ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

Darkness Circle / วงจรแห่งความมืด ตอนที่ 38

เริ่มโดย เจตภูติ, มิถุนายน 20, 2021, 10:11:40 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

เจตภูติ

สำหรับเพื่อนๆ ที่ยังไม่ได้เป็นสมาชิกเว็บอยากอ่านส่วนที่ซ่อนไว้ ในนั้นจะลงช้ากว่าที่เว็บนี้หนึ่งตอนนะครับ
https://www.tunwalai.com/v2/story/499798

Darkness Circle / วงจรแห่งความมืด ตอนที่ 38

หลังจากที่พวกทวงหนี้ถูกจัดการผ่านไปได้สามวัน เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นที่โจษจันกันทั้งในอำเภอและพื้นที่ใกล้เคียง สถานการณ์โดยรวมในพื้นที่ก็ไม่มีเรื่องใหญ่แบบนั้นเกิดขึ้นอีกเลย ทุกอย่างดูสงบเรียบร้อยจนหน้ากลัว คล้ายกับทะเลไร้คลื่นลมก่อนที่จะมีพายุลูกใหญ่พัดมา

ท่ามกลางความมืดของท้องฟ้าเวลาหัวค่ำ ที่คฤหาสน์หรูของเศรษฐีใหญ่ประจำอำเภอรอบบริเวณบ้านมีคนจำนวนหนึ่งคอยตรวจสอบดูแลความปลอดภัยอย่างแข็งขัน ถึงจะไม่มีเรื่องอะไรเสี่ยพิพัทธ์ก็ไม่ได้คลายความระวังเลยตัวแม้แต่น้อย

"ว่ายังไงนะ พูดใหม่อีกทีสิ" เสี่ยพิพัทธ์ถามย้ำเสียงดังใส่โทรศัพท์มือถือจนลอยออกไปนอกห้องทำงาน เสี่ยร่างเล็กแทบจะไม่เชื่อหูตัวเองว่าสิ่งที่ได้ยินนั่นจะเป็นเรื่องจริง ทั้งๆ ที่เขาก็จัดคนคอยดูแลความปลอดภัยในทุกกิจการและสถานที่เป็นอย่างดีแล้วแท้ๆ

"ไฟไหม้โกดังเก็บปุ๋ยเราครับเสี่ย" ไอ้คนปลาสายรายงานซ้ำ พร้อมกับมีเสียงคนโวกเวกโวยวายอย่างคนกำลังชุลมุนแทรกเข้ามาในลำโพงโทรศัพท์มือถือเป็นระยะ

"เรื่องมันเกิดขึ้นได้ยังไง" เสี่ยกัดฟันเค้นเสียงถาม

"ยังไม่รู้สาเหตุครับเสี่ย อยู่ดีๆ ก็ไหม้ขึ้นมาเอง พวกผมเองก็งงไปกันหมดเลยครับ" คนรายงานยังมีใช้เสียงเหมือนคนกระวนกระวายเช่นเดิม สายตาก็ยังไม่ละไปจากเปลวไฟที่ลุกสูงขึ้นไปบนท้องฟ้าและรู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ออกมา แม้อาคารที่ถูกไฟไหม้จะอยู่ห่างออกไปหลายสิบเมตร

"เออลื้อรีบจัดการดับเลย อั๊วจะรีบไปดูเดี๋ยวนี้แหละ" เสี่ยพิพัทธ์ออกอาการร้อนใจ จนเมื่อได้ยินเสียเคาะที่หน้าประตูก่อนที่จะหันไปอนุญาต "เข้ามา"

"เสี่ยครับ..." พ่อบ้านที่น่าจะได้รับรายงานเรื่องเดียวกันเปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานหน้าตาตื่น

"อั๊วรู้แล้ว ไปเตรียมคนเเตรียมรถเลย" เสี่ยพิพัทธ์ตัดบทสั่งการรวดเร็ว

"ผมว่ามันแปลกๆ นะครับเสี่ย" พ่อบ้านจับพิรุธได้บางอย่างก็ทักออกไป

"แปลกยังไงอั๊วก็ต้องไป" เสี่ยพิพัทธ์ไม่สนใจที่พ่อบ้านเตือน เรื่องใหญ่ขนาดนี้เขาไม่ไปดูด้วยตัวเองไม่ได้ เขารู้ดีถึงความเสี่ยงว่านี้อาจจะเป็นแผนล่อเสื้อออกจากถ้ำ เพียงแค่เขายังไม่มั่นใจว่าเป้าหมายจะเป็นเสือที่กำลังจะออกไปจากถ้ำ หรือถ้ำที่ว่างเปล่าไร้เสือ

"เสี่ยจะเอาคนไปด้วยกี่คนครับ ผมจะไดรีบไปเตรียมให้"

"เอาไปครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งเฝ้าดูบ้านไว้ ลื้อก็อยู่นี่แหละคอยดูแลลูกอั๊ว อ้อโทรหาพวกที่กลับไปแล้วด้วย นี่เรื่องด่วน" เสี่ยพิพัทธ์วเตรียมการรัดกุมป้องกันไว้ทั้งสองทาง

"ได้ครับเสี่ย" พ่อบ้านรับคำแล้วรีบไปจัดกำลังคนตามที่สั่ง

..................................................

เสี่ยพิพัทธ์พาคนกว่าหนึ่งโหล่เดินทางด้วยรถเอสยูวีคันใหญ่ประกบหน้าหลังด้วยรถกระบะสี่ประตูสีดำ รถทั้งสามคันแล่นไปบนถนนใหญ่ด้วยความเร็วสูงก่อนจะเลี้ยวเข้าทางสายรองเพื่อจะมุ่งหน้าไปที่คลังสินค้า ในช่วงแรกของถนนพวกเขายังรักษาความเร็วไว้ได้ดี แต่เมื่อขับลึกเข้าไปในเส้นทางนี้รถสามคันก็ต้องใช้ความเร็วที่น้อยลงทั้งที่ถนนโล่ง เพราะทางเบื้องหน้าไฟทางริมถนนนั้นดับมืดโดยไม่ทราบสาเหตุผิดไปจากทุกที กระบะนำขบวนขับอย่างระมัดระวัง คนในรถคอยสอดส่องหาสิ่งผิดปกติ  ระหว่างนั้นคนขับรถคันหน้าสุดสังเกตุเห็นตะปูเรือใบก็พยายามจะหักหลบอย่างกระทันหัน แต่ตะปูมีเยอะและโปรยไว้ทั่วถนนทั้งเลนที่รถวิ่งและเลนสวน ล้อขวาหน้าเหยียบเข้ากับตะปูเรือใบจนล้อเส้นนั้นถึงกับแตกทันที กระบะคันใหญ่เสียหลักพลิกตะแคงข้างขว้างถนนค่อมเลนปิดทางไปต่อ ก่อนที่รถของเสี่ยพิพัทธ์ที่ขับตามจะเหยีบเข้ากับตะปูเหมือนกัน แม้ล้อรถจะไม่แตกแต่ก็ทำให้หลบรถที่ผลิกคว้ำอยู่ด้านหน้าไม่พ้น ส่วนหน้าของรถเอสยูวีชนเข้าใส่รถที่ขว้างอยู่จนเครื่องยนต์รถดับจอดนิ่งสนิทไปต่อไม่ได้

กระบะคันสุดท้ายที่เห็นเหตุการณ์และมีระยะห่างมากพอที่จะหยุดรถไว้ได้ทัน แต่ด้วยความที่ต้องหยุดกระทันหันทำให้รถเสียหลักไปเล็กน้อยก่อนคนขับจะคุมรถให้จอดได้โดยปลอดภัย พวกลูกน้องในรถคันสุดท้ายรีบลงจาดรถกรูกันเข้าไปดูอาการเจ้านายแล้ววางกำลังคอยคุ้มกันได้อย่างชำนาญ

ให้หลังจากเสียงล้อระเบิดดังขึ้นไม่นาน ก็มีชาวบ้านสองคนซ้อนรถมอเตอร์ไซค์ผ่านทางมาเห็นเหตุการณ์ ก่อนที่คนทั้งคู่จะขับเข้าไปดูอุบัติเหตุช้าๆ

"เป็นอะไรกันรึเปล่าคุณ" คนขับมอเตอร์ไซค์ตะโกนถามด้วยน้ำเสียงสั่นปนตื่นเต้นและตกใจ

"ไม่เป็นไร จะไปไหนก็ไปเลยลุง" หนึ่งในลูกน้องของเสี่ยพิพัทธ์ตะโกนสวนกลับมา พร้อมกับกุมมือไปที่อาวุธร้ายที่ซุกไว้ที่ขอบกางเกงด้วยความหวาดระแวง เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่อุบัติเหตุทั่วๆ ไป

"ไม่เป็นไรแน่นะ" คนขับมอเตอร์ไซค์ถามย้ำเสียงสั่น แล้วขับเข้าไปใกล้อีกนิดอย่างระมัดระวัง ก่อนที่พวกลวกน้องของเสี่ยพิพัทธ์สี่คนจะเดินเข้ามาขวางทาง พร้อมกับชักอาวุธปืนออกมาเตรียมพร้อม ทำเอาคนขับมอเตอร์ไซค์ถึงกับหน้าซีดด้วยความกลัว

ขณะที่ลูกน้องทั้งสี่คนของเสี่ยพิพัทธ์ที่โดยสารมากับรถคันหลังสุดเดินเข้าประชิดรถมอเตอร์ไซค์ และกำลังจะทำการล้อมรถ ชายร่างกายกำยำในชุดเสื้อคลุมทหารลายพรางกับหมวกปีกคลุมหน้าลายพราง มองเผินๆ เหมือนเพิ่งกลับมาจากการทำไร่ทำสวนที่นั่งซ้อนอยู่ก็ก้าวลงจากรถ

ชายคนนั้นเดินเข้าหาคนทั้งสี่ ก่อนจะกระชากมีดเดินป่าแบบมาเชเต้ที่นิยมใช้กันในประเทศแถบอเมริกากลางและแถบแคริเบียนสองเล่มออกจากซองใต้ชายเสื้อคลุมมาถือเอาไว้ราวกับมีเวทมนต์

ท่ามกลางความตกตะลึงของคนในเหตุการณ์ ใบมีดลงดำคมตัวคมมันวาวความยาวสิบสองนิ้วก็สับเข้ากลางศรีษะของไอ้คนดวงซวยที่เข้ามาใกล้สุดเป็นคนแรก

"เฮ้ย..." เสียงเดียวและเสียงสุดท้ายที่เปล่งออกมาจากชายโชคร้าย ด้วยความเร็วที่ทำให้คนโดนฟันไม่ทันได้หลบ ส่งคมมีดจบลึกลงไปได้ง่ายดายเหมือนกับการผ่าแตงโม พวกที่เข้ามาล้อมเห็นภาพนั้นก็ยิ่งขวัญเสีย

ชายสวมหมวกปีกคลุมหน้าลายพรางกระชากมีดออกจากศรีษะชายเคราะห์ร้าย ร่างนั่นก็ร่วงไหลลงไปกองกับพื้น ก่อนที่มีดแบบเดียวกันจากมือซ้ายจะถูกขว้างออกไปปักเข้าอกของคนที่อยู่ไกลสุด ส่งผลให้มันคนนั้นล้มลงทันที

อีกสองคนที่เหลือยังคงตกตะลึงแม้จะมีปืนอยู่ในมือก็ช่วยอะไรไม่ได้มาก เพราะก่อนที่ทั้งคู่จะได้ยกปืนขึ้นมาเล็งยิงก็ถูกฝันเข้าที่แขนข้างที่ถือปืน และตามด้วยลำคอจนร่างไร้วิญญาณทั้งสองล้มลงไปทั้งยืน

"ขับเข้าไป" ชายสวมหมวกปีกคลุมหน้าลายพรางสั่งคนขับมอร์เตอร์ไซค์เสียงเหี้ยมก่อนจะเดินไปดึงมีที่ปักอยู่ที่หน้าอกของลูกน้องเสี่ยพิพัทธ์ออกมาอย่างเลือดเย็น

คนสี่คนถูกจัดการโดยใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีทำชาวบ้นเคราะห์ร้ายที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เพราะถูกบังคับให้ขับรถมาให้ หน้าซีดปากสั่นปัสสวะแทบเล็ดออกมาเปื้อนกางเกง จำใจต้องยอมทำตามอย่างช่วยไม่ได้

"ทำไมไอ้พวกนั้นมันเงียบไปวะ" เสี่ยพิพัทธ์หันไปคุยกับคนขับหลังจากสังเกตุเห็นสิ่งผิดสังเกตุ ซึ่งคนที่ทำหน้าที่คุ้มกันสองคนนั่งประกบอยู่ก็เห็นด้วย จึงพยักหน้าเป็นสัญญาณให้คนที่นั่งข้างคนขับลงไปดู

"เสี่ยรออยู่ในรถก่อนนะครับ ยังไงซะรถคันนี้ก็กันกระสุน" ชายนั่งข้างคนคับกำชับเสียงเข้ม เปิดประตูลงไปตั้งพร้อมยิง โดยถือปืนชิดอก ลำกล้องชี้ไปด้านหน้า นิ้วออกจากไก ในท่านี้สามารถพุ่งปืนออกไปสู่ระดับสายตาได้อย่างรวดเร็ว

เมื่อชายคนดังกล่าวเดินมาถึงท้ายรถคนคุ้มกันอีกสองคนก็เปิดประตูหลังและลงมาตั้งท่าเดียวกันเตรียมคุ้มกันเพื่อนร่วมงานและเสี่ยพิพัทธ์

แสงไฟจากรถมอเตอร์สาดเข้าใส่คนทั้งสามคนทั้งสาม ตามด้วยการหยุดของมอตอร์ไซค์ คนขับรีบยกมือสองข้างขึ้นทันทีที่เห็นสิ่งของที่อยู่ในมือของกลุ่มคนตรงหน้า

"มึงเป็นใคร ต้องการอะไร" หนึ่งในคนคุ้มกันคำรามเสียงเข้ม

"ผะ...ผม...ไม่รู้เรื่อง ผมแค่ผ่าน...ทางมา..." คนขับมอเตอร์ไซค์ละล่ำละลัก พูดติดๆ ขัดๆ หน้าซีดเหงื่อแตก รู้สึกเหมือนมียมฑูตนั่งซ้อนท้ายมาด้วยทั้งที่อยู่บนรถแค่คนเดียว

ชายสวมหมวกปีกคลุมหน้าลายพรางที่แอบเดินเลาะข้างทางมาในความมืด อาศัยจังหวะที่ทั้งสามคนสนใจอยู่แต่กับคนบนรถมอเตอร์ไซค์ วิ่งพลวดออกมาจากข้างทางแล้วไล่ฟันใส่คนทั้งสามทีละคน การฟันแต่ละครั้งเข้าจุดสำคัญอย่างแม่นยำ ก่อนที่ดาบสุดท้ายจะเป็นของเจ้าของมอรเตอร์ไซค์ดวงซวยที่ถูกจี้มา

ชายคนคุ้มกันเสี่ยพิพัทธ์สามคนล้มลงราวกับใบไม้ร่วง ตามด้วยเจ้าของรถมอเตอร์ไซค์เคราะห์ร้ายที่ถูกเล่นงานเป็นรายสุดท้ายที่ล้มไปพร้อมกับภาหนะ เหตุการณ์เกิดขึ้นรวดเร็วจนมองแทบไม่ทัน คนขับรถของเสี่ยพิพัทธ์ที่เห็นเหตุการณ์จากกระจกมองหลัง ตั้งสติเคลื่อนไหวรวดเร็วกดล็อคประตูแล้วลองสตาร์ทรถหลายครั้งแต่เครื่องยนต์ก็ไม่ยอมทำงาน จนกระทั้งชายสวมหมวกปีกคลุมหน้าลายพรางมาประชิดที่ข้างประตู แล้วนั่งลงหลบหลังประตูรถก่อนจะลองเปิดประตูดูพร้อมกับใช้มีดเคาะสำรวจที่กระจก แล้วนิ่งไปเหมือนรู้อะไรบางอย่าง

มันคนนั้นลุกขึ้นถอยออกมาแล้วเดินไปที่ฝาถังน้ำมัน มันออกแรงงัดอยู่ครู่หนึ่งฝาครอบถังน้ำมันก็กระเด็นหลุดออกมาอย่างไม่อยากเย็น ก่อนจะล้วงเข้าไปในเสื้อแล้วหยิบเอาแท่งทรงกระบอกสีแดงออกมาโบกให้คนในรถดู

ภาพที่เสี่ยพิพัทธ์เห็นราวกับหนังสยองขวัญเกรดลองทุนต่ำของฮอลีวูด แต่เมื่อเป็นเรื่องที่เกิดจริงและกำลังเกิดขึ้นเขา มันช่างน่ากลัวจนแทบไม่อยากจะลืมตามองกันเลยทีเดียว

ผิดกับเจ้าคนขับรถที่เห็นของในมือก็เดาออกได้ทันทีว่านั้นคือพลุแฟร์หรือผลุสัญญาณ ที่แฟนบอลหัวรุนแรงมักจะเอาไปใช้ผิดประเภท ทันทีที่เขาเห็นสิ่งนั้นหัวใจก็เหมือนหล่นวูบลงไปอยู่กับพื้น ถึงพวกเขาจะอยู่ในรถที่สร้างมาเพื่อป้องกันคมกันกระสุน แต่ถ้ามันหย่อนพลุลงไปในถังน้ำมันก็คงไม่พ้นที่จะถูกย่างสดอยู่รถกันทั้งลูกน้องและเจ้านาย

เมื่อคิดได้ดังนั้นคนขับรถจึงหาทางที่จะทำหน้าที่ให้สำเร็จลุล่วง ด้วยการลงไปกับจัดการกับมันก่อนมันจะทำอะไรลงไป แต่ก่อนที่จะลงจากรถก็ยังหันไปกำชับกับเสี่ยพิพัทธ์ "เสี่ยครับ ผมจะลงไปถ่วงเววลามันไว้ พอผมลงไปเสี่ยรีบล็อคประตูเลยนะครับ ถ้าโทรหาให้มาช่วยได้ก็รีบเลย"

"เอางั้นเหรอ" เสี่ยพอพัทธ์ไม่แน่ใจว่านั่นจะเป็นความคิดที่ดีเพราะเขาอาจจะไม่เหลือใครไว้คอยคุ้มครองความปลอดภัยเลยก็ได้

"มันจะระบิดรถเราอยู่แล้วนะครับ" ชายคนขับย้ำน้ำเสียงเครียด

"เออๆ เอาตามนั้น" เสี่ยพิพัทธ์จำใจปล่อยให้คนขับรถเป็นคนจัดการ

เสี่ยร่างเล็กกลัวจนตัวสั่นคิดไปว่าถ้ายังปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปเขาคงจะไม่พ้นได้กลายเป็นผีเฝ้าถนนอยู่ที่นี่เป็นแน่จึงทำตามคำแนะนำ ก่อนจะรีบกดโทรศัพท์หาลูกน้องคนสนิทโดยไม่คิดไปเองล้วงหน้าว่าลูกน้องจะมาทันหรือไหม ระหว่างนั้นในหัวเขาก็สวดภาวนาต่อสิ่งศักดิ์สิทธ์ทุกอย่างที่เขารู้จักและนึกออกไปด้วย

ทันทีที่คนขับรถก้าวลงมาจากรถปิดประตูรวดเร็วแล้วลั่นไกสาดกระสุนข้ามหลังคารถไปทางชายสวมหมวกปีกคลุมหน้าลายพรางแบบไม่นับนัด ซื้อเวลาให้เสี่ยพิพัทธ์ได้มีเวลาคลานตัวจากเบาะหลังมากดล็อคประตู แต่มันคนร้ายก็ไหวตัวทันกระโดดหายเข้าไปในความมืดข้างทางตั้งแต่ก่อนที่จะถูกยิงเสียอีก คนขับทรุดกายลงหลบใกล้กับประโปร่งหน้ารถพร้อมกับปลดซองกระสุนให้ไหลลงมาเช็คกระสุนที่เหลืออยู่แล้วดันกลับไปที่เดิม ได้แต่หวังว่าเสียดังจะช่วยเรียกคนให้มาช่วยได้อีกทาง

เสียงปืนเงียบลงไปเหลือแต่เพียงแสงไฟจากรถกระบะและบรรยากาศที่ตึงเครียดท่ามกลางความมืด ด้านในรถเสี่ยพิพัทธ์ก็ยังพยายามติดต่อหาคนมาช่วย ด้านนอกรถคนขับก็กุมปืนแน่นคอยระแวดระวังไม่ให้คนร้ายเข้ามาใกล้ได้

จู่ๆ ชายสวมหมวกปีกคลุมหน้าลายพรางก็โพล่มาจากความมืดคนละด้านกับที่มันหลบไป มาโพล่อยู่ตรงหน้าของคนขับรถได้อย่างหน้าฉงน ก่อนฟันเข้าใส่ คนขับรถแม้จะตกใจก็ยังใช้ปืนรับมีดเอาไว้ได้อย่างหวุดหวิด ก่อนจะผลักคืนกลับไปแล้วกลิ้งตัวหลบไปทางท้ายรถ ชายคนร้ายรุกไล่เข้าไปประชิดฟันมีดเข้าใส่อีกครั้ง คนขับรถกันไว้ได้อีกครั้งแต่ปืนก็ถูกฟันจนกระเด็นหลุดออกจากมือไป

"มึงนี่มันทำเสียงดังไม่เข้าเรื่อง" ชายสวมหมวกปีกคลุมหน้าลายพรางพูดเสียงเย็นยะเยือก ขณะที่เงื้อมือถือมีดขึ้นกลางอากาศ ทำเอาร่างของคนที่กึ่งนั้งกึ่งนอนอยู่ได้เห็นได้ยินแล้วกลัวหน้าซีดรู้สึกเย็นสันหลังจนขนลุกเกลียว

..................................................

ก่อนที่มีดเดินป่าแบบมาเชนเต้จะฟันเข้าใส่ชายคนขับรถ ก็มีเงาดำพุ่งเข้าใส่ร่างของชายสวมหมวกปีกคลุมหน้าลายพรางจากด้านข้างพาร่างหนากำยำกระเด็นไถลไปกับพื้นไปด้วยกันกับร่างเงาสีดำ ความแรงและความตกใจจากการถูกชนทำให้มีดในมือของคนร้ายหลุดหล่นออกไปคนละทิศละทาง

"พาเสี่ยหนีไป ข้างหน้ามีรถจอดอยู่ขี่ไปได้เลย" เจษฎาที่สวมชุดมิดชิดในแบบปรพจำของเขาเพียงแต่เสื้อผ้าเป็นสีดำทั้งชุดและใช้ผ้าปิดปากอำพรางใบหน้า หันมาตะโกนสั่งดังลั่น

ชายคนขับรถยังมึนงงกับเรื่องเกิดขึ้นจนทำตัวไม่ถูก แม้จะได้ยินเสียงชัดแต่ร่างกายก็สั่นไม่อาจขยับตัวได้ตามใจนึก

"ไปสิ" เจษฎาที่พยายามกดร่างของคนร้ายไว้กับพื้นตะโกนย้ำเสียงดังช่วยเรียกสติให้อีกครั้ง

คนขับรถเมื่อได้ยินเสียงครั้งนี้ก็เหมือนตื่นจากภวังค์รวบรวมกำลังใจรีบลุกขึ้นมาแล้วทุบใส่กระจกรถกันกระสุนของรถเสี่ยพิพัทธ์เร็วรัวด้วยความร้อนใจและความกลัว เสี่ยพิพัทธ์อ่านภาษากายของคนขับรถได้ก้ตะกายไปปลดล็อคประตูแล้วรีบเปิดประตูให้

"รีบไปเร็วเสี่ยมีคนมาช่วยแล้ว" ชายคนขับชะโงกหน้าเข้าไปในรถร้องบอกเสี่ยพิพัทธ์ทั้งรัวทั้งดัง

"เออๆ รู้แล้วๆ" เสี่ยพิพัทธ์ตอบรัวไม่ต่างกันรีบลงจากรถมาอย่างทุลักทุเล

"อ๊าก" เจษฎาร้องเสียงเจ็บปวดเมื่อถูกชายสวมหมวกปีกคลุมหน้าลายพรางชกเข้าที่ใบหน้าก่อนจะยันร่างของเขาจนกระเด็นออกไปพ้นตัว

ทันทีที่มือสังหารรู้ว่าเป้าหมายกำลังจะหนีรอดไปได้ก็กระโจนร่างไปหยิบมีดที่หล่นอยู่ก่อนจะขว้างมันออกไป มีดดาบคมกริบหมุนลอยไปในอากาศโดยมีปลายทางอยู่ที่ร่างของคนทั้งสองที่กำลังวิ่งหนี แต่คมมีดก็ไปไม่ถึงเจษฎากระโดดเข้าไปขวางเอาร่างรับคมมีดไว้ได้ก่อน จนเกิดเสียงแน่นๆ ของเหล็กที่กระแทกเนื้อ ชายที่กำลังหนีตายสองคนได้ยินเสียงก็หันมามองเหตุการณ์เมื่อเห็นว่าคนที่โดนมีดอัดเข้าไปกลางตัวแต่กลับไม่เป็นอะไรเสี่ยพิพัทธ์ก็นึกไปถึงคนแค่คนเดียวเท่านั้น

"อาจารย์..." เสี่ยพิพัทธ์พูดไม่ทันจบก็ต้องหุบปากลง

"ไม่ต้องเรียกรีบไป" เจษฎาหันไปตวาดใส่เพียงเสี้ยววิเพราะไม่อยากจะละสายตาจากนักฆ่าฝีมือฉกาจไม่กล้าทำตัวประมาท ทั้งคู่หลังจากที่ได้ยินคำสั่งก็สับเท้าออกวิ่งไม่หันกลับไปมองไม่สนใจความเป็นตายของจอมขมังเวทย์ เพราะเชื่อสนิทใจในความอยู่ยงคงกระพันธ์ของชายมากอาคมผู้นี้ พวกเขาวิ่งมาจนเห็นมอเตอร์ไซค์เจษฎาจอดทิ้งไว้ให้ ก็รีบขึ้นคร่อมแล้วขับหนีออกไปอย่างรวดเร็ว

ชายสวมหมวกปีกคลุมหน้าลายพรางเห็นเป้าหมายกำลังจะรอดเงื้อมมือไปวิ่งย้อนไปที่มอร์เตอร์ไซค์ของชายดวงซวยแล้วถีบร่างไร้วิญญาณออกให้พ้นทางก่อนจะขึ้นไปสตาร์ทเครื่องยนต์

แต่ยังไม่ทันจะได้ออกตัว ก็ถูกเจษฎามายืนขวางทางเสียก่อน คนร้ายไม่สนใจชายตรงหน้า เบิ้ลเครื่องยนต์เสียงดังสนั่นก่อนจะขับมอเตอร์ไซค์ตรงเข้าใส่แบบไม่มีอาการลังเล เจษฎาเห็นรถพุ่งเข้ามาก็เตรียมตัวรับมือ ด้วยการย่อตัวกดเท้าลงพื้นเป็นหลักมั่นคง รวบร่วมสามธิเตรียมข่มความเจ็บปวดและแรงกระแทก

รถมอเตอร์ไซค์ออกตัวด้วยความเร็วแล้วแล่นตรงไปยังร่างชายหน้าเข้ม จากการฝึกฝนที่ผ่านมาและความตั้งใจที่จะไม่ยอมกระเด็น ทำให้มอเตอร์ไซค์ของคนร้ายที่พุ่งชนเจษฎาเหมือนชนเข้ากับตอไม้ ตัวรถหยุดนิ่งอยู่กับที่ผิดกับร่างของคนขับที่ถูกแรงเฉื่อยพาร่างให้หลุดลอยออกจากตัวรถข้ามหัวเจษฎา แต่ชายคนร้ายลงพื้นด้วยท่าม้วนหน้าได้อย่างง่ายดาย ทำให้มันไม่ได้ไม่ไดรับบาดเจ็บแม้แต่น้อย จะมีก็แค่ความงุนงงไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนจะยืนขึ้นแล้วหันกลับมาจ้องเขม็งใส่เจษฎาที่ยืนฝืนความจุกอยู่

แสงจากไฟหน้ารถกระบะยังคงสว่างพอให้คนปิดหน้าทั้งใช้สายสองจับจ้องดูเชิงกันเกือบจะไม่กระพริบตา เมื่อคนหนึ่งก้าวอีกคนก็ก้าวไปในทิศทางตรงกันข้ามรักษาระยะห่างเอาไว้ให้เป็นเหมือนเส้นขนาน ทั้งคู่เคลื่อนที่ไปเรื่อยๆ จนคล้ายจะเป็นวงกลม

การเคลื่อนไหวของมือสังหารไม่ได้เป็นไปโดยเปล่าประโยชน์ ชายชุดพรางขยับเข้าไปใกล้มีดของเขาไปเรื่อยๆ โดยที่เจษฎาไม่ทันสังเกตุ

กว่าที่เจษฎาจะรู้ตัวว่าเสียทีก็สายไปแล้ว ชายคนร้ายอยู่ห่างจากมีดที่ตกอยู่เพียงแค่ก้าวเดียว เจษฎาพยายามจะแก้สถานการณ์ด้วยวิ่งเข้าไปสกัดการกระทำ แต่มันก็ตรงไปหยิบมีดขึ้นได้ก่อนที่เขาจะไปถึงแล้วหันกลับมาฟัน ซึ่งเขาก็สามารถเกร็งแขนยกขึ้นมากันการโจมตีได้ทัน

หลังจากที่คมมีดปะทะเข้ากับแขน ทั้งคนฟันและคนถูกฟันได้ผละออกจากกันเหมือนกับว่านัดกันไว้ เพราะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นกับคนทั้งคู่

"อ๊ากกกก..." เจษฎาหลุดปากร้องเสียงหลง กระถดร่างใช้มือกุมแขนข้างที่ถูกฟัน เขารู้สึกว่าความเจ็บหลอนที่เกิดจากการฟันของคนร้ายคนนี้มีความรุนแรงคมชัดกว่าที่เขาเคยเจอมาทุกครั้ง

ชายคนร้ายมองดูที่ร่างของเจษฎาก่อนจะหันมาดูมีดที่ถืออยู่ในมือด้วยความประหลาดใจ มันยังยืนนิ่งดูท่าทีไม่กล้าที่ผลีผลามขยับตัวทำอะไรเพราะยังไม่เข้าใจว่าสิ่งเกิดขึ้นมันคืออะไรกันแน่

เจษฎาพยายามตั้งสติควบคุมลมหายใจให้เป็นปกติจัดการความคิดไม่ให้เตลิดไปกับความเจ็บปวด และไม่ยอมละสายตาไปจากเป้าหมายตรงหน้ารู้สึกกลัวทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาไม่มีทางจะได้รับบาดเจ็บ

มือสังหารยังคงเฝ้ามองดูชายตรงด้วยความสงสัย ไม่เข้าใจว่าทำไม่ชายตรงหน้าถึงไม่มีบาดแผลอะไรสักนิดเดียว เพราะด้วยความสามารถของเขาน่าจะตัดแขนข้างนั้นให้ขาดได้ไม่ยาก ไม่ใช่แค่ทำให้แขนเสื้อขาด หรือไม่มีแม้แต่เลือดติดมีดมาด้วยซ้ำ ก่อนที่มันสลัดความคิดฟุ้งซ่านอยู่ในหัวออกไป แล้ววิ่งไปหยิบมีดอีกเล่มที่หล่นอยู่

เจษฎายังคงยืนคุมเชิงไว้ไม่ให้คนร้ายได้มีช่องไปไล่ตามเสี่ยพิพัทธ์ ซึ่ง ชายคนร้ายก็ทำแบบเดียวกัน ทั้งคู่คุมเชิงกันอยู่ครู่เดียว จนมือสังหารประเมินได้ว่าคงไล่ตามเป้าหมายไปไม่ทันแล้ว มันจึงวิ่งเข้าหาเจษฎาแล้วฟันเปิดทางาก่อนจะตรงไปขึ้นคร่อมรถมอเตอร์ไซค์แล้วขับหนีไปในความมืดในทางตรงข้ามกับที่เสี่ยพิพัทธ์หนีไป

เจษฎาเมื่อเห็นอีกฝ่ายถอนตัวเขาเองก็ไม่ได้คิดจะขัดขวางหรือติดตาม แล้วก็ไม่อยากอยู่รอคุยกับตำรวจ จึงรีบออกไปจากที่เกิดเหตุเช่นกัน

..................................................
 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

TUMMYS


865162

อาจารย์เจษฎา ช่วยเสี่ย สร้างบุญคุณ ไว้ต่อรอง ในอนาคต

chongza1975


jeab2504

คงเป็นพี่ใหญ่ของจารย์เจษแน่ๆรับงานมาเก็บเสี่ยพิพัท

La Pt


bangsan

เจษเจอคนแกรงซะแล้วสงสัยเป็นพี่ใหญ่แน่ๆ

สมใจมาก

เพื่อนกันหรือเปล่า จาร เจด กับนักฆ่า


Channarong Saekow

คนกันเองแน่นอน  แต่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคือใครเท่านั้นเอง

kpnttn

#10
เจอคนกันเองรึเปล่า ต่างฝ่ายต่างไม่รู้ หรือแอบเตี๊ยมกันไว้แล้ว

นายหญิงยังไม่อิ่มสินะ

เอกเอก

เข้มข้นแล้ว ตัวใหญ่เริ่มเล่นกันเองแล้ว

♤judas♤

ใครกันนะที่จะฆ่าเสี่ย แต่โชคดีที่อ.เจษมาช่วยทันแถมฝีมือไม่ธรรมดาเล่น้อาอ.เจษเหนื่อยเลยล่ะ

teerapong2534m

อ.เจต​น​์​เจอ​คู่​ต่อ​สู้​ที่​ไม่​ธรรม​ดา​แล้ว​งาน​นี้​

Theman368