ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

Darkness Circle / วงจรแห่งความมืด ตอนที่ 35

เริ่มโดย เจตภูติ, มิถุนายน 08, 2021, 08:28:04 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

เจตภูติ

สำหรับเพื่อนๆ ที่ยังไม่ได้เป็นสมาชิกเว็บอยากอ่านส่วนที่ซ่อนไว้ ในนั้นจะลงช้ากว่าที่เว็บนี้หนึ่งตอนนะครับ
https://www.tunwalai.com/v2/story/499798

Darkness Circle / วงจรแห่งความมืด ตอนที่ 35

เจษฎาหลบออกมาจากบ้านของเสี่ยพิพัทธ์ในตอนเช้ามืดหลังจากที่กรำศึกหนักกับคุณหนูลูกเจ้าของคฤหาสน์มาทั้งคืนจนไม่ได้นอน แล้วควบรถมอเตอร์ไซค์ที่ยืมมาจากฟิลด์กลับมายังที่พัก ชายหน้าเข้มเข้าไปอาบน้ำให้รู้สึกสดชื่นคลายความเมื่อยล้า ก่อนจะทิ้งตัวลงบนที่นอนผลันคิดไปถึงเรื่องปฏิกิริยาของเหล่าสาวๆ ที่เขามีสัมพันธ์ด้วย จะว่าแปลกก็แปลกที่สาวๆ มักจะมีอารมณ์ร่วมทุกครั้งที่เขามีอารมณ์ทางเพศ จนอดไม่ได้ที่นึกถึงบทสนทนาของเขากับนักโทษชรามนคืนนั้น

"อาการข้างเคียง!" เจษฎาอุทานเสียงดัง ตกใจเราวกับได้ยินหมอบอกผลวนิฉัยว่าเขาเป็นโรคร้ายยังไงยังงั้น

"ใช่อาการข้างเคียง หรือก็คืออาการผิดปกติของร่างกายอย่างอื่น นอกเหนือจากความสามารถที่ได้จากของเหลวนั่น ฉันเรียกมันว่าอย่างนั้น แล้วคนที่มีของนั้นก็จะมีอาการกันทุกคน" อดีตนักโทษชราอธิบายง่ายๆ เหมือนกับเป็นเรื่องทั่วๆ ไปแบบเป็นไข้แล้วก็ต้องปวดหัวอะไรทำนองนั้น

"เดี๋ยวนะ ทำไมไม่บอกกันก่อน แล้วมันจะเป็นอันตรายรึเปล่า" เจษฎาเริ่มมีความกังวลกับข้อมูลใหม่ที่เพิ่งได้รับ

"ตอนนั้นมันจำเป็นเร่งด่วน เพราะข้าต้องช่วยชีวิตเอ็งเอาไว้ก่อน ลองคิดดูว่าเอ็งรอดเพราะมันมากี่ครั้งแล้ว ข้าก็อยากให้เอ็งเข้าใจข้าหน่อย"

"อืม...ผมเข้าใจแล้ว ขอบคุณลุงมากนะ ว่าแต่ไอ้อาการที่ว่านี่มันเป็นแบบเดียวกันทุกคนเลยรึเปล่า" เมื่อได้ยินอดีตนักโทษชราบอกเหตุผลอย่างจริงจัง รวมกับเรื่องที่เขาได้ประโยชน์จากสิ่งนั้น เจษฎาก็ได้แต่ให้อภัยถึงจะไม่เข้าใจว่าอดีตนักโทษชราทำไปทำไมก็ตาม

"ไม่ค่อยซ้ำกันหรอก มันแล้วแต่ร่างกายของแต่ละคน"

"แล้วไอ้อาการข้างเคียงที่ว่านี่มันมีอาการเป็นยังไงบ้างละ" เจษฎาคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกตลอดสิบปีมานี่นอกจากร่างกายที่ไร้บาดแผลก็ไม่มีอะไรผิดปกตินอกจากท่อนเนื้อที่ขยายใหญ่ขึ้นของเขา แต่ก็อายเกินกว่าจะพูดออกไป

"แบบทั่วๆ ไปก็จะเกี่ยวข้องกับความต้องการพื้นฐานตามสัญชาตญาณของสิ่งมีชีวิต อย่างเรื่อง กิน พักผ่อน ขับถ่าย แล้วก็สืบพันธ์ุ อ้อ...แล้วก็มีแบบที่พิเศษกว่าพวกนั้นนิดหน่อยจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสมอง"

"ทำไมมันกว้างจัง มีจุดอะไรให้สังเกตุบ้างไหม ยกตัวอย่างหน่อยสิลุง"

"เอาที่ง่ายๆ เห็นได้ชัดๆ ก็แบบ ได้กลิ่นดีขึ้น มองเห็นดีขึ้น ไม่ก็ได้ยินดีขึ้น การตอบสนองไวขึ้น นอนน้อยแต่ร่างกายรู้สึกสดชื่น อะไรทำนองนั้น แบบที่สังเกตุยากหน่อย ก็พวกลางสังหรณ์ หรืออำนาจจิต"

"ฟังแล้วเหมือนจะมีแต่ส่งผลดีเลยแหะ"

"ไม่หรอก แบบส่งผลเสียก็มี อย่างเรื่องเกี่ยวกับการควบคุมอารมณ์ มีพฤติกรรมผิดแปลกไปจากเดิม อวัยวะทำงานผิดปกติหรือมีรูปลักษ์ผิดไปจากปกติ เห็นภาพหลอน หูแว่ว หรือมีอาการทางจิต"

"ชักเริ่มน่ากลัวแล้วสิ" เจษฎาคิดตามก็รู้สึกกังวล ไม่แน่ว่าอีกหน่อยเขาอาจจะมีอารอย่างที่อดีตนักโทษชรายกตัวอย่างขึ้นมาบ้างก็ได้

"แล้วเอ็งพอจะนึกออกบ้างไหมว่าร่างกายมีอะไรต่างไปจากปกติรึเปล่า นอกจากเรื่องยิงฟันไม่เข้า เผื่อข้าจะได้ช่วยหาทางแก้ไขหรือรับมือ"

"...ก็มีนะ...แบบว่า..." เจษฎาอึกอักไม่อยากพูดถึงเรื่องประหลาดน่าอาย เพราะไม่ใช่การพูดแบบทีเล่นทีจริงในววงเหล้าเหมือนตอนที่บอกอ๊อด

"แบบว่าอะไร ตกลงเอ็งจะพูดไหม อาการเป็นยังไงก็ว่ามา ไม่ต้องอายข้าไม่ว่าเอ็งบ้าหรอก" อดีตนักโทษชราเค้นเอาคำตอบ

"มันทำให้อวัยวะใหญ่ขึ้นได้ไหมลุง" เจษฎาลองเกริ่นออกมาก่อนเมื่อถูกจี้ถามมากเข้า

"ก็ได้นะ..." อดีตนักโทษชราทิ้งเสียงแล้วพยายามเพ่งมองสำรวจร่างกายของเจษฎาก็ดูไม่มีส่วนไหนเปลี่ยนแปลงไปจากตอนที่ติดคุกอยู่ด้วยกันมากนักไม่ได้มีนัยยสำคัญอะไร ก็แค่ผอมลงไปเท่านั้น จนเขาอดสงสัยไม่ได้ "ทำไมรึ"

"ก็หลังจากสัก ไอ้นั่นของฉันมันก็ค่อยๆ ใหญ่ขึ้น ใหญ่กว่าเดิมเยอะเลย... " เจษฎาเว้นระยะหายใจแบบข่วยเขินก่อนจะบอกความเปลี่ยนแปลงที่เหลือออกมา "เหมือนจะมีเอารมณ์มากขึ้นด้วย"

อดีตนักโทษชราเงียบไปครู่หนึ่ง จ้องหน้าคล้ายจะล้วงเอาคำตอบที่ลึกลงไปมากกว่าเดิม "...แค่นั้นเองเหรอ"

"แล้วไอ้อาการข้างเคียงนี่มันทำให้คนมาชอบเราได้รึเปล่า" เจษฎาลองถามในสิ่งที่เขาสงสัยเนื่องจากความมีเสน่ห์ที่ผิดกับเมื่อก่อน

"อืม...ทำให้ชอบได้รึเปล่าข้าก็ไม่แน่ใจนะ แต่ถ้ามันส่งผลเกี่ยวกับการสืบพันธ์บางทีอาจจะทำให้ร่างกายทำบางอย่างที่เป็นการดึงดูดให้ตัวเมียอยากมาผสมพันธ์ด้วยก็อาจจะเป็นได้"

"ตัวเมียเลยเหรอ ผู้หญิงก็พอมั้ง"

"อย่าบอกนะว่าไอ้ที่เอ็งถามๆ มาเนี้ย เอ็งคิดว่ามันเกิดจากอาการข้างเคียง" อดีตนักโทษชราถึงบ้างอ้อยิงคำถามตรงใจ

"แล้วเป็นไปได้รึเปล่าละ" เจษฎาสวนกลับด้วยเสียงดังแบบเขินๆ

"ก็มีโอกาสจะเป็นไปได้ ฟังจากที่เอ็งพูดมา นี่เป็นอาการข้างเคียงที่ไร้ประโยชน์มากเลยนะ แต่ก็เอาเถอะยังไงก็ดีกว่าแบบที่เป็นโทษละกัน ต่อไปก็คอยระวังเอาไว้หน่อย ถ้ามันมากจนสร้างปัญหาหรือควบคุมไม่ได้ต้องรีบอกข้าเลยนะ"

เจษฎาที่กำลังคิดทบทวนเรื่องที่พูดคุยกับนักโทษชราในคืนนั้นเพื่อไขความข้องใจ แต่ยังไม่ทันจะได้คำตอบที่น่าพอใจก็เผลอหลับไปด้วยความอ่อนเพลียที่กรำศึกหนักมาทั้งคืน แม้ด้านนอกดวงอาทิตย์จะโผล่พ้นขอบฟ้าส่องแสงสว่างไปทั่วบริเวณ

..................................................

ชายวัยหกสิบกลางๆ รูปร่างสันทัด หน้าผากกว้างผมเผ้ายาวถึงต้นคอ หนวดเครายาวถึงหน้าอก ทั้งผมและหนวดเป็นสีดอกเลา ร่างกายยังดูแข็งแรงกว่าคนวัยเดียวกันอยู่มาก แต่งกายด้วยเสื้อผ้าชุดขาวตลอดตัว สะพายย่ามผ้าฝ้ายห้อยสร้อยประคำหลายเส้น ชายคนนั้นเดินตรงไปที่ห้องพักผู้ป่วยพิเศษด้วยท่าทางน่าเกรงขราม พร้อมกับชายตัวโตที่มีท่าทีนอบน้อมเดินตามมาติดๆ

ชายทั้งคู่เดินฝ่าลูกน้องกำนันหลายคนที่เฝ้าอยู่หน้าห้องไปที่ประตูโดยที่นักเลงเหล่านั้นก็แสดงความเคารพด้วยยกมือไหว้ท่วมหัว หลังจากเข้ามาด้านในคนติดตามของหมอผีเฒ่าจะหลบไปยืนอยู่ริมห้อง ปล่อยให้หมอผีเฒ่าเดินเข้าไปทักทายกำนันประเสริฐที่มีไอ้รถถังคอยยืนอารักขาอยู่ข้างเตียงผู้ป่วย

"ไม่ต้องๆ นอนพักเถอะ เป็นยังไงบ้าง นี่โดนมันร้ายขนาดเล่นงานกำนันถึงกับเข้าโรงหมอเลยเรอะ" หมอผีเฒ่ายกมือขึ้นปรามกำนันประเสิรฐที่กำลังจะยันตัวขึ้นมายกมือไหว้ด้วยท่าทางมีเมตตา หมอผีเฒ่าหรือที่คนทั่วไปเรียกขานว่าอาจารย์ยมรู้เรื่องราวได้โดยไม่ต้องเสียเวลานังสามาธิเข้าฌานให้ปวดหลัง เพราะเรื่องขอกำนันก็เป็นที่โจษจันในหมูนักเลงที่ชอบลี้ลับจนไปเข้าหูของแกตั้งแต่วันแรกๆ แล้ว

"ก็ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกอาจารย์ แค่อายุมากแล้วหมอก็เลยให้อยู่ดูอาการนานหน่อย" กำนันประเสริฐบ่นแบบเบื่อหน่ายแต่เพื่อความสบายใจก็ต้องยอมทำตามที่แพทย์สั่ง

"แล้วกำนันอยากให้ฉันทำอะไรละ ปัดรังควาน ไล่ผี หรือได้ของขลังไว้ป้องกันตัว" อาจารย์ยมไม่อ้อมค้อมตรงเข้าประเด็นในสายงานของเขาทันที

"จับมันถ่วงน้ำไปเลย ของเขิงอะไรไม่เอาแล้ว ตอนที่โดนมันเล่นงานก็ห้อยของที่อาจารย์ให้มา ก็ยังอยู่ในสภาพนี้เลย" กำนันหุ่นหมีบ่นเป็นหมีกินผึ้ง เพราะของขลังที่เช่าบูชามาเป็นเงินไม่น้อยกลับไม่ช่วยคุ้มภัยอะไรให้เขาเลย

"อุบ๊ะ มันร้ายขนาดนั้นเลยเรอะ ถ้ามันจะเฮี้ยนขนาดนั้น สงสัยข้าคงต้องออกโรงเองแล้ว" อาจารย์ยมอุทานดัง ไม่ปักใจเชื่อว่าของขลังเขาจะไร้ประโยชน์ รู้สึกเหมือนกำลังโดนหยามน้ำหน้า

"ไม่รู้ละ อาจารย์ทำอะไรได้ก็ทำเลย เรื่องค่าใช้จ่ายฉันไม่อั้น" กำนันประเสิร์ฐขึ้นเสียงเหมือนเด็กเอาแต่

"ได้ ข้าละชอบนักเชียว พวกผีมีของเนี้ย เดี๋ยวข้าจะไปสะกดวิญญาณมันเอามาทำโหงพรายไว้คอยรับใช้ แล้วจะเลาะหนังมันออกมาทำผ้ายันต์ให้ดู" อาจารย์ยมยิ้มหวานเมื่อได้ยินคำว่าไม่อั้น ก่อนจะรับปากมั่นเหมาะ พร้อมกับอวดสรรพคุณฤทธิ์เดชไปด้วยในตัว

"แล้วแต่อาจารย์เลย แต่ฉันไม่ไปด้วยนะ หมอบอกไม่ให้ไปไหน" กำนันประเสริฐยกเรื่องหมอขึ้นมาบังหน้า ตอนนี้เขายังไม่พร้อมที่จะไปเจอเรื่องพรรค์นั้น

"ข้าเข้าใจ กำนันก็ให้ลูกน้องมานำทางฉันไปที่ที่จัดการมันละกัน" หมอผีเฒ่ายิ้มอ่อนแต่ก็เข้าใจเพราะยังกำนันประเสริฐก็คือลูกค้ารายสำคัญ

"ได้ๆ เฮ้ยไอ้พวกข้างนอกเดี๋ยวมึงไปตามไอ้ฟิลด์มาหาอาจารย์ แล้วก็ให้มันไปคอยดูงานคืนนี้ด้วย" กำนันประเสริฐสั่งการอย่างลิงโลดเสียงดังไม่เกรงใจสถานที่

"ได้ครับกำนัน" เสียงชายฉกรรจ์ขานรับมาจากหน้าหน้าห้องไร้ความเกรงใจแบบเดียวกับเจ้านายของพวกมัน

"มันจะดีเหรอกำนัน" ไอ้รถถังที่เหมือนไม่ชอบหน้าฟิลด์อยู่ก่อนแล้วกระซิบค้านเบาๆ

"เออ ให้มันไปดูนั้นแหละ มันทั้งเป็นคนฝั่ง ทั้งโดนสิง ไม่ให้มันทำใครจะทำ มึงเหรอ" กำนันประเสิร์ฐกระแทกเสียงประโยคท้ายพร้อมมองอย่างท้าทาย

ไอ้รถถังส่ายหน้าหน้าหดเหลือสองนิ้วเมื่อคิดเจษฎา ถึงจะไม่แน่ใจว่าเจษฎายังมีชีวิตอยู่หรือตายกลายเป็นผีไปแล้ว แต่ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบไหนเขาก็ไม่อยากจะเจอทั้งนั้น

..................................................

ช่วงใกล้ค่ำฟิลด์พาอาจารย์ยมและลูกศิษย์มายังสวนมะม่วงที่เขาอ้างว่าเป็นที่ฝั่งศพ เขาพาลูกน้องติดตามมาด้วยสองคนที่กำลังช่วยกันขนข้าวสำหรับการปราบผีลงมาจากรถใกล้กับจุดที่ผิวดินยังร่วนสุยเพราะเพิ่งจะถูกขุดและกลบฝั่งไปได้ไม่นาน เพื่อที่จะใช้เป็นสถานที่ทำพิธี

โทนเป็นชื่อของลูกศิษย์คนสนิทของอาจารย์ยมที่ติดตามด้วย มันเป็นคนตัวโตท่าทางซื่อๆ กำลังง่วนอยู่กับการปักไม้ลงกับพื้นสี่จุดแล้วลากสายสิญจน์ล้อมจนเป็นพื้นที่สี่เหลี่ยมเหมือนในหนังผี ก่อนที่มันจะไปยกโต๊ะตัวเตี้ยมาวางเพื่อใช้วางข้าวของอย่างกระถางธูป เชิงเทียน ขันน้ำมนต์ ตุ๊กตาที่มันอ้างว่าเป็นกุมารทอง ควายธนู และอีกสารพัดของขลัง

"โหอาจารย์...จัดเต็มเลยนะ" ฟิลด์เห็นแล้วก็อดที่จะแซวไม่ได้ การเล่นใหญ่ของหมอผีไม่ได้

"ก่อนตายมันคงเป็นคนมีวิชาอมแก่กล้า พอตายแล้วอำนาจจิตและความแค้นของมันคงทำให้มันเป็นอสูรกายมีอิทฤทธิ์ร้ายกาจ ไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถเข้าไปในบ้านที่มีเจ้าที่แล้วสิงมึงได้หรอก อีกทั้งยังไม่กลัวทั้งพระเครื่องของเกจิดัง ทั้งของขลังที่ข้าปลุกเสก งานนี้ก็ต้องรอบคอบไว้ก่อน ตัวข้านะไม่เท่าไหร่แต่พวกเอ็งจะเป็นอันตรายได้ ไม่ว่ายังไงก็อย่าออกจากเขตของสายสิญจน์เป็นขาด" จอมขมังเวทย์ชราร่ายยาว ถึงจะได้ยินกิติศัพความเหี้ยนมาก่อนแต่ก็ยังมั่นใจเต็มเปี่ยมว่าจะจัดการได้

"คะ..ครับ..อุ๊บ..." ฟิลด์ตอบรับไปก็กลั้นขำอย่างเอาเป็นเอาตายไปด้วย

อาจารย์ยมมองหน้าลูกน้องกำนันอย่างกังขา คิดไปว่าลูกน้องกำนันนี่มีแต่พวกกักขฬะไร้มารยาท ถึงอย่างนั้นเขาก็เห็นแก่หน้ากำนันและว่างท่าเป็นผู้ใหญ่ที่น่าเคารพไม่เอาเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ของเด็กเมื่อวานซืนมาใส่ใจ จึงได้ปล่อยผ่านไปแล้วหันกลับมาจัดประรำพิธีเตรียมต่อสู้กับอสูรกายร้ายต่อ

ท้องฟ้ามืดสนิทไปทั่วบริเวณ ที่หลุมฟังศพเหลือเพียงแสงจากเทียนไม่กี่เล่ม กับหลอดไฟแบบพกพาอีกหนึ่งดวง บรรยากาศโดยรอบวังเวงไร้เสียงผู้คนอื่น มีเพียงเสียงแมลงกลางคืน และเสียงลมพัดผ่านยอดไม้ ยิ่งช่วยเพิ่มความน่ากลัวให้กับการสู้กับผีร้ายให้มากขึ้นไปอีก

"ไอ้โทน มึงไปจัดการที่หลุม กูจะท่องมนต์คุ้มครองให้ ไม่ต้องกลัว"

"ครับอาจารย์" คนตัวโตตอบรับเสียงมั่นใจ ลุกขึ้นคว้าจอบไปทำตามคำสั่งแบบไม่เกรงกลัวอันตรายจากสิ่งลี้ลับ
เสียงบทสวดภาษาบาลีดังขึ้นเบาๆ ระคนกับเสียงจอบที่สับลงไปในดิน แข่งกับเสียงที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ได้ยินแล้วชวนให้ขนลุก ผ่านไปไม่นานบริเวณที่ใช้ฝั่งศพเจษฎาก็ถูกขุดลึกลงไปได้เกือบหนึ่งเมตร ไอ้โทนหยุดมือใช้ท่อนแขนปาดเหงื่อแล้วมองลงไปในหลุมใบหน้าของมันมีสีหน้าที่บอกได้ยากว่ากำลังคิดอะไรอยู่ แต่ผิวหน้าที่จางซีดลงของมันก็ทำให้อาจารย์ยมเป็นกังวลใจอยู่ไม่น้อย

"มีอะไรไอ้โทน" หมอผีเฒ่าทักขึ้นเมื่อเห็นอาการผิดปกติ

"มะ มะ ไม่มีครับ" ไอ้โทนตอบปากสั่นเสียงสั่นระรัว

"เอ้า...ไม่มีอะไรก็ขุดต่อไปสิ ข้าจะได้ทำพิธีสะกดวิญญาณ"

"ไม่มีจริงๆ อาจารย์" ไอ้โทนย้ำ

"ไม่มีแล้วมึงจะยืนทำหอกอะไรอยู่ละ" อาจารย์ยมเริ่มมีน้ำโห

"ไม่มีศพนะสิ อาจารย์" ไอ้โทนรู้สึกไม่สบายใจเพราะจากคำบอกเล่าของฟิลด์ที่บอกว่าไม่ได้ฝั่งลึกมากนัก และเข้าก็ขุดลึกกว่าที่คาดการณ์ไว้พอสมควร

"เห้ย มึงแน่ใจนะว่าฝั่งไว้ตรงนี้" หมอผีเฒ่าหันควับมองหน้าไอ้ฟิลด์

"แน่สิอาจารย์ยม ฝั่งเองกับมือ ดินยังนุ่มๆ อยู่เลย ไม่เชื่อก็ถามลูกศิษย์อาจารย์สิ" ฟิลด์ยืนยันเสียงแข็งเพราะเขาไม่ได้พูดโกหก เพียงแค่ไม่ได้บอกว่าในหลุมไม่มีศพเท่านั้นเอง

"หรือว่าวิญญาณมันจะกลับมาสิงร่างตัวเองแล้วหนีออกไปแล้ว" ถ้ามีใครมองไปที่หน้าของอาจารย์ยมก็จะจับสังเกตุได้ไม่ยากว่าเขากำลังเป็นกังวล

"ทำแบบนั้นได้ด้วยเหรอ" ฟิลด์จี้ถาม

"ได้สิ เขาเรียกกันว่าผีดิบ คือผีที่ยังอยู่ในร่างสถานะกึ่งๆ จะเป็นก็ไม่เป็น จะตายก็ไม่ตาย ต่างจากผีธรรมดาที่หลุดออกจากร่างพลังานหรือวิญญาณไปแล้วโดยสมบูรณ์" อาจารย์ยมอธิบายไปตามศาสตร์ที่เขาเรียนรู้มาซึ่งเขาก็ไม่เคยเจอของจริงแต่อย่างใด

"แล้วอาจารย์จะเอาไงต่อ" ไอ้โทนถามขึ้นบ้างสีหน้ามันก็ไม่ต่างจากอาจารย์ของมัน เพราะหลายปีที่ติดตามรับใช้กันมาไม่เคยเจออะไรแบบนี้

"มึงกลับเข้ามาก่อน มันน่าจะอยู่ไม่ไกลจากที่ที่มันตาย ข้าจะลองเรียกดู"

อาจารย์ยมยกมือขึ้นพนม หลับตาทำปากขมุบขมิบเหมือนกำลังท่องบ่นบริกรรมคาถา ยังไม่ทันที่จะท่องครบจบแรกก็มีเสียงดังออกมาจากความมืดลึกเข้าไปในแนวต้นมะม่วง "ไม่ต้องเรียกกูหรอก กูมารอตั้งแต่พวกมึงเริ่มขุดแล้ว"

"เหี้ย!..." คนทั้งหมดในพื้นที่สบถออกมาแทบจะพร้อมกันไม่เว้นแม้แต่หมอผีเฒ่าที่น่าจะมีประสบการณ์กับเรื่องพวกนี้มากที่สุด

สิ้นเสียงร่างของเจษฎาก็ค่อยๆ เดินออกมาหยุดที่หน้าพอผีเฒ่าห่างจากวงสายสิญจน์และหลุมที่ไอ้โทนกำลังขุดไปประมาณห้าถึงหกเมตร

หมอผีเฒ่าจ้องเขม็งไปที่ร่างของผีดิบตรงหน้าก่อนจะใช้มือไม้ที่สั่นเทาควานหาขันน้ำทองเหลืองที่ด้านในมีน้ำตาเทียนใบไม้และกลีบดอกไม้ลอยอยู่เหนือน้ำ หมอผีเฒ่ายกขันขึ้นมาในระดับหน้าผาก แล้วบริกรรมคาถาด้วยเสี่ยงสั่นเครือจนครบจบ ก็หยิบเอามัดหญ้าคาที่ใช่สำหรับพรมน้ำมนต์มาจุ่มแล้ววนตามเข็มนาฬิกาสามรอบ ก่อนจะสะบัดเอาละองน้ำเม็ดใหญ่ซัดใส่เจษฎา

"เชี่ยมึงเล่นไรเนี้ย" เจษฎาตกใจที่โดนน้ำเย็นพรมเข้าใส่จนเผลอร้องสบถออกมา

"ร้อนละสิมึง" หมอผีเฒ่ายิ้มได้ใจที่เห็นว่าผีร้ายออกอาการสะดุ้งเมื่อถูกน้ำศักดิ์สิทธิ์ ก็จุ่มน้ำมนต์สะบัดใส่อีกหลายครั้ง จนตัวและหน้าของผีดิบเปียกแฉะ

"ไอ้สัตว์กูรำคาญ กูบอกให้หยุดไง" เจษฎามองซ้ายขวาหาเอากิ่งไม้ท่อนพอดีมือแถวๆ นั้นขว้างใส่หมอผีเฒ่า ไม่รู้เพราะความแม่นหรือความบังเอิญ กิ่งไม้พุ่งเข้าใส่มือของหมอผีเฒ่าจนขันหลุดมือหล่นลงผื้น น้ำมนต์หกลงพื้นจนหมด

"วะ ไอ้นี่มันร้ายนัก" อาจารย์ยมพูดเสียงสั่น การปราบผีครั้งนี้ชักจะไม่ง่ายเหมือนที่แล้วๆ มา โดยเฉพาะครั้งนี้ไม่ใช่การไล่วิญญาณออกจากร่างคนเหมือนที่ผ่านมา

"ไอ้โทนมึงออกไปจับมันไว้ เดี๋ยวกูจะให้มันได้รู้ฤทธิ์มีดหมอปลุกเสกของกู กูจะแทงให้วิญญาณมันกระเด็นออกจากร่างเลยคอยดู" หมอผีเฒ่าปากกล้าแต่ขาสั่นสั่งการออกไปถึงจะกังวลก็ยังกำลังใจดีอยู่

อาจารย์ยมหันไปจับศรีษะไอ้โทนที่ก้มลงมาให้ หมอผีเฒ่าเริ่มท่องคาถาแล้วเป่าใส่ไล่จากกระหม่อมไปทางต้นคอสามครั้ง ไอ้โทนก็สั่นตัวเหมือนถูกลมหนาววิ่งผ่านตัว แล้วก็ลุกขึ้นไปกระโดดดิ้นเร่าๆ ไอ้คนตัวโตเหมือนไร้ความกลัวเมื่อได้รับมนต์คาถาของอาจารย์ที่มันเคารพ ร่างกายออกท่าออกทางเหมือนกับลิงกระโดดซ้ายทีขวาทีเป็นการหลอกล่อแล้วกระโจนเข้าใส่สิ่งที่มันคิดว่าเป็นผีร้าย

เจษฎาไม่หลบเอาร่างกายเข้าไปปะทะกำลังกันตรงๆ ด้วยความที่ไอ้คนตัวโตมีดีแค่ตัวโต ไม่ได้มีฝีมือเหมือนไอ้รถถังหรือพงษ์ศักดิ์ เรื่องพละกำลังก็เทียบไอ้ยักษ์ไม่ติด เจษฎาจึงสู้กับมันได้อย่างสูสี ก่อนที่เขาจะแกล้งทำเป็นเสียท่าและยอมให้มันจับตัวไว้เพื่อพิสูจน์เรื่องบางอย่าง

"ฮั่นแน่... สิ้นฤิทธิ์แล้วเหรอมึง" จอมขมังเวทย์ชราได้ทีทำเสียงดังเข้าข่ม ล้วงหยิบเอาหมีดหมอออกมาจากย่าม แล้วชักออกมาจากปลอกโชว์ตัวมีดลงอักขระและคมมีดเงาวับ เดินข้ามสายสิญจน์ตรงไปหาผีดิบที่ถูกไอ้โทนล็อคแขนจากด้านหลัง ตอนนี้เขาไม่สนแล้วว่าที่อยู่ตรงหน้าจะเป็นตัวอะไร จะคนจะผีดิบหรืออสุรกายขอแค่ปักมีดเข้าไปในร่างได้ก็พอ ถ้ายังไม่ตายก็คงต้องตายด้วยมีดเขานี่แหละ

ปลายแหลมของมีดพุ่งเข้าใส่หน้าท้องของเจษฎา เขาเบี่ยงลำตัวหลบไปด้านข้างเล็กน้อยคมมีดก็แฉลบผ่านสีข้างบาดเสื้อเข้าไปครูดกับผิวหนังเป็นทางยาว แต่ก็ไม่ได้กินเลือดของเจ้าของรอยสักแปลกประหลาดแม้สักหยด แถมปลายมีดยังไถลไปแทงโดนไอ้คนที่อยู่ด้านหลังจนมันร้องจ๊ากด้วยความตกใจ

ชายหน้าเข้มเมื่อได้พิสูจน์สิ่งที่เขาอยากรู้แล้ว ก็อาศัยจังหวะที่หมอผีเฒ่าจะแทงซ้ำเข้ามาเป็นมีดที่สองเตะผ่าหมากเข้าใส่ไอ้คนแทงแล้วถีบใส่อย่างแรง ร่างชราของมันล้มกลิ้งไปชนโต๊ะพิธีจนข้าวของกระจัดกระจาย ก่อนจะใช้หลังศรีษะโขกใส่ไอ้คนตัวโตที่ด้านหลังจนจมูกยุบเลือดกำเดาไหล ไอ้คนตัวโตเจ็บจนร้องโหยหวน ทำให้เจษฎาสะบัดตัวหลุดจากจับตัวได้อย่างง่ายดาย

เจษฎาคว้าแขนของคนตัวโตแล้วทุ่มแบบข้ามไหลลงไปฟาดพื้นเสียงดังสนั่น แล้วเตะเข้าใส่หัวของมันไม่ต่างจากเตะลูกฟุตบอล จนมันนอนแน่นิ่งไม่มีการตอบโต้อะไรอีกเลย ชายหน้าเข้มเดินอย่างมั่นใจเข้าไปหาหมอผีเฒ่าที่นอนตัวงอหน้าเขียวกุมเป้าเหมือนไม่อยากจะขยับตัว ขณะที่ลูกน้องกำนันเผ่นแนบขึ้นรถขับออกไปจากสวนกันหมดแล้ว

"เฮ้ยมึงมีดีแค่นี้เองเหรอ" เจษฎายืนจังก้าค้ำหัวหมอผีเฒ่าตะคอกถามจนมันสะดุ้งร่างที่ยังเจ็บจุกมานั่งคุกเข่ายกมือไหว้อย่างน่าเวทนา

"ขะ..ขอโทษจ๊ะ ฉัน...ผิด...ไปแล้ว อาคม...ฉันสู้ท่านไม่ได้ ไม่น่า...มาลองดีกับ...ท่านเลย ปล่อยฉันไปเถอะนะ ฉันสัญญาว่าจะไม่กลับมาเหยียบทีนี่อีกเลย" อาจารย์ยมก้มกราบแทบเท้าก่อนจะเกาะขาอ้อนวอนสิ้นสภาพความน่ายำเกรงของจอมขมังเวทย์ที่เจ้าพ่อและเหล่านักเลงนับถือจนเรียกเป็นอาจารย์ไปจนหมด

"ตกลงมึงมีของมีวิชาจริงรึเปล่า..." เจษฎาถามเสียงเหี้ยมปั้นหน้าโกรธจัดข่มขู่ ที่เขายอมถูกแทงเพราะต้องการจะพิสูจน์ว่าสิ่งที่อยู่ในตัวเขาเป็นสิ่งลี้ลับแขนงเดียวกับไสยศาสตร์หรือไหม เพราะจะให้เชื่อว่าไม่เกี่ยวเลยตามที่นักโทษชราบอกโดยไม่ได้ทดลองก็ดูจะขัดกับสามัญสำนึกของเขาไปสักหน่อย

"เปล่าจ๊ะ ไม่มีจ๊ะ ของเขิง วิชงชิชาอะไรฉันก็ไม่มี ฉันแค่...หลอกไอ้พวกโง่ๆ ไปวันๆ อุ๊บ..." หมอผีเฒ่าพูดไม่ทันจบเจษฎาก็ประเคนเท้าเข้าใส่หลายครั้ง เป็นการระบายอารมณ์จนมันสลบคาเท้า

"แม่งเสียเวลาฉิบหาย" ในที่สุดเจษฎาก็ไม่ได้เบาะแสอะไรเกี่ยวกับของในตัวเขาเพิ่มเติม ในตอนแรกที่เห็นลูกศิยษ์หมอผีเฒ่าทำท่าประหลาดเขายังหลงดีใจนึกว่าจะได้เจอของจริง จนกระทั่งมาลองพิจารณาดูก็เห็นว่าก็มีแค่ท่าทางเท่านั้นส่วนอื่นอย่างพละกำลังหรือความว่องไวก็ไม่ได้ต่างไปจากคนปกติทั่วไป

เขาที่คิดไปเองว่าถ้าได้ลองต่อสู้กับคนที่มาวีชาจริงๆ อาจจะได้ผลต่างออกไปจากตอนที่ถูกกำนันประเสริฐยิงด้วยกระสุนที่อ้างว่าได้รับการลงอาคม แต่หมอผีเฒ่าตนนี้ก็เป็นพวกหากินกับความงมงายของชาวบ้านไม่ต่างจากที่เขาทำในตอนนี้ สุดท้ายเขาก็เสียโอกาสไปเปล่าๆ และยังเพิ่มความเสี่ยงในการถูกจับได้ว่าแกล้งตายเข้าไปอีก

..................................................
 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

wood007



catoon

นี่หากไม่กลัวเข็ม ว่าจะไปขอสักกับท่านผู้เฒ่าบ้างแล้วเนี่ย

Tik K.


Nong5670

แหม่ จัดหนักจัดเต็มกับลูกสาวเจ้าระวังเหอะเจ้าพ่อรู้เข้าจะตายหยังเขียเ

sammyadong


chongza1975


Channarong Saekow

อยากรู้ความขลังของอักขระที่อยู่บนร่างกายมาก  แต่ก็ต้องพลาดเพราะเจอกับของเก๊เข้าให้

myzzr

นึกว่ากำนันจะได้อาจารย์ขลัง เจอของจริงเข้าให้เลย

ชายชรา

คนมีของลองวิชากับคนไม่มีของเซงเลยอาจารย์เจษฎาจอมขมังเวทย์

overspirit

ทั้งเมตตา มหาสเน่  หนังเหนียว  อยากสักมั้ง ::Waiting::

x99

555 จารย์เจษเจอผลข้างเคียงดีอะไรอย่างนี้ ฉีดแล้วใหญ่  ฉีดแล้วอึด

เดช12341

อาการข้างเคียงของอเจษต้องมีสาวๆมาช่วยแก้คงช่วยรักษาได้