ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

มองผู้ชายให้เป็นเหยื่อ ตอนที่ 1

เริ่มโดย apinyaporn, กันยายน 19, 2021, 03:03:09 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

apinyaporn

ตอนที่ 2 https://xonly8.com/index.php?topic=250320.msg2271031#msg2271031

สองสาวสองวัยกำลังง่วนเตรียมอาหารอยู่ในครัว งานปาร์ตี้เลี้ยงส่งเย็นนี้ อักษร ลงมือทำอาหารเป็นแม่งานเอง นับตั้งแต่สามีเสียชีวิตจากไปเมื่อสิบปีก่อนทั้งบ้านก็อยู่ในความเงียบเหงา แล้วนี่ลูกสาวเพียงคนเดียวยังจะไปดูงานไกลถึง ซิลิคอน วัลเลย์ ซานฟรานซิสโก นานร่วมเดือน 

          "เป้มันไปแค่เดือนเดียวเองแม่ เดี๋ยวก็กลับ" หนึ่งฤทัย เอ่ยปลอบใจแม่ของเพื่อนสาวคนสนิท
          "หนึ่งก็แวะมาคุยกับแม่บ้างสิตั้งแต่เรียนจบก็หายหน้ากันไปหมดไม่มาเยี่ยมกันบ้างเลย แล้วนี่กับข้าวกับปลาเป้มันก็ทำไม่เป็นแม่ต้องคอยหาให้กินตลอด ไปอยู่คนเดียวจะกินอะไร"

          "หนูจะกินแมคทุกวันเลย กินซัพเวย์ กินเวนดี้" เป้ ลูกสาวคนสวยเดินเข้ากอดแกล้งประชดเพราะรู้ว่าแม่ไม่ชอบให้กินจั๊งฟู้ด ยิ่งใกล้วันเดินทางเธอเองก็รู้สึกใจหายอยู่ไม่น้อย

          "กินแต่แบบนั้นรับรองตอนกลับมาแกอ้วนเป็นหมูแน่ๆ" หนึ่งฤทัยเข้าข้างอักษร
          "จ้า.. แม่สาวเฮลท์ตี้" เป้ขโมยหยิบชิ้นทอดมันแล้วเดินออกไปจากครัว

          "ถึงคราวนี้จะไปแค่เดือนเดียว แต่ถ้ามันทำงานกับเขาได้คราวหน้าก็ยังจะต้องไปอีกเป็นปี" น้ำเสียงของแม่เลี้ยงเดี่ยววัยเกษียณเจือปนความเหงา ที่ผ่านมาเธอส่งเสริมสนับสนุนลูกสาวในทุกๆ วิถีทาง จนมาถึงเส้นทางสายใหม่ที่คนเป็นแม่เดินไปด้วยไม่ได้

          "หนึ่งแวะมากินข้าวกับแม่บ้างนะลูก"
          "ค่ะ เดี๋ยวหนึ่งชวน โจ้ มาด้วย"

          "ได้ออกไปไกลๆ ก็ดี ไปเห็นอะไรใหม่ๆ เจอคนใหม่ๆ" อักษรพึมพำ หนึ่งฤทัยจงใจเอ่ยชื่อแฟนหนุ่มของเพื่อนซี๊ทั้งที่รู้ว่าแม่ไม่ปลื้ม

นึกถึงสมัยเรียนวิศวคอมฯ มหาวิทยาลัยชื่อดังย่านปทุมวัน บ้านของเป้แปรสภาพเป็นศูนย์คอมพิวเตอร์ย่อยๆ แหล่งกบดานสิงสถิตของกลุ่มเพื่อนสุมหัวอยู่เป็นเดือนๆ ลืมหอลืมบ้านกันเลยทีเดียว แม่ของเป้ใจดีแถมยังทำอาหารโคตรอร่อยสารพัดเมนูหมุนเวียนสับเปลี่ยนเอาใจเพื่อนลูกสาวแถมยังฟรีตลอดรายการค่าน้ำค่าไฟไม่เคยบ่น

          "เก็บของเสร็จแล้วเหรอ" หนึ่งฤทัยเปิดประตูห้องนอนมองกระเป๋าเดินทางใบใหญ่สองใบที่วางแอบไว้ตรงมุม
          "เกือบแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้คนซักจะเอาผ้ามาส่ง" เป้ง่วนกับเอกสาร

          "ชั้นคงไม่ได้ไปส่งแกที่สนามบินนะวันพฤหัสต้องทำงานเช้าว่ะ"
          "เออ ไม่เป็นไร เครื่องออกเกือบตีสามแกไม่ต้องไปหรอก นี่ชั้นก็ไม่ค่อยอยากให้แม่กับโจ้ไปส่งเลย ทำไงดีวะ" เป้ถอนหายใจ
          "บ้า มันเป็นแฟนแกนะเว่ย ไม่เจอกันตั้งเดือนใจคอแกจะไม่ให้มันไปส่งเหรอ"

          "..พี่รุธเค้าจะหย่ากับเมียแล้วนะ" เป้พูดเสียงเบา
          "หย่าแล้วหรือแค่ จะหย่า"
          "วันสองวันนี้แหละ เค้ายืนยันว่าเรื่องทุกอย่างจะเรียบร้อยก่อนวันเดินทาง"

          "นี่เค้าหลงแกถึงขนาดยอมหย่าเมียเลยเหรอวะ เวรของกรรม แล้วคนทางนี้เอาไงอ่ะ" หนึ่งฤทัยถาม
          "พี่รุธเค้าดูเป็นผู้ใหญ่มีความคิดความอ่าน ทัศนคติอะไรก็ดีกว่า" เป้พูดถึงรุ่นพี่ที่ทำงานที่จะเดินทางไปอเมริกาด้วยกัน "ชั้นจะบอกเลิกกับโจ้"

          "ยอมเลิกกับเมียเพราะเจอกิ๊กใหม่เนี่ยนะทัศนคติดี โจ้มันก็ไม่ได้ทำผิดอะไรเลยนะเว่ยจะเลิกกันง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอ"
          "เดี๋ยวชั้นต้องไปเป็นปียังไงก็ต้องเลิกกันอยู่ดี ก็แค่แฟนกันสมัยเรียนมันคงไม่ได้คิดจริงจังอะไรหรอกมั้ง" เป้เปรยไม่สบตาเพื่อน

หนึ่งฤทัยเป็นคนนอกเพียงคนเดียวที่รู้เรื่องเพราะเป้คุยให้ฟังตลอดว่ามีผู้ชายที่ทำงานมาจีบ ตาเขาเป็นประกายวาดภาพฝันเซมิคอนดักเตอร์ของธุรกิจของตัวเองในอนาคตอย่างน่าตื่นเต้น ผู้ชายแบบที่มีหัวทำมาหากินไม่ใช่เอาแต่เล่นเกมส์สนุกไปวันๆ

ถึงแม้จะเพียงแค่ดูงานก็เถอะแต่ ซิลิคอน วัลเล่ย์ คือสถานที่สุดไฝ่ฝันของคนที่เรียนสายคอมพิวเตอร์อยากจะไปเยือนสักครั้ง เสียงชวนชนแก้วอวยพรดังขึ้นนับครั้งไม่ถ้วน เกือบปีแล้วที่ต่างแยกย้ายไปทำงานสร้างอนาคตของตัวเองไม่ได้อยู่พร้อมหน้ากันครบคนแบบนี้

          "ทำไมมึงทำหน้าแบบนั้นวะเป้มันไปแค่เดือนเดียวเอง"
          "มึงก็นั่งเครื่องบินตามไปดิ ยากห่าไรวะ"
          "เชี่ย ทำวีซ่าให้ได้ก่อนเถอะเค้ามีในบัญชีกันเป็นแสนๆ ยังไม่ผ่านเลย"
          "มึงจะตามมันไปเมกาอ่ะ รู้ยังว่าจากสนามบินต้องนั่งรถเมล์สายอะไรเสือกนั่งผิดฝั่งโผล่บางนาล่ะซวยเลย ที่โน่นเค้าไม่พูดภาษาไทยนะมึงถามใครก้ไม่รู้เรื่อง"

          "พวกแกไม่ต้องไปส่งชั้นนะเว่ยเครื่องออกเกือบตีสาม ไม่อยากร้องไห้อายพวกที่ทำงานว่ะ" เป้สบตาแฟนหนุ่ม

โจ้ยกแก้วขึ้นดื่มรวดเดียวหมดเรียกเสียงเชียร์จากเพื่อนๆ ต่างช่วยกันรินเหล้าโซดาเติมน้ำแข็งถ้อยทีถ้อยอาศัยไม่มีใครห้ามใครกินดุลักษณะนี้ตอนจบมีหามลงเวทีแน่นอน จนเกือบสามทุ่มสมควรแก่เวลาเพราะไม่ใช่คืนศุกร์เสาร์ เพื่อนทุกคนกล่าวลาแม่ของเป้กำลังจะกลับ 

          "ไอ้โจ้แม่งสลบไปแล้วว่ะปลุกไม่ตื่นด้วย"
          "ยังหายใจอยู่รึเปล่าวะ คออ่อนสัด"
          "ปลุกมันอีกที เชี่ย กูจะกลับแล้วพรุ่งนี้ทำงาน"

          "ให้โจ้นอนไปก่อนเถอะเดี๋ยวเราไปส่งเอง" หนึ่งฤทัยอาสา วันนี้เธอขับรถมาและยังไม่ได้ดื่ม

สามสาวช่วยกันเก็บกวาดล้างถ้ายชาม เป้เห็นแฟนหนุ่มคออ่อนนอนหลับอยู่บนโซฟาเป็นเรื่องตลกแต่อักษรส่ายหัวไม่ขำด้วย ผู้ชายไม่เอาไหนแบบนี้หรือที่ลูกสาวของเธอจะร่วมอนาคต ถอนหายใจรับไหว้ว่าที่ลูกเขยสภาพแทบทรงตัวยืนไม่อยู่

          "เป้มันคุยอะไรให้แกฟังมั่งรึเปล่าวะ"    
          "คุยอะไร" หนึ่งฤทัยขมวดคิ้วสงสัย

          "ช่วงหลังๆ มันเปลี่ยนไป เหมือนมีความลับยังไงก็ไม่รู้"
          "แกคิดมากไปเองรึเปล่าชั้นไม่เห็นมันจะเปลี่ยนตรงไหนเลย"
 
          "ชั้นจะเลิกกับมัน เผื่อเป้มันจะไปเจอใครที่ดีกว่า" เพื่อนหนุ่มเปรยเสียงเบาเบือนหน้ามองเม็ดฝนที่เริ่มโปรยปรายเกาะกระจกรถ "แกว่าเลิกกันแล้วยังจะกลับมาเป็นเพื่อนกันได้อีกรึเปล่าวะ"

          "เคยมีอะไรกันรึยังล่ะ"
          "ถามทำไมวะ"
          "คนเป็นแฟนกันเคยมีอะไรกันแล้วจะให้กลับไปเป็นเพื่อนอีกแม่งยาก .. เรื่องของพวกแกคุยกันเองก็แล้วกัน ไม่อยากเป็นหมาว่ะ"

เพื่อนหนุ่มถอนหายใจหลับตาไม่ถามอะไรอีก สายฝนเทกระหน่ำอย่างกับฟ้ารั่วขนาดปัดน้ำฝนเบอร์สี่ยังมองทางไม่ค่อยจะเห็น กะว่าจะถามทางแต่กลับได้ยินเสียงกรนเบาๆ ขับลัดเลาะไปเรื่อยจนถึงอพาร์ทเม้นท์ย่านซอยรางน้ำสายฝนก็ยังไม่มีทีท่าจะลดกำลัง

          "ขึ้นไปรอฝนหยุดบนห้องก่อนมั้ย ขับไปแบบนี้อันตราย"
          "แกขึ้นไปก่อนเลยเดี๋ยวชั้นรอฝนในรถนี่แหละ ไม่กล้าขึ้นห้องผู้ชายว่ะ"
          "บ้า ห้องชั้นเนี่ยนะ งั้นชั้นก็รอกับแกในรถนี่ล่ะ"

รอจนฝนเริ่มซาแต่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าติดเวลาเคอร์ฟิวห้าทุ่ม "ไอ้บ้า นี่จะเที่ยงคืนอยู่แล้ว" เพื่อนหนุ่มคะยั้นคะยอ เสียงส้นรองเท้าก้องไปตามทางเดินหนึ่งฤทัยตามเข้าห้องเพื่อนชายอย่างว่าง่าย เสียงกดสวิทช์ไฟพลันทั้งห้องสว่างพรึบเห็นโต้ะคอมพิวเตอร์วางเด่น หนึ่งฤทัยถือวิสาสะนั่งบนเตียง

          "มีเครื่องดื่มบ้างป่าววะ เมื่อกี๊ต้องขับรถเลยไม่กล้าดื่ม"
          "มีเบียร์ ใส่น้ำแข็งป่ะ"
          "อื้ม.." เพื่อนสาวพเยิดหน้า

...

'Exhibitionist ความสุขจากการได้โชว์ ล้วนเป็นเพียงความสุขชั่วคราว เมื่อเสร็จกิจกรรมแล้วมักจะเกิดความทุกข์ตามมาด้วย รู้สึกผิดอยู่ในใจลึกๆ มักจะคิดกลัวอยู่เสมอว่าสิ่งที่ทำนั้นเสี่ยงต่อการถูกนินทาว่าร้ายเสื่อมเสียชื่อเสียง อาจถูกแจ้งความในข้อหาอนาจารความผิดทางเพศหรือบานปลายเลยเถิดไปถึงตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมความรุนแรงทางเพศ ข่มขืนกระทำชำเรา

ถึงแม้จะไม่สามารถตัดสินความคิดและการกระทำของกลุ่มคนที่ชอบเปลือยได้ว่าเป็นโรคจิตเนื่องจากเป็นปรัชญาความเชื่อส่วนบุคคล แต่ในทางการแพทย์เชื่อว่าอาจสัมพันธ์กับกลุ่มโรค คลื่นการทำงานในสมองผิดปกติ โรคเบี่ยงเบนทางเพศ ถ้ำมอง เบียดเสียดถูไถ อวดอวัยวะเพศ ภาวะของโรคเมื่อถูกกระทบโดยสิ่งเร้ามักเกิดภวังค์ที่ไม่สามารถยับยั้งชั่งใจ มุกที่ผู้อ่านการ์ตูน ขายหัวเราะ คุ้นเคยจดจำได้ดี ผู้ชายสวมเสื้อโค้ตสีดำตัวใหญ่ปกปิดอำพรางตัวหลบซ่อนอยู่ตามมุมตึก เมื่อพบเจอเป้าหมายที่ถูกใจจะกระโดดเข้าขวางเปิดเผยร่างเปลือยอวดสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใต้เสื้อโค้ต และมีปรากฎอยู่บ้างที่ภาพตัวละครลักษณะนั้นสลับเป็นฝ่ายหญิง

ในภาวะปกติทั่วไป สิ่งเร้าทางเพศเกิดจากความยินยอมของทั้งสองฝ่ายต่างกระตุ้นเร้าอารมณ์ซึ่งกันและกัน มีเพศสัมพันธ์แบบปกติไม่ผาดโผน หนึ่งต่อหนึ่ง ในสถานที่ปิดบังมิดชิด แต่โรคเบี่ยงเบนทางเพศนั้นผู้ป่วยถูกกระตุ้นอารมณ์ด้วยสิ่งเร้าอื่นๆ ในสถานที่หรือสถานการณ์ผิดแปลก กระทำกับอีกฝ่ายที่ไม่ยินยอมด้วย ไม่ใช่การแลกเปลี่ยนความสุขไม่มีเพศสัมพันธ์เข้ามาเกี่ยวข้อง เกิดจากความรสนิยมพึงพอใจส่วนตัว อาจลามเลยเถิดไปถึงการสำเร็จความใคร่ ทั้งนี้ยังรวมถึงกลุ่มที่มีพฤติกรรมคุกคาม ขโมยชุดชั้นใน โทรศัพท์ก่อกวนเป้าหมายหรือแม้กระทั่งพฤติกรรมส่งภาพภาพอวัยวะเพศให้กับคนที่ไม่รู้จัก'

เพื่อนสาวเริ่มหน้าตึงเทเบียร์ขวดที่สองแบ่งใส่สองแก้วเท่าๆ กันจนหมดขวด เพื่อนหนุ่มออกปากขอแค่จิบๆ เพราะล่อสุรามาเต็มคราบยังมึนไม่สร่าง ในมือไอแพดอ่านบทความที่หนึ่งฤทัยคัดลอกมาจากเว็บไซท์

          "แล้วพวกที่ชอบอวดกระเป๋าอวดนาฬิกาถือว่าเป็นโรคจิตรึเปล่าวะ ก็ชอบโชว์เหมือนกัน แม่งก็เห็นชอบโชว์ชอบอวดกันทั้งนั่นแหละ"
          "แกก็ซื้อรถซักคนสิจะได้ขับไปอวดแม่ไอ้เป้ งานการก็ดีเสือกทำตัวซกมกอยู่ได้" หนึ่งฤทัยยกแก้วเทเบียร์เข้าปาก "คนเรามีของดีบางทีมันก็ต้องโชว์กันบ้าง"

          "แล้วนี่ตอนนี้มีแฟนรึยังอ่ะ หน้าตารูปร่างแกก็ไม่ขี่เหร่นะเว่ย" โจ้ตัดบทสอดส่ายสายตาละลาบละล้วง
          "ถามจังเลยเจอทีไรก็ถามแบบเนี้ย ไม่เบื่อหรือไง"
          "สมัยเรียนแกคบกับเด็กถาปัตย์ไม่ใช่เหรอ ชื่อะไรนะ ตั้ม..เต้ ใช่ป่ะ แต่ก็เลิกกันเร็วไม่ใช่เหรอ"

          "อืม..." หนึ่งฤทัยยกแก้วดื่มเหมือนไม่อยากตอบ

          "หล่อดีนะ ถ้าสมมติว่ากลับมาเจอกันอีกตอนนี้จะกลับไปเป็นแฟนกันอีกป่ะ"
          "ไม่อ่ะ.." เพื่อนสาวส่ายหน้า "ความชอบรสนิยมเราต่างกันเยอะ คนละอย่างเลย ขี้เกียจต้องเปลี่ยนตัวเองเพื่อใครว่ะ"
          "นี่หลอกด่ากันรึเปล่าเนี่ย"
          "เปล่า ครั้งแรกที่แกเห็นไอ้เป้ก็วิ่งเข้าใส่เลยไม่ใช่เหรอ น่ารักอย่างโน้นน่ารักอย่างนี้ หมั่นไส้"

          "ก็ไม่รู้ว่าจีบลูกแล้วยังต้องจีบแม่ด้วยนี่หว่า"
          "รู้ตัวช้าไปหน่อยป่ะ ผู้ชายพอได้แล้วชอบมีข้ออ้าง"
          "เราได้กับมันหนเดียวเอง เป้มันบอกไม่เป็นไรไม่ซีเรียสแต่เราก็ตั้งใจจะรับผิดชอบนะเว่ย"
          "แกจะรับผิดชอบยังไง เป็นแฟนกันแล้วก็แต่งงานมีลูกมีหลานครองรักกันจนแก่เฒ่าเงี้ยเหรอ"

          "เออ ก็มันเป็นหน้าที่ของผู้ชายไม่ใช่เหรอ"

หนึ่งฤทัยขยับประชิดจนหน้าแทบจะชนกัน เพื่อนหนุ่มตกใจกลืนน้ำเอื๊อกสูดหายใจลึกไม่รู้จะมาไม้ไหน เธอจุมพิตริมฝีปากเขาแผ่วละมุน "แล้วแบบนี้ล่ะ แกจะรับผิดชอบยังไง" โจ้ประคองเพื่อนสาวไปที่เตียงหนานุ่มผลักเธอนอนหงายแล้วขึ้นคร่อมบดจมูกซุกไซร้ซอกคอสองพวงแก้ม หนึ่งฤทัยนอนนิ่งไม่ขัดขืนเพียงครางในลำคอเสียงเบา หายใจหนักหน่วง โจ้พยามจะปลดประดุมเสื้อแต่เพื่อนสาวห้ามไว้

          "เป็นผู้ชายอย่ารังผู้หญิงตอนเมาสิ"   
          "เริ่มไปแล้วหยุดไม่ได้แล้วว่ะ"
          "แกกำลังสับสนเรื่องไอ้เป้ อาจแค่อยากหาใครสักคนมาแทนที่มัน ใจเย็นๆ ก่อน อย่าทำเลยนะ"
     
          "ชั้นตั้งใจจะเลิกอยู่แล้ว จะบอกก่อนมันไปเมกานี่ล่ะ" หนึ่งฤทัยค่อยๆ ผลักตัวเพื่อนหนุ่ม ทั้งสองนั่งข้างกันบนเตียงดูเหมือนเขาจะเริ่มได้สติ "ชั้นชอบแกว่ะ รู้ตัวตั้งนานแล้วแต่ไม่กล้าบอก" เพื่อนหนุ่มสารภาพหน้าสลด

          "ช่วงเวลาเดือนนึงระหว่างที่เป้มันไม่อยู่เมืองไทย ห้ามแกเที่ยวผู้หญิง ห้ามมีสัมพันธ์กับใคร และก็ห้ามช่วยตัวเอง" หนึ่งฤทัยยิ้ม "ถ้าทำได้ตามสัญญาชั้นจะยอมมีเซ็กส์ด้วย โอเคมั้ย"

          "เพื่อไรวะ .."
          "ก็ถ้าเผื่อไอ้เป้มันกลับมาแล้วพวกแกคืนดีกันล่ะ แกต้องพิสูจน์ให้ชั้นไว้ใจก่อน"

          "ห้ามยุ่งกับใคร ห้ามช่วยตัวเอง ไม่ห้ามขี้ไปเลยวะ"

          "ห้ามบอกไอ้เป้ว่าแกจะขอเลิก" หนึ่งฤทัยหอมแก้มเพื่อนหนุ่มเบาๆ วางมัดจำไว้ก่อน

โจ้งัวเงียตื่นมาในตอนเช้าแฮงค์ปวดหัวเหมือนหัวจะระเบิด มองหาไม่เห็นเพื่อนสาวชะโงกดูจากระเบียงก็ไม่เห็นรถ จับต้นชนปลายเรื่องเมื่อคืนยังไม่ถูกคุยอะไรกันไปบ้างเยอะแยะมากมาย เดินเข้าห้องน้ำ กางเกงชั้นในผู้หญิงลายลูกไม้สีชมพูอ่อนแขวนห้อยต่องแต่งอยู่กับแปรงสีฟัน บนกระจกเงามีรอยลิปสติกสีแดงเขียนตัวอักษรภาษาอังกฤษ 1 month




 

เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน


apinyaporn

#2
ลองเขียนให้สาวๆ อ่านบ้าง

   

commail


Treo Chan


thongdaeng_skk

ต่างฝ่ายต่างจะเลิกกัน อย่างนี้โจ้ก็เสร็จหนึ่งฤทัยสิ

tango2003


n_neng

กินกันเองซะแล้ว  เพื่อนกันจะมองหน้ากันติดไหมเนี่ย

Eberm


inferno555


biggiggog

งานนี้ใครจะเป็นเหยื่อ ใครจะเป็นผู้ล่ากันหล่ะ
ขอบคุณครับ

twchai


Phongphan Phetcharat


alasangel

เปิดเรื่องมาก็มีประเด็นเลย รอดูว่าใครจะเป็นเหยื่อ

sunnyman

ขออภัย ที่จะบอกว่า ผมอ่านแล้ว งง งง ครับ

ปูพื้นมากกว่านี้ หน่อยว่า ใคร เป็นใคร นีาจะโล่งขึ้น เพราะ ตอนนี้ เหมือน ผมโดดลง มากลางเรื่อง พอหันขึ้นไปมองอีกที เอ...ตอนแรก นี่นา