ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

เรื่องเล่าของทินกร 1

เริ่มโดย twintower, พฤศจิกายน 01, 2020, 12:02:28 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

twintower

  หน้าอาคารที่มีสีสันสวยงามและรูปทรงที่ทันสมัยในมหานครบาร์เซโลน่า ชายหนุ่มที่บุคลิกดีในสูทสีน้ำเงินที่ตัดเย็บอย่างประณีตพร้อมกระเป๋าเอกสารในมือได้ก้าวลงจากรถแท็กซี่ที่มาจอดหน้าตึก แล้วเงยหน้าขึ้นไปมองป้ายที่เขียนเป็นภาษาสเปน และภาษาอังกฤษว่า "เมนเตซกรุ๊ป" แต่อดไม่ได้ที่จะมองไปยังอาคารที่ทาสีฟ้าที่อยู่ด้านข้างก่อนจะเดินเข้าไปในตึก ชายหนุ่มเดินตรงไปที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ที่มีเจ้าหน้าที่ผู้หญิงในชุดฟอร์มอยู่ถึง 4 คน ซึ่งทั้งหมดต่างยิ้มต้อนรับทันทีก่อนที่ชายหนุ่มจะเอ่ยด้วยภาษาอังกฤษอย่างสุภาพ

"ผมมาขอพบคุณอลงกรณ์ครับ"

"นัดไว้หรือเปล่าคะ"

1 ในประชาสัมพันธ์ ถามขึ้น

"ครับ นี่ครับพาสปอร์ตผม"

ชายหนุ่มบอกพร้อมยื่นพาสปอร์ตสีน้ำเงินให้เจ้าหน้าที่ทันที อีกฝ่ายรับมาพร้อมเปิดไปที่หน้าแรกก่อนจะกดไปที่แป้นคอมพิวเตอร์ หลังจากที่อ่านข้อมูลบนหน้าจอ เจ้าหน้าที่ได้คืนพาสปอร์ตให้อีกฝ่ายก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นและดูเหมือนปลายสายจะรับสายทันทีแต่การพูดนั้นเป็นภาษาสเปนและใช้เวลาไม่นาน ประชาสัมพันธ์สาวได้วางโทรศัพท์แล้วพูดกับแขกที่มาเยือน

"เชิญทางนี้คะ ทางเลขาของบอสจะลงมารับคะ"

พูดจบแล้วเดินนำแขกไปที่ลิฟท์สำหรับผู้บริหารระดับสูงโดยเฉพาะ ซึ่งใช้เวลาไม่นานประตูลิฟท์ได้เปิดออก พร้อมกับหญิงสาวหน้าตาดีเดินมาออกก่อนจะเอ่ยทักด้วยภาษาอังกฤษ

"คุณทินกรเชิญคะ จูเนียร์รอพบคุณอยู่"

แขกที่มาเยือนยิ้มรับ แล้วหันไปขอบคุณเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ ก่อนจะเดินเข้าไปในลิฟท์ตามหญิงสาวที่ลงมารับ พร้อมกับรู้สึกคุ้นหน้าอย่างบอกไม่ถูกว่าเคยเห็นผู้หญิงคนนี้ที่ไหน แต่ไม่ได้พูดอะไรจนลิฟท์ขึ้นไปถึงชั้นที่ 21  หญิงสาวได้เดินนำแขกไปที่ห้องทำงานห้องหนึ่งก่อนจะเคาะประตูและเปิดประตู พร้อมพูดเป็นภาษาอังกฤษกับเจ้าของห้อง

"คุณทินกรมาแล้วคะจูเนียร์"

"ขอบคุณมากโซเฟียร์"

เสียงของเจ้าของห้องที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานที่หรูหราตอบขึ้นมา โซเฟียร์ยิ้มให้แขกก่อนจะเดินออกไป แขกที่มายิ้มรับก่อนจะถอนหายใจยาวๆ รอจนประตูห้องปิดแล้วยกมือขึ้นไหว้เหนือหัวโดยไม่วางกระเป๋าเอกสารที่ถือมาไปที่เจ้าของห้องที่นั่งทำทีวางมาดอยู่พร้อมพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ทำเป็นเกรงกลัว

"ขอบคุณพระคุณพระเดชพระคุณมากนะขอรับ ที่ยอมให้ผมมาพบพระคุณท่าน"

อีกฝ่ายตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย

"เชิญครับท่านเลียขา เชิญนั่งครับ ถ้าไม่นั่งเก้าอี้จะนั่งกับพื้นผมก็ไม่ว่าขอรับ โธ่ไอ้เวร เจอหน้ากูก็กวนตีนเลยนะมึง"

ก่อนที่ทั้ง 2 ฝ่ายจะหัวเราะออกมา ก่อนที่แขกจะยืนตรงหน้าโต๊ะพร้อมเจ้าของห้องที่ลุกขึ้นยืนพร้อมยื่นมือมา ทั้งคู่ต่างจับและบีบมือกันแน่น

"ไอ้ยูมึงสบายดีนะ"

"ก็อย่างที่เห็นนะไอ้บีนั่งลงก่อน"

บีหรือทินกรนักการเมืองหนุ่มไฟแรงและตอนนี้เป็นเลขานุการรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานได้นั่งลงตามที่เจ้าของห้องบอก เช่นเดียวกับยูแต่ก่อนที่จะพูดอะไรมีพนักงานได้เดินเข้ามาพร้อมกาแฟในถาดมาเสิร์ฟให้แขก ยูรอจนพนักงานเดินออกไปจากห้องก่อนจะพูดขึ้น

"กาแฟโคลัมเบียเลยนะมึงลองยัดดู"

อีกฝ่ายทำตามใช้ช้อนคนแล้วยกขึ้นดื่มโดยไม่สนใจน้ำตาลหรือนมสดที่อยู่ในถาดและนึกชมว่ากาแฟที่พึ่งดื่มเข้าไปนั้นรสชาติมันเข้มข้นจริงๆ

"อืมอร่อยจริงๆวะ รสชาติโคตรดีแล้วคุณภรรยาของมึงละมาสเปนด้วยหรือเปล่า"

แขกเอ่ยกับเจ้าของห้อง

"ก็แพงยังทำงานอยู่ที่ไทยนี่หว่าถามแบบไม่ฉลาดเลยนะมึง"

"อ้อ มิน่าเมื่อวานซืนก่อนกูจะมากูเห็นคุณแพงกับแม่มึงไปซื้อของที่ห้าง กูนั่งกินข้าวพอดีเลยไม่ได้ไปทัก"

"มึงรู้อยู่แล้วถามทำห่าอะไรวะ"

"อ้าวกูจะไปรู้หรือ มึงมีเครื่องบินส่วนตัวอยู่เป็นโหล จะไปจะมาก็สะดวก ไปไทยแบบเช้าเย็นกลับมึงก็ทำมาแล้ว กูนะตามตัวมึงไม่ทันทำให้กูต้องถ่อมาที่นี่"

"ไอ้เปรต"

อีกฝ่ายตอบมาพร้อมเสียงหัวเราะ ก่อนที่แขกจะถามขึ้นอีก

"เฮ้ยเลขามึงนี่กูคุ้นๆหน้าวะนึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหน"

"ก็โซเฟียร์เพื่อนสนิทกู มึงคงคุ้นหน้าตอนงานแต่งกู"

"มิน่ากูถึงคุ้นๆหน้า"

บีตอบพร้อมนึกไปว่าเพื่อนพึ่งแต่งงานมาได้ 6 เดือนเท่านั้น จากงานแต่งที่ตอนแรกจะดูเป็นงานแต่งงานที่ธรรมดาของข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ 2 คน มีรัฐมนตรีว่าการเป็นประธานแต่ภายหลังจากรู้ว่ามีใครมาร่วมงาน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นนักธุรกิจชั้นแนวหน้าในสเปนและในยุโรปรวมถึงเจ้าชายจากตะวันออกกลาง ไม่รวมบรรดาทูตจากประเทศในยุโรปที่อยู่ในประเทศไทยโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของสถานทูตสเปนที่เรียกได้ว่ามาเกือบหมดเพราะบารมีและอิทธิพลของพ่อทูนหัวของยูทำให้บรรดาไฮโซกับพวกเซเลบในเมืองไทยต่างอยากมาร่วมงานนี้อย่างมากเพื่อจะได้ทำความรู้จักกับเจ้าของงานและบรรดาแขกที่ได้รับเชิญ และในงานนั้นบีรู้สึกว่าแขกส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ ยูกับบีต่างเป็นเพื่อนสนิทสมัยเรียนในคณะรัฐศาสตร์ ถึงจะเรียนจบแต่ยังติดต่อกันเสมอ ยูเลือกที่จะเจริญรอยตามพ่อด้วยการเข้าทำงานในกระทรวงการต่างประเทศหลังจากจบปริญญาโท ส่วนบีนั้นไปทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่ง และยูพึ่งลาออกจากกระทรวงการต่างประเทศไม่นานมานี้ก่อนจะมารับงานรองประธานบริหารของ เมนเตซกรุ๊ป  ชีวิตของทั้งคู่นั้นแตกต่างกันมากราวฟ้ากับเหว บีนั้นต้องอดทดกัดฟันสู้ชีวิตมาตั้งแต่เด็กเพราะพ่อกับแม่นั้นต่างเสียชีวิตจากอุบัติเหตุจากรถบรรทุกพุ่งเข้ามาชนพ่อกับแม่ที่ขับมอเตอร์ไซด์กลับบ้าน จนต้องไปอยู่กับยายช่วงหนึ่งก่อนจะมาอยู่กับปู่และย่าที่ฐานะไม่ค่อยดีอยู่แล้ว บีต้องอดทนมุมานะอย่างมากในการหาเงินส่งเสียตัวเองเรียนจนสอบติดมหาวิทยาลัยและมารู้จักกับยู ตอนแรกที่รู้จักกัน บีรู้แต่ว่าผู้ชายที่ดูบุคลิกดีคนนี้มีพ่อเคยเป็นถึงเลขานุการสถานทูตและแม่ที่เป็นอดีตแอร์โฮสเตส ก่อนจะมารู้เพิ่มทีหลังถึงภูมิหลังว่าเพื่อนนั้นโตที่ไหนจึงคลายความสงสัยไปได้ว่าทำไมตอนรู้จักกันช่วงแรกๆดูจะพูดไทยไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ ทำไมถึงเก่งภาษาที่สามารถพูดและเขียนได้ถึง 5 ภาษาไม่รวมภาษาไทย จนบีนั้นถือเอายูมาเป็นต้นแบบในการมุมานะในเรื่องภาษาเพราะภาษาอังกฤษของตนนั้นถึงจะพอพูดได้ก็มาจากการเรียนที่โรงเรียนและหาหนังสือหาอ่านเอา ถ้าสงสัยหรือคำถามบีจะถามเพื่อนตลอดโดยไม่อายซึ่งยูเต็มใจที่จะอธิบายทุกครั้ง

"เฮ้ยยูกูถามมึงจริงๆบางครั้งศัพท์ง่ายๆแต่กูเห็นมาหลายครั้งว่ามึงจะใช้เวลานึกพอดูกว่าจะแปลได้"

"มึงต้องเข้าใจอย่างนี้บี ตอนเด็กๆกูเรียนภาษาไทยกับสเปนคู่กันแต่เวลาเรียนภาษาอื่นๆกูใช้ภาษาสเปนเป็นฐานในการเรียนมาตลอดไม่ใช่ภาษาไทย ดังนั้นบางครั้งถ้าเจอคำศัพท์ยาวๆไม่ว่าภาษาไหน กูต้องแปลเป็นสเปนก่อนถึงจะมาแปลเป็นภาษาไทย สมองกูมันคงชินกับแบบนี้"

"อ๋อกูเข้าใจแล้ว มิน่าบางครั้งเห็นมึงนึกนาน มันเป็นแบบนี้นี่เอง แต่กูยอมรับนะบางครั้งศัพท์ภาษาไทยหรือพวกในตัวละครในวรรณคดีไทยมึงนี่รู้จักเกินกว่าคนที่โตเมืองนอก บางคนกูยังนึกไม่ออกเลย"

"กูโตมากับพวกนี้ หนังสือวรรณคดีไทยหรือพวกนิยาย  บ้านกูที่สเปนมีอยู่เต็มไปหมด ทำให้กูอ่านภาษาไทยเข้าใจถึงบางครั้งกูจะพูดไทยไม่ค่อยชัดในบางคำเท่าไหร่ แต่ดีที่อ็อดกับรินมันคอยช่วยแล้วก็มึงอีกคน"

นั่นเป็นการสนทนาของคู่ในช่วงที่เรียนตอนปี 1 จากที่เคยรู้เพียงแค่ว่าเพื่อนมีพ่อกับแม่ทูนหัวที่สเปนแถมที่บ้านก็มีฐานะแต่ยูใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายไม่ฟุ้งเฟ้อ นั่งรถเมล์หรือรถไฟใต้ดินมาเรียน การแต่งกายก็เรียบง่ายมีแต่เพียงนาฬิกาข้อมือราคาแพงเท่านั้นที่ยูใส่โดยบอกว่าแม่ทูนหัวซื้อให้ จนเรียนจบยูไปเรียนต่อปริญญาโทก่อนจะกลับมาทำงานที่กระทรวงการต่างประเทศ ส่วนบีนั้นทำงานในบริษัทเอกชนทันที โดยไม่สนใจงานราชการและหลังจากเริ่มงานได้ไม่นานปู่ได้เสียชีวิตลงเหลือแต่ย่าเท่านั้น จนทำงานได้ 5-6ปี ได้มีนักการเมืองที่บีเคยไปช่วยงานตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมจนถึงช่วงเรียนปริญญาตรีได้มาติดต่อให้ไปทำงานด้วย นั่นถือเป็นก้าวแรกของบีที่เข้าสู่วงการเมือง จากที่เป็นหนึ่งในคณะทำงานและได้เลื่อนเป็นผู้ช่วย สส.ซึ่งทำหน้าที่ได้อย่างดีทั้งแนวคิดนโยบายของพรรค การวางแผนงานต่างๆ จนในที่สุดผลงานไปเข้าตาเลขาธิการพรรคก่อนจะได้รับการเสนอชื่อให้ลงสมัคร สส.แบบบัญชีรายชื่อในลำดับกลางๆของพรรคถึงจะไม่ได้เป็น สส.แต่ต่อมาได้รับการเลื่อนให้เป็น สส. เพราะ สส.หลายคนที่อยู่ลำดับต้นๆได้ไปรับตำแหน่งอื่นๆทางการเมืองทำให้ต้องลาออกจาก สส.ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ และบีได้ฉายแววดาวสภารุ่นใหม่ในการอภิปรายหรือการเสนอแนวคิดต่างๆจนเป็นที่จับตามองจากหลายฝ่าย แต่ในครั้งนั้น บีเป็น สส. ได้ปีเศษๆเพราะมีการยุบสภา ก่อนจะมีการเลือกตั้งอีกครั้งและเหมือนครั้งก่อนที่ ลำดับบัญชีรายชื่อของบียังไม่ได้เป็น สส. แต่ครั้งนี้ทางเลขาธิการพรรคกับหัวหน้าพรรคเลือกบีมาเป็นเลขานุการรัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน ส่วนเรื่องเกี่ยวกับยูนั้น ตอนแรกบีเข้าใจว่าเพื่อนคงเจริญรอยตามพ่อและในอนาคตคงหนีไม่พ้นเป็นทูตในประเทศใหญ่ๆ พอยูลาออกจากงานพร้อมกับบทสัมภาษณ์ที่ได้ตีพิมพ์และงานแต่งงานของเพื่อนที่บีได้ไป ทำให้บีรู้เรื่องของเพื่อนมากขึ้น จากที่เคยนึกว่าเป็นลูกคนรวยธรรมดาๆ แต่มันไม่ใช่อย่างที่คิด ยูนั้นเป็นถึงทายาทของนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงและอิทธิพลมากคนหนึ่งในยุโรป พร้อมกับคำว่า"พรินซ์ออฟบาร์เซโลน่า"ที่บีพึ่งรู้ว่าหมายถึงเพื่อนของตนเอง คำนี้มีมนต์ขลังจริงๆ หลังจากนั้นบรรดานักธุรกิจต่างๆ รวมถึงนักการเมืองหลายๆคนต่างมุ่งเข้าหายูทันที แต่ดูเหมือนการเข้าถึงตัวยูจะยากมาก บียอมรับว่าครอบครัวและบรรดาทีมงานต่างปกปิดเรื่องของยูได้อย่างดี ในเมืองไทยแทบจะไม่มีใครรู้เรื่องของยู จนมีการเปิดเผยขึ้นจากเจ้าตัว จนถึงวันนี้ บีมาพบกับเพื่อนด้วยภารกิจที่สำคัญ

"แล้วคุณมึงมีอะไรจะคุยกับผมหรือครับ

คำถามกวนๆมาจากเจ้าของห้อง บีมองไปที่เพื่อนที่แต่งกายธรรมดามาก สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวแต่พับแขนเสื้อมาถึงข้อศอกไม่ผูกไทด์แถมเสื้อสูทนั้นแขวนอยู่ด้านหลังก่อนจะหัวเราะเบาๆพร้อมก้มไปหยิบกระเป๋าเอกสารและรูดซิบพร้อมหยิบเอกสารในแฟ้มยื่นให้เพื่อน ยูรับมาดูพร้อมเปิดดูคร่าวๆ เรื่องนี้ยูพอจะรู้รายละเอียดมาบ้างแล้วเพราะทางบีเป็นคนประสานให้คุยกับทางรัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน บีเป็นเพียง 1 ในไม่กี่คนที่ไม่ใช่คนในครอบครัวที่สามารถติดต่อยูโดยตรงได้นอกเหนือจากสองพี่น้องเกมส์กับน้อย,แฮ็คและครอบครัวของอ็อด ก่อนนี้ทางบีพยายามนัดเจอยูที่กรุงเทพแต่หาเวลาที่ตรงกันไม่ได้จนยูกลับมา สเปนเป็นจังหวะที่ทางรัฐมนตรีกับคณะเดินทางมาฝรั่งเศส จึงเป็นโอกาสของบีที่ติดตามมาด้วยหาโอกาสมาพบยู การพบปะในครั้งนี้เป็นการพบกันอย่างไม่เป็นทางการโดยที่ไม่ต้องการให้สื่อมวลชนที่ติดตามมาด้วยนั้นรู้เรื่อง เพราะเรื่องนี้ทางรัฐบาลไทยต้องการให้เป็นความลับไว้ก่อนในการเจรจาต่อรองขอต่ออายุสัมปทานในการตรวจหาเพื่อขุดเจาะน้ำมัน รวมถึงต้องการสัมปทานเพิ่มเติมจากเดิมในประเทศโอมาน เพราะยูนั้นมีความสนิทกับทางราชวงศ์ของโอมานอยู่แล้ว จึงได้ขอร้องให้ยูช่วยประสานให้ก่อน เพราะมีข่าวว่าทางจีนกำลังหาทางเจรจาในเรื่องนี้อยู่เช่นเดียวกัน

"อันนี้เป็นรายละเอียด นอกเหนือจากที่ท่านรัฐมนตรีคุยกับมึงแล้ว"

"แล้วทำไมถึงคิดว่ากูจะทำได้"

"ไอ้เวร เจ้าชายองค์สำคัญในราชวงศ์เสด็จมางานแต่งมึง นี่เด็กอมมือมันก็รู้วะว่ามึงมันระดับไหน งานนี้ทางเราต้องพึ่งมึงนะอย่าเล่นตัว"

"กูไม่ได้เปิดบริษัทล็อบบี้ยิสต์นะโว้ย"

"ไอ้นี่กวน"

ยูหัวเราะออกมาเพราะกวนอารมณ์เพื่อนได้สำเร็จ

"เอาละ กูจะคุยดู แต่ผลกูไม่รับรองว่าจะไทยได้คุยก่อนจีนหรือเปล่า"

"นั่นเป็นอีกเรื่องแต่มึงก็น่าจะรู้เราต้องการเจรจาก่อนประเทศอื่น เพราะยังไงเราปล่อยสัมปทานขุดเจาะน้ำมันให้หลุดมือไปไม่ได้รวมถึงเรื่องที่เราต้องการเพิ่มจุดสำรวจ  ทางเราถึงต้องพึ่งมึงให้ไปคุยกับทางนั้นเพื่อเราจะได้เจรจาก่อนจีนเพราะจีนก็จ้องจะเอาให้ได้อยู่เหมือนกัน ทางเราหวังว่ามึงจะช่วยกรุยทางให้ก่อนเพื่อจะให้ทางนั้นพิจารณาข้อเสนอของเรา "

"แล้วเรื่องอื่น"

"เรื่องสิ่งทอที่เราจะขายให้โมร็อกโก ตรงนี้ทางท่านรัฐมนตรีพาณิชย์ขอให้ช่วยพูดเพราะทางเราอยากขยายตลาดให้มากกว่าเดิม เพราะยังไง เมนเตซกรุ๊ปมีอิทธิพลพอสมควรในประเทศนี้ รายละเอียดอยู่ในเอกสาร ส่วนเรื่องการตอบแทนทางกองทัพกำลังสนใจในระบบเรดาร์ตัวใหม่กับโดรนลาดตระเวนของบริษัทที่แด้ดมึงเป็นกรรมการบริหารอยู่ถ้าเรื่องนี้สำเร็จ ทางรัฐบาลไทยคงให้ทางกองทัพซื้อเรดาร์กับโดรนตัวนี้ถึงมันจะแพงกว่าของจีนก็ตามที"

ยูพยักหน้า เรื่องเรดาร์ยูพอจะรู้มาก่อน เพราะอ็อดแอบกระซิบมาแล้วว่าทางกองทัพกำลังให้ความสนใจอย่างมากหลังจากที่ได้ไปโชว์ในงานสิงคโปร์แอร์โชว์มาแล้ว มันเป็นเรดาร์ที่สามารถติดตั้งบนรถขนาด 6 ล้อ แต่มีรัศมีทำการไกลแถมยังสามารถเชื่อมระบบเพื่อถ่ายทอดข้อมูลได้อีกด้วย รวมถึงโดรนที่ใช้ลาดตระเวนระยะไกลที่ตอนนี้มีหลายชาติได้ซื้อไปใช้งานเป็นที่เรียบร้อย

"เรื่องตรงนี้ไว้ว่ากัน กูไม่ได้เป็นคนหน้าเลือด"

ยูพูดออกมาก่อนจะพิงพนักพิงเก้าอี้พร้อมเปรยขึ้นดังๆ

"ตกลงกูยังทำงานให้กระทรวงอยู่ใช่ไหมนี่"

"ไอ้เวร ตอนนี้มึงเป็นคนไทยที่เป็นถึงผู้บริหารระดับสูงบริษัทที่ทรงอิทธิพลในยุโรปและตอนนี้ทุกคนก็รู้แล้วว่า"พรินซ์ออฟบาร์เซโลน่า"คือใคร ทางเราก็ต้องหวังให้มึงช่วยไม่รวมถึงคนอื่นๆที่พุ่งเข้าหามึง มันเรื่องธรรมดาวะ แต่มึงก็เข้าถึงยากเหลือเกินไหนจะการ์ดล้อมรอบไปหมด  ไหนจะเรื่องการติดต่อ กูรู้ที่เมืองไทยมีคนอยากคุยกับมึงเพียบแต่หาวิธีไม่ได้ เวลาไปเมืองไทยมึงก็ไปแบบเงียบๆ ถ้ากูไม่ใช่เพื่อนมึงคงจะมาเจอมึงแบบนี้ลำบากแน่นอน ตอนนี้กูมาขอความช่วยเหลือจากมึงในเรื่องของประเทศแต่ในอนาคตไม่แน่ว่ากูอาจจะต้องมาขอมึงให้ช่วยเรื่องเงินสนับสนุนพรรค ไอ้ยูมึงเลี่ยงเรื่องพวกนี้ไม่ได้หรอก มึงก็รู้ดีอยู่ว่าเมนเตซกรุ๊ปมีบารมีขนาดไหนส่วนหนึ่งเพราะเงินบริจาคให้พรรคการเมืองในยุโรป แล้วทีนี้ทำไมพรรคการเมืองในไทยจะไม่ถวิลหามึงหลังจากที่คนรู้จักมึงแล้ว ตอนนี้มึงไม่ใช่นายอลงกรณ์ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศธรรมดาแล้ว มึงเป็นถึงรองประธานกรรมการบริหารกลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่ของโลกที่ชี้ชะตาเศรษฐกิจโลกได้"

บีบอกเพื่อนไปด้วยน้ำเสียงที่จริงจังส่วนยูมองมาที่เพื่อนแล้วยิ้มก่อนจะตอบ

"เรื่องที่โอมานกูจะเร่งให้เร็วที่สุด ดีไม่ดีก่อนที่ท่านรัฐมนตรีกลับไทยอาจต้องแวะไปคุยที่นั่น ส่วนเรื่องที่โมร็อกโกกูขอดูรายละเอียดก่อนแต่มึงบอกไปทางพาณิชย์เลยว่าให้เตรียมคณะผู้แทนการเจรจาไว้เลย"

"ขอบใจมากเพื่อน ถ้าเรื่องนี้มึงไม่ช่วยเราคงเสียเวลานานมาก เรารอไม่ได้"

"เพราะแด้ดมากกว่า กูยังไม่มีอะไรเลย ที่ผ่านมาทุกคนเกรงใจกูเพราะบารมีแด้ดทั้งนั้น ลำพังกูไม่มีอะไรหรอก"

บีพยักหน้าอย่างเข้าใจเพื่อนก่อนจะถามต่อไป

"แล้วแด้ดละ อยู่หรือเปล่า"

"ไปประชุมที่มาดริด กลับตอนเย็น"

"นึกว่าจะได้เจอ"

บีเปรยออกมาแต่ยูนั้น ได้ถามเพื่อนต่อทันที

"บีกูถามมึงหน่อย เรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นยังไงวะ กูรู้ว่ามึงไม่ใช่คนนิสัยแบบนั้น"

อีกฝ่ายนั้นยิ้มอย่างเครียดๆออกมา เพราะรู้ดีว่าเพื่อนหมายถึงเรื่องอะไร

"ยูมึงก็น่าจะรู้นิสัยกูดีว่ากูเป็นคนยังไง ที่ผ่านมากูก็ไม่อยากไปยุ่งเกี่ยวกับญาติทางแม่กูอยู่แล้ว เรียกได้ว่าแทบจะตัดขาดกัน ทางนั้นทำกูไว้เจ็บมาก จนกูต้องหนีมาหาปู่กับย่า และไม่คิดหวนกลับไปอีกเลย มึงน่าจะจำได้ว่ากูปากกัดตีนถีบขนาดไหนตอนเรียน บางวันมีแค่เงินค่ารถมาเรียนเท่านั้นถ้าหลวงอาไม่ช่วยให้กูซุกหัวนอนที่วัดพร้อมส่งเสียกูและถ้ากูไม่ได้ทุนการศึกษากูก็ไม่มีวันเรียนจบหรอก"

ยูพยักหน้าเพราะจำได้ว่าเพื่อนนั้นลำบากขนาดไหนก่อนที่ยูจะถามต่อ

"แล้วจู่ๆทำไมมึงถึงได้มรดก"

บีส่ายหน้าก่อนจะตอบเพื่อน

"กูไม่สนใจ แต่ข่าวที่ออกมันก็จริงและกูก็บอกนักข่าวไปแล้วว่าเพราะอะไร จะให้กูเก็บบ้านกับที่ดินไว้หรือไง ตอนนี้กูก็มีบ้านอยู่ที่กรุงเทพ ย่ากูก็เสียไปแล้ว ญาติกูก็เหลือแต่หลวงอาเท่านั้น กูก็ต้องขายจะให้กูใจดีให้อยู่ต่อถ้าเกิดพวกนั้นทำเรื่องไม่ดีขึ้นในบ้านละ กูไม่เสียเพราะชื่อเป็นเจ้าของบ้านหรือไง พอกูรู้ว่ากูเป็นเจ้าของบ้านกูก็บอกพวกนั้นไปเลยว่ากูจะขายบ้านและให้ใครอยู่กี่วัน กูไม่สนใจเรื่องที่มาด่าว่ากูไม่มีน้ำใจ แต่ไม่เคยมองย้อนไปว่าเคยทำอะไรกับกูไว้บ้าง และกูไม่เคยไว้ใจคนพวกนี้ จริงๆมันเรื่องในครอบครัว แต่ก็ยังมีคนมาปล่อยข่าวเพื่อจะทำลายชื่อเสียงกูแต่กูก็ไม่สน"

"แล้วมึงจะทำยังไงต่อ"

"ก็แล้วแต่เพราะกูได้เงินมาแล้ว ชีวิตกูคงต้องอยู่กับการเมืองไปอีกยาวกูต้องมีทุนไว้และเผื่อไว้ในอนาคตด้วยเงินจำนวนนี้ทำให้กูไม่ต้องกังวลแล้ว ตอนนี้กูอยากเรียนต่อโทเพราะมีทุนแล้วแต่มันติดเรื่องเวลา แต่มึงรู้จักกับน้ากูที่ชื่อธงชัยหรือเปล่า"

"ไม่รู้จักวะรู้แต่เคยเป็นทูตที่อาร์เจนติน่าแต่ตอนนี้ย้ายกลับมาอยู่ไทยเมื่อไม่นานมานี้"

อีกฝ่ายพยักหน้า ก่อนจะบอกเพื่อนต่อ

"กูก็กะอยู่แล้วว่ามึงต้องถาม กูก็บอกมึงตามตรงเพียงข่าวมันขยายไปแต่กูก็แก้ข่าวไปแล้ว อีกไม่นานคนก็ลืม ท่านรัฐมนตรีก็ไม่ถามอะไรเพิ่ม กูไม่ได้ทำอะไรที่ผิดกฎหมายถึงจะดูใจร้ายไปบ้างแต่มันก็สาสมแล้ว"

"ก็นั่นและที่กูอยากรู้ แต่มึงก็ระวังไว้หน่อยเพราะตอนนี้มึงมีชื่อเสียงแล้ว ถ้าพลาดฝ่ายตรงข้ามเล่นมึงหนักแน่การเมืองตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน"

"ถ้ามึงอยากรู้เพิ่มก็ให้บริษัทรักษาความปลอดภัยของมึงไปสืบดูสิ เรื่องแค่นี้หน่วยข่าวของบริษัทมึงคงสืบง่ายจะตาย"

"ไอ้ห่า เรื่องแบบนี้กูไม่สนใจหรอก"

บีเย้าเพื่อนเพราะรู้ดีว่าบริษัทรักษาความปลอดภัยที่ยูดูแลอยู่นั้น นอกจากจะมีบรรดาบอดี้การ์ดฝีมือดีจำนวนมากยังมีเรื่องข่าวกรองในชั้นแนวหน้า บีนั้นไม่รู้ข้อมูลลึกๆว่าทางบริษัทนี้มีเครื่องมือขนาดไหนแต่จากข้อมูลที่ได้มาถือว่าเรื่องการข่าวของบริษัทนี้จัดอยู่ในระดับแนวหน้าและเชื่อถือได้กว่าอีกหลายๆประเทศ ยิ่งตอนนี้อยู่ภายใต้การดูแลของGMชื่อมิเกล ที่เคยเป็นทหารหน่วยรบพิเศษของสเปน คนๆนี้มีความสำคัญมากแถมมีเครือข่ายในหน่วยข่าวกรองหลายประเทศและเป็นบอดี้การ์ดประจำตัวของประธานบริษัทนี้อีกด้วย แต่จู่ๆยูก็ถามขึ้นมาด้วยใบหน้ายิ้มๆและเสียงกวนๆ

"นอกจากเรื่องจะซื้อเรดาร์กับโดรนแล้วกูจะได้อะไรบ้างละนี่"

"กูซื้อข้าวมันไก่ประตูน้ำให้ 5 ห่อ"

"มากไปกูขอแค่ 2 ห่อก็พอแต่ขอบะหมี่จับกังเพิ่มอีก 1ห่อ"

ก่อนที่ทั้งคู่จะหัวเราะออกมาเพราะสมัยเรียนบีเป็นคนชวนเพื่อนไปกินบะหมี่จับกังที่เยาวราชบ่อยมาก และบีเป็นฝ่ายบอกเพื่อด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง

"ถ้ามึงกลับไปเมืองไทยครั้งหน้าถ้าเราว่างตรงกันกูว่าเราไปกินบะหมี่จับกังกันดีกว่า ไม่ได้ไปกินนานแล้ว"

ยูพยักหน้า ก่อนที่บีจะชวนเพื่อคุยเรื่องอื่น

"กูสงสัยวะ ตกลงที่นี่เข้าเรียกมึงว่าอะไรกันแน่ ที่ประชาสัมพันธ์เรียกมึงว่าบอส ส่วนคุณโซเฟียเรียกจูเนียร์"

"คนใกล้ตัวเท่านั้นที่ยังเรียกกูว่าจูเนียร์ นอกนั้นเรียกบอสหมด ขนาดรหัสเรียกทางวิทยุยังเปลี่ยนจากจูเนียร์เป็นบอส ส่วนแด้ดเปลี่ยนเป็นท่านประธาน แพงก็เป็นมาดามไปเรียบร้อย"

"แล้วการ์ดของมึงละ"

"4 หมายถึงขั้นต่ำนะ  บางทีล่อไป 6 ตามการประเมินของคาร์รอสกับมิเกล เวลากูไปไหนอย่างน้อยรถ 2 คัน ถ้ากูขับเองคนเดียว รถตามหลังก็เป็นบอดี้การ์ดอีก 4 ถ้ามีคนขับ คาร์รอสก็นั่งไปในรถด้วย"

"โห ขนาดกูบางครั้งมีตำรวจติดตาม 1 คน ยังอึดอัดเลย แล้วนี่มึง"

"ทำไงได้วะบางทีกูตัดปัญหา นั่งฮ. มาทำงานแม่งเลย แต่เวลาแพงมาด้วยก็ต้องให้ตามห่างๆ ไม่งั้นมีโวย"

บีส่ายหน้าก่อนจะยกนาฬิกาขึ้นมาดู

"กูกวนเวลามึงมามากแล้วได้เวลากูต้องไปแล้วจะได้ไปรายงานเจ้านาย"

"ก็ให้กูเอาเครื่องไปรับแต่แรกก็จบแล้ว  ขนาดกูจะเอารถไปรับที่สนามบินมึงยังไม่ยอมเลย"

"ไม่เอากูไม่อยากรบกวนบารมีมึง"

"งั้นเดี๋ยวกูให้รถไปส่งมึงที่สนามบินแล้วกัน มันคงไม่มีปัญหาอะไรหรอก"

ยูพูดจบแล้วยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อสั่งงาน  การเดินทางมาหายูนั้นบีต้องการที่จะไม่ให้เกิดปัญหาตามมาภายหลังจึงเลือกเดินทางมาโดยเครื่องบินโดยสารทั้งๆที่เพื่อนจะส่งเครื่องบินส่วนตัวไปรับที่ฝรั่งเศสแม้กระทั่งเดินทางจากสนามบินมาที่นี่บียังเลือกมาแท็กซี่แทน พอยูวางหูบีจึงพูดต่อ

"ไว้กูมาเที่ยวแล้วกันมึงค่อยส่งเครื่องส่วนตัวของมึงไปรับ กูจะนั่งวางมาดมาตลอดทาง กูอยากมาดู เอล กลาซิโก้สักครั้งในชีวิต"

"เออแล้วกูจะเอาดาโกต้าไปรับมึง ที่นั่งก็เหมือนสมัยสงครามโลก มึงจะได้วางมาดตลอดทางตามความตั้งใจ ส่วนฟุตบอลกูจะให้มึงนั่งดูใกล้เด็กเก็บบอลเลย"

บีหัวเราะออกมาทันที ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินออกไปจากห้องซึ่งโซเฟียร์มายืนรออยู่แล้วที่หน้าประตู ก่อนจะเดินนำไปที่ลิฟท์ ที่มีเจ้าหน้าที่มาเปิดรอให้อยู่แล้ว โซเฟียร์เดินเข้าไปรอในลิฟท์ก่อน บีหันมาทางเพื่อนก่อนจะพูดขึ้น

"ยูยังไงกูก็ต้องขอบคุณมึงมากนะเพื่อนที่ช่วยในเรื่องนี้"

"กูช่วยในเรื่องที่กูพอจะช่วยได้ ไว้เจอกันที่เมืองไทยไอ้บี เดินทางปลอดภัยละ"

"ได้เพื่อน"

ทั้งคู่ต่างจับมือกันอีกครั้งก่อนที่บีจะเดินเข้าไปในลิฟท์ โซเฟียร์นั้นกดปุ่มชั้น 10 ก่อนจะกดปุ่มปิดประตูลิฟท์ ซึ่งบีไม่ได้ถามอะไร จนลิฟท์มาถึงชั้น 10 โซเฟียร์เดินนำบีออกจากลิฟท์ก่อนจะเดินนำไปยังอาคารจอดรถ  ซึ่งตรงประตูมีทางออกมีรถ BMW สีดำจอดรออยู่แล้วพร้อมด้วยคนขับที่อยู่ในชุดสูทนั้นยืนรออยู่ บีมองทันทีก็รู้ว่าเป็น BMW รุ่นใหม่ที่ยังไม่มีขายในไทยแถมคนขับก็มองออกว่าไม่ใช่คนขับรถทั่วๆไป คงเป็นพวกบอดี้การ์ดมากกว่า ทันทีที่เดินถึงรถคนขับเปิดประตูด้านหลังให้ทันที บีหันมายิ้มและกล่าวขอบคุณเลขาของเพื่อนอีกครั้ง ซึ่งโซเฟียร์ยิ้มรับก่อนที่บีจะก้าวเข้าไปในรถ  หลังจากที่รถออกตัว บีมองไปรอบๆและเห็นว่ามีรถหรูจอดในลานจอดอยู่หลายคันแสดงว่าบริเวณนี้คงเป็นที่จอดรถสำหรับผู้บริหารโดยเฉพาะ

หลังจากที่ฝ่าการจราจรที่ค่อนข้างแอดอัดมาถึงสนามบิน ซึ่งระหว่างทางบีไม่ได้คุยอะไรกับคนขับรถเลย ทันทีที่รถจอดซึ่งเหมือนจะมีเจ้าหน้าที่ของสนามบินมากั้นไว้ให้โดยเฉพาะ และเจ้าหน้าที่ของสนามบินมาเปิดประตูรถให้ บีบอกขอบคุณคนขับซึ่งอีกฝ่ายนั้นยิ้มรับ ก่อนจะลงจากรถเจ้าหน้าที่สนามบินได้พาบีมาที่เคาน์เตอร์เช็คอินโดยไม่ต้องรอคิว ซึ่งขากลับนี้บีเลือกสายการบินของสเปนเพราะได้เวลาที่ต้องการ ต่างจากขามาที่บินจากปารีสมาบาร์เซโลน่าเป็นสายการบินของฝรั่งเศส ทุกอย่างถูกอำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่ ทั้งที่นั่งที่จองเป็นชั้นประหยัดได้ปรับเป็นชั้นธุรกิจซึ่งเป็นชั้นสูงสุดของเที่ยวบินนี้การผ่านด่านตรวจก็สะดวกเหมือนขาเข้าแถมมีการเปิดห้องพักให้รอขึ้นเครื่อง บีนั้นรู้ว่าไม่ใช่เพราะพาสปอร์ตสีน้ำเงินที่ตนเองถืออยู่แต่มาจากยูที่อำนวยความสะดวกให้เท่าที่จะทำได้ และสายการบินนี้ทางเมนเตซกรุ๊ปนั้นถือหุ้นใหญ่อยู่ บีนึกขอบคุณเพื่อนที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้นิสัยของยูนั้นไม่เปลี่ยนแปลง ระหว่างที่นั่งรอขึ้นเครื่องบีได้โทรไปไปรายงานเรื่องที่คุยกับยูกับทางรัฐมนตรี ซึ่งทางรัฐมนตรีนั้นพอใจเป็นอย่างมาก หลังจากวางสายได้มีสายโทรเข้ามาต่อทันที บีเห็นชื่อแล้วยิ้มก่อนจะรับ

"ว่าไงครับปอง"

"กลับฝรั่งเศสหรือยังคะ"

"รอขึ้นเครื่องอยู่ครับ"

บีคุยกับคนที่โทรมาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะวางสาย เธอคือปองหรือปิงปองเป็นผู้หญิงที่บีกำลังคบหาอยู่ ทั้งคู่เคยเห็นหน้ากันมาก่อนตอนที่สมัยที่บีทำงานบริษัท เหมือนกับปองที่เป็นเลขาทั้งคู่ทำงานในตึกเดียวกัน ต่างคุ้นหน้ากันแต่ไม่เคยพูดคุยกัน จนบีเข้ามาทำงานการเมืองจนได้เป็น สส. ส่วนปองนั้นย้ายงานมาทำงานเป็นเลขาให้กับผู้บริหารบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งที่เป็น 1 ในผู้บริจาครายใหญ่ให้กับพรรคการเมืองที่บีสังกัดอยู่  ทำให้เธอต้องมาที่พรรคกับเจ้านายบ่อยจนเริ่มคุ้นเคยกับบี เริ่มจากการทักว่าเคยเห็นหน้ากันมาก่อนและเริ่มคบหากัน ปองนั้นเป็นลูกสาวคนโตมีน้องชายอีกคนเธอยังอยู่กับครอบครัว จนความสัมพันธ์ของทั้งคู่นั้นก้าวหน้าไปเรื่อยๆ จนถึงขั้นสัมผัสภายนอกซึ่งฝ่ายหญิงนั้นไม่เคยปฏิเสธยอมรับการจูบและการถูกลูบคลำอย่างเต็มใจการใช้มือสร้างความสุขให้อีกฝ่าย จนหญิงสาวนั้นอดใจไม่ไหวเป็นฝ่ายชวนฝ่ายชายไปเที่ยวเชียงใหม่กัน 2 ต่อ 2 ด้วยบรรยากาศของรีสอร์ทในขุนเขา มันเอื้ออำนวยที่ปองจะยอมเสียความสาวให้กับบีอย่างเต็มใจ ในชีวิตของเธอนั้นไม่เคยผ่านมือชายมาก่อนต่างจากบีในช่วงของการทำงานในบริษัท ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ที่เป็นแม่หม้ายสาวรุ่นพี่ในวัย 40 ต้นๆ ในบริษัทได้ชวนบีขึ้นเตียงจนกลายเป็นคู่ขากันอย่างลับๆและบีได้เรียนรู้ประสพกามจากสาวรุ่นพี่มาอย่างดี จนมาถึงวันทีได้พิชิตความสาวของปองหลังจากที่หญิงสาวอาบน้ำเรียบร้อย ปองที่อยู่ในชุดกางเกงขาสั้นเสื้อยืด ได้เดินมาที่เตียง ซึ่งบีนอนดูทีวีอยู่หลังจากที่ทั้งคู่ต่างไปเที่ยวกันมาทั้งวัน หญิงสาวนอนลงข้างๆพร้อมดึงผ้าห่มมาคลุมกายด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก เพราะเดาออกว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น มันไม่เหมือนทุกๆครั้งที่ผ่านมาเพราะมันเป็นการสัมผัสด้วยมือเท่านั้น

มันเริ่มจากบรรยากาศภายในรถ อารมณ์จากการจูบและถูกลูบคลำสัมผัสมันทำให้เธออ้าขาออกได้งายเมื่อมือของบีล้วงผ่านชายกระโปรงจนไปผ่านขอบกางเกงในเพื่อใช้นิ้วสร้างความเสียวให้กับเธอ เช่นเดียวกับเธอที่ตอบแทนด้วยการรูดซิบกางเกงแล้วควักของฝ่ายชายมารูดให้ และมันมีครั้งต่อๆไปจนถึงวันนี้ และไม่นานอย่างที่เธอคิด บีพลิกตัวขึ้นมานอนทับบนตัวเธอ ถึงจะมีผ้าห่มกั้นแต่มันไม่ช่วยอะไรทั้งคู่ต่างไม่เอ่ยคำพูดออกมา โดยปองนั้นใช้แขนทั้งสองคล้องโอบรอบคอฝ่ายชาย บีก้มหน้าลงมาทันทีปากของทั้งคู่ประกบกันสนิท ก่อนจะเลื่อนไปที่แก้มทั้งสองข้าง ไล่ลงที่ซอกคอ ปองหลับตาพริ้มปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามจังหวะผ้าห่มถูกดึงออกพร้อมเสื้อยืดถูกเลิกขึ้นหน้าอกขนาดลูกแอปเปิลถูกห่อหุ้มในยกทรงตัวจิ๋วอยู่ตรงหน้าบี เสื้อยืดของปิงปองนั้นถูกถอดให้พ้นจากตัวทันที ตามด้วยยกทรงที่เจ้าตัวนั้นยกตัวให้ฝ่ายชาย ปลดตะขอด้านหลัง พร้อมยกแขนให้ถอดโดยง่าย หัวนมสีน้ำตาลอ่อนนั้นรอให้บีได้ดูดดื่มซึ่งบีไม่รอช้า พอริมฝีปากของฝ่ายชายสัมผัสที่หัวนม ปองนั้นผวาเล็กน้อย ก่อนจะหายใจยาวๆออกมา ความเสียวนั้นเริ่มทวีขึ้นทีละน้อยยิ่งตอนนี้บีดูดสลับไปมาทั้ง 2เต้าของเธอ ปิงปองแอ่นตัวรับเป็นระยะ จนบีเลื่อนหน้าลงไปที่หน้าท้องพร้อมกางเกงขาสั้นถูกรูดลงไปโดยเธอยกก้นทันที

ร่างของผิวสีน้ำผึ้งของเธอเหลือเพียงกางเกงในที่ปกปิดส่วนสำคัญอยู่ ปิงปองเป็นสาวรูปร่างที่ได้สัดส่วนตามแบบผู้หญิงไทยถึงหน้าอกจะไม่ใหญ่แต่ปิงปองเป็นคนที่สะโพกใหญ่และบีไม่รอช้าจัดการรูดกางเกงในของหญิงให้พ้นตัว  โคกหีของปองนั้นใหญ่รองรับสะโพกพร้อมหมอยที่ดกซึ่งบีพอจะรู้จากการสัมผัสด้วยมือมาหลายครั้ง บีไม่รอช้ารีบจัดการกับเสื้อผ้าของตนทันที และเป็นอย่างที่ปองคิด เพราะหน้าของบีฝังไปที่โคกหีของเธอ ก่อนที่ลิ้นจะสัมผัสเข้าในในรูที่หญิงสาวนั้นอ้าขารออยู่แล้ว มันเสียวกว่าที่เธอคิดและจากที่เคยได้อ่าน เสียงครางของปองเริ่มดังออกมา

"อูยๆๆๆโอ่วววววววว ซี๊ดดดดดดดดดดดด"

และเธอเผลอยกก้นให้รองรับลิ้นของบีเป็นบางครั้ง หญิงสาวนั้นเอามือไปจับบ่าของบีแน่น เหมือนไม่อยากให้บีเลิกเลียหีของเธอมันสร้างความเสียวให้กับเธอได้อย่างมาก แต่พอบีเห็นว่าหญิงสาวนั้นพร้อมแล้วจึงเงยหน้าและเลื่อนตัวขึ้นมาปากของทั้งสองประกบกันอีกครั้ง ปองเอาลืบลูบไปตามหลังของบี พร้อมรู้ว่ามีอะไรที่แข็งๆนั้นสีไปมาที่หน้าขาของเธอ ซึ่งสิ่งนั้นเธอสัมผัสด้วยมือมาหลายครั้งแล้ว แต่คงอีกไม่นานสิ่งนั้นคงจะได้เข้ามาในตัวเธอ และเป็นอย่างที่คิด บีเอื้อมมือไปหยิบถุงยางมาสวม ปองนั้นมองอย่างเงียบๆ จนบีมานอนทับบนตัวเธออีกครั้งก่อนจะไซร้เพื่อปลุกอารมณ์หญิงสาวลุกโชนมากขึ้น

"พร้อมนะปอง"

"คะบี"

หญิงสาวตอบพร้อมใช้มือคล้องคอฝ่ายชายพร้อมอ้าขาให้กว้างขึ้น บีเลื่อนตัวจนควยที่แข็งตัวไปจ่อที่รูหีแล้วค่อยๆดันเข้าไป

"โอ๊ยๆๆ เจ็บคะ"

เสียงร้องของปองแต่บีไม่ตอบมือของหญิงสาวทั้งสองข้างจับที่ต้นแขนของตนแน่น บีพยายามดันเข้าไปอย่างช้าๆจนสุด ช่องทางนั้นมันฟิตมาก ใบหน้าของปองนั้นแสดงถึงความเจ็บปวด จนบีเริ่มขยับเอวอย่างช้าๆ เสียงหายใจของปองเริ่มถี่ขึ้น เพราะความเสียวเริ่มกลับมา

"ดีขึ้นไหมครับ"

"คะ อูยยยยยยยยยย"

เธอตอบพร้อมพยักหน้ารับ มันเป็นแบบนี้นี่เองไม่ต่างจากที่คิดกับความเสียวที่ฝ่ายชายกำลังมอบให้บีกระเด้าอย่างช้าๆ ไม่เร่งจังหวะ จนปองเริ่มหายเจ็บและมีเด้งรับในบางครั้ง จนเธอนั้นเผลอตัวร้องออกมา

"บีขาเร่งหน่อย ปองจวนแล้วอูยยยยย ซี๊ดดดดดดดดดดดดด"

เมื่อหญิงสาวเป็นฝ่ายเร่งบีจึงกระเด้าถี่ขึ้นเสียงโหนกเนื้อกระทบกันเป็นจังหวะต่อเนื่อง จนปองนั้นเก็งไปทั้งตัวพร้อมเสียงครางยาว ส่วนบีกระเด้าอีก2-3ครั้งแล้วปล่อยน้ำกามออกมาในถุงยาง พร้อมกับเสียงหอบเหนื่อยของทั้งคู่ หลังจากนั้นเมื่อมีครั้งแรกย่อมมีครั้งต่อไป จากการไปเที่ยวในครั้งนั้นจนกลับมาถึงกรุงเทพทั้งคู่ต่างหาเวลามาสร้างความสุขด้วยกันโดยใช้บ้านของบีหรือหาโอกาสช่วงวันหยุดไปต่างจังหวัดจนปองนั้นกล้ามากขึ้น เธอเริ่มใช้ปากทำรักให้กับบีจนชำนาญและทั้งคู่เริ่มใช้ท่าต่างๆในการร่วมรักกัน


 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

cobra888

ดีใจจัง ที่ได้อ่านจักวาลยู อีกครั้งหนึ่งด้วยความเต็มใจ ::DayDream::

แมว69

คิดถึงยู กับความยิ่งใหญ่เรียบง่าย

biggiggog

ที่แท้ก็เพื่อนของยูนี่เอง
ตอนแรกคิดว่าใครหว่า
ขอบคุณครับ

Prik110927


D4rthvader


densanova

นึกต้องนานว่ายูเป็นใคร ปริ๊นออฟบาเซโลนานี้เอง

sammyadong


utsumaki


SilentKnight

เนื้อเรื่องน่าติดตามมาก เห็นcomment พูดถึงเรื่อง ยู ต้องลองติดตามดูแล้ว

bigmut

ขอบคุณมากครับ ดีใจที่ได้อ่านเรื่องนี้อีก

dawdom

วางเนื้อเรื่องชวนลึกลับดีครับ

evilbenz

เนื้อเรื่องน่าติดตามมากครับ ดูจากคอมเม้นต์ สงสัยต้องไปตามหายูอ่านแล้วครับ

sunnies

ภาคต่อหรือครับนี่ จำเนื้อเรื่องนายยูไม่ได้แล้วสิครับ

thanapon253

มีเรื่องใหม่มาแล้ว น่าสนุกจัง กำลังรอติดตามต่อๆไปนะ คิดว่าน่าจะน่าสนใจมากขึ้นเรื่อยๆแน่ๆเลย เพราะตอนแรกก็ได้ไปเที่ยวต่างจังหวัดและอยู่สองต่อสองกันละ