ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_ΜoNoTΩИ∑ ★★★

ตำนานเทพวายุ [ season 3 ] ตอนที่ 47 : กอด

เริ่มโดย ΜoNoTΩИ∑ ★★★, พฤศจิกายน 24, 2021, 01:10:20 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

ΜoNoTΩИ∑ ★★★

สวัสดีครับ สวัสดีตำนานเทพวายุมาละครับผม

มาเร็วแบบนี้จะเบื่อกันมั้ยเนี่ย 5 5 5 5 5

ไม่ต้องสงสัยนะครับว่าทำไมริวกะมันทำอะไรได้หลายอย่าง

ง่ายๆเลยครับเพราะว่าริวกะมัน " เก่ง !!!! "

จริงแล้วตั้งใจเขียนให้พระเอกมัน OP อยู่แล้วครับ

............................

ปล.1 อย่าลืมแสดงความคิดเห็นกันล่ะ


ปล.2  มี 2 Reply นะ


ปล.3 จัดไป 50000 ตัวอักษร หวังว่าจะชอบกัน


............................





ความเดิมตอนที่แล้ว


หลังจากที่ริวกะได้เข้าต่อสู้กับพวกมาเฟียข้ามชาติอย่างดุเดือด

แต่ริวกะก็เกือบพลาดท่าเพราะถูกพลังอีกด้านเข้ามาแทนที่

เนื่องวัน สารทวิษุวัต แต่เขาก็ยังประคองตัวไปได้ แถมยัง

โหดเหี้ยมขึ้นด้วย จนสุดท้ายเขาก็ยอมให้ฮาคุริว เข้ามาใช้ร่าง

จนสุดท้ายฮาคุริวก็จัดแบบเน้นๆ ให้จนพวกแก๊งชาวจีนหนีไป

แต่กลับกลายเป็นว่าพวกมันโดนฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม




...................................





# เหตุการณ์ก่อนหน้านั้น #


ณ. เยาราช ฐานที่มั่นของแก๊งมาเฟียข้ามชาติ เวลา 18.00 น.


[ หัวหน้าแก๊ง ]  :  คนของเราที่ส่งไปในร้านโดโม่เป็นไงบ้าง


ชายวัย 40 ปีหัวหน้าแก๊งมาเฟียข้ามชาติเอ่ยถามคนของเขาขึ้น แก๊งพวกนี้พยายามจะเข้ามาขยายอำนาจในประเทศไทย ซึ่งแน่นอนว่ามันหาช่องโหว่ทางกฎหมายได้ง่ายดายราวกับว่าเป็นเรื่องง่ายๆ ทั้งๆที่กฎหมายประเทศนี้ออกจะแข็งเป๊กขนาดนี้



พวกมันพยายามที่จะมองหาจุดยุทธศาสตร์ที่จะเป็นจุดฟอกเงิน และ ปล่อยของที่พวกมันผลิตขึ้นมา ซึ่งโดโม่ผับนั้นอยู่ในพื้นที่ทำเล เรียกว่า " งาม "  ไล่มาตั้งแต่หน้าร้านหันไปทางทิศใต้เป็นทิศที่รับแสงแดดและลมได้ดี ติดถนนใหญ่เชื่อกันว่าจะทำให้การค้าขายนั้นเข้าถึงได้ง่าย


ทุกๆอย่างเรียกว่าคือ " ฮวงจุ้ย " ชั้นยอด พวกมันอยากได้ที่นี่มากๆ ซึ่งจากการที่เข้าไปเก็บข้อมูลมา 2 – 3 ครั้ง ก็ยิ่งมั่นใจว่าที่นี่ต้องฮวงจุ้ยส่งเสริมเจริญรุ่งเรืองแน่ๆ พวกมันจึงวางแผนให้ได้มาครอบครองทันที ยิ่งเห็นว่าทางร้านไม่ทำการตอบโต้ยิ่งได้ใจ พวกมันสืบมาแล้วว่าผู้ถือหุ้นใหญ่ และเป็นเจ้าของที่นี่นั้น



คือ อิซานางิ ริน แต่ว่านั้นมันก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับพวกมัน พวกมันรู้อยู่เต็มอกถึงชื่อเสียงต่างๆของอิซานางิ กิตติศัพท์ ความน่ากลัวในวงการของทายาทปีศาจ ริน เป็นอย่างดี แต่ว่าแล้วมันยังไง ถ้ามันยึดที่นี่มาได้ อิซานางิ รินก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับพวกมัน อีกอย่างถ้ามันยึดเอาที่นี่มาครองได้ พวกมันก็จะได้ชื่อว่า



เป็นกลุ่มที่เหยียบย่ำอำนาจของอิซานางิได้ หลายครั้งที่มันเข้ามาข่มขู่ ทำร้ายคนในร้าน รวมถึงเอกภพด้วย แต่เอกภพเห็นว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพราะมันยังไม่ถึงขั้นเลือดตกยางออก และที่สำคัญเขาก็คุยกับพนักงานทุกคนแล้วด้วย ซึ่งทุกคนเห็นเหมือนกันว่า ไม่ควรเอาเรื่องเล็กน้อยไปกวนใจนายท่านริน กับ นายร้อยริวกะ




จนพวกมาเฟียข้ามชาติคิดจะจัดการในวันนี้ เพราะว่าวันนี้เป็นวันศารทวิษุวัต ถือว่าเป็นฤกษ์งามยามดีในความเชื่อของพวกมั่น มันจะส่งคนเข้าไปก่อกวนจนมีปัญหาแล้วพวกมันจะเข้าไปเคลมโดยใช้กำลัง อ้างว่าคนของตนโดนทำร้าย ส่วนเรื่องตำรวจพวกมันก็รู้ดีว่า



ทางโดโม่ผับนั้นไม่เคยยื่นใต้โต๊ะหรือยื่นกระเช้าให้กับตำรวจ เพราะงั้นถ้าพวกมันยื่นแบงค์ปึกหนาๆให้ซักหน่อย ทางตำรวจก็คงจะไม่เข้ามายุ่ง เพราะพวกมันเองก็มีใต้โต๊ะให้อยู่แล้วเรื่องการปิดบังตัวตนของพวกมันในไทย เพราะงั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยที่จะทำการยึดร้านโดโม่ แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ง่ายแบบนั้น



เพราะเมื่อถึงเวลาพวกมันที่สแตนด์บายอยู่นอกร้านกลับได้รับโทรศัพท์รายงานมาว่า ตอนนี้พวกมัน 30 กว่าคนโดน คนๆเดียวจัดการจนเละไม่เป็นท่า ซึ่งหัวหน้าแก๊งก็แปลกใจ เพราะเท่าที่รู้มาในร้านนอกจากพวกการ์ดแล้วไม่มีใครที่สามารถทำแบบนี้ และอีกอย่างต่อให้เป็นพวกการ์ด



ก็คงไม่ใช่แค่คนๆเดียวที่จะทำแบบนี้ได้ พวกมันจึงได้รีบเข้าไปทันทีและภาพที่เห็นตรงหน้าคือ ชายหนุ่มผู้ถือดาบญี่ปุ่น กำลังทำสิ่งที่ไม่คิดว่าจะมีคนทำได้ ปัง ๆ ๆ ๆ ๆ   เสียงปืนดังคำรามไปทั่วพื้นที่ แต่สิ่งที่ตามมาไม่ใช่เสียงร้องด้วยความเจ็บปวด แต่มันคือเสียง เคล้ง ๆ ๆ ๆ ๆ 




มันยากที่จะเชื่อแต่ชายหนุ่มคนนั้นพึ่งฟันกระสุนไป หัวหน้าแก๊งเห็นแล้วก็ไม่อยากจะเชื่อว่าจะเกิดเรื่องพวกนี้ขึ้นจริงๆ แต่แล้วมันยังไง แค่ฟันกระสุนได้ก็ไม่ใช่ว่าจะสามารถมาขวางแก๊งของมันได้ ในเมื่อพวกลูกกระจ๊อกทำอะไรมันไม่ได้ 4 จตุรเทพก็ต้องลงมือทันที



แต่ว่าภาพที่ไอ้หัวหน้าแก๊งนั้นเหมือนกับฝันร้ายของมันก็ว่าได้ เพราะ 4 จตุรเทพที่ว่าแค่ 4 คนก็สามารถชนะคนเป็น 10 ได้กลับทำอะไรไอ้เด็กคนนี้แทบไม่ได้ ไม่สิ่ไม่ใช่ตอนนี้ไอ้เด็กเปตรนั่นเหมือนจะมีอาการแปลกๆ ทำให้ไม่สามารถต่อสู้ได้เต็มที่ และตอนนั้นเองเขาก็ได้รู้ว่านั่นคือ อิซานางิ ริวกะ



ถ้าฆ่าไอ้เด็กตรงหน้าได้ เท่ากับว่าแก๊งของเขาได้ทำลายศักดิ์ศรีของอิซานางิลงได้ มันไม่รอช้าสั่งฆ่าริวกะทันที แต่แล้วอยู่ดีๆทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เขาที่ผ่านความเป็นความตายมาไม่น้อยย่อมรู้สึกถึงสิ่งนี้ดี มันคือความรู้สึกที่เรียกว่า หายนะ ทำไมอยู่ดีๆเขากับรู้สึกถึงสิ่งนี้จากตัว อิซานางิ ริวกะได้



สิ่งที่สังเกตได้ชัดเจนคือการที่มันกระชากเล็บของจอมหมัดออกมาด้วยความโหดเหี้ยมโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิดและทันทีที่เส้นผมของริวกะเปลี่ยนเป็นสีขาว มันก็ยิ่งชัดเจนว่าตัวอิซานางิ ริวกะ นั้นมันอันตราย 4 จตุรเทพที่มันภาคภูมิใจเริ่มบาดเจ็บหนักขึ้นทีละคน ทีละคน จนสุดท้ายแม้แต่ จอมหมัดหัวหน้าของจตุรเทพก็ยังต้องมาโดนจัดการอย่างไร้ปราณี พละกำลังที่เกินมนุษย์ เตะคน กระทืบคนโดยไร้ปราณี



เลือดที่กระเด็นราวกับสายน้ำ ไม่ได้ทำให้สีหน้าของไอ้ริวกะคนนั้นเปลี่ยนไปเลย ปั้ง ๆ ๆ ๆ   มันชักปืนออกมายิงไปที่ริวกะอีกครั้ง แต่ว่าไอ้ริวกะนั้นกลับกระชากคอของจอมหมัดมาบังกระสุนอย่างหน้าตาเฉยๆ มันจะเอามีดไปแทงริวกะก็เอาร่างของจอมหมัดมารับคมมีด



ทุกการกระทำมันไม่ได้ทำให้สีหน้าของไอ้เด็กเวนริวกะเปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อยแววตาที่มองมานั้นเหมือนกับมองปลวกแมลงก็มิปาน และทันทีนั้นที่มันพุ่งเข้ามาหามันเห็นเต็มตาว่ามีเปลวไฟห่อหุ้มที่ตัวมันราวกับเวทย์มนต์ พวกมันล้มลงมานอนกองราวกับกองขยะที่พวกมันเคยดูถูกผู้อื่น



และตอนนั้นเองไอ้เด็กเวนริวกะก็พุ่งเข้ามาราวกับบินก็ว่าได้ เปลวไฟที่ห่อหุ้มร่างกาย และการบินเข้ามาแบบนี้มันเหมือนกับ " เฟิ่งหวง "   หรือวิหกเพลิงของจีน แล้วที่สัมผัสได้คือมันเป็นของจริง เพราะความร้อนที่รู้สึกได้มัน มันทำให้แทบจะหายใจไม่ออก


ซู่มมมมมมมมม ระหว่างนั้นมันก็เห็นหญิงสาวมีปีกคนนึงพุ่งเข้ามารับการโจมตีของไอ้เด็กเวนริวกะ และสิ่งที่ตามมาคือเปลวไฟที่กระจายออกไปวงกลมราวกับวงกรดของพระอาทิตย์ ตอนนั้นมันคิดทันทีว่าต้องหนีแล้ว ลูกผู้ชายแก้แค้นอีก 10 ปีก็ยังไม่สาย


" ถอย "



คำสั่งนี่ออกมาทันทีใครมีมีแรงก็พากันพยุงคนเจ็บไป บ้างก็ถูกปล่อยไว้ให้นอนทิ้งไว้แบบนั้น ยกเว้นพวก 4 จตุรเทพที่ถูกหิ้วตัวไปด้วย เพราะถ้าไม่มี 4 คนนี้แผนการล้างแค้นยังไงก็ไม่มีวันประสบความสำเร็จ ส่วนไอ้พวกที่ถูกจับตัวก็ไม่ต้องสนหัวมัน ยังไงมันก็ไม่มีทางซัดทอดมาได้แน่ๆ เพราะพรุ่งนี้มันจะให้คนตามเก็บ หรือไม่ยังไงซะด้วยพลังแห่งเงิน



มันก็จะสามารถซื้อตัวตำรวจได้แน่นอน ทันทีที่มันกลับมาถึงเยาราช ซึ่งเป็นที่กบดานที่มันใช้รวบรวมกำลังคนในไทย หัวหน้าแก๊งสั่งให้เอาตัว 4 จตุรเทพไปรักษาทันที และตามพวกที่เหลือมาให้หมด ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ไม่เกิน 1 ชั่วโมง ทุกฝ่ายของแก๊งมาเฟียข้ามชาติก็มาพร้อมหน้ากัน



หัวหน้าแก๊งเริ่มเปิดประเด็นว่า ตัวมันนั้นจะประกาศสงครามกับอิซานางิและยึดที่นั้นมาให้ได้ แต่ว่าระหว่างนั้นเองก็ได้มีชาวแก๊งคนนึงพูดขึ้นว่า แต่ว่านะครับหัวหน้าเราจะต้องรายงานเรื่องนี้กับเบื้องบนมั้ยครับ ทำไมต้องรายงานเบื้องบนด้วยวะ คนๆนั้นพูดกลับมาอีกว่า แต่คราวนี้พวกเราถือว่าผิดพลาดอย่างมากเลยนะครับหัวหน้า



ทั้งที่เบื้องบนสั่งเอาไว้แล้วว่าอย่าเพิ่งเคลื่อนไหวอะไรทั้งนั้น เพราะเรื่องที่ลพบุรีทีมปล่อยเงินกู้ของพวกเราที่เพิ่งโดนจับไป ตำรวจก็กำลังสืบมาอยู่ แถมทีมที่สืบก็ซื้อด้วยเงินไม่ได้ด้วย เพราะขึ้นตรงกับหน่วยความมั่นคง ยิ่งตอนนี้เราเคลื่อนไหวโดยพลการด้วย ผมว่าเราควรรายงานนะครับ



เพล๊งง !!! ทันทีที่พูดแบบนั้นไอ้หัวหน้าแก๊งก็โมโหและเขวี้ยงแจกันใส่ทันที มึงจะบ้าเหรอ ถ้าเบื้องบนรู้พวกเราไม่ตายกันหมดเหรอวะ พวกเราเหมือนยืนอยู่ปากเหวแล้วนะ ถ้าเอาพื้นที่นั้นมาได้มันยังพอให้พวกเรายืดชีวิตไปได้ แล้วมึงจะไปรายงานเพื่ออะไร พวกมึงอยากตายกันนักเหรอ  พรึ่บบ !!!



และทันใดนั้นเองไฟก็ดับ ติด ดับ ....  พรึ่บ !!!  เมื่อไฟสว่างขึ้นมาอีกที ภาพที่มันเห็นคือคน 5 คนที่ยืนอยู่ตรงกลางโต๊ะพวกมันประชุมกัน หัวหน้าแก๊งตะโกนขึ้นเฮ้ย !!!  พวกลื้อเป็นใครวะ กลุ่มคนที่ส่วมชุดดำและหน้ากากงิ้ว ยกนิ้วขึ้นมาปิดที่ปากหน้ากากปากของมันแล้วพูดขึ้นมา คนที่ทำให้องค์กรเสื่อมเสียไม่ควรมีชีวิต และคนตายก็ไม่จำเป็นต้องรู้ว่าพวกข้าคือใคร


ฉั๊วะ !!!  ยังไม่ทันจะได้พูดจบหัวของไอ้หัวหน้าก็ขาดกระเด็นต่อหน้าลูกน้องทันที ปัง  ๆ ๆ ๆ เสียงปืนดังขึ้นทันที แต่ว่ามันก็สายไปเสียแล้ว ฉั๊วะ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ   อ๊ากกกกกกกกก เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นมาไม่หยุด ตามด้วยชิ้นส่วนของร่างกายต่างขาดกระเด็น เลือดสดๆ ไหลกระเซ็นไปทั่วห้องชวนให้น่าสยดสยอง ทันทีที่เหตุการณ์นองเลือดจบลง 1 ใน5คนกลับแสยะยิ้มพร้อมพูดว่า " เครื่องสังเวยชั้นดี มันจะทำให้ข้าผู้นี้กลับมาอีกครั้ง "




ขณะเดียวกัน ณ.ร้านโดโม่


โอยยยยยย เสียงร้องของริวกะนั้นดังออกมาไม่หยุด เขาจับที่หลังของตัวเองแล้วพูด โอยหลังชั้นหักมั้ยเนี่ย ยัยบ้านั่นเตะมาเต็มแรงเลยสิ่นะ ส่วนกัปปะก็นอนผงาบๆข้างๆ ร้องโอยยยย ไม่ต่างกัน ส่วนฮิคาริที่ยืนตาแป๋วอยู่นั้นก็ถามว่านี่เกิดอะไรขึ้นกันเจ้าคะนายน้อย แล้วทำไมกัปปะถึงนอนกองแบบนั้นล่ะ



[ กัปปะ ]  :  เพราะเจ้านั่นแหละ คาเสะ อู้ปปปปปป


ทันทีที่กัปปะจะพูดออกมา ริวกะก็รีบพุ่งไปปิดปากทันที ชู่วว ชู่ววว กัปปะอย่าพูดออกมาจะให้ฮิคาริรู้ไม่ได้ ว่าคาเสะฮิเมะเป็นคนทำ กัปปะก็สื่อสารทางจิตกลับมาว่าทำไมล่ะขอรับนายน้อย ริวกะจึงตอบกลับไปว่าถ้ายัยนั่นรู้ล่ะก็เดี๋ยวก็ไม่มาเจอชั้นอีกน่ะสิ่ นี่นายจะยอมให้ชั้นคิดถึงยัยนั่นเหรอ



กัปปะก็ถอนหายใจเฮ้ออ นายน้อยขอรับท่านก็มีเมียเยอะอยู่แล้วนะขอรับ ริวกะตอบเฮ้ยยยยย ไม่เกี่ยวกัน ไอ้บ้าฮาคุริวนั่นมันยิ่งคลั่งรักอยู่ด้วย ถ้าชั้นทำให้ฮิคาริหนีไปล่ะก็กลัวว่าพอได้ออกมาไอ้เจ้าบ้านั่นมันจะอาละวาดน่ะสิ่ กัปปะก็ได้แค่ตอบขอร๊าบ ขอร๊าบบบ ฮิคาริยังคงยืนตาแป๋วอยู่



ส่วนโคฮาคุก็บอกว่าทางนี้ไม่มีอะไรแล้วล่ะขอรับท่านพี่ฮิคาริ แล้วตอนนั้นฮิคาริก็นึกขึ้นได้ว่าเอ๊ะ นี่มันสารทวิษุวัตนี่นาแล้วทำไมข้าถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ นายน้อยเจ้าคะ ท่านพี่ซึบาสะมารุ โคฮาคุ กัปปะ ข้าคงต้องกลับไปภูเขาวาตะแล้วนะ แล้วทำไมข้ามาอยู่ที่นี่ได้เนี่ย แล้วฮิคาริก็เทเลพอร์ตกลับไปภูเขาวาตะบ้านเกิดทันที



ทันทีที่ฮิคาริไปริวกะก็ถอนหายใจเฮ้ออออ ออกมายาวๆ ส่วนยามิเองก็ลงมานั่งพิงนายน้อยของเขาทันที เฮ้ออ ข้านึกว่าจะเกิดเรื่องแล้วนะขอรับนายน้อย ยามิกล่าว  กัปปะจึงพูดเสริมขึ้นมาว่านี่ถ้าเกิดคาเสะฮิเมะไม่มาล่ะก็ข้าไม่อยากจะนึกภาพไอ้เจ้าพวกนั้นเลยนะขอรับ คงโดนกงล้อสุริยะ เผาจนเหลือแต่กระดูก


โคฮาคุเสริมต่อขึ้นมาว่า ว่าแต่นายน้อยขอรับท่านสำเร็จกระบวนท่า " นิจิริน " แล้วหรือขอรับ ไอ้เจ้าฮาคุริวถึงเอามาทำแบบนี้ได้ ริวกะจึงพูดว่าก็พอจะทำได้แล้วล่ะ ชั้นไม่เก่งแบบปู่ หรือเป็นอัจฉริยะแบบพ่อ ที่จะได้คิดค้นท่าอะไรนั่นขึ้นมา ชั้นเลยลองเอา วิชาลมหายใจมังกรของพ่อ ผสานกับเปลวเพลิงน่ะ


ยามิจึงพูดขึ้นมาว่า ก็นั่นแหละครับมันเป็นของท่านการที่ท่านนำท่าของนายท่านรินมาดัดแปลงโดยอาศัยเปลวอัคคีเข้าไปนั่นก็เท่ากับว่าเป็นกระบวนท่าของท่านนะขอรับ เพราะจริงๆแล้วนายท่านรินก็นำวิชาพยัคฆ์คำรณของหัวหน้าใหญ่มาดัดแปลงเพิ่มพลานุภาพอีกเช่นกันขอรับ




ริวกะก็พูดขึ้นมาว่าเฮ้อออ แต่ดูเหมือนว่าชั้นจะทำเกินไปสิ่นะ เพราะเกือบได้เผาคนแล้วไงล่ะไอ้เจ้าบ้าฮาคุริวเอ๊ยยย นี่ถ้ายัยคาเสะฮิเมะไม่มาล่ะก็ตายๆๆๆ ชั้นคงโดนอาจารย์เอ็นมะเพิ่มชื่อลงในบัญชีบาปแน่นอน ว่าแต่พวกนายจัดการเรียบร้อยมั้ยด้านหน้าร้าน ซึ่งทั้ง 2 ก็ตอบมาว่าเรียบร้อยขอรับ



นั่นเพราะก่อนที่จะมีการต่อสู้ริวกะประเมินเอาไว้ว่าไม่น่าจะเลี่ยงการต่อสู้ได้แล้วเขาจึงให้ส่งสัญญาณข้ามประเทศไปหาภูติคนสนิททั้ง 2 ต้นให้ช่วยจัดฉากว่ามีการถ่ายทำละคร เพราะยังไงซะมันก็คงดีกว่าให้ลูกค้าเข้ามาเห็นเหตุการณ์รุนแรงและทั้งสองก็ทำได้ดี แล้วตอนนั้นเอง


[ ริวกะ ]  :  เฮ้ย มือถือ ชั้น !!!



ริวกะนึกขึ้นได้ก็จับที่กางเกงตัวเอง !!! เวรกร๊รมมมมม !!!  โทรศัพท์ของเขาแตกละเอียดเลย เขาคิดในใจไอ้ ไอ้พวกเวรนั่นทำโทรศัพท์ตูแหลกเป็นผงเลย เฮ้อออ เอาไงดีนะ ริวกะเครียดได้แปปเดียวแล้วก็นึกอะไรออก เขาหันไปหายามิแล้วบอกยามิ ชั้นยืมโทรศัพท์หน่อยสิ่ ซึ่งยามิก็ตอบมาว่า



นายน้อยขอรับท่านลืมแล้วเหรอขอรับว่าการที่ข้า เทเลพอร์ตมายังเมืองไทยนั้น นอกจากเสื้อผ้า และอาวุธ ที่กำเนิดมาจากจิตวิญญาณของข้า สิ่งต่างๆไม่สามารถนำมาได้ ริวกะก็เอ้อลืมไปโทษทีนะ แล้วตอนนั้นเองริวกะก็ใช้การสื่อสารทางจิตไปหาทานูกิ ทานูกิเธอหยิบโทรศัพท์มาให้ชั้นหน่อยได้มั้ย



ซึ่งทานูกิที่กำลังอยู่ในร้านเพื่อดูแลลูกค้าก็รับทราบเธอตรงไปที่ห้องริวกะและหยิบโทรศัพท์สำรองมาทันที ทันทีที่ทานูกิในร่างนุ เดินออกมาพวกพี่ชาญที่ยังยืนทำตัวไม่ถูกก็ได้ถามว่านุ ๆ ๆ แล้วต่อไปทำอะไรดีล่ะ พี่ไม่กล้าขยับเลยเนี่ย พี่ชาญหัวหน้าการ์ดเอ่ยขึ้นถาม ทานุกิเองก็ถามว่าทำไมเหรอคะพี่ชาญ




พี่ชาญก็ตอบกลับมาว่าพอได้เห็นนายน้อยต่อสู้แล้วขามันแข็งไปหมดเลย นี่พวกเรามีเจ้านายที่เก่งขนาดนั้นเลยเหรอ ทานูกิจึงได้บอกว่า เอ่อนั่นยังไม่ได้เอาจริงเลยนะอาจจะเพราะวันนี้นายน้อยไม่ค่อยสบายน่ะ พี่ชาญจับตาดูไอ้พวกนี้ไปก่อนนะ คุณเอกภพรบกวนช่วยไปดูแลในร้านแทนนุได้มั้ยคะ



ทานูกิพูดออกมาอย่างรวดเร็ว เป็นขั้นเป็นตอน ซึ่งเอกภพก็แปลกใจว่าทำไมคนๆถึงยังรักที่จะทำแค่ตำแหน่งหัวหน้าพนักงานนะ แต่ช่างเถอะยังไงซะตอนนี้เขาก็ควรเข้าไปดูแลข้างในร้านก่อนตามที่นุขอไว้ ทานูกิก็รีบมาที่ริวกะสื่อสาร พอมาถึงแล้วเห็นสภาพริวกะก็ได้แต่ตกใจว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมริวกะถึงนอนแผ่แบบนี้ล่ะ ริวกะก็บอกโทษทีนะดูเหมือนว่าพอฮาคุริวมันออกมาใช้ร่างชั้น มันจะเค้นพลังออกมาอาละวาดซะแทบเกลี้ยงเลย



แต่ไม่ต้องห่วงอีกสัก 5-10 นาทีก็คงดีขึ้น แล้วตอนนี้ในร้านเรียบร้อยดีมั้ย ทานูกิยิ้มแล้วบอกว่ารุ้งพลอยจัดการเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ ริวได้ยินก็โล่งใจ แล้วทานูกิก็ทักว่าแล้วทำไมพวกเจ้าทั้ง 3 ถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ เจ้าพวกเด็กตัวแสบ ยามิ โคฮาคุ กัปปะ ถึงกับสะดุ้งเลย


[ ยามิ ]  :  เอ่อ ข้ามาหานายน้อยน่ะขอรับ ท่านน้าทานูกิ

[ โคฮาคุ ]  :  พอดีข้ามาช่วยกันหน้าร้านน่ะขอรับ ท่านน้าทานูกิ

[ กัปปะ ]  :  ขะ ขะ ข้ามาเป็นเพื่อนโคฮาคุน่ะขอรับ ท่านน้าทานูกิ




ดูทั้งสามจะเรียบร้อยผิดปกติแฮะ ทานูกิก็บอกว่าถ้าพวกเจ้าบอกแบบนี้ข้าก็จะเชื่อตามนี้ดูแลนายน้อยให้ดีๆล่ะ แล้วทานูกิก็เดินกลับเข้าไปในร้าน ทั้ง 3 ก็ถอนหายใจโล่งอกทันที ริวกะต่อสายหาใครบางคนที่ญี่ปุ่น ซึ่งไม่ต้องบอกว่าใครเพราะนั่นก็คือ รินนะ ฮานะ เลขาส่วนตัวของเขานั่นเอง


[ รินนะ ]  :  สวัสดีค่ะเจ้านาย


[ ริวกะ ]  :  สวัสดีรินนะ ชั้นขอรบกวนเวลาพักหน่อยสิ่


[ รินนะ ]  :  ยินดีค่ะเจ้านาย ถ้าไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนเจ้านายไม่โทรมาแบบนี้หรอกค่ะ


[ ริวกะ ]  :  ขอบใจนะ งั้นมีเรื่องรบกวนหน่อย



ริวกะก็ได้บอกว่ามือถือของเขาน่ะพังเละเลย อยากให้เธอช่วย Back Up ข้อมูลให้หน่อย ซึ่งรินนะก็บอกว่าสบายเลย เพราะข้อมูลโทรศัพท์ของริวกะ ของ Link กับฐานข้อมูลตัวตนของเขาในระบบ Data Base ของอิซานางิ ตลอดเวลาแบบ real time เพราะฉะนั้นสามารถ back up ข้อมูลได้และถ่ายโอนลงเครื่องใหม่ได้ตลอดเวลา แต่รินนะบอกว่า


ส่วนข้อมูลเกี่ยวกับเบอร์ของทางรัฐบาลเจ้านายต้องไปจัดการเอง เพราะว่าเธอไม่มีนาจในการเข้าถึงในส่วนนี้ ส่วนเครื่องมือถือที่ Back UP  เธอจะจัดการให้เดี๋ยวนี้อยากให้ริวกะ ระบุรุ่นโทรศัพท์ที่อยากได้ด้วย ริวกะก็ถามว่าเครื่องเก่าของชั้นใช้มากี่ปีแล้วรินนะ ซึ่งคำตอบก็คือ 3 ปีค่ะ ดิฉันรู้นะคะว่าเจ้านายไม่ค่อยสนใจตามเทรนด์โทรศัพท์มือถือ


แต่ถ้าถามดิฉัน ดิฉันอยากให้เจ้านายอัพสเป็คมือถือของเจ้านายหน่อยค่ะ จะได้รับส่งข้อมูลกันไวขึ้นและเก็บข้อมูลได้มากขึ้น ริวกะก็อืมม โอเคตามนั้นช่วยจัดการให้หน่อยนะรินนะ เลขาส่วนตัวตอบกลับได้ค่ะเจ้านายจะดำเนินการให้ทันทีค่ะ แล้วจากนั้นริวกะก็ต่อสายหาใครบางคน


[ ริวกะ ]  :  สวัสดีครับท่านรัฐมนตรี


[ ท่าน ]  :  หืม ริวกะเหรอ ทำไมเอาเบอร์นี้โทรมาล่ะ


[ ริวกะ ]  :  ขอโทษที่รบกวนตอนดึกครับท่าน พอดีว่าโทรศัพท์ผมแตกละเอียดไปแล้ว เลยจะแจ้งท่านว่าพรุ่งนี้จะเข้าพบท่านเพื่อ back up ข้อมูลครับ


[ ท่าน ]  :  อื้มได้เลย ไม่ได้เจอกันตั้งแต่ลพบุรีแล้ว ผมว่างช่วงบ่ายๆน่ะ


[ ริวกะ ]  :  ขอบคุณมากครับท่าน แล้วก็วันนี้มีเรื่องรบกวนท่านด้วยครับ


[ ท่าน ]  :  ว่ามาริวกะ



ริวกะก็ได้แจ้งไปว่าวันนี้ มีกลุ่มมาเฟียข้ามชาติมาที่ร้านและก่อความวุ่นวายตัวเขาได้จับกุมเอาไว้ได้บางส่วน และมีบางส่วนที่หนีไป เขาไม่แน่ใจว่ากลุ่มพวกนี้จะเชื่อมโยงกับกลุ่มปล่อยเงินกู้ที่ลพบุรีหรือเปล่าอยากให้ท่านมาคุมตัวไปสอบสวน ทันทีที่ได้ยินดังนั้นท่านก็ไม่รอช้าตอบตกลงทันที



นั่นเพราะคราวก่อนเป็นเพราะริวกะนั่นแหละหน่วยงานของเขาจึงได้รับความดีความชอบไม่ใช่น้อยเลย เพราะงั้นเรื่องแค่นี้เขาทำให้ได้แน่นอน และถ้าปิดคดีนี้ได้หน่วยงานของเขาก็จะได้ผลงานชิ้นโตก็ว่าได้ ท่านก็ถามว่าแล้วตอนนี้อยู่ที่ไหนริวกะ ที่ร้านโดโม่ครับท่าน ริวกะตอบไปแบบนั้น



ซึ่งหลังจากวางสายไปริวกะก็นอนพักไปอีกราวๆ 5-10 นาที ไม่นานนักรถของหน่วยเฉพาะกิจก็มา ริวกะเองก็มีแรงแล้วจึงได้ลุกและเดินมาที่หน้าร้าน พวกชาญเห็นริวกะก็เลิ่กลั่กทำตัวไม่ถูกกลัวว่าจะถูกตำหนิเรื่องการรักษาดูแลความปลอดภัย แล้วตอนนั้นเองก็มีเจ้าหน้าที่หน่วยพิเศษราวๆ 10 คนอาวุธครบมือเดินมา



เมื่อเจอริวกะพวกเขาก็ทำความเคารพราวกับว่ารู้ว่าริวกะเป็นใคร และเป็นคนที่มีตำแหน่งสูงแค่ไหน


[ หัวหน้าหน่วยพิเศษ ]  :  พวกผมมาตามคำสั่งท่านครับ คุณริวกะ


[ ริวกะ ]   :  ขอบคุณมากครับ พวกนี้ส่วนมากจะคนจีนในแก๊งมาเฟียข้ามชาติ ลักษณะการก่อเหตุคือ สร้างสถานการณ์ น่ะทำเป็นขบวนการ แล้วก็บอกท่านว่าให้ลองหาข้อมูลแก๊งที่มีคนใช้อาวุธจีนโบราณ 4 คนที่ถูกเรียกว่า จตุรเทพ



[ หัวหน้าหน่วยพิเศษ ]  :  รับทราบครับ ขอบุคุณสำหรับข้อมูลครับ



แล้วจากนั้นพวกเขาก็หิ้วตัวไป แต่ว่าระหว่างนั้นก็ได้มีพวกมันคนนึงพูดขึ้นมาว่าแล้วพวกมึงจะเสียใจ ที่กล้ามาทำพวกกู ซึ่งพอเห็นว่ามีคนเปิดย่อมมีคนตาม พวกมึงกล้าทำร้ายประชาชนเหรอ แต่ว่าก่อนที่เหตุการณ์จะบานปลายริวกะก็ต่อยเปรี้ยงเข้าใส่คนที่เป็นคนเปิดงาน หมัดเดียวคาที่



ริวกะก็พูดว่ามาบุกรุกร้านแล้วยังจะโวยวายอีกเหรอ หรืออยากตายกันตรงนี้เลย ริวกะไม่พูดเปล่าแต่ปล่อยออร่าทมิฬของฮาคุริวที่ยังเหลือค้างออกมาอีกด้วย บรรยากาศตรงนั้นหนาวสะท้านจับขั้วหัวใจ ขนาดหน่วยพิเศษที่ผ่านการฝึกมาอย่างเข้มข้นยังถึงกับเสียอาการ ส่วนไอ้พวกลูกกระจ๊อกริวกะเอ็นดูเป็นพิเศษด้วยการฆ่าพวกมันทางจิต


ภาพที่ส่งตรงถึงสมองนั้นคือภาพที่พวกมันโดนต่อยทะลุตัว โดนดาบฟันตัวขาด แขนขาด บางคนถึงกับสติหลุดลอย บางส่วนก็ถึงกับสงบปากสงบคำ แล้วเจ้าหน้าที่ก็หิ้วพวกมันไป หลังจากรถไปแล้วริวกะก็หันมองที่ชาญ ซึ่งตอนนี้ทั้งเขาและพวกการ์ดก็นิ่งคอตกกันใหญ่



พวกเขาพร้อมที่จะรับคำด่า คำว่า ที่ไม่สามารถดูแลร้านนี้ได้ แต่ริวกะก็พูดขึ้นมาว่าไม่ต้องใส่ใจหรอก พวกนี้มันไม่ใช่แค่พวกขี้เมาธรรมดาที่จะจัดการได้ง่ายๆ มันเป็นแก๊งมาเฟียข้ามชาติ ทำถูกแล้วที่ไม่ตอบโต้พวกมัน มันไม่คุ้มที่จะเอาตัวเข้าเสี่ยง ชาญที่เป็นหัวหน้าการ์ดก็พูดว่า แต่พวกผมมันไม่ไร้ความสามารถเกินไปครับ ริวกะจึงเอาคำพูดของปู่ที่เคยสอนเขามาพูดกับพวกชาญว่า


" การรู้ว่าตัวเองขาดอะไรนั่นแหละดี แต่มันจะดีกว่าถ้าไม่จมอยู่กับมัน และพัฒนาตัวเองนะ "




ริวกะตบไหล่ปั้ปๆ แล้วบอกว่าเข้าร้านเถอะมีเรื่องอื่นๆต้องทำอีกเยอะ ริวกะ ยามิ โคฮาคุ กัปปะ ก็เดินเข้าร้านไปทันที ตอนนี้ทั้ง 3 เปลี่ยนเป็นชุดสูทสีดำราวกับบอดี้การ์ดของริวกะเรียบร้อยแล้ว ทันทีที่เข้ามาในร้าน สาวๆที่เห็นทั้ง 4 คนมาก็แทบจะเป็นลมในความหล่อ



ทั้งยามิ โคฮาคุ และ กัปปะ ทั้งสามดูหล่อแบบ แจแพ่นเลยล่ะ ทันที่เห็นพี่ชายทั้ง 3 คนคิราระที่พึ่งลงมาจากห้องพยาบาลก็แทยจะเข้าไปกระโดดกอด แต่ยามิก็ห้ามไว้แล้วบอกว่าที่นี่ไม่ใช่บ้านนะ สำรวมหน่อยคิราระ คิราระก็จ๋อยเลยเพราะว่าไม่ได้เจอยามิมาตั้งนาน ส่วนยามิก็เดินมาลูบหัวเบาๆแล้วถามสบายดีมั้ยคิราระน้องพี่




คิราระก็อื้อสบายดีค่ะ คิราระก็ถามว่าพี่ยามิมาได้ไง ไหนบอกว่าอยู่ที่ภูเขาวาตะไง ยามิก็บอกว่าเรื่องฉุกเฉินน่ะ คิราระมองซ้ายขวา ซ้ายขวาก็ไม่เห็นพี่สาวของเธอ คิราระก็ได้ถามแล้วพี่ฮิคาริล่ะ ยามิก็บอกว่าฮิคาริอยู่ภูเขาวาตะน่ะ วันนี้วันอะไรเจ้าก็รู้นี่ คิราระพยักหน้าอื้อๆ แล้วบอกว่าตอนนี้กำลังวุ่นวายเลย



ซึ่งก็เป็นอย่างที่คิราระพูดนั่นแหละ ก็เพราะไอ้เมนูจั้มบ๊ะของพลอยนั่นแหละทำให้ร้านดูครึกครื้นเลยทีเดียว ริวกะก็ได้ทีรีบไปที่ห้องพยาบาลทันที ตอนนี้พี่อั้ม ใบเฟิร์น กระแต กำลังช่วยปฐมพยาบาลหนิงกับพนักงานชายคนนั้นอยู่ ทันทีที่ริวกะมาถึงอั้มก็ถามว่าจัดการเรียบร้อยมั้ยนายริว




ริวกะก็พยักหน้าทันที พนักงานทั้ง 2 ได้รับการปฐมพยาบาลเรียบร้อยแล้ว และด้วยความสงสารริวคิดจะใช้การรักษาของเขาช่วยพนักงานชาย แต่อั้มจับมือไว้แล้วบอกว่าไม่เป็นไรนายริว เขาไม่ได้เป็นอะไรมาก ส่วนอื่นๆก็ไม่ได้กระทบอะไรมาก พัก 2 วันก็ดีขึ้น ริวก็พยักหน้าทันที ตอนนั้นเอกภพก็ตามมาสมทบอีก



ริวถามว่าตรงนี้ไม่มีปัญหาอะไรแล้วใช่มั้ยครับพี่อั้ม อั้มบอกอื้มไม่มีอะไรแล้วหนิงก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเพราะนายเข้ามาช่วยได้ทัน ริวกะบอกอืมเดี๋ยวพี่อั้มไปบอกพี่นุทีว่า วันนี้ปิดร้านเร็วหน่อย เตรียมเคลียร์คนได้เลย หนิงได้ฟังก็ตกใจว่าทำไมจะปิดร้านล่ะ แต่อั้มก็ตอบอื้มได้



แล้วริวกะก็หันไปบอกเอกภพว่าให้ตามผมไปที่ห้องทำงานหน่อย เอกภพโค้งหัวนิดๆแล้วบอกครับ แล้วจากนั้นทั้ง 2 ก็ตรงไปยังห้องทำงานของริวกะทันที ริวกะเข้ามาถึงก็จัดการเปิดคอมพิวเตอร์และเชื่อมต่อทุกๆอย่างทันที



เอกภพเดินตามเข้ามาด้วยและแสดงท่าทีด้วยความเคารพ คือเอาจริงๆตอนนี้เกินคำว่าเคารพมันกลายเป็นคำว่า ศรัทธา ไปแล้ว จากที่คิดว่าจะมาช่วยคุณดิเรกบริหารเพราะกลัวว่าพ่อจะทำงานหนักเกินไป แต่ว่าตอนนี้เขาได้ปฏิญาณไว้แล้วว่าจะทุ่มเททำงาน ไม่ใช่แค่เพื่อพ่อของเขา แต่เพื่อนายน้อยคนนี้ด้วย


[ เอกภพ ]  :   นายน้อยครับจะ ทำยังไงต่อดีครับ ผมเองก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ด้วย


[ ริวกะ ]  :  ไม่เป็นอะไรผมจัดการเอง


ริวกะพูดแล้วก็กดดูกล้องวงจรปิดที่ตอนนี้กำลังเชื่อมต่อเข้ามายังหน้าจอของเขา ที่ทางเข้าร้านไม่มีใครเข้ามาแล้ว ดูเหมือนว่ากัปปะและโคฮาคุจะจัดการปิดทางเข้า และทำเป็นว่าถ่ายทำละคร ห้ามบุคคลภายนอกเข้าเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้พื้นที่รอบๆร้านก็อยู่ในความสงบแล้ว



ริวกะคิดว่าเหตุการณ์วันนี้มันคงจะรุนแรงเกินไปจนกว่าที่พนักงานจะฝืนทำงานต่อได้แล้ว ในกล้องคือตอนนี้ทุกคนทำงานอย่างแข็งขันก็จริงๆ แต่ในใจตอนนี้คงฝ่อมิใช่น้อย ถึงจะน่าชื่นชมว่าปรับตัวตามสถานการณ์ได้ยอดเยี่ยม แต่ถ้าให้ฝืนนานๆมันคงไม่ดีแน่ๆ ยังไงซะวันนี้ก็คงต้องปิดร้านแหละ



แต่ก่อนหน้านั้นเขาอยากจะพิสูจน์อะไรบางอย่างซักก่อน เขาพิมพ์อะไรบางอย่างที่โน๊ตบุ๊คอย่างรวดเร็วแล้วถาม เอกภพว่าพนักงานของเรามีกี่คนและวันนี้มาทำงานกี่คน ซึ่งเอกภพก็ตอบได้อย่างฉะฉานชัดเจน จนริวกะเองก็ถึงกับอึ้ง จริงๆแล้วริวกะก็รู้จำนวนของพนักงานอยู่แล้วล่ะ แต่เขาอยากถามเพื่อทดสอบเอกภพเฉยๆ ริวกะพิมพ์อะไรบางอย่างแล้วสั่งปริ๊นท์ตามจำนวนพนักงานแปปเดียวเอกสารนั้นก็ออกมาจนครบ




ริวกะบอกให้เอกภพจัดเตรียมเอกสารนั้นไว้ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยให้เอาไปแจกพนักงาน แล้วริวกะก็ลุกไปทันที เอกภพยิ่งรู้สึกทึ่งเข้าไปอีก เพราะเอกสารที่ริวกะใช้เวลาพิมพ์แปปเดียวนั้น มันไม่มีตัวไหนที่ผิดเพี้ยนเลย พิมพ์เร็วไม่ว่าแถมยังไม่มีผิดเพี้ยน คนไทยก็ว่าไปอย่างแต่นี่เป็นลูกครึ่งไทยญี่ปุ่นแต่กลับทำได้ขนาดนี้ เก่งจริงๆ นายน้อยคนนี้ เขานึกไปถึงคำที่พ่อของเขาเคยบอกไว้ตอนเรียนจบมหาวิทยาลัยใหม่ๆ



[ ดิเรก ]  :  เอก ลูกเรียนจบแล้วจะลองมาทำงานบริหารที่ผับมั้ยลูก


[ เอกภพ ]  :  ก็ได้แหละครับพ่อ ฆ่าเวลาแล้วค่อยหาอย่างอื่นทำ ผมทำเพราะไม่อยากให้พ่อเหนื่อยเฉยๆหรอกนะ


ดิเรกยิ้มแล้วพูดว่า แต่พ่อเชื่อว่าถ้าลูกได้เข้ามาทำงานล่ะก็ ลูกจะเปลี่ยนความคิดทันที เอกภพที่อ่านหนังสืออยู่ก็พูดว่า ไม่หรอกครับพ่อ ถ้าไม่ใช่พ่อขอให้ไปทำผมก็ไม่ทำหรอก เพราะผมห่วงพ่อเฉยๆหรอกน่า ดิเรกได้ยินแล้วก็แอบปลื้มใจไม่น้อย แต่ว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากได้ยินจากลูกชาย เขาเดินไปตบไหล่ลูกชายเบาๆแล้วพูดว่า แต่พ่อเชื่อว่าถ้าวันนั้นมาถึงลูกจะอยากทำ เพราะลูกอยากทำมันด้วยตัวเองจริงๆ ไม่ใช่แค่ทำเพื่อพ่อหรอก





คำพูดวันนั้นเอกภพก็คิดในใจเสมอมาว่าหมายความว่ายังไง แต่ว่าวันนี้เอกภพรู้ถึงสิ่งที่พ่อของเขาพูดแล้ว เขาเข้าไปเตรียมเอกสารและทำตามคำสั่งของริวกะทันที ส่วนริวกะเองพอลงมาข้างล่างแล้วก็มีพนักงานบางส่วนเข้ามาพูดว่า น้องพวกพี่จะโดนเจ้านายลงโทษมั้ย ริวกะถามลงโทษเรื่องอะไรเหรอครับ ปกติโดนลงโทษแบบไม่มีเหตุผลเหรอ


พนักงานก็บอกว่าเปล่าหรอกไม่เคย เจ้านายที่นี่ไม่ใช่คนแบบนั้น แต่เหตุการณ์คราวนี้มันรุนแรง พวกพี่ก็กลัวจะซวยกันน่ะ ริวกะยิ้มแล้วพูดว่า ถ้าไม่ได้ผิดก็ไม่ต้องกลัวอะไรครับ พนักงานทุกคนก็ยังสีหน้าไม่สู้ดีนัก พวกเขาไม่รู้ว่าริวกะเป็นใครหรอก แต่เห็นว่าไปกับคุณเอกภพลูกชายคุณดิเรกก็เลยมาถาม





ริวกะขึ้นไปบนเวทีอีกครั้ง ซึ่งก็มีลูกค้าบางคนจำริวกะได้ว่าเป็นคนที่ร้องเพลงเพราะมากๆ เกือบทั้งร้านก็หยุดทานอาหารแล้วมองไปบนเวทีเพราะคิดว่าริวกะจะมีเพลงเพราะมาฝากพวกเขา แล้วพอทุกคนเงียบมันก็ทำให้พนักงานทุกคนแปลกใจที่ริวกะแค่ขึ้นไปบนเวที ก็ทำให้ทุกสายตาหันไปมองที่เขาราวกับถูกสะกด ริวกะก็งงว่าเกิดอะไรขึ้นหว่า แล้วเขาก็พูด สวัสดีครับลูกค้าทุกท่าน วันนี้อาจจะมีเหตุการณ์กะทันหันเกิดขึ้น ผมหวังว่าจะไม่ทำให้บรรยากาศการทานอาหารเสียไปนะครับ



ไม่เลย ไม่เลย สนุก ตื่นเต้น เก่งมากกกก   ลูกค้าหลายคนที่เห็นเหตุการณ์ก็พูดกันเซงแซ่กันออกมาราวกับละเมอ ตอนนั้นบรรดาสาวๆของนายมังกรก็พร้อมใจมองกันไปบนเวที พลอยก็พูดขึ้นว่าอีกแล้วเหรอเนี่ยพร้อมกับท้าวเอวมองแล้วอมยิ้ม ตอนนั้นคิราระก็ถามขึ้นมาว่าอะไรเหรอพลอย



พลอยก็บอกว่าคราวก่อนน่ะที่จะมีการตัดไฟเพื่อซ่อมไฟเลยต้องรีบเคลียร์คน ริวเลยต้องขึ้นไปแจ้งกับลูกค้า คิราระก็ถามหืมถ้าแค่แจ้งแล้วทำไมคนจำได้ล่ะ พลอยยิ้มๆ ๆส่ายหัวแล้วก็บอกว่าคราวก่อนร้องเพลงเอาใจลูกค้าน่ะสิ่คะพี่คิราระ ลูกค้าถึงยอมกลับ แล้วก็ชอบใจมากๆด้วย



พอบอกแบบนั้นคิราระก็อ๋อ แค่อ๋อเฉยๆ พลอยก็เง้อพี่คิราระไม่แปลกใจเลยเหรอคะ พลอยจะทำให้แปลกใจสักหน่อย เง้อ พลอยทำท่าจะงอแงใส่คิราระ แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าคิราระอยู่กับริวมาตั้งกี่ปี ทำไมเรื่องแค่ที่ริวเสียงดีมากๆ เธอจะไม่รู้ล่ะ พลอยคิดแบบนั้นแล้วก็ได้แต่บุ่ยยยยย ในใต เอาจริงๆแล้วคนที่รู้ว่าริวเสียงดีมากๆก็มีอีกคนก็คืออั้มนั่นแหละเธอเองก็รู้ดี


กระแตเองก็เช่นกันเธอรู้ว่าริวกะเสียงดีมากๆ เพราะวันที่เอเชียทรี๊คนั่นแหละ จะมีก็แต่ใบเฟิร์นที่หันซ้าย หันขวา อยู่คนเดียวแล้วถามว่าริวเสียงดีขนาดนั้นเลยเหรอคะ สี่สาวก็หันมามองใบเฟิร์น พลอยก็ถามว่าเอ๊ะ !!! ริวไม่เคยร้องเพลงเลยเหรอคะที่มหาวิทยาลัย ใบเฟิร์นบอกไม่เคยเลย อย่าว่าแต่ร้องเพลงเลย ถ้าไม่ใช่กิจกรรมของคณะริวแทบจะไม่ทำกิจกรรมอะไรเลย เมื่อก่อนริวเหมือนคนอมทุกข์ตลอดเวลาน่ะ เฟิร์นเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เดี๋ยวนี้ดีขึ้นนะ เริ่มคุยกับเพื่อนมากขึ้น



พอพูดมาแบบนี้ คิราระและอั้มก็ยิ้มและมองไปที่พลอยทันที พลอยนั่นแหละที่ทำให้ริวเปลี่ยนไป พลอยทำหน้าแบบอะไรเหรอคะมองพลอยทำไมกันล่ะนั่น แล้วทุกคนก็มองไปบนเวที ริวกะบอกว่าเนื่องจากวันนี้ร้านของเราต้องปิดก่อนเวลา เพราะงั้นผมในฐานะ " ผู้ดูแลร้าน " จึงอยากจะขออภัยไว้ที่นี้ด้วยครับ เพราะฉะนั้น... วันนี้เมนูจั้มบ๊ะที่ทุกท่านได้รับไป ผมขออนุญาตเลี้ยงนะครับ




พอได้ยินแบบนั้นทุกคนก็ปรบมือกันใหญ่ คือมันไม่ใช่อาหารราคาแพงอะไรเลย แค่ราคา40-50 บาท แต่เพราะการทำแบบนี้มันได้ใจลูกค้ายังไงล่ะ พอบอกว่าผู้ดูแลร้านเท่านั้นแหละพนักงานที่ไม่รู้ว่าริวกะเป็นใครถึงกับเงียบกริบกันเลยทีเดียว นี่พวกเขาไม่ได้ทำอะไรผิดพลาดต่อหน้าริวกะใช่มั้ย นี่พวกเขาทำงานกันเต็มที่ใช่มั้ย แล้วตอนนั้นเองก็มีเสียงจากลูกค้าพูดขึ้นมาว่าแล้ววันนี้จะไม่มีเพลงอะไรมาฝากหน่อยเหรอคะ



ซึ่งแน่นอนริวกะไม่คิดที่จะมาร้องเพลงอะไรอยู่แล้ว แล้วตอนนั้นอยู่ดีๆ ป้ายไฟก็มา แท่งไฟก็มา ริวกะคิดในใจเฮ้ยอะไรกันละนั่น แล้วพอเพ่งมองดีๆ คนที่ถือป้ายไฟก็คือ !!!  กัปปะ !!!! ริวกะอุทานในใจเลย แล้วไม่แค่นั้นเพราะยังมีป้ายไฟด้วย แล้วป้ายไฟมันมายังไงล่ะนั่นแล้วไม่ใช่ป้ายไฟดาดๆทั่วไป แต่เป็นป้ายไฟ LED ที่ทำมาอย่างดีว่า – RYUKA -  ริวกะพูดออกมาเลยว่าเฮ้ย พวกนายไปเอามาจากไหนเนี่ย



ภาพที่เห็นคือหนุ่มหล่อสามคน กำลังยืนถือป้ายไฟอยู่ คนนึงหน้าตาหล่อเหลาราวกับพระเอกซีรีย์มาสค์ไรเดอร์ ที่เรียกกันพี่เทพ พี่เทพ หน้าตาดีแบบชาวญี่ปุ่นแถมยังหุ่นที่ดูกำยำล่ำสัน กำลังถือป้ายไฟอยู่ แล้วอีกคนนึงเป็นชายตัวสูงราว 185 เซนติเมตร ร่างกายคือมองผ่านๆก็รู้ว่ากล้ามล่ำบึก เขาเองก็กำลังยืนมองมาทางริวกะด้วยเช่นกัน




[ ยามิ ]   :  ริวกะ ริวกะ ริวกะ ริวกะ ริวกะ


ยามิเป็นคนเริ่มส่งเสียง พอเห็นพี่ชายตนทำแบบนั้น โคฮาคุก็ทำตามทันที ซึ่งแน่นอนว่าเพื่อนสนิทอย่างกัปปะมีเหรอจะยอม แล้วก็ตามด้วยทุกคนไปโดยปริยาย โดยเฉพาะรุ้งพลอยนี่ดูสนุกเหลือเกิน คิราระเองก็เช่นกัน กระแตเห็นแบบนั้นก็ตกใจว่าเดี๋ยวๆนี่มันอะไรกัน



แต่ยังไงซะริวก็ไม่ได้คิดที่จะร้องเพลงอยู่แล้ว เพราะงั้นเขาจึงถามว่าอืมม ถ้าผมจะขอให้ตัวแทนของผมร้องเพลงแทนได้มั้ยครับ รับรองว่าไม่แพ้ผมแน่ๆได้มั้ยครับคุณลูกค้าที่น่ารักทั้งหลาย พอริวกะพูดมาแบบนี้หลายคนก็เคลิ้มตามแต่หลายคนก็ยังอยากจะฟังริวกะร้องเพลงอยู่ แต่ว่าริวกะนั้นตัดสินใจแล้วว่าเขาจะไม่ร้องเพลง เต็มที่ก็แค่เล่นเปียโน




ริวกะจ้องลงมาที่ข้างล่างเวทีและดูเหมือนว่ามีคนจะรู้ชะตากรรมตัวเอง ริวกะกระโดดลงไปและจับมือคิราระทันที มานี่ยัยตัวแสบ คิราระตกใจเลยตอนนั้นเพราะอุตส่าห์คิดไว้แล้วว่าจะรอดแต่ก็ไม่ใช่ ริวกะจูงมือคิราระขึ้นมาบนเวที แค่เพียงเธอขึ้นไปบนเวทีเท่านั้น จากที่มีเสียงสองฝั่งว่าอยากฟังริวกะและฟังอะไรได้กลับกลายเป็นเงียบกริบ



ผู้ชายนี่มองตาไม่กระพริบเลยคิราระสวยมากจริงๆ ขนาดผู้หญิงยังมองตามเลย พลอยก็ เอ๊ะ !!! พี่คิราระเหรอ พลอยพูดแล้วก็หันไปมองพี่อั้ม อั้มก็กอดอกแล้วบอกว่า คิราระเสียงดีมากกกกกก นะพลอย พอได้ฟังแบบนั้นพลอยนี่ตาเป็นประกายวิ๊ง ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ เลยก็ว่าได้ ใบเฟิร์นเห็นก็ตกใจ กระแตนี่แล้วใหญ่ ตกลงว่าบ้านนี้มีใครที่ธรรมดาบ้างมั้ยเนี่ย



ริวกะก็บอกว่าให้เธอคนนี้ร้องเพลงให้ฟังดีกว่านะครับ อืมมมม ตามนี้เนอะ คิราระยังเหวออยู่ถามริวกะจะให้คิราระร้องเพลงจริงเหรอ อายตายเลยแบบนี้ แล้วริวกะก็บอกว่าอะไรกองเชียร์ออกจะเยอะแยะนู่นไง พอหันไปมองตามที่ริวกะบอกก็เห็นป้ายไฟเปลี่ยนไปจาก – RYUKA -  กลายเป็น – KIRARA -   คิราระหน้าแดงแปร๊ดดดดดดดดด



ให้เธอไปต่อสู้ยังดีซะกว่า ริวกะถึงกับหัวเราะเลยแล้วบอกว่านี่เพื่อร้านนะเนี่ยยัยตัวแสบ ตอนแรกยุให้ชั้นร้องเพลง ตอนนี้ก็ร้องเลยเถอะ แล้วริวกะก็ไปนั่งประจำที่เปียโน และแค่เสียงขึ้น ติ๊ง ติง ติ่ง ติง โอ้โห เสียงกรี๊ดนี่สนั่นปานคอนเสิร์ตเลยก็ว่าได้ เหมือนกับทุกคนรู้ว่าเพลงนี้เพลงอะไร



คิราระเห็นตกใจตาเหลือกเลยก็ว่าได้ คิราระรีบวิ่งไปหาริวกะเพื่อจับมือให้หยุด ตอนนั้นคนก็ฮูวววว ด้วยความเสียดายนึกว่าจะได้ฟังจนจบเพลง คิราระถามว่าริวกะจะฆ่ากันเหรอทำไมเล่นเพลงนี้ล่ะ ริวกะก็บอกว่าเพลงนี้เธอก็ร้องได้ดีไม่ใช่เหรอ คิราระบอกว่าก็นั่นมันเมื่อก่อนนี่นา แล้วตอนนี้จะให้ร้องได้ไงเนี่ย แล้วริวกะก็กระซิบอะไรบางอย่างให้คิราระฟัง เท่านั้นแหละแววตาของคิราระก็เปลี่ยนไปทันที




คิราระเดินมาตรงหน้าเวทีและพูดเป็นภาษาญี่ปุ่นว่าขออภัยทุกท่าน เรามาฟังเพลงกันเถอะค่ะ ถึงบางคนจะไม่เข้าใจว่าแปลว่าอะไร แต่ด้วยความที่ภาษามันสื่อออกมาจากเจ้าของภาษาแล้วมันสละสลวยมากๆ ทำให้คนเริ่มอินทันที ริวกะเริ่มบรรเลงเปียโนอีกครั้ง คนที่รอฟังก็ถึงกับตาโต กรี๊ดขึ้นมาทันที และบรรยากาศทุกอย่างเริ่มโหมขึ้นไปอีก เมื่อคิราระเริ่มร้องเพลงๆนี้   First Love ของ ฮิกกี้ หรือ อุทาดะ ฮิคารุ









ตอนนี้แทบจะทุกคนต่างก็ราวกับตกอยู่ในมนต์สะกดของเสียงเลยก็ว่าได้ มันตะลึงจนลืมยกมือถือขึ้นมาบันทึกภาพ ถ่ายวีดีโอ หรือไลฟ์สด ผู้หญิงหลายคนกุมมือไว้ที่หน้าอกราวกับว่านี่คือเพลงที่พวกเธอคิดถึง วัยรุ่นยุค 2000 ไม่มีใครไม่รู้จักเพลงนี้ มันเป็นเพลงอกหักที่สละสลวยมาก



น้ำเสียงจากคนญี่ปุ่นแท้ๆที่เข้าถึงจิตใจของผู้ฟัง แล้วยังมีเสียงเปียโนจากริวกะอีก มันทำให้เพลงนี้วิเศษจริงๆ ขนาดไม่ถึง 1 นาทีที่คิราระเริ่มร้องเพลง ทุกคนก็เหมือนตกลงไปในภวังค์ แล้วไม่แค่นั้นหลังจากที่ผ่านไปราว 50 วินาที สามหนุ่มสุดหล่อ ยามิ โคฮาคุ กัปปะ ก็ขึ้นไปบนเวทีและตรงไปที่เครื่องดนตรีเช่นกัน ยามิจับกีต้า โคฮาคุตรงไปที่กลองชุด กัปปะตรงไปที่เบสทันที พวกเขาแทบจะต้องปรับต้องจูนอะไรก็พร้อมทันที ตอนนี้ไม่มีคนกรี๊ดเหมือนคราวแรก เพราะทุกคนกำลังจดจ่อตั้งใจฟังในเสียงเพลงที่กำลังจะเกิดขึ้น



You are always gonna be my love อิซ ซึ่อึ่กา  ดาเรโกตะ มะตะ โคอิ นิ โอจิเตะโมะ



ทันทีที่คิราระร้องมาท่อนฮุค เครื่องดนตรีทั้ง 3 ก็ถูกบรรเลงขึ้นพร้อมกันทันที เสียงกรี๊ดจากผู้ชมก็ดังขึ้นมาโดยไม่มีใครคาดคิด ส่วนผู้ชายบางคนก็ถึงกับฮัมเพลงท่อนฮุคตามมาแบบไม่รู้ตัว ก็นะมันสุดยอดเพลงปี 2พัน ที่ดังมาจนตอนนี้นี่นา คิราระเองก็ถ่ายทอดมันออกมาได้ดีเหมือนกัน


First love ชื่ออาจจะเหมือนเพลงรัก แต่มันไม่ใช่เลยมันกลับเป็นเพลงรักอกหักเสียมากกว่า พลอยเองก็รู้จักเพลงนี้ เธอก็ร้องตามเช่นกัน คือไม่ใช่แค่พลอยแต่ทั้งกระแตและใบเฟิร์นก็ด้วยเช่นกัน ส่วนอั้มก็ยืนกอดอกภูมิใจที่น้องสาวของตนกล้าร้องเพลงแบบนี้แล้ว พลอยนี่ยิ้มไม่หุบโดดดึ๋งๆ ๆโบกมือให้คิราระไม่หยุด



แต่ที่สำคัญเธอพึ่งรู้ว่าภูติของบ้านอิซานางินั้นเล่นดนตรีขั้นเทพกันทุกคนเลย ก็นะไม่แปลกหรอกที่จะเล่นเก่งระดับปรมาจารย์กันแบบนี้ ก็อยู่มาตั้งหลายร้อยปีแถมยังจบปริญญาตรีด้านดนตรีหลายคน แถมยังโดนจิ้งจอกเก้าหางบังคับให้เรียนอีก ใครมันจะไม่ไปเก่งล่ะ เพลงถูกบรรเลงต่อไปจนกระทั่งจบเพลง มันเป็นช่วงเวลา 4 นาทีที่เหมือนอยู่ในฝันจริงๆ พอเสียงเปียโนสุดท้ายจบลง ทุกคนกรี๊ดดดดดดดดดดดดดด จนร้านแทบแตก พนักงานที่ไม่ได้ทำอาหาร ไม่ได้ทำงาน ไม่ได้ทำอะไรก็ยืนฟัง ตัวนิ่งราวกับวิญญาณหลุดไปจากร่างกาย



ริวกะที่เล่นจบก็เดินมาข้างหน้าจับมือคิราระและก้มหัวเหมือนขอบคุณทุกคน ส่วน 3 หน่อข้างหลังก็ปรบมือแปะ ๆ ๆ ๆ ๆไม่หยุด หลังจากนั้นริวกะก็แจ้งทุกคนว่า ขอให้เดินทางกลับบ้านโดยสวัสดิภาพครับ พวกเราจะแจ้งข่าวในหน้าเพจของร้านนะครับหวังว่าจะได้รับการสนับสนุนจากทุกท่านเช่นเดิม



พอหลังจากกล่าวจบริวกะก็เดินลงมาพร้อมคิราระ ตัวเขาเดินไปข้างหลัง คิราระที่ลงข้างล่างก็ถูกพลอยกระโดดกอดเลย งื๊อออ พี่คิราระร้องเพลงเพราะมากๆเลยค่ะ ทำได้ไงคะเนี่ยยยยยย  คิราระก็ยิ้มไม่หุบเลย แต่พลอยก็ถามว่า พี่คิราระบอกพลอยมาเลยว่าริวใช้คาถาอะไร พี่คิราระถึงร้องเพลงได้อินและถ่ายทอดอารมณ์เหมือนคนอกหักออกมาได้ดีแบบนี้ล่ะ ฮืออออออออออ



พลอยก็งอแงใหญ่เลย คิราระก็กอดเธอไว้แล้วมองไปที่อั้มนะ อั้มเองก็เหมือนอยากจะรู้เหมือนกัน คิราระก็เฉลยทันที เธอบอกว่าที่ริวกะบอกกับเธอคือ ให้ลองคิดว่าวันนี้ฉันไม่ได้อยู่ข้างๆเธอและเราไม่ได้เจอกันอีก คิราระพูดแบบนั้นพลอยก็กระโดดเหยงๆๆๆทันที แล้วบอกไม่เอา ๆ ๆ ๆ ๆ ตอนนี้ก็อยู่ด้วยกันหมดนี่ไง ไม่อยู่ไม่ได้นะ อั้มหัวเราะออกมาเลยตอนนั้น เธอบอกพลอยยย นายริวแค่สมมติไม่ใช่จะบอกว่าไปไหน  คิราระได้ฟังก็หัวเราะออกมาเหมือนกัน



แต่เธอก็บอกนะ ขนาดแค่คิดว่าจะไม่ได้อยู่ข้างๆริวกะยังเจ็บปวดขนาดนี้เลย ถ้าเป็นจริงนี่แย่เลย พลอยก็บอกไม่เอา ห้ามไปไหนด้วย ไม่เอา ไม่ให้ไป คิราระกับอั้มก็หัวเราะกันยกใหญ่เลย ส่วนกระแตกับใบเฟิร์นที่ยืนตรงนั้นก็คิดในใจ มันเป็นเรื่องแปลกที่ทั้งสองคนก็คิดเหมือนกันว่า อยากอยู่ใกล้ๆริวกะ ไม่อยากไปไหนเหมือนกัน ไม่อยากจะห่างจากผู้ชายคนนี้เลยจริงๆ

ΜoNoTΩИ∑ ★★★

#1
 





เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

Am1112mA



neimuchan

#4
แหม่ นึกว่าจะคดีพลิก แก๊งไก่3ช่าจะไปไล่ฆ่าเองละนะเนี่ย - -


โถ พ่อแบทแมน เจอ ขุ่นแม่ ฟาด เป้งเข้าให้ .............
จริงๆแล้วมี ID เก่า แต่ดันจำ password mail เก่าไม่ได้เลยต้องสมัครใหม่ -*-

bbblack


winpooh


Rivermoon


usman1963


ชายชรา

คิราระร้องเพลงริวกะเล่นเปียโนโรแมนติกติกมากกครับตอนนี้

0890082185

#10
ตอนแรกเข้าใจว่าห้าตนที่โผล่เข้าไปกลางแก็งค์คือพวกภูตบ้านริวกะ แต่ปรากฏว่าไม่ใช่ แสดงว่าแก็งค์นี้หน้าจะพวกลืมชื่อแหะ อมราอะไรนั่นเปล่าครับ

     ได้กระแตเข้าฮาเร็มอีกคนละนะริวกะอิจฉากันสุดๆ สงสารเวตาลห่วงลูกมากเจอเจ้านางสับคอทีเดียวสลบ แม่ริวนี่น่ากลัวจัง

toshiies

เสียดายฮิคาริโผล่มาแป๊บเดียว ส่วนตอนกอดนี้ ใครจะเป็นคนนั้นนะ หรือจะครบทุกเมียของนายริวเลย

dawdom

แล้วพวกไหนมาตัดหัวมาเฟียจีนไปล่ะนี่

thongdaeng_skk

แก๊งค์​มังกรจีนจะอาละวาด​ยังไงต่อไปน่าติดตามเพราะพวก 5 คนที่มาฆ่าดูไม่ธรรมดา​

hanvises

สาวๆของริวกะ ในร้านนี่ใจละลายไปหมดแล้วม้าง คราวก่อนก็เวย์ มารอบนี้ 3 หนุ่ม(100+) มาเล่นดนตรีอีก