ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

มองผู้ชายให้เป็นเหยื่อ ตอนที่ 2

เริ่มโดย apinyaporn, กันยายน 21, 2021, 12:25:51 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

apinyaporn

ตอนที่ 1 https://xonly8.com/index.php?topic=250240.0

เสียงสัญญาณโทรศัพท์เรียกเข้าโชว์เบอร์ของเป้เพื่อนรัก "หนึ่ง! ตั้งแต่กินข้าวกันวันนั้นจนป่านนี้ชั้นยังติดต่อไอ้โจ้ไม่ได้เลยว่ะ โทรไปกี่ทีมันก็ไม่รับโทรไปอีกคราวนี้ปิดเครื่องเลย" น้ำเสียงสลดอย่างเห็นชัดเจน

          "มันรู้ว่าแกจะบอกเลิกมั้ง เลยไม่รับโทรศัพท์"
          "แกบอกมันเหรอว่าชั้นจะเลิก"
          "ฮึ.. เปล่านะ เรื่องส่วนตัวของพวกแกชั้นไม่เคยยุ่งอยู่แล้ว คืนนั้นแกเผลอพูดกับพวกผู้ชายรึเปล่า"

          "ที่ชั้นไม่ให้มันมาส่งก็แค่ไม่อยากให้มันเจอพี่รุธไม่ได้จะบอกเลิกอะไรซักหน่อย มันยิ่งชอบคิดมากอยู่ด้วยชักเป็นห่วงแล้วสิ แกแวะไปดูที่ห้องมันให้หน่อยดิ"

          "ไม่เอาอ่ะ เกิดมันผูกคอตายอยู่ในห้องทำไงอ่ะ"
          "แกอย่าพูดแบบนั้นดิ ชักไม่ค่อยอยากไปแล้วนะเนี่ย"

          "เออ แล้วพรุ่งนี้จะไปดูให้"
          "ไปวันนี้เลยไม่ได้เหรอวะ แกยุ่งเหรอ"
          "ก็นิดหน่อย เดี๋ยวช่วยโทรละกันเผื่อเห็นเป็นเบอร์ชั้นมันอาจจะรับก็ได้"
          "เออ ได้ความยังไงบอกชั้นด้วยนะเว่ย เป็นห่วงมันว่ะ"

หนึ่งฤทัยกดวางสายยิ้มมุมปากกำลังคิดอะไรเพลินๆ เสียงโทรศัพท์ดังอีกครั้งเลขหมายต้นทางที่แสดงไม่เคยบันทึกไว้

          "เออ ใช้เบอร์นี้นะ เมมไว้ด้วย"
          "เปลี่ยนซิมแล้วเหรอ เมื่อกี๊เป้มันเพิ่งโทรหาชั้นเอง บอกว่าติดต่อแกไม่ได้"

          "อื้ม.. แล้วมันว่าไงอีก"
          "มันขอให้ชั้นแวะไปดูแกที่ห้องกลัวจะคิดสั้น นี่แกอยู่ห้องป่ะล่ะ"
         
          "ตอนเนี้ยเหรอ อยู่เขาใหญ่ว่ะ"
          "เขาใหญ่! ไปทำบ้าอะไรวะเขาใหญ่ไม่ทำงานทำการหรือไง"
          "อยากห่างไกลจากสิ่งยั่วยุว่ะ ตอนแรกคิดว่าจะตัดเน็ตที่ห้องจะได้ไม่ต้องดูหนังโป๊ แต่ดูทรงแล้วน่าจะเอาไม่อยู่ก็เลยย้ายมาอยู่ป่าแม่งซะเลย"

          "อยู่ป่าถ้าว้อนท์ขึ้นมาจะทำก็ทำได้ ให้เชื่อเหรอว่าจะไม่ช่วยตัวเอง"
          "กูไม่ใช่ทาร์ซานนะเว่ยจะได้ยืนชักว่าวในป่าอ่ะ"

          "ไอ่บ้า ประสาท" หนึ่งฤทัยหัวเราะร่วน "แล้วนี่กะจะอยู่กี่วัน"

          "ก็อยู่แม่งเดือนนึงอ่ะ .." เพื่อนชายตอบน้ำเสียงประชด

หนึ่งฤหัยนั่งหัวเราะคนเดียวขำขันกับความตั้งใจจริง นึกถึงเรื่องพี่รุธหย่าเมียเพื่อเคลียร์ตัวเองตามที่ยัยเป้ต้องการ พวกผู้ชายช่วงโปรโมชั่นทุ่มแหลกแจกแถมว่านอนสอนง่ายชี้นกเป็นไม้แบบนี้ทุกคน

.....

ฉันรู้สึกดีเมื่อมีใครมอง ยิ่งแอบมองยิ่งฟิน เป็นจุดสนใจเป้าสายตาสำคัญดุจดั่งราชินี ผู้ชายพวกนั้นไม่สนใจสิ่งอื่นใดเลยเพียงเฝ้าจดจ่อรอคอยกระสับกระส่ายสอดสายตาโน่นนี่อย่างมีพิรุธ เพียงแสร้งเผลอบิดขี้เกียจ มัดรวบผม สลับขาไขว่ห้าง ท่วงท่าพื้นฐานใช้เช็คเรตติ้งระดับริกเตอร์ความสะดุ้งสะเทือนของเหล่าเพื่อนชายได้ดีเสมอ 

พวกเราต่างอยู่บนโลกเพี้ยนๆ บ้าบอ แต่สวยงามเหลือเกิน ฉันแค่แต้มเติมสีสันเล็กๆ น้อยๆ ลงไป ที่โรงอาหาร ในห้องสมุด หรือแม้กระทั่งอาจารย์ที่กำลังคุมสอบอยู่หน้าห้อง

.....

เกือบหกโมงเย็น หนึ่งฤทัยยื่นบัตรคนไข้ที่เคาน์เตอร์โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งย่านรามคำแหง เจ้าหน้าที่สาวสแกนบัตรข้อมูลประวัติการรักษาปรากฎขึ้นบนหน้าจอ

          "พอดียาหมดค่ะ มารับยา"
          "คุณหมอเพิ่งออกไปเมื่อกี๊นี้เองค่ะ ตอนนี้เหลือแต่แพทย์เวร" เจ้าหน้าที่สาวบอก
          "ไม่เป็นไรค่ะแค่จะมาเอายา พบแพทย์เวรก็ได้"
          "ได้ค่ะ.."

เจ้าหน้าที่สาวถือเอกสารเดินนำหนึ่งฤทัยไปส่งหน้าห้องตรวจ ทันทีที่ลับสายตาพวกที่เหลือก็เริ่มนินทา "โรคอารมณ์แปรปรวน Dysregulation Disorder โรคนี้มันเกิดแต่ในเด็กไม่ใช่เหรอ .. คนเนี้ย ชอบมารับยาตอนที่คุณหมอกลับแล้วทุกที ชั้นจำได้ .. หน้าตาก็ดีเนอะ ไม่น่าเลย ดูภายนอกไม่รู้เลยนะว่าป่วย"

แพทย์เวรพลิกเปิดดูเอกสารสีหน้าครุ่นคิด "ผมคงตรวจให้คุณไม่ได้ ไว้คุณเข้ามาพบกับแพทย์เฉพาะทางอีกทีจะดีกว่าเดี๋ยวจะให้เจ้าหน้าที่ทำบัตรนัดให้"

          "แต่ครั้งที่แล้วคุณหมอเวรก็จ่ายยาให้นะคะ"
          "ก็นั่นน่ะสิผมเห็นลายเซ็นก็ยังแปลกใจอยู่ ในแฟ้มนี่เขียนกำชับว่าคุณอยู่ในระหว่างคุมประพฤติโดยจะต้องตรวจอาการและรับยาอย่างสม่ำเสมอ แต่ลายเซ็นพวกนี้ไม่ใช่ของแพทย์จิตเวชซักคน ผมว่ามันมีพิรุธนะ"
          "ก็ต้องทำงานนี่คะใครจะมีเวลาว่างมาตรวจล่ะ แล้วถ้าไม่มีลายเซ็นพวกนั้นตามกำหนดก็ละเมิดทัณฑ์บนอีก จะให้ทำยังไง" หนึ่งฤทัยชักหงุดหงิด

          "แต่ยานี่มันห้ามกินติดต่อกันนานเกินสิบปีนะคุณ และถ้าจะกลับมาใช้ซ้ำอีกจะต้องเว้นระยะห่างอย่างน้อยๆ ห้าหกปีเพราะมันมีผลเอฟเฟคมาก แพทย์เฉพาะทางรู้กันดี แต่แพทย์ที่ไม่เคยจ่ายยาตัวนี้เค้าไม่รู้ถึงได้ยอมสั่งจ่ายยาให้คุณ แบบนี้ติดคุกได้เลยนะจะบอกให้ ไม่คนไข้ก็หมออ่ะ"   

          "...." หนึ่งฤทัยพูดอะไรไม่ออก ครั้งนี้ไม่ง่ายเหมือนที่ผ่านมา

          "นี่คุณไม่ได้กินยามานานเท่าไหร่แล้ว เพราะถ้ากินต่อเนื่องจนถึงตอนนี้คุณควรจะไปอยู่ในโรงพยาบาลบ้ามากกว่า" แพทย์เวรถอนหายใจ

          "หนูหยุดกินยาตั้งแต่เรียนมัธยมปลาย กินยาแล้วมันคิดอะไรไม่ค่อยออก" หนึ่งฤทัยท่าทีอ่อนลง "ก็มีบ้างที่หลุดๆ ฝันๆ แต่รวมๆ ก็ยังพอควบคุมตัวเองได้"

          "นั่นก็เพราะคุณอาจยังไม่เจอสิ่งเร้าแบบแรงๆ ตรงๆ สถานการณ์หรืออะไรที่โดนใจมากๆ เพราะฉะนั้นคุณต้องประคองใจตัวเองดีๆ หลีกเลี่ยงสถานที่คนพลุกพล่าน เอกสารนี่ผมจะเซ็นให้จะได้ไม่มีปัญหาส่วนเรื่องยาคุณต้องเข้ามาพบอาจารย์หมอท่านเอง แต่ผมจะจ่ายตัวอื่นให้แทนละกัน"
         
          "ขอบคุณค่ะ หนูขอยานอนหลับได้มั้ยคะ ต้องตื่นไปทำงานแต่เช้าบางทีตีสามตีสี่ยังไม่หลับเลย"
          "ยาที่ให้ไปนี่ก็หลับดีนะ ไม่เอฟเฟคด้วย" แพทย์เวรเซ็นเอกสารพลางมองลอดแว่น

.....

บริเวณรอบอาคารผู้โดยสารมีเครื่องบินจอดนิ่งครบทุกหลุมจอด บรรยากาศภายในสนามบินดูแปลกตาไม่คึกคักอย่างเคยเพราะเพิ่งอนุญาตให้กลับมาทำการได้เพียงในบางเที่ยวบิน เช็คอินตรวจเอกสารเรียบร้อยยังเหลือเวลาอีกร่วมสองชั่วโมง เป้แนะนำสมาชิกคณะเดินทางให้แม่รู้จัก 

          "นี่พี่รุธค่ะแม่"
          "สวัสดีครับ" อักษรยิ้มรับไหว้ ผู้ชายคนนี้สินะที่เป้เคยเล่าให้ฟังว่ามาจีบ ดูดีกว่านายโจ้ตั้งเยอะ   

          "ฝากดูแลเป้ด้วยนะคะ ถึงที่โน่นก็อย่าทิ้งขว้างกัน"
          "พี่รุธเค้าไปแอลเอส่วนหนูไปซานฟราน มันคนละที่กันนะแม่ ไม่ได้จะไปอยู่ด้วยกันซักหน่อย" ลูกสาวออกตัวหน้าแดงเขินอาย       

          "ถึงจะอยู่คนละเมืองแต่โรงงานห่างกันขับรถแค่ยี่สิบนาทีครับคุณน้า ไม่ต้องห่วง" พี่รุธยิ้มอบอุ่น

          "แล้วนี่ไม่เห็นมีใครมาส่งคุณรุธเลย" อักษรแกล้งเลียบๆ เคียงๆ ถาม
          "อ๋อ.. คุณพ่อคุณแม่ผมท่านอายุมากกราบลาท่านที่บ้านดีกว่า"
          "ก็เนี่ย บอกแม่แล้วว่าไม่ต้องมาส่งก็ยังจะมา" ลูกสาวเบะปาก "แล้วแม่จะกลับยังไงคนเดียวค่ำมืดดึกดื่น"
          "โอ้ย แท็กซี่มีออกเยอะแยะแป๊ปเดียวก็ถึงบ้านแล้ว"
          "เดี๋ยวผมเรียกแกร็บให้ดีกว่าครับ น้องคนขับเป็นตำรวจรู้จักกันดีปลอดภัยกว่า"

ที่ดื้อดึงจะมาส่งที่สนามบินให้ได้อีกนัยนึงคืออยากจะมาพบเจอผู้ชายคนนี้ตัวเป็นๆ เขาดูภูมิฐานพูดจาเข้าผู้หลักผู้ใหญ่ไม่มีเคอะเขิน อายุอานามก็พอสมควรไม่ใช่เด็กๆ ดีหนึ่งประเภทหนึ่งเอบวกขนาดนี้ไม่น่าจะครองตัวเป็นโสดรอดพ้นปากเหยี่ยวปากกามาได้ ใจนึงก็หวงลูกสาว แต่มันก็โตพอสมควรแล้วถ้ามันมีงานมีครอบครัวที่เมืองนอกเมืองนาก็ถือว่ามีวาสนา ต่อเมื่อได้เห็นกับตาว่าไม่มีเจ้าที่เจ้าทางสาวคนไหนมาคุมนายรุธก็พอเบาใจได้เปลาะนึง ห่วงแต่ลูกสาวจะไม่รู้ทันผู้ชาย หลงกินน้ำใต้ศอกใครเหมือนแม่

เสียงส้นรองเท้ากระทบพื้นดังก็อกแก็กสะท้อนก้องในความเงียบของอาคารผู้โดยสาร หนึ่งฤทัยใส่ชุดแซกเข้าตัวสั้นจากหัวเข่าสองคืบเผยต้นขาขาวเรียวเดินมาแต่ไกล ทุกสายตาจับจ้อง เธอสวยสง่าราวนางแบบบนแคทวอล์ค

          "สวัสดีค่ะแม่ .. นึกว่าจะมาไม่ทันส่งแกซะแล้ว" หนึ่งฤทัยยกมือไหว้อักษร ประโยคหลังหันมาคุยกับเพื่อนสาว

          "หืม.. ไม่เคยเห็นหนึ่งแต่งตัวสวยขนาดนี้มาก่อนเลยลูก ไหนหมุนให้แม่ดูซิ พอแต่งสวยๆ ก็สวยนะเนี่ยเรา" อักษรเอ่ยชื่นชมเพื่อนลูกสาว จากเด็กกะโปโลกลายร่างเป็นผีเสื้อแสนสวยค่อยๆ สยายปีกออกจากรังดักแด้ ขนาดพี่รุธของยัยเป้ยังแอบเหล่

          "นี่พี่รุธ นี่หนึ่ง เพื่อนที่วิดวะคอมฯ" เป้แนะนำ
          "สวัสดีครับ เออ ถ้างั้นเป้คุยกับเพื่อนไปก่อนละกันเดี๋ยวพี่เข้าห้องน้ำเตรียมตัวดีกว่า คุณน้าไปห้องน้ำมั้ยครับ" พี่รุธถามอักษร
          "ดีเหมือนกันจ้ะ น้าไปด้วย"

          "ได้ข่าวโจ้บ้างรึเปล่า" เป้รีบยิงคำถามคาใจ
          "มันอยู่ที่ห้องนั่นแหละยังไม่ตาย แค่ปิดโทรศัพท์เรียกร้องความสนใจ ไม่มีอะไรหรอก"
          "เสียดาย รู้งี้ชั้นน่าจะไปหามันที่ห้องเลย"
          "ไปทำไม ส่งท้ายให้หายงอนเหรอ"
          "ทะลึ่ง ไอ่บ้า" เพื่อนสาวเขินตาเป็นประกายวิบวับ

          "แล้วพี่รุธนี่จะยังไง เป็นผู้หญิงเจ้าชู้จับปลาสองมือไม่ดีนะเว่ย" หนึ่งฤทัยยิ้มมุมปาก
          "ไม่รู้สิ ดูๆ ไปก่อน ไว้ค่อยว่ากันหน้างาน" เป้ยักคิ้วข้างเดียว

          "แต่ดูๆ ไปแม่แกน่าจะชอบพี่รุธมากกว่าไอ้โจ้นะ" อักษรกับพี่รุธเดินคุยกันกำลังถูกคอกลับจากไปห้องน้ำ

          "งั้นหนูเข้าไปข้างในก่อนนะแม่ เดี๋ยวยังต้องตรวจอะไรอีกหลายด่าน" เป้รีบตัดบท
          "จะไปแล้วเหรอยังไม่ตีสองเลย" อักษรถาม
          "อือ.. แม่จะได้ไม่ต้องกลับบ้านดึกมากด้วย"
          "เดี๋ยวชั้นไปส่งแม่แกที่บ้านเอง โชคดีนะเพื่อน"

เป้กอดลาแม่แล้วหยิบกระเป๋าสะพายหันหลังเดินผ่านช่องตรวจหนังสือเดินทาง เห็นหนึ่งฤทัยแต่งตัวสวยแบบนี้แล้วรู้สึกขุ่นข้องไม่สบายใจยังไงชอบกล

          "ถ้างั้นน้ากลับก่อนก็แล้วกันเดี๋ยวหนึ่งเค้าจะไปส่งที่บ้านจะได้ไม่ดึกมาก เดินทางปลอดภัยพระคุ้มครองนะจ้ะ ฝากเป้ด้วย" พี่รุธยกมือไหว้ลาแอบเหลือบมองขาอ่อนหนึ่งฤทัยส่งท้ายอย่างติดใจ พวกเด็กเนิร์ดสมัยนี้น่ารักเอาได้

          "พี่รุธเค้าก็ดูสุภาพบุรุษดีนะแม่ หล่อด้วย" หนึ่งฤทัยเปรยระหว่างขับรถไปส่งอักษรที่บ้าน
          "เอาจริงๆ นะ ถ้าสองคนเค้าจะอะไรยังไงกันแม่ก็ไม่หวง เป้มันโตแล้วคิดอ่านเองได้ แต่มันทำกับข้าวไม่เป็นนี่สิใครเค้าจะเอา กะเปิ๊บกะป๊าบก็ปานนั้น" ห่างกันแค่ไม่ชั่วโมงอักษรก็บ่นถึงลูกสาวเสียแล้ว

          "เป้เคยเล่าให้ฟังว่าแม่แต่งงานกับพ่อทั้งที่รู้ว่าตอนนั้นพ่อป่วย"
          "คนเป็นผัวเป็นเมียถ้าเข้าใจยอมรับกันก็อยู่ด้วยกันได้ ก็ยังดีที่มีไอ้เป้ไว้ดูต่างหน้า"

          "แม่ว่าหนึ่งมีแฟนมั่งดีมั้ย พอดีมีผู้ชายมาจีบ" หนึ่งฤทัยยิ้มบาง
          "ตอนแรกนะบอกตรงๆ แม่เข้าใจว่าไอ้เป้กับหนึ่งเป็นทอมดี้กันเสียอีกตัวติดกันซะขนาดนั้น มีแฟนก็ดีซิลูก ไม่เหงา เรียนจบมีงานมีการทำแล้ว"

          "ตอนนี้เค้าอยู่เขาใหญ่ เอาไว้หนึ่งชวนมาให้แม่ดูตัวดีกว่าว่าพอได้มั้ย"
         
          "อยู่เขาใหญ่ คนโคราชเหรอลูก"
          "อ๋อ เปล่าค่ะคนกรุงเทพนี่ล่ะพอดีไปเที่ยวเขาใหญ่" หนึ่งฤทัยยิ้มเหยียบเบรคชะลอความเร็วหักเลี้ยวเทียบหน้าประตูรั้ว

          "พาแฟนมากินข้าวฝีมือแม่สิจะมาวันไหนก็โทรบอกก่อนจะได้ไปตลาด รึจะชวนนอนค้างบ้านแม่บ้างก็ได้นะเปลี่ยนบรรยากาศ" อักษรยิ้มกระชับกระเป๋าถือจั๊กจี้คำพูดตัวเอง
          "แม่อ่ะ ยังไม่ได้กันซักกะหน่อย ค่ะ เดี๋ยวเค้ากลับจากเขาใหญ่แล้วหนึ่งจะรีบพามาดูตัวด่วนเลย"

          "ว่าแต่หล่อมั้ยล่ะ" อักษรถามยั่ว
          "หล่อค่ะ แต่หล่อน้อยกว่าพี่รุธของเป้นิดนึง"

          "เออดี หาหน้าตาดีๆ ไว้ก่อนหล่อๆ มันมองแล้วสดชื่น คนรวยๆ ไว้ค่อยหาทีหลัง" อักษรยิ้มยั่ว

.....


 

เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

Orcus

มีโรคประจำตัวซะด้วย สงสัยเรื่องนี้อาจจะเกี่ยวกับอาการทางจิต

Phoenix-x

ก็ยังเดาอารมณ์ไม่ถูกอยู่ดี ว่าจะไปทางไหนต่อ

Naratt

 ::Sobad::
เพื่อนไม่อยู่ จะแย่งของเพื่อนหรือเปล่าน้อ
::Ahoo::

1819

  ไม่รู้ว่าหนึ่งกับเป้ ใครจะร้ายกว่ากัน 
หนึ่งร้ายอาจจะเป็นเพราะอาการป่วย อารมณ์แปรป่วนคล้ายๆฮิทธีเลีย    แต่หนึ่งออกตัวกับแม่เป้แบบนี้   กะเอาโจ้มาโชว์เหรอ   ทั้งๆที่ เป้ยังไม่บอกเบิกโจ้เลยทั้งที่ตั้งใจทิ้งอยู่แล้ว คือ เป้แทงกั๊ก หนึ่งเลยสวมแทนเลย 
ส่วนเป้ นี่  ร้ายโดยนิสัยแน่ๆ ถ้าจะมีคนใหม่ น่าจะเครียส์กับแฟนไปเลยไม่ใช่คบซ้อน แถมไป เมกาด้วยกัน นี่  โดนแน่ๆ   กลับมาจึงบอกเลิกชัวร? แต่ ทั้งที่นะเลิกกับโจทำไมต่องมาทำท่าเป็นห่วง ด้วย    แย่ว่ะ
  รุท นี่คงเจ้าชู้แหละ เป้อาจโดนหลอกฟัน ถ้าลองจะหย่ากับเมียเพื่อ มาคบเป้ อะไรที่ทำให้คนเก่ง ที่เรียนวิดวะคอมคิดไม่ได้ว่า กับเมียมี่แต่งเป็นปีไยังเลิกได้ นับอะไรกับเธอ 
 ส่วนแม่เป้ ก็ตามบทมองคนแต่เปลือก
โจ้ นี่ ถ้า เป้ไม่เปลี่ยนไป คงจะไม่คิดอะไรกับหนึ่งมั้ง แต่ ติดตรงที่โจ้ ไม่ทะเยอทะยาน ให้เป้มั่นใจ 
กรุงเทพเป็นเมืองที่มีคนเหงา มากกว่าเสาไฟฟ้า

I2ta3ta3

เปนโรคขาดผู้ชายไม่ได้หรือเปล่ามีความต้องการตลอดเวลา

xxabxx

น่าสนุกแฮะ รอติดตามๆ มีทั้งโรคทางจิตและสถานการณ์แบบนี้ด้วย


wic

หนึ่งคงต้องได้รับการเยียวยากันผู้ชาย

kodzilla


Nobita Nobituta

ตามเลยครับ สงสัยเลยพอหนึ่งไม่ได้ยาอาการจะเป็นแบบไหน

Eberm


tango2003

สองสาวเพื่อนกีนมีความร้ายซ่อนอยู่ในรูปแบบของตนเอง น่าติดตาม

sunnyman

ถ้ามีเกี่ยวกับอาการทางจิตผู้เขียนคงจะต้องทำการบ้านเยอะหน่อยนะครับ สู้ๆครับ

olemantu

น่าจะมีหลายด่านจริง ๆแล้วละ ทั้งแม่ ทั้งเพื่อน แบบนี้ยังไมู่้ว่าจะฟังใครบ้างเลย