ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

Darkness Circle / วงจรแห่งความมืด ตอนที่ 36

เริ่มโดย เจตภูติ, มิถุนายน 12, 2021, 08:39:34 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

เจตภูติ

สำหรับเพื่อนๆ ที่ยังไม่ได้เป็นสมาชิกเว็บอยากอ่านส่วนที่ซ่อนไว้ ในนั้นจะลงช้ากว่าที่เว็บนี้หนึ่งตอนนะครับ
https://www.tunwalai.com/v2/story/499798

Darkness Circle / วงจรแห่งความมืด ตอนที่ 36

ที่บ้านเช่าหลังหนึ่งใกล้ตัวอำเภอ บ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านเดี่ยวสองชั้น กว้างประมาณหนึ่งร้อยตาราวา บริเวณลานจอดรถด้านหน้าและข้างบ้านมีรถจักรยานยนต์แบบผู้ชายหลายคัน รถกระบะสองคัน และรถยนต์เก๋งหนึ่งคนคัน จอดอยู่ ด้านในมีชายฉกรรจ์จำนวนมากกว่ารถที่จอดอยู่เกือบสองเท่า ที่โต๊ะหน้าบ้านมีกลุ่มคนกำลังตั้งวงดื่มกินสังสรรค์กันอย่างสนุกสนานส่งเสียงดังไม่เกรงใจเพื่อนบ้าน เจษฎาแอบซุ่มดูอยู่พักใหญ่จนเห็นว่าพวกมันน่าจะเมากันได้ที่ ก็แอบลอบเข้าไปในรั้วบ้านก่อนจะใช้สายโซ่ครองปิดประตูรั้วเหล็กดัดแล้วล็อคด้วยแม่กุญแจตัวใหญ่

คนในบ้านไม่มีใครได้ทันสังเกตุเจาฎาเพราะกำลังสนุกสนานกับการกินดื่ม ทำให้การลอบจัดการคนเมาสี่ห้าคนจากด้านหลังไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรสำหรับเขาในตอนนี้ ทว่าเสียงที่เกิดจากการต่อสู่ก็ดังโหวกเหวกไปถึงข้างในบ้าน

"ไอ้พวกข้างนอกมันเป็นเหี้ยอะไรกัน แดกจนเมาปลิ้นแล้วทะเลาะกันรึไง มึงออกไปดูซิ" ชายที่ดูมีอาวุโสสูงสุดในหมูชายฉกรรจ์ที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานด้านในสุดร้องบอกให้ลูกน้องที่บ้างก็นั่งเล่นมือถือ บ้างก็ตรวจดูบัญชี บ้างก็นับเงินอยู่ ให้ไปจัดการเรื่องที่หน้าบ้าน พวกลูกน้องส่ายหัวเบื่อหน่าย ก่อนจะมีคนหนึ่งลุกเดินออกไปดูตามคำสั่งแบบอิดออดนิดหน่อย พร้อมกับเรียกเพื่อนไปด้วยอีกสองคนเผื่อจะต้องไปห้ามมวย

"อัก อ๊าก โอ้ย" เสียงร้องโหยหวนจากความเจ็บปวดดังขึ้นมาหลังจากที่พวกมันเดินออกไปที่ประตูได้ไม่นาน ก่อนจะตามด้วยเสียงโครมคราม แล้วร่างของหนึ่งในชายฉกรรจ์ที่ออกไปดูเหตุการณ์ถูกถีบร่างเซถลาเข้ามากลางโถงของบ้าน ก่อนจะล้มลงเมื่อชนเข้ากับโต๊ะที่พวกมันกับลังนับเงินและจัดการเอกสารจนข้าวของกระจัดกระจาย กลุ่มคนที่นั่งทำงานกันอยู่ในบ้านกว่าสิบคนหันไปมองชายที่นอนตัวบิดตัวงออยู่ครู่หนึ่งแล้วหันไปที่ประตูหน้าแทบจะในเวลาเดียวกัน

เจษฎายืนทื่ออยู่หน้าประตูปั้นหน้าไม่หวั่นเกรงสายตาเกือบยี่สิบคู่ที่มองมา ผู้ชายหน้าโหดสิบกว่าคนแต่กายด้วยชุดกันลมสีเข้มกับกางเกงยีนส์ บางคนสะพายกระเป๋าคาดอก บางคนคาดกระเป๋าที่เอว และมีหมวกกันน็อคหลายใบวางอยู่ทั่วบริเวณ ด้วยจำนวนคนที่มีเยอะกว่าที่คาดการณ์ทำให้เจษฎารู้สึกหวั่นใจอยู่ข้างในลึกๆ เหมือนกัน

ชายหน้าเข้มตั้งสติก่อนที่จะใช้ดิ้วเหล็กที่ใช้จัดการกับคนด้านนอกมาขัดไว้กับที่จับประตูแล้วลงกลอนกันไว้ไม่ให้พวกมันหนีออกไปและกันไม่ให้พวกข้างนอกที่อาจจะฟื้นขึ้นมาแล้วเข้ามาสมทบ จากนั้นเขาเดินดุ่มๆ เข้าไปกลางบ้านด้วยมือเปล่าที่กำแน่นข่มความประหม่า

"มึงเป็นใครวะ" คนในกลุ่มชายฉกรรจ์หลายตะโกนถามแข่งกันเสียงกร้าวใบหน้าบ่งบอกให้รู้ว่ากำลังโกรธจัด

"ก็แค่ผีที่ผ่านทางมา" ชายหน้าเข้มตอบเสียงกวน เมื่อสิ้นเสียงคำตอบที่หน้าโมโห ชายที่เป็นหัวหน้าก็สับมือเหมือนเป็นสัญญาณเริ่มชก ทำให้เหล่าชายกันในบ้านต่างาพากันหันซ้ายหันขวามองหาเครื่องทุ่นแรง ไม่สนว่าจะคว้าอะไรติดมือมาได้หมือมีมือเปล่า พวกมันก็พุ่งเข้าทำร้ายผู้มาบุกรุกทันที

เจษฎาใช้วิธีสู้แบบเดิมคือแลกกันคนละที แต่ส่วนใหญ่จะเป็นเขาโดนหลายทีแล้วได้คืนสักหนึ่งครั้งมากกว่า ถึงจะเป็นอย่างนั้นเขาก็คาดการณ์และเตรียมรับมือไว้ก่อนแล้ว ด้วยการรอให้ตัวเขาถูกโจมตีจนอีกฝ่ายประมาณแล้วค่อยจัดการตอบโต้ไป ระหว่างที่ชุลมุนเขาก็พลาดท่าโดนเข้าที่จุดสำคัญ เมื่อมีคนหวดฆ้อนเข้าใส่ที่ขมับของเขา ทำเอาชายหน้าเข้มเกือบจะสลบเพราะความเจ็บหลอน แต่เขาก็สามารถสะกดข่มความเจ็บความมึนเอาไว้ได้ ก่อนจะยัดกำปั้นคืนใส่หน้าไอ้คนที่ถือฆ้อนจนฝันร่วงออกจากปากหลายซี่

หลังจากเจษฎาจัดการชายพวกนั้นไปได้หลายคน ก็พลาดท่าโดนเตะกวาดเข้าที่ขาโดยไม่ทันตั้งตัวทำให้เสียหลักล้มลง ฉับพลันพวกมันก็เสิร์ฟยำเท้าคนที่ไม่ได้อร่อยเหมือนยำตีนไก่ให้เขาแบบไม่ทันตั้งตัว เท้าสารพัดขนาดพุ่งเข้าใส่ชายหน้าเข้มชนิดนับจำนวนครั้งไม่ได้ ชายหน้าเข้มใจหายวาบคิดไปว่าถ้าถูกจับตัวได้คงจะต้องลำบากไม่น้อย เขารวมกำลังใจฮึดสู้ถึงจะเสียเปรียบก็ยังฝืนดีดตัวขึ้นมาจับพวกมันโยนไปคนละทิศทาง บางคนถูกโยนขึ้นไปกระแทกกับเพดานแล้วตกลงมานอนร้องโอโอยด้วยความเจ็บปวด

นักเลงคนแล้วคนเหล่าดาหน้าเข้ามาพิสูจน์ความทนทานที่เหนือธรรมชาติของเจษฎาถึงจะได้ลงมือทุบตีใส่ร่างหนุ่มใหญ่หลายครั้ง ก็ถูกสวนกลับไปจนล่วงลงไปนอนชักดิ้นชักงอทีละคนสองคน บางคนถูกเจษฎาที่ควบคุมกำลังได้ไม่ดีพอซัดจนกระดูกหัก หรือไม่ก็อวัยวะภายในได้รับความบอบช้ำอย่าางหนัก นานเข้าคนที่ยังยืนอยู่ได้ก็ไม่เหลืออยู่อีกนอกจากเจษฎา

ไอ้คนที่เป็นหัวหน้าแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาว่า ผู้ชายร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์คุ้นเคยกับการทะเลาะวิวาท จำนวนสิบกว่าคนจะถูกคนแค่คนเดียวจัดการได้จนหมด ส่วนชายหน้าเข้มที่ยืนตัวเปื้อนเลือดเต็มไปหมดตรงหน้าเขากลับไม่แสดงอาการบาดเจ็บหรือมีรอยแผลให้เห็นแม้แต่น้อย และเลือดที่อยู่บนตัวของชายหน้าเข้มก็น่าจะเป็นเลือดของพวกที่นอนกองอยู่กับพื้นทั้งนั้น

เมื่อเจษฎาจัดการพวกมันจนไม่น่าจะสามารถลุกขึ้นมาออกลวดลายได้อีกพักใหญ่ เขาก็เดินไปริบเอากระเป๋าเงินและกระเป๋าคาดของพวกทีละคนที่ละคนมากองรวมอยู่กลางบ้าน ซึ่งคนที่เป็นหัวหน้ายังนั่งอึ้งทำตัวไม่ถูก

"มะ มึง ต้องการอะไร" ไอ้คนที่เป็นเหมือนหัวหน้าตะโกนถาม ขณะที่ผู้บุกรุกไม่ทราาบชื่อเดินตรงเข้าไปหาเขาที่โต๊ะทำงานด้านในสุด

"เงินที่เหลืออยู่ไหน" เจษฎามองตาขวางไปที่ไอ้คนเป็นหัวหน้าพร้อมกับถามด้วยเสียงเข้ม

"มะ มึงรู้ใช่ไหมนี่เงินของใคร" หัวหน้าชายฉกรรจ์เหงื่อแตกจนเสื้อชุ่มแม้ในห้องจะเปิดเครื่งปรับอากาศ มันลุกออกจากเก้าอี้แล้วถอยหนีไปจนหลังติดผนัง

"กูรู้" เจษฎาตอบเรียบๆ สายตาจับจ้องเขม็งจนคนถูกมองฉี่แทบราด

"รู้แล้วมึงก็ยังจะเอาอีกเหรอ" หัวหน้าชายฉกรรจ์พูดเสียงสั่น มองซ้ายมองขวาไม่คิดสู้ จะหาทางอย่างเดียว

"เออ" เจษฎาตอบเสียงห้วน แล้วตัดสินใจรวดเร็วเคลื่อนไหวฉับพลัน พุ่งร่างเข้าใกล้โต๊ะแล้วใช้พลังงานที่ยังหลงเหลืออยู่ในร่างจากการถูกทุบตี ถีบโต๊ะทำงานตัวใหญ่ให้ไปอัดร่างของหัวชายฉกรรจ์จนมันไปอัดติดกับผนัง แรงกระแทกทำให้ลำตัวของมันโน้มลงมาฟาดกับโต๊ะ

"ตกลงมึงจะเอาออกมาไหม" เจษฎาใช้เท้าข้างหนึ่งยันโต๊ะไว้ไม่ให้หัวหน้าชายฉกรรจ์ได้มีโอกาสขยับได้ พร้อมออกแรงที่เท้าเพื่อเพิ่มความทรมาานให้อีกฝ่าย แล้วใช้มือกดษรีษะของมันให้แนบกับตัวโต๊ะ

"แค่กๆ มึงห่วง..ตัวมึงก่อน...ดีกว่าไหม นี่มันเงินกำนันนะ...แล้วอีกเดี๋ยวคนของกำนัน...ก็จะมารับเงินแล้ว" หัวหน้าชายฉกรรจ์พูดแบบหายใจลำบาก ทำเป็นใจดีสู้เสือขู่เจษฎากลับ

"มึงนี่นะ จะตายห่าอยู่แล้ว ยังเสือกห่วงเงินของคนอื่นอีกนะ กูบบอกไว้เลยถ้าวันนี้กูไม่ได้เงินไป กูจะกลับมาหามึงอีก กระทืบมึงอีก จะให้กูมาหามึงทุกวันก็ได้นะ" เจษฎาก้มลงไปกระซิบข้างหูด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ

หัวหน้าชายฉกรรจ์นิ่งใช่ความคิดอยู่ครู่หนึ่งฟังจากน้ำเสียงของชายหน้าเข้มแล้วแยกไม่ออกว่าพูดจริงหรือแค่ขู่ ก่อนจะคิดถึงความร้ายกาจที่มันเห็นมากับตา ก็มีท่าทางอ่อนลงและยอมพูดออกมาด้วยเสียงอ่อน "...ยะ...อยู่ในเซฟ...ครับ"

"ไปเอามาสิ" เจษฎาขึ้นเสียงพร้อมกับถอนเท้าออกจากโต๊ะ
ไม่ต้องรอให้เจษฎาพูดซ้ำ ทันทีที่เป็นอิสระ หัวหน้าชายฉกรรจ์ก็รีบกุลีกุจอคลานไปทางตู้เซฟที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลรีบกดรหัสแล้วเปิดเอาของที่อยู่ด้านใน ทั้งเอกสารกู้ยืม เงิน บัญชี รายชื่อ แถมยังใช้ให้ลูกน้องที่ยังพอจะขยับไหวให้ไปหากระเป๋าใบใหญ่มาใส่ของให้อย่างดี ระหว่างนั้นก็ยังสั่งให้ลูกน้องเก็บกวาดทรัพย์สินและเอกสารที่ตกเกลื่อนอยู่ทั่วบริเวณห้องมาให้อีกด้วย

"เรียบร้อยแล้วนะครับ"  หัวหน้าชายฉกรรจ์ยิ้มแห้งคลานเข่าเข้ามยื่นกระเป๋าใส่เงินและเอกสารให้กับเจษฎาแบบจำยอม

.................................................

เจษฎาที่รู้สึกปวดระบมไปทั้งตัวอย่างจะรีบกลับไปพัก แต่ก็ยังสละเวลามาตรวจดูของในกระเป๋าคราวๆ ก่อนเตรียมตัวจะหนีออกจากบ้าน ระหว่างนั้นสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นชายฉกรรจ์สองคน หน้าตาคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเจอจากที่ไหนมาก่อน กำลังนั่งพักจากอาการบาดเจ็บอยู่ จนเมื่อเขาเลยเดินเข้าไปดูหน้าใกล้ๆ ถึงนึกขึ้นมาได้

"เดี๋ยวก่อนนะมึงสองคนนี่หน้าคุ้นๆ ใช่คนที่ไปทวงเงินเปี๊ยก​รึเปล่า" ชายหน้าเข้มจับใบหน้าของผู้ต้องสงสัยให้อยู่นิ่งๆ เพื่อพิจารณาซึ่งก็ไม่ได้สนใจว่ามันกำลังบาดเจ็บอยู่มากน้อยแค่ไหน

"...ชะ...ใช่จ๊ะ...อูยยย.." ไอ้คนนั้นตอบออกมาอย่าอ่อนแรงและโอดโอยเมื่อเจษฎาจับหน้ามันพลิกซ้ายพลิกขวาจนมันเจ็บคอ

"มึงยิงกูนี่นา ใช่ไหม" เจษฎาพูกออกมาน้ำเสียงเหมือนดีใจที่ได้เจอต้นเหตุที่สร้างชื่อเสียงจอมปลอมให้เขา

"ไม่ใช่นะ...คือปืนมันลั่น" ไอ้คนนั่นแก้ตัวทันควัน ความกลัวพุ่งถึงขีดสุดเมื่อโดนขุดถึงความผิดในอดีตขึ้นมา

"งั้นให้กูลั่นสักนัดไหม" เจษฎาเริ่มวาดตามองหาอาวุธใกล้ๆ มือ ว่าจะสั่งสอนมันเล่นๆ พอหอมปากหอมคอ

"เดี๋ยวๆ ฉันขอโทษ ถ้าวันนั้นรู้ว่าอาจารย์มีของดีฉันก็ไม่ไปกล้าลบหลู่แบบนั้นหรอก ฉันทำเพราะจำเป็นจริงๆ ฉันไม่ได้ตั้งใจ" ชายฉกรรจ์กลัวจนลนลานหลุดปากสารภาพอกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ

"หา! มึงหมายความว่าไง" เจษฎาตกใจได้ยินเรื่องไม่คาดคิด จึงรีบเค้นเอาข้อมูลเพิ่ม

"มีคนสั่งฉันมาให้ยิงอาจารย์" ไอ้คนนั้นตอบซื่อๆ ไม่กล้าปิดบัง รู้สึกเหมือนกำลังถูกพญายมไต่สวนความผิดบาป

"ใคร" เจษฎาถามห้วน เสียงน่ากลัวกว่าก่อนหน้า

"ฉันไม่รู้ ฉันไม่เห็นหน้าเขาแต่เขาหน้ากลัวมากเลย จู่ๆ เขาก็โพล่เอาปืนมาจ่อหลังผมแล้วก็ให้รูปกับกระดาษที่เขียนว่าให้ยิง แล้วก็เงินปึกเบ้อเริ้ม ฉันขอโทษ ฉันไม่น่าโลภเลย" ไอ้คนคายความลับแบบหมดเปลือกชนิดไม่ต้องให้ถามซ้ำ

"แล้วมึงรู้อะไรไหม" เจษฎาหันไปถามไอ้คนที่มาด้วยในวันนั้น

"ฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลย เพิ่งจะเคยได้ยินนี้แหละครับ" มันตอบกลับเสียงสะท้าน หลบตามองต่ำไม่กล้าเพชิญหน้าตรงๆ

เจษฎานิ่งไปรู้สึกเรื่องทั้งหมดไม่ได้เป็นไปในแบบที่เขารู้ซะแล้ว หรือว่าจะเป็นจ๋าที่รู้ล่วงหน้าว่าเขาจะต้องมาตามหาเพราะไอ้ทศติดต่อไปขอเงิน เลยส่งมาจัดการเขาตั้งแต่วันแรกที่มาถึง นั้นก็น่าจะเป็นไปได้เพราะเขาไม่ได้มีศัตรูมากนัก และคนที่รู้ว่าเขาออกมาจากคุกในตอนนั้นก็มีไม่มาก ชายหน้าเข้มนึกขึ้นได้ว่าอีกไม่นานคนของกำนันจะมาเอาเงินก็พับเก็บความสวสัยไว้ก่อนแล้วรีบเก็บข้าวของหลบออกขากบ้านมา

.................................................

คืนนี้เจษฎากลับมาจากบ้านของพวกทวงหนี้ด้วยความรู้สึกว่างเปล่า ไม่ได้รู้สึกพอใจว่าทำตามแผนได้สำเร็จเหมือนกับทุกที เขานั่งสูบบุหรี่อยู่หน้าบ้านเพียงลำพังเหม่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่ไร้ดาวเพราะเมฆหนาบดบัง จนกระทั่งรถของอ๊อดแล่นเข้ามาสาดแสงไฟใส่หน้าเรียกสติให้เขา

"เรียบร้อยดีนะพี่ เฮ้ยทำไมเลือดอาบอย่างงั้นละ" อ๊อดตกใจที่สภาพของพี่ชายคนสนิท ถึงจะเคยเห็นบ่อยครั้งที่เจษฎาโดนทำร้ายจนโทรมไปทั้งตัว ก็ยังทำใจให้ชินไม่ได้สักที

"ไม่เป็นไรๆ เลือดคนอื่นทั้งนั้น เอ้า เอาเงินนี่กับเอกสารนี่ไปทำบัญชีไว้ ใครที่เปลี่ยนไปกู้เสี่ยกวงก็แอบเอาเงินไปคืนให้เขา แล้วก็ทำสำเนารายชื่อคนกู้ส่งไปให้เสี่ยกวงวด้วย" เจษฎาส่งกระเป๋าและแจกแจงรายละเอียดการดำเนินงาน

ที่เขาลงมือทำแบบนี้ก็เพราะเป็นแผนขั้นต่อไปของเขากับเสี่ยพิพัทธ์ที่จะให้ชาวบ้านเปลี่ยนเจ้าหนี้ โดยการให้เจษฎามาปลั้นเงินจากพวกทวงหนี้ หลังจากพวกมันไม่มีเงินมาส่งกำนันก็จะต้องไปรีดเงินเอากับลูกหนี้หนักขึ้น แล้วในที่สุดเมื่อชาวบ้านทนไม่ไหวก็ต้องหันมากู้เสี่ยพิพัทธ์เพื่อไปโป๊ะหนี้ แล้วชาวบ้านเหล่านั้นก็จะมาเป็นลูกหนี้เสี่ยพิพัทธ์ที่คิดดอกเบี้ยน้อยกว่านิดหน่อยแทน แผนการนี้นอกจากจะตัดรายได้ของกำนันประเสริฐยังช่วยขยายอิทธิพลให้เสี่ยพิพัทธ์ไปด้วยในตัว และที่เขาเลือกจะมาปล้นมาในวันที่คนอยู่กันเยอะเพราะถึงกำหนดที่พวกมันนัดส่งเงินให้กำนันจากข้อมูลของฟิลด์

"แหม่ขยันจังนะ ทำงานเอาใจว่าที่พ่อตาเหรอ" อ๊อดแซวเล่นขำๆ เพราะเห็นว่าสุธิภาดูจะชอบพี่ของเขาอยู่ไม่น้อย แต่ดันไปจี้ใจดำเจษฎาที่ไปเจาะไข่แดงลูกสาวเจ้าพ่อมาเมื่อไม่นานมานี้

"ก็ว่าไปเรื่อย ว่าแต่อ๊อดเถอะไม่เป็นไรแน่นะ มาช่วยพี่แบบนี้" เจษฎาบอกปัดแบบเขินๆ ก่อนจะแซวกลับเพราะเขาก็พอจะดูออกว่าอ๊อดก็ชอบลูกสาวกำนัน ไม่อย่างนั้นคงไม่ตามไปดูแลทันทีที่รู้ว่าเธอหนีออกจากบ้าน

"......" อ๊อดเงียบไปเหมือนมีอะไรในใจแต่ไม่อยากพูดออกมา

"เฮ้ยอย่าคิดมากน่า พี่ไม่ได้จะโค่นอิทธิพลเจ้าพ่ออะไรซะหน่อย แค่ป่วนให้มันต้องเอาของออกมาใช้ ได้ของเมื่อไหร่เราก็ไปกันแล้ว พี่ไม่ทำให้คุณปลาเดือดร้อนหรอกพี่สัญญา" เจษฎาพอจะเข้าใจความกังวลของอ๊อดก็ปลอบใจไม่ให้น้องรักรู้สึกแย่

"อือ ผมเชื่อใจพี่นะ" อ๊อดรับคำ ก่อนที่จะอยู่ปรึกษากันต่ออีกหลายเรื่องแล้วจึงแยกย้ายกันไปพักผ่อน

.................................................

ห้องพักฟื้นพิเศษของโรงพยาบาลที่กำนันประเสริฐเข้าพักวันนี้ด้านนอกมีคนคุ้มกันมากเป็นพิเศษ อีกทั้งภายในห้องก็มีคนอยู่ไม่น้อย ในโรงพยาบาลที่เงียบสงบทว่าภายในห้องของกำนันประเสิรฐกลับมีบรรยากาศต่างกันลิบลับ แต่บรรยากาศในห้องที่ว่าร้อนแรงแล้ว ยังไม่เทียบไม่ได้กับอารมณ์ของผู้ทรงอิทธิพลในตอนนี้

"อีกแล้วเหรอวะ แม่งเพิ่งจะส่งอาจารย์ยมกับลูกศิษย์ไปนอนอยู่ห้องไอซียู นี่มาปล้นเงินกูอีกแล้ว ไอ้ผีบ้านี้มันจะจองล้างจองพลาญกันไปถึงไหน" กำนันประเสริฐโกรธจนแทบจะลุกออกมาจากเตียง ถ้าไม่ใช่ว่าไอ้รถถังมาห้ามไว้ก่อน แกคงจะวิ่งออกจากโรงพยาบาลไปนิมนต์พระเกจิมาจัดการกับวิญญาณร้ายตนนี้แล้ว

ณัฐฐามองสามีที่กำลังบ่นเหมือนเป็นผู้เสียหายอย่างไม่ละอาย ทั้งๆ ที่เป็นคนลงลั่นไกปลิดชีวิตไอ้ผีร้ายที่เขาพูดถึงเมื่อตอนมันเป็นคนแท้ๆ แล้วยังปักใจเชื่อว่าเรื่องร้ายที่เกิดขึ้นติดๆ กันเป็นฝีมือของผี นั้นทำให้ผู้เป็นเธอระอาใจในความงมงายของเขาจนรับไม่ได้ต้อส่ายหน้าไปมาเบาๆ

"เรื่องผีเรื่องสาง นะพอได้แล้ว ผีบ้าอะไรจะมากระทืบคน ปล้นยา ปล้นเงิน " ณัฐฐาท้วง นึกไม่ถึงว่ากำนันประเสิรฐจะติดกับลูกไม้ตื่นๆ ยิ่งเธอนึกไปถึงเรื่องที่ไม่สามารถบอกกับสามีได้อย่างเรื่องความเสียวคืนนั้นเป็นของจริงแน่นอน รวมกับเรื่องที่เพิ่งเกิด ทำให้เธอฟันธงได้เลยว่าเจษฎายังมีชีวิตอยู่

"จ๋าคิดว่าไอ้หมอผีนั่นยังไม่ตายงั้นเหรอ" กำนันประเสริฐเหมือนไม่ค่อยอยากจะเชื่อ เพราะเขาลั่นไกกระสุนใส่เองกับมือ แล้วก็เห็นมันนอนจมกองเลือดกับตา ถึงจะไม่ได้อยู่ดูจนดินกลบหน้ามันก็ตาม

"เด็กมันก็บอกว่าในหลุมไม่มีศพ" ณัฐฐายกข่าวที่น่าเชื่อถือขึ้นมาอ้างให้สามีเข้าใจ

"อาจารย์ยมเขาบอกว่ามันอาจจะเป็นผีดิบไง วิญญาณมันกัลบมาสิงตัวเอง" กำนันประเสริฐเสียงเริ่มอ่อย แต่ก็ไม่ยอมเสียหน้า อ้างเรื่องที่อาจารย์ยมบอกกับไไอ้ฟิลด์ให้ภรรยาฟัง

"โอ้ย พอเถอะ" ณัฐฐาสุดจะทนกับความรั้นของสามี จนเผลอขึ้นเสียง

"...แล้วจ๋าจะให้พี่ทำยังไง" กำนันปรเสริฐเห็นภรรยาเริ่มไม่พอใจ ก็ไม่ฝืนจะพูดเรื่องผีต่อ แล้วหันไปปรึกษาแทน

"จัดการเสี่ยกวงซะ ถ้าไม่มีเสี่ยกวงมาคอยซ้ำเติมแล้วก็เข้ามาหาผลประโยชน์ตอนที่เรากำลังวุ่นวาย ไอ้หมอผีนั้นก็เป็นได้แค่แมลงหวี่แมลงวันที่สร้างความรำคาญแค่นั้น ไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่สำหรับเรา อีกอย่างถ้ามันยังไม่ตายมันต้องอกมาช่วยเสี่ยกวงแน่ เพราะไม่อย่างนั้นมันจะไม่มีใครคอยหนุนหลัง ถึงตอนนั้นก็ค่อยจัดการมันไปด้วยกันเลยก็ได้"

"แต่ตามแผนที่เราวางกันไว้มันอีกหลายเดือนเลยนะกว่าจะพร้อม"

"ทำตามแผนไม่ได้แล้ว เราจะรอจนขาดสภาพคล่องไม่ได้ ไม่งั้นเราจะไม่มีอะไรไปสู้กับเสี่ยมัน ส่วนหนึ่งก็เพราะพี่เอาเงินไปจมอยู่กับการซื้อที่นั้นแหละ"

"...อืมก็จริง เอาตามนั้นก็แล้วกัน" กำนันประเสริฐถูกท้วงก็เหมือนได้คิด การที่เขาเอาเงินไปซื้อที่ดินไม่ใช่เงินน้อยๆ ถึงผลตอบแทนยามที่เอาไปขายต่อให้กับบริษัทยาและผลประโยชน์จากพื้อนที่รอบๆ ที่กำลังจะพัฒนาขึ้นมาจะมีมหาศาลก็ตาม

"ไอ้ถัง ไปเตรียมคนของเราให้พร้อม" กำนันประเสริฐสั่งการลูกน้องคนสนิทเสียงเข้มเหมือนเป็นคนละคนกับก่อนหน้านี้

"เดี๋ยวก่อน" ณัฐฐาถ้วงขึ้นอีก ก่อนที่คนสนิทจะได้ไปทำตามที่สามีสั่ง

"ทำไมเหรอ" กำนันประเสิรฐตีหน้าสงสัย

"งานนี้เรื่องใหญ่ คนจับตามองกันเยอะ ใช้คนนอกทำดีกว่า" ณัฐฐาเสนอ เพราะถ้าเสี่ยพิพัทถูกทำร้ายคงไม่พ้นที่จะเป็นข่าวใหญ่ ถ้าสื่อรุมประโคมข่าวเธอจะจัดการควบคุมเรื่องได้ไม่ไหว

"ตกลง พี่รู้จักคนที่จะทำให้สาวเรื่องมาถึงเราไม่ได้" กำนันประเสริฐเห็นด้วยก่อนจะสั่งให้ไอ้รถถังไปจัดการตามที่ภรรยาเสนอ

..................................................
 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

larvi

เจษนี้มันนั่งดู 2 เสือตบกันแล้วเอาพุงปลาไปกิน

teerawatc

เจษฏพัฒนาความสามารถไปได้ไกลมาก

1 ต่อ 30 ถึงจะหนังเหนียว ทนทานแต่ก็สู้จริงๆได้ยากมาก เก่งมากครับพระเอก

ผมขำฉากเจอคนคุ้นหน้า ที่เคยยิงเจษฎา มุกนี้ตลกจริงครับ


ผู้เฒ่าเซราะกราว

กำนันมีณัฐฐาเป็นมันสมองให้แบบนี้ ก็ต้องคอยลุ้นกันว่าแผนการของใครจะสำเร็จก่อนกัน แล้วกำนันจะให้ใครมาถล่มเสี่ยกวงกันนะ....????

lindor

อาจารย์เจษของเรานี่เท่สุด ๆ ถ้าเอาไปทำเป็นหนังซีรีย์คงจะสนุกดีนะเรื่องนี้ ขอบคุณผู้แต่งมากมาย

TUMMYS


Taizen


NNGGOO

เสือ 2 ตัวเริ่มทำร้ายกันเองแล้ว ก็ต้องมีเสือลำบากตัวนึงละ อาจารย์เจษก็จะทำตามแผนได้ง่ายขึ้น

วีรการณ์ นาคชุ่มนุม

ช่วงนี้จารย์เจษบู๊บ่อยนะเล่น1 ต่อ 20 เลยเว้ยย โหดเกินไปแล้วว  เหมือนโดนจัดฉากตั้งแต่แรกๆเลยป่าว มีมือที่สามที่สี่อีกมั้ยเนี่ย

sammyadong


catoon

หลังๆ มา พี่เจษเราตลุยเดี๋ยวบ่อยจังเลยนะ

Ttum1188

สงสัยเจษต้องจัดให้จ๋าอีกซักรอบแล้วมั้งร้ายเหลือเกินแม่คนนี้

soidao

เหตุการณ์เริ่มซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆนะครับ เอาใจช่วยพระเอกของเราครับ

wichan9418

 ::YehYeh::สุดท้ายเสือสองตัว ตัวไหนจะล้มก่อน

dwarf

ขอบคุณ​ครับ... สงครามครั้งใหญ่กำลังก่อตัวเริ่มเกิดขึ้นในไม่ช้า