไอเน่ยังต้องหยุดชะงักกับความสวยงามในสรีระและผิวพรรณของเธอ... ทุกๆ คนมองตามทุกฝีก้าว "อาบน้ำมาแล้วเหรอ ถึงว่าทำไมนานจัง" ผมพูดทลายความเงียบ "หวัดดีจ้ะ..." หนึ่งพูดเสียงหวาน มองกวาดไปที่ทุกคน "นนเมาแล้วสิเนี่ย...ฮึ" หนึ่งยิ้มเอ็ดผม "มานี่ๆ หนึ่ง... มานั่งข้างเราก็ได้" ไอเน่เรียก วงขยับขยายออกอย่างต้อนรับ ทันทีที่หย่อนก้นลงนั่ง กลีบเนื้ออูมใต้กางเกงผ้าบางนูนออกเป็นร่องด้วยการรีดรัดของกล้ามเนื้อต้นขา ทุกสายตาจับจ้องไม่กระพริบ... มองดูคล้ายเนื้อชิ้นงามประกายท่ามกลางชิ้นเนื้อ 6 ชิ้นที่ไม่มีอะไรพิเศษ "ไอเจษ... เอาโค้กมาให้หนึ่งหน่อย" ผมเรียกมันพลางจุดบุหรี่อีกมวน ไอเจษยังงงๆ "ไอเจษ..." ผมเรียกซ้ำ "เออๆ..." ไอเจษรีบหยิบน้ำแข็งเทโค้กส่งให้หนึ่ง "ขอบใจจ้ะ..." หนึ่งทำหน้าน่ารักยิ้มรับ นั่งแอ่นอกตัวตรง "ไอนน แฟนมึงโคตรสวยเลยว่ะ..." ไอเอสทนไม่ใหวต้องพูดออกมา หนึ่งเหมือนจะได้ยินหันไปมองหน้าไอเอสหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วก็หันมามองหน้าผม... "เออ กูกลับละนะ..." ไอพุทำท่าจะลุก คงจะทนร่วมวงกับไอเอสไม่ใหว "เฮ้ยย อยู่ก่อนดิ..." ไอตั้นนั่งอยู่ใกล้ๆ ดึงใหล่มันไว้ "เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า... แกก็กินกันไปละกัน" ไอเน่เสริมอีกคน "เฮ้ยเดี๋ยวดิเน่ อย่าเพิ่งกลับ อยู่ด้วยกันก่อน..." ผมมองหน้าไอเน่ สบตาจริงจัง ตอนนั้นผมไม่รู้ว่าเพราะอะไรกันแน่ที่ทำให้ท่าที่มันดูอ่อนลง มันมองตาผมแล้วสีหน้าก็ดีขึ้น ในหัวผมมีภาพความทรงจำอันแสนใกลเมื่อครั้งที่ไอเน่หิ้วกล่องข้าวมาให้สมัยเรียนมัธยม ภาพจำจางๆ แต่ก็ยังมีรายละเอียด... "อือ นั่งอีกแปปนึงก็ได้... แต่นน...แกต้องไปดูดข้างนอกนะบุหรี่อ่ะ" ไอเน่ถอนหายใจนั่งต่อ







เห้อ... ผมถอนหายใจบ้าง ออกไปนั่งสูบบุหรี่ต่อที่นอกชาน... ไอเอสหิ้วแก้วเบียร์เปิดประตูใหญ่ลุกตามออกมา "เป็นไงบ้างมึง ไม่เจอกันโคตรนาน แล้วตอนเค้ามาเที่ยวกันมึงก็ไม่มา..." ผมถามมัน "กูอ่ะอยากไป แต่ต้องไปกับพวกไอพุอ่ะดิ แม่งโกรธกูอยู่..." "แล้วมึงไปทำเหี้ยไร ใหนเล่ามาดิ๊..." "วันนั้นมันชวนไปกินหมูทะ แล้วกูอ่ะไม่มีตังค์ติดตัวเลย... กูก็อยากไปไง กะไปนั่งเล่นกับเพื่อน ก็เลยไปก่อน..." "คือสรุปมึงไม่ได้ช่วยพวกมันออก..." ผมแทรกขึ้นมา "แล้วมึงให้เงินพวกมันไปยัง..." "ยัง..." ไอเอสตอบเบาๆ "เอ้าไอ้เหี้ย กูว่าพวกมึงแม่งก็ทั้งคู่อ่ะ มึงก็เหนียวหนี้ ไอพุไอเน่ก็คิดเล็กคิดน้อย... มึงไปปรับความเข้าใจกะพวกมันดิ๊ จะได้จบๆ กันไป" ผมบอก "ป่ะ เดี๋ยวกูช่วย..." ผมเปิดประตู เขี่ยก้นบุหรี่ทิ้ง ไอเอสเดินตามหลังมาติดๆ... ผมนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ปิดประตูอย่างเดิมหันกลับมาชี้หน้ามัน "เดี๋ยวนะๆ แล้วเรื่องที่มึงจีบไอเน่อ่ะ..." ไอเอสหลบหน้านิ่งเงียบ ไม่พูดอะไร "กูว่าแล้ว... มึงก็รู้ว่ามันคบกันอยู่ แล้วมึงจะไปยุ่งทำไม..." มันเงียบเหมือนเดิม "เรื่องนี้กูช่วยอะไรมึงไม่ได้นะ มึงแก้ใขเอาเอง..." ผมจุดต่ออีกมวน นั่งอยู่กะมันสักพักให้มันทำใจก่อน...

ผมเปิดประตูเข้าไปพร้อมกับไอเอสอีกครั้ง หนึ่งเงยหน้ามอง "ไอนนมึงเอา PSP มาป่ะ..." ไอตั้นขัดจังหวะสำคัญ "เอามาๆ โทดทีนะหนึ่ง... เข้าไปเอามาให้มันหน่อย..." หนึ่งเปิดประตูเข้าไปในห้อง "เอ้าพูดเดะไอเอส..." ผมเร่งมัน "กูขอโทษละกัน..." ไอเอสพูดแต่ยังไม่กล้าสบตากับเพื่อนๆ "อย่าเลยไอนน... กูไม่อะไรหรอก" ไอพุพูดขึ้นมา ทุกคนในวงรู้ดีว่าเรื่องอะไร ไอเน่หน้าบึ้งนั่งเงียบ "อ่ะ... ตั้น" เธอส่ง PSP ให้มัน "ขอบคุณจ้าา..." ไอตั้นยิ้ม "ถือว่าแล้วๆ กันไปละกันนะพวกมึง อย่างน้อยมันก็ขอโทษแล้ว" ผมเสริมต่อ "และก็มึง... อย่าลืมเอาเงินมาคืนพวกมันด้วย" ผมหันไปพูดกับไอเอส "เออ กูกลับละนะ..." ไอพุลุกพรวด ไอเน่เก็บกระเป๋า ผมไม่อยากจะรั้ง เพราะตอนนี้ก็สามทุ่มแล้ว "กลับแล้วเหรอวะ..." ไอเจษรั้งอีก "ให้มันกลับเหอะ... พรุ่งนี้งานเช้ามึงอีกอ่ะ" ผมบอกมัน "เออ เดี๋ยวกูแวะไปเที่ยวใหม่... งานพรุ่งนี้มึงมาป่าวไอนน แฟนเก่ามึงมาด้วยนะ..." ไอพุปากมากอีกแล้ว "ห่ะ..." ผมนึก "แต้มไง... แต้มอ่ะ" ไอพุหัวเราะ "ไอห่า เรื่องผ่านมานานแล้ว ไม่คุยไรกันมาตั้งกี่ปีแล้ว..." ผมตัดบทให้จบๆ ไป หันไปมองหนึ่ง เธอดูปกติไม่มีอาการหึงอะไรและก็ไม่ได้มองมาทางนี้ ไอพุออกไปสตาร์ทรถรอ... ไอเน่เดินมาใส่รองเท้าตรงที่ผมนั่งพอดี สายตาไปหยุดตรงเนื้อขาอ่อนขาวผ่องของไอเน่ เห็นขอบกางเกงในใต้กางเกงผ้ายีนส์ขาวขาสั้นพอดิบพอดี "โอ้วว..." ผมร้องออกมาเบาๆ มันแอบเซ็กซี่อยู่เหมือนกัน มีแค่ไอเน่ที่ได้ยิน... มันส่งสายตาหวานลงมามองผมที่เงยหน้าขึ้นไป ในแววตาสื่อความหมายสำหรับสิ่งที่ผ่านมาทุกอย่างและผมรับรู้ทุกสิ่งนั้นไว้เพียงคนเดียว เสียงประตูปิดลง... พร้อมๆ กับที่ผมหันไปเจอหนึ่งมองตาเขม็งนิดนึง แต่ไม่ได้พูดอะไร หนึ่งเห็นตอนที่เราสบตากับไอเน่เหรอเนี่ย...

เวลา 22:25 น.

เมื่อคนตึงๆ ออกไป... ตอนนี้บรรยากาศในห้องกลับมาสนุกสนานเหมือนเดิม ทุกคนพูดจาล้อหลอกส่งมุกกันไปมาไม่เว้นวรรค เสียงเพลงจากโทรศัพท์มือถือไอเอส ไอตั้นนั่งเล่น PSP ไปหัวเราะไปโดยมีหนึ่งคอยยิ้มและหัวเราะตามเสียงใส ไอเจษเริ่มหาว ไอเอสผลัดกันยกผลัดกันชนกับผมเป็นระวิง "กูไปนอนละนะ... เดี๋ยวลุกไม่ใหว" ไอเจษลุกขึ้นท่าทางจะไม่ใหว คงเพราะมันไม่ได้ดื่มด้วย เลยไม่ค่อยสนุกจนลืมนอนเหมือนพวกผม "เออๆ มึงไปนอนเลย พรุ่งนี้มึงก็เหมือนประธานอ่ะ ไม่มีมึงก็ไม่มีงาน..." ผมบอก "ฝันดีเว้ยเจษ..." เสียงไอตั้น "เออๆ...ฝันดีๆ ไอโล้น" ไอเอสหันตาม ไอเจษเปิดประตูเดินออกไปนอนบังกะโลอีกหลัง...







ในห้องเหลือแค่สามชายกลัดมัน กับ หนึ่งหญิงขาวสะพรั่งบอบบางร่างหอม... กลิ่นเค้าความคาวอยู่ไม่ใกล จินตนาการผมที่ยังทำงานอยู่ในหัวปะปนด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ คือภาพของหนึ่งนั่งอยู่กลางวง มีผม ไอตั้น ไอเอส นั่งล้อมวงคอยเอาใจทุกอย่างตามที่เธอต้องการ แล้วหลังจากนั้นก็คงต้องยกให้เป็นเรื่องของอารมณ์... ผมไม่เคยเห็นหนึ่งมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ชายคนอื่นเลย ยิ่งถ้าเป็นผู้ชายที่ผมไม่รู้จัก ผมคงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แต่พอเธอตกอยู่ในวงล้อมของเพื่อนๆ ที่ผมรู้จักพวกมันดี กลับคิดไปว่าการทรยศใดๆ ที่ได้จากการกระทำของหนึ่งเป็นสิ่งที่กระตุ้นอารมณ์ทางเพศได้สูงสุด... ไอตั้นปิดเกมวาง PSP ลงข้างๆ ยกแก้วเบียร์ขึ้นจิบ... ไอเอสยกแก้วเหมือนกัน มันสองคนเริ่มหันมาสนใจหนึ่งมากขึ้น หาเรื่องพูดคุยกับสาวสวยเป็นระยะ ทำนองว่าคบกับผมมานานรึยัง พร้อมกับคำชมหวานๆ เกี่ยวกับสรีระเรื่อนร่างจากปลายลิ้นเคล้าน้ำลายลามกของพวกมัน... "ไอนน กูขอพูดตรงๆ เลยนะ... หนึ่งนี่ตัวหอมมากเลย... หอมสุดยอดอ่ะ กูนั่งอยู่นี่ยังได้กลิ่น" ไอตั้นขออนุญาติ "ถ้ามึงรู้ว่ากูต้องรอเค้าทาโลชั่นนานแค่ใหนแล้วมึงจะอึ้ง..." ผมบอกกลับ "แหม นนอ่ะ ไม่นานขนาดนั้นจ้ะ" หนึ่งขยับมาทุบผมทีนึง "อ่ะจริงป่ะจ้ะ..." ไอตั้นทำทีขานรับ "เซ็กซี่โคตร..." ไอเอสกระซิบข้างหูผมเบาๆ หนึ่งเขินอายตามระเบียบ ยิ่งรู้ว่าพวกมันชอบอะไร ก็ยิ่งขยับเปลี่ยนท่าเปลี่ยนทางไปมาเรียกเสียงฮือฮาในวงขึ้นมาอีกยกใหญ่ ยิ่งตอนที่ขยับตัวเปลี่ยนจากนั่งขัดสมาธิมานั่งเหยียดขาไปข้างหน้าปลายเท้าชิด ท่อนเนื้อต้นขาขาวสวยแนบชิดติดกันล้นออกมานอกกางเกง หัวใจชายหนุ่มทั้งห้องแทบจะหยุดเต้น ทุกการขยับ... กางเกงตัวน้อยไม่สามารถปกปิดส่วนสงวนของเธอได้เท่าที่ควร ยิ่งขยับยิ่งร่นขึ้นไปเรื่อยๆ จนบางจังหวะเห็นไปถึงขอบกางเกงใน ไอเอสถึงกับต้องร้องออกมาเบาๆ "เยดดดดเข้..." "อื้อหือ สุดๆ เลยว่ะ..." ไอตั้นพูดเงียบๆ... ตอนนี้หนึ่งคุมอารมณ์ผู้ชายทุกคนไว้ได้สมบูรณ์เบ็ดเสร็จ เหลือแค่จุดเปลี่ยนอะไรสักอย่างเพื่อขยับความเสียวขึ้นไปอีกระดับ... "พวกมึงรู้ป่าวว่านี่อ่ะหลีดคณะนะมึง...เต้นโคตรเก่ง ลีลาอย่างเด็ด" ผมส่งความหมายสองแง่สองง่าม "เฮ้ยย จริงเหรอ สุดยอดว่ะ... มึงนี่โชคดีจริงๆ เลยไอนน" พวกมันแทบจะร้องเป็นเสียงเดียวกัน ตอนนี้ไม่รู้ว่าพวกมันรับรู้สถานการณ์แค่ใหน หรือแค่เห็นผมไฟเขียวไม่ว่าอะไร ก็เลยตามแทะโลมอย่างไม่เกรงใจ ยังดีที่หนึ่งไม่ถึงขนาดลุกพรวดขึ้นมาเต้นโชว์พวกมัน... เรื่องที่จะทดสอบไอตั้นกลายเป็นเรื่องเล็กเมื่อมีไอเอสเข้ามาแจม ตอนนี้มันกลายเป็นเกมกามสี่ทางสี่แรงบวกที่ต้องหาจุดตัดลงตัวให้เหมาะเจาะที่สุด ผมสังเกตใบหน้าหนึ่งเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงทั้งที่ยังไม่ยกเบียร์สักหยด คารมพวกมันก็ใช่ย่อยอยู่เหมือนกัน... แววตาหวานเคล้าเย้ายวน มองที่ผมที ไอเอสที ไอตั้นที สลับกันไป... ผมยกแก้วเบียร์พลางสังเกตพฤติกรรมไอเอสกับไอตั้น รับรู้ได้ว่าพวกมันกำลังใช้คารมเข้าแย่งกันทำคะแนนกับหนึ่งโดยพวกมันยังเชื่อว่าตอนนี้ผมเมาเอามากๆ... ซึ่งจริงๆ แล้วแค่ระบบประสาทผมช้ากว่าความเป็นจริงไปเพียงหนึ่งวินาที แต่ที่หนักสุดๆ ตอนนี้คือระงับอารมณ์ทางเพศเอาไว้ลำบากต่างหาก สิ่งที่กักเก็บไว้ส่วนที่ลึกที่สุดมันกำลังจะออกมา...  พวกมันไม่รู้เกมของผมและหนึ่ง เกมที่จะตรึงอารมณ์ทุกคนให้อยู่ร่วมในจุดเดียว... หนึ่งก็ตามเกมสงวนท่าที ไม่มากไม่น้อยกับใครจนเกินไป ทั้งให้ความหวังและปล่อยทิ้งอย่างพอดิบพอดี เลี้ยงตัณหาพวกมันเอาไว้จนเชื่อง ทุกคำพูดคำจากิริยาต่างๆ ล้วนเข้าหาเหล่าชายอย่างทั่วถึง เป็นสถานการณ์ที่ทุกคนต่างมีเป้าหมายในใจที่ต่างกันออกไป โดยมีร่างเนื้อสาวสวยเป็นศูนย์กลางของสามกามราคะ...

 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

zero009


ผู้เฒ่าเซราะกราว

โห....นึกว่าจะมีแค่ตั๊นคนเดียวยังมีเอสอีกคน ว่าแต่ถ้าเจษได้ยินเสียงจะมาร่วมแจมด้วยไหมนะ งานนี้สาวหนึ่งสงสัยว่าจะติดใจรสชาติเซ็กส์หมู่แน่ๆเลย....หึหึ

Ohyumyai


ones26421

สามชายหนึ่งหญิงแน่ๆ คงได้เสียวสุดๆ

kobjuk

หนึ่งได้โดนสมใจจริงๆ งานนี้ สุดยอดครับ

Fury War

เชียร์ลีดเดอร์ มหาลัย โดนสวิงแน่ครับ

Agalos von Stresermann

แบบนี้ลุ้นโว้ย
จะโดนตอนนี้ หรือจะโดนตอนหน้า
ถ้าตอนนี้เดาว่าน่าจะทั้งกลุ่มปลุกกันขึ้นมาสวิง หนึ่งคงจะเสียวสุดๆกลุดโลก

เรื่องนี้ บริหารตับ และ ไต ไดดีครับ

MAC

งานนี้สงสัยน้องหนึ่งโดยรุมแน่3-1สู้โว้อ ::Shy::

Jungle

ไม่น่าจะโดนแค่ตั้นคนเดียวหรอกครับมาแนวนี้แล้ว

dodoza2

งานนี้โดนหมู่แน่นอน ขอบคุณมากครับ สนุกมากดูแล้วไม่น่ารอดจากกลุ่มนี้

feedmillman


artherox

จากจะโดนแค่ตั้น ดันจะมีเอสเข้ามาด้วย ถ้าสามต่อหนึ่งก็น่าจะเร่าร้อนมากๆ

testman

ตอนแรกมีแค่ตั้น ตอนนี้มีเอสด้วย เอาจริง ๆ ผมเป็นนน ผมอาจจะเปลี่ยนใจ หรือไม่ก็ให้เอสหลับหรือกลับไปก่อน มีตั้นคนเดียวยังพอทำใจได้ ถ้ามีงอกมาอีกคน ไม่รู้จะรู้สึกยังไง

sporefanz

รออ่านไม่ไหวแล้วววว นี่ไม่ใช่สวิงแหงๆ เผลอๆออกไปทางแกงแบงด้วยเนี่ย