ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_nato87

เกมรักภารโรงเฒ่า ปี 2 ตอนที่ 11 : ท้องนภามิอาจมีดวงจันทราถึงสองดวง

เริ่มโดย nato87, พฤศจิกายน 27, 2020, 04:56:39 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

ถ้าคุณเป็นลุงพล คุณจะเลือกใคร 'พลอย' หรือ 'เบสท์'

เลือกหมอพลอยเหมือนเดิม เธออุตส่าห์ยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อลุงพลแล้วนะ หาทางลงตอนที่มีโอกาสจะดีกว่า
129 (70.1%)
เลือกครูเบสท์ดีกว่า เพราะเธอดีเกินกว่าจะต้องตาย และชะตากรรมได้ถูกกำหนดไว้แล้ว ใครก็ขวางไม่ได้
55 (29.9%)

จำนวนสมาชิกโหวดทั้งหมด: 184

xijikoh

ครูเบสท์ก่อนเถอะลุงพล มาถึงขนาดนี้แล้ว ค่อยไปง้อหมอพลอยทีหลัง





Thanongsak

 ::YehYeh::
อ้างจาก: nato87 เมื่อ พฤศจิกายน 27, 2020, 04:56:39 หลังเที่ยง
พูดคุยก่อนอ่าน : กลับมาแล้วครับ สำหรับเกมรักปีสองตอนที่ 11 อย่างที่ผมได้บอกไปหลายครั้งละ ครูเบสท์จะมีบทบาทเด่นมากขึ้น และหมอพลอยจะต้องเป็นตัวร้าย ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นในตอนนี้แล้วครับผม สำหรับตอนนี้ จะมีฉากเล่าย้อนอดีตด้วยนะครับ ค่อนข้างจะจักร ๆ วงศ์ ๆ ลิเก ๆ สักหน่อย 555 ตอนนี้ช่วงครึ่งแรกอาจน่าเบื่อสักหน่อย มันเกี่ยวกับการซ่อมรถนะครับ แต่ฉากนี้ ผมได้พยายามถ่ายทอดความเป็นครูเบสท์ให้ทุกคนได้เห็นกันมากขึ้น ว่าเธอเป็นคนที่มีนิสัยใจคอเป็นอย่างไร พวกคุณคิดว่าจะชนะหมอพลอยในบั้นปลายหรือไม่ ลองบอกผมมา

ขอโฆษณาประชาสัมพันธ์อีกนิด ตอนนี้ 'ภารโรงเฟี้ยว...เกี้ยวเด็กพยาบาล' เล่ม 3 ได้วางจำหน่ายเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ ตามลิงค์ด้านล่าง




ลิงค์อยู่ด่านล่างนะครับ


https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiODU1MjYwIjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NjoiMTM5MjUzIjt9&page_no=1

สำหรับตอนหน้า 'เกมรักภารโรงเฒ่า ปี 2 ตอนที่ 12 : เปิดหวอรอรัก' เห็นชื่อตอนก็น่าจะรู้นะครับว่าจะพบกับอะไร ฉากอีโรติกเน้น ๆ จัดเต็ม ๆ ครับผม แต่ผมไม่บอกหรอกนะว่าลุงพลจะได้ใคร 555555


######################


ความเดิมจากตอนที่แล้ว

https://xonly8.com/index.php?topic=236496.0

อ้างถึงตัดมาทางฝั่งครูเบสท์ หลังจากเลิกงาน เธอก็แวะขับรถไปหายัยอิมเพื่อนรักเพื่อกินข้าวเย็นด้วยกัน พร้อมกับพูดคุยถึงการนัดมีทติ้งในกลุ่มคณะพยาบาลศาสตร์ภาคอินเตอร์ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

"ทับทิมตอนนี้อยู่ไหน แล้วจะกลับไทยเมื่อไร?" ครูเบสท์เอ่ยปากถามยัยอิมเพื่อนรัก ที่ผันตัวไปเป็นดีไซนเนอร์และนักธุรกิจ

"มันบินอยู่กาตาร์ บ่นคิดถึงไทย อยากกลับมาทำงานที่ไทยใจจะขาด" ยัยอิมตอบ "เห็นว่ามันคบกับหนุ่มนักธุรกิจแขกที่นั่นด้วยนะเบสท์ โคตรรวย"

อัมพรเปิดอินสตาแกรมของยัยทับทิมเพื่อนร่วมคณะพยาบาลศาสตร์ให้เบสท์ดู อาจารย์สาวถึงกับร้องว้าวในชีวิตสุดหรูและสุดปังของยัยทับทิมเพื่อนรักที่เป็นแอร์โฮสเตสสายการบินระหว่างประเทศที่ตะวันออกกลาง ในกลุ่มสามใบเถาจากคณะพยาบาลศาสตร์ภาคอินเตอร์ กล่าวได้ว่าทับทิม คือนัมเบอร์วันตัวจริงของกลุ่ม ที่แม้แต่อัมพรและภัคจิรายังต้องยอมรับ

"ชีวิตยัยทับทิมนีดี๊ดีเนอะ ว่าไหม?" ยัยอิมแสดงความคิดเห็น ขณะกำลังเลื่อนหน้าจอสมาร์ทโฟนดูชีวิตของทับทิม สาวไฮโซประจำกลุ่ม

"ใช่..." ครูเบสท์ยิ้ม "สงสัยอีกหน่อยคงได้เป็นเจ้าสาวแขกแล้วละเพื่อนเรา"

สองสาวอดีตนักศึกษาพยาบาลศาสตร์ภาคอินเตอร์พูดคุยสนทนาในมื้อเย็นภายในร้านอาหารที่ดูเรียบง่ายแต่แอบแพงใจกลางเมือง ก่อนแยกย้ายกันกลับบ้านทางใครทางมัน

"อิม..." ภัคจิราเอ่ยชื่อเพื่อนรัก "ถ้านัดรวมเพื่อน ๆ ได้ครบทุกคนเมื่อไร ก็แท็คหรือไลน์มาบอกชั้นด้วยนะเว้ย"

"ได้จ้า!!!" ยัยอิมยิ้มหวาน "บางทีชั้นอาจจะลองหาหนุ่ม ๆ โปรไฟล์ดี ๆ แนะนำให้แกได้รู้จักนะ เปิดใจมองหาตัวผู้บ้างได้แล้วแก จะได้มีแฟนเป็นตัวเป็นตนสักที ชั้นมีผัวมีลูกแล้วนะเว้ย สงสารชั้นบ้าง"

"ไม่เอาอ่ะ ชั้นอยากทรมานแกแบบนี้ไปเรื่อย ๆ" ภัคจิรายิ้ม ก่อนโบกมือลาเพื่อนรักเพื่อกลับบ้านทางใครทางมัน อาจารย์สาวเดินมาที่โรงจอดรถหลังร้าน เพื่อขับรถ Honda Civic สีบลอนด์กลับบ้านแถวพัฒนาการ

ทุกอย่างดูปกติในช่วงค่ำคืนใจกลางมหานคร จนกระทั่งภัคจิราสัมผัสได้ถึงความปิดปกติของเครื่องยนต์ เมื่อควันสีขาวพวยพุ่งออกมาจากหน้ากระโปรงรถ พอเห็นท่าไม่ดี อาจารย์สาวเลยเลี้ยวรถจอดข้างทาง เพื่อตรวจสภาพรถ ทั้ง ๆ ที่เธอไม่รู้เรื่องเครื่องยนต์เลยแม้แต่น้อย

"โอ้ย!!! รถมาเสียอะไรตอนนี้เนี่ย!!!" ภัคจิราเปิดกระโปรงหน้ารถดู เธอไม่รู้เรื่องเครื่องยนต์กลไกเลยแม้แต่น้อย อาศัยว่าแต่ขับอย่างเดียว นาน ๆ ครั้งถึงจะพารถเข้าอู่ไปเช็คสภาพ "แล้วจะทำยังไงเนี่ย!!!"

นี่ก็จะสามทุ่มแล้ว ภัคจิรารู้ดีว่าเธอเป็นผู้หญิง และมันไม่ปลอดภัยเอาซะเลยที่รถของเธอมาเสียใจกลางเมืองแบบนี้ จะไปตามช่างที่ไหนได้บ้างในเวลาตอนนี้? หรือจะทิ้งรถเอาไว้แล้วพรุ่งนี้ค่อยมาวัดดวงกันว่ารถยังอยู่ที่เดิมหรือว่าอาจถูกตำรวจลากไปดี?

"แล้วจะทำยังไงเนี่ย!!!! โอ้ย!!!!" อาจารย์สาวจับโน่นจับนี่ จนคราบเขม่าติดมือ ภัคจิราทำหน้ามุ่ยด้วยความกังวล จนกระทั่งลุงพลที่บังเอิญขับรถมอเตอร์ไซค์ไปจ่ายตลาดแถวนั้นแวะมาเจอเข้าพอดี

"ครูเบสท์? ครูเบสท์ใช่ไหมครับ?" ลุงพลชะลอรถเพื่อถามอีกฝ่าย "รถเป็นอะไรครับครู?"

"รถเสีย สตาร์ทเครื่องไม่ได้เลยค่ะลุง" ภัคจิราดูใจชื้นขึ้นมาบ้าง เมื่อเห็นลุงพลปรากฏตัวต่อหน้า "ช่วยเบสท์หน่อยนะคะลุง เบสท์ไม่รู้เรื่องเครื่องยนต์เลย"

ลุงพลยิ้มให้ครูเบสท์ ก่อนถอดหมวกกันน็อคแขวนไว้ที่ตะกร้าหน้ารถมอเตอร์ไซค์ เพื่อช่วยดูอาการรถยนต์ Honda Civic ของครูเบสท์ให้

"โอ้ย!!! ควันโขมงเลยแหะ!!!" ลุงพลยืนตรวจเครื่องยนต์รถของครูเบสท์ "ไม่แน่ใจว่าน้ำกลั่นแห้งหรือรั่วนะครับครู แต่ต้องรอก่อน เปิดดูหม้อน้ำตอนนี้มีหวังมือพองแน่"

"ค่ะ รบกวนด้วยนะคะลุงพล" ภัคจิราดูกังวลใจเป็นอย่างมาก ก่อนที่เธอจะหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาเพื่อพูดคุยกับเพื่อนในกลุ่มไลน์ระหว่างรอ

ลุงพลแอบชำเลืองมองครูเบสท์เป็นระยะ ระหว่างยืนอยู่หน้ากระโปรงรถครูเบสท์ จนกระทั่งไปเหลือบเห็นรถมอเตอร์ไซค์ที่แล่นมาด้วยความเร็วจากด้านหลัง

"ครูเบสท์ ระวังรถครับ!!!!" ลุงพลเอ่ยปากเตือนครูเบสท์ที่ยืนพิมพ์ไลน์บนสมาร์ทโฟนอยู่ โดยไม่รู้ว่ามีคนขับรถมอเตอร์ไซค์ที่แล่นมาอย่างรวดเร็วจากด้านหลัง

"ปรี๊ด!!!!" เสียแตรรถมอเตอร์ไซด์ดังลั่น ครูเบสท์พอหันไปก็ร้องด้วยความตกใจ ก่อนที่ลุงพลจะดึงร่างของเธอออกมาได้ทันควัน

"เป็นบ้าอะไรน่ะคนสวย!!! อยากตายเหรอ!!!" ขาซิ่งคนนั้นหันมาด่าครูเบสท์ด้วยความโกรธ ก่อนบีบคันเร่งหนีไป แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ

"เอ่อ..." ครูเบสท์ตกอยู่ภายใต้อ้อมกอดของลุงพลที่เข้ามาช่วยด้วยการดึงร่างของเธอออกมา เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ ที่ลุงพลและครูเบสท์ได้มองตากันในระยะเผาขนแบบนี้

"ครูเบสท์..." ลุงพลมองอาจารย์สาวตาไม่กระพริบ งดงามเหลือเกิน ภัคจิราวดี ผู้มีศักดิ์ไม่แพ้พลอยพรรณรายผู้เป็นพี่สาวแห่งองค์ตุลาการสวรรค์

######################

เรียกว่าลุงพลได้ช่วยครูเบสท์จากนาทีวิกฤติ หญิงสาวผู้สูงศักดิ์และเพรียบพร้อมไม่แพ้หมอพลอยแห่งวิทยาลัยพยาบาลตกอยู่ภายใต้อ้อมกอดของสุภาพบุรุษสูงวัยอย่างลุงพล

"เอ่อ..." ภัคจิรามองหน้าลุงพลตาแป๋ว ราวกับว่าเธอกำลังต้องมนต์สะกดอะไรบางอย่าง ทำไมเธอถึงรู้สึกผูกพันกับผู้ชายอายุหกสิบกว่า ๆ ที่ไม่มีอะไรโดดเด่นคนนี้เลยแม้แต่น้อยกันนะ

ในขณะที่ลุงพล ตาเฒ่ามองหญิงสาวตาไม่กระพริบ งดงาม น่ารัก เธอเพียบพร้อมไม่แพ้หมอพลอยเลยแม้แต่น้อย เมื่อมองลึกลงไป ลุงพลรู้สึกหลงใหลในความอ่อนหวานของดวงตาคู่นั้น

"ภัคจิราวดี..." ลุงพลเผลอเอ่ยปากชื่อจริงของครูเบสท์ด้วยชื่อเก่าเมื่ออดีตชาติ ทำเอาอาจารย์สาวถึงกับตื่นจากภวังค์ด้วยความตกใจ

"เอ่อ...ลุงพลคะ?" ครูเบสท์ที่ได้สติเอ่ยปากขึ้นมา "ปล่อยเบสท์ได้แล้วมั้งคะ?"

"อุ้ย!!! ขอโทษครับครู!!!" ลุงพลรีบปล่อยครูเบสท์ออกมา ฝ่ายหญิงสาวดูมีท่าทางเขอะเขินและประหม่าอย่างเห็นได้ชัด "ขอโทษนะครับครู ผมไม่ได้ตั้งใจ!!!"

"ไม่เป็นไรค่ะ..." ครูเบสท์เอามือเสยปอยผมแก้อาการประหม่า หญิงสาวไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าเพราะเหตุใด เธอถึงได้มีอาการหวั่นไหวกับลุงพลมากถึงขนาดนี้

"เอ่อ...เดี๋ยวผมไปดูรถให้ครูต่อนะครับ" คนขายน้ำเต้าหู้รีบเบี่ยงประเด็นไปเรื่องอื่น ตาลุงเดินกลับไปดูที่หน้ากระโปรงรถของครูเบสท์เพื่อตรวจเช็คสภาพหม้อน้ำรถยนต์ของอาจารย์สาว ลุงพลลองเอามือจิ้มหม้อน้ำรถครูเบสท์ ก่อนที่จะรีบดึงมือออกเพราะหม้อน้ำรถยังร้อนฉ่าอยู่



(ครูเบสท์ - ภัคจิรา นฤนารถไมตรี (อาจารย์ประจำภาควิชาพยาบาลศาสตร์)


"เป็นยังไงบ้างคะลุง?" ภัคจิราถามด้วยความซื่อ เธอไม่รู้เรื่องเครื่องยนต์มากนัก

"ร้อนครับ!!!" ลุงพลหันไปตอบด้วยรอยยิ้ม "หม้อน้ำรถครูเบสท์ร้อนจี๋เลยครับ!!!"

"ทำไมต้องมาเสียตอนนี้ด้วยนะ!!" อาจารย์สาวบ่นกับตัวเอง ก่อนเหลือบไปเห็นร้านสะดวกซื้อที่ตั้งอยู่ไม่ไกล "ลุงพลคะ? เดี๋ยวเบสท์แวะไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อก่อนนะคะ"

"ครับ ได้ครับ" อดีตภารโรงเก่ายิ้มรับ ก่อนหันกลับมาตรวจสภาพเครื่องยนต์รถของครูเบสท์ในส่วนอื่น ๆ ต่อ แต่ก็ยังไม่วายแอบหันไปมองครูเบสท์เดินเข้าร้านสะดวกซื้อ

ครูเบสท์ดูเป็นสาวเรียบร้อย แต่ความรู้สึกของลุงพลรู้สึกว่าอาจารย์สาวคนนี้แอบซ่อนรูป และมั่นใจได้ว่าภัคจิราคนสวยจะต้องเด็ดดวงไม่แพ้เจ้าหญิงน้ำแข็งอย่างพลอยพรรณแน่นอน

พอครูเบสท์หายเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ ลุงพลก็หยิบสมาร์ทโฟนของตัวเองขึ้นมาเปิดโหมดไฟฉายเครื่องยนต์กระโปรงหน้ารถของครูเบสท์ โดยเฉพาะตรงหม้อน้ำที่ยังมีควันลอยโขม่งอยู่ ทำให้ลุงพลคิดว่าบางทีหม้อน้ำอาจจะแห้งก็เป็นได้

"มาแล้วค่ะ!!" ครูเบสท์เดินกลับมาพร้อมถุงพลาสติก ภายในมีน้ำเปล่าและน้ำอัดลมที่อาจารย์สาวตั้งใจซื้อมาฝากให้ลุงพล พระเอกจำเป็นในค่ำคืนนี้ "เป็นยังไงบ้างคะลุง? มีความคืบหน้าบ้างไหม?"

"ผมคิดว่าหม้อน้ำแห้งแน่ ๆ ครับ" อดีตภารโรงตอบ "ต้องรอสักพักให้เครื่องยนต์มันเย็นก่อนละครับ"

"อีกนานไหมละคะลุง?" พอได้ยินแบบนี้ อาจารย์สาวก็รู้สึกไม่สบายใจ เพราะนี่ก็เริ่มดึกมากแล้ว เธออยากกลับบ้าน

"สักครึ่งชัวโมงน่ะครับครู" ลุงพลตอบ "ต้องรอให้เครื่องยนต์มันเย็นกว่านี้ แล้วเดี๋ยวผมถึงจะเปิดฝาหม้อน้ำเช็คได้ ว่าแต่ครูมีผ้าที่ไม่ใช้แล้ว หรือน้ำเปล่าสักขวดสองขวดไหมครับ?"

"ผ้ามีค่ะ แต่น้ำ อาจจะต้องกลับไปซื้อที่ร้านสะดวกซื้อแหะ" ภัคจิราหันกลับไปที่ร้านสะดวกซื้อ

"ไม่เป็นไรครับ!!!" ลุงพลเหลือบไปเห็นน้ำเปล่าที่ครูเบสท์ซื้อมาในถุง "น้ำเปล่าที่ครูเบสท์ซื้อมาก็น่าจะใช้ได้อยู่ เดี๋ยวผมขอผ้าขนหนูด้วยครับครู"

"ค่ะ ได้ค่ะ" สักพักครูเบสท์กดสวิตซ์ปลดล็อคประตูรถ แล้วเปิดประตูรถเบาะหน้าหยิบผ้าขนหนูเก่า ๆ มาให้ลุงพลเพื่อใช้ในการเปิดฝาหม้อน้ำ

ระหว่างที่รอให้เครื่องยนต์มันเย็นลงกว่านี้สักพัก ครูเบสท์ก็แกะฝาน้ำอัดลมใส่หลอดยื่นให้ลุงพลที่กำลังง่วนอยู่กับการเช็คสภาพเครื่องยนต์

"ลุงพลคะ? ดื่มน้ำก่อนค่ะ" ครูเบสท์ถือขวดน้ำอัดลมที่เปิดฝาและใส่หลอดเตรียมไว้ให้ลุงพล

"ครับ ขอบคุณครับ" ลุงพลจะยื่นมือรับขวดน้ำอัดลม แต่ถูกครูเบสท์ปฏิเสธ

"ไม่คะ!!! ให้เบสท์ป้อนเนี่ยแหละ!!!" ภัคจิราค้อนใส่ "เบสท์ต้องรบกวนลุงมาก ๆ เลยอยากจะขอมีส่วนร่วมทำดีบ้างอะไรบ้างค่ะ"

"งั้นก็...ขอบคุณครับ" ลุงพลพยักหน้าขอบคุณ ก่อนดูดน้ำอัดลมที่ครูเบสท์ยื่นมาให้ ตาเฒ่าแอบชำเลืองมองอาจารย์สาวด้วยสายตาเจ้าชู้ อีกภัคจิรารู้สึกได้

"เอ่อ...มองเบสท์แบบนั้น?" อาจารย์สาวเอ่ยปากถามด้วยความสงสัย "มีอะไรติดหน้าเบสท์เหรอคะ?"

"เปล่าครับ ไม่มีอะไร" พอดื่มน้ำอัดลมแก้กระหาย ลุงพลก็กลับไปหยิบผ้าขนหนูที่วางไว้ขอบกระโปรงรถเปิดฝาหม้อน้ำ "โอ้โห!!! แห้งสนิทเลยครับ!!!"

"งั้นต้องเติมน้ำใช่ไหมคะลุง?" ภัคจิราถามด้วยความไม่รู้

"ใช่ครับ" ลุงพลหันมายิ้มให้อาจารย์สาว "น้ำอาจจะไม่พอแหะ ผมอาจจะต้องการน้ำเพิ่มอีก ของสักสองลิตรน่ะครับครู"

"ได้ค่ะ เดี๋ยวเบสท์ไปซื้อให้นะคะ" ภัคจิราเตรียมเดินกลับไปที่ร้านสะดวกซื้ออีกรอบ

"เดี๋ยวผมไปเองก็ได้ครับ เกรงใจครู" ช่างซ่อมรถจำเป็นรู้สึกเกรงใจครูเบสท์ ก็เลยขอเสนอไปซื้อน้ำเอง แต่ว่า...

"ไม่เป็นไรหรอกค่ะลุงพล!!" อาจารย์สาวปฏิเสธ "บอกแล้วไงว่าให้เบสท์มีส่วนร่วมบ้าง!!! ลุงพลอยู่ตรงนี้ดีแล้วค่ะ อยากกินอะไรเพิ่มไหมคะ? เดี๋ยวเบสท์ซื้อมาให้?"

"ไม่แล้วครับครู" ลุงพลตอบ "ขอบคุณมากครับ"

แล้วครูเบสท์ก็เดินกลับไปที่ร้านสะดวกซื้อ เพื่อซื้อน้ำขวดใหญ่อีกสองลิตรกลับมา ตอนนี้ลุงพลก็เลยตรวจเช็คทั้งหม้อน้ำและถังพักน้ำ ก็พบว่ามันแห้งเหมือนกันหมด

"น้ำมาแล้วค่ะ!!!" ครูเบสท์เดินถือถุงพลาสติกใส่น้ำเปล่าสองขวดจำนวน 2 ลิตรกลับมา "โอ้ย!!!! ร้อน!!!!"

ลุงพลแอบยิ้มที่มุมปาก ครูเบสท์นี่ดูเป็นลูกคุณหนูไม่ต่างจากหมอพลอยเลยแม้แต่น้อย รออีกสักพัก ลุงพลเลยเติมน้ำใส่หม้อน้ำและถังพักน้ำ โดยขอให้ครูเบสท์กลับไปสตาร์ทรถอีกรอบ

ภัคจิราทำตามช่างยนต์อย่างเชื่อฟัง ระหว่างที่สตาร์ทรถ เธอเปิดกระเป๋าสะพายหยิบเอาพัดลมพกพากลับออกมาด้วย

"เป็นยังไงบ้างคะลุง?" ครูเบสท์เอ่ยปากถามลุงพลที่กำลังเติมน้ำใส่หม้อน้ำ

"หม้อน้ำกับถังพักน้ำมันแห้งครับครู ผมต้องค่อย ๆ เติมน้ำเข้าไปเรื่อย ๆ จนกว่ามันจะคงที่ ไม่ระเหยออกมา" ลุงพลตอบ ก่อนที่ครูเบสท์จะถือพัดลมพกพาพัดความเย็นให้ลุงพล "ขอบคุณครับ แต่ผมไม่เป็นไรหรอก ผมว่าครูร้อนมากกว่าผมนะ?"

"แหมม...ลุงก็!!!" ภัคจิราแอบยิ้ม ใบหน้าของเธอชุ่มไปด้วยเหงื่อ "งั้นเบสท์ไม่เกรงใจแล้วนะคะ"

ลุงพลหันกลับไปรินน้ำใส่หม้อน้ำรถของครูเบสท์ต่อ ลึก ๆ แกก็แอบขำในความไร้เดียงสาของครูเบสท์ พลางนึกถึงเหตุการณ์สมัยที่แกเคยล่อลวงโดนัท และนิมิตรภาพความฝันที่เป็นลางบอกเหตุว่าอีกไม่นานครูเบสท์จะต้องตาย แกเลยคิดว่าจะฉวยโอกาสนี้พิชิตความสาวของครูเบสท์ดีหรือไม่?

"ยังไม่ใช่ตอนนี้ ยังก่อน..." มนุษย์ลุงจอมเจ้าเล่ห์บอกกับตัวเอง แกจำเป็นต้องสร้างความใกล้ชิดและความไว้ใจให้ครูเบสท์ก่อน แล้วค่อย ๆ เขยิบเข้าไปให้ใกล้ตัวครูเบสท์มากขึ้นกว่านี้ ก่อนที่จะจัดการขั้นเด็ดขาด

เวลาผ่านไปเกือบสี่สิบนาที ในที่สุดรถของครูเบสท์ก็กลับมาใช้งานได้ตามปกติสักที

"เฮ้อ!!! ได้กลับบ้านสักที!!!!" ครูเบสท์ปรบมือให้ลุงพลที่เปิดประตูเบาะหน้ารถออกมาหลังจากตรวจเช็คสภาพเครื่องยนต์ครั้งสุดท้ายเสร็จแล้ว ก่อนที่จะหยิบแบงค์พันจำนวนสองใบให้ช่างซ่อมรถจำเป็นในค่ำคืนนี้ "นี่คะลุงพล สินน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ จากเบสท์นะคะ"

"โห!!! เยอะไปครับ!!! ผมคงรับไม่ได้หรอกครับครู รับไม่ได้จริง ๆ" ลุงพลปฏิเสธอย่างสุภาพ "เพราะผมได้รับน้ำใจจากน้ำดื่มที่ครูเบสท์ซื้อมาให้แล้วครับ"

"อย่าดื้อซิคะลุงพล!!!" ภัคจิราเห็นน่ารักแบบนี้ แต่เธอเองก็แอบตื้อไม่เลิก หญิงสาวถือวิสาสะจับมือลุงพลทีมีอายุมากกว่าพ่อของเธอหลายปีอย่างไม่รังเกียจ เพื่อวางเงินสองพันให้ลุงพลเป็นสินน้ำใจ "เบสท์บอกให้รับไปไงคะ!!!"

"ผมรับไม่ได้จริง ๆ ครับครู!!!" ลุงพลพยายามปฏิเสธ ก่อนพยายามคืนเงินกลับให้ครูเบสท์ที่ยังปฏิเสธ "ผมไหว้ละครับ!!!"

"ไม่ได้ค่ะ!!!" ครูเบสท์เริ่มทำหน้าดุ "ถ้าลุงพลคืน เบสท์จะไม่คุยกับลุงแล้วนะคะ!!"

...ตายแล้ว ชั้นพูดอะไรออกมา? ภัคจิราทำหน้าเหลอหลาด้วยความตกใจ ลุงพลเองก็ไม่ต่างกัน ตาเฒ่าจอมเจ้าเล่ห์แปลกใจไม่น้อย ที่เห็นครูเบสท์ที่ปกติดูน่ารักอ่อนหวาน จะออกลูกดื้อได้ถึงขนาดนี้

"ผมรับไม่ได้จริง ๆ ครับครู" ลุงพลยังคงพยายามขอคืนเงินสองพันให้ครูเบสท์ "มันเยอะไปครับ ผมรับไม่ได้จริง ๆ ผมขอคืนนะครับ!!"

"เบสท์เต็มใจค่ะลุง..." ภัคจิรายิ้ม "รับไปเถอะค่ะ ถ้าไม่รับเงินนี้ไป เบสท์จะไม่ไปอุดหนุนร้านน้ำเต้าหู้ของลุงอีกแล้วนะคะ!!!"

"อืม..." เห็นน่ารักแบบนี้ ดื้อเอาเรื่องเหมือนกันนะเนี่ย ครูเบสท์

"เอางี้ไหมครับ? ถือว่าเป็นข้อแลกเปลี่ยน" ลุงพลยื่นข้อเสนอ "ผมจะถือว่านี่เป็นค่าน้ำเต้าหู้ร้านผม ถ้าครูเบสท์มาอุดหนุนน้ำเต้าหู้ร้านผมวันหลัง ครูเบสท์ไม่ต้องจ่ายเงินอีก ตกลงไหมครับ?"

"อืม..." ภัคจิราครุ่นคิดอยู่สักพัก "ลุงพล ลุงนี่เป็นคนดีกว่าที่เบสท์คิดนะคะ เอางั้นก็ได้ ถือว่าแฟร์ ๆ กันทั้งสองฝ่าย ดีลค่ะ!!"

"เอ่อ? ดีลคืออะไรครับ?" คนขายน้ำเต้าหู้ถึงกับงงในงง มาดงมาดีลอะไร แกไม่รู้เรื่อง

"อ้อ!!! ภาษาอังกฤษน่ะคะลุง!!!" อาจารย์พยาบาลสาวใช้มือสางปอยผมที่พัดจากลม "ดีล (Deal) แปลว่าการทำข้อตกลงทางธุรกิจน่ะคะ อธิบายยาวไป เอาเป็นว่าตกลงค่ะลุง จะได้สบายใจทั้งสองฝ่าย ก็นับค่าน้ำเต้าหู้ที่เบสท์ไปอุดหนุนร้านลุงไว้แล้วกันนะคะ ถ้าครบสองพันเมื่อไร เบสท์จะจ่ายด้วยเงินปกติแทน"

"ครับ ได้ครับ" ลุงพลยิ้ม ก่อนที่ครูเบสท์จะขอตัวขับรถกลับบ้าน

ลุงพลยืนมองไฟท้ายรถยนต์ของครูเบสท์ที่แล่นออกไปพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปาก แกหยิบเงินสองพันที่ครูเบสท์ให้มา ด้วยความตั้งใจว่าจะใช้เงินนี้ไปทำบุญแทนที่จะเอามาใช้สอย เพราะแกไม่ได้เดือดร้อนอะไร

...ครูเบสท์นี่น่ารักทั้งกายและใจเลยนะ ลุงพลคิด พอคิดว่าเธอจะต้องพบกับชะตากรรมที่โหดร้ายแบบนั้น บางครั้งคนอย่างลุงพลก็อดสงสารไม่ได้เหมือนกัน หรือว่าพรุ่งนี้เช้าแกจะเดินเข้าไปหาครูเบสท์แล้วเตือนเจ้าตัวว่าอย่าเดินทางไปเรียนต่อที่อเมริกาดี? ครูเบสท์จะฟังคนอย่างแกเหรอวะไอ้พล?

............................................

ในคืนนั้น หลังจากที่ลุงพลช่วยซ่อมรถให้ครูเบสท์ ลุงพลได้กลับไปที่บ้านอาบน้ำและเข้านอน แกได้ฝันเห็นอดีตชาติอีกครั้ง และคราวนี้ เป็นเรื่องราวของพลอยพรรณรายและภัคจิราวดี

"ท่านพี่พลอยพรรณราย!!! เหตุใดท่านถึงได้ไปกล่าวทำเท็จต่อท่านท้าวชุมพลศักดา!!!" ภัคจิราวดีผู้เป็นน้องเดินตามหลังพลอยพรรณรายผู้เป็นพี่เข้าไปในวิหารแห่งหนึ่ง

"มันเรื่องของข้า!!" พลอยพรรณรายตอบอย่างไม่ยีหระ "ท่านท้าวหน้าโง่อยากมาหลงใหลในเสน่ห์ของข้า ช่วยไม่ได้ดอกหนา"

ธิดาองค์โตแห่งเทพตุลาการสวรรค์ยิ้มอย่างพึงพอใจในความงดงามของตน พลอยพรรณรายคือเทพธิดาแห่งสรวลสวรรค์ผู้เพรียบพร้อมไปด้วยสติปัญญา ความงาม รวมไปถึงความหยิ่งผยอง

"ท่านพี่?" ภัคจิราวดีร่นคิ้วราวกับไม่อยากเชื่อสายตา "ท่านรู้ฤาไม่ว่าการกระทำของท่าน อาจทำให้แดนสวรรค์ของเราต้องเปิดฉากสงครามกับแดนปีศาจ"

"แล้วจะทำไม?" พลอยพรรณรายกล่าวอย่างไม่สะทกสะท้าน "เดี๋ยวท่านท้าวชุมพลศักดาผู้เป็นจอมทัพสวรรค์ก็จักพิชิตศึกครานี้ได้ เจ้าอย่าได้กังวลไปเลย ภัคจิราวดี"

"แล้วท่านจะทำอย่างไรกับท่านท้าวชุมพลศักดา?" ภัคจิราวดีผู้เป็นน้องเอ่ยปากถาม "ท่านท้าวมีชื่อนั่งรออยู่นอกวิหารในสภาพอิดโรย ท่านจักใจไม้ไส้ระกำไม่ออกไปดูดำดูดีท่านท้าวหน่อยฤา?'

"บอกไปว่าข้าไม่อยู่" พลอยพรรณรายตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน "ข้าไปหาท่านพ่อ"

พอเอื้อนเอ่ยวาจาเสร็จ พลอยพรรณรายก็เดินจากไป ปล่อยให้ภัคจิราวดียืนนิ่งอยู่ภายในวิหารโบราณอยู่เพียงผู้เดียว ธิดาองค์รองแห่งองค์ตุลาการสวรรค์รู้สึกไม่สบายใจเลยแม้แต่น้อย กับการกระทำของพี่สาวของตน

"ท่านพี่? ท่านจักทำให้แดนสวรรค์ของเราต้องลุกเป็นไฟเพราะสงคราม" ภัคจิราวดีส่ายหน้า ก่อนเดินจากไป

"สองพี่น้องคู่นี้ดูแล้วไม่ค่อยถูกกันเท่าไรนะ?" ลุงพลแสดงความคิดเห็น ในขณะที่กำลังยืนดูเหตุการณ์ทั้งหมด ก่อนที่ภาพนิมิตแห่งความฝันจะถูกตัดไปเป็นภาพหน้าวิหารโบราณแห่งนั้น

ท่านท้าวชุมพลศักดานั่งพักในสภาพที่เต็มไปด้วยบาดแผล จากการตะลุยแดนปีศาจเพื่อนำหีบบรรจุสมบัติกลับคืนมา ระหว่างที่นั่งพักอยู่นั้น ภัคจิราวดี บุตรีคนรองแห่งองค์ตุลาการสวรรค์ได้ปรากฏตัวขึ้นมาในชุดขอมโบราณ

"ภัคจิราวดี?" ท่านท้าวมีชื่อเอ่ยปากเรียกน้องสาวคนรองของพลอยพรรณราย "มีอะไรให้ข้ารับใช้ฤา?"

"ไม่มีดอกท่านท้าว" ภัคจิราวดียิ้ม ก่อนยื่นขันทองที่บรรจุน้ำทิพย์ช่วยสมานแผลให้ท่านท้าวมีชื่อได้ดื่ม "ท่านดื่มน้ำทิพย์นี่เถิด..."

"ขอบน้ำใจท่านมาก" ท่านท้าวชุมพลศักดารับขันทองจากมือของภัคจิราวดี ในจังหวะที่รับขัน มือของท่านท้าวมีชื่อก็สัมผัสกับมือของธิดาองค์ของแห่งองค์ตุลาการสวรรค์

ภัคจิราวดีแอบยิ้มที่มุมปาก ในขณะที่ท่านท้าวมีชื่อกำลังดื่มน้ำทิพย์จากสวรรค์อย่างเอร็ดอร่อย

"สดชื่นเหลือเกิน!!! พละกำลังของข้ากลับมาแล้ว!!! ข้าพร้อมแล้วที่จะออกรบกับกองทัพปีศาจอีกครา!!!" จอมทัพสวรรค์ดูสดชื่นมากขึ้น บาดแผลตามตัวเริ่มจางหายทีละนิด "ขอบน้ำใจท่านมาก ท่านหญิงภัคจิราวดี"

"ท่านท้าวชุมพลศักดา ท่านต้องขอบน้ำใจพี่สาวข้า มิใช่ข้าดอก..." ภัคจิราวดีตอบด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ

"ท่านหญิงพลอยพรรณราย!!!" ท่านท้าวมีชื่อยิ้มอย่างมีความสุข เมื่อรู้ว่าน้ำทิพย์ที่ได้ดื่มสมานแผลและแก้กระหายถูกส่งมาโดยแม่หญิงพลอยพรรณรายผู้เป็นยอดดวงใจ

แน่นอน ลุงพลเห็นภาพเหตุการณ์ทั้งหมด น้ำทิพย์ที่ท่านท้าวมีชื่อ อดีตชาติของตนได้ดื่มนั้น เป็นน้ำทิพย์ที่ภัคจิราวดีนำมามอบให้ด้วยตัวเองต่างหาก แต่นางเลือกที่จะปิดบังความจริง

"ภัคจิราวดี ไม่ซิ ครูเบสท์..." ลุงพลเห็นภัคจิราวดีที่เหมือนจะทำหน้าเศร้าสร้อย กับการที่ตนเองไม่สามารถบอกความรู้สึกที่แท้จริงให้จอมทัพสวรรค์รับรู้ได้ ว่าตนเองก็มีใจรักท่านท้าวมีชื่อเช่นเดียวกัน



การที่ต้องแอบรักผู้ชายคนเดียวกับพี่สาว มันเป็นเรื่องที่ทรมานหัวใจเหลือเกิน? ท่านคิดเห็นเป็นเช่นไร? ท่านท้าวชุมพลศักดา

"เอ๋?" ลุงพลตกใจมาก เพราะอยู่ดี ๆ ภัคจิราวดีก็หันมามองลุงแกด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย "ครูเบสท์เห็นผมด้วยเหรอ?"

"ท่านท้าว..." ภัคจิราวดีเอ่ยปากทั้งน้ำตา "ถ้าหากข้าจะขออะไรจากท่านสักอย่าง ท่านจักทำให้ข้าได้ฤาไม่?"

"ทำอะไรครับ? ครูเบสท์จะขอให้ผมทำอะไรให้ครับ?" ลุงพลถามภัคจิราวดี แต่แกก็ดันเรียกชื่อของธิดาองค์รองแห่งองค์ตุลาการสวรรค์ด้วยชื่อชาติภพปัจจุบัน

"ท่านจักหยุดทุกอย่างที่น้องสาวของข้าคนใดคนหนึ่ง หรืออาจจะเป็นท่านพี่พลอยพรรณรายในชาติภพปัจจุบันได้หรือไม่?" ภัคจิราวดียื่นข้อเสนอ "ข้าจักยอมเสียสละตัวเอง แบกรับกรรมของพี่น้องข้าทั้งหมด เพื่อให้พี่สาวของข้า และน้องสาวของข้าที่เหลือได้ใช้ชีวิตบนโลกมนุษย์ เพื่อสะสมบุญบารมีต่อไป จนกว่าจะถึงเวลาที่พวกนางจะสิ้นอายุขัย..."

"ทำไมครูเบสท์ถึงพูดแบบนี้ละครับ?" ลุงพลถาม "ผมรู้ว่าครูเบสท์คงอยากเสียสละ แต่การทำแบบนี้ ครูเบสท์จะต้องตายนะครับ"

"ท่านท้าว ท่านมิรู้ดอกว่าท่านจะต้องเจอกับอะไร หากท่านยังไม่หยุดกรรมนี้..." และแล้วน้ำตาของภัคจิราวดีก็กลายเป็นสายเลือด "ข้ารักท่าน ข้ามิอยากเห็นท่านต้องพบกับชะตากรรมที่แสนโหดร้าย..."

พอได้ยินในสิ่งที่ภัคจิราวดีพูด ลุงพลก็คิดได้ว่าองค์ตุลาการสวรรค์เคยให้ตนเองเห็นนิมิตรภาพความฝันถึงวาระสุดท้ายของตนเองมาแล้ว แต่แล้วยังไงละ คนอย่างแกทนไม่ได้ที่ต้องเห็นภัคจิราวดีหรือครูเบสท์ต้องมาเสียสละอยู่คนเดียว



(ลุงพล ชุมพล เทพเมืองแมน อาชีพ คนขายน้ำเต้าหู้)

"ครูเบสท์ครับ..." ลุงพลเดินเข้าไปหาภัคจิราวดี ในระหว่างที่เดินเข้าไป ชุดเครื่องแบบนักการภารโรงของแกก็เกิดประกายแสงอย่างน่าอัศจรรย์

"ท่านท้าว?" ภัคจิราวดีพยายามเอื้อนเอ่ยวาจาห้ามไม่ให้ลุงพลที่ตอนนี้สวมใสชุดนักรบโบราณเดินเข้ามา "อย่าเข้ามาใกล้ข้าโดยเด็ดขาด!!!"

"ทำไมเล่า ภัคจิราวดี?" ลุงพลที่ตอนนี้ได้กลายเป็นท่านท้าวชุมพลศักดา ได้เอื้อนเอ่ยวาจากถามธิดาองค์รองแห่งองค์ตุลาการสวรรค์ด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย "ข้ามิอาจปล่อยให้เจ้าต้องพบกับชะตากรรมที่โหดร้ายเช่นนั้นได้ ข้ายินยอมให้คนทั้งโลกมองข้าว่าเป็นคนมักมากในกาม มากรักหลายใจ แต่จักไม่มีวันย่อมปล่อยให้เจ้า ภัคจิราวดี ผู้มีใจรักในตัวข้ามาตั้งแต่อดีตชาติต้องพบกับชะตากรรมเช่นนั้น มาเถิด เข้ามาหาข้า..."

"ท่านท้าว..." ภัคจิราวดีเอ่ยปากทั้งน้ำตา "ข้ามิอาจผิดคำสัญญากับพี่สาวของข้าได้หรอกหนา...ท่านไม่รู้หรอกว่าพี่สาวของข้าเวลาโกรธเกรี้ยวนั้นน่ากลัวสักเพียงใด"

"ก็ช่างนางปะไร" ในที่สุด ท่านท้าวชุมพลศักดาก็ได้โอบกอดภัคจิราวดี "ข้าจักพูดกับนางเอง"

ภัคจิราวดีสงบนิ่งภายใต้อ้อมกอดของท่านท้าวชุมพลศักดา ในที่สุดความรักที่ต้องเก็บซ้อนไว้ก็ถูกเปิดเผยสักที เพียงแต่....

มันคือจุดเริ่มต้นครั้งใหม่ พลอยพรรณราย แม้นนางมิได้สนใจไยดีท่านท้าวมีชื่อนัก แต่นี่เรื่องของศักดิ์ศรีและเรื่องของหัวใจ สงครามระหว่างพี่น้องกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว

............................................

ในวันรุ่งขึ้น ลุงพลกลับมาเปิดร้านขายน้ำเต้าหู้ตามปกติ ระหว่างที่นั่งว่าง แกก็นั่งคิดถึงภาพเหตุการณ์เมื่อวาน และภาพนิมิตความฝันที่เกิดขึ้น ดูเหมือนว่าตัวแกเองคงหลีกหนีไม่พ้นชะตากรรมที่ได้ถูกกำหนดไว้แล้ว

"ลุงพลคะ?" ภัคจิราในชุดเดรส ปรากฏตัวขึ้นมาหน้าร้านของลุงพล "น้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋ชุดนึงค่ะ เบสท์จะไปกินที่ห้องทำงาน"

"ได้ครับ" ลุงพลยิ้มหวาน ก่อนหันกลับไปจัดน้ำเต้าหู้และปาท่องโก๋ให้ลูกค้ากิตติมศักดิ์

"ขอบคุณนะคะ สำหรับเรื่องเมื่อวาน" ภัคจิราเอ่ยปากขึ้นมา

"ไม่เป็นหรอกครับ" ลุงพลคนขายน้ำเต้าหู้ยื่นถุงน้ำเต้าหู้และปาท่องโก๋ให้อาจารย์สาวคนสวย "นี่ครับ"

"สามสิบบาทใช่ไหมคะ?" ครูเบสท์ควักแบงค์ยี่สิบและเหรียญสิบให้ลุงพล "นี่ค่ะ"

"ไม่เป็นไรครับครู!!!" ลุงพลรีบปฏิเสธ "ก็เราตกลงกันแล้วไง!!"

"ก็เบสท์เปลี่ยนใจแล้วนิคะ" ครูเบสท์ตอบอย่างไม่ยี่หระ "รับไปนะคะ!!"

"ผมรับไม่ได้จริง ๆ ครับ!!" ลุงพลพยายามปฏิเสธ แต่สุดท้ายก็ถูกครูเบสท์จับมือวางเงินเอาไว้บนมือของเจ้าของร้านจนได้

"ไม่ได้ค่ะ!!!" ภัคจิราทำหน้าดุ "ของซื้อของขาย..."

อะไรมันจะดื้อขนาดนี้เนี่ย ครูเบสท์ ลุงพลคิด แต่ว่า

"ลุงพล? เบสท์?" อยู่ดี ๆ พลอยพรรณก็ปรากฏตัวขึ้นมา ในมือของเจ้าหญิงน้ำแข็งถือถุงใส่ข้าวกล่องที่เธอตั้งใจทำมาให้ลุงพลได้กินในมื้อเที่ยง เธอเห็นภาพเหตุการณ์ทั้งหมด ครูเบสท์และลุงพลจับมือถือแขนกัน "นี่มันอะไรกัน?"



(หมอพลอย พลอยพรรณ จารุศิริการกุล (อาชีพ แพทย์หญิงประจำห้องพยาบาล)


"หมอพลอย!!!" ลุงพลและครูเบสท์หันไปมองหมอพลอยที่ยืนอยู่ด้านหลังด้วยความตกใจ เรียกได้ว่าจังหวะนรกจริง ๆ เลยเชียว

พลอยพรรณดูไม่พอใจเป็นอย่างมาก ที่เห็นลุงพลที่สัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าจะเลิกเจ้าชู้ มาจับมือถือแขนครูเบสท์ขนาดนั้น เธอไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับผู้ชายคนไหนมาก่อน จะเรียกได้ว่าเธอกำลังหึงตาเฒ่าก็ว่าได้

...เมื่อท้องนภามิอาจมีดวงจันทราถึงสองดวง สงครามระหว่างพลอยพรรณรายและภัคจิราวดีกำลังจะเริ่มต้นแล้ว ใครกัน จะเป็นที่สุดในหัวใจของท่านท้าวชุมพลศักดา หรือในชาติภพปัจจุบันก็คือลุงพลคนขายน้ำเต้าหู้?


โปรดติดตามตอนต่อไป...

ตัวอย่างบางส่วนของตอนต่อไป เปิดหวอรอรัก ขอซ่อนนะ สำหรับคนที่อยากรู้สปอยด์หรือไม่ซีเรียสสปอยด์นะครับ ใครซีเรียส ปล่อยผ่านครับ 5555+


Thanongsak

 ::YehYeh::
อ้างจาก: nato87 เมื่อ พฤศจิกายน 27, 2020, 04:56:39 หลังเที่ยง
พูดคุยก่อนอ่าน : กลับมาแล้วครับ สำหรับเกมรักปีสองตอนที่ 11 อย่างที่ผมได้บอกไปหลายครั้งละ ครูเบสท์จะมีบทบาทเด่นมากขึ้น และหมอพลอยจะต้องเป็นตัวร้าย ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นในตอนนี้แล้วครับผม สำหรับตอนนี้ จะมีฉากเล่าย้อนอดีตด้วยนะครับ ค่อนข้างจะจักร ๆ วงศ์ ๆ ลิเก ๆ สักหน่อย 555 ตอนนี้ช่วงครึ่งแรกอาจน่าเบื่อสักหน่อย มันเกี่ยวกับการซ่อมรถนะครับ แต่ฉากนี้ ผมได้พยายามถ่ายทอดความเป็นครูเบสท์ให้ทุกคนได้เห็นกันมากขึ้น ว่าเธอเป็นคนที่มีนิสัยใจคอเป็นอย่างไร พวกคุณคิดว่าจะชนะหมอพลอยในบั้นปลายหรือไม่ ลองบอกผมมา

ขอโฆษณาประชาสัมพันธ์อีกนิด ตอนนี้ 'ภารโรงเฟี้ยว...เกี้ยวเด็กพยาบาล' เล่ม 3 ได้วางจำหน่ายเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ ตามลิงค์ด้านล่าง




ลิงค์อยู่ด่านล่างนะครับ


https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiODU1MjYwIjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NjoiMTM5MjUzIjt9&page_no=1

สำหรับตอนหน้า 'เกมรักภารโรงเฒ่า ปี 2 ตอนที่ 12 : เปิดหวอรอรัก' เห็นชื่อตอนก็น่าจะรู้นะครับว่าจะพบกับอะไร ฉากอีโรติกเน้น ๆ จัดเต็ม ๆ ครับผม แต่ผมไม่บอกหรอกนะว่าลุงพลจะได้ใคร 555555


######################


ความเดิมจากตอนที่แล้ว

https://xonly8.com/index.php?topic=236496.0

อ้างถึงตัดมาทางฝั่งครูเบสท์ หลังจากเลิกงาน เธอก็แวะขับรถไปหายัยอิมเพื่อนรักเพื่อกินข้าวเย็นด้วยกัน พร้อมกับพูดคุยถึงการนัดมีทติ้งในกลุ่มคณะพยาบาลศาสตร์ภาคอินเตอร์ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

"ทับทิมตอนนี้อยู่ไหน แล้วจะกลับไทยเมื่อไร?" ครูเบสท์เอ่ยปากถามยัยอิมเพื่อนรัก ที่ผันตัวไปเป็นดีไซนเนอร์และนักธุรกิจ

"มันบินอยู่กาตาร์ บ่นคิดถึงไทย อยากกลับมาทำงานที่ไทยใจจะขาด" ยัยอิมตอบ "เห็นว่ามันคบกับหนุ่มนักธุรกิจแขกที่นั่นด้วยนะเบสท์ โคตรรวย"

อัมพรเปิดอินสตาแกรมของยัยทับทิมเพื่อนร่วมคณะพยาบาลศาสตร์ให้เบสท์ดู อาจารย์สาวถึงกับร้องว้าวในชีวิตสุดหรูและสุดปังของยัยทับทิมเพื่อนรักที่เป็นแอร์โฮสเตสสายการบินระหว่างประเทศที่ตะวันออกกลาง ในกลุ่มสามใบเถาจากคณะพยาบาลศาสตร์ภาคอินเตอร์ กล่าวได้ว่าทับทิม คือนัมเบอร์วันตัวจริงของกลุ่ม ที่แม้แต่อัมพรและภัคจิรายังต้องยอมรับ

"ชีวิตยัยทับทิมนีดี๊ดีเนอะ ว่าไหม?" ยัยอิมแสดงความคิดเห็น ขณะกำลังเลื่อนหน้าจอสมาร์ทโฟนดูชีวิตของทับทิม สาวไฮโซประจำกลุ่ม

"ใช่..." ครูเบสท์ยิ้ม "สงสัยอีกหน่อยคงได้เป็นเจ้าสาวแขกแล้วละเพื่อนเรา"

สองสาวอดีตนักศึกษาพยาบาลศาสตร์ภาคอินเตอร์พูดคุยสนทนาในมื้อเย็นภายในร้านอาหารที่ดูเรียบง่ายแต่แอบแพงใจกลางเมือง ก่อนแยกย้ายกันกลับบ้านทางใครทางมัน

"อิม..." ภัคจิราเอ่ยชื่อเพื่อนรัก "ถ้านัดรวมเพื่อน ๆ ได้ครบทุกคนเมื่อไร ก็แท็คหรือไลน์มาบอกชั้นด้วยนะเว้ย"

"ได้จ้า!!!" ยัยอิมยิ้มหวาน "บางทีชั้นอาจจะลองหาหนุ่ม ๆ โปรไฟล์ดี ๆ แนะนำให้แกได้รู้จักนะ เปิดใจมองหาตัวผู้บ้างได้แล้วแก จะได้มีแฟนเป็นตัวเป็นตนสักที ชั้นมีผัวมีลูกแล้วนะเว้ย สงสารชั้นบ้าง"

"ไม่เอาอ่ะ ชั้นอยากทรมานแกแบบนี้ไปเรื่อย ๆ" ภัคจิรายิ้ม ก่อนโบกมือลาเพื่อนรักเพื่อกลับบ้านทางใครทางมัน อาจารย์สาวเดินมาที่โรงจอดรถหลังร้าน เพื่อขับรถ Honda Civic สีบลอนด์กลับบ้านแถวพัฒนาการ

ทุกอย่างดูปกติในช่วงค่ำคืนใจกลางมหานคร จนกระทั่งภัคจิราสัมผัสได้ถึงความปิดปกติของเครื่องยนต์ เมื่อควันสีขาวพวยพุ่งออกมาจากหน้ากระโปรงรถ พอเห็นท่าไม่ดี อาจารย์สาวเลยเลี้ยวรถจอดข้างทาง เพื่อตรวจสภาพรถ ทั้ง ๆ ที่เธอไม่รู้เรื่องเครื่องยนต์เลยแม้แต่น้อย

"โอ้ย!!! รถมาเสียอะไรตอนนี้เนี่ย!!!" ภัคจิราเปิดกระโปรงหน้ารถดู เธอไม่รู้เรื่องเครื่องยนต์กลไกเลยแม้แต่น้อย อาศัยว่าแต่ขับอย่างเดียว นาน ๆ ครั้งถึงจะพารถเข้าอู่ไปเช็คสภาพ "แล้วจะทำยังไงเนี่ย!!!"

นี่ก็จะสามทุ่มแล้ว ภัคจิรารู้ดีว่าเธอเป็นผู้หญิง และมันไม่ปลอดภัยเอาซะเลยที่รถของเธอมาเสียใจกลางเมืองแบบนี้ จะไปตามช่างที่ไหนได้บ้างในเวลาตอนนี้? หรือจะทิ้งรถเอาไว้แล้วพรุ่งนี้ค่อยมาวัดดวงกันว่ารถยังอยู่ที่เดิมหรือว่าอาจถูกตำรวจลากไปดี?

"แล้วจะทำยังไงเนี่ย!!!! โอ้ย!!!!" อาจารย์สาวจับโน่นจับนี่ จนคราบเขม่าติดมือ ภัคจิราทำหน้ามุ่ยด้วยความกังวล จนกระทั่งลุงพลที่บังเอิญขับรถมอเตอร์ไซค์ไปจ่ายตลาดแถวนั้นแวะมาเจอเข้าพอดี

"ครูเบสท์? ครูเบสท์ใช่ไหมครับ?" ลุงพลชะลอรถเพื่อถามอีกฝ่าย "รถเป็นอะไรครับครู?"

"รถเสีย สตาร์ทเครื่องไม่ได้เลยค่ะลุง" ภัคจิราดูใจชื้นขึ้นมาบ้าง เมื่อเห็นลุงพลปรากฏตัวต่อหน้า "ช่วยเบสท์หน่อยนะคะลุง เบสท์ไม่รู้เรื่องเครื่องยนต์เลย"

ลุงพลยิ้มให้ครูเบสท์ ก่อนถอดหมวกกันน็อคแขวนไว้ที่ตะกร้าหน้ารถมอเตอร์ไซค์ เพื่อช่วยดูอาการรถยนต์ Honda Civic ของครูเบสท์ให้

"โอ้ย!!! ควันโขมงเลยแหะ!!!" ลุงพลยืนตรวจเครื่องยนต์รถของครูเบสท์ "ไม่แน่ใจว่าน้ำกลั่นแห้งหรือรั่วนะครับครู แต่ต้องรอก่อน เปิดดูหม้อน้ำตอนนี้มีหวังมือพองแน่"

"ค่ะ รบกวนด้วยนะคะลุงพล" ภัคจิราดูกังวลใจเป็นอย่างมาก ก่อนที่เธอจะหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาเพื่อพูดคุยกับเพื่อนในกลุ่มไลน์ระหว่างรอ

ลุงพลแอบชำเลืองมองครูเบสท์เป็นระยะ ระหว่างยืนอยู่หน้ากระโปรงรถครูเบสท์ จนกระทั่งไปเหลือบเห็นรถมอเตอร์ไซค์ที่แล่นมาด้วยความเร็วจากด้านหลัง

"ครูเบสท์ ระวังรถครับ!!!!" ลุงพลเอ่ยปากเตือนครูเบสท์ที่ยืนพิมพ์ไลน์บนสมาร์ทโฟนอยู่ โดยไม่รู้ว่ามีคนขับรถมอเตอร์ไซค์ที่แล่นมาอย่างรวดเร็วจากด้านหลัง

"ปรี๊ด!!!!" เสียแตรรถมอเตอร์ไซด์ดังลั่น ครูเบสท์พอหันไปก็ร้องด้วยความตกใจ ก่อนที่ลุงพลจะดึงร่างของเธอออกมาได้ทันควัน

"เป็นบ้าอะไรน่ะคนสวย!!! อยากตายเหรอ!!!" ขาซิ่งคนนั้นหันมาด่าครูเบสท์ด้วยความโกรธ ก่อนบีบคันเร่งหนีไป แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ

"เอ่อ..." ครูเบสท์ตกอยู่ภายใต้อ้อมกอดของลุงพลที่เข้ามาช่วยด้วยการดึงร่างของเธอออกมา เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ ที่ลุงพลและครูเบสท์ได้มองตากันในระยะเผาขนแบบนี้

"ครูเบสท์..." ลุงพลมองอาจารย์สาวตาไม่กระพริบ งดงามเหลือเกิน ภัคจิราวดี ผู้มีศักดิ์ไม่แพ้พลอยพรรณรายผู้เป็นพี่สาวแห่งองค์ตุลาการสวรรค์

######################

เรียกว่าลุงพลได้ช่วยครูเบสท์จากนาทีวิกฤติ หญิงสาวผู้สูงศักดิ์และเพรียบพร้อมไม่แพ้หมอพลอยแห่งวิทยาลัยพยาบาลตกอยู่ภายใต้อ้อมกอดของสุภาพบุรุษสูงวัยอย่างลุงพล

"เอ่อ..." ภัคจิรามองหน้าลุงพลตาแป๋ว ราวกับว่าเธอกำลังต้องมนต์สะกดอะไรบางอย่าง ทำไมเธอถึงรู้สึกผูกพันกับผู้ชายอายุหกสิบกว่า ๆ ที่ไม่มีอะไรโดดเด่นคนนี้เลยแม้แต่น้อยกันนะ

ในขณะที่ลุงพล ตาเฒ่ามองหญิงสาวตาไม่กระพริบ งดงาม น่ารัก เธอเพียบพร้อมไม่แพ้หมอพลอยเลยแม้แต่น้อย เมื่อมองลึกลงไป ลุงพลรู้สึกหลงใหลในความอ่อนหวานของดวงตาคู่นั้น

"ภัคจิราวดี..." ลุงพลเผลอเอ่ยปากชื่อจริงของครูเบสท์ด้วยชื่อเก่าเมื่ออดีตชาติ ทำเอาอาจารย์สาวถึงกับตื่นจากภวังค์ด้วยความตกใจ

"เอ่อ...ลุงพลคะ?" ครูเบสท์ที่ได้สติเอ่ยปากขึ้นมา "ปล่อยเบสท์ได้แล้วมั้งคะ?"

"อุ้ย!!! ขอโทษครับครู!!!" ลุงพลรีบปล่อยครูเบสท์ออกมา ฝ่ายหญิงสาวดูมีท่าทางเขอะเขินและประหม่าอย่างเห็นได้ชัด "ขอโทษนะครับครู ผมไม่ได้ตั้งใจ!!!"

"ไม่เป็นไรค่ะ..." ครูเบสท์เอามือเสยปอยผมแก้อาการประหม่า หญิงสาวไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าเพราะเหตุใด เธอถึงได้มีอาการหวั่นไหวกับลุงพลมากถึงขนาดนี้

"เอ่อ...เดี๋ยวผมไปดูรถให้ครูต่อนะครับ" คนขายน้ำเต้าหู้รีบเบี่ยงประเด็นไปเรื่องอื่น ตาลุงเดินกลับไปดูที่หน้ากระโปรงรถของครูเบสท์เพื่อตรวจเช็คสภาพหม้อน้ำรถยนต์ของอาจารย์สาว ลุงพลลองเอามือจิ้มหม้อน้ำรถครูเบสท์ ก่อนที่จะรีบดึงมือออกเพราะหม้อน้ำรถยังร้อนฉ่าอยู่



(ครูเบสท์ - ภัคจิรา นฤนารถไมตรี (อาจารย์ประจำภาควิชาพยาบาลศาสตร์)


"เป็นยังไงบ้างคะลุง?" ภัคจิราถามด้วยความซื่อ เธอไม่รู้เรื่องเครื่องยนต์มากนัก

"ร้อนครับ!!!" ลุงพลหันไปตอบด้วยรอยยิ้ม "หม้อน้ำรถครูเบสท์ร้อนจี๋เลยครับ!!!"

"ทำไมต้องมาเสียตอนนี้ด้วยนะ!!" อาจารย์สาวบ่นกับตัวเอง ก่อนเหลือบไปเห็นร้านสะดวกซื้อที่ตั้งอยู่ไม่ไกล "ลุงพลคะ? เดี๋ยวเบสท์แวะไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อก่อนนะคะ"

"ครับ ได้ครับ" อดีตภารโรงเก่ายิ้มรับ ก่อนหันกลับมาตรวจสภาพเครื่องยนต์รถของครูเบสท์ในส่วนอื่น ๆ ต่อ แต่ก็ยังไม่วายแอบหันไปมองครูเบสท์เดินเข้าร้านสะดวกซื้อ

ครูเบสท์ดูเป็นสาวเรียบร้อย แต่ความรู้สึกของลุงพลรู้สึกว่าอาจารย์สาวคนนี้แอบซ่อนรูป และมั่นใจได้ว่าภัคจิราคนสวยจะต้องเด็ดดวงไม่แพ้เจ้าหญิงน้ำแข็งอย่างพลอยพรรณแน่นอน

พอครูเบสท์หายเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ ลุงพลก็หยิบสมาร์ทโฟนของตัวเองขึ้นมาเปิดโหมดไฟฉายเครื่องยนต์กระโปรงหน้ารถของครูเบสท์ โดยเฉพาะตรงหม้อน้ำที่ยังมีควันลอยโขม่งอยู่ ทำให้ลุงพลคิดว่าบางทีหม้อน้ำอาจจะแห้งก็เป็นได้

"มาแล้วค่ะ!!" ครูเบสท์เดินกลับมาพร้อมถุงพลาสติก ภายในมีน้ำเปล่าและน้ำอัดลมที่อาจารย์สาวตั้งใจซื้อมาฝากให้ลุงพล พระเอกจำเป็นในค่ำคืนนี้ "เป็นยังไงบ้างคะลุง? มีความคืบหน้าบ้างไหม?"

"ผมคิดว่าหม้อน้ำแห้งแน่ ๆ ครับ" อดีตภารโรงตอบ "ต้องรอสักพักให้เครื่องยนต์มันเย็นก่อนละครับ"

"อีกนานไหมละคะลุง?" พอได้ยินแบบนี้ อาจารย์สาวก็รู้สึกไม่สบายใจ เพราะนี่ก็เริ่มดึกมากแล้ว เธออยากกลับบ้าน

"สักครึ่งชัวโมงน่ะครับครู" ลุงพลตอบ "ต้องรอให้เครื่องยนต์มันเย็นกว่านี้ แล้วเดี๋ยวผมถึงจะเปิดฝาหม้อน้ำเช็คได้ ว่าแต่ครูมีผ้าที่ไม่ใช้แล้ว หรือน้ำเปล่าสักขวดสองขวดไหมครับ?"

"ผ้ามีค่ะ แต่น้ำ อาจจะต้องกลับไปซื้อที่ร้านสะดวกซื้อแหะ" ภัคจิราหันกลับไปที่ร้านสะดวกซื้อ

"ไม่เป็นไรครับ!!!" ลุงพลเหลือบไปเห็นน้ำเปล่าที่ครูเบสท์ซื้อมาในถุง "น้ำเปล่าที่ครูเบสท์ซื้อมาก็น่าจะใช้ได้อยู่ เดี๋ยวผมขอผ้าขนหนูด้วยครับครู"

"ค่ะ ได้ค่ะ" สักพักครูเบสท์กดสวิตซ์ปลดล็อคประตูรถ แล้วเปิดประตูรถเบาะหน้าหยิบผ้าขนหนูเก่า ๆ มาให้ลุงพลเพื่อใช้ในการเปิดฝาหม้อน้ำ

ระหว่างที่รอให้เครื่องยนต์มันเย็นลงกว่านี้สักพัก ครูเบสท์ก็แกะฝาน้ำอัดลมใส่หลอดยื่นให้ลุงพลที่กำลังง่วนอยู่กับการเช็คสภาพเครื่องยนต์

"ลุงพลคะ? ดื่มน้ำก่อนค่ะ" ครูเบสท์ถือขวดน้ำอัดลมที่เปิดฝาและใส่หลอดเตรียมไว้ให้ลุงพล

"ครับ ขอบคุณครับ" ลุงพลจะยื่นมือรับขวดน้ำอัดลม แต่ถูกครูเบสท์ปฏิเสธ

"ไม่คะ!!! ให้เบสท์ป้อนเนี่ยแหละ!!!" ภัคจิราค้อนใส่ "เบสท์ต้องรบกวนลุงมาก ๆ เลยอยากจะขอมีส่วนร่วมทำดีบ้างอะไรบ้างค่ะ"

"งั้นก็...ขอบคุณครับ" ลุงพลพยักหน้าขอบคุณ ก่อนดูดน้ำอัดลมที่ครูเบสท์ยื่นมาให้ ตาเฒ่าแอบชำเลืองมองอาจารย์สาวด้วยสายตาเจ้าชู้ อีกภัคจิรารู้สึกได้

"เอ่อ...มองเบสท์แบบนั้น?" อาจารย์สาวเอ่ยปากถามด้วยความสงสัย "มีอะไรติดหน้าเบสท์เหรอคะ?"

"เปล่าครับ ไม่มีอะไร" พอดื่มน้ำอัดลมแก้กระหาย ลุงพลก็กลับไปหยิบผ้าขนหนูที่วางไว้ขอบกระโปรงรถเปิดฝาหม้อน้ำ "โอ้โห!!! แห้งสนิทเลยครับ!!!"

"งั้นต้องเติมน้ำใช่ไหมคะลุง?" ภัคจิราถามด้วยความไม่รู้

"ใช่ครับ" ลุงพลหันมายิ้มให้อาจารย์สาว "น้ำอาจจะไม่พอแหะ ผมอาจจะต้องการน้ำเพิ่มอีก ของสักสองลิตรน่ะครับครู"

"ได้ค่ะ เดี๋ยวเบสท์ไปซื้อให้นะคะ" ภัคจิราเตรียมเดินกลับไปที่ร้านสะดวกซื้ออีกรอบ

"เดี๋ยวผมไปเองก็ได้ครับ เกรงใจครู" ช่างซ่อมรถจำเป็นรู้สึกเกรงใจครูเบสท์ ก็เลยขอเสนอไปซื้อน้ำเอง แต่ว่า...

"ไม่เป็นไรหรอกค่ะลุงพล!!" อาจารย์สาวปฏิเสธ "บอกแล้วไงว่าให้เบสท์มีส่วนร่วมบ้าง!!! ลุงพลอยู่ตรงนี้ดีแล้วค่ะ อยากกินอะไรเพิ่มไหมคะ? เดี๋ยวเบสท์ซื้อมาให้?"

"ไม่แล้วครับครู" ลุงพลตอบ "ขอบคุณมากครับ"

แล้วครูเบสท์ก็เดินกลับไปที่ร้านสะดวกซื้อ เพื่อซื้อน้ำขวดใหญ่อีกสองลิตรกลับมา ตอนนี้ลุงพลก็เลยตรวจเช็คทั้งหม้อน้ำและถังพักน้ำ ก็พบว่ามันแห้งเหมือนกันหมด

"น้ำมาแล้วค่ะ!!!" ครูเบสท์เดินถือถุงพลาสติกใส่น้ำเปล่าสองขวดจำนวน 2 ลิตรกลับมา "โอ้ย!!!! ร้อน!!!!"

ลุงพลแอบยิ้มที่มุมปาก ครูเบสท์นี่ดูเป็นลูกคุณหนูไม่ต่างจากหมอพลอยเลยแม้แต่น้อย รออีกสักพัก ลุงพลเลยเติมน้ำใส่หม้อน้ำและถังพักน้ำ โดยขอให้ครูเบสท์กลับไปสตาร์ทรถอีกรอบ

ภัคจิราทำตามช่างยนต์อย่างเชื่อฟัง ระหว่างที่สตาร์ทรถ เธอเปิดกระเป๋าสะพายหยิบเอาพัดลมพกพากลับออกมาด้วย

"เป็นยังไงบ้างคะลุง?" ครูเบสท์เอ่ยปากถามลุงพลที่กำลังเติมน้ำใส่หม้อน้ำ

"หม้อน้ำกับถังพักน้ำมันแห้งครับครู ผมต้องค่อย ๆ เติมน้ำเข้าไปเรื่อย ๆ จนกว่ามันจะคงที่ ไม่ระเหยออกมา" ลุงพลตอบ ก่อนที่ครูเบสท์จะถือพัดลมพกพาพัดความเย็นให้ลุงพล "ขอบคุณครับ แต่ผมไม่เป็นไรหรอก ผมว่าครูร้อนมากกว่าผมนะ?"

"แหมม...ลุงก็!!!" ภัคจิราแอบยิ้ม ใบหน้าของเธอชุ่มไปด้วยเหงื่อ "งั้นเบสท์ไม่เกรงใจแล้วนะคะ"

ลุงพลหันกลับไปรินน้ำใส่หม้อน้ำรถของครูเบสท์ต่อ ลึก ๆ แกก็แอบขำในความไร้เดียงสาของครูเบสท์ พลางนึกถึงเหตุการณ์สมัยที่แกเคยล่อลวงโดนัท และนิมิตรภาพความฝันที่เป็นลางบอกเหตุว่าอีกไม่นานครูเบสท์จะต้องตาย แกเลยคิดว่าจะฉวยโอกาสนี้พิชิตความสาวของครูเบสท์ดีหรือไม่?

"ยังไม่ใช่ตอนนี้ ยังก่อน..." มนุษย์ลุงจอมเจ้าเล่ห์บอกกับตัวเอง แกจำเป็นต้องสร้างความใกล้ชิดและความไว้ใจให้ครูเบสท์ก่อน แล้วค่อย ๆ เขยิบเข้าไปให้ใกล้ตัวครูเบสท์มากขึ้นกว่านี้ ก่อนที่จะจัดการขั้นเด็ดขาด

เวลาผ่านไปเกือบสี่สิบนาที ในที่สุดรถของครูเบสท์ก็กลับมาใช้งานได้ตามปกติสักที

"เฮ้อ!!! ได้กลับบ้านสักที!!!!" ครูเบสท์ปรบมือให้ลุงพลที่เปิดประตูเบาะหน้ารถออกมาหลังจากตรวจเช็คสภาพเครื่องยนต์ครั้งสุดท้ายเสร็จแล้ว ก่อนที่จะหยิบแบงค์พันจำนวนสองใบให้ช่างซ่อมรถจำเป็นในค่ำคืนนี้ "นี่คะลุงพล สินน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ จากเบสท์นะคะ"

"โห!!! เยอะไปครับ!!! ผมคงรับไม่ได้หรอกครับครู รับไม่ได้จริง ๆ" ลุงพลปฏิเสธอย่างสุภาพ "เพราะผมได้รับน้ำใจจากน้ำดื่มที่ครูเบสท์ซื้อมาให้แล้วครับ"

"อย่าดื้อซิคะลุงพล!!!" ภัคจิราเห็นน่ารักแบบนี้ แต่เธอเองก็แอบตื้อไม่เลิก หญิงสาวถือวิสาสะจับมือลุงพลทีมีอายุมากกว่าพ่อของเธอหลายปีอย่างไม่รังเกียจ เพื่อวางเงินสองพันให้ลุงพลเป็นสินน้ำใจ "เบสท์บอกให้รับไปไงคะ!!!"

"ผมรับไม่ได้จริง ๆ ครับครู!!!" ลุงพลพยายามปฏิเสธ ก่อนพยายามคืนเงินกลับให้ครูเบสท์ที่ยังปฏิเสธ "ผมไหว้ละครับ!!!"

"ไม่ได้ค่ะ!!!" ครูเบสท์เริ่มทำหน้าดุ "ถ้าลุงพลคืน เบสท์จะไม่คุยกับลุงแล้วนะคะ!!"

...ตายแล้ว ชั้นพูดอะไรออกมา? ภัคจิราทำหน้าเหลอหลาด้วยความตกใจ ลุงพลเองก็ไม่ต่างกัน ตาเฒ่าจอมเจ้าเล่ห์แปลกใจไม่น้อย ที่เห็นครูเบสท์ที่ปกติดูน่ารักอ่อนหวาน จะออกลูกดื้อได้ถึงขนาดนี้

"ผมรับไม่ได้จริง ๆ ครับครู" ลุงพลยังคงพยายามขอคืนเงินสองพันให้ครูเบสท์ "มันเยอะไปครับ ผมรับไม่ได้จริง ๆ ผมขอคืนนะครับ!!"

"เบสท์เต็มใจค่ะลุง..." ภัคจิรายิ้ม "รับไปเถอะค่ะ ถ้าไม่รับเงินนี้ไป เบสท์จะไม่ไปอุดหนุนร้านน้ำเต้าหู้ของลุงอีกแล้วนะคะ!!!"

"อืม..." เห็นน่ารักแบบนี้ ดื้อเอาเรื่องเหมือนกันนะเนี่ย ครูเบสท์

"เอางี้ไหมครับ? ถือว่าเป็นข้อแลกเปลี่ยน" ลุงพลยื่นข้อเสนอ "ผมจะถือว่านี่เป็นค่าน้ำเต้าหู้ร้านผม ถ้าครูเบสท์มาอุดหนุนน้ำเต้าหู้ร้านผมวันหลัง ครูเบสท์ไม่ต้องจ่ายเงินอีก ตกลงไหมครับ?"

"อืม..." ภัคจิราครุ่นคิดอยู่สักพัก "ลุงพล ลุงนี่เป็นคนดีกว่าที่เบสท์คิดนะคะ เอางั้นก็ได้ ถือว่าแฟร์ ๆ กันทั้งสองฝ่าย ดีลค่ะ!!"

"เอ่อ? ดีลคืออะไรครับ?" คนขายน้ำเต้าหู้ถึงกับงงในงง มาดงมาดีลอะไร แกไม่รู้เรื่อง

"อ้อ!!! ภาษาอังกฤษน่ะคะลุง!!!" อาจารย์พยาบาลสาวใช้มือสางปอยผมที่พัดจากลม "ดีล (Deal) แปลว่าการทำข้อตกลงทางธุรกิจน่ะคะ อธิบายยาวไป เอาเป็นว่าตกลงค่ะลุง จะได้สบายใจทั้งสองฝ่าย ก็นับค่าน้ำเต้าหู้ที่เบสท์ไปอุดหนุนร้านลุงไว้แล้วกันนะคะ ถ้าครบสองพันเมื่อไร เบสท์จะจ่ายด้วยเงินปกติแทน"

"ครับ ได้ครับ" ลุงพลยิ้ม ก่อนที่ครูเบสท์จะขอตัวขับรถกลับบ้าน

ลุงพลยืนมองไฟท้ายรถยนต์ของครูเบสท์ที่แล่นออกไปพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปาก แกหยิบเงินสองพันที่ครูเบสท์ให้มา ด้วยความตั้งใจว่าจะใช้เงินนี้ไปทำบุญแทนที่จะเอามาใช้สอย เพราะแกไม่ได้เดือดร้อนอะไร

...ครูเบสท์นี่น่ารักทั้งกายและใจเลยนะ ลุงพลคิด พอคิดว่าเธอจะต้องพบกับชะตากรรมที่โหดร้ายแบบนั้น บางครั้งคนอย่างลุงพลก็อดสงสารไม่ได้เหมือนกัน หรือว่าพรุ่งนี้เช้าแกจะเดินเข้าไปหาครูเบสท์แล้วเตือนเจ้าตัวว่าอย่าเดินทางไปเรียนต่อที่อเมริกาดี? ครูเบสท์จะฟังคนอย่างแกเหรอวะไอ้พล?

............................................

ในคืนนั้น หลังจากที่ลุงพลช่วยซ่อมรถให้ครูเบสท์ ลุงพลได้กลับไปที่บ้านอาบน้ำและเข้านอน แกได้ฝันเห็นอดีตชาติอีกครั้ง และคราวนี้ เป็นเรื่องราวของพลอยพรรณรายและภัคจิราวดี

"ท่านพี่พลอยพรรณราย!!! เหตุใดท่านถึงได้ไปกล่าวทำเท็จต่อท่านท้าวชุมพลศักดา!!!" ภัคจิราวดีผู้เป็นน้องเดินตามหลังพลอยพรรณรายผู้เป็นพี่เข้าไปในวิหารแห่งหนึ่ง

"มันเรื่องของข้า!!" พลอยพรรณรายตอบอย่างไม่ยีหระ "ท่านท้าวหน้าโง่อยากมาหลงใหลในเสน่ห์ของข้า ช่วยไม่ได้ดอกหนา"

ธิดาองค์โตแห่งเทพตุลาการสวรรค์ยิ้มอย่างพึงพอใจในความงดงามของตน พลอยพรรณรายคือเทพธิดาแห่งสรวลสวรรค์ผู้เพรียบพร้อมไปด้วยสติปัญญา ความงาม รวมไปถึงความหยิ่งผยอง

"ท่านพี่?" ภัคจิราวดีร่นคิ้วราวกับไม่อยากเชื่อสายตา "ท่านรู้ฤาไม่ว่าการกระทำของท่าน อาจทำให้แดนสวรรค์ของเราต้องเปิดฉากสงครามกับแดนปีศาจ"

"แล้วจะทำไม?" พลอยพรรณรายกล่าวอย่างไม่สะทกสะท้าน "เดี๋ยวท่านท้าวชุมพลศักดาผู้เป็นจอมทัพสวรรค์ก็จักพิชิตศึกครานี้ได้ เจ้าอย่าได้กังวลไปเลย ภัคจิราวดี"

"แล้วท่านจะทำอย่างไรกับท่านท้าวชุมพลศักดา?" ภัคจิราวดีผู้เป็นน้องเอ่ยปากถาม "ท่านท้าวมีชื่อนั่งรออยู่นอกวิหารในสภาพอิดโรย ท่านจักใจไม้ไส้ระกำไม่ออกไปดูดำดูดีท่านท้าวหน่อยฤา?'

"บอกไปว่าข้าไม่อยู่" พลอยพรรณรายตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน "ข้าไปหาท่านพ่อ"

พอเอื้อนเอ่ยวาจาเสร็จ พลอยพรรณรายก็เดินจากไป ปล่อยให้ภัคจิราวดียืนนิ่งอยู่ภายในวิหารโบราณอยู่เพียงผู้เดียว ธิดาองค์รองแห่งองค์ตุลาการสวรรค์รู้สึกไม่สบายใจเลยแม้แต่น้อย กับการกระทำของพี่สาวของตน

"ท่านพี่? ท่านจักทำให้แดนสวรรค์ของเราต้องลุกเป็นไฟเพราะสงคราม" ภัคจิราวดีส่ายหน้า ก่อนเดินจากไป

"สองพี่น้องคู่นี้ดูแล้วไม่ค่อยถูกกันเท่าไรนะ?" ลุงพลแสดงความคิดเห็น ในขณะที่กำลังยืนดูเหตุการณ์ทั้งหมด ก่อนที่ภาพนิมิตแห่งความฝันจะถูกตัดไปเป็นภาพหน้าวิหารโบราณแห่งนั้น

ท่านท้าวชุมพลศักดานั่งพักในสภาพที่เต็มไปด้วยบาดแผล จากการตะลุยแดนปีศาจเพื่อนำหีบบรรจุสมบัติกลับคืนมา ระหว่างที่นั่งพักอยู่นั้น ภัคจิราวดี บุตรีคนรองแห่งองค์ตุลาการสวรรค์ได้ปรากฏตัวขึ้นมาในชุดขอมโบราณ

"ภัคจิราวดี?" ท่านท้าวมีชื่อเอ่ยปากเรียกน้องสาวคนรองของพลอยพรรณราย "มีอะไรให้ข้ารับใช้ฤา?"

"ไม่มีดอกท่านท้าว" ภัคจิราวดียิ้ม ก่อนยื่นขันทองที่บรรจุน้ำทิพย์ช่วยสมานแผลให้ท่านท้าวมีชื่อได้ดื่ม "ท่านดื่มน้ำทิพย์นี่เถิด..."

"ขอบน้ำใจท่านมาก" ท่านท้าวชุมพลศักดารับขันทองจากมือของภัคจิราวดี ในจังหวะที่รับขัน มือของท่านท้าวมีชื่อก็สัมผัสกับมือของธิดาองค์ของแห่งองค์ตุลาการสวรรค์

ภัคจิราวดีแอบยิ้มที่มุมปาก ในขณะที่ท่านท้าวมีชื่อกำลังดื่มน้ำทิพย์จากสวรรค์อย่างเอร็ดอร่อย

"สดชื่นเหลือเกิน!!! พละกำลังของข้ากลับมาแล้ว!!! ข้าพร้อมแล้วที่จะออกรบกับกองทัพปีศาจอีกครา!!!" จอมทัพสวรรค์ดูสดชื่นมากขึ้น บาดแผลตามตัวเริ่มจางหายทีละนิด "ขอบน้ำใจท่านมาก ท่านหญิงภัคจิราวดี"

"ท่านท้าวชุมพลศักดา ท่านต้องขอบน้ำใจพี่สาวข้า มิใช่ข้าดอก..." ภัคจิราวดีตอบด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ

"ท่านหญิงพลอยพรรณราย!!!" ท่านท้าวมีชื่อยิ้มอย่างมีความสุข เมื่อรู้ว่าน้ำทิพย์ที่ได้ดื่มสมานแผลและแก้กระหายถูกส่งมาโดยแม่หญิงพลอยพรรณรายผู้เป็นยอดดวงใจ

แน่นอน ลุงพลเห็นภาพเหตุการณ์ทั้งหมด น้ำทิพย์ที่ท่านท้าวมีชื่อ อดีตชาติของตนได้ดื่มนั้น เป็นน้ำทิพย์ที่ภัคจิราวดีนำมามอบให้ด้วยตัวเองต่างหาก แต่นางเลือกที่จะปิดบังความจริง

"ภัคจิราวดี ไม่ซิ ครูเบสท์..." ลุงพลเห็นภัคจิราวดีที่เหมือนจะทำหน้าเศร้าสร้อย กับการที่ตนเองไม่สามารถบอกความรู้สึกที่แท้จริงให้จอมทัพสวรรค์รับรู้ได้ ว่าตนเองก็มีใจรักท่านท้าวมีชื่อเช่นเดียวกัน



การที่ต้องแอบรักผู้ชายคนเดียวกับพี่สาว มันเป็นเรื่องที่ทรมานหัวใจเหลือเกิน? ท่านคิดเห็นเป็นเช่นไร? ท่านท้าวชุมพลศักดา

"เอ๋?" ลุงพลตกใจมาก เพราะอยู่ดี ๆ ภัคจิราวดีก็หันมามองลุงแกด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย "ครูเบสท์เห็นผมด้วยเหรอ?"

"ท่านท้าว..." ภัคจิราวดีเอ่ยปากทั้งน้ำตา "ถ้าหากข้าจะขออะไรจากท่านสักอย่าง ท่านจักทำให้ข้าได้ฤาไม่?"

"ทำอะไรครับ? ครูเบสท์จะขอให้ผมทำอะไรให้ครับ?" ลุงพลถามภัคจิราวดี แต่แกก็ดันเรียกชื่อของธิดาองค์รองแห่งองค์ตุลาการสวรรค์ด้วยชื่อชาติภพปัจจุบัน

"ท่านจักหยุดทุกอย่างที่น้องสาวของข้าคนใดคนหนึ่ง หรืออาจจะเป็นท่านพี่พลอยพรรณรายในชาติภพปัจจุบันได้หรือไม่?" ภัคจิราวดียื่นข้อเสนอ "ข้าจักยอมเสียสละตัวเอง แบกรับกรรมของพี่น้องข้าทั้งหมด เพื่อให้พี่สาวของข้า และน้องสาวของข้าที่เหลือได้ใช้ชีวิตบนโลกมนุษย์ เพื่อสะสมบุญบารมีต่อไป จนกว่าจะถึงเวลาที่พวกนางจะสิ้นอายุขัย..."

"ทำไมครูเบสท์ถึงพูดแบบนี้ละครับ?" ลุงพลถาม "ผมรู้ว่าครูเบสท์คงอยากเสียสละ แต่การทำแบบนี้ ครูเบสท์จะต้องตายนะครับ"

"ท่านท้าว ท่านมิรู้ดอกว่าท่านจะต้องเจอกับอะไร หากท่านยังไม่หยุดกรรมนี้..." และแล้วน้ำตาของภัคจิราวดีก็กลายเป็นสายเลือด "ข้ารักท่าน ข้ามิอยากเห็นท่านต้องพบกับชะตากรรมที่แสนโหดร้าย..."

พอได้ยินในสิ่งที่ภัคจิราวดีพูด ลุงพลก็คิดได้ว่าองค์ตุลาการสวรรค์เคยให้ตนเองเห็นนิมิตรภาพความฝันถึงวาระสุดท้ายของตนเองมาแล้ว แต่แล้วยังไงละ คนอย่างแกทนไม่ได้ที่ต้องเห็นภัคจิราวดีหรือครูเบสท์ต้องมาเสียสละอยู่คนเดียว



(ลุงพล ชุมพล เทพเมืองแมน อาชีพ คนขายน้ำเต้าหู้)

"ครูเบสท์ครับ..." ลุงพลเดินเข้าไปหาภัคจิราวดี ในระหว่างที่เดินเข้าไป ชุดเครื่องแบบนักการภารโรงของแกก็เกิดประกายแสงอย่างน่าอัศจรรย์

"ท่านท้าว?" ภัคจิราวดีพยายามเอื้อนเอ่ยวาจาห้ามไม่ให้ลุงพลที่ตอนนี้สวมใสชุดนักรบโบราณเดินเข้ามา "อย่าเข้ามาใกล้ข้าโดยเด็ดขาด!!!"

"ทำไมเล่า ภัคจิราวดี?" ลุงพลที่ตอนนี้ได้กลายเป็นท่านท้าวชุมพลศักดา ได้เอื้อนเอ่ยวาจากถามธิดาองค์รองแห่งองค์ตุลาการสวรรค์ด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย "ข้ามิอาจปล่อยให้เจ้าต้องพบกับชะตากรรมที่โหดร้ายเช่นนั้นได้ ข้ายินยอมให้คนทั้งโลกมองข้าว่าเป็นคนมักมากในกาม มากรักหลายใจ แต่จักไม่มีวันย่อมปล่อยให้เจ้า ภัคจิราวดี ผู้มีใจรักในตัวข้ามาตั้งแต่อดีตชาติต้องพบกับชะตากรรมเช่นนั้น มาเถิด เข้ามาหาข้า..."

"ท่านท้าว..." ภัคจิราวดีเอ่ยปากทั้งน้ำตา "ข้ามิอาจผิดคำสัญญากับพี่สาวของข้าได้หรอกหนา...ท่านไม่รู้หรอกว่าพี่สาวของข้าเวลาโกรธเกรี้ยวนั้นน่ากลัวสักเพียงใด"

"ก็ช่างนางปะไร" ในที่สุด ท่านท้าวชุมพลศักดาก็ได้โอบกอดภัคจิราวดี "ข้าจักพูดกับนางเอง"

ภัคจิราวดีสงบนิ่งภายใต้อ้อมกอดของท่านท้าวชุมพลศักดา ในที่สุดความรักที่ต้องเก็บซ้อนไว้ก็ถูกเปิดเผยสักที เพียงแต่....

มันคือจุดเริ่มต้นครั้งใหม่ พลอยพรรณราย แม้นนางมิได้สนใจไยดีท่านท้าวมีชื่อนัก แต่นี่เรื่องของศักดิ์ศรีและเรื่องของหัวใจ สงครามระหว่างพี่น้องกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว

............................................

ในวันรุ่งขึ้น ลุงพลกลับมาเปิดร้านขายน้ำเต้าหู้ตามปกติ ระหว่างที่นั่งว่าง แกก็นั่งคิดถึงภาพเหตุการณ์เมื่อวาน และภาพนิมิตความฝันที่เกิดขึ้น ดูเหมือนว่าตัวแกเองคงหลีกหนีไม่พ้นชะตากรรมที่ได้ถูกกำหนดไว้แล้ว

"ลุงพลคะ?" ภัคจิราในชุดเดรส ปรากฏตัวขึ้นมาหน้าร้านของลุงพล "น้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋ชุดนึงค่ะ เบสท์จะไปกินที่ห้องทำงาน"

"ได้ครับ" ลุงพลยิ้มหวาน ก่อนหันกลับไปจัดน้ำเต้าหู้และปาท่องโก๋ให้ลูกค้ากิตติมศักดิ์

"ขอบคุณนะคะ สำหรับเรื่องเมื่อวาน" ภัคจิราเอ่ยปากขึ้นมา

"ไม่เป็นหรอกครับ" ลุงพลคนขายน้ำเต้าหู้ยื่นถุงน้ำเต้าหู้และปาท่องโก๋ให้อาจารย์สาวคนสวย "นี่ครับ"

"สามสิบบาทใช่ไหมคะ?" ครูเบสท์ควักแบงค์ยี่สิบและเหรียญสิบให้ลุงพล "นี่ค่ะ"

"ไม่เป็นไรครับครู!!!" ลุงพลรีบปฏิเสธ "ก็เราตกลงกันแล้วไง!!"

"ก็เบสท์เปลี่ยนใจแล้วนิคะ" ครูเบสท์ตอบอย่างไม่ยี่หระ "รับไปนะคะ!!"

"ผมรับไม่ได้จริง ๆ ครับ!!" ลุงพลพยายามปฏิเสธ แต่สุดท้ายก็ถูกครูเบสท์จับมือวางเงินเอาไว้บนมือของเจ้าของร้านจนได้

"ไม่ได้ค่ะ!!!" ภัคจิราทำหน้าดุ "ของซื้อของขาย..."

อะไรมันจะดื้อขนาดนี้เนี่ย ครูเบสท์ ลุงพลคิด แต่ว่า

"ลุงพล? เบสท์?" อยู่ดี ๆ พลอยพรรณก็ปรากฏตัวขึ้นมา ในมือของเจ้าหญิงน้ำแข็งถือถุงใส่ข้าวกล่องที่เธอตั้งใจทำมาให้ลุงพลได้กินในมื้อเที่ยง เธอเห็นภาพเหตุการณ์ทั้งหมด ครูเบสท์และลุงพลจับมือถือแขนกัน "นี่มันอะไรกัน?"



(หมอพลอย พลอยพรรณ จารุศิริการกุล (อาชีพ แพทย์หญิงประจำห้องพยาบาล)


"หมอพลอย!!!" ลุงพลและครูเบสท์หันไปมองหมอพลอยที่ยืนอยู่ด้านหลังด้วยความตกใจ เรียกได้ว่าจังหวะนรกจริง ๆ เลยเชียว

พลอยพรรณดูไม่พอใจเป็นอย่างมาก ที่เห็นลุงพลที่สัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าจะเลิกเจ้าชู้ มาจับมือถือแขนครูเบสท์ขนาดนั้น เธอไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับผู้ชายคนไหนมาก่อน จะเรียกได้ว่าเธอกำลังหึงตาเฒ่าก็ว่าได้

...เมื่อท้องนภามิอาจมีดวงจันทราถึงสองดวง สงครามระหว่างพลอยพรรณรายและภัคจิราวดีกำลังจะเริ่มต้นแล้ว ใครกัน จะเป็นที่สุดในหัวใจของท่านท้าวชุมพลศักดา หรือในชาติภพปัจจุบันก็คือลุงพลคนขายน้ำเต้าหู้?


โปรดติดตามตอนต่อไป...

ตัวอย่างบางส่วนของตอนต่อไป เปิดหวอรอรัก ขอซ่อนนะ สำหรับคนที่อยากรู้สปอยด์หรือไม่ซีเรียสสปอยด์นะครับ ใครซีเรียส ปล่อยผ่านครับ 5555+


wehwhwhw shgsh






ชอบอ่าน

อ้างจาก: nato87 เมื่อ พฤศจิกายน 27, 2020, 04:56:39 หลังเที่ยง
พูดคุยก่อนอ่าน : กลับมาแล้วครับ สำหรับเกมรักปีสองตอนที่ 11 อย่างที่ผมได้บอกไปหลายครั้งละ ครูเบสท์จะมีบทบาทเด่นมากขึ้น และหมอพลอยจะต้องเป็นตัวร้าย ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นในตอนนี้แล้วครับผม สำหรับตอนนี้ จะมีฉากเล่าย้อนอดีตด้วยนะครับ ค่อนข้างจะจักร ๆ วงศ์ ๆ ลิเก ๆ สักหน่อย 555 ตอนนี้ช่วงครึ่งแรกอาจน่าเบื่อสักหน่อย มันเกี่ยวกับการซ่อมรถนะครับ แต่ฉากนี้ ผมได้พยายามถ่ายทอดความเป็นครูเบสท์ให้ทุกคนได้เห็นกันมากขึ้น ว่าเธอเป็นคนที่มีนิสัยใจคอเป็นอย่างไร พวกคุณคิดว่าจะชนะหมอพลอยในบั้นปลายหรือไม่ ลองบอกผมมา

ขอโฆษณาประชาสัมพันธ์อีกนิด ตอนนี้ 'ภารโรงเฟี้ยว...เกี้ยวเด็กพยาบาล' เล่ม 3 ได้วางจำหน่ายเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ ตามลิงค์ด้านล่าง




ลิงค์อยู่ด่านล่างนะครับ


https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiODU1MjYwIjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NjoiMTM5MjUzIjt9&page_no=1

สำหรับตอนหน้า 'เกมรักภารโรงเฒ่า ปี 2 ตอนที่ 12 : เปิดหวอรอรัก' เห็นชื่อตอนก็น่าจะรู้นะครับว่าจะพบกับอะไร ฉากอีโรติกเน้น ๆ จัดเต็ม ๆ ครับผม แต่ผมไม่บอกหรอกนะว่าลุงพลจะได้ใคร 555555


######################


ความเดิมจากตอนที่แล้ว

https://xonly8.com/index.php?topic=236496.0

อ้างถึงตัดมาทางฝั่งครูเบสท์ หลังจากเลิกงาน เธอก็แวะขับรถไปหายัยอิมเพื่อนรักเพื่อกินข้าวเย็นด้วยกัน พร้อมกับพูดคุยถึงการนัดมีทติ้งในกลุ่มคณะพยาบาลศาสตร์ภาคอินเตอร์ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

"ทับทิมตอนนี้อยู่ไหน แล้วจะกลับไทยเมื่อไร?" ครูเบสท์เอ่ยปากถามยัยอิมเพื่อนรัก ที่ผันตัวไปเป็นดีไซนเนอร์และนักธุรกิจ

"มันบินอยู่กาตาร์ บ่นคิดถึงไทย อยากกลับมาทำงานที่ไทยใจจะขาด" ยัยอิมตอบ "เห็นว่ามันคบกับหนุ่มนักธุรกิจแขกที่นั่นด้วยนะเบสท์ โคตรรวย"

อัมพรเปิดอินสตาแกรมของยัยทับทิมเพื่อนร่วมคณะพยาบาลศาสตร์ให้เบสท์ดู อาจารย์สาวถึงกับร้องว้าวในชีวิตสุดหรูและสุดปังของยัยทับทิมเพื่อนรักที่เป็นแอร์โฮสเตสสายการบินระหว่างประเทศที่ตะวันออกกลาง ในกลุ่มสามใบเถาจากคณะพยาบาลศาสตร์ภาคอินเตอร์ กล่าวได้ว่าทับทิม คือนัมเบอร์วันตัวจริงของกลุ่ม ที่แม้แต่อัมพรและภัคจิรายังต้องยอมรับ

"ชีวิตยัยทับทิมนีดี๊ดีเนอะ ว่าไหม?" ยัยอิมแสดงความคิดเห็น ขณะกำลังเลื่อนหน้าจอสมาร์ทโฟนดูชีวิตของทับทิม สาวไฮโซประจำกลุ่ม

"ใช่..." ครูเบสท์ยิ้ม "สงสัยอีกหน่อยคงได้เป็นเจ้าสาวแขกแล้วละเพื่อนเรา"

สองสาวอดีตนักศึกษาพยาบาลศาสตร์ภาคอินเตอร์พูดคุยสนทนาในมื้อเย็นภายในร้านอาหารที่ดูเรียบง่ายแต่แอบแพงใจกลางเมือง ก่อนแยกย้ายกันกลับบ้านทางใครทางมัน

"อิม..." ภัคจิราเอ่ยชื่อเพื่อนรัก "ถ้านัดรวมเพื่อน ๆ ได้ครบทุกคนเมื่อไร ก็แท็คหรือไลน์มาบอกชั้นด้วยนะเว้ย"

"ได้จ้า!!!" ยัยอิมยิ้มหวาน "บางทีชั้นอาจจะลองหาหนุ่ม ๆ โปรไฟล์ดี ๆ แนะนำให้แกได้รู้จักนะ เปิดใจมองหาตัวผู้บ้างได้แล้วแก จะได้มีแฟนเป็นตัวเป็นตนสักที ชั้นมีผัวมีลูกแล้วนะเว้ย สงสารชั้นบ้าง"

"ไม่เอาอ่ะ ชั้นอยากทรมานแกแบบนี้ไปเรื่อย ๆ" ภัคจิรายิ้ม ก่อนโบกมือลาเพื่อนรักเพื่อกลับบ้านทางใครทางมัน อาจารย์สาวเดินมาที่โรงจอดรถหลังร้าน เพื่อขับรถ Honda Civic สีบลอนด์กลับบ้านแถวพัฒนาการ

ทุกอย่างดูปกติในช่วงค่ำคืนใจกลางมหานคร จนกระทั่งภัคจิราสัมผัสได้ถึงความปิดปกติของเครื่องยนต์ เมื่อควันสีขาวพวยพุ่งออกมาจากหน้ากระโปรงรถ พอเห็นท่าไม่ดี อาจารย์สาวเลยเลี้ยวรถจอดข้างทาง เพื่อตรวจสภาพรถ ทั้ง ๆ ที่เธอไม่รู้เรื่องเครื่องยนต์เลยแม้แต่น้อย

"โอ้ย!!! รถมาเสียอะไรตอนนี้เนี่ย!!!" ภัคจิราเปิดกระโปรงหน้ารถดู เธอไม่รู้เรื่องเครื่องยนต์กลไกเลยแม้แต่น้อย อาศัยว่าแต่ขับอย่างเดียว นาน ๆ ครั้งถึงจะพารถเข้าอู่ไปเช็คสภาพ "แล้วจะทำยังไงเนี่ย!!!"

นี่ก็จะสามทุ่มแล้ว ภัคจิรารู้ดีว่าเธอเป็นผู้หญิง และมันไม่ปลอดภัยเอาซะเลยที่รถของเธอมาเสียใจกลางเมืองแบบนี้ จะไปตามช่างที่ไหนได้บ้างในเวลาตอนนี้? หรือจะทิ้งรถเอาไว้แล้วพรุ่งนี้ค่อยมาวัดดวงกันว่ารถยังอยู่ที่เดิมหรือว่าอาจถูกตำรวจลากไปดี?

"แล้วจะทำยังไงเนี่ย!!!! โอ้ย!!!!" อาจารย์สาวจับโน่นจับนี่ จนคราบเขม่าติดมือ ภัคจิราทำหน้ามุ่ยด้วยความกังวล จนกระทั่งลุงพลที่บังเอิญขับรถมอเตอร์ไซค์ไปจ่ายตลาดแถวนั้นแวะมาเจอเข้าพอดี

"ครูเบสท์? ครูเบสท์ใช่ไหมครับ?" ลุงพลชะลอรถเพื่อถามอีกฝ่าย "รถเป็นอะไรครับครู?"

"รถเสีย สตาร์ทเครื่องไม่ได้เลยค่ะลุง" ภัคจิราดูใจชื้นขึ้นมาบ้าง เมื่อเห็นลุงพลปรากฏตัวต่อหน้า "ช่วยเบสท์หน่อยนะคะลุง เบสท์ไม่รู้เรื่องเครื่องยนต์เลย"

ลุงพลยิ้มให้ครูเบสท์ ก่อนถอดหมวกกันน็อคแขวนไว้ที่ตะกร้าหน้ารถมอเตอร์ไซค์ เพื่อช่วยดูอาการรถยนต์ Honda Civic ของครูเบสท์ให้

"โอ้ย!!! ควันโขมงเลยแหะ!!!" ลุงพลยืนตรวจเครื่องยนต์รถของครูเบสท์ "ไม่แน่ใจว่าน้ำกลั่นแห้งหรือรั่วนะครับครู แต่ต้องรอก่อน เปิดดูหม้อน้ำตอนนี้มีหวังมือพองแน่"

"ค่ะ รบกวนด้วยนะคะลุงพล" ภัคจิราดูกังวลใจเป็นอย่างมาก ก่อนที่เธอจะหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาเพื่อพูดคุยกับเพื่อนในกลุ่มไลน์ระหว่างรอ

ลุงพลแอบชำเลืองมองครูเบสท์เป็นระยะ ระหว่างยืนอยู่หน้ากระโปรงรถครูเบสท์ จนกระทั่งไปเหลือบเห็นรถมอเตอร์ไซค์ที่แล่นมาด้วยความเร็วจากด้านหลัง

"ครูเบสท์ ระวังรถครับ!!!!" ลุงพลเอ่ยปากเตือนครูเบสท์ที่ยืนพิมพ์ไลน์บนสมาร์ทโฟนอยู่ โดยไม่รู้ว่ามีคนขับรถมอเตอร์ไซค์ที่แล่นมาอย่างรวดเร็วจากด้านหลัง

"ปรี๊ด!!!!" เสียแตรรถมอเตอร์ไซด์ดังลั่น ครูเบสท์พอหันไปก็ร้องด้วยความตกใจ ก่อนที่ลุงพลจะดึงร่างของเธอออกมาได้ทันควัน

"เป็นบ้าอะไรน่ะคนสวย!!! อยากตายเหรอ!!!" ขาซิ่งคนนั้นหันมาด่าครูเบสท์ด้วยความโกรธ ก่อนบีบคันเร่งหนีไป แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ

"เอ่อ..." ครูเบสท์ตกอยู่ภายใต้อ้อมกอดของลุงพลที่เข้ามาช่วยด้วยการดึงร่างของเธอออกมา เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ ที่ลุงพลและครูเบสท์ได้มองตากันในระยะเผาขนแบบนี้

"ครูเบสท์..." ลุงพลมองอาจารย์สาวตาไม่กระพริบ งดงามเหลือเกิน ภัคจิราวดี ผู้มีศักดิ์ไม่แพ้พลอยพรรณรายผู้เป็นพี่สาวแห่งองค์ตุลาการสวรรค์

######################

เรียกว่าลุงพลได้ช่วยครูเบสท์จากนาทีวิกฤติ หญิงสาวผู้สูงศักดิ์และเพรียบพร้อมไม่แพ้หมอพลอยแห่งวิทยาลัยพยาบาลตกอยู่ภายใต้อ้อมกอดของสุภาพบุรุษสูงวัยอย่างลุงพล

"เอ่อ..." ภัคจิรามองหน้าลุงพลตาแป๋ว ราวกับว่าเธอกำลังต้องมนต์สะกดอะไรบางอย่าง ทำไมเธอถึงรู้สึกผูกพันกับผู้ชายอายุหกสิบกว่า ๆ ที่ไม่มีอะไรโดดเด่นคนนี้เลยแม้แต่น้อยกันนะ

ในขณะที่ลุงพล ตาเฒ่ามองหญิงสาวตาไม่กระพริบ งดงาม น่ารัก เธอเพียบพร้อมไม่แพ้หมอพลอยเลยแม้แต่น้อย เมื่อมองลึกลงไป ลุงพลรู้สึกหลงใหลในความอ่อนหวานของดวงตาคู่นั้น

"ภัคจิราวดี..." ลุงพลเผลอเอ่ยปากชื่อจริงของครูเบสท์ด้วยชื่อเก่าเมื่ออดีตชาติ ทำเอาอาจารย์สาวถึงกับตื่นจากภวังค์ด้วยความตกใจ

"เอ่อ...ลุงพลคะ?" ครูเบสท์ที่ได้สติเอ่ยปากขึ้นมา "ปล่อยเบสท์ได้แล้วมั้งคะ?"

"อุ้ย!!! ขอโทษครับครู!!!" ลุงพลรีบปล่อยครูเบสท์ออกมา ฝ่ายหญิงสาวดูมีท่าทางเขอะเขินและประหม่าอย่างเห็นได้ชัด "ขอโทษนะครับครู ผมไม่ได้ตั้งใจ!!!"

"ไม่เป็นไรค่ะ..." ครูเบสท์เอามือเสยปอยผมแก้อาการประหม่า หญิงสาวไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าเพราะเหตุใด เธอถึงได้มีอาการหวั่นไหวกับลุงพลมากถึงขนาดนี้

"เอ่อ...เดี๋ยวผมไปดูรถให้ครูต่อนะครับ" คนขายน้ำเต้าหู้รีบเบี่ยงประเด็นไปเรื่องอื่น ตาลุงเดินกลับไปดูที่หน้ากระโปรงรถของครูเบสท์เพื่อตรวจเช็คสภาพหม้อน้ำรถยนต์ของอาจารย์สาว ลุงพลลองเอามือจิ้มหม้อน้ำรถครูเบสท์ ก่อนที่จะรีบดึงมือออกเพราะหม้อน้ำรถยังร้อนฉ่าอยู่



(ครูเบสท์ - ภัคจิรา นฤนารถไมตรี (อาจารย์ประจำภาควิชาพยาบาลศาสตร์)


"เป็นยังไงบ้างคะลุง?" ภัคจิราถามด้วยความซื่อ เธอไม่รู้เรื่องเครื่องยนต์มากนัก

"ร้อนครับ!!!" ลุงพลหันไปตอบด้วยรอยยิ้ม "หม้อน้ำรถครูเบสท์ร้อนจี๋เลยครับ!!!"

"ทำไมต้องมาเสียตอนนี้ด้วยนะ!!" อาจารย์สาวบ่นกับตัวเอง ก่อนเหลือบไปเห็นร้านสะดวกซื้อที่ตั้งอยู่ไม่ไกล "ลุงพลคะ? เดี๋ยวเบสท์แวะไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อก่อนนะคะ"

"ครับ ได้ครับ" อดีตภารโรงเก่ายิ้มรับ ก่อนหันกลับมาตรวจสภาพเครื่องยนต์รถของครูเบสท์ในส่วนอื่น ๆ ต่อ แต่ก็ยังไม่วายแอบหันไปมองครูเบสท์เดินเข้าร้านสะดวกซื้อ

ครูเบสท์ดูเป็นสาวเรียบร้อย แต่ความรู้สึกของลุงพลรู้สึกว่าอาจารย์สาวคนนี้แอบซ่อนรูป และมั่นใจได้ว่าภัคจิราคนสวยจะต้องเด็ดดวงไม่แพ้เจ้าหญิงน้ำแข็งอย่างพลอยพรรณแน่นอน

พอครูเบสท์หายเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ ลุงพลก็หยิบสมาร์ทโฟนของตัวเองขึ้นมาเปิดโหมดไฟฉายเครื่องยนต์กระโปรงหน้ารถของครูเบสท์ โดยเฉพาะตรงหม้อน้ำที่ยังมีควันลอยโขม่งอยู่ ทำให้ลุงพลคิดว่าบางทีหม้อน้ำอาจจะแห้งก็เป็นได้

"มาแล้วค่ะ!!" ครูเบสท์เดินกลับมาพร้อมถุงพลาสติก ภายในมีน้ำเปล่าและน้ำอัดลมที่อาจารย์สาวตั้งใจซื้อมาฝากให้ลุงพล พระเอกจำเป็นในค่ำคืนนี้ "เป็นยังไงบ้างคะลุง? มีความคืบหน้าบ้างไหม?"

"ผมคิดว่าหม้อน้ำแห้งแน่ ๆ ครับ" อดีตภารโรงตอบ "ต้องรอสักพักให้เครื่องยนต์มันเย็นก่อนละครับ"

"อีกนานไหมละคะลุง?" พอได้ยินแบบนี้ อาจารย์สาวก็รู้สึกไม่สบายใจ เพราะนี่ก็เริ่มดึกมากแล้ว เธออยากกลับบ้าน

"สักครึ่งชัวโมงน่ะครับครู" ลุงพลตอบ "ต้องรอให้เครื่องยนต์มันเย็นกว่านี้ แล้วเดี๋ยวผมถึงจะเปิดฝาหม้อน้ำเช็คได้ ว่าแต่ครูมีผ้าที่ไม่ใช้แล้ว หรือน้ำเปล่าสักขวดสองขวดไหมครับ?"

"ผ้ามีค่ะ แต่น้ำ อาจจะต้องกลับไปซื้อที่ร้านสะดวกซื้อแหะ" ภัคจิราหันกลับไปที่ร้านสะดวกซื้อ

"ไม่เป็นไรครับ!!!" ลุงพลเหลือบไปเห็นน้ำเปล่าที่ครูเบสท์ซื้อมาในถุง "น้ำเปล่าที่ครูเบสท์ซื้อมาก็น่าจะใช้ได้อยู่ เดี๋ยวผมขอผ้าขนหนูด้วยครับครู"

"ค่ะ ได้ค่ะ" สักพักครูเบสท์กดสวิตซ์ปลดล็อคประตูรถ แล้วเปิดประตูรถเบาะหน้าหยิบผ้าขนหนูเก่า ๆ มาให้ลุงพลเพื่อใช้ในการเปิดฝาหม้อน้ำ

ระหว่างที่รอให้เครื่องยนต์มันเย็นลงกว่านี้สักพัก ครูเบสท์ก็แกะฝาน้ำอัดลมใส่หลอดยื่นให้ลุงพลที่กำลังง่วนอยู่กับการเช็คสภาพเครื่องยนต์

"ลุงพลคะ? ดื่มน้ำก่อนค่ะ" ครูเบสท์ถือขวดน้ำอัดลมที่เปิดฝาและใส่หลอดเตรียมไว้ให้ลุงพล

"ครับ ขอบคุณครับ" ลุงพลจะยื่นมือรับขวดน้ำอัดลม แต่ถูกครูเบสท์ปฏิเสธ

"ไม่คะ!!! ให้เบสท์ป้อนเนี่ยแหละ!!!" ภัคจิราค้อนใส่ "เบสท์ต้องรบกวนลุงมาก ๆ เลยอยากจะขอมีส่วนร่วมทำดีบ้างอะไรบ้างค่ะ"

"งั้นก็...ขอบคุณครับ" ลุงพลพยักหน้าขอบคุณ ก่อนดูดน้ำอัดลมที่ครูเบสท์ยื่นมาให้ ตาเฒ่าแอบชำเลืองมองอาจารย์สาวด้วยสายตาเจ้าชู้ อีกภัคจิรารู้สึกได้

"เอ่อ...มองเบสท์แบบนั้น?" อาจารย์สาวเอ่ยปากถามด้วยความสงสัย "มีอะไรติดหน้าเบสท์เหรอคะ?"

"เปล่าครับ ไม่มีอะไร" พอดื่มน้ำอัดลมแก้กระหาย ลุงพลก็กลับไปหยิบผ้าขนหนูที่วางไว้ขอบกระโปรงรถเปิดฝาหม้อน้ำ "โอ้โห!!! แห้งสนิทเลยครับ!!!"

"งั้นต้องเติมน้ำใช่ไหมคะลุง?" ภัคจิราถามด้วยความไม่รู้

"ใช่ครับ" ลุงพลหันมายิ้มให้อาจารย์สาว "น้ำอาจจะไม่พอแหะ ผมอาจจะต้องการน้ำเพิ่มอีก ของสักสองลิตรน่ะครับครู"

"ได้ค่ะ เดี๋ยวเบสท์ไปซื้อให้นะคะ" ภัคจิราเตรียมเดินกลับไปที่ร้านสะดวกซื้ออีกรอบ

"เดี๋ยวผมไปเองก็ได้ครับ เกรงใจครู" ช่างซ่อมรถจำเป็นรู้สึกเกรงใจครูเบสท์ ก็เลยขอเสนอไปซื้อน้ำเอง แต่ว่า...

"ไม่เป็นไรหรอกค่ะลุงพล!!" อาจารย์สาวปฏิเสธ "บอกแล้วไงว่าให้เบสท์มีส่วนร่วมบ้าง!!! ลุงพลอยู่ตรงนี้ดีแล้วค่ะ อยากกินอะไรเพิ่มไหมคะ? เดี๋ยวเบสท์ซื้อมาให้?"

"ไม่แล้วครับครู" ลุงพลตอบ "ขอบคุณมากครับ"

แล้วครูเบสท์ก็เดินกลับไปที่ร้านสะดวกซื้อ เพื่อซื้อน้ำขวดใหญ่อีกสองลิตรกลับมา ตอนนี้ลุงพลก็เลยตรวจเช็คทั้งหม้อน้ำและถังพักน้ำ ก็พบว่ามันแห้งเหมือนกันหมด

"น้ำมาแล้วค่ะ!!!" ครูเบสท์เดินถือถุงพลาสติกใส่น้ำเปล่าสองขวดจำนวน 2 ลิตรกลับมา "โอ้ย!!!! ร้อน!!!!"

ลุงพลแอบยิ้มที่มุมปาก ครูเบสท์นี่ดูเป็นลูกคุณหนูไม่ต่างจากหมอพลอยเลยแม้แต่น้อย รออีกสักพัก ลุงพลเลยเติมน้ำใส่หม้อน้ำและถังพักน้ำ โดยขอให้ครูเบสท์กลับไปสตาร์ทรถอีกรอบ

ภัคจิราทำตามช่างยนต์อย่างเชื่อฟัง ระหว่างที่สตาร์ทรถ เธอเปิดกระเป๋าสะพายหยิบเอาพัดลมพกพากลับออกมาด้วย

"เป็นยังไงบ้างคะลุง?" ครูเบสท์เอ่ยปากถามลุงพลที่กำลังเติมน้ำใส่หม้อน้ำ

"หม้อน้ำกับถังพักน้ำมันแห้งครับครู ผมต้องค่อย ๆ เติมน้ำเข้าไปเรื่อย ๆ จนกว่ามันจะคงที่ ไม่ระเหยออกมา" ลุงพลตอบ ก่อนที่ครูเบสท์จะถือพัดลมพกพาพัดความเย็นให้ลุงพล "ขอบคุณครับ แต่ผมไม่เป็นไรหรอก ผมว่าครูร้อนมากกว่าผมนะ?"

"แหมม...ลุงก็!!!" ภัคจิราแอบยิ้ม ใบหน้าของเธอชุ่มไปด้วยเหงื่อ "งั้นเบสท์ไม่เกรงใจแล้วนะคะ"

ลุงพลหันกลับไปรินน้ำใส่หม้อน้ำรถของครูเบสท์ต่อ ลึก ๆ แกก็แอบขำในความไร้เดียงสาของครูเบสท์ พลางนึกถึงเหตุการณ์สมัยที่แกเคยล่อลวงโดนัท และนิมิตรภาพความฝันที่เป็นลางบอกเหตุว่าอีกไม่นานครูเบสท์จะต้องตาย แกเลยคิดว่าจะฉวยโอกาสนี้พิชิตความสาวของครูเบสท์ดีหรือไม่?

"ยังไม่ใช่ตอนนี้ ยังก่อน..." มนุษย์ลุงจอมเจ้าเล่ห์บอกกับตัวเอง แกจำเป็นต้องสร้างความใกล้ชิดและความไว้ใจให้ครูเบสท์ก่อน แล้วค่อย ๆ เขยิบเข้าไปให้ใกล้ตัวครูเบสท์มากขึ้นกว่านี้ ก่อนที่จะจัดการขั้นเด็ดขาด

เวลาผ่านไปเกือบสี่สิบนาที ในที่สุดรถของครูเบสท์ก็กลับมาใช้งานได้ตามปกติสักที

"เฮ้อ!!! ได้กลับบ้านสักที!!!!" ครูเบสท์ปรบมือให้ลุงพลที่เปิดประตูเบาะหน้ารถออกมาหลังจากตรวจเช็คสภาพเครื่องยนต์ครั้งสุดท้ายเสร็จแล้ว ก่อนที่จะหยิบแบงค์พันจำนวนสองใบให้ช่างซ่อมรถจำเป็นในค่ำคืนนี้ "นี่คะลุงพล สินน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ จากเบสท์นะคะ"

"โห!!! เยอะไปครับ!!! ผมคงรับไม่ได้หรอกครับครู รับไม่ได้จริง ๆ" ลุงพลปฏิเสธอย่างสุภาพ "เพราะผมได้รับน้ำใจจากน้ำดื่มที่ครูเบสท์ซื้อมาให้แล้วครับ"

"อย่าดื้อซิคะลุงพล!!!" ภัคจิราเห็นน่ารักแบบนี้ แต่เธอเองก็แอบตื้อไม่เลิก หญิงสาวถือวิสาสะจับมือลุงพลทีมีอายุมากกว่าพ่อของเธอหลายปีอย่างไม่รังเกียจ เพื่อวางเงินสองพันให้ลุงพลเป็นสินน้ำใจ "เบสท์บอกให้รับไปไงคะ!!!"

"ผมรับไม่ได้จริง ๆ ครับครู!!!" ลุงพลพยายามปฏิเสธ ก่อนพยายามคืนเงินกลับให้ครูเบสท์ที่ยังปฏิเสธ "ผมไหว้ละครับ!!!"

"ไม่ได้ค่ะ!!!" ครูเบสท์เริ่มทำหน้าดุ "ถ้าลุงพลคืน เบสท์จะไม่คุยกับลุงแล้วนะคะ!!"

...ตายแล้ว ชั้นพูดอะไรออกมา? ภัคจิราทำหน้าเหลอหลาด้วยความตกใจ ลุงพลเองก็ไม่ต่างกัน ตาเฒ่าจอมเจ้าเล่ห์แปลกใจไม่น้อย ที่เห็นครูเบสท์ที่ปกติดูน่ารักอ่อนหวาน จะออกลูกดื้อได้ถึงขนาดนี้

"ผมรับไม่ได้จริง ๆ ครับครู" ลุงพลยังคงพยายามขอคืนเงินสองพันให้ครูเบสท์ "มันเยอะไปครับ ผมรับไม่ได้จริง ๆ ผมขอคืนนะครับ!!"

"เบสท์เต็มใจค่ะลุง..." ภัคจิรายิ้ม "รับไปเถอะค่ะ ถ้าไม่รับเงินนี้ไป เบสท์จะไม่ไปอุดหนุนร้านน้ำเต้าหู้ของลุงอีกแล้วนะคะ!!!"

"อืม..." เห็นน่ารักแบบนี้ ดื้อเอาเรื่องเหมือนกันนะเนี่ย ครูเบสท์

"เอางี้ไหมครับ? ถือว่าเป็นข้อแลกเปลี่ยน" ลุงพลยื่นข้อเสนอ "ผมจะถือว่านี่เป็นค่าน้ำเต้าหู้ร้านผม ถ้าครูเบสท์มาอุดหนุนน้ำเต้าหู้ร้านผมวันหลัง ครูเบสท์ไม่ต้องจ่ายเงินอีก ตกลงไหมครับ?"

"อืม..." ภัคจิราครุ่นคิดอยู่สักพัก "ลุงพล ลุงนี่เป็นคนดีกว่าที่เบสท์คิดนะคะ เอางั้นก็ได้ ถือว่าแฟร์ ๆ กันทั้งสองฝ่าย ดีลค่ะ!!"

"เอ่อ? ดีลคืออะไรครับ?" คนขายน้ำเต้าหู้ถึงกับงงในงง มาดงมาดีลอะไร แกไม่รู้เรื่อง

"อ้อ!!! ภาษาอังกฤษน่ะคะลุง!!!" อาจารย์พยาบาลสาวใช้มือสางปอยผมที่พัดจากลม "ดีล (Deal) แปลว่าการทำข้อตกลงทางธุรกิจน่ะคะ อธิบายยาวไป เอาเป็นว่าตกลงค่ะลุง จะได้สบายใจทั้งสองฝ่าย ก็นับค่าน้ำเต้าหู้ที่เบสท์ไปอุดหนุนร้านลุงไว้แล้วกันนะคะ ถ้าครบสองพันเมื่อไร เบสท์จะจ่ายด้วยเงินปกติแทน"

"ครับ ได้ครับ" ลุงพลยิ้ม ก่อนที่ครูเบสท์จะขอตัวขับรถกลับบ้าน

ลุงพลยืนมองไฟท้ายรถยนต์ของครูเบสท์ที่แล่นออกไปพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปาก แกหยิบเงินสองพันที่ครูเบสท์ให้มา ด้วยความตั้งใจว่าจะใช้เงินนี้ไปทำบุญแทนที่จะเอามาใช้สอย เพราะแกไม่ได้เดือดร้อนอะไร

...ครูเบสท์นี่น่ารักทั้งกายและใจเลยนะ ลุงพลคิด พอคิดว่าเธอจะต้องพบกับชะตากรรมที่โหดร้ายแบบนั้น บางครั้งคนอย่างลุงพลก็อดสงสารไม่ได้เหมือนกัน หรือว่าพรุ่งนี้เช้าแกจะเดินเข้าไปหาครูเบสท์แล้วเตือนเจ้าตัวว่าอย่าเดินทางไปเรียนต่อที่อเมริกาดี? ครูเบสท์จะฟังคนอย่างแกเหรอวะไอ้พล?

............................................

ในคืนนั้น หลังจากที่ลุงพลช่วยซ่อมรถให้ครูเบสท์ ลุงพลได้กลับไปที่บ้านอาบน้ำและเข้านอน แกได้ฝันเห็นอดีตชาติอีกครั้ง และคราวนี้ เป็นเรื่องราวของพลอยพรรณรายและภัคจิราวดี

"ท่านพี่พลอยพรรณราย!!! เหตุใดท่านถึงได้ไปกล่าวทำเท็จต่อท่านท้าวชุมพลศักดา!!!" ภัคจิราวดีผู้เป็นน้องเดินตามหลังพลอยพรรณรายผู้เป็นพี่เข้าไปในวิหารแห่งหนึ่ง

"มันเรื่องของข้า!!" พลอยพรรณรายตอบอย่างไม่ยีหระ "ท่านท้าวหน้าโง่อยากมาหลงใหลในเสน่ห์ของข้า ช่วยไม่ได้ดอกหนา"

ธิดาองค์โตแห่งเทพตุลาการสวรรค์ยิ้มอย่างพึงพอใจในความงดงามของตน พลอยพรรณรายคือเทพธิดาแห่งสรวลสวรรค์ผู้เพรียบพร้อมไปด้วยสติปัญญา ความงาม รวมไปถึงความหยิ่งผยอง

"ท่านพี่?" ภัคจิราวดีร่นคิ้วราวกับไม่อยากเชื่อสายตา "ท่านรู้ฤาไม่ว่าการกระทำของท่าน อาจทำให้แดนสวรรค์ของเราต้องเปิดฉากสงครามกับแดนปีศาจ"

"แล้วจะทำไม?" พลอยพรรณรายกล่าวอย่างไม่สะทกสะท้าน "เดี๋ยวท่านท้าวชุมพลศักดาผู้เป็นจอมทัพสวรรค์ก็จักพิชิตศึกครานี้ได้ เจ้าอย่าได้กังวลไปเลย ภัคจิราวดี"

"แล้วท่านจะทำอย่างไรกับท่านท้าวชุมพลศักดา?" ภัคจิราวดีผู้เป็นน้องเอ่ยปากถาม "ท่านท้าวมีชื่อนั่งรออยู่นอกวิหารในสภาพอิดโรย ท่านจักใจไม้ไส้ระกำไม่ออกไปดูดำดูดีท่านท้าวหน่อยฤา?'

"บอกไปว่าข้าไม่อยู่" พลอยพรรณรายตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน "ข้าไปหาท่านพ่อ"

พอเอื้อนเอ่ยวาจาเสร็จ พลอยพรรณรายก็เดินจากไป ปล่อยให้ภัคจิราวดียืนนิ่งอยู่ภายในวิหารโบราณอยู่เพียงผู้เดียว ธิดาองค์รองแห่งองค์ตุลาการสวรรค์รู้สึกไม่สบายใจเลยแม้แต่น้อย กับการกระทำของพี่สาวของตน

"ท่านพี่? ท่านจักทำให้แดนสวรรค์ของเราต้องลุกเป็นไฟเพราะสงคราม" ภัคจิราวดีส่ายหน้า ก่อนเดินจากไป

"สองพี่น้องคู่นี้ดูแล้วไม่ค่อยถูกกันเท่าไรนะ?" ลุงพลแสดงความคิดเห็น ในขณะที่กำลังยืนดูเหตุการณ์ทั้งหมด ก่อนที่ภาพนิมิตแห่งความฝันจะถูกตัดไปเป็นภาพหน้าวิหารโบราณแห่งนั้น

ท่านท้าวชุมพลศักดานั่งพักในสภาพที่เต็มไปด้วยบาดแผล จากการตะลุยแดนปีศาจเพื่อนำหีบบรรจุสมบัติกลับคืนมา ระหว่างที่นั่งพักอยู่นั้น ภัคจิราวดี บุตรีคนรองแห่งองค์ตุลาการสวรรค์ได้ปรากฏตัวขึ้นมาในชุดขอมโบราณ

"ภัคจิราวดี?" ท่านท้าวมีชื่อเอ่ยปากเรียกน้องสาวคนรองของพลอยพรรณราย "มีอะไรให้ข้ารับใช้ฤา?"

"ไม่มีดอกท่านท้าว" ภัคจิราวดียิ้ม ก่อนยื่นขันทองที่บรรจุน้ำทิพย์ช่วยสมานแผลให้ท่านท้าวมีชื่อได้ดื่ม "ท่านดื่มน้ำทิพย์นี่เถิด..."

"ขอบน้ำใจท่านมาก" ท่านท้าวชุมพลศักดารับขันทองจากมือของภัคจิราวดี ในจังหวะที่รับขัน มือของท่านท้าวมีชื่อก็สัมผัสกับมือของธิดาองค์ของแห่งองค์ตุลาการสวรรค์

ภัคจิราวดีแอบยิ้มที่มุมปาก ในขณะที่ท่านท้าวมีชื่อกำลังดื่มน้ำทิพย์จากสวรรค์อย่างเอร็ดอร่อย

"สดชื่นเหลือเกิน!!! พละกำลังของข้ากลับมาแล้ว!!! ข้าพร้อมแล้วที่จะออกรบกับกองทัพปีศาจอีกครา!!!" จอมทัพสวรรค์ดูสดชื่นมากขึ้น บาดแผลตามตัวเริ่มจางหายทีละนิด "ขอบน้ำใจท่านมาก ท่านหญิงภัคจิราวดี"

"ท่านท้าวชุมพลศักดา ท่านต้องขอบน้ำใจพี่สาวข้า มิใช่ข้าดอก..." ภัคจิราวดีตอบด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ

"ท่านหญิงพลอยพรรณราย!!!" ท่านท้าวมีชื่อยิ้มอย่างมีความสุข เมื่อรู้ว่าน้ำทิพย์ที่ได้ดื่มสมานแผลและแก้กระหายถูกส่งมาโดยแม่หญิงพลอยพรรณรายผู้เป็นยอดดวงใจ

แน่นอน ลุงพลเห็นภาพเหตุการณ์ทั้งหมด น้ำทิพย์ที่ท่านท้าวมีชื่อ อดีตชาติของตนได้ดื่มนั้น เป็นน้ำทิพย์ที่ภัคจิราวดีนำมามอบให้ด้วยตัวเองต่างหาก แต่นางเลือกที่จะปิดบังความจริง

"ภัคจิราวดี ไม่ซิ ครูเบสท์..." ลุงพลเห็นภัคจิราวดีที่เหมือนจะทำหน้าเศร้าสร้อย กับการที่ตนเองไม่สามารถบอกความรู้สึกที่แท้จริงให้จอมทัพสวรรค์รับรู้ได้ ว่าตนเองก็มีใจรักท่านท้าวมีชื่อเช่นเดียวกัน



การที่ต้องแอบรักผู้ชายคนเดียวกับพี่สาว มันเป็นเรื่องที่ทรมานหัวใจเหลือเกิน? ท่านคิดเห็นเป็นเช่นไร? ท่านท้าวชุมพลศักดา

"เอ๋?" ลุงพลตกใจมาก เพราะอยู่ดี ๆ ภัคจิราวดีก็หันมามองลุงแกด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย "ครูเบสท์เห็นผมด้วยเหรอ?"

"ท่านท้าว..." ภัคจิราวดีเอ่ยปากทั้งน้ำตา "ถ้าหากข้าจะขออะไรจากท่านสักอย่าง ท่านจักทำให้ข้าได้ฤาไม่?"

"ทำอะไรครับ? ครูเบสท์จะขอให้ผมทำอะไรให้ครับ?" ลุงพลถามภัคจิราวดี แต่แกก็ดันเรียกชื่อของธิดาองค์รองแห่งองค์ตุลาการสวรรค์ด้วยชื่อชาติภพปัจจุบัน

"ท่านจักหยุดทุกอย่างที่น้องสาวของข้าคนใดคนหนึ่ง หรืออาจจะเป็นท่านพี่พลอยพรรณรายในชาติภพปัจจุบันได้หรือไม่?" ภัคจิราวดียื่นข้อเสนอ "ข้าจักยอมเสียสละตัวเอง แบกรับกรรมของพี่น้องข้าทั้งหมด เพื่อให้พี่สาวของข้า และน้องสาวของข้าที่เหลือได้ใช้ชีวิตบนโลกมนุษย์ เพื่อสะสมบุญบารมีต่อไป จนกว่าจะถึงเวลาที่พวกนางจะสิ้นอายุขัย..."

"ทำไมครูเบสท์ถึงพูดแบบนี้ละครับ?" ลุงพลถาม "ผมรู้ว่าครูเบสท์คงอยากเสียสละ แต่การทำแบบนี้ ครูเบสท์จะต้องตายนะครับ"

"ท่านท้าว ท่านมิรู้ดอกว่าท่านจะต้องเจอกับอะไร หากท่านยังไม่หยุดกรรมนี้..." และแล้วน้ำตาของภัคจิราวดีก็กลายเป็นสายเลือด "ข้ารักท่าน ข้ามิอยากเห็นท่านต้องพบกับชะตากรรมที่แสนโหดร้าย..."

พอได้ยินในสิ่งที่ภัคจิราวดีพูด ลุงพลก็คิดได้ว่าองค์ตุลาการสวรรค์เคยให้ตนเองเห็นนิมิตรภาพความฝันถึงวาระสุดท้ายของตนเองมาแล้ว แต่แล้วยังไงละ คนอย่างแกทนไม่ได้ที่ต้องเห็นภัคจิราวดีหรือครูเบสท์ต้องมาเสียสละอยู่คนเดียว



(ลุงพล ชุมพล เทพเมืองแมน อาชีพ คนขายน้ำเต้าหู้)

"ครูเบสท์ครับ..." ลุงพลเดินเข้าไปหาภัคจิราวดี ในระหว่างที่เดินเข้าไป ชุดเครื่องแบบนักการภารโรงของแกก็เกิดประกายแสงอย่างน่าอัศจรรย์

"ท่านท้าว?" ภัคจิราวดีพยายามเอื้อนเอ่ยวาจาห้ามไม่ให้ลุงพลที่ตอนนี้สวมใสชุดนักรบโบราณเดินเข้ามา "อย่าเข้ามาใกล้ข้าโดยเด็ดขาด!!!"

"ทำไมเล่า ภัคจิราวดี?" ลุงพลที่ตอนนี้ได้กลายเป็นท่านท้าวชุมพลศักดา ได้เอื้อนเอ่ยวาจากถามธิดาองค์รองแห่งองค์ตุลาการสวรรค์ด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย "ข้ามิอาจปล่อยให้เจ้าต้องพบกับชะตากรรมที่โหดร้ายเช่นนั้นได้ ข้ายินยอมให้คนทั้งโลกมองข้าว่าเป็นคนมักมากในกาม มากรักหลายใจ แต่จักไม่มีวันย่อมปล่อยให้เจ้า ภัคจิราวดี ผู้มีใจรักในตัวข้ามาตั้งแต่อดีตชาติต้องพบกับชะตากรรมเช่นนั้น มาเถิด เข้ามาหาข้า..."

"ท่านท้าว..." ภัคจิราวดีเอ่ยปากทั้งน้ำตา "ข้ามิอาจผิดคำสัญญากับพี่สาวของข้าได้หรอกหนา...ท่านไม่รู้หรอกว่าพี่สาวของข้าเวลาโกรธเกรี้ยวนั้นน่ากลัวสักเพียงใด"

"ก็ช่างนางปะไร" ในที่สุด ท่านท้าวชุมพลศักดาก็ได้โอบกอดภัคจิราวดี "ข้าจักพูดกับนางเอง"

ภัคจิราวดีสงบนิ่งภายใต้อ้อมกอดของท่านท้าวชุมพลศักดา ในที่สุดความรักที่ต้องเก็บซ้อนไว้ก็ถูกเปิดเผยสักที เพียงแต่....

มันคือจุดเริ่มต้นครั้งใหม่ พลอยพรรณราย แม้นนางมิได้สนใจไยดีท่านท้าวมีชื่อนัก แต่นี่เรื่องของศักดิ์ศรีและเรื่องของหัวใจ สงครามระหว่างพี่น้องกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว

............................................

ในวันรุ่งขึ้น ลุงพลกลับมาเปิดร้านขายน้ำเต้าหู้ตามปกติ ระหว่างที่นั่งว่าง แกก็นั่งคิดถึงภาพเหตุการณ์เมื่อวาน และภาพนิมิตความฝันที่เกิดขึ้น ดูเหมือนว่าตัวแกเองคงหลีกหนีไม่พ้นชะตากรรมที่ได้ถูกกำหนดไว้แล้ว

"ลุงพลคะ?" ภัคจิราในชุดเดรส ปรากฏตัวขึ้นมาหน้าร้านของลุงพล "น้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋ชุดนึงค่ะ เบสท์จะไปกินที่ห้องทำงาน"

"ได้ครับ" ลุงพลยิ้มหวาน ก่อนหันกลับไปจัดน้ำเต้าหู้และปาท่องโก๋ให้ลูกค้ากิตติมศักดิ์

"ขอบคุณนะคะ สำหรับเรื่องเมื่อวาน" ภัคจิราเอ่ยปากขึ้นมา

"ไม่เป็นหรอกครับ" ลุงพลคนขายน้ำเต้าหู้ยื่นถุงน้ำเต้าหู้และปาท่องโก๋ให้อาจารย์สาวคนสวย "นี่ครับ"

"สามสิบบาทใช่ไหมคะ?" ครูเบสท์ควักแบงค์ยี่สิบและเหรียญสิบให้ลุงพล "นี่ค่ะ"

"ไม่เป็นไรครับครู!!!" ลุงพลรีบปฏิเสธ "ก็เราตกลงกันแล้วไง!!"

"ก็เบสท์เปลี่ยนใจแล้วนิคะ" ครูเบสท์ตอบอย่างไม่ยี่หระ "รับไปนะคะ!!"

"ผมรับไม่ได้จริง ๆ ครับ!!" ลุงพลพยายามปฏิเสธ แต่สุดท้ายก็ถูกครูเบสท์จับมือวางเงินเอาไว้บนมือของเจ้าของร้านจนได้

"ไม่ได้ค่ะ!!!" ภัคจิราทำหน้าดุ "ของซื้อของขาย..."

อะไรมันจะดื้อขนาดนี้เนี่ย ครูเบสท์ ลุงพลคิด แต่ว่า

"ลุงพล? เบสท์?" อยู่ดี ๆ พลอยพรรณก็ปรากฏตัวขึ้นมา ในมือของเจ้าหญิงน้ำแข็งถือถุงใส่ข้าวกล่องที่เธอตั้งใจทำมาให้ลุงพลได้กินในมื้อเที่ยง เธอเห็นภาพเหตุการณ์ทั้งหมด ครูเบสท์และลุงพลจับมือถือแขนกัน "นี่มันอะไรกัน?"



(หมอพลอย พลอยพรรณ จารุศิริการกุล (อาชีพ แพทย์หญิงประจำห้องพยาบาล)


"หมอพลอย!!!" ลุงพลและครูเบสท์หันไปมองหมอพลอยที่ยืนอยู่ด้านหลังด้วยความตกใจ เรียกได้ว่าจังหวะนรกจริง ๆ เลยเชียว

พลอยพรรณดูไม่พอใจเป็นอย่างมาก ที่เห็นลุงพลที่สัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าจะเลิกเจ้าชู้ มาจับมือถือแขนครูเบสท์ขนาดนั้น เธอไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับผู้ชายคนไหนมาก่อน จะเรียกได้ว่าเธอกำลังหึงตาเฒ่าก็ว่าได้

...เมื่อท้องนภามิอาจมีดวงจันทราถึงสองดวง สงครามระหว่างพลอยพรรณรายและภัคจิราวดีกำลังจะเริ่มต้นแล้ว ใครกัน จะเป็นที่สุดในหัวใจของท่านท้าวชุมพลศักดา หรือในชาติภพปัจจุบันก็คือลุงพลคนขายน้ำเต้าหู้?


โปรดติดตามตอนต่อไป...

ตัวอย่างบางส่วนของตอนต่อไป เปิดหวอรอรัก ขอซ่อนนะ สำหรับคนที่อยากรู้สปอยด์หรือไม่ซีเรียสสปอยด์นะครับ ใครซีเรียส ปล่อยผ่านครับ 5555+