ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_nato87

เกมรักภารโรงเฒ่า ปี 2 ตอนที่ 39 : ปลอบโยนลูกสาวนายหัว Part 1

เริ่มโดย nato87, กรกฎาคม 04, 2023, 07:22:34 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

nato87

พูดคุยก่อนอ่าน : ในที่สุดก็มาละ กับฉากที่ลุงพลและน้องลูกขวัญจะได้ลงเอยกัน แต่ก็ต้องบอกว่าใน Part แรก คือการวอร์มอัพกันก่อนนะครับ แฮ่...

รายละเอียดเยอะมาก ในตอนนี้มีทั้งภาษาใต้และภาษาอังกฤษ แล้วก็มีศัพท์แสงด้านปรัชญาทางการแพทย์ด้วยนะ เป็นนิยายเสียวที่แม่งเล่นใหญ่เกินเบอร์มาก (ไม่ต้องกลัว ผมมีซัพให้ละ เฉพาะภาษาอังกฤษนะครับ ภาษาใต้เวอร์ชั่นภูเก็ต ไม่ได้ยากอะไรขนาดนั้น เลยไม่ได้ใส่)

จะต้องมีรีดบ่นว่า "อะไรอีกวะไรท์ ทำไมลีลาจังวะ" ผมเข้าใจครับ ผมเข้าใจ แต่นิยายของผมนั้น เน้นความ 'สมเหตุสมผล' เป็นที่ตั้ง ถึงแม้มันจะมีเรื่องแฟนตาซี เรื่องชาติภพ อดีตชาติเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ทุกอย่างต้องอยู่ในกรอบของความสมเหตุสมผล จึงทำให้นิยายของผมนั้นเดินเรื่องช้าสักหน่อย เพื่อให้ทุกคนได้เก็บเกี่ยวรายละเอียดของเนื้อหา

ในส่วนของตอนที่ 39 นี้ จะมีทั้งหมด 6 parts ซึ่งยาวมาก โดยหลังจาก Parts 2 เป็นต้นไป ผมจะให้ทุกคนได้รู้จักกับลูกสาวนายหัวอย่างน้องลูกขวัญแบบถึงอกถึงใจ มันจะเป็นฉากเลิฟซีนครั้งแรกในชีวิตเด็กสาวอย่างน้องลูกขวัญ ที่จะได้เติบโตเป็นหญิงสาว ด้วยไออุ่นแห่งรักของลุงพล

ซึ่งฉากเลิฟซีนของเธอจะ 'หวานมาก อ่อนโยนมาก' ด้วยเหตุเพราะน้องลูกขวัญยังเด็ก ต้องถนอมน้องเค้าหน่อย เอาไว้ให้น้องเค้าโตกว่านี้ แล้วค่อยเพิ่มดีกรีความเผ็ดเข้าไป

สำหรับ Part 2 ผมจะมาอัพเดตในอีกสองวันครับ ประมาณช่วงรอยต่อระหว่างวันพุธหรือวันพฤหัส ยิงยาวไปเลย จนกว่าจะจบใน Parts ส่วนนี้ และนำทุกคนมูฟออนต่อไป

อ้อ!!! ผมจะบอกว่า ผมเขียนนิยายเรื่องนี้มาหลายปีแล้ว เพราะฉะนั้น ผมจำเป็นต้องบอกว่า ผมอาจจะต้อง Skip เนื้อหาบางตอนที่ไม่สำคัญออกไปบ้างนะครับ เพราะผมเองก็อยากเขียนเรื่องนี้ให้จบเร็ว ๆ ละ ผมเริ่มแก่ละครับ เอาไว้ผมจะไปเขียนต่อฉากพวกนั้นใน Deleted Scene ก็แล้วกัน (ยกตัวอย่างเช่นฉาก 7P ลุงพลรุมหกเด็กพยาบาล ผมประเมินดูละ ถ้าเขียนฉากนี้ เนื้อเรื่องไม่ไปไหนแน่ ๆ 555+)


และสุดท้าย ขอเผยโฉมหน้าของลุงพล (Daniel Wu เป็นต้นแบบ) ในสองเวอร์ชั่่น อันแรกคือเวอร์ชั่นนายสิบ อันที่สองคือยุคปัจจุบันครับ จริง ๆ ของคนอื่นก็มีครับ แต่เดียวคอนเทนต์มันจะล้นไป เอาไว้โอกาสหน้าผมจะเอาภาพที่ผมทำมาให้ทุกคนดู หรือถ้าใครสนใจ ก็ไปตามในเพจของผมได้ ผมทำภาพสาว ๆ ในเรื่องไว้หลายคนเลย




เวอร์ชั่นแรก เป็นสิบเอกชุมพล ที่เพิ่งเลื่อนยศหลังจากผ่านสงครามเวียดนาม แต่สุดท้ายแกก็ลาออกจากอาชีพทหาร เพราะไปเล่นชู่กับเมียจ่าอย่างที่ทุกคนทราบนั่นเอง



ในเวอร์ชั่นลุงพลตอนแก่ ที่แกดูหนุ่มกว่าปกติ (ลุงพลอายุ 61 ย่าง 62) นั่นเพราะลุงพลแกไม่สูบบุหรี่ กินเหล้าเบียร์พอเป็นกระษัย และชอบออกกำลังกายอยู่เป็นประจำ เลยทำให้แกยังดูหนุ่ม ดูอ่อนกว่าวัย สรุปคือ ลุงพลเป็นคนที่ดูแลตัวเองดีคนนึงครับ

#######################

ความเดิมตอนที่แล้ว


https://xonly8.com/index.php?topic=272721.0

นายหัวภูชิตในช่วงวัยสี่สิบปีเศษ กำลังเดินตรวจตราสวนยางแห่งหนึ่งในอำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ตซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจสำคัญของครอบครัวตนเองพร้อมกับลูกน้อง

ในตอนนั้น ลูกขวัญอายุเพิ่ง 8 ขวบ และเพิ่งกลับมาจากโรงเรียนได้ไม่นาน สาวน้อยเดินเข้าไปหาผู้เป็นพ่อที่ยืนคุยกับลูกน้องกลางป่าสวนยางโดยไม่กลัวอันตราย

"คุณหนู๋หลูกขวัญ!!! อย่าเข้าไป๋!!! รอนายหัวอยู่ตรงนี้ก๋อนนน!!"

"หม่ายยยเอา!!! ควัญจะไปหาป๊า!!! หาป่ะป๊า!!!" สาวน้อยในชุดนักเรียน ป.3 ที่เพิ่งลงจากรถตู้ รีบวิ่งเข้าไปหานายหัวภูชิตผู้เป็นพ่อ ที่กำลังยืนคุยธุระกับลูกน้องในป่าสวนยาง

"ป่ะป๊า!!! ป่ะป๊า!!!" หมวยน้อยวิ่งเข้าไปในดงป่าสวนยางพารา ที่ถูกปลูกขึ้นมาเป็นแถวเรียงยาวจนไกลสุดลูกหูลูกตา ก่อนที่เธอจะเห็นคุณพ่อของเธอกำลังเดินออกมาพร้อมกับลูกน้องอีกสองคน

"หลูกขวัญ!!! เข้ามาทำไมหลูก!!??" นายหัวภูชิต ที่เห็นลูกสาวคนเล็กวิ่งเข้ามาก็เอ่ยปากพูดด้วยท่าทางไม่พอใจ "พ่อบอกแล้วไงหว๋าอย่าเข้ามา ในนี่มันมีเขี้ยวขอ ให้รออยู่บนรถก่อน!! เข้ามาในนี่มันอันตรายอั้นหลูก!!!"

"ก็หนูคิดถึงป๊า!!" ภาสินีเข้าไปกอดนายหัวภูชิต ด้วยความไร้เดียงสา และทำหน้าตาออดอ้อนเพราะกลัวผู้เป็นพ่อทำโทษ "ป่ะป๊า!!! หลบบ้านได้ยังนิ!!!"

"เด่วก่อน เด่วพ่อแหลงธุระกับลูกน้องก่อนนะ หลูกขวัญ" หนุ่มใหญ่เอื้อมมือลูบศีรษะลูกสาวคนเล็กด้วยความเมตตา ก่อนหันกลับไปคุยกับลูกน้องคนใต้ผิวคล้ำสองคนด้วยภาษาถิ่น

ภาสินี ที่ยืนมองตาแป๋วอยู่ตรงนั้น ฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง เพราะส่วนใหญ่เป็นเรื่องของงาน แต่หมวยน้อยสังเกตว่า คุณพ่อของเธอทำหน้าซีเรียสจริงจัง ขณะที่กำลังคุยกับลูกน้องทั้งสองคน

"นายหัวก็รู้ ว่าผมทำเรื่องที่นายหัวสั่งไม่ด๋ายยย"

"ไสหลาวมึง? กูเป็นเจ้านายมึงอั้น!!! ทำไมมึงถึงทำไม่ด๋ายยย!!!"

"พวกผ๋มทำไม่ด๋ายจริง ๆ นายหัว!!! จะให้พวกผ๋มบุกน้ำลุยไฟที่ไหน่ พวกผมก็ไป๋ แต่เรื่องนี้ พวกผมทำให้ไม่ด๋ายจริง ๆ ครับ!!!"

"โอ้ยยย!!! หัวเกียงเอ้ยย!!! ถ้าพวกมึงสองคนทำเรื่องแค่นี้ไม่ด๋าย!!! ก็ไม่ต้องทำ!!! มึงออกไปเลย!!! ไปไหนก็ไป!!! แล้วก็ไม่ต้องมาให้กูเห็นหน้าพวกมึงสองตัวอีก!!! เหยดแมมม!!!"

แล้วการสนทนาก็เริ่มตึงเครียดขึ้น จนลูกขวัญเริ่มรู้สึกกลัว เพราะเธอรู้ดีว่าเวลาที่นายหัวภูชิตผู้เป็นพ่อของเธอโกรธแล้วมันน่ากลัวขนาดไหน

"ไป!!! พวกมึงจะไปไหน่ก็ไปเลยไป!!! อย่ามาให้กูเห็นหน้าพวกมึงอีก!!!"

แทนที่ลูกน้องของนายหัวภูชิตที่ถูกไล่ออก จะเดินออกไป ทั้งคู่กลับหันมามองหน้ากัน ในขณะที่นายหัวภูชิต กำลังหันกลับมาคุยกับน้องลูกขวัญด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

"ไป!!! หลบบ้านหลูก!!! หิวข้าวแล้วหม้ายยย!!?? อึ๊ก!!!"

"ป่ะป๊า!!!"

ทันใดนั้น ลูกน้องสองคนที่เพิ่งถูกไล่ออก ก็คว้ามีดกรีดยางฟันเข้าไปที่ต้นคอของนายหัวภูชิต ต่อหน้าน้องลูกขวัญที่ยืนอยู่ตรงหน้า โลหิตสีแดงสาดกระเซ็นเลอะบนใบหน้าของเด็กสาว ที่กำลังช็อคสุดขีด

"อึ๊ก...อึ๊ก...อึ๊ก" นายหัวภูชิต ทรุดตัวลงนั่งคุกเข่า เอามือกุมเข้าที่แผลเหวอะบริเวณต้นคอ พร้อมกับพยายามจะพูดอะไรบางอย่างออก ก่อนที่จะสำลักเลือดออกมา ต่อหน้าภาสินีที่ยืนช็อคกับภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า

"ความจริงแหล่ว พวกผ้มก็ไม่ด๋ายมีความแค้นส๋วนตัวกับนายหัว" ลูกน้องของนายหัวภูชิตคนหนึ่งเอ่ยปากพูดขึ้นมา "แต่หว๋า พวกผมมีของฝาก จากคุณหนูพลอยพรรณ"

"พี่พลอย!!??" หมวยน้อยถึงกับอุทานออกมาด้วยความตกใจ ในขณะที่ลูกน้องของนายหัวภูชิตกำลังง้างมีดกรีดยางเพื่อจามใส่หัวอดีตนายเก่า

"รับไปนะครับ นายหัวภูชิต" อดีตลูกน้องผู้ทรยศเอ่ยปาก "ด้วยรัก และอภินันทนาการจากแพทย์ญิ๋งพลอยพรรณ!!!"

"ป่ะป๊า!!!!!" ลูกขวัญตะโกนลั่นด้วยความตกใจสุดขีด ก่อนที่เธอลุกพรวดและลืมตาตื่นขึ้นมา พร้อมกับเสียงถอนหายใจยาว เมื่อรับรู้ว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นแค่ความฝัน "ฝันเหรอ...แฮ่ก...แฮ่ก"



หัวใจของสาวน้อยวัย 18 ปี ยังเต้นแรง ราวกับว่าภาพเหตุการณ์ความฝันที่เพิ่งผ่านพ้นไปคือความจริง ก่อนที่เธอจะคว้าสมาร์ทโฟนขึ้นมาดู และพบว่าในตอนนี้เป็นเวลาตีห้าสิบนาที

"ฝันอะไรก็ไม่รู้..." หมวยน้อยในชุดนอนสีพาสเทลนั่งคุกเข่าก้มหน้าหลับตาบนเตียงนอน หลายวันที่ผ่านมา เธอต้องพบกับมรสุมชีวิตครั้งใหญ่ เมื่อนายหัวภูชิตล้มป่วยลงด้วยโรคเส้นเลือดในสมองแตก

แถมเจ้าพี่ชายตัวแสบอย่างภูวนาท ก็แอบเชิดเงินกองกลาง ที่คุณนายอัญชันผู้เป็นแม่แบ่งเอาไว้ให้ เพื่อหวังให้ลูกชายคนโตช่วยดูแลน้องสาว ระหว่างที่ตนเองต้องบินกลับไปภูเก็ต เพื่อดูแลธุรกิจของครอบครัวถิ่นทวีพัฒนา

แต่เปล่าเลย ไม่ทันไรเจ้าภูวนาทก็ขาดการติดต่อ และเชิดเงินในบัญชีหลายล้านบาทหนีหายไปกับคู่รักคนใหม่อย่างน้องโซเฟีย หลังจากที่สื่อเริ่มขุดคุ้ยธุรกิจอาหารเสริมที่เนื้อในเป็นธุรกิจแชร์ลูกโซ่ และสร้างความเสียหายในวงกว้างหลายพันล้านบาท

และสถานการณ์ของน้องลูกขวัญ ก็เริ่มย่ำแย่มากขึ้นไปอีก เมื่อ ป.ป.ช. และ DSI ได้ทำการตรวจสอบสถานะการเงินของนายหัวภูชิตและคุณหญิงอัญชันอย่างละเอียด และพบหลักฐานว่าคุณหญิงอัญชัญ ที่พยายามปลอมแปลงเอกสารเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีมาตลอดหลายสิบปีสมัยที่ยังดำรงตำแหน่งเป็นนายกเทศมนตรีนครภูเก็ต คดีการใช้อำนาจทางราชการในทางมิชอบ และยังไม่รวมถึงการบุกรุกที่ดิน น.ส.3 ก ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตและจังหวัดพังงา

"ฮือ..." แล้วลูกขวัญผู้น่าสงสารก็ปล่อยโฮออกมา กับมรสุมชีวิตครั้งใหญ่ ที่หนักหนาเกินว่าเด็กสาววัย 18 ปี คนนี้จะทานทนไว้ได้อีกต่อไป

.....................................

เช้าวันรุ่งขึ้น

ภาสินีขับรถ Toyota Camry มาที่วิทยาลัยตามปกติ และวันนี้ เธอก็แวะมากินข้าวเช้าที่โรงอาหารเช่นเคย

หมวยน้อยนั่งก้มหน้าก้มตากินข้าวอยู่คนเดียว ท่ามกลางสายตาของเหล่าบรรดานักศึกษาแพทย์และพยาบาล ที่ต่างทราบข่าวคราวผ่านสื่อโทรทัศน์และสื่อสังคมออนไลน์กันเป็นที่เรียบร้อย ถึงการทุจริตของครอบครัวถิ่นทวีพัฒนา

"นั่นไง ลูกขวัญ ลูกสาวนายหัวภูชิตอ่ะ!!!"

"หน้าตาก็ดูน่ารักดีนะ ไม่น่าเชื่อว่าครอบครัวนางจะโกงบ้านโกงเมืองได้ขนาดนี้!!!"

"พี่ชายนางก็ใช่ย่อยนะ ที่ชื่อพี่บอยอ่ะ"

"ใช่พี่บอยที่ขับแลมโบ มาจีบหมอพลอยเราป่ะ?"

"ช่ายยย!!! คนนั้นแหละ ดีแล้วที่หมอพลอยไม่เอา!!!"

"ถึงจะหล่อรวย แต่เจ้าชู้แบบนั้น ผู้หญิงคนไหนยอมคบด้วยก็มีแต่จะช้ำใจว่ะ!!"

"ได้ข่าวว่าพี่บอยก็โดนหมายจับเรื่องคดีแชร์ลูกโซ่นี่แก?"

"เออดิ๊!!! แม่งเลวทั้งบ้านเลยว่ะตระกูลนี้!!! ไม่รู้ว่าลูกขวัญจะเลวเหมือนพ่อแม่หรือพี่ชายหรือเปล่านะ?"

"พ่อแม่เป็นยังไง ลูกก็เป็นแบบนั้นแหละแก เห็นขับรถแคมรี่มาเรียนด้วย รถคันนั้นก็เงินภาษีพวกเราทั้งนั้นแหละ!!!"


กลุ่มนักศึกษาแพทย์และพยาบาลกลุ่มนั้น จงใจซุบซิบนินทาเพื่อให้ภาสินีได้ยิน และรู้สึกอับอายขายขี้หน้า กับการมีพ่อกับแม่และพี่ชายเป็นคนขี้โกง ซึ่งมันก็ได้ผล

หมวยน้อยภูเก็ตหมดอารมณ์ที่จะกินข้าว เลยรีบลุกขึ้นคว้าจานไปเก็บ ก่อนรีบวิ่งหนีไป

"ลูกขวัญ..." ทันใดนั้น น้ำเสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น ลูกขวัญจึงหันหลังกลับไป และพบว่าใครคนนั้นก็คือหมอพลอยนั่นเอง

"สะใจแล้วใช่ไหมคะพี่พลอย" ภาสินีตัดพ้อใส่พลอยพรรณทั้งน้ำตา "ดูซิคะ ว่าสิ่งที่พี่ทำ มันทำให้ชีวิตของหนู ครอบครัวของหนูต้องพังพินาศได้ขนาดไหน!!?? สะใจแล้วใช่ไหมคะพี่พลอย!!??"

"ลูกขวัญ" พลอยพรรณยืนหลับตาตั้งสติ ก่อนที่จะเอ่ยคำพูดออกมา "พี่ไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องมันเป็นแบบนี้เลยนะ แต่ถ้าขวัญจะโทษพี่ฝ่ายเดียว มันก็ไม่ยุติธรรมสำหรับพี่ เพราะคุณพ่อกับพี่ชายของเราเล่นแง่กับพ่อของพี่ ครอบครัวของพี่ก่อน ผลลัพธ์มันเลยออกมาเป็นแบบนี้ แล้วอีกอย่าง..."

ภาสินี แม้จะโกรธเคืองพลอยพรรณยังไง แต่ลึก ๆ ในใจของสาวน้อยคนนี้ ก็รับรู้ว่ามันคือเรื่องจริงทั้งหมด ถ้านายหัวภูชิตกับภูวนาทพี่ชายของเธอ ไม่ไปเล่นแง่ใส่ครอบครัวของหมอพลอยก่อน เรื่องมันก็คงจะไม่บานปลายแบบนี้

"พ่อของเรา พี่ชายของเรา บังคับให้พี่ไม่มีทางเลือกอื่น" หมอพลอยพูดขึ้นมา "ถ้าพี่ยอมแต่งงานกับพี่ชายของเรา พี่ก็คงต้องตกนรกทั้งเป็น"

"เพราะแบบนี้ พี่เลยเลือกที่จะผลักให้หนูเป็นคนตกนรกไปพร้อม ๆ กับครอบครัวของหนูซินะคะ!!!" ภาสินีโต้กลับทั้งน้ำตา "หนูไม่คิดมาก่อนเลยว่าพี่พลอยจะเป็นคนที่เลือดเย็นได้ขนาดนี้!!!"

"ลูกขวัญ..." เจ้าหญิงน้ำแข็งเอ่ยปากเรียกเด็กสาวด้วยใบหน้าเรียบเฉย ราวกับว่าเธอไม่มีความรู้สึกใด ๆ หลงเหลือ "แต่คุณพ่อของเรา ก็ทำแสบกับพ่อของพี่ไว้ไม่น้อยเหมือนกันนะ"

ภาสินีเมินหน้าหนีไปทางอื่น เธอไม่อยากจะมองหน้าคนที่เคยเธอเคารพนับถืออย่างพลอยพรรณอีกต่อไป

"กับพ่อของเรา พี่ชายของเรา พี่ยอมรับนะว่าพี่ไม่พอใจกับการกระทำของทั้งคู่" หมอพลอยสารภาพความจริงจากใจให้ลูกขวัญได้รับคุณ "แต่กับคุณป้าอัญชัน พี่ให้ความเคารพนับถือคุณป้ามาตลอด และพี่ก็รู้ดี ว่าคุณป้าอัญชันก็อยากได้พี่เป็นลูกสะใภ้ของบ้าน แต่พี่คงเป็นให้ไม่ได้"

"เพราะอะไรคะ?" ถึงแม้จะรู้คำตอบมาตั้งแต่แรก ว่าหมอพลอยไม่เคยรักพี่บอย แต่ลูกขวัญก็ยังอยากจะรู้เหตุผลอื่น ๆ จากปากของคนที่เธอเคยนับถือ "หนูอยากรู้ว่าเหตุผลอะไร ที่ทำให้พี่พลอยถึงไม่รักพี่บอยของหนู ทั้ง ๆ ที่หนูพยายาม พยายามทุกทางแล้ว เพื่อให้พี่บอยปรับปรุงตัวเอง เพื่อพี่พลอย?"

"แค่ไม่รัก มันก็มากพอแล้วไม่ใช่เหรอลูกขวัญ?" เจ้าหญิงน้ำแข็งถามกลับ "แล้วเราจะมาคาดคั้นอะไรกับพี่อีกละ? ต่อให้พี่รับรักพี่บอยของเรา มันก็ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างจะจบลงด้วยดีเสมอไปหรอกนะ แล้วอีกอย่างหนึ่ง พี่เกลียดคนประเภทที่ชอบเอารัดเอาเปรียบคนอื่น ชอบทำนาบนหลังคนอื่นที่สุด"

พลอยพรรณจงใจพาดพึงถึงเรื่องคดีแชร์ลูกโซ่ ที่มีผู้เสียหายนับพันหลาย ด้วยฝีมือของภูวนาท ที่ตอนนี้ได้หลบหนีหมายจับไปยังประเทศมาเลเซียพร้อมกับแฟนสาวอย่างโซเฟียเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

"คำตอบแบบนี้" ภาสินีเอ่ยปากพูดขึ้นมา ไม่แน่ใจว่าเธอเอ่ยปากชมหรือประชดประชันกันแน่ "สมกับเป็นพี่พลอยจริง ๆ"

"พี่ว่าเราพอแค่นี้เถอะ" พลอยพรรณตัดบท "ยิ่งเราสองคนพูด ก็ยิ่งมีแต่จะทะเลาะกันเปล่า ๆ"

"หนูก็อยากจะหยุดเหมือนกันค่ะพี่" หมวยน้อยตอบทั้งน้ำตา "แต่ดูเถอะ กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับหนู แล้วหนูควรจะรู้สึกยังไง? พ่อหนูก็ป่วยอยู่ห้อง ICU พี่ชายหนูก็เชิดเงินหนีไปแล้ว แม่หนูก็กำลังแย่ หนูไม่รู้จะทำยังไงอีกแล้ว พี่พลอยช่วยบอกทางสว่างให้หนูหน่อยซิคะ"



ภาสินีถามคำถามกับพลอยพรรณทั้งน้ำตา เพื่อหวังว่าอีกฝ่ายยังมีมิตรไมตรีหลงเหลืออยู่บ้าง

"แล้วถ้าพี่ถามเรากลับบ้างละ? พ่อของเราทำแสบกับพ่อของพี่ไว้ก็ไม่น้อย พี่ควรจะรู้สึกยังไงดีละ? ลูกขวัญ? แต่พี่ก็เลือกที่จะไม่พูดอะไรออกมา" เจ้าหญิงน้ำแข็งตอบอย่างไร้เยื้อไย "เราเองก็เป็นเด็กฉลาดนะลูกขวัญ ลองคิดทบทวนดูให้ดีเถอะ ว่าหลังจากนั้นควรทำยังไง โตได้แล้ว"

กับคำตอบที่ไร้เยื้อไยของพลอยพรรณ ก่อนที่จะเดินจากไป ปล่อยให้ภาสินี ยืนนิ่งน้ำตาซึมอยู่คนเดียว



แต่ก็ไม่นานนัก หลังจากนั้นลูกสาวนายหัวก็วิ่งเข้าไปในห้องน้ำ พร้อมกับปิดประตูยืนร้องไห้อยู่คนเดียว

"ฮืออ...ฮือออ...ฮือออ" ภาสินีตัดพ้อน้อยใจในโชคชะตาของตัวเอง "ทำไมมันต้องเกิดเรื่องแย่ ๆ กับเราด้วย!!! ทำไม!!!"

หมวยน้อยยืนร้องไห้อยู่ในห้องน้ำเพียงลำพัง จนกระทั่งเธอเริ่มรู้สึกดี จึงตัดสินใจเปิดประตูห้องน้ำ หยิบโฟมล้างหน้า เครื่องสำอาง และกระดาษทิชชู่ขึ้นมา เพื่อล้างเครื่องสำอางที่เปรอะเปื้อนจากคราบน้ำตา ก่อนเดินออกไปเพื่อเข้าห้องเรียนในช่วงคาบเช้า ที่เธอสายไปกว่ายี่สิบนาทีแล้ว

โชคดีที่คาบแรกเป็นคาบวิชาภาษาอังกฤษของอาจารย์ภัคจิรา เมื่อภาสินีเปิดประตูห้องเข้าไป หมวยน้อยก็ต้องพบกับสายตาของเพื่อนร่วมคณะ รวมไปถึงสายตาของอาจารย์สาว ที่กำลังสอนหนังสือนักศึกษาอยู่หน้าห้องเรียน

"Sorry, I'm late" (ขอโทษค่ะ หนูมาสาย) ในคลาสภาษาอังกฤษของภัคจิรา นักศึกษาทุกคนต้องใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร "May I come in to the classroom?" (ขออนุญาตเข้าไปในห้องเรียนได้ไหมคะ?)

"Phasini" (ภาสินี) ภัคจิราลดปากกาเมจิกเขียนกระดานไวท์บอร์ด พลางเหลือบมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนเพดาน และพบว่าลูกศิษย์สาวของเธอเข้าห้องสายไปเกือบ 30 นาที ก่อนยิงคำถามใส่ลูกศิษย์สาวด้วยความสงสัย "You're thirty miniutes late, What happen to you?" (เรามาสายไป 30 นาที มันเกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?)

"I got stuck in traffic" (รถติดน่ะคะ) ภาสินีตอบเป็นภาษาอังกฤษ "I'm sorry" (หนูขอโทษ)

"Hmmm,Phasini. Listen to me" (อืมม, ภาสินี, ฟังครูนะคะ) แล้วครูเบสท์ก็ตอบกลับไป "Next time, you should allow for travel time as well, did you do? And You also know how much traffic jams in Bangkok, Right?" (ครั้งต่อไป เราควรเผื่อเวลาในการเดินทางให้ดี, ทำได้ใช่ไหม? เราเองก็รู้นิว่ากรุงเทพรถติดขนาดไหน?)

"I promise you that this kind of thing won't happen again" (หนูสัญญาว่าจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกแล้วค่ะ) หมวยน้อยให้สัญญาว่าจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้อีก

"Fine, I will remembered your words" (ดีค่ะ, ครูจะจำคำพูดเราไว้นะ) ภัคจิราพยักหน้า "Phasini, Come in" (ภาสินี, เข้ามาได้ค่ะ)

แล้วภาสินีก็เดินเข้ามาภายในห้องเรียน เธอสังเกตเห็นสายตาของเพื่อนร่วมคณะที่ต่างหันมามองเธอ แต่ที่น่าเสียใจที่สุด ก็คือเพื่อนคนแรกในชีวิตมหาลัยอย่างศรันยพร ที่ปกติจะนั่งคู่กับเธอ แต่วันนี้กลับเลือกไปนั่งคู่กับเพื่อนร่วมชั้นคนอื่น เพราะเธอเองก็ได้ติดตามข่าวฉาวของครอบครัวถิ่นทวีพัฒนาด้วยเช่นกัน

สุดท้าย หมวยภูเก็ตผู้น่าสงสารเลยต้องนั่งเรียนอยู่คนเดียว ในขณะที่ครูเบสท์กำลังเริ่มสอนหนังสือในบทต่อไป โดยเนื้อหาที่อาจารย์สาวกำลังสอน คือเรื่องของ ฮิปพอคราทีสแห่งกอส (Hippocrates of Kos) นายแพทย์ชาวกรีกในยุคลาสสิค ผู้ได้รับการขนานนามว่าเป็นบิดาแห่งวงการแพทย์ ที่หยั่งรากลึกมาจนถึงยุคปัจจุบัน

"In text book, page 69, line 69, Hippocrates said, If we could give every individual the right amount of nourishment and exercise, not too little and not too much, we would have found the safest way to health, Class, Do you know what it means?"

(ในหนังสือเรียน หน้า 69 บรรทัดที่ 69 ฮิปพอคราทีสกล่าวว่า หากเราสามารถทำให้ทุกคนรับประทานอาหารและออกกำลังกายในปริมาณที่เหมาะสม ไม่น้อยเกินไปและไม่มากจนเกินไป เราจะค้นพบวิธีที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับสุขภาพ ทุกคนรู้ไหมคะว่ากมายถึงอะไร?)

ภาสินีนั่งก้มหน้าก้มตา ขณะที่ภัคจิรากำลังสอนหนังสือ ซึ่งตัวของเธอเองก็สังเกตเห็นถึงความผิดปกติ และเดาได้ว่าตอนนี้ลูกศิษย์ของเธอกำลังเจอกับปัญหาอะไร

เพราะข่าวคราวการทุจริตของครอบครัวถิ่นทวีพัฒนานั้นกำลังโด่งดังไปทั่วประเทศ นายหัวภูชิตล้มหมดสติในห้องน้ำจนต้องเข้าห้อง ICU คุณหญิงอัญชัน ผู้เป็นแม่ก็ถูก ป.ป.ช และ DSI ตรวจสอบคดีทุจริตสมัยที่เธอดำรงตำแหน่งเป็นนายกเทศมนตรีนครภูเก็ต ส่วนพี่ชายตัวแสบอย่างภูวนาท ก็เชิดเงินหลายล้านหลบหนีไปยังมาเลเซียพร้อมกับแฟนสาวอย่างน้องโซเฟีย หลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายจับในคดีแชร์ลูกโซ่

หลังจากหมดคาบเรียน ครูเบสท์ก็บอกเลิกคลาส และเตรียมตัวเก็บข้าวของเพื่อไปสอนในคลาสเรียนต่อไปในส่วนของคณะพยาบาล เธอแอบชำเลืองมองภาสินี ที่กำลังก้มหน้าก้มตาเก็บหนังสือใส่กระเป๋าสะพายอยู่เป็นระยะ



"ครูเบสท์คะ!!! ครูเบสท์!!!" แล้วทันใดนั้น ก็มีลูกศิษย์แพทย์ เข้ามาคุยเรื่องงานกับภัคจิรา ในขณะที่เธอกำลังคิดว่าจะพูดคุยสอบถามกับภาสินีสักหน่อย "พวกหนูขอถามหน่อยซิคะ ว่าสมัยกรีกโบราณ คนส่วนใหญ่มีความเชื่อว่าโรคภัคไข้เจ็บเนี่ย มันเกิดจากการการทำบาป เทพเจ้าเลยลงโทษ แล้วเพราะอะไรเหรอคะ ที่ฮิปพอคราทีสถึงปฎิเสธเรื่องพิธีกรรมทางไสยศาสตร์น่ะคะ?"

"คือยังงี้นะ" อาจารย์ภัคจิรา หรือที่ใครต่อใครเรียกครูเบสท์ เธอเป็นอาจารย์ที่สามารถเล่าเรื่องและสอนหนังสือได้สนุก จนเหล่าบรรดาลูกศิษย์เล่ากันปากต่อปาก และส่วนใหญ่ก็มักได้เกรดดี ๆ จากวิชาของเธอ จนมีคำกล่าวที่ว่า ถ้าใครเรียนวิชาภาษาอังกฤษเพื่อการแพทย์และการพยาบาลก็ดี หรือวิชาจริยธรรมแพทย์และพยาบาลกับอาจารย์ภัคจิรา แล้วได้เกรดต่ำกว่า B+ แสดงว่าคน ๆ นั้นโง่เกินมนุษย์มนา

ด้วยความรักในอาชีพครู เลยทำให้ภัคจิราต้องอธิบายเหตุผลว่าทำไม ฮิปพอคราทีสถึงปฏิเสธความเชื่อด้านไสยศาสตร์ให้กับเหล่าบรรดาลูกศิษย์นักศึกษาแพทย์ของเธอฟัง โดยไม่ทันสังเกตว่าภาสินีกำลังเดินออกจากห้องเรียนไปเพียงลำพังคนเดียว

"น้ำปั่น..." ขณะที่ลูกขวัญกำลังเดินไปที่ลิฟต์ หมวยน้อยเหลือบไปเห็นศรันยพรและกลุ่มเพื่อน ๆ ที่อยู่ในลิฟต์ เธอจึงเรียกให้เพื่อนเปิดประตูลิฟต์รอ แต่เปล่าเลย น้ำปั่นตัดสินใจปิดประตูลิฟต์หนี ทั้ง ๆ ที่ยังพอมีที่ให้ลูกขวัญได้เข้าไป ซึ่งเหตุการณ์นี้ ยิ่งตอกย้ำถึงรอยบาดแผลทางใจของเด็กสาวเป็นอย่างมาก

ครอบครัวของเธอกำลังพบกับมรสุมครั้งใหญ่ แถมเพื่อน ๆ ร่วมคณะแพทย์ต่างบอยคอตเธอ แล้วยังงี้เธอจะเรียนต่อที่นี่ได้อีกอย่างไร ด้วยความน้อยอกน้อยใจ จึงทำให้หมวยน้อยผู้น่าสงสารคิดในสิ่งที่ไม่สมควรคิดขึ้นมา

"ก็ในเมื่อทุกอย่างมันแย่ขนาดนี้แล้ว ก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไมละ!!" ภาสินีตัดพ้อกับตัวเอง ก่อนตัดสินใจทำในสิ่งที่เธอคิดว่ามันน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดในตอนนี้สำหรับตัวของเธอเอง

...........................

ทางฝั่งลุงพล



ลุงพลในชุดเสื้อโปโลสีขาว เดินถือถุงน้ำเต้าหู้และปาท่องโก๋ออกมาจากลิฟต์ เพื่อนำไปเสิร์ฟให้คณะอาจารย์ที่ห้องพักครูคณะแพทย์ศาสตร์ ที่ได้โทรไปสั่งเอาไว้เมื่อช่วงเช้า

"มาแล้วครับอาจารย์ น้ำเต้าหู้ร้อน ๆ อร่อย ๆ ถูกหลักอนามัย"

"ขอบคุณค่ะลุงพล" อาจารย์สาวประจำคณะพยาบาลรายหนึ่งยิ้ม "เท่าไรคะทั้งหมด?"

"ร้อยเดียวครับ" ลุงพลรับแบงค์ร้อยจากอาจารย์สาวคนนั้น ก่อนเดินออกจากห้องพยาบาล แล้วทันใดนั้น เหมือนมีอะไรดลใจให้ลุงพลหันไปมองตรงบันใดหนีไฟ "นั่นใครน่ะ?"

คนขายน้ำเต้าหู้เห็นเด็กสาวในชุดนักศึกษากำลังแอบเดินขึ้นไปบนดาดฟ้าเพียงลำพัง ก่อนที่จะมีเสียงกระซิบดังข้างหู จากคนคุ้นเคยอย่างองค์ตุลาการสวรรค์ขึ้นมา

"ท่านท้าว? อายุขัยของภาสินีกุมารีจักจบสิ้นลงในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้านี้แล้ว แต่ข้ายังปรารถนาในนางได้มีชีวิตอยู่บนโลกมนุษย์ต่อไป เพื่อสะสมกรรมดี ช่วยนางด้วยเถิด เกลอข้า เวลาเหลืออีกไม่มากแล้ว"

"แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่แรกเล่า!!!" ลุงพลพูดขึ้นมา ก่อนรีบวิ่งตามภาสินี ที่ตนเองยังไม่รู้จักดีพอขึ้นไปบนชั้นดาดฟ้า ตามเสียงกระซิบขององค์ตุลาการสวรรค์ ผู้คิดฝ่าฝืนกฎโชคชะตาของเหล่าบรรดาบุตรีของตนเอง เพื่อหวังให้พวกนางได้มีอายุขัยบนโลกมนุษย์ยืนยาวออกไป

...........................


ภาสินี ในชุดนักศึกษาแพทย์ กำลังแอบคณะอาจารย์ เจ้าหน้าที่พยาบาล และเพื่อน ๆ พี่ ๆ ร่วมสถาบัน เพื่อขึ้นไปบนชั้นดาดฟ้าอาคารเรียน หลังจากชีวิตของเธอต้องพานพบกับมรสุมชีวิตครั้งใหญ่ ที่ถาโถมเข้ามาใส่ครอบครัวของเธอจนแทบตั้งตัวไม่ทัน

นายหัวภูชิต ผู้นำครอบครัว อยู่ดี ๆ ล้มป่วยลงด้วยโรคเส้นเลือดในสมองแตก ครอบครัวถิ่นทวีพัฒนาระส่ำอย่างหนักจากการขาดเสาหลัก ส่วนผู้เป็นแม่ คุณนายอัญชัน ก็ถูกทาง ป.ป.ช. และ DSI สั่งตรวจสอบทรัพย์สินในบัญชี หลังจากทราบว่าเธอมีส่วนในการใช้อำนาจในการกว้านซื้ออาคารและสิ่งปลูกสร้างทั้งในจังหวัดภูเก็ต และจังหวัดพังงา พร้อมทั้งแจ้งรายงานการเสียภาษีเท็จ จนทำให้ศาลมีคำสั่งอาญัติเงินในบัญชีของเธอ

ส่วนภูวนาท ลูกชายคนโต อยู่ดี ๆ ก็ตกเป็นข่าวว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจแชร์ลูกโซ่ ที่ร่วมหุ้นทำกับแฟนสาวดีกรีนางแบบอย่างน้องโซเฟีย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายเรียกให้ภูวนาทมาให้ปากคำ แต่ภูวนาทไหวตัวทัน และได้ตัดสินใจหอบเงินจำนวนหนึ่งหลบหนีไปกบดานแถวมาเลเซียพร้อมกับแฟนสาวอย่างน้องโซเฟีย

ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้สาวน้อยอย่างภาสินีถึงกับเสียศูนย์อย่างหนัก จนไม่สามารถรับมือกับมรสุมชีวิตที่เกิดขึ้นต่อไป เมื่อหมดหนทาง หมวยสาวภูเก็ตจึงตัดสินใจที่จะยุติปัญหาทุกอย่างด้วยการ...

"ฮือ..." แม้จะกล้า ๆ กลัว ๆ อยู่บ้าง แต่เมื่อตัดสินใจแล้ว ว่านี่คงเป็นหนทางเดียว ที่จะยุติเรื่องราวทั้งหมดได้ ภาสินี ก็ค่อย ๆ เปิดประตูชั้นดาดฟ้า ที่ปกติมันจะถูกล็อคเพื่อไม่ให้ใครขึ้นมาบนนี้ได้ แต่วันนี้ เหมือนเป็นวันที่ฟ้าเบื้องบนจะเป็นใจ ให้เด็กสาวได้กระทำการที่ไม่สมควร

แต่จะให้ทำอย่างไร ในเมื่อชีวิตมันหมดหนทาง หมวยน้อยจากภูเก็ตหมดทนทาง เธอเหลือเงินติดตัวเพียงไม่กี่พันบาท เสาหลักอย่างนายหัวภูชิตก็ล้มป่วยลง และหมอเองก็ไม่รับประกันว่าพ่อของเธอจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมหรือไม่ ส่วนอัญชันผู้เป็นแม่ ที่พอจะหวังพึงพาได้ ก็ดันอยู่ไกลถึงภูเก็ต เนื่องจากเธอต้องดูแลกิจการอสังหา ห้างร้านต่าง ๆ ภายในจังหวัดภูเก็ต รวมถึงลูกน้องอีกนับพัน

ที่น่าเจ็บใจก็คือพี่ชายตัวแสบอย่างภูวนาท ที่แอบเชิดเงินส่วนกลางไปจนเกือบหมด จนทำให้ภาสินีประสบพบเจอกับปัญหาด้านการเงินอย่างหนัก



"ทำไมชีวิตหนูต้องเป็นแบบนี้ด้วย..." ภาสินีตัดพ้อน้อยใจกับชีวิตตัวเอง "ฮือ...คุณพ่อขา...คุณแม่ขา...ฮือ...หนูขอโทษ!!!"

หมวยน้อยค่อย ๆ ย่างเท้าไปบนดาดฟ้าในช่วงบ่าย จนใกล้จะถึงระเบียง เธอเหลือบมองลงไปด้านล่าง ที่มีเพื่อน ๆ พี่ ๆ นักศึกษาแพทย์และพยาบาลเดินอยู่ริมทางเท้า รวมไปถึงรถยนต์ที่สัญจรไปมาบนถนนเล็ก ๆ ขนาดสองเลนภายในวิทยาลัยพยาบาล

"ฮือ...ฮือ" แล้วลูกขวัญผู้น่าสงสารก็เอื้อมมือปาดน้ำตาที่ไหลอาบบนพวงแก้มแดงระเรือ เพื่อตั้งสติ เธอตัดสินใจแล้วว่านี่คือหนทางที่ดีที่สุด จะมาลังเลไม่ได้ "คุณพ่อขา...คุณแม่ขา...ฮือออ...ถ้าชาติหน้ามีจริง...หนู...หนู...หนูขอเกิดมาเป็นลูกคุณพ่อคุณแม่อีกนะคะ!!!"

ว่าแล้วภาสินีก็ใช้มือยันระเบียงตึก พร้อมกับก้าวเท้าขึ้นมา ในจังหวะนั้นเอง ที่มีนักศึกษาพยาบาลบางคนเหลือบไปเห็นใครบางคนกำลังที่อยู่บนดาดฟ้ากำลังพยายามจะโดดตึก

"ว้ายยย!!! ช่วยด้วยค๊า!!! มีคนจะโดดตึก!!!"

"บนนั้นอ่ะ!!! มีเด็กจะโดดตึก!!! ใครก็ได้รีบขึ้นไปห้ามเร็ว!!!"

ภาสินีที่กำลังละล้าละลังกับการกระโดดตึก เมื่อได้เห็นฝูงชนเบื้องล่างมุงดู และตะโกนห้ามไม่ให้เธอคิดสั้น หมวยน้อยก็เกิดอาการลังเล เพราะเธอก้าวเท้าข้างหนึ่งพ้นขอบระเบียงไปแล้ว

"ฮือออ..." ลูกสาวนายหัวผู้ตกอับร่ำไห้ออกมาอย่างหนัก เพราะในใจลึก ๆ เธอไม่ได้ต้องการแบบนี้ มีใครไม่รักตัวกลัวตายบ้างละ "ฮือออ..."

"นังหนู!!! อย่าทำแบบนั้นนะ!!!" แล้วทันใดนั้น ก็มีชายสูงวัยอายุประมาณหกสิบปีเศษ ในชุดเสื้อยืดแขนสั้นสีขาว กางเกงขาสามส่วนสีดำ รองเท้าแตะสีแดงราคาถูก ๆ ที่หาซื้อได้ตามตลาดนัดทั่วไปปรากฎตัวขึ้นมาหน้าประตูทางขึ้น ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นลุงพล คนขายน้ำเต้าหู้นั่นเอง

"อย่ามายุ่งกับหนูนะ!!!" ภาสินีหันควับกลับไปห้ามชายสูงวัย ที่เธอเคยเห็นหน้าอยู่บ้าง "ลุงจะไปไหนก็ไปเลยไป!!! อย่ามายุ่งกับเรื่องของเด็ก!!!"

"นี่!!!" ลุงพลพยายามตั้งสติ ในวินาทีชี้เป็นชี้ตายของเด็กสาว "หลานจ๊ะ อย่าคิดสั้นแบบนี้เลย รู้ไหมว่าชีวิตคนเรามีค่าแค่ไหน? ถ้าหนูคิดสั้น คนที่จะเสียใจที่สุดก็คือคุณพ่อกับคุณแม่ของหนูนะ"

"แล้วลุงมายุ่งอะไรกับเรื่องของหนูด้วย!!!" ภาสินีตวาดตาเฒ่าจอมแส่คนนั้น "จะไปไหนก็ไปเลยไป!!!"

"อย่าทำแบบนั้นเลยหลาน" อดีตภารโรงเก่าพยายามเกลี้ยกล่อมสาวน้อยวัยขบเผาะ พร้อมกับก้าวเดินอย่างระแวดระวัง เพื่อเตรียมบุกเข้าไปคว้าตัวเด็กสาวคนนั้น "ชีวิตคนเรามีค่า การฆ่าตัวตายมันเป็นบาปนะหลาน"

"มันจะบาปไม่บาป!!!" หมวยน้อยตวาดกลับไปทั้งน้ำตา "มันก็เรื่องของหนู!!! ลุงไม่ต้องมายุ่ง!!! ลุงจะไปไหนก็ไปเลยไป!!!"

แล้วภาสินีก็หันควับกลับไป เพื่อเตรียมยกขาอีกข้างข้ามระเบียง ท่ามกลางเสียงร้องของฝูงไทมุงเบื้องล่างที่กำลังลุ้นระทึกกับวินาทีชีวิตของเด็กสาวผู้คิดสั้น

เมื่อเห็นว่าไม่ได้การ ลุงพลจึงตัดสินใจวิ่งเข้าไปประชิด และคว้าตัวลูกขวัญที่เอาเข้าจริงเธอก็ไม่ได้อยากจะทำแบบนี้ได้ทันท่วงที ท่ามกลางเสียงร้องตกอกตกใจของกลุ่มไทมุงเบื้องล่าง ที่ต่างลุ้นระทึกว่าคุณลุงคนขายน้ำเต้าหู้ จะสามารถช่วยชีวิตเด็กหมอปีหนึ่งคนนั้นได้หรือไม่

"นั่นมันลุงพล ที่ขายน้ำเต้าหู้นี่หว่า!!!"

"ลุงพลไปทำอะไรบนนั้นอ่ะแก!!??"

"ช่างเรื่องนั้นก่อนเถอะ!!! ว้ายย!!! อย่าโดดนะ!!! อย่าโดดนะน้อง!!!"

กลุ่มนักศึกษาแพทย์และพยาบาลต่างส่งเสียงร้องเอาใจช่วยลุงพล ที่พยายามดึงร่างของลูกขวัญออกมาจากระเบียง จนในที่สุด คนขายน้ำเต้าหู้ก็สามารถช่วยชีวิตเด็กสาวไว้ได้สำเร็จ ท่ามกลางเสียงโล่งออกของกลุ่มไทมุงเบื้องล่าง

"ฮือออ!!!! ปล่อยหนู!!!" ลูกขวัญถูกตาเฒ่าที่ไหนก็ไม่รู้มายื้อชีวิตจากพญามัจจุราชได้สำเร็จ ก็โวยวายร้องไห้เสียงดัง "ลุงจะมายุ่งกับชีวิตของหนูทำไม!!! จะไปไหนก็ไปเลยไป!!!"

"ไม่!!! ลุงไม่ปล่อย!!!" ลุงพลโอบกอดร่างของเด็กสาวไว้อย่างแนบแน่น ในบางจังหวะ ตรงเป้ากางเกงของแกก็เผลอไปดุนดันบั้นท้ายนุ่ม ๆ ใต้กระโปรงทรงเอของเด็กสาวโดยไม่ตั้งใจ "จนกว่าลุงจะมั่นใจว่าหลานจะไม่คิดสั้นแบบนี้อีก!!!"

"ปล่อยหนู!!!" ภาสินีที่ตกอยู่ภายใต้อ้อมกอดของลุงขายน้ำเต้าหู้จอมแส่ ยังคงพยายามดิ้น แต่ไม่ว่าจะดิ้นยังไง อีกฝ่ายก็ไม่ยอมปล่อย "บอกให้ปล่อยไง!!!"

"ลุงไม่ปล่อย!!!" มนุษย์ลุงพูดเสียงดังฟังชัด "ให้ตายยังไง!!! ลุงก็ไม่ปล่อยหลานเด็ดขาด!!!"

"แล้วถ้าเบสท์สั่ง" ทันใดนั้น ภัคจิรา ที่นั่งพักอยู่ในห้องพักครู และทราบเรื่องจากนักศึกษาพยาบาลที่รีบวิ่งมาบอกข่าว ก็รีบตามขึ้นมาบนชั้นดาดฟ้าทันที "ลุงจะปล่อยหรือเปล่า!!??"

"ครูเบสท์!!??" เมื่อได้ยินประกาศิตจากภัคจิรา ลุงพลจึงต้องรีบปล่อยร่างของภาสินี ที่ตั้งใจจะวิ่งหนีลงไปชั้นล่าง แต่ถูกอาจารย์สาวคว้าตัวเอาไว้ได้ทัน

 

โปรดติดตามตอนต่อไป...
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน
ฝากติดตามเพจเฟสบุ๊คของผมด้วยนะครับ

https://web.facebook.com/Nato87.The.Storyteller

Ha

ลุงพล ว่านอนสอนง่าย เมื่อเจอคนรูเบส
อย่างน้อยลุงพลก็พอได้ ถู ๆ ไถ ๆ ตอนช่วยชีวิต


Nut1951


เสรี ชัยยา


Eak825987



sdtop1108


Goodlight NightDark

บุญคุณยิ่งใหญ่ต้องตอบแทนนะน้องลูกขวัญ มาลุ้นต่อว่าจะติดใจลีลาของลุงพลขนาดรุ่นพี่ที่ผ่านลุงๆ มาหรือเปล่า





xonly-1786

ขอบคุณมากครับ ลุงพลจะปลอบลูกขวัญด้วยวิธีไหนหนอครับ

freedom-more

เอ้าา พอมีครูเบสมาสั่งด้วยอีกคนหยุดเฉยเลยนะลุงพล ฮ่าาา