ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

Swinging legacy | Cheerleader : Chapter 9 Black layer

เริ่มโดย Basilisk, มีนาคม 03, 2021, 05:32:11 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

Basilisk

บันทึกสวิงกิ้ง ภาคหลีดคณะ: บทที่เก้า เงา
(Swinging legacy | Cheerleader : Chapter 9 Black layer)




4 มิถุนายน 2555
05:00 น.

กริ๊งงงงง!!!...... กริ๊งงงงง!!......... กริ๊งงงงง!.........

เงาฝ่ามือมุดใต้ผ้าห่มปัดป่ายงุ่นง่านตรงโต๊ะตัวเล็กๆ ข้างหัวเตียง คว้านาฬิกาปลุกสีขาวที่กำลังสั่นส่งเสียงแสบแก้วหู เงาศีรษะโผล่พ้น มืออีกข้างขยี้ตา

กริ๊งงงงง!!...... กริ๊งงงงง!.........

"แป่ก..." กระเดื่องสวิตซ์สับ

เสียงลมหายใจออกจากปอดยาวๆ สามครั้ง ผ้าห่มถูกปัดพับไปอีกฝั่ง หันไปเห็นหญิงสาวตัวเล็กนอนขดหลับลึกดูมีความสุข บรรยากาศในห้องมืดสลัวพอเห็นเงาลางๆ ไอเย็นเล็กน้อยพัดเข้ามาจากประตูระเบียง มองตามไปเห็นท้องฟ้าสีครามเป็นช่องเล็กๆ ตัดกับสีดำทะมึนในห้องนอน...

ผมลุกออกจากเตียง หยุดมองใบหน้าสวยๆ อีกครั้ง ข้างในเต็มไปด้วยคำถามมากมาย คิดวกวน สับสน... เราไม่มีเวลาสนทนาหรือพูดคุยอะไรกันมากเท่าไหร่ อย่างที่รู้กันดี... เวลาเปิดเทอมเป็นเวลาแห่งเทศกาล กิจกรรม การรับน้อง การลงทะเบียนลด-เพิ่ม รายวิชา ฯลฯ อะไรใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย

ถึงอย่างนั้น มันก็ยังต่างจากปีที่ผ่านๆ มา เพราะตอนนี้ "หนึ่ง..." เธอกลายเป็นสิ่งที่ผมสนใจมากที่สุด ช่วงนี้เราพกพาจินตนาการเกี่ยวกับเธอไปทุกที่ ไม่ว่าจะทำอะไร อยู่ที่ใหน... เธอแทรกตัวอยู่ในทุกความคิดเสมอ




Photo by CHUTTERSNAP on Unsplash




ผ่านมาเกือบอาทิตย์นึงแล้ว นับจากวันนั้น... "เหตุการณ์ที่บังกะโล"

ค่ำคืนที่ไม่มีวันลืม...

.........

ย้อนกลับไปเมื่อ 30 พฤษภาคม 2555
08:15 น.

...ผมงัวเงียตื่นมาเพราะเสียงนาฬิกาปลุกดังวน รู้สึกปวดแปล๊บที่ศีรษะรุนแรง... มีอาการหน่วงๆ หนักมาก ยกหัวไม่ใหว

"เฮ้ยย... นาฬิกามึงป่าวไอตั้น..." เสียงเบาแหบแห้ง

"ปิด... แม่งสักทีเหอะ กูปวดหัวไปหมดละเนี่ย..."

ไอตั้นขยับตัวเชื่องช้า ขยี้ตา ลุกมาหานาฬิกา เงาร่างเปลือยสูงคล้ำก้มๆ เงยๆ... สักพักก็เดินออกไปที่ห้องกลาง ได้ยินเสียงบ่นงึมงำ มันหยิบกางเกงเดินเข้ามาห้องนอน มือล้วงกระเป๋า ดึงโทรศัพท์กดปิดเสียง เอากางเกงพาดบ่า... ยืนมองหน้าปัดอยู่ครู่นึง

"สักที..."

หญิงสาวตัวเล็กข้างๆ เริ่มขยับยุกยิก ผมกับไอตั้นมองตาม จู่ๆ เธอก็พลิกมานอนหงาย สะลึมสะลือมือเลื่อนผ้าห่มลงจนถึงเอว... เธอกำลังจะตื่น หน้านิ่วคิ้วขมวด... หน้าอกขาวสองเต้าที่เคยอยู่ใต้ผ้าห่มโผล่ออกมาเต็มๆ ผมกับไอตั้นตาเบิกโพลง มองกันเป็นมัน... หนึ่งงัวเงียลืมตาขึ้นมาเล็กๆ สิ่งแรกที่ตาเธอเห็นคือมันเปลือยกายโทงๆ ยืนจ้องอยู่ และเหมือนเธอจะรู้ตัว ค่อยๆ ดึงผ้าห่มขึ้นมาปิด มีรอยยิ้มเขินๆ น่ารักออกมาให้เห็นแว่บนึง...

...

บรรยากาศเงียบเชียบ...

ไอตั้นวางโทรศัพท์ ทิ้งตัวล่อนจ้อนนอนลงบนเตียงที่เดิม "ปุ่ก..." กระเถิบชิดมาข้างหนึ่งแบบเนียนๆ

"มึงจะไปทันเหรอวะ ตั้งปลุกสายเชียว..."

"น่าจะทันแห่นาค... มึงเป็นไรเนี่ยไอนน แฮงค์เหรอวะ"

"เออ...... น่าจะนอนน้อยด้วยมั้ง..." "ปวดหัวเหรอนน... ในกระเป๋ามียาพารา..." หนึ่งพูดลากเสียง ยังตื่นไม่เต็มตา "เดี๋ยวไปเอาให้นะ..."

"ไม่ๆ ...ไม่เป็นไร" ผมรีบพูดดักไว้ก่อน ตอนนี้เธอไม่มีเสื้อผ้าติดตัวสักชิ้นเหมือนพวกเรานั่นแหละ เกิดลุกพรวดพราดขึ้นไปทั้งแบบนี้เดี๋ยวจะตื่นเต้นกันไปอีก

"เดี๋ยวเราไปเอาเอง..." พูดปัดไปแค่นั้น ยังไงก็ลุกไม่ใหวแน่ๆ ตอนนี้

"ข้างนอกหลักฐานเกลื่อนกลาดเลยไอนน..."

"กูเห็นและ... ตอนไอเจษเข้ามาแม่งเห็นด้วยมั้ง" "เจษมาเหรอ..." หนึ่งท่าทางสนใจ

"อือ... มันให้เดินไปส่ง ไม่มีไรหรอก..." พูดไปก็คงไม่ได้อะไรขึ้นมา เงียบๆ ไว้บ้าง ไม่ต้องบอกอะไรที่ทำให้เธอไม่สบายใจ ยังไงพวกเราก็ต้องกลับมหาลัย ที่น่าเป็นห่วงคือไอตั้นมากกว่า เพราะมันอยู่ที่นี่... หลังจากวันนี้ มันน่าจะเจอไอเจษถามอะไรบ้างสักครั้งสองครั้ง ถึงไอเจษจะไม่ใช่คนที่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่นก็เถอะ ไอพุกับไอเน่คงไม่รู้... ถ้าจะรู้ก็รู้จากไอเจษนั่นแหละ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับมันคนเดียวว่าจะพูดหรือไม่พูด







เฮ้อ...สุดท้ายแล้ว ผมน่าจะพูดกับมันไปเลยตั้งแต่ตอนนั้น ตอนที่เดินไปส่ง น่าจะบอกมันไปตรงๆ และก็เหยียบเรื่องนี้กันเอาไว้ ส่วนไอเอส... อาจจะรู้ ไม่รู้ หรือพอเดาๆ ได้ เพราะมันก็อยู่ในสถานการณ์เมื่อคืน พอจะรู้ว่าอารมณ์พาไปกันขนาดใหน มันอาจคิดว่าไอตั้นที่ยังได้อยู่ต่อน่าจะมีอะไรเกิดขึ้นก็ได้...

นี่คือสถานการณ์ที่ผมประเมินได้อย่างรวดเร็วในตอนนี้

ทุกคนกลับมาเงียบ... เราสามคนทำท่าเหมือนไม่มีอะไรจะพูดกันแล้ว ในห้องเงียบเชียบจนมีเสียงอื้อในหู ต่างคนต่างเหม่อลอย มองกันไปคนละทิศคนละทาง ในแววตามีความคิด มีอะไรที่อยากพูด แต่ไม่มีใครเปิดปาก ใครจะเป็นคนพูดเรื่องเมื่อคืนขึ้นมาก่อน ใครดี... หรือเราควรจะพูดก่อน... หรือจะปล่อยไว้เงียบๆ แบบนี้ เมื่อถึงเวลาก็แยกย้ายที่ใครที่มัน

บนเตียงที่มีหนึ่งนอนเป็นใส้กลาง ผมวางมือลงบนผ้าห่มที่คลุมอยู่ตรงต้นขาเธอ ใกล้ๆ กับเนินสามเหลี่ยม หนึ่งขยับออกเล็กน้อยให้จับได้ถนัด... ไม่รู้มันคิดอะไร ผมเห็นไอตั้นเลื่อนมือมันลงไปจับบ้าง ใจผมเต้นตุบๆ ขึ้นมาอีก หนึ่งหันมามองเหมือนจะสื่อว่า "ไม่ว่าอะไรมันใช่มั้ย..." ผมทำหน้านิ่งไม่พูดอะไร

"แฟนมึงน่ารักว่ะ นน... ตัวก็หอม" มันเปิดปากคนแรก มือยังลูบผ้าห่มตรงต้นขาไปมาเบาๆ

"มึงหลงแล้วอ่ะดิ..." 

หนึ่งหน้าแดง สายตาจับจ้องสองมือที่กำลังลูบวนไปมา เธอตัวแข็งเหมือนทำอะไรไม่ถูก

"กูไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลยนะเว้ย... ครั้งแรกเลย กูเนี่ย... โคตรสุดเลยว่ะเมื่อคืน"

"กูกะหนึ่งก็ครั้งแรกเหมือนมึงอ่ะ... ของกูแสบเลยเนี่ย... สงสัยจะถลอก"

"อ่าว... เหรอวะ ข้างหลังฟิตน่าดูเลยดิ" "แล้วหนึ่งอ่ะ... สนุกมั้ยเมื่อคืน โดนครั้งแรกก็เล่นแซนวิชเลย อร่อยมั้ย" ไอตั้นถามปนทะลึ่ง

"เออ... นี่ก็อยากรู้เหมือนกัน"




Photo by Karolina Kolacz on Unsplash




หนึ่งหลบหน้านิ่งไปสักพัก มองหน้าผมกับมันสลับกัน เขินหน้าแดง มือเลื่อนขึ้นมาจับขอบผ้าห่มตรงหน้าอกขยำไปขยำมา... แล้วอยู่ๆ ก็ดึงมาปิดหน้าไว้ครึ่งนึง ทำตาล่อกแล่ก

"อ่าว... เงียบ ไม่บอกเฉย" "สงสัยจะเขิน..."

"ก็มาถามกันแบบนี้... ใครก็เขิน" หนึ่งเขินจริงๆ

"มึงโชคดีนะไอนน... ได้จัดกันทุกวัน งี้กูก็คิดถึงแย่เลยดิ" มันจับขาเธอเน้นๆ บ่งบอกถึงคนที่มันกำลังพูดถึง

"ไม่เหมือนกันหรอกมั้ง... ทำกันสามคนกับทำกันสองคน"

"เออ... หนึ่งอ่ะนะ กูว่าแค่ตัวตัวก็สุดยอดแล้ว ไม่ต้องรุมหรอก กูไม่เบื่อเลยถ้าได้แบบนี้" ไอตั้นเริ่มหยอด

"มึงจีบหนึ่งไม่ติดหรอก... อย่าลองเลย" ผมเกทับเพราะรู้ทันมันในฐานะผู้ชายด้วยกัน

"หึ... แรกๆ ก็พูดงี้กันทุกคนแหละ..." หนึ่งตอกกลับบ้าง "ไม่มีจริงหรอก... ที่บอกว่าไม่เบื่อ..."

"จริงๆ นา... ถ้าได้แบบหนึ่งจะจัดทั้งวันเลย"

หนึ่งไม่ตอบอะไรมัน หันมามองผมแล้วก็หัวเราะ เหมือนเธอรู้ทันเหลี่ยมไอตั้น ผมอดยิ้มไปด้วยไม่ได้ "มึงนี่น้า...... ดีแต่ล่อ ป้อไม่เป็น" ถอนหายใจไว้อาลัยให้มัน

"แล้วเมื่อคืนอ่ะ... สรุปแล้วชอบป่าว ยังไม่บอกเลยเนี่ย... ฮึ" ไอตั้นหนีเปลี่ยนเรื่อง ผมกับมันสงบนิ่ง รอคำตอบจากปากหนึ่งใจจดใจจ่อ

"........."

"นนเจ็บเหรอเมื่อคืน เจ็บมากป่าว... เธอสองคนเมากันหนักทั้งคู่เลย"

"นั่นแน่ๆ... เปลี่ยนเรื่อง" มันรบเร้าเขย่าตัวหนึ่ง... จริงๆ ผมก็อยากรู้ เพราะคิดว่ามันเป็นเรื่องสำคัญ เมื่อคืนมันเกิดขึ้นเพราะทำตามแผนที่วางไว้ อารมณ์มันพาไป หรือว่าเธออยากทำมันตั้งแต่แรก

"อืมมม............" ".....................ชอบ" เธอตอบเล่นๆ ยิ้มอ่อนๆ แต่ผมกับมันก็รู้... ว่าเธอหมายความตามที่พูดจริงๆ

"แล้วหยั่งงี้ถ้าจะเอาอีก... ทำไง..."

หนึ่งหน้าเฉย นิ่งเงียบ เหมือนคิดอะไรสักอย่าง... คำถามของมันทำผมคิดหนักเอาเรื่อง ใช่... เรื่องแบบนี้ถ้าหนึ่งชอบขึ้นมาจริงๆ แล้วจะทำยังไง เรื่องนี้มันเร็วเกินไปที่จะถาม... เราต้องคุยกับหนึ่งก่อน ปรับความเข้าใจกันแค่สองคน หมายถึงเปิดอกพูดคุยกันแบบจริงๆ จังๆ ว่าเรื่องนี้มันจะกระทบความสัมพันธ์เรามากน้อยแค่ใหน ระยะห่างระหว่างคนสามคน การวางตัว แล้วเธอจะทำยังไงกับไอตั้น ติดต่อกันแบบลับๆ ให้มันมานอนด้วยเฉพาะตอนที่ต้องการ หรือจะให้มันมาเป็นแฟนอีกคนไปเลย... เป็นแฟนลับๆ แล้วมันจะยอมเหรอ มันอาจจะต้องการมากกว่าที่ต้องอยู่เป็นความลับก็ได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงคงมีเรื่องให้ปวดหัวแน่ๆ... ตัวเราเองจะรับได้รึเปล่ายังไม่รู้เลย ใหนจะเรื่องอื่นๆ ที่เกิดขึ้นตามมาอีกมากมาย ชุดคำถามเป็นสิบๆ ผุดขึ้นมาในหัวผมไม่หยุดหย่อน...

"มึงพูดอะไรของมึงอ่ะ..." ผมเลือกคำตอบที่ดีที่สุด

"ฮ่ะ......" มันชะงัก

"พูดอะไรไร้สาระ..." "นน......" หนึ่งแตะที่หัวใหล่

"กูก็แค่อยากรู้... ว่า... ถ้าหนึ่งเค้าชอบแล้วจะเอาไง ต่อไป..."

"มึงไม่ต้องรู้หรอก..." ผมตอบห้วนๆ เสียงแข็ง "ไม่รีบไปเหรอมึงอ่ะ... เดี๋ยวก็ไม่ทัน"

มันพอจะรู้ว่าเริ่มล้ำเส้น เห็นผมเริ่มหงุดหงิดขึ้นมานิดๆ ประกอบกับหนึ่งก็ไม่ได้ต่อปากต่อคำอะไร มันก็ทำนิ่ง ลุกจากเตียงไปแต่งตัว "อ่ะนี่... เสื้อผ้ามึงกะหนึ่ง" มันไปหยิบเสื้อผ้าที่ห้องกลางมาวางไว้ให้บนโต๊ะเครื่องแป้ง

"เออ... แล้วเรื่องนี้มึงอย่าปากสว่างไปบอกใครล่ะ" ผมบอกมัน "โดยเฉพาะพวกเรา..."

"ไม่พูดหรอก... กูจะพูดทำเหี้ยอะไร..."

ใจผมไม่เชื่อมันร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก แต่ยังดีที่พอปรามๆ มันได้บ้าง ต่อไปคงต้องเช็คเรื่องทางนี้กับไอเจษ เพราะมันกลายเป็นคนที่เราไว้ใจที่สุดไปโดยปริยาย เดี๋ยว... ไม่ใช่ไอเจษแล้วสิ... ต่อจากนี้ต้องเรียก พระเจษ...

"กูไม่ต้องเดินไปส่งใช่ปะ..."

"ไม่ๆ มึงนอนไปเหอะ..."

ถึงจะอย่างนั้น... ผมก็ยังแบกสังขาร ลุกตามไปส่งมันที่หน้าบังกะโลทั้งที่ยังปวดหัวหนักอึ้ง "ใหวป่าวนน..." หนึ่งถามตามมาจากห้องนอน

"ใหวๆ..." ผมพิงเสานอกชาน มือเสยผม อีกมือจับผ้าขนหนูรวบไว้แค่เอว ยืนมองมันกำลังใส่รองเท้าเดินออกไป

"โชคดีเพื่อน แล้วเจอกัน ฝากบอกหนึ่งด้วย" มันหันมายิ้มโบกมือ ค่อยๆ เดินจากไปจนลับสายตา

ไอตั้นคนเดิมในนาทีสุดท้าย...







เราสองคนนอนต่อไปอีกจนถึงเวลาเช็คเอาท์ 11:45 น. ลุกขึ้นเก็บข้าวของ... ทิ้งแดดสีเหลืองอ่อน ลมชายฝั่ง และกลิ่นคาวป่าชายเลนไว้เบื้องหลัง

ตอนนั้นอาการยังไม่ดีขึ้น... แต่ก็ดีที่ทำให้ผมไม่ลืมเรื่องยาคุมฉุกเฉิน เราเดินทางกลับด้วยรถตู้เหมือนเดิม หลับกันมาตลอดทางจนถึงที่หมาย คว้ามอเตอไซค์ที่จอดทิ้งไว้หน้าตลาด NM ขี่ลงหาด ตรงเข้ามาถึงหออย่างรวดเร็ว โยนสัมภาระ ถอดเสื้อผ้า เหมือนอาการปวดหัวมันถ่วงทั้งตัวให้นอนราบนิ่งๆ ไปกับเตียง เราหมดแรงนอนกอดกันจนหมดไปอีกวัน

.........

4 มิถุนายน 2555
05:30 น. เวลาปัจจุบัน

ในชุดนิสิตชายถูกระเบียบ มือดึงปิดประตูห้องช้าๆ พยายามให้มีเสียงกระทบน้อยที่สุด "แกร่ก......" ล๊อคด้วยลูกกุญแจจากด้านนอก ไม่ลืมที่จะสอดลูกกุญแจกลับเข้าไปในห้อง ทางช่องว่างใต้ประตู ผมกับหนึ่งมีกุญแจแค่ดอกเดียว เพราะเจ้าของหอไม่อนุญาติให้ปั๊ม น่าจะเป็นเหตุผลเรื่องความปลอดภัย ติดขัดอะไรก็ต้องไปขอกุญแจสำรองที่ออฟฟิศ ถ้าวันใหนไม่รู้ว่าใครจะกลับก่อนหรือออกไปก่อน เราใช้วิธีนี้เสมอ... กลอนประตูห้องหนึ่งเป็นแบบลูกบิดที่มีล๊อคแยกอีกที เห็นตรงนี้แล้วก็นึกถึงเรื่องที่เธอเคยเล่าให้ฟัง ...แฟนเก่าเธอเคยขู่จะตามมาถึงที่นี่ ช่วงเลิกกันใหม่ๆ เลยให้ช่างเจาะประตูทำล๊อคแยกต่างหากเพื่อกันไว้อีกชั้น แปลกใจเหมือนกันที่เจ้าของหอไม่ได้ว่าอะไร... ลึกๆ ผมจินตนาการไม่ออกเลยว่า ถ้าเป็นคนที่ถูกทิ้ง และถูกปิดกั้นแบบเค้าบ้าง ความรู้สึกมันจะทรมานขนาดใหน นึกไปนึกมา... ลามไปถึงเรื่องที่เค้าขู่หนึ่งว่าจะทำของเขมรใส่ นี่ถึงขั้นต้องเล่นคุณไสยเวทย์มนต์ ฟังดูไปกันใหญ่ แต่แอบสยองอยู่เหมือนกัน... จะว่าไปเราก็เคยหยอกหนึ่งว่าเธอเหมือนแม่มด เพราะรู้สึกว่าเธอมีมนต์สะกดให้หลงใหล เธอหัวเราะ... ผมล้อเธอต่อ จนขนาดที่กล่าวหาว่าเธอปรุงยา และมีสูตรลับความงามพันปี เรื่องตลกระหว่างเราในร้านข้าวข้างมอ ตอนนี้มันอาจจะตลกร้ายกว่าที่คิด... ทางเดินหน้าห้องมืดสลัวเหมือนเคย ช่วงนี้ต้องให้เธอติดรถเพื่อนไปก่อนเพราะผมออกเร็วกว่าทุกวัน ด้วยมอเตอไซค์คันเดิมที่จอดอยู่ด้านล่าง ขี่ผ่านกลิ่นไอคุ้นเคยตลอดเส้นทาง ไม่ว่ายังไง เมืองนี้ก็เป็นที่สุดในเรื่องของบรรยากาศ อย่างที่หลายๆ คนบอก ...ว่าที่นี่มีมนต์ขลัง ถ้าเคยมาสักครั้งนึง จะทำให้หวนกลับมาคิดถึงอยู่ตลอด







"........." เสียงลมหวิวๆ

เฮ้อ...... นึกถึงตอนนั้นขึ้นมาทุกที... ที่ว่า "ต่อจากนี้จะเอายังไงต่อ..."

หลังกลับมาจากบังกะโลนั่น ผ่านมาห้าวัน เราไม่มีเซ็กส์กันเลย...

ส่วนนึงผมคงคิดไปเอง เป็นห่วง... ว่าร่างกายเธอน่าจะไม่พร้อม ภาพเหตุการณ์ตอนนั้นยังติดตาจนวันนี้ สภาพของร่องรู... ทั้งสองร่องบอบช้ำ เส้นเลือดแดงปูด ผิวหนังรอบๆ มีรอยแดงเป็นวงกว้าง ปากร่องกระตุกสั่นระบม ทำไมหนึ่งถึงผ่านความรุนแรงแบบนั้นมาได้ หรือความปรารถนานั้นมีอำนาจมากกว่าความเจ็บปวด เหมือนที่เรายังทนฝืนทำต่อได้ตอนที่เริ่มถลอก...

อีกส่วนคือเวลา เราแทบจะไม่ได้เจอกันในตอนที่ลืมตา ผมนอนเธอเพิ่งกลับ ผมออกไปเธอเพิ่งนอน ไม่มีเวลาแม้แต่จะพูดว่าวันนี้เป็นยังไงบ้าง ยิ่งถ้าเป็นเรื่องเหตุการณ์ในตอนนั้น ยิ่งไม่รู้ว่าเป็นตอนใหนที่เราจะได้พูดกันตรงๆ แบบเปิดใจ... อาจจะเป็นตอนนั่งกินข้าวสักที่นึง หรืออาจจะเป็นตอนที่นอนกอดกันโดยที่ยังไม่มีใครหลับ สักครั้งนึง ที่นึง ในเวลาอันใกล้... ยอมรับว่าในใจผมมันกลับมาแกว่งอีกแล้ว ความเงียบ ช่องว่าง กำลังขยายตัวออกไป มันขังเราไว้กับความคิดอีกครั้ง เธอคิดยังไงกับมัน... ความต้องการของหนึ่ง... หรือว่ามีอะไรลึกๆ ที่เรามองข้ามไป ความเคลือบแคลงในเหตุการณ์ที่ผ่านมา กำลังต่อสู้กับชีวิตที่ต้องดำเนินไปในปัจจุบัน มันฉุดรั้งเรากลับไปสู่จุดที่ดำมืด สับสน และติดในวังวนความคิดไม่สิ้นสุด

ครั้งสุดท้ายที่เราไม่ได้รู้สึกแบบนี้ คงต้องย้อนกลับไปช่วงสัมนาสโมสรนิสิตที่เกาะ SC เมื่อต้นเดือนพฤษภาคม ก่อนเหตุการณ์ที่บังกะโล... ตอนนั้นที่เราแอบย่องไปหาหนึ่ง เธออยู่ในสภาพเปลือยเปล่าหลังประตูห้องพักศูนย์อบรม...







Photo by ekeidar on Wikimedia




...เหตุการณ์เมื่อวันที่ 7พฤษภาคม 2555

ไม่รู้ว่าเป็นความคิดของอาจารย์ที่ปรึกษาฝ่ายกิจกรรมนิสิตคนใหม่ หรือเรื่องเกี่ยวกับงบประมาณกันแน่ ที่ทำให้ทีมจัดกิจกรรมทุกๆ ฝ่าย กว่า 30 ชีวิต มาลงเอยกันที่เกาะนี้ ไม่ว่าจะหลีด สันทนาการ อเมริกันเชียร์ แสตนด์เชียร์ หรือที่ชอบเรียกย่อๆ กันว่า หลีด-สัน-มะกัน-เชียร์ รวมถึงฝ่ายสโมสรนิสิตและฝ่ายคณะจัดกิจกรรม... ตัวแทนฝ่ายหลีดไม่ใช่คนอื่นใกล "หนึ่ง" แฟนสาวเราเอง... ส่วนผมเป็นตัวแทนฝ่ายกิจกรรม มากับเพื่อนที่เป็นหัวหน้าทีมปีนี้และรุ่นน้องอีกคน เนื้อหางานประชุมไม่ได้มีอะไรมากอย่างที่คิด แค่พูดคุยวางแผนทั่วๆ ไป โดยเน้นความแม่นยำเรื่องตารางเวลาและการทำงานร่วมกัน เนื่องจากทีมงานส่วนใหญ่มีประสบการณ์กันมาทั้งนั้นไม่ว่าจะในฐานะรุ่นพี่ที่จัด และในฐานะรุ่นน้องที่เข้าร่วมกิจกรรม งานประชุมใช้เวลาไม่นาน... ส่วนเหตุผลที่หนึ่งมาที่นี่ ไม่ใช่แค่เรื่องการมาเป็นตัวแทนหรือตามผมมาเท่านั้น หลักๆ ก็คือมาตอกย้ำเรื่องงบประมาณที่ฝ่ายหลีดขอไปมากกว่า...

ภาพที่รุ่นพี่เธอยืนร้องไห้ในการประชุมร่วมครั้งก่อน เรื่องการขอเบิกงบประมาณเครื่องแต่งกายที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก ส่อแววว่าจะถูกตัดงบเผื่อเฉลี่ยให้ฝ่ายอื่น คู่กรณีตัวใหญ่คืออเมริกันเชียร์ เพราะสันทนาการไม่มีการแข่งขัน ส่วนแสตนด์เชียร์ทำงานร่วมกับหลีดมืออยู่แล้ว

.........

ปัญหามันเกิดมาจากปีนี้แต่ละฝ่ายก็ได้ตัวท๊อปๆ เข้ามากุมบังเหียน และเป้าหมายไม่ใช่แค่รองอันดับสองหรือสาม แต่คือการชนะเลิศ... ดังนั้นงบประมาณคือสิ่งสำคัญที่ไม่ว่ายังไงก็ต้องรีดมาให้ได้มากที่สุด สงครามฟาดฟันเรื่องงบประมาณที่มีอย่างจำกัดก็เกิดขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ โดยรุ่นพี่เธอให้เหตุผลว่า "ถ้าชุดไม่ดี น้องก็ไม่อยากเต้น เพราะน้องไม่มีกำลังใจ" "ที่ขอไปไม่ได้ขอมากกว่าเดิม แค่ขอเท่าเดิมแบบที่เคยได้" แถมยังงัดตำแหน่งรองชนะเลิศอันดับสามปีที่แล้วขึ้นมาเสริมน้ำหนัก ส่วนฝ่ายมะกันเชียร์ก็เปรยๆ ว่าปีนี้อยากได้แชมป์เหมือนกัน และก็ยอมให้หลีดกินส่วนแบ่งงบประมาณมากกว่าฝ่ายอื่นๆ มาหลายปีแล้ว อีกอย่าง การที่อเมริกันเชียร์ไม่เคยได้รางวัลอะไรดีๆ ก็เพราะงบส่วนใหญ่มันเทไปทางหลีดมือนั่นแหละ...พูดมาแบบนี้บรรยากาศยิ่งร้อนระอุ ฝ่ายอื่นๆ จากที่ไม่น่าจะมีปัญหา ต่างพากันลุกฮือส่งเสียง ยกมือขอพูดกันเป็นระวิง การประชุมในวันนั้นจบไปโดยไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัด แต่ที่เห็นชัดๆ เลยคือรุ่นพี่คณะจัดกิจกรรมของฝ่ายเรา ซึ่งก็คือคนที่เขียนโครงการและสามารถชี้เป็นชี้ตายในเรื่องงบได้ มีท่าทีไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไหร่กับรุ่นพี่ฝ่ายหลีด

"เชี่ย... บีบน้ำตาแบบนี้ทุกปีเลยว่ะ" รุ่นพี่ผมพูดไว้แบบนั้น







จากรอยร้าวดังกล่าว ก็ส่งผลถึงความสัมพันธ์ของผมกับหนึ่งในระดับที่พอรู้สึกได้ เพราะจบประชุมวันนั้น ผมยังต้องกลับไปถกกับเธอที่ห้องต่ออีกระลอก ต่างคนก็ต่างมีเหตุผลของตัวเอง

"ถึงปีนี้ไอภาสมันเป็นคนเขียนโครงการ... แต่พวกพี่ตั้มเค้าก็ยังคอยดูอยู่ดี..."

ผมบอกเท่าที่รู้

"...เราไม่อยากพูดอะไรมากแล้วอ่ะนน พี่หลินเค้าพูดไปหมดแล้ว ที่เหลือก็แล้วแต่นน กับเพื่อนและพี่ๆ ของนนนั่นแหละ"

อย่างที่เห็น การประชุมเล็กๆ ที่ห้องก็จบไม่สวยเหมือนกัน...

ซ้ำร้ายความสัมพันธ์ระหว่างผมกับหนึ่งยังถูกเพ่งเล็งว่าเอื้อผลประโยชน์หรือไม่จากสายตาของทุกๆ ฝ่าย ไม่เว้นแม้แต่ในทีม "กูว่าเรามีหนอนแล้วว่ะ..." ไอ้พากหยอก พูดเล่นเป็นเรื่องตลก "เป็นไงมั่งอ่ะมึง หนึ่งกลับไปดราม่าต่อเปล่า..." ไอก๊อตถาม "จะเหลือเหรอ..." ผมได้แต่ทำหน้าเซ็งๆ "มึงโดนแผนนารีพิฆาตป่าวเนี่ยไอนน..." ไอนิคซ้ำ "พิฆาตเหี้ยไร... ไอภาสมันเขียนโครงการ อย่างกูจะไปเปลี่ยนอะไรได้" "มันก็ต้องมีเกรงมึง นิดๆ มั่งแหละ..." ไอก๊อตตาม "มึงพูดหยั่งกะไอภาสมันเขียนคนเดียวได้เลยเนอะ พี่ตั้มอีกอ่ะ... เค้าก็ดูอยู่ป่าว เค้าไม่ถูกกับหลีดอยู่แล้ว"

"ไม่ถูกกันเหี้ยไร ตอนนั้นแกยังชี้ให้กูดูอยู่เลย..." ไอก๊อตเริ่มเล่า

"ดูอะไรว่ะ..." ผมงง

"ตอนแรกกูก็สงสัยเหมือนมึงอ่ะ... พอมองตามนิ้วแกไปดีๆ อ่าว... ไอสัส ชี้ให้กูดูขาอ่อนหลีด"

เท่านั้นแหละ... ฮากันทั้งวง

"เออ ไอเชี่ยย พี่ตั้มแม่งหื่นชิบหาย... ฮ่าๆๆๆ" ไอพากท้องแข็ง

"เห้ยๆๆ พวกมึงนินทาไรพี่ตั้ม เดี๋ยวกูฟ้องเลย..."

ไอภาสเดินเข้ามาพอดี

"เออ ...แต่แกก็หื่นจริงๆ ฮ่าาๆๆๆ..." กลายเป็นมันหัวเราะไปอีกคน

เรื่องดีกรีความหื่นของแก ทำผมนึกย้อนกลับไปตอนที่กำลังคัดเลือกตัวแทนรุ่นน้องเข้ามาเสริมทีม ช่วงหลังสอบปลายภาค วันนั้นทีมเราอยู่กันพร้อมหน้าทุกคนในห้องสโม อยู่ๆ แกก็พูดขึ้นมา... "เห้ย ไอนน อีบุดมันอยู่เอกเดียวกะมึงป่ะ...ที่เป็นหลีดอ่ะ" พี่ตั้มถาม "ใช่พี่... แต่ไม่ค่อยเจอมันหรอก แม่งไม่ค่อยมาเรียน" "แม่งน่าเย็ดชิบหาย..." "เออ...อีนี่ต้องโดนสักสามไม้ กูว่าแม่งรับได้สบายๆ" พี่บึก รองประธานในตอนนั้นผสมโรง "...แม่งโดนจนพรุนหมดแล้วมั้ง" ...ตอนนั้นผมไม่เข้าใจคำว่า "สามไม้" คืออะไร แต่พวกรุ่นพี่คุยกันออกรสออกชาติเป็นพิเศษ ยังงงว่าทำไมต้องมีอาการกันขนาดนั้น โดยเฉพาะพี่บึก ปกติแกเป็นคนจริงจังกับงานและเคร่งวินัยในทีมมากที่สุด

"ได้ข่าวมึงไปสอยหลีดมานี่หว่า... ชื่ออะไรนะที่อยู่เอกเดียวกับมึงอ่ะ เอกมึงนี่หลีดกี่คนวะ..."

"ก็มีแค่ผู้หญิงสองคน อีกคนเป็นผู้ชายมันออกติ๋มๆ หน่อย..."

"แล้วที่เป็นแฟนมึงอ่ะชื่ออะไร..."

"หนึ่ง..."

"เออใช่ หนึ่ง... ชื่อหนึ่ง กูจำได้แล้ว"

"เป็นบ้างอ่ะมึง เด็ดมั้ย..."

"พี่ก็ถามอะไรไปเรื่อย..." ผมหัวเราะ

"น่าล่อเหมือนกันนะแฟนมึงอ่ะ ถ้ากูได้นะ กูจะจัดให้สามไม้เลย..."

"กูจองรูหน้านะ... มึงเอารูตูดไป" พี่บึกหันมาพูด

"เหี้ยนนเย็ดปาก ส่วนไอพาก ไอนิค ให้แม่งชักว่าวไปด้วย..."

"เกินๆ ไอสัส... ห้าไม้เลยเหรอ แล้วเหี้ยก๊อตกับไอภาสอ่ะ"

"ให้แม่งชักว่าวนั่งดูไป..."

พวกเพื่อนๆ พี่ๆ มันแซวเล่นสนุกสนานกันใหญ่โต แอบเคืองๆ แกนิดหน่อย ที่เอาหนึ่งมาพูดเสียๆ หายๆ... แต่ไม่ถึงกับถือโทษโกรธเคืองอะไรแก ส่วนใหญ่เราก็หยอกล้อกันเล่นแบบนี้ตามประสาผู้ชายอยู่แล้ว ไม่ใช่เราคนเดียวที่โดน แต่เล่นพูดซะจนเห็นภาพขนาดนี้ ใจมันสั่นแรงนำหน้าอารมณ์โกรธไปใกล ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ หนึ่งจะรู้สึกยังไง ปกติเธอก็เป็นคนเดายากอยู่แล้ว ...ความคิดบ้าๆ แว่บขึ้นมาแล้วก็หายไปในเวลาเดียวกัน

คำว่า "สามไม้" หมายความแบบนี้นี่เอง







.........

ภาพตัดกลับมายังห้องประชุมบนเกาะ SC ที่ทุกฝ่ายอยู่กันพร้อมหน้า... ตอนจบของปัญหางบประมาณ มันก็มีเรื่องดีเกิดขึ้นมาแบบแปลกๆ

"เอ่อ... อย่างนี้นะครับ เรื่องหลีดมือ... ที่ของบมาเท่าเดิม ไม่มีปัญหานะ อาจารย์เค้าโอเค..." เสียงจากนายกสโมกล่าวกึ่งสบตาตัวแทนหลีดที่นั่งอยู่แถวกลาง

ผมที่กำลังง่วง หันไปเห็นหนึ่งนั่งอมยิ้ม... เธอคงอดรนทนรอกลับไปบอกข่าวดีกับคนในทีมไม่ใหว

"ได้แล้วนะ... ดีใจด้วย" พูดเสร็จผมก็ฟุบหลับไปกับโต๊ะ มารู้จากปากนายกสโมทีหลังว่าอาจารย์อัดฉีดงบเพิ่มให้ กลายเป็นว่าวินวินทุกฝ่าย จบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้ง เรื่องนี้ทำให้ผมรู้สึกเคารพและสนใจอาจารย์ที่ปรึกษาคนใหม่นี้เป็นพิเศษ เธอชื่อว่า "อาจารย์บุ๋ม" สาวร่างอวบในวัยสามสิบต้นๆ ยังอ่อนวัยและดูน่ารัก ถึงบางครั้งจะดูดุไปบ้าง

หลังงานประชุมจบคืนนั้น ก็เหมือนผึ้งแตกรัง คนอื่นๆ แยกย้ายกันพักผ่อนตามอัธยาศัย ส่วนใหญ่ก็ไปกินเลี้ยงและเล่นน้ำทะเลกันตอนกลางคืนที่ชายหาดอีกฝั่งของเกาะ... หนึ่งขอกลับไปนอน ห้องนอนผู้ชายกับผู้หญิงอยู่แยกกันคนละอาคาร ส่วนผมปลีกตัวมานอนอยู่คนเดียวในห้องพักแอร์เย็นฉ่ำ นั่งเล่น PSP... คิดๆ ไปแล้วถ้าเอางบงานประชุมครั้งนี้มาใส่เพิ่มให้กับทุกๆ ฝ่าย จะได้เป็นเงินขนาดใหนกันนะ... ค่าเช่าสถานที่ศูนย์อบรมขนาดมหึมา มีที่พักในตัวที่เรียกได้ว่าหรูหรา ตั้งอยู่บนโลเคชั่น top view ของเกาะนี้เลย มองออกไปเห็นชายฝั่งทะเลและตัวเกาะโอบล้อม ราคาคงไม่ธรรมดา... ใหนจะเรื่องค่าเดินทาง ค่าอาหารการกินของ 30 กว่าชีวิต ผมเดาๆ ว่างบประมาณครั้งนี้คงใกล้หลักสองหมื่นปลายๆ... ถ้าเราประชุมกันที่มหาลัย ก็คงไม่ต้องเสียงบตรงนี้ เหลืองบไปให้แต่ละฝ่ายได้ใช้สอยอีกมากมาย เพราะดูแล้วมันเหมือนเรามาเที่ยวพักผ่อนกันมากกว่าที่จะมาสัมนาอย่างที่จั่วหัวเอาไว้

งานประชุมจริงๆ มีแค่สองชั่วโมง 18:00-20:00

ส่วนที่เหลือ...

...

เอาเป็นว่า ละไว้ในฐานที่เข้าใจ...




Photo by Jingjun on Wikimedia




แม้ว่าความคิดเห็นต่องานนี้จะเป็นยังไงก็ตาม ผมไม่อาจปฏิเสธความงดงามของเกาะนี้ได้เลย ตัวเกาะอยู่ห่างจากท่าเรือเป็นระยะทาง 12 กิโลเมตร ใช้เวลานั่งเรือประมาณ 45 นาที มีให้บริการทั้งเรือเฟอร์รี่และสปีดโบ๊ท ผมไม่เคยอยู่บนเรือนานขนาดนี้มาก่อน นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ต้องนั่งเรือเพื่อไปเกาะ... บนเกาะมีแหล่งท่องเที่ยวมากมาย มีแลนด์มาร์คสำคัญๆ อยู่ 8 แห่ง ส่วนใหญ่เป็นทางเดินชมวิวธรรมชาติ สลับกับบางจุดที่ต้องขี่รถมอเตอไซค์เที่ยว เพราะอยู่ห่างกันเป็นกิโล การเดินทางที่นี่มีแค่สามวิธี เท้าเปล่า มอเตอร์ไซค์เช่า และสกายแลป ...สกายแลปคือรถสามล้อ คล้ายรถตุ๊กๆ แต่มีขนาดใหญ่กว่า ส่วนใหญ่ให้บริการแบบเช่าเหมาคันเพื่อวิ่งเที่ยวรอบเกาะ อีกจุดเด่นสำคัญของเกาะนี้ คือไม่มีผับ บาร์ หรือร้านเหล้ากลางคืนให้เห็น เหมาะกับการมาท่องเที่ยวของคู่รักที่ต้องการความสงบและความเป็นส่วนตัว...




Photo by ekeidar on Wikimedia




ผมแอบคิดไว้ว่าวันนึงเราคงได้มาด้วยกันสองต่อสอง น่าจะเป็นทริปที่หวานประทับใจและหนึ่งต้องรู้สึกดีแน่ๆ

"ตื้ดด... ตื้ดด... ตื้ด..." โทรศัพท์ดัง ขณะที่ผมกำลังคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย

"ตื้ดด... ตื้ดด..." ชื่อเล่นเธออยู่บนหน้าจอ

"ตึ้ด..."

"ฮัลโหล อยู่ใหนจ้ะ... อยากไปข้างนอกจัง" พอได้งบแล้วเสียงหวานจนผิดหู

"ดึกแล้ว ไม่มีรถวิ่ง... คงไปไม่ได้แล้วล่ะ... พวกนั้นมันเหมารถไปเล่นน้ำที่หาดกันหมดแล้ว"

"...เหรอ"

...น้ำเสียงเธอเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่

"เมื่อกี้มันก็ถาม แต่เราบอกว่าไม่ไป ไม่ต้องรอ..."

"อ่าว... แล้วนนอยู่ห้องคนเดียวเหรอ เรานึกว่าไปกะเพื่อน..."

"ไม่ๆ ไม่ได้ไป อยู่คนเดียว... เห็นตอนแรกบอกง่วงไม่ใช่เหรอ ทำไมยังไม่หลับ"

"ตอนแรกง่วง อาบน้ำแล้วตาสว่างจ้าา..." "ไม่มีไรหรอก... โทรมากวนเฉยๆ ...ไปแระ เจอกันตอนเช้านะ"

"โทรมาเช็คเหรอ ฮ่าๆๆ... โทษทีนะ ไม่ได้ไป อิอิ" ผมแซวเพราะรู้ทัน แต่ก็แอบดีใจที่เธอหึงเราบ้าง

"รู้ทันนะ เดี๋ยวจะโดน..."




Photo by Supanut Arunoprayote on Wikimedia




หลังจากวางสาย เล่นเกมต่อได้อีกสักพัก... ก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์กำลังแล่นเข้ามาใกล้ หลังเสียงเครื่องยนต์ใกลออกไป ก็เป็นเสียงฝีเท้านับสิบ เสียงพูดคุยจอแจ ประตูปิดปึงปัง ...พวกนั้นกลับมาเร็วกว่าที่คิด น่าจะเพราะอาจารย์บอกให้เลิกนั่นแหละ

"ไง ไอต๊อด ได้เล่นน้ำป่าวมึง..." มันกำลังปิดประตู "อ๋อ... ไม่ได้เล่นพี่ ไปนั่งเล่นเฉยๆ"

"เหี้ยภาสอ่ะ เมาเละป่าว..."

"เค้าไม่ค่อยดื่มกันนะ แต่ไม่รู้อ่ะ ผมอยู่กับเพื่อน..."

"พวกมึงมากันทำไมวะกูถามจริง ตอนประชุมนั่งกันเป็นสากกระเบือ ให้กูพูดอยู่คนเดียว ไอห่า... ตอนไปกินเลี้ยงนี่อย่างไว..." ผมด่าแบบติดตลก จะคุยเรื่องนี้ได้ก็ตอนที่อยู่กับมันแค่สองคนนี่แหละ ก่อนที่ฝ่ายอื่นๆ จะเข้ามา เพราะห้องนี้ผู้ชายนอนรวมกันประมาณ 5-6 คน

"พี่ต้องไปด่าพี่ภาสแล้ว... ผมเด็กใหม่ ผมไม่รู้เรื่อง... ฮ่าๆๆ"

"โถ่เอ๊ยย..."

ผมคุ้นเคยกับงานเลี้ยงฉลองหลังจบงานมากกว่า อีกอย่าง... พอได้เข้าไปรับรู้เรื่องงบ จะทำอะไรมันก็ตะขิดตะขวง รู้อยู่แก่ใจว่าไม่เหมาะไม่ควร ไม่ใช่คนคิดมากแบบพวกนั้นก็คงจะดี ถ้าได้ลองไปคุยเรื่องนี้กับไอภาส คงจะได้คำตอบสั้นๆ กลับมาว่า  "มึงก็สนุกๆ ไปเหอะ อย่าคิดมาก..."

ก่อนที่เปลือกตากำลังจะปิดลง... ก็เผลอคิดวนเวียน ย้อนกลับไปเรื่องที่เรามาคบกัน ไม่ใช่ครั้งแรกที่เคยสงสัยเรื่องนี้ ถ้ามองเผินๆ ก็เหมือนจะไม่มีอะไร แต่ถ้ามองในแง่ผลประโยชน์ มันก็คิดได้อีกอย่างเหมือนกัน อะไรๆ มันง่ายขึ้นสำหรับเธอรึเปล่า ...ได้แต่ภาวนาอย่าให้มีเบื้องหลังเบื้องลึกอะไร ผมไม่อยากคิด ไม่กล้าคิด ปล่อยให้เวลามันพิสูจน์ดีกว่า

นึกถึงคำพูดที่พี่หลินเคยพูดกับผมตอนที่รู้ว่าเราคบกัน ตอนนั้นแกเรียกให้ผมเข้าไปหา

"คบกันพี่ไม่ว่า แต่อย่าทิ้งขว้าง ดูแลกันดีๆ พี่ไม่อยากให้หนึ่งมันเสียใจ..."

ถ้ามีเรื่องผลประโยชน์อยู่เบื้องหลัง ผมคงไม่ได้ยินอะไรแบบนี้... พยายามบอกตัวเองให้ทิ้งความคิดที่ดูถูกความรักของหนึ่งออกไปซะที

.........




Photo by Mesise on Wikimedia




8 พฤษภาคม 2555
เวลาเช้าตรู่...

เสียงตึงตังอะไรกันวะเนี่ย นี่คนกำลังนอนนะเว้ย น่ารำคาญชิบ... รู้สึกเหมือนมีคนเดินไปมาในห้องร่วมๆ ห้าหกคน มีคนเปิดปิดประตูห้อง เสียงนาฬิกาปลุก คนคุยกัน ดังจนเริ่มรู้สึกตัว ผมหงุดหงิดขึ้นมาทันที ดึงผ้าห่มคลุมโปงนอนต่อ

นอนไปได้สักห้านาทีก็ได้ยินคนคุยกัน... เสียงคุ้นๆ

"ไอนนๆ ตื่นๆ..."

"ไอต๊อดมึงปลุกลูกพี่มึงดิ๊"

"พี่ปลุกเลย... ผมไม่กล้าปลุกแก"

พวกมันพูดถึงผมอยู่แน่ๆ เฮ้อ... เวรเอ้ย คนกำลังนอนสบาย มึงจะรีบแหกขี้ตาไปใหนกันแต่เช้าวะ ผมไม่สนใจ นอนต่อไปอีกสักพัก คิดในใจ... ไอพวกเวรเสียงดังจนเราตื่น ทำอะไรจะเงียบๆ หน่อยก็ไม่ได้ เกรงใจคนกำลังหลับบ้างสิวะ ไม่สบอารมณ์เลยจริงๆ

ผมเจอตอนเช้าวุ่นๆ แบบนี้อยู่บ่อยครั้งเวลาไปเข้าค่าย หรือไปค้างแรมกับเพื่อนหมู่มาก เพราะนิสัยเป็นคนที่นอนแล้วลุกยาก ถ้าไม่ตั้งนาฬิกาปลุกยังไงก็สายทุกงาน เลยต้องทนนอนหนวกหูเพราะคนที่ตื่นก่อนอยู่ทุกครั้งไป "งานดึกไม่กลัว กลัวงานเช้า" วลีประจำตัวที่ผมมักจะพูดกับพวกเพื่อนๆ เสมอ

แต่สุดท้าย... คิดไปคิดมา เอาวะ ลุกก็ลุก เสียงดังขนาดนี้ใครจะไปข่มตาลง

"เอ้า... พี่นนตื่นแล้ว พี่ภาสๆ เนี่ย... แกตื่นแล้ว" เสียงไอต๊อด "ตื่นเพราะพวกมึงเสียงดังเนี่ย... รำคาญชิบหาย"

"ไปเดินเที่ยวป่าวไอนน ออกไปพร้อมกัน..." ไอภาสอาบน้ำเดินออกมา กำลังเช็ดตัว "...เดี๋ยวกูถามหนึ่งก่อนจะไปด้วยป่าว" ผมเข้าใจ... ว่ารถที่เหมามามีจำนวนจำกัด ใครพลาดก็คงต้องหาทางกันเอง

"เร็วนะมึง เด็กๆ แม่งพร้อมแล้ว..." มันเร่ง "เรื่องเที่ยวนี่แม่งเร็วกันจัง มันมาเที่ยวกันใช่มั้ยเนี่ย... มึงก็เหมือนกันไอภาส ไอสัส กลับมากี่โมงเมื่อคืนอ่ะ"

"กูเหรอ กลับมาพร้อมไอต๊อด พอดีนั่งเล่นข้างล่างต่อ..."

ผมพับผ้าห่ม ควานหาโทรศัพท์โทรหาหนึ่ง เธอรับหลังเสียงสัญญาณสองสามครั้ง

"ฮัลโหลหนึ่ง ตื่นยัง ไปเที่ยวป่าว... รถเค้าจะออกแล้ว"

"ยังไม่ได้อาบน้ำเลยอ่า... ห้องน้ำมันมีห้องเดียว"

"มันก็มีห้องเดียวทุกห้องแหละ..." "อืม...... เอาไงดี..."

"...งั้นเอางี้ เดี๋ยวเราไปกันเองมั้ย" ผมเสนอ

อย่างที่รู้ กว่าหนึ่งจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ร่วมชั่วโมง ยังไงคนอื่นๆ รอไม่ใหวแน่ ให้คนส่วนมากมารอส่วนน้อยมันไม่ดีอยู่แล้ว ปล่อยให้ไปกันก่อนผมสบายใจกว่า... เธอตอบตกลงและสายก็ตัดไป

"เออ... หนึ่งยังไม่ได้อาบน้ำเลยว่ะ พวกมึงไปก่อนเลย"

"เฮ้ย รอได้ๆ บอกหนึ่งรีบอาบเลย..."

"พวกมึงรอไม่ใหวหรอก ไปก่อนเลยเชื่อกู เดี๋ยวกูไปกันเอง..."

"เอางั้นนะ... เออๆ... งั้นเดี๋ยวมึงมีไรโทรบอกกู เผื่อกูช่วยได้ ไปละ... เฮ้ยต๊อด ไปๆ แม่งยืนรอกันเต็มลานแล้ว" มันหันหลังปิดประตูเดินออกไปทั้งคู่ เสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นหลังจากนั้นไม่นาน รถกำลังเคลื่อนตัวห่างออกไปเรื่อยๆ จนในที่สุดเหลือแต่ความเงียบสงัด

...งั้นตอนนี้ทั้งศูนย์อบรมก็ไม่มีใครอยู่ ห้องที่หนึ่งพักอยู่ชั้นสองของอาคารอีกฝั่ง สมองนึกภาพเส้นทางการเดินอย่างรวดเร็ว

ตัดเคาน์เตอร์ชั้นแรก ขึ้นบันใด เลี้ยวซ้าย ห้องที่สอง...

.........

ผมรีบอาบน้ำแต่งตัว เดินมาตามทางที่พอจำได้ เพราะมาส่งหนึ่งเมื่อคืน โชคดีที่ไม่มีใครเห็น ตอนนี้หยุดอยู่ตรงหน้าห้อง ...ห้องนี้แหละ ไม่ผิดแน่ ...แต่ถ้าพลาดเคาะผิดห้อง แล้วเกิดมีคนอยู่จะทำยังไง ตึกนี้ทั้งตึกเป็นห้องพักผู้หญิง ถ้าโดนจับได้ เราไม่รอดแน่ ห้องแรกมั่นใจว่าไม่ใช่ ผมสับสนระหว่างห้องที่สองกับสาม เอายังไงดี

"กึง! กึง! กึง!..."

"กึง! กึง! ...แกร่ก........." ประตูแง้มเปิดออกก่อนลงน้ำหนักมือครั้งที่สาม

ร่างหญิงสาวกึ่งเปลือยตัวชุ่มน้ำ ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแค่ผ้าขนหนูผืนเดียว กำลังยืนหันหลังให้แสงแดดที่ส่องทะลุผนังกระจกบานใหญ่ ฉายภาพวิวแบบพาโนรามาเห็นพื้นที่ชายฝั่งของเกาะ ราวกับเป็นรางวัลที่เลือกเคาะได้ถูกห้อง... ผมยืนอ้ำอึ้ง ทั้งที่เป็นฝ่ายบุกเข้ามา

"กะแล้วเชียว... นนเข้ามาเร็ว" หนึ่งกระซิบ แล้วก็กลับเข้าไปในห้องน้ำ

"ห้องเธอไปกันหมดแล้วใช่ป่าว..." ผมรีบสาวเท้าเดินเข้าไป มือดึงลูกบิด ปิดประตูอย่างเงียบเชียบ "...ห้องเราอ่ะไปหมดแล้ว แต่ห้องข้างๆ ไม่แน่ใจ"

"ดีนะที่เราไม่เคาะผิดห้อง... โห วิวห้องนี้สวยจริง"

"อ่าว... ห้องผู้ชายไม่เหมือนกันเหรอ" เสียงเธอดังออกมาจากห้องน้ำ "ไม่เหมือนๆ ตรงระเบียงไม่ใช่แบบนี้" ผมมองออกไปเห็นห้องอื่นๆ ดีไซน์แปลกตา ตั้งอยู่บนหน้าผาและเนินเขาดูสวยงาม ส่วนใหญ่มีผนังด้านที่เห็นชายฝั่งเป็นกระจกอยู่แทบทุกหลัง โดยมีผ้าม่านผืนใหญ่ใช้ดึงเปิดปิดเพื่อความเป็นส่วนตัว

ผมนั่งรอบนที่นอนดูวิวเพลินๆ สักพักนึงเธอก็ออกมา... ยืนเปลือยกายเช็ดตัวจนแห้ง

"เราจะไปกันยังไงจ๊ะ..."

"ไม่มีปัญหา เมื่อกี้ไอภาสบอกว่ามีมอไซค์คันนึงไม่ได้ใช้ อยู่ข้างล่างนี่เอง..." มันโทรมาบอกตอนที่ผมกำลังออกจากห้อง ...ฮอนด้าคลิก สีน้ำเงิน กุญแจเสียบไว้แล้ว

"ของที่พักเหรอ หรือเช่าเค้ามา..."

"อาจารย์น่าจะเช่ามานะ แต่แกออกไปพร้อมพวกนั้นแล้ว เสร็จเรา..."

"ดีเลย เค้าจะไปถ่ายรูปสวยๆ" หนึ่งทำหน้าตื่นเต้นสนุกสนาน

คนที่มีความสุขที่สุดกับการมาสัมนาครั้งนี้คงเป็นเธอ งานก็สำเร็จ แถมได้เที่ยวอีก... ผมย่องเข้าไปกอดจากข้างหลัง ร่างเปลือยฉ่ำเย็นหลังอาบน้ำ ...เก็บอารมณ์เอาไว้ตั้งแต่เมื่อคืน ผมทนต่อไปอีกไม่ได้แล้ว

"หืมม......" หนึ่งยิ้ม "ไปปิดม่านก่อนป่าว..."

"ไม่ต้องหรอก เปิดไว้แบบนี้แหละ ได้บรรยากาศดี..."

หนึ่งยิ้มคล้องคอผม ดึงลงไปจูบ ผมหลับตาถอดเสื้อผ้าที่เพิ่งใส่มาออกอย่างรวดเร็ว ประคองร่างหนึ่งให้ล้มลงบนที่นอนสีขาวนุ่มนิ่ม ไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรมาก ทุกอย่างเริ่มต้นตรงขอบเตียง... จับต้นขาเรียวแยกออก ซุกหน้าไชลิ้นเลียเนื้อนูนผืนน้อยท่ามกลางวิวทะเลตระการตา

"อู๊ยยย........." หนึ่งหน้าแดง สัมผัสได้ว่าใจเธอเต้นแรง

ไม่นาน... ลิ้นก็รับรสชาติน้ำเสียวที่หลั่งมาปนกับน้ำลายในปาก รู้สึกว่าหนึ่งเครื่องติดเร็วเป็นพิเศษ เหมือนจะชอบเซ็กส์กึ่งโชว์และดื่มด่ำวิวธรรมชาติไปพร้อมกัน ทั้งในรูและปากร่องชุ่มฉ่ำพร้อมสอดใส่ นาทีนี้... ใครจะแอบดูหรือผ่านมาเห็นก็ไม่มีอะไรต้องแคร์ ไม่มีใครในเกาะนี้รู้จักเรา เราก็กลับกันวันนี้ ที่คนเห็นจะจำได้ก็มีแค่ "คนมีอะไรกันโดยไม่ปิดม่าน" เท่านั้นเอง

"อ่าา......" 







ร่องกลีบน้อยๆ เมือกชุ่ม ดูดท่อนเอ็นกลืนหายเข้าไปได้ใหลลื่น รวดเร็ว หนึ่งหน้าแดงมาก เหมือนคนเมาเหล้า เธอหันไปมองวิวนอกกระจกหลายครั้ง คล้ายๆ ระแวงคนเห็น ผมค่อยๆ เดินเครื่องสาวเอวเริ่มจากช้าๆ ให้สัมผัสภายในส่งถึงกันทุกอณู

"โอ้ยย...... ซี้ดดด... โอยย........."

หนึ่งครางสยิว ส่วนผมยิ่งแทงยิ่งมัน เมือกเธอใหลมากกว่าปกติ กระตุ้นสัมผัสที่หว่างขาให้ส่งความรู้สึกได้ไวขึ้น อารมณ์เสียวซ่านห่อหุ้มไปทั่วจุดรุกล้ำ ด้วยรูที่ใช้คล่อง ทำให้สอดใส่ได้จนสุดปลายทางทุกครั้งที่แทงเข้าไป ...หนึ่งคิ้วขมวด แอ่นเอว ผวาขึ้นกอด

"โอ๊ยย...... โอ๊ยย โอ๊ยย... อุ๊ย... นน..."

ผมตัดสินใจเผด็จศึกทันที เพราะกลัวว่าจะมีคนกลับมาเห็น ขยับเน้นๆ เข้าสุดออกสุด เธอเกร็งตัวลอย น้ำรักใหลล้นออกมาเป็นทาง

"เสียว... เสียว เสียว... โอ๊ยยย นน... อ๊ายยยยย..."

ผมระเบิดน้ำกามในเวลาใล่เลี่ยกัน สรุปว่าเราสองคนใช้เวลาเซ็กส์ไปไม่ถึง 15 นาที สภาพพวกเรายังดูสดใสดีทั้งคู่...

จากที่ก่อนหน้านี้เราไม่มีโอกาสเซ็กส์โชว์กันจนจบสักที... ยิ่งเป็นที่นี่ บนเกาะแห่งนี้ เวลาสายๆ เห็นพระอาทิตย์ขึ้น ทุกอย่างสว่างสใว บวกกับธรรมชาติที่สวยงาม องค์ประกอบต่างๆ ที่หายากอยู่รวมกันในจุดเดียว เราสองคนได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ อีกครั้ง โดยเฉพาะหนึ่ง... เห็นชัดเลยว่าเธอมีอารมณ์มากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า เทียบกับเซ็กส์นอกสถานที่ครั้งก่อนๆ ที่ไม่ค่อยสำเร็จ ครั้งนี้เหมือนปลดล๊อคทุกอย่างที่ยังทำไม่ได้

หลังแต่งตัวเสร็จ เราสองคนก็เริ่มขี่มอเตอไซค์ลัดเลาะเที่ยวตามเกาะ




Photo by ekeidar on Wikimedia




Photo by ekeidar on Wikimedia




Photo by ekeidar on Wikimedia




เริ่มต้นจากพระราชวังฤดูร้อน... ที่มีลักษณะโดยรวมเป็นลานต้นไม้ขนาดกว้างหลายสิบไร่ ติดริมชายทะเลฝั่งเดียวกับท่าเรือเทียบเกาะ ตรงจุดนี้ห้ามขี่มอเตอร์ไซค์เข้า จักรยานก็ไม่ได้ ให้เดินเท่านั้น เพื่อแสดงความเคารพต่อเขตพระราชฐานเก่า ภายในประกอบด้วยสระน้ำเก่าแก่ อาคารไม้โบราณ พิพิธภัณฑ์รำลึก และจุดที่คนมักจะมาถ่ายรูปกันมากที่สุด คือสะพานไม้สีขาวเด่นทอดตัวยาวออกไปในทะเลทางทิศตะวันออก ตามตำนานโบราณ สะพานนี้มีชื่อเรียกอีกชื่อนึงว่า "สะพานแห่งรัก" คงเพราะชื่อนี้... จึงมีคนมาถ่ายรูปคู่กันมากเป็นพิเศษ เราใช้เวลากันตรงนี้ร่วมๆ 2 ชั่วโมง มีมุมสวยๆ ให้ถ่ายรูปมากมาย ผมลั่นนิ้วกดชัตเตอร์ไปมากกว่า 400 ครั้ง เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน ทั้งเดินทั้งถ่าย แต่หลีดสาวเรากลับดูไม่เหนื่อยเลย ท่าทางเธอสนุกสนานเป็นพิเศษ...




Photo by ekeidar on Wikimedia




Photo by Supanut Arunoprayote Wikimedia




Photo by Supanut Arunoprayote on Wikimedia




จุดหมายต่อไป คือ "ช่องเขาขาด" เราพักกินข้าวกันที่นั่น... ตอนจอดรถเห็นไอภาสกับคนอื่นๆ กำลังกระจายตัวถ่ายรูปอยู่ตามจุดต่างๆ ภาพทิวทัศน์ที่เห็นตรงหน้าทำผมตะลึงไปหลายวินาที ขนาดหนึ่งยังร้องออกมาว่าสวยมาก ตรงนี้เป็นจุดที่สวยที่สุดของเกาะแห่งนี้เลยก็ว่าได้ เพราะเป็นทางเดินลัดเลาะสูงต่ำตามขอบผาหินของตัวเกาะ ระยะใกลสุดลูกตา มีทะเลเป็นฉากหลังขนาดมหึมา ถ้ามองจากหน้าผาลงมา จะเห็นน้ำทะเลสีฟ้าใสราวกระจกสะท้อนแสงแดดระยิบระยับ ถ้าเทียบกันแล้ว... เสียงลมทะเลและคลื่นที่เกาะนี้รุนแรงมากกว่าหาด BB ที่พวกเราคุ้นเคยหลายเท่า

ผมนั่งพักตรงศาลา เลื่อนดูรูปในกล้องดิจิตอลจำนวนมากกว่าพันรูป หนึ่งดูสวยกลมกลืนไปกับทุกวิวบนเกาะแห่งนี้ เหมือนบ้านเกิดเธออยู่ที่นี่ยังไงยังงั้น

"ถ้าได้มากับหนึ่งสองคน... น่าจะดีนะ"

"อื้อ... ไว้เรามากันนะ"

"ถ้าได้มาอีก จะพาหนึ่งเที่ยวให้ครบเลย..."

เธอยิ้มให้ตอนกำลังถ่ายรูปใบสุดท้าย เพราะเวลาใกล้จะหมด อาจารย์เรียกให้ทุกคนกลับไปรวมตัวที่ศูนย์อบรม เก็บข้าวของ แพ็คกระเป๋า ก่อนจะเช็คจำนวนและเดินทางกลับมหาลัย

.........

4 มิถุนายน 2555
05:45 น. เวลาปัจจุบัน...

"เฮ้ยย... เหี้ยนน มันมาเร็วว่ะ..." เสียงไอภาสลอยมาจากม้าหินอ่อน

"เลิกเป็นสายอาชีพแล้วเหรอมึงอ่ะ..." ไอก๊อตเอามั่ง

"อะไรวะสายอาชีพ..." ไอพากหันไปถาม

"สายอาชีพ ก็สายเป็นอาชีพไงไอสัส ฮ่าๆๆๆ" ไอนิคหัวเราะ

"เออ...... งานดึกไม่กลัวว่ะ กลัวงานเช้า... มาเร็วก็ว่า มาช้ามึงก็บ่น เอาไงแน่นิ"

เช้านี้พวกเราต้องวางแผนเดินแถวเข้างานบายศรีสู่ขวัญนิสิตใหม่... จริงๆ แล้วกิจกรรมเริ่มตอนเย็นหลังเลิกเรียนวิชาสุดท้าย ราวๆ หกโมงเย็น แต่ที่ต้องนัดมาคุยตอนเช้า เพราะแต่ละคนในทีมเลิกเรียนไม่ตรงกัน ประชุมตอนเย็นก็คงไม่สะดวก

ผ่านไปสองชั่วโมง...

"เอาตามนั้น... ตอนแรกก็จัดแถวน้องก่อน แบ่งเหมือนเดิม หญิง 12 แถว ชาย 4 แถว พอแถวหญิงเดินไปสาม ก็ให้ผู้ชายต่อไปแถวนึงสลับกันไป ส่วนใครจะเดินต่อใคร ไม่ต้องงง แค่จำว่ามึงต้องเดินตามใครแค่นั้น..."

"ตอนข้ามถนนก็เหมือนเดิม ให้น้องผู้ชายกันรถ... พวกเราคอยช่วยอีกที เน้นว่าเข้าสนามไม่เกินหกครึ่ง..."

ไอภาสทวนแผนการ

"ช้าไม่ช้า... ก็อยู่ที่พวกน้องมันจะมากี่โมงเนี่ย" ไอนิคบ่น

"เมื่อวันศุกร์เช็คแล้วไง sect ที่เลิกช้าสุดห้าโมงเย็น... ครึ่งชั่วโมง ยังไงก็มาทัน"

"โอเคๆ งั้นตามนี้นะ... ป่ะๆ แยกย้าย" หัวหน้ากล่าวจบ "เฮ้ยๆ สักแมตช์โว้ย... มาๆ เหลือเวลา นี่เพิ่งแปดโมง" ไอพากชวน

ที่สโมมีคอมตั้งโต๊ะอยู่เครื่องนึง บังเอิญมีคนลงเกม PES เอาไว้ พร้อมจอย PC เก่าๆ สองจอย นั่นคือกิจกรรมยามว่างของพวกเรา ถ้าเป็นก่อนหน้านี้... ผมคงโดดเข้าไปแย่งพวกมันเล่นแล้ว

แต่ช่วงนี้กลับรู้สึกแปลกๆ ไม่ค่อยอยากทำอะไร เบื่อๆ คิดวนไปวนมา ทุกอย่างรอบๆ ตัวดูเชื่องช้าหน่วงๆ สมองผมไม่อยากจะคิดอะไรเลย ร่างกายก็ไม่อยากขยับเขยื้อน ...ในความเป็นจริงทุกอย่างก็เคลื่อนใหวไปอย่างปกติ แต่เราแค่รับรู้มันช้าลง

"เฮ้ยไอนน สักหน่อยป่าว มึงมีเรียนแปดโมงเหรอวะ..." ไอพากเรียก

"ป่าวๆ กูเรียนเก้าโมง..."

"มาดิไอสัส ลองกะบาซ่ากูหน่อย"

"มึงเล่นเลย... เดี๋ยวกูนั่งดู..." ผมบอกปัด ไอก๊อตมานั่งเล่นกะมันแทน ส่วนไอนิคบอกว่าจะไปซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้ง ไอภาสนั่งง่วนอยู่กับงานเอกสาร

ผมนั่งดูได้ไม่นานก็แอบลุกออกมา คิดว่ากลับไปรับหนึ่งตอนนี้น่าจะทัน...
 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

zero009


drblackjack

หนึ่งติดใจแล้ว แต่จะหาคนร่วมยังไงที่ไว้ใจได้
เธอชอบทั้งเอาท์ดอและสวิงเลยนะเนี่ย

Gig11

น้องหนึ่งอ้ำอึ้งละ สงสัยติดใจ

Lonelyworm

น้องหนึ่งอยากลอง ต้องจัดให้น้องหนึ่ง  ::GiveMe::

peddo

เรื่องน่าสนุกขึ้นเรื่อยๆ มีแววปวดตับเพราะมีรุ่นพี่ที่น่สจะคุมไม่ได้มาเอี่ยว จะเจอกี่ไม้กันนะ

theballop

น่าติดตามมาครับ เล่าพร้อมภาพประกอบ

za007zapop

 ::Reader:: อืม จะไปรับหนึ่ง แล้วจะเจออะไรบาดตาบาดใจไหมนิ

Tik K.

ไปรับหรือจะไปทำอารัยกันแน่

auddy999


ผู้เฒ่าเซราะกราว

#10
นี่แสดงว่ารุ่นพี่ของนนก็จ้องอยากสวิงหนึ่งเหมือนกัน นี่ถ้าหนึ่งรู้ หนึ่งจะอยากลองโดนสามไม้ไหมนะ....หึหึ
  เพราะเคยโดนแฟนคนแรกพาหนึ่งไปรุมโทรม ก็เลยเป็นเรื่องที่ฝังใจมาตลอด แล้วก็คงจะติดใจรสสวาทแบบนั้นด้วย ถึงได้อยากให้ตั๊นมาช่วยเติมเต็มรสสวาทที่ ปรารถนา ถ้าเป็นแบบนี้ก็น่าจะมีโอกาสโดนสามไม้จากรุ่นพี่ของนนสินะ แต่จะเป็นทั้งหมดกี่ไม้ ก็คงจะต้องรอดูต่อไป แต่ถ้าจะให้ดีนนต้องพยายามพาหนึ่งไปพบจิตแพทย์เพื่อฟื้นฟูเยียวยาจิตใจหนึ่ง.....

a821405


pamaaeng

สวยๆ อย่างหนึ่ง สามไม้ไม่พอหรอก  ::HoHo::

Agalos von Stresermann

ใครจะเป็นรายต่อไปที่จะได้เป็นผู้โชคดีได้เยกับหนึ่ง
นนอาจจะพอ หนึึ่งอาจจะไม่และอาจจะยอมถ้าตั้นมาขอจนกลายเป็นntr
ไม่ก็ นนติดใจจนต้องจัดอีก

kobjuk

หนึ่งนี่ร้อนแรงจริงๆ รอดูจะได้กี่คน