ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_ΜoNoTΩИ∑ ★★★

ครั้งหนึ่ง ณ.ร้านคาราโอเกะ Part4 ตอนที่ 42 ( ประสบการณ์ตรงของนายโมโนโทน )

เริ่มโดย ΜoNoTΩИ∑ ★★★, ธันวาคม 13, 2020, 09:08:18 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

ΜoNoTΩИ∑ ★★★

สวัสดีครับผม สวัสดีคร๊าบบบ

ก่อนอื่นเลย ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ

เมื่อวานน้ำมูกไหลเฉยเลย จามทั้งวันจนพี่เตยต้องเอายาให้กิน

ไม่เข้าใจว่ายาแก้ผ้า หรือยาสลบครับ หลับเลย

ยินดีต้อนรับสมาชิกร้านเกะท่านใหม่ๆด้วย

แล้วก็ขอบคุณสำหรับลูกค้าผู้ที่มาเยี่ยมร้านเกะตั้งแต่ตอนที่ 1 จนถึงปัจจุบัน

รู้สึกขอบคุณมากๆเลยคร๊าบบบบบบ ขอบคุณทุกคอมเมนต์จริงๆครับ  ผมอ่านทุกตอมเมนต์นะครับ สั้นยาวผมก็อ่านหมด

และขอบคุณที่คอมเมนต์กันมาเยอะมาก

และขอบคุณทุก EDIT และแสดงความคิดเห็นเพิ่มหลังอ่านจบ  มันเป็นกำลังใจอย่างดี

อย่างที่บอกครับกระทู้นี้ Free STYLE คอมเมนต์อะไรก็ได้ครับ เพื่อจะอ่านเนื้อหาที่ซ่อนไว้

ไม่จำเป็นต้อง EDIT ไม่ต้องกลัวผิดกฎใดๆ แต่ระวังกระทู้อื่นๆ หมวดอื่นๆด้วยนะครับ

เราต้องทำตามกฎของบอร์ดและกระทู้นั้นๆนะครับ เพราะเวลา MOD ลงดาบก็เด็ดขาดมา





★★★★★★★★★★★



ปล. ช่วงเวลาในตอนนี้คือ ประมาณ 17.00 น. ของวันอาทิตย์ - ประมาณ 17.00 น. ของวันจันทร์ครับ



★★★★★★★★★★★



ปล.2 พี่พลอย สาวที่ครั้งหนึ่งผมเคยแอบชอบ ถึงจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆก็เถอะ หุ่นก็ประมาณนี้





★★★★★★★★★★★



เพื่อนๆพี่ๆน้องๆท่านใด ต้องการอ่านย้อนหลังสามารถเข้าที่กระทู้ รวม Link ของผมได้เลยครับ
แต่ว่า Link ต่างๆผมทำการซ่อนไว้ ใช้ 1 คอมเมนต์เพื่อปลดเนื้อหาครับ


Click เพื่อวาร์ปได้เลย













★★★★★★★★★★★



ความเดิมตอนที่แล้ว




ผมโดนจับได้ครับเรื่องความสัมพันธ์ที่มันเกินเลยกับพี่หมิว

พี่เตยโกรธมาก ผมเองก็ต้องออกมาจากตรงนั้นแหละครับ

ทุกอย่างเหมือนจะดีขึ้นแต่ก็ไม่ ซึ่งในตอนที่ผมนั่งเอ๋ออยู่นั้น

หัวหน้าก็โทรมาแล้วบอกว่ากำลังหาคนไปทำงานที่ภาคเหนือ 1 อาทิตย์

ผมจึงไม่รอช้าครับอาสาด้วยตัวเอง และนั่งรถกลับกรุงเทพทันที

แต่ผมไม่ได้กลับหอนะ ผมไปหาแก้มก่อนเพราะเป็นห่วงเธอ

ซึ่งในตอนที่ผมรู้สึกแย่ รู้สึกผิด รู้สึกมืดมน ผมดีใจที่ผมยังมีพวกเธออยู่ครับ

วันต่อมาหลังจากที่รับงานเคสเร่งด่วนจากลูกพี่ ผมก็เดินทางทันทีเชียงใหม่

คือก็รู้แหละครับว่าผมต้องทำงานร่วมกับคนจากทีมอื่น

แต่ผมเองก็ไม่คิดนี่ครับว่าคนๆนั้นจะคือ " พี่พลอย "




★★★★★★★★★★★


ไดอารี่ของนายโทนตอนที่ 42 ภารกิจภาคเหนือ






ช่ายครับ ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าผมคือพี่พลอย ที่โผล่มาตอนงานสัมมนาที่ทะเล นี่ก็เดือนกว่าๆแล้วหลังจากสัมมนา ผมเองก็ไม่คิดว่าจะเจอเธอเหมือนกัน เฮ้ยนี่ผมพูดจริงๆนะ


สมัยนั้นนี่คือเจอกันยากโคตรๆ การติดต่อสื่อสาร ไม่ได้ง่ายเหมือนสมัยนี้ คิดดูดิ่ว่าขนาดผมกับสามสาวอยู่ห่างกันไม่ถึง 5 กิโลเมตร บทจะไม่ได้เจอกันก็เป็นอาทิตย์ๆ หลายอาทิตย์


แล้วนี่กับพี่พลอยอยู่คนละจังหวัดเลยมันจะไม่ยิ่งกว่าเหรอ อ่ะกลับมาต่อครับผมก็ทักทายพี่พลอยด้วยสีหน้ามึนๆเพราะไม่คิดว่าจะเจอพี่เขาเร็วขนาดนี้ ตามจริงคิดว่างานเลี้ยงบริษัทตอนปีใหม่


ก็คงอาจจะได้เจอกันอีก เฮ้อไวกว่าที่คิดแฮะ แต่ตอนนี้หน้าตาผมมันไม่รับแขกแฮะ ผมสวัสดีพี่พลอยแล้วก็นั่งลงเหมือนเดิม พี่พลอยก็เดินมาถามว่าเป็นอะไรเนี่ย แล้วพอเข้ามาใกล้ๆพี่พลอยก็มั่บ !!!


คว้าเข้าที่ปลายคางแล้วถามว่านี่ไปโดนอะไรมาอีก เป็นโรคอะไรเนี่ยเจอกันทีไรก็มีแต่แผลหึ๊ ผมก็ไม่รู้จะแก้ตัวยังไงเลยล่ะครับท่านผู้อ่าน แล้วทำไมพี่พลอยต้องดูอารมณ์เสียด้วยนะ



เขาปลดกระเป๋าของตัวเองออกและหยิบบางอย่างออกมา มันเป็นแป้งบัฟของเขาครับ ผมก็ถามเอามาทำไรเนี่ย เขาก็บอกให้ผมอยู่เฉยๆ และเปิดแป้งพัฟตลับนั้นทันที เขาหยิบอะไรไม่รู้ครับ


คือผมเดาว่าเป็นพลาสเตอร์นะ มาตัดๆแต่งๆและแปะที่แผลของผม และเริ่มใช้แป้งพัฟแตะๆๆๆ พอเสร็จแล้วเนี่ย เฮ้ยหายเลย คือมันไม่ได้หายหรอก แผลพึ่งเป็น แต่รอยนี่หายเลยครับ


เนียนกริบ โอ้ว อเมซิ่ง ยิ่งกว่า เดวิด คอปเปอร์ฟิล พี่พลอยบอกว่านี่เรากำลังจะไปพบกับลูกค้าร่วมธุรกิจที่มูลค่า 8 หลักนะ ทำไม ทำอะไรไม่เรียบร้อยเลยเนี่ย


เวนละกูโดนบ่นอีกละไงเฮ้อ ผมบอกอื้อๆๆรู้แล้ว พี่พลอยเธอกลับไปนั่งที่โซฟาอีกทีครับ ผมก็จับๆแตะๆที่แผลของตัวเอง และหันไปมองพี่พลอยที่ตอนนี้กำลังนั่งไขว่ห้างเท้าคางจ้องอยู่ ผมก็ลุกขึ้นแล้วก็ถอนหายใจเบาๆ เฮ้อ เมื่อก่อนไม่ใช่คนแบบนี้นี่หว่า แล้วไหงตอนนี้เป็นคนแบบนี้น้อ


ผมถอนหายใจแล้วลุกขึ้นมานั่งที่เดิมอีกครั้ง พร้อมกับหยิบ N72 ขึ้นมา ซึ่งหยิบขึ้นมาทำไมก็ไม่รู้นะเอาจริงๆ อาจจะเพราะมันชินมือล่ะมั้ง


[ พี่พลอย ]  :  โทน ทำอะไร ไหนคุณ ( ชื่อจริงหัวหน้า )  บอกว่าใช้BB รับส่งข้อมูลไง


[ ผม ]  :  BB ก็ส่วน BB สิ่ นี่ผมเอามือถือมาใช้มันจะอะไรนักหนาเนี่ย


เวรละผมเผลอพูดไม่ดีออกไปละ คือรู้เลยเพราะหน้าพี่พลอยดูเข้มขึ้นทันที ผมก็นั่งเหมือนเดิมนั่นแหละ เพราะไม่รู้ว่าพี่แกเป็นอะไร แล้วพี่พลอยก็พูดมาครับว่าตอนนี้เราเป็นตัวแทนบริษัทนะ

ภาพพจน์มันก็จำเป็นนะโทน พี่รู้ว่าโทนไม่ใช่พวกชอบอวด แต่การถือ BB บางทีมันก็ทำให้กลุ่มคนบางกลุ่มมองเราดูดีขึ้นนะ ผมฟังพี่พลอยแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ

เฮ้อนี่ผมต้องถือ BB ตลอดสิ่นะ แล้วผมก็เก็บมือถือครับ พี่พลอยบอกว่าให้ปิดเสียง ปิดเครื่องเลย ไม่งั้นเดี๋ยวเผลอหยิบอีก กลับถึงที่พักค่อยเปิด เออว่ะจริงด้วย


แบตผมจะหมดพอดี ยังไม่ได้ซื้อที่ชาร์จเลย แล้วก็แพงชิบหายเลยนะที่ชาร์จสมัยก่อน แต่ก่อนหน้านั้นผมต้องรายงานตัวก่อนว่ามาถึงแล้ว ผมเดินออกมาข้างนอกแล้วต่อสายหาดาวครับ


[ ดาว ]  :  นั่นแน่ะ คิดถึงดาวเหรอคะพี่โทน โทรมาเนี่ย


[ ผม ]  :  ไม่รู้สิ่ คิดว่าไงล่ะที่พี่โทรหา


[ ดาว ]  :  ไม่รู้ล่ะ แต่ดาวคิดไปแล้วว่าพี่คิดถึงดาวอ่ะ


[ ผม ]  :  จ้าๆๆคิดถึง อื้มพี่จะบอกว่าอาจจะโทรติดต่อลำบากนิดนึงนะ มือถือเครื่องนั้นแบตจะหมด


ผมก็ไม่รู้นะจะบอกทำไม เพราะก่อนกลับมาจากคอนโดแก้ม ผมก็บอกไปแล้ว แต่รู้มั้ยครับท่านผู้อ่านว่า ดาวตอบกลับมาว่าไง


พี่ไปทำงานนะดาวไม่กวนหรอก ผมก็แกล้งหยอดๆกลับไปว่าไม่คิดถึงกันมั่งเหรอเนี่ย ดาวบอกกลับมา คิดถึงสิ่ แต่งานก็คืองานนะพี่ ถ้ารู้สึกแย่เมื่อไรโทรมาหาดาวนะ ดาวเป็นห่วง


เอาจริงๆนะบางครั้งคำพูดง่ายๆสองคำ " เป็นห่วง " คำง่ายๆในวันที่แย่ๆ มันอาจจะดีกว่าคำสวยหรู เป็นไหนๆก็ได้จริงมะ แล้วผมก็บอกดาวว่าแค่นี้ก่อนนะ ดาวก็อื้อค่ะสู้ๆ


พี่พลอยเธอบอกกับผมนะว่า อีก 10 นาทีนะ อยากทำอะไรก่อนเปล่า ผมก็เงียบสิ่ครับพยายามนั่งนิ่งๆรวบรวมสมาธิ มันยากนะเนี่ยที่ต้องมาทำงาน ทั้งๆที่ยังมีเรื่องที่ยังค้างคาใจ เฮ้อออ


คงต้องทำใจและยอมรับให้ได้แหละครับ เพราะเรื่องทั้งหมดมันเกิดเพราะผมไม่ห้ามใจตัวเอง หลังจากที่ผมนั่งเงียบทำสมาธิอยู่ได้ซักพักพี่พลอยก็เรียกครับบอกว่า ป่ะได้เวลาละ ผมเดินไปพร้อมกับพี่พลอยเพื่อไปพบล่ามครับ กดดันยังไงก็ไม่รู้ว่ะ


ตอนแรกมันก็ไม่ได้กดดันนะเพราะมัวแต่คิดเรื่องพี่เตย แต่พอถึงเวลาจริงๆ พอดึงสติตัวเองให้มาโฟกัสงาน เอ๊า !!! นี่กูเป็นตัวแทนแผนกนี่หว่า เวนละไงความกดดันแม่งมาเฉ๊ย


[ ล่าม ]  :  เอ่อคุณโทนค่ะ สีหน้าไม่ดีเลยนะคะ

[ ผม ]  :  อ่อ ไม่เป็นไรครับขอเวลาปรับสติแปปครับ


ผมถอนหายใจ ฟู่วว ฟู่วว ฟู่ววว ออกมาเพื่อปรับอารมณ์ตัวเอง เอาวะลองดูซักตั้งละกัน นั่นไงลูกค้ามาแล้ว ลูกค้าท่านนี้ประเมินด้วยสายตาแล้ว น่าจะอายุราวๆ 35-40 แต่งตัวภูมิฐานมาก


ผมเองก็ต้องปรับตัวให้เหมาะสมที่จะขายงานให้ได้ ทันทีที่ลูกค้าท่านนี้เดินมา ล่ามก็แนะนำว่านี่คือคุณ เอ่อใช้ชื่อสมมติว่าอะไรดีกว่า - -  คุณเคย์แล้วกันครับพิมพ์ง่ายดี


ล่ามแนะนำว่านี่คือคุณเคย์ เป็นบลาๆๆๆ ( ตำแหน่งสูง ) เขามองพวกผมด้วยแววตานิ่งจนเดาอะไรไม่ได้เลยครับ เขาก้มหัวเล็กน้อยเหมือนเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของเขา


ผมกับพี่พลอยก็โค้งเคารพต่ำกว่าเขาเลยครับ มีคนเคยบอกผมครับว่าสำหรับคนญี่ปุ่นแล้ว การโค้งเคารพให้กับผู้ที่มีอายุมากกว่า เราต้องโค้งให้ต่ำกว่าเขา เพื่อแสดงความนอบน้อม


ผมกับพี่พลอยก็โค้งเคารพเกือบขนานพื้นเลยล่ะ เชื่อมะเขาชมว่าผมสองคน โค้งเคารพสวยงามมาก ก็นะถือว่าเป็นเรื่องที่โชคดีครับที่ผมสองคนได้พื้นฐานการทำความเคารพจากการเล่นยูโดมา


ผมก็ อะริกะโตะ โกไซมัซ และโค้งไปให้อีกที เขาชมอีกครับว่าสำเนียงใช้ได้เลย แหม่ จะไม่ดีได้ไงผมดู AV ถุ้ย !!!  ผมก็ได้ฝึกภาษามาจากการดูการ์ตูนญี่ปุ่นและยูโดนั่นแหละครับ


ฮาจิเมะ มัตเตะ อาวาเซเต บลาๆ ก็ได้ฝึกสำเนียงอะไรหลายๆอย่างแหละครับ ล่ามผมรู้สึกจะพูดไปครับ ว่าผมเป็นนักกีฬายูโด เลยพอจะเข้าใจวัฒนธรรมของญี่ปุ่นบ้าง


ฮนโตนิ ลูกค้าพูดคำนี้ออกมาครับ ซึ่งมันก็แปลว่า จริงเหรอ จริงดิ่ ประมาณนั้นแหละครับ อ่าส์ วิชาจากการ์ตูนล้วนๆ ผมยิ้มและโค้งหัวให้อีกทีราวกำลังตอบเขาครับ


ผมก็พูดกลับไปว่า จริงๆแล้วพลอยซัง ก็เล่นยูโดเหมือนกันครับ เล่นเก่งกว่าผมอีก ท่านก็ถามนะ ฮนโต๊ะ อ่าส์ถ้าใช้คำนี้แสดงว่าท่านเริ่มให้ความเป็นกันเองแล้วครับ


ฮนโตนิ ฟังดูเป็นทางการ ฮนโต๊ะ ก็ความหมายเดียวกันครับ จริงเหรอ แต่มันดูผ่อนคลาย ประมาณว่า จริงเด้ ครับ พี่พลอยก็ยิ้มๆ แล้วก็พูดว่าไม่ได้ลงแข่งแล้ว แต่ก็ออกกำลังกายอยู่ประจำค่ะ


หลังจากที่ล่ามแปล บลาๆ เรียบร้อยพวกเราก็เข้าไปที่ห้องประชุมครับ ซึ่งที่นั้นก็มีพวกคนตำแหน่งสูงๆกันอยู่แล้ว เอ้อแล้วทำไมต้องให้ผมมาด้วยวะเนี่ย ไม่เข้าใจ


ซึ่งระหว่างนั้นเองพี่พลอยก็ถามผมครับว่า เอ้อคราวก่อนที่เจอกันยังไม่ได้ถามเลยว่าตอนนี้สายอะไรเนี่ย เธอหมายถึงระดับ วิทยาฐานะ หรือ ลำดับสายของผมน่ะครับ


ผมก็บอกปลายดำ ( น้ำตาลปลายดำ )  พี่พลอยก็บอกโห !!! นี่คัดสายเมื่อไรเนี่ย พี่ไม่เห็นรู้เลย ผมก็บอกครับว่าไม่ได้คัดหรอก ติดทองแดงตอนแข่งกีฬามหา'ลัย เขาก็เลยมอบให้น่ะ


เอ่อ นิดนึงครับท่านผู้อ่านสำหรับนักยูโดแล้วการจะเลื่อนอันดับสายนั้นต้องมีการคัดสายครับ แต่ถ้าแข่งกีฬามหาวิทยาลัยแล้วติดเหรียญล่ะก็ ก็จะสามารถเลื่อนสายได้ 1 ขึ้นครับ


แต่จะนับตั้งแต่ เขียวไปฟ้า ฟ้าไปน้ำตาล น้ำตาลไปน้ำตาลปลายดำ ถ้านักกีฬาคนนั้นสายน้ำตาลปลายดำอยู่แล้วจะไม่มีการเลื่อนให้ครับ สายดำต้องสอบอย่างเดียวเท่านั้น อ่ะๆๆกลับมาต่อครับ


ผมบอกพี่พลอยว่าได้สายจากแข่งกีฬามหาวิทยาลัย แต่กับพี่พลอยเธอคัดสายมาครับ อยากจะบอกว่าพี่แกโหดนะ เล่นดี เล่นเก่ง ครบเครื่องเลยล่ะ อ่ะกลับมาทำงานต่อ ผมสองคนหยุดคุยกันและโฟกัสไปที่งานต่อครับ


ซึ่งคำของพี่แมนนี่ลอยมาเลยครับ ไม่มีอะไรที่พร้อมหรอกไอ้โทน ถ้ามึงรอให้พร้อม โอกาสก็จะวิ่งหนีไปแล้ว ผมจึงต้องทำตัวเองให้พร้อมตลอดเวลาเลยล่ะครับท่านผู้อ่าน


อะไรจดได้ก็จด อะไรจำได้ ผมก็จะจำ โดยสรุปแล้ว ลูกค้าญี่ปุ่นท่านนี้สนใจจะร่วมทำธุรกิจกับทางบริษัทที่ผมทำงานอยู่ครับ การที่ผมถูกส่งให้มาทำงาน เพราะต้องคุยกับเขาโดยตรง


ซึ่งเหมือนเป็นการส่งตัวแทนของแผนกเข้ามานั่นแหละครับ เพราะงี้แหละมั้งลูกพี่ถึงบอกว่าอยากได้คนที่ไว้ใจได้ ซึ่งผมก็ดีใจนะ ที่ผมเป็นคนที่พี่เขาไว้ใจ


ส่วนกับพี่พลอยนั้นถ้ายังจำได้จากซีรีย์ทะเล ลูกพี่ผมแนะนำว่าพี่พลอยเป็นลูกทีมของเพื่อนเขา ซึ่งทำงานเก่งมากๆ ใครไม่แน่จริงอยู่ทีมนี้ไม่ได้ แล้วการที่พี่พลอยถูกส่งมาจากทีมที่เก่งขนาดนั้น


ก็แสดงว่าพี่พลอยเองก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน ผมนั่งฟังทั้งภาษาอังกฤษ ไทย ญี่ปุ่น อยู่เกือบ 2 ชั่วโมงแล้วก็สรุปลงในสมุดส่วนตัว คุณเคย์ยังดูนิ่งเหมือนเดิมครับ เดาใจยากเลยล่ะ


ผมไม่สามารถคาดเดาอะไรได้เลยครับตอนนี้ ซึ่งหลังจากที่ประชุมย่อยกันเรียบร้อยแล้ว ทางหัวหน้าโปรเจคก็เดินมาแจกเอกสารให้พวกผม รบกวนลงชื่อ แผนก สังกัดให้เรียบร้อย


ผมก็เขียนแปปเดียวแหละครับแล้วก็ส่งไป คุณเคย์เขาเดินมาทักทายว่า พรุ่งนี้เจอกัน Judo Boy ผมก็ อาริกาโตะ โกไซมัซ โค้งหัวต่ำต่ออีกที เฮ้ออออ


ดูเหมือนว่าจะวันแรกจะผ่านไปแล้วนะครับ



คืนนี้เราพักที่โรงแรมโลตัสปางสวนแก้วครับ ลูกค้าท่านนี้ดูให้ความเป็นกันเองกับพวกเรามาก


มันจึงทำให้ผมต้องจำเอาไว้ว่าคนที่ท่าทีสบายๆแบบนี้แหละอันตรายมาก เพราะตามที่เจอมาบ่อยๆ คนตำแหน่งสูงๆแบบนี้นี่แหละ


เวลาทำงานโคตรเขี้ยวเลย อะไรผิดนิดหน่อยก็ไม่ได้ ต่องเป๊ะ ๆ ๆ  แต่ก็อย่างว่าครับ ธุรกิจมูลค่า 8 หลัก ใครจะทำเป็นเล่นๆ ผมเองก็ต้องจูนสมองตัวเอง


ต้องปรับอารมณ์ให้ได้ ถึงแม้ตอนนี้ใจผมแม่งจะหน่วงยิ่งกว่า Room39 ก็เถอะ พอคิดดูอีกทีมันก็ดีเหมือนกันนะครับ ที่ผมมาที่นี่


เพราะถ้ายังอยู่กรุงเทพฯตอนนี้ ผมก็คงนั่งจมอยู่กับคสามคิดว่าชีวิตจะเป็นยังไงต่อดี หลังจากที่ทานมื้อค่ำแล้ว พวกเราก็แยกย้าย


เก็บของเข้าห้องพักกันครับ ถามว่าผมอิ่มมั้ย บอกเลยว่าไม่อิ่ม มันเกร็งนะเห้ยบอกเลย ต้องยอมรับว่าผมในตอนอายุ 23 แม่งคิดเยอะมากๆ



ใครมันจะไม่เกร็งวะ ผมนี่นั่งร่วมโต๊ะกับเศรษฐีนะเว้ย คือคิดง่ายๆเลย เงินในบัญชีเขามีกี่แสน กี่ล้าน แล้วนึกถึงสมุดบัญชีตัวเอง มีแต่เลขศูนย์


เชื่อป่ะครับท่านผู้อ่านว่าผมทำงาน มาปีกว่าๆแล้ว ผมแทบไม่มีเงินเก็บเลย ใจอ่ะคิดว่าตัวเองประหยัดนะ แต่ไม่รู้ว่าจ่ายอะไรไปบ้าง พอจะกดเงินที มองเลขบัญชีแล้วก็ได่แต่ งง



ทำไมเงินเดือนเท่าเดิม แต่หนี้สินเพิ่มขึ้นวะ แต่ตอนนี้ผมคงต่องปรับปรุงการใช้เงินแล้วล่ะครับ ไม่งั้นเงินไม่พออพาสามสาวไปเที่ยวแน่ๆ


อ่ะกลับๆๆ ผมนั่งเกร็งเลยจริงตอนร่วมโต๊ะกับคุณเคย์ จริงอยู่ว่าผมเคยนั่งกินข้าวกับทั้งพี่แมนและพี่หมิว ซึ่งเขารวยแท้ๆแหละ


แต่ด้วยความเป็นกันเองและส่วนตัวผมก็คิดว่ายังไงซะพี่แมนก็ไม่ได้มีส่วน ไม่ได้มีเอี่ยวกับงาน หรือคำแหน่งงานของผม ผมจึงวางตัวสบายๆไง


แต่เอ่อตอนนี้ผมก็เรอ่มตะเกร็งนะ พอรู้ว่าพ่อของพี่แมนคือผู้ถือหุ้นของบริษัท ผมคงทำตัวแบบเดิมกับเขาไม่ได้แล้วมั้ง


ยิ่งกับพี่หมิวด้วย ผมก็คงต้องรู้ตัวแหละครับ ว่าต่อจากนี้ไปต้องทำยังไง อ่าหลังจากที่คุณล่าม ส่งกุญแจ คีย์การ์ด ให้ผมกับพี่พลอยแล้ว


ผมก็ขอตัวทันที เฮ้อ ผมคงต้องออกไปหาอะไรกินที่กาดสวนแก้วแล้วล่ะครับ เพราะอาการเกร็งบนโต๊ะอาหาร เลยทำให้ผมกินได้นิดเดียวเอง



แล้วเคยมั้ยครับ แบบว่ากำลังคิดอะไร บางอย่างแล้วสิ่งนั้นก็เกิดขึ้น ผมคิดอยู่ว่าจะโทรหาดาวดีมั้ย แล้วดาวก็โทรมาจริงๆเว้ย


[ ดาว ]  :  แน่ะ รับเร็วแบบนี้แสดงว่าว่างใช่มะ


[ ผม ]  :  อื้อ พึ่งเก็บของเสร็จ กินไรยังเนี่ยดาว


ดาวตอบว่าโชคดีจังที่โทรมาถูกเวลา ผมก็แซวไปว่าอื้อหือใจตรงกันเลย พี่ก็กำลังจะโทรหา แม่เสือดาวของทุกท่านตอบกลับมาครับว่า



คุยแต่กับพี่ดาว ไม่คิดถึงหนูบ้างเหรอคะคุณแฟน


หืม ทำไมอยู่ดีๆเป็นแก้มล่ะ หรืออยู่ด้วย ผมก็ถามว่าแข็งแรงดียัง แก้มก็บอกครับว่าอื้อหายไข้แล้ว


แต่ยังไม่แข็งแรง เนี่ยๆ เค้าไม่มีแรงเดินเลยเนี่ยคุณแฟนก็ไปทำงาน ไม่มาดูแลเลย อ๋อยยยย



ผมก็หืม ไม่มีแรงเดินจริงเหรอ สงสัยที่ตั้งใจจะพาไปถ่ายรูป คงต้องยกเลิกแน่ๆเลย


แก้มโวยวายเลยครับท่านผู้อ่าน บอกโอ๊ยอยู่ดีๆก็มีแรง ค่ะ แก้มถามว่าพี่โทนหม่ำอะไรยังเนี่ย ผมก็ยอกนะส่าอื้อกินแล้ว แก้มล่ะ


แก้มบอกครับว่ากำลังรอเจ๊มาเยี่ยมค่ะ ผมก็หืม เจ๊เหรอทแก้มบอกอื้อๆๆ พอพี่ดาวบอกว่าหนูหายไข้แล้ว เจ๊ก็จะเอาของมาเยี่ยมเลย


ผมก็อ๋ออื้มๆๆ ดีแล้วล่ะ ถ้าให้เจ๊มาตอนไข้ขึ้นสงสัยปวดหัวหน้าดู


[ แก้ม ]  :  เชอะ แซวเค้าเหรอคุณแฟนใจร้าย คราวหน้าโดนวางยาอีกแน่ ฮึ๊ ไปอาบน้ำแล้วโป้ง รีบทำงาน รีบกลับมาง้อเลยด้วย


เฮ้อ บทสนทนานี่ผ่านมากี่ปีก็ยังจำได้ครัย คือแบบแปลกๆนะ งอนก็บอกกันโต้งๆเลย แถมยังบอกให้กลับไปง้อด้วย


เอ้อก็ดีเหมือนกัน แฮะ แล้วมันไม่เครียดด้วยนะเพราะรู้ว่าไม่ได้โกรธหรืองอนจริงๆ แต่ผมว่าความน่ารักแบบนี้ โคตรจะเป็นสเน่ห์ของแก้มเลยล่ะ



แล้วเสียงที่คุยก็เปลี่ยนไปครับ เป็นเสียงเย็นๆชาๆเหมือนเดิม ก็เจ้าหญิงน้ำแข็งของ IPF แหละครับ


[ มิ้นต์ ]  :  ทำไรอยู่

[ ผม ]  : ก็คุยโทรศัพท์ไง

[ มิ้นต์ ]  :  ตอบดีๆได้ป่ะ รู้ว่ามิ้นต์ทำตัวไม่ดี แต่อย่ากวนได้ป่ะ


เอ๊า !!! ไปหมดแล้วครับนี่ผมไม่มีสิทธิ์งอนเลยรึนี่ เฮ้อ ผมบอกมิ้นต์ว่าก็ไม่ได้กวน มิ้นต์ก็พูดอีกว่าตกลงทำไรอยู่


ผมก็ตอบนะว่า พึ่งกินข้าวเสร็จนี่แหละ กำลังจะเก็บเสื้อผ้าครับ แล้วมิ้นต์ทำอะไรอยู่

" คุยโทรศัพท์ "


เฮ้อ เอาเข้าไป๊ !!! มิ้นต์พูดมาอีกครับว่า ถ้ากลับมาแล้วพาไปท้องฟ้าจำลองหน่อย ผมถามหืมไปทำไมท้องฟ้าจำลอง


อันที่จริงมันก็ไม่ได้ไกลเลยนะครับจากพระรามสาม แต่ผมก็สงสัยว่าไปทำไม มิ้นต์ตอบมาว่าจะไปซ้อมดูดาว



หือ !!! ได้เหรอวะแบบนี้ ผมก็เลยหยอดไปว่าแน่ะ อยากอยู่กับพี่ก็บอกเหอะ มิ้นต์บอกตลกละไม่ได้อยากอยู่หรอก แค่อยากซ้อมดูดาว


รีบกลับมาด้วยคิดถึง แค่นี้แหละ มิ้นต์พูดแคานั้นแล้วตัดสายเลยครัว ผมก็งงดิ่อะไรของเขา เบอร์เดอมก็โืรกลับมาครับ


ครั้งนี้เป็นดาว ดาวบ่นอ๊อย นังหนูคนนี้คิดจะวางก็วางอะไรก็ไม่รู้ ผมบอกดาวใจเย็นๆ ใจเย็นๆ แล้วดาวก็พูดขึ้นมาครับ


ว่า เมื่อกี้ที่แก้มบอกว่าวางยาหมายความว่าไง ผมก็กึ๋ย เหมือนงานจะเข้า ผมก็พยายามเปลี่ยนเรื่องนะ แต่ดาวก็พาเลี้ยวกลับมาที่เดิมตลอด


[ ดาว ]  :  หรือนังหนูแก้ม เอายาปลุกให้พี่กินใช่มั้ย !!!?


ผมเงียบเลยทีนี้ ดาวพูดครับว่านั่นไงใช่จริงๆด้วย นี่ทำจริงๆเหรอเนี่ย โอ๊ย ผมก็หื๊ม ทำไมดาวพูดทำจริงๆ ผมถามดาวว่าอะไรเหรอที่พูดมานั่น


ดาวบอกครับว่าแก้มเคยพูดว่าจะให้ผมกินยาปลุก ไม่คิดว่าจะให้กินจริง



[ ดาว ]  :  อ๋อ !!! ที่เป็นไข้เพราะจัดหนักใช่มั้ยพี่โทน


ผมก็บอกบ๊า !!! 2-3 ทีเอง ไม่ได้เยอะอะไรเลย ดาวก็พูดแหมๆ ขนาดใช้ยาปลุกยังทำแค่ 3


ดาวไม่เห็นต้องใช้ยาปลุกเลย ใช้ปากก็ปลุกได้แล้ว จริงมะคะ  อูยยย ฟังแล้วหำแข็งเลยคคับ แล้วดาวยังบอกอีกส่าถ้าเป็นดาวนะ


คงไม่จบแค่ 3 หรอก ผมก็พูดเล่นไปครับว่า แล้วจบที่เท่าไรล่ะ ดาวบอกว่าไงรู้มะ


" กลับมาก่อนสิ่ จะทำให้ดู "


อื้อหือ ตูนี่เตรียมรับศึกหนักเลยครับรีดเดอร์ เราคุยกันอีกไม่ถึงนาที ดาวก็บอกว่าเจ๊มาแล้ว แค่นี้ก่อนนะคะ ก่อนวางผมบอกอื้อๆ เบอร์นี้แบตจะหมดนะมีอะไรคุยใน BB นะครับ


แล้วเราก็วางสาย ผมก็จัดเสื้อผ้าต่อ แต่จะว่าจัดก็ไม่ใช่มั้งครับ เพราะผมก็แค่วางกระเป๋า และ หยิบพวกของใช้อาบน้ำออกมาแค่นั้นเอง


จริงอยู่ว่าโรงแรมมีให้อยู่แล้ว แต่มันไม่คุ้นไง ทั้งกลิ่นทั้งรส แต่มีสิ่งนึงที่ผมอยากจะถามโรงแรมคือ ซักผ้ายังไงให้มันนุ่มได้ขนาดนี้วะ


อื้อหือ ผ้าขนหนูนี่อย่างนุ่มเลย สีขาววิ๊งๆ นุ๊มนุ่ม ห๊อมหอม  เขาใช้น้ำยากี่ฝากันนะ อยากรู้จริงโว้ย แน่นอนแหละครับ ผมเข้าไปอาบน้ำ


โอย " BOND "  ไม่ได้เอามา น้ำหอมไม่ได้เอามาเฮ้อ อารมณ์เสียเฮียเซ็ง ผมอาบน้ำขัดๆถูๆ จนคิดว่าสะอาดเรียบร้อย เป้าหมายต่อไป คือกาดสวนแก้ว



ถามว่าผมรู้ทางมั้ย ก็ไม่ค่อยชำนาญครับ ผมก็นึกๆๆๆนะว่าจะไปได้ยังไงบ้าง ผมโทรหาเพื่อนครับ เป็นเพื่อนนักยูโดนี่แหละ


คนละโรงเรียนกัน แต่ก็มีเบอร์ไว้ติดต่อกัน ผมจำได้ว่ามันจบ มช และอยู่ทำงานที่นี่เลย คือสมัยนั้นมันไม่มี GooGle Map ครับ


หรืออาจจะมีแล้ว แต่ผมไม่รู้  ซึ่งคำตอบของมันที่บอกผมคือ " เดิน " มันบอกว่าไอ้ห่า อยู่ห่างกันไม่กี่ร้อยเมตร เดินเหอะ


ผมก็เอ๊า !!! เหรอวะ เมื่อกี้ไม่ได้สังเกตตเลยว่ามันใกล้ๆกัน ผมก็เสื้อยืด กางเกงยีนเลยครับ ลากอีแตะดีมั้ย ไม่เอาๆทเราต้องรักษาภาพลักษณ์


แล้วพอจะก้าวออกประตู ผมก็นึกขึ้นอีกว่า ใส่เสื้อยืดมันจะดีไหมวะ สุดท้ายผมก็เดินไปเปลี่ยนเสื้อโปโลครับ อ่าาส์


พอเดินออกมาหน้าโรงแรมอื้อหือ ใกล้กันแท้ๆกาดสวนแก้ว แค่นิดเดียวเองครับ เฮ้อรถทัวร์หลายคันเลย ทัวร์จีนล้วนๆ แล้วพอผมกำลังจะเดินไป


" รอด้วย "


เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมาอีกละครับ พอหันกลับไปอื้อหือพี่พลอย แต่งตัวมาผมนึกว่าพี่แก อยู่ลอนดอน เสื้อยืดสีชมพู มีเสื้อกันหนาวของนอก กางเกงก็เป็นแบบสกินนี่ตามสมัยฮิตช่วงนั้น


มีหมวกไหมพรมด้วยคือใครนึกสภาพไม่ออก ให้ลองนึกภาพ วี วิโอเลต ในเรื่อง O negative ตอนที่ไปตามบักอาร์ทที่ฝรั่งเศสครับ แนวๆนั้นเลย แต่แค่เสื้อผ้าไม่ได้หนาขนาดนั้น


เอ้อแต่จะว่าไปแล้ว อากาศก็เย็นนะ อื้อหือนี่ถ้ามากระเป๋าลากมานึกว่าพี่แกจะไปสนามบินจริงๆ แต่ก็ไม่ได้ดูเยอะจนน่าเกลียดนะ พี่พลอยเดินมาบอกรอด้วยดิ่จะไปไหน


ผมบอกครับว่าจะไปกาด พี่พลอยจะไปไหนเนี่ย เขาก็บอกว่าไปด้วยเกือบมาไม่ทัน ทำไมไม่เรียกเลย เอ่อ หรือเพราะผมจะชินกับการใช้ชีวิตคนเดียวก็ไม่รู้นะ ไปไหนมาไหนก็ไปคนเดียว


ไม่ได้เรียกหรือรอใคร คือเอาจริงๆเว้ยผมแม่งเบื่อกับการต้องรอคนจริงๆนะ นัดเที่ยงแม่งมาบ่าย เอ่ออันนี้พูดถึงเพื่อนนะไม่ได้พูดถึงใคร กึ๋ย ยืนมองตาเขม็งข้างหลังเลยครับ ลูกสาวเจ้าของหอพัก



อ่ะกลับมาต่อๆ ผมกับพี่พลอยเดินกาดด้วยกันครับ สวยนะ สวยมากเลย คือจริงๆแล้ว ชื่อเต็มคือ เซ็นทรัลกาดสวนแก้วครับ โอ้วพอมาถึงแล้วผมเข้าใจคำว่า " ต่อน ยอน ต๊ะ ต่อน ยอน " ในเดี่ยว 5 ของพี่โน้ตเลยครับ


คือทุกคนดูชิลล์ ดูเนิบๆสมกับเป็นชาวเหนือจริงๆแหละครับ ทุกคนแต่งตัวสวยมาก แม่ค้าบางคนก็แต่งชุดสาวเหนือมาขายของเลย ด้วยบรรยากาศลมเย็นๆที่พัดมาจากภูเขา ด้วยบรรยากาศที่ไม่เร่งรีบแบบนี้ มันทำให้ผมอิจฉาคนที่นี่จัง


เซ็นทรัลปิ่นเกล้าที่ผมคุ้นเคยก็ดูวุ่นวายเพราะมีวินรถตู้ข้างหน้า แล้วเซ็นปิ่นฯเนี่ยมันเป็นเหมือนอนุสาวรีย์ชัยย่อมๆเลยนะครับ คือเป็นจุดที่ใช่ต่อรถไปที่อื่นๆ คนจึงมารวมกันเยอะเลย


แล้วไหนจะเซ็นทรัลลาดพร้าวอีก อื้อหืออย่าให้พูดเลยคร๊าบ เพราะแบบนี้แหละครับภาพลักษณ์ชีวิตคนกรุงจึงดูวุ่นวายมาก แต่เนี่ยพอยืนอยู่หน้ากาดสวนแก้วแล้วทุกอย่างดูเนิบไปหมด


ทั้งๆที่คนก็เยอะนะ แล้วการตกแต่งตัวอาคารอีก ในตอนนั้นเขาตกตกด้วยการใช้วัสดุอะไรสักอย่างสานจนเป็นเหมือนหลังคา รูปแบบตามท้องถิ่นเลยครับ เป็นเอกลักษณ์แต้ๆ


ผมมองแล้วแบบเฮ้ยสวยอ่ะ แล้วไหนจะโคมไฟกระดาษสาที่แขวนห้อยระโยงรยางค์อีกล่ะ คือพูดยังไงดี ต่อให้อยู่กรุงเทพแล้วห้อยเหมือนกันสีเหมือนกัน ผมว่ายังไงก็สู้แยยดั้งเดิม สถานที่ดั้งเดิมไม่ได้จริงๆครับ


[ พี่พลอย ]  :  แล้วนี่จะมาทำอะไรเหรอ หืม


[ ผม ]  :  หาข้าวกินอ่ะดิ่เมื่อกี้ไม่ได้กินเลย เกร็งไปหมด



พี่พลอยก็หัวเราะแล้วบอกแหม เห็นนั่งหน้านิ่งนึกว่าไม่เป็นอะไร เกร็งอ่ะสิ่ท่า ผมก็บอกอื้อเกร็งดิ่ ผมบอกนะว่าจริงๆแล้ว ผมไม่น่าจะมาอยู่ตรงนี้เลย น่าจะให้คนเก่งๆมาแทนผม


พี่พลอยหยิกแขนแล้วบอกครับว่าถ้าไม่เก่งไม่ได้มาหรอก ผมก็บอกว่าก็ผมเสนอตัวมาเองนี่ครับ หัวหน้าก็เลยให้มา พี่พลอยก็พูดครับว่า แหม ทำยังกับไม่รู้ว่า ( ชื่อหัวหน้า ) เป็นคนยังไง


ถ้าไม่เก่งพี่( ชื่อหัวหน้า ) เขาจะให้มาเหรอ ที่เขาให้มาเพราะเขาเชื่อใจโทนเหอะว่าทำงานได้ เลิกคิดหยุมหยิมซักทีน่า ตอนทะเลยังดูเท่ส์ๆอยู่เลย นี่ไม่เจอกันไม่ถึงเดือนเป็นไรเนี่ย


เปลี่ยนอารมณ์ ปรับอารมณ์เร็วๆๆๆ ฮึ๊บๆๆๆ พี่พลอยพยายาม Build UP อารมณ์ของผมครับ ผมก็ฟูววว ถอนหายใจแล้วบอกอื้มๆๆ ไม่คิดมากละ พี่พลอยบอกดีมาก งั้นพาพี่ไปเลี้ยงสเวนเซ่นหน่อย ถือว่าเป็นค่า Build UP


[ ผม ]  :  หา !!! หาข้าวกินก่อนได้มั้ย

[ พลอย ]  :  ตามใจคนเลี้ยงเลยยยยยยย


เฮ้อปวดหัวเลยครับ ผมเดินเข้าไปในกาดสวนแก้ม คือทุกอย่างแปลกหูแปลกตาไปหมด คือบรรยากาศมันก็คุ้นๆนะไอ้การเดินห้างเนี่ย แต่ที่แปลกคือของที่ตกแต่งหน้าร้าน

ทั้งโคมล้านนาเอย โคมยี่เป็งเอย ตุงล้านนาเอย ร่มกระดาษเอย และสารพัดของที่ตอนนั้นผมไม่รู้จัก รูปแบบการตกแต่งก็ต่างไปจากกรุงเทพสิ้นเชิง ดูมีมนต์ขลัง และ original มาก


ผมนี่เดินหา ฟู๊ดคอร์ทเลยล่ะครับ เพราะอยากลองกินอาหารเหนือดู

ซาวบาทเจ้า

นี่คือราคาที่แม้ค้าในชุดท้องถิ่นพูดกับผมขณะที่ยื่นจานใส่แกงเหนือราดข้าวมาพูนจาน หือ 20 บาทเหรอ นี่คือคำถามในหัวของผมนะ ทำไมถูกจังทั้งๆที่ข้าวก็พูนจานแบบนี้


ถ้าเป็นที่กรุงเทพราดแกงอย่างเดียวก็คง 30 บาทแหละ พี่พลอยบอกผมครับว่าที่นี่น่ะ ( สมัยนั้น ) ค่าครองชีพไม่สูงมาก ผมก็เถียงนะว่าจะบ้าเหรอ 20 บาท ค่าเช่าที่ก็ไม่พอแล้วมั้ง


พี่พลอยก็ตีหน้ามุ่ยใส่ผมเลย แล้วพูดว่ารีบๆกินเหอะ พี่อยากกินสเวนเซ่นละ เฮ้อ แต่อย่างว่าแหละครับ 20 บาทมันแค่เริ่มต้น เพราะในร้านยังมีของอื่นๆให้กินอีก อย่างแรกก็แค๊ปหมู น้ำพริกหนุ่ม


ใส้อั่วแบบดั้งเดิม ไข่ป่าม ตอนแรกก็งงนะว่าอะไร แต่ดูหอมเลยซื้อมากิน อ่าส์อร่อยๆไข่ก็อร่อย แถมมีกลิ่นใบตองหอมๆอีก นึกว่านั่งกินกระทง สรุปก็เกือบ 100 แหละครับวันนั้น


หลังจากนั้นเราก็เดินตามหาสเวนเซ่นกันครับ แต่ผมสะดุดตาอยู่ร้านนึงครับเป็นร้านเสื้อผ้า ผมก็บอกพี่พลอยแปปนึงนะ แล้วผมก็เดินเข้าไปเลย สิ่งที่ผมสนคือผ้าพันคอครับ ผมก็มองๆนะ


หืม 99 บาท น่าโดนว่ะ มันเป็นผ้าพันคอสีน้ำตาลลายสกอตครับ



อืม ซื้อเลยดิ่ แม่ค้าก็เขามาพูดมาคุยครับ เป็นภาษาเหนือ ผมก็ตอบกลับเป็นภาษากลางนะ พอเดินออกมา


พี่พลอยก็ถามว่านี่ฟังภาษาเหนือออกได้ไงเนี่ย เอ่อผมเคยมาแข่งยูโด ชิงแชมป์เยาชนที่ลำปาง เขลางค์นครน่ะครับ เลยพอรู้ภาษาเหนือนิดนึงพอเป็นพื้นฐาน


แต่ที่สำคัญเพราะตอนเรียนมหาวิทยาลัย มีเพื่อนในกลุ่มเป็นคนน่านครับ ก็เลยได้ฟังมันอู้กำเมืองบ่อยๆ แล้วแม่งแปลกอย่างนึงเว่ย พอตอนทำรายงานเยะเข้ แม่งกลายเป็นคนเหนือกันหมดเลย อู้ชิบหาย


อ้อ โทษครับคนละอู้แล้ว ผมตอบพี่พลอยไปว่าบลาๆๆ รู้ภาษาเหนือได้ไงบลาๆ จากนั้นก็ไปสเวนเซ่นครับ ก็แน่นอนครับพี่พลอยเขาสั่งฟองดูว์ ช็อคโกแลต เอาเถอะๆ ยังไงซะเบี้ยงเลี้ยง 500บาท วันนี้ก็ยังไม่ได้ใช้


ชุดนี้ 200 กว่าบาทเองมั้ง  เลี้ยงพี่แกหน่อยก็แล้วกัน เรานั่งกินไปคุยกันไปต่างๆนาๆครับ โดยที่ไม่พูดถึงเรื่องทะเลกันเลย หลังจากที่จ่ายตังส์กันแล้ว เราก็เดินกลับออกมา


[ พี่พลอย ]  :  อ้าส์ อิ่มจังตังส์อยู่ครบ


ผมนี่มองควั่บเลยเฮ้อ กวนประสาทดีแท้ๆ ว่าแต่ผมจะไปหาซื้อสายชาร์จได้ที่ไหนกันมั่งวะเนี่ย เอ้อไหนๆก็มาแล้ว ผมไปเดินเล่นถนนคนเดิมดีกว่า แต่คงต้องไปส่งพี่พลอยก่อนแหละ


ผมถามพี่พลอยว่ากลับเลยมั้ยผมจะไปส่ง แล้วเซ๊นส์พี่แกนี่อย่างแรง เพราะเขาถามผมก่อนเลยนะว่าจะไปไหนถึงบอกจะไปส่ง กึ๋ย !!! ผมก็บอกไปตามตรงแหละครับว่าจะไปถนนคนเดิม


จะไปหาซื้อของ พี่พลอยก็บอกโห้ !!! ไปทำไมตั้งไกล ไปกาดหน้ามอ ก็พอแล้ว ใกล้ๆนี่เองนั่งสองแถมแดงไปแปปเดียว พี่พลอยบอกอีกครับว่าเราไม่ได้มาเที่ยวนะโทน เดินที่ใกล้ๆก็พอ


เวนละกูเถียงไม่ออกเลย ผมคิดในใจนะ กาดหน้ามอเหรอ อื้มไปก็ดีเหมือนกันนะ จะได้ไปบอกดาวได้ว่าไปกาดหน้ามอมาล่ะ ผมก็บอกพี่พลอยว่าอื้มงั้นไปแค่กาดหน้ามอก็ได้ เดี๋ยวผมไปส่งพี่พลอยที่ห้องก่อน


โอ๊ย !!! ผมนี่ร้องลั่นเลย โดนพี่พลอยหยิกเข้าเต็มๆแขน เขาบอกว่าจะทิ้งพี่ไว้คนเดียวได้ไงเนี่ย ไปก็ไปด้วยกันดิ่ ผมบอกไม่เป็นไรครับพี่พลอย ผมจะไปหาซื้อของเอง


แต่มีเหรอที่พี่พลอยจะยอม เฮ้ออออ ก็คงต้องไปด้วยกันแหละครับ เรายืนรอรถแดงหน้ากาดสวนแก้ว แล้วก็วิ่งตรงอย่างเดียวเลยครับ ไม่นานก็มาถึงหน้า มช ตรงไปอีกหน่อยก็ขึ้นดอยสุเทพ


ฟู่ววว ร้านเกมส์หน้า มช นี่โคตรใหญ่เลยครับ ร้านของไอ้กอล์ฟดูกากไปเลย ร้านนี้น่าจะราวๆ 50 เครื่องได้มั้ง แถมทุกเครื่องยังดูใหม่เอี่ยว เบาะหนังหุ้มดูเท่ส์มากๆ


ผมกับพี่พลอยเดินออกข้ามถนนเข้ากาดหน้ามอครับ อย่างที่บอกไปในตอนที่ผ่านๆมา ว่าฝั่งตรงข้าม หน้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่จะมีกาดหน้ามอครับ ซึ่งก็ตรงตัวเลย

กาด ภาษาเหนือแปลว่า " ตลาด "   หน้ามอ ก็หน้ามช นั่นแหละครับ สิ่งแรกที่เด่นๆเลยครับคือร้านอาหารญี่ปุ่น มีเยอะมากๆ แล้วก็จะมีพวกของกระจุ๊กกระจิ๊กที่ฮิตตามสมัย พวกสายคล้องโทรศัพท์


หน้ากากมือถือ เอ่อสมัยก่อนเคสยัง ไม่บูมขนาดนี้นะ แบตเตอร์รี่สำรองหรือ PowerBank ก็ยังไม่มี ภาพเดิมๆที่เห็นก็คือ ตู้กระจก หลายๆชั้นปูด้วยผ้ากำมะหยี่


และมีโทรศัพท์เครื่องเล็กๆหลายยี่ห้อ nokia siemen Motorola I-mobile Black Berry Ericson ตอนนั้นมี I phone แล้วนะ แต่คนก็ยังเข้าถึงไม่มาก


ทำให้โทรศัพท์ในตู้นั้นหลากสีมากครับ ฟ้า เขียว ชมพู ไม่เหมือนสมัยนี้ ที่มีแต่สีดำ ผมมองไปที่กล่องสายชาร์จซึ่งมัน 150 บาท อื้อหือ 150 บาทเลยเหรอ แต่ก็ต้องซื้อนะ


แต่ตอนนั้นพี่พลอยถามว่าซื้อทำไม ไม่ได้เอามาเหรอสายชาร์จ ผมเลยบอกว่าอื้อลืมเอาของ NOKIA มา ส่วนของ BB มาครบทุกอย่าง พี่พลอยเลยเสนอครับ


ว่าตอนทำงานที่นี่ก็ใช้แต่ BB สิ่ ไม่เปลืองเงิน ชิบหายละครับตอนแรกแม่งสองจิตสองใจนะว่าจะซื้อ หรือ ไม่ซื้อดี พอมีคนมาเพิ่มน้ำหนักไปทางไม่ต้องซื้อผมก็เทไปทางนั้นเลย


สรุปว่าผมไม่ได้ซื้อสายชาร์จครับ ก็นะผมเองก็บอกดาวไปตั้งแต่ก่อนมาแล้วนี่นาว่าให้คุยกันผ่านทาง BB คงไม่มีปัญหาอะไรมั้ง แล้วอย่างที่รู้ๆครับ พอสาวๆ ได้เจอพวกรองเท้า เสื้อผ้า


สายตาก็จะเป็นประกาย พี่พลอยบอกอยากดู อยากซื้อ ผมก็บอกอ่ะตามใจ เงินพี่เองทั้งนั้น พี่พลอยบอกอื้อๆ  แล้วคือคราวนี้ยาวเลยครับ พี่พลอยเองก็เลือกตุ้มหู สร้อย กำไรเพียบเลยครับ


เฮ้อมองแล้วเหนื่อยแท้ๆ ผมเองเลยขอตัวออกมาครับ แต่ว่าอ่ะเฮื้ออ กลิ่นนี่มันกลิ่นอะไร กลิ่นเค็มๆแต่หอมแบบนี้ อ่ะเอื้อ โชยุนี่นา ผมหันไปมองเลยครับ ซุ่งก็ถึงกับตาลาย


เพราะร้านอาหารญี่ปุ่นเยอะมาก แล้วพอมองราคาโอ้โห ทำไมมันถูกแบบนี้วะเนี่ย มีหลายอย่างเลยเว้ยท่านผู้อ่าน คัสสึด้งเอย ข้าวห่อสาหร่ายเอย หรูหราหมาเห่ามากอ่ะ


ผมก็ไม่ลังเลที่จะสั่งมากินข้าว คือพวกซูชิสั่งใส่กล่องนะ แต่ว่าสำหรับเทมากิ ผมสั่งมากินสดๆเลยครับ อื้มหืม ตอนที่เขาเอาสาหร่ายย่างไฟแล้วเอามาประกบกับข้าวนี่อูยไม่ไหวแล้ว


ชิ้นใหญ่ขนาดนี้ผมว่าที่กรุงเทพฯมีต่ำๆ 200 อ่ะ แต่ที่นี่ 99เอง รสชาติก็ไม่ต่างกันเลย อูววววว พี่พลอยเดินมาถามกินไรเนี่ย ผมก็กำลังจะตอบนะ แต่พี่แกยื่นปากมากัดเทมากิของผมเฉยเลย


คือกินน่ะไม่เท่าไร แต่มันใกล้กันมากเลยนะ หน้าของผมกับพี่เขาน่ะ มันก็แบบแว๊ปนึงอ่ะที่เผลอเขิน พี่พลอยก็อื้ม อุมามิเจ้า วันนั้นเราเดินซื้อของกันนานเลยครับ


ผมเองค่อนข้างที่จะไม่กังวลเรื่องค่าใช้จ่ายนะ ตราบใดที่ผมยังใช้งบไม่เกินเบี้ยเลี้ยงวันละ 500 บาท จริงๆแล้วระหว่างทางนั่งเครื่องบินมาที่เชียงใหม่ ผมนี่กำเงินแล้วคิดเลยนะ


ว่าถ้าใช้เงินวันละ 300 ผมก็จะมีเงินเหลือกลับหลายบาทเลย เอ่อแต่จากตอนนี้แล้ว ผมว่าคงทำแบบนั้นไม่ได้แน่ เพราะถ้าพี่พลอยยังชวนไปไหนมาไหนแบบนี้ เก็บเงินยากแน่นอน


วันนั้นเราเดินกันนานเลยครับ สุดท้ายก็ได้นั่งรถสามล้อเหมากลับมาที่โรงแรม ซึ่งพอมาถึงห้องเราก็แยกกันนอนนะ ผมส่งข้อความบอกว่าฝันดี นอนแล้วนะครับ แล้วผมก็นอนเลยตั้งใจว่าจะนอนเลย


แต่ว่าตอนนั้นประตูห้องก็ ก๊อกๆ ๆ ๆ หืออะไรหว่า พอเดินไปส่องตานกแก้ว เอ้า !!! พี่พลอยมาทำอะไรวะนั่นน่ะ แล้วผมก็เปิดประตูออกไป ทำเป็นมองซ้ายขวา ซ้ายขวาแล้วก็ปิดประตู


ปั้งๆๆๆ โอ๊ยยยย อย่าทำเป็นเมินกันแบบนี้  พี่พลอยเคาะประตูดังระดับนึงเลย ผมก็คิดอ่าๆๆ เลิกกวนตีนละ ผมเปิดประตูไปแล้วถามมีอะไรหืมพี่ พี่พลอยบอกเอาเอกสารมาให้ เข้าห้องก่อนเหอะ


แล้วพี่แกก็เดินแหวกข้างเข้าไปในห้องผมเลย แล้วท่านรู้อะไรมั้ยพี่พลอยตอนนี้ X มากครับ เฮ้อผมมองตามข้างหลังของเขา แล้วพึ่งจะเห็นชัดๆว่าหุ่นพี่เขาเป็นทรงกระบอกครับ


แต่ว่าจะไม่ใช่กระบอกแบบตรงๆเลย อาจจะเพราะตอนนี้พี่พลอยเธอไม่ได้เล่นยูโดแบบจริงๆจังๆแล้ว ทำให้หุ่นของเธอเปลี่ยนไป กลายเป็นกึ่งกระบอกกึ่งลูกแพร์


พูดให้เห็นภาพคือดูแน่นไปทุกส่วน แต่ก็มีส่วนโค้ง เว้าให้เห็นชัดเจน ที่สำคัญบั้นท้ายพี่เขาแน่นมากครับ เพราะกีฬายูโดที่พวกผมเล่น การใช้พลังขาสำคัญครับ เราจึงฝึกการออกกำลังขากันมาก


ซึ่งมันก็ส่งผลให้ทั่งสะโพก เอว ก้น ได้รูปสวยงามครับ พี่พลอยเธอใส่เสื้อกล้ามที่พอดีตัว แต่ไม่พอดีนมมาอีกแล้ว คือท่านเข้าใจผมมั้ยครับ คือช่วงตัว ช่วงเอว เนี่ย เสื้อผ้าดูพริ๊ว ปลิวไหวได้นะ


แต่พอช่วงหน้าอกนี่แน่นเปรี๊ยะ จนเห็นขอบเสื้อใน แล้วไม่ใช่แค่นั้นความ SEXY ของผู้หญิงนี่คือก้นเลย ชายเสื้อของพี่พลอยที่ยาวลงมาถึงช่วงก้นนั้น แน่นมากเลยล่ะ กางเกงผ้ายืดขาสั้น


ที่เรียบเนียนแนบเนื้อจนเห็นขอบกางเกงใน มันทำให้ชายโฉดแบบผมหำแข็งเลย จะว่าผมมันเหี้ยก็ไม่แปลกนะ ทั้งๆที่เห็นหุ่นของสามสาวบ่อยมากๆ แต่พอมาเห็นหุ่นพี่พลอยแบบนี้ผมก็อดที่จะคึกคักหัวใจไม่ได้เลยครับ


แก้ม มิ้นต์ ดาว พี่ขอโทษนะคะเบบี๋ แล้วความซวยคือไรรู้มะ ขนาดอารมณ์ของผมกำลังดาวน์เรื่องพี่เตย ไอ้เชี้ยหำแม่งก็ยังแข็งตัวอีก แล้วมันควบคุมไม่ได้ด้วยล่ะครับ เวนละไงใส่แค่ BOXER ด้วย


ผมเลยรีบเดินแซงพี่พลอยไปแล้วนั่งลงบนเตียง คือนั่งหันหลังเลยนะ พอหยิบหมอนหยิบผ้าห่ม มาปิดไอ้จ้อนที่เหมือนจะผงาดเรียบร้อย ผมก็หันมาหาพี่พลอยที่กำลังยืนงง ว่าไอ้นี่มันทำอะไรอยู่


[ พี่พลอย ]  :  อ่ะ พี่เอาเอกสารข้อมูลของคุณเคย์มาให้


ผมรับเอกสารนั้นมาครับ อ่านคร่าวๆแล้วมันเป็นข้อมูลส่วนตัวของคุณเคย์ ทั้งความชอบ นิสัย และประวัติโดยย่อ ผมถามว่าเห้ยพี่แบบนี้มันจะดีเหรอเนี่ย พี่พลอยก็บอกว่าข้อมูลพวกนี้ไม่ได้เข้าข่ายละเมิดสิทธิส่วนบุคคล


ไม่เป็นไรหรอก อย่างน้อยการรู้จักลูกค้ามันก็ดีไม่ใช่เหรอ คุณล่ามอุตส่าห์รวบรวมมาให้เลยนะ ผมอือๆๆแล้วก็นั่งอ่านต่อ เฮ้ย !!! ช่วงเด็กจนถึงมัธยมปลาย อาศัยที่ถนนซุยโดมัตสึ ใกล้ๆกับโรงฝึกยูโด โคโดกัน



ผมหันมองหน้าพี่พลอยแล้วถามว่านี่พี่รู้มาก่อนป่ะเนี่ย พี่พลอยบอกอื้มๆ เพราะงั้นแหละหัวหน้าทีมของพี่พลอยเลยส่งพี่พลอยมา ผมขออธิบายนิดนึงครับท่านผู้อ่าน


" โคโดกัน "  เป็นสถาบันและโรงฝึกยูโดที่ท่านปรมาจารย์ จิโกโร คาโน่ ก่อตั้งขึ้นในปี 2425 ครับ โดยสถานที่แรกที่ก่อตั้งขึ้นมาคือในวัด เออิโซ ในโตเกียว ก่อนที่จะย้ายมาถนนซุยโดมัตสึในปี 2476


คือถ้าเด็กแมนยูใฝ่ฝันว่าจะได้ไปเหยียบโอลแทคฟอร์ด เด็กหงส์ใฝ่ฝันจะไปเดินเล่นแอนด์ฟิลด์ เด็กปืนใฝ่ฝันจะไปตามหาอาเซน เวนเกอร์ที่เอมิเรตส์


ความฝันของผู้ที่เล่นยูโดก็คืออยากไปโคโดกันสักครั้งครับ ตัวพี่พลอยเองเธอเคยโคโดกันครับ พี่พลอยเล่นเก่งนะอย่างที่เคยบอกไปหลายๆรอบ ตอนนั้นเราห่างๆกันแล้วครับ


พอรู้ข่าวว่าพี่พลอยได้ไปแข่งจาก web judo zone ผมก็ทำได้แค่ส่งกำลังใจไป ออกตัวมากไม่ได้ครับ เดี๋ยวน้องดรีมดึงหูขาด อ่ะกลับมาต่อๆ ส่วนตัว ผมเองไม่มีโอกาสได้ไปแข่งต่างประเทศเลยครับ


เฮ้อ พูดและเศร้า อ่าช่างมันเถอะ พี่พลอยบอกอีกว่าบ้านคุณเคย์อยู่ใกล้ๆสถาบันโคโดกัน เขาจึงมีความผูกพันกับยูโด เขาเคยเล่นยูโดจนจบก่อนที่จะไปต่อ ม.ปลาย ที่จังหวัดอื่น


เฮ้ย คุณเชื่อเรื่องชะตาป่ะ นี่ผมต้องมาเจอนักธุรกิจที่เคยเล่นยูโดจริงเหรอเนี่ย มิน่าล่ะพอบอกว่าเคยเล่นยูโด ท่าทีของเขาจึงดูเป็นกันเองมากขึ้นเลย ผมนั่งอ่านเอกสารนั้นอีกซักพัก

เฮ้อ ตอนนี้ที่นครนายกจะเป็นยังไงบ้างนะ พี่หมิวจะกินอะไรหรือยัง พี่เตยจะโกรธพี่หมิวไหมนะ ผมภาวนาเลยว่าอย่าให้เป็นแบบนั้น เชื่อมั้ยครับท่านผู้อ่าน ตอนที่พี่หมิวบอกว่ายังไงก็เลือกเตย


ผมแม่งโคตรโล่งใจเลย ดีแล้วที่พี่หมิว ไม่ออกตัวช่วยผมมาก ไม่งั้นพี่เตยต้องหาช่องว่างพูดแรงๆอีกแน่ กรุบ กรุบ กรุบ ผมขยับไหล่นิดนึงครับ อ่าส์อยู่ดีๆก็ปวด


อย่างที่เคยเล่าไปครับผมเคยมีอาการเจ็บเรื้อรังที่หัวไหล่เพราะแข่งยูโด ก็ไทยเยอรมันนั่นแหละครับ มันเป็นการแข่งแบบทีมขุนพล อ่ะขอนอกเรื่องนิดนึง ยูโดจะมีแข่ง 3 แบบครับ แบบเดี่ยวประเภทบุคคล


แบบทีม และแบบทีมขุนพล ทีมขุนพลคือพูดง่ายๆเหมือนเซอร์ไวเวอร์ คือชนะแล้วก็ยืนต่อ ทีมนึงจะมี 3 คนครับ กำหนดของแต่ละรุ่นคือ น้ำหนักรวม อ่ะสมมติว่ากำหนดว่ารุ่นนี้น้ำหนักไม่เกิน 250 กิโลกรัม


คือไม่ว่าตอนแข่งแบบเดี่ยวจะรุ่นไหนก็แล้วแต่ ขอแค่รวมกันให้น้ำหนักไม่เกิน ตามที่กำหนดไว้ก็พอ แล้ววันนั้นผมก็ลงแข่งด้วยครับ เฮ้อเจองานแข็งตั้งแต่รอบแรกเลยคราวนั้น เจอทีมจากโรงเรียนกีฬาครับ


แล้วก็ตามที่คิดไว้ มือ 1 กับมือ 2 ของทีมผม โดนมือ 1 ทีมนั้นเก็บเรียบเลย แม่งเอ๋ยกดกันบรรลัยเลยครับทีนี้ คือเหมือนเป็นตัวความหวังของหมู่บ้านอ่ะ แต่ผมได้เปรียบนะ


เพราะมือ 1 ของเขาก็หอบแฮ่กๆเลย ผมพาเดิน พาป่วนจนแปปเดียวก็ชนะได้แล้วไม่ยากเย็น และอีกอย่างเพราะเราคนละรุ่นด้วย ผมจำได้ว่าเขาเล่นรุ่น -55 กิโลกรัม น้ำหนักเราต่างกัน 10 กิโลกรัม


เขาสู้แรงผมไม่ได้หรอก แต่เขาก็เร็วนะ ได้ความเร็ว ถ้าเจอกันตอนสภาพพร้อมๆผมก็อาจจะเอาลงยากก็ได้ พอเจอคนที่สองก็ไม่ได้ยากเย็นมากครับ แต่เข้าใช้แทคติกคือลากให้ผมเหนื่อย เพราะทีมเขายังมีอีกคนที่ฟิตเปรี๊ยะ


ผมใช้เวลา 2 นาทีกว่าจะเก็บโป้งมาได้ครับ พอเจอคนสุดท้าย อ่าส์งานช้างเลย ก็ช้างแหละครับ เพราะมือ 3 ที่ผมต้องเจอเขาหนักกว่าผมเกือบ 20 กิโลกรัม เฮ้องานหยาบแล้วผม


แต่มันก็ต้องสู้ครับ ซ้อมมาทั้งปี แข่งแค่ 3 นาทีจะยอมแพ้ได้ไง ตลอดการแข่งผมก็เก็บคะแนนได้บ้างครับ โคกะ ยูโกะ ผมเองก็โดนนะไม่ใช่ว่าจะรอด เขาเองก็มีฝีมือครับไม่ใช่ว่าจะไม่เก่ง


จนสุดท้ายผมพลาดเอง เดินขาลอยโดนปัดขาเสียยูโกะครับ จังหวะที่ล้มลงแล้วผมกำลังจะคู้เข่าเพื่อกันไม่ให้เขาไล่ล็อค แต่อย่างว่าครับ พอแรงหมด  พอเหนื่อยแม่งทำอะไรก็ช้าไปหมด


ผมโดนทับดังตึ้ง จุกเลยครับ น้ำหนัก 80 เกือบ 90 ทิ้งลงมาทับ และจังหวะที่ผมกำลังจะเก็บแขนเพื่อไม่ให้เขาใช้ซังกากุได้ เอ่อ ซังกากุเป็นเทคนิคจับล็อคชนิดหนึ่งครับ สามารถพลิกแพลงไปหัก หรือ เชือดได้หมด


อ่ะกลับมาต่อแล้วจังหวะนั้นเองที่ผมเก็บแขนไม่ทัน มันก็งัดเข้าเต็มๆ กร๊อบบ โอย ผมนี่ยอมมอบเลยครับ ถ้าฝืนอีกหัวไหล่ผมไปแน่ๆแหละ ผมแพ้ล็อคไปครับ แพ้ไม่ว่าได้อาการเจ็บเรื้อรังมาอีก


อ่ะกลับมาที่โรงแรม ผมนั่งนวดๆบีบๆหัวไหล่ตัวเองแปปนึง พี่พลอยก็ถามว่ายังเจ็บอยู่เหรอ ผมก็อื้อๆ บางทีน่ะ แล้วพี่พลอยคนสวยก็โดดขึ้นมาบนเตียงบอกไหนดูหน่อย


โอ๊ย !!! ไม่ใช่เจ็บไหล่นะครับ นมทิ่มหลัง พี่แกเล่นโถมมาทั้งตัวแบบนี้ก็งานเข้าสิ่ครับพี่น้อง พี่พลอยก็อื้อทำไมไม่ไปหาหมอดีๆซักทีล่ะ ผมก็ตอบไม่ได้เลยครับ นมเต็มหลังเลย


พอจับไหล่ไปซักพักพี่พลอยก็เปลี่ยนมาค่อยๆกอดคอ แล้วพูดว่าพี่นวดให้อีกเอามั้ย




 

















เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

deamondear

มาแล้วๆ ไปไล่อ่านตั้งแต่1มา ปมยังไม่คลายอีกหลายจุดเลยนะครับเนี่ย


guzzpai

หายไวไวครับ แอบเป็น FC พี่พลอยมาตั้งแต่เที่ยวทะเลแล้ว จัดหนักๆ เลยครับบบ

temeebig







Ricebird526

พี่พลอยจะรักษาแผลใจให้โทน หรือโทนจะช่วยรักษาแผลให้พี่พลอยกันแน่

turie



jongjo