ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_nato87

เกมรักภารโรงเฒ่า ปี 2 ตอนที่ 39 : ปลอบโยนลูกสาวนายหัว Part 2

เริ่มโดย nato87, กรกฎาคม 07, 2023, 11:25:35 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

nato87

พูดคุยก่อนอ่าน : มาเลทไปหน่อย...ขอโทษทีครับ

ก็มาถึง Part 2 กันแล้ว Part นี้จะเป็นการบอกเล่าถึงกรรมของน้องลูกขวัญ ว่าเพราะอะไรชีวิตที่ดูหรูหรา สุขสบายของเธอถึงได้พลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังมือได้ถึงขนาดนี้ แต่ก็ไม่ต้องกลัว เพราะพระเอกของเรื่องนี้คือลุงพล ที่พร้อมจะช่วยปัดเป่าความทุกข์ และบำรุงสุขให้กับเหล่าบรรดาสาว ๆ ได้ Happy กันถ้วนหน้า

แล้วก็ ใน Part 2 นี้ อะไรที่ไม่จำเป็นผมก็จะ Skip ไปบ้าง เพื่อความเร็ว (เร็วสุดของผมละครับ เนื้อหามันเยอะ) จะมีบางส่วนที่เชื่อมโยงกับ Spin off ของน้องลูกขวัญที่ผมเคยเขียนไว้เมื่อหลายปีก่อนน่ะครับ กับฉากที่น้องลูกขวัญยอมมอบพรหมจรรย์ใหักับลุงพลด้วยความเต็มใจ ซึ่งในฉาก Spin Off ผมไม่ได้เขียนเอาไว้

https://xonly8.com/index.php?topic=215789.0

ใน Part 3 ทุกคนจะได้เห็นฉากนั้นครับ ยิงยาวกันไปเลยจุใจ


ความเดิมตอนที่แล้ว


https://xonly8.com/index.php?topic=273400.0

หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายบนชั้นดาดฟ้าผ่านพ้นไป ลุงพลและลูกขวัญได้ถูกครูเบสท์เรียกตัวไปคุยที่ห้องประชุม เพื่อสอบถามเหตุการณ์ทั้งหมดว่ามันเกิดอะไรขึ้น

"มันเกิดอะไรขึ้นเหรอคะลูกขวัญ" ภัคจิราเอ่ยปากถามลูกศิษย์สาวที่นั่งก้มหน้าก้มตาด้วยความเป็นห่วง "มีใครทำอะไรเราหรือเปล่า?"

กับคำถามของภัคจิรา เธอที่เธอถามไปแบบนั้น เพราะเธอไม่เชื่อว่าลุงพลจะตั้งใจเข้ามาช่วยลูกศิษย์ของเธอโดยไม่หวังผลอะไร เพราะตอนที่เธอขึ้นมาบนดาดฟ้าครั้งแรก เธอเห็นภาพของลุงพละกำลังโอบกอดเด็กสาวจากทางด้านหลังอย่างแนบแน่นจนน่าสงสัย




"หนูไม่อยากเรียนที่นี่อีกแล้วค่ะครู" ภาสินีเอ่ยปากด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย กับมรสุมชีวิตที่เกิดขึ้น ทำให้เธอหมดใจที่จะเรียนแพทย์ "หนูอยากลาออกค่ะ"

"อย่าทำแบบนั้นเลยหลาน!!!" แล้วลุงพลที่นั่งอยู่เงียบ ๆ ก็พูดขึ้นมา เพราะความเป็นห่วงในอนาคตของเด็กสาวที่ตนเองยังไม่ได้รู้จักดีพอ

"นี่ลุงพล!!!" ภัคจิราทำเสียงดุใส่ "ถ้าเบสท์ยังไม่ได้บอกให้พูด ก็ไม่ต้องพูด!!! เงียบ!!!"

"ขอโทษครับครู" พอเจอประกาศิตจากภัคจิรา ลุงพลถึงกับนั่งหน้าจ๋อย

"ลูกขวัญ ฟังครูนะ" ภัคจิราพยายามเตือนสติลูกศิษย์สาวของเธอ "ครูเองก็พอที่จะรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเรา ครูเข้าใจความรู้สึกของเรานะลูกขวัญ แต่ครูไม่แนะนำให้เราลาออก เราน่ะอุตส่าห์สอบติดแพทย์ ได้เรียนแพทย์แล้ว เริ่มเรียนได้ไม่ทันไรก็จะลาออกแล้วเหรอ?"



"แล้วครูจะให้หนูทำยังไงละคะ?" หมวยน้อยตัดพ้อ "ตอนนี้เพื่อน ๆ ก็บอยคอตหนูแล้ว ทุกคนตราหนาว่าครอบครัวของหนูเป็นคนขี้โกง แล้วครูยังอยากจะให้หนูอยู่ที่นี่อีกเหรอ? หนูไม่เอาด้วยแล้ว!!!"

"ลูกขวัญ" นางฟ้าของเหล่าพยาบาลถอนหายใจ ด้วยความสงสารลูกศิษย์สาวของเธอ "แล้วถ้าเราลาออก เราจะจัดการชีวิตต่อจากนี้ยังไงละ?"

"ระหว่างนี้ หนูก็คงไปเฝ้าไข้คุณพ่อที่โรงพยาบาล ถ้าคุณพ่ออาการดีขึ้นแล้ว คุณแม่เคยบอกว่าจะให้คุณพ่อกลับภูเก็ต หนูเองก็คงจะกลับภูเก็ต ดรอปเรียนสักปี" ภาสินีตอบ "แล้วค่อยหาที่เรียนต่อที่นั่น"

"ครูไม่แนะนำนะ" อาจารย์สาวแสดงความเห็นอย่างตรงไปตรงมา "เราเป็นเด็กเรียนเก่งนะ อุตส่าห์สอบติดแพทย์แล้ว ไม่เสียดายเหรอ? อนาคตของเรายังอีกไกล ถ้าให้ครูแนะนำ ครูคิดว่าเราดรอปเรียนสักเทอม หรืออาจจะสักปี รอให้สถานการณ์ทุกอย่างมันดีขึ้น แล้วค่อยกลับมาเรียนใหม่ดีกว่าไหม?

"หนูจะลองเก็บไปคิดทบทวนอีกทีค่ะ" เพราะลึก ๆ แล้วภาสินีเองก็ไม่ได้อยากจะลาออก ทั้งหมดเป็นแค่ความน้อยใจ แต่พอได้ฟังคำแนะนำจากครูเบสท์ ก็เลยทำให้เธอรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง "หนูเองก็ไม่ได้อยากจะทำลายอนาคตตัวเองด้วยวิธีแบบนี้หรอก แต่หนู...หนู...ฮืออ"

"ไม่เป็นไรลูกขวัญ" ด้วยความสงสารลูกศิษย์สาวต่างคณะ ภัคจิราเลยรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม แล้วรีบเดินเข้าไปนั่งข้าง ๆ และปลอบโยนเด็กสาวที่กำลังร้องไห้ออกมาอีกครั้ง "ไม่เป็นไรนะ ครูยินดีรับฟังปัญหาของเราเสมอ"

ทางฝั่งของลุงพลที่นั่งดูอยู่ ก็อดที่จะยิ้มไม่ได้ ครูเบสท์เป็นผู้หญิงที่งามทั้งกายและใจ แตกต่างจากหมอพลอย ที่มีมุมของความเย็นชาเหินห่าง และไม่ค่อยคิดถึงความรู้สึกของคนอื่นเท่าไรนัก

เหมือนจะรับรู้ได้ว่าเธอกำลังถูกแอบมองอยู่ อาจารย์สาวเลยเหลือบมองลุงพลที่นั่งอยู่ไม่ไกลนักด้วยนัยน์ตาดุ ทำเอาตาเฒ่าขายน้ำเต้าหู้ต้องหลบหน้า เพราะรู้ว่าตัวเองยังมีคดีติดตัวอยู่

"ลุงพล" ภัคจิราเอ่ยปากเรียกอีกฝ่าย "เบสท์ถามลุงหน่อยเถอะ ว่าลุงรู้ได้ยังไงว่าลูกศิษย์เบสท์ขึ้นไปบนดาดฟ้า แล้วลุงมาทำอะไรที่ตึกแพทย์? ลุงควรจะขายน้ำเต้าหู้อยู่ที่โรงอาหารไม่ใช่เหรอ?"

"พอดีมีอาจารย์ที่คณะแพทย์สั่งน้ำเต้าหู้ ผมก็เลยเอามาส่งน่ะครับครู" ลุงพลตอบตามความเป็นจริง "แล้วตอนขากลับ ผมเห็นน้องเค้าเดินขึ้นบันใดหนีไฟไปตัวคนเดียว ผมก็นึกเอะใจ เลยตามไป ก็เลยรู้ว่าน้องเค้ากำลังจะกระโดดตึก ก็เลยรีบเข้าไปห้าม"

"เรื่องจริงหรือเปล่าคะลูกขวัญ?" ด้วยความไม่ไว้ใจตาเฒ่า ครูเบสท์เลยเอ่ยปากถามลูกขวัญ

"ค่ะครู..." ภาสินีตอบ "ลุงคนนี้ช่วยหนูเอาไว้"

"งั้นเหรอ?" ถึงเด็กสาวจะตอบแบบนั้น แต่ภัคจิราก็ยังไม่ค่อยปักใจเชื่อ เพราะรู้ดีว่าตาเฒ่าคนนี้ร้ายกาจมากเพียงใด เพียงแต่ ณ ขณะนี้ เธอไม่สามารถออกปากเตือนลูกศิษย์ของเธอได้ "เราไม่ได้ถูกบังคับให้พูดใช่ไหมลูกขวัญ?"

"ครูเบสท์กำลังพูดเรื่องอะไรอยู่เหรอคะ?" ภาสินีถึงกับร่นคิ้วด้วยความสงสัย พลางหันไปมองลุงพลและครูเบสท์ ราวกับสงสัยว่าสองคนนี้มีประเด็นความขัดแย้งอะไรกันอยู่หรือเปล่า "ลุงคนนี้มาช่วยหนูเอาไว้จริง ๆ ก็อยากที่ครูเห็น ถ้าไม่ได้ลุงคนนี้มาช่วย หนูก็คงไม่อยู่จนถึงตอนนี้หรอกค่ะ"

"เห็นไหมครับครู" แล้วลุงพลก็ได้ทียืดอกด้วยความภูมิใจ เพราะลูกขวัญนั้นยังไม่ทันเล่ห์เหลี่ยม ยังไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของตนเองดีพอ "หลานเค้าก็บอกแล้ว ครูเบสท์ต้องเชื่อใจผมบ้างนะครับ อย่าคิดว่าผมเป็นคนไม่ดีซิ ผมอายุปูนนี้แล้ว เด็ก ๆ นักศึกษาที่นี่ ผมก็มองเหมือนลูก ๆ หลาน ๆ ของผมทุกคน"

"เหรอ?" ภัคจิราร่นคิ้วใส่ลุงพลด้วยความหมั่นไส้ คนบ้าอะไรจะหน้าด้านได้ขนาดนี้ "ขอบคุณนะคะ ที่ช่วยชีวิตลูกศิษย์ของเบสท์เอาไว้"

ถึงปากจะพูดคำว่าขอบคุณ แต่น้ำเสียงของภัคจิราแฝงไว้ด้วยความหมั่นไส้ในความเสแสร้งของลุงพล และคิดว่าอย่าให้พลาดนะ ไม่งั้นเราเจอดีแน่

หลังจากนั้น การสนทนาของทั้งสามคนก็ดำเนินต่อไป ก่อนที่ภัคจิราจะพาภานิสีไปนอนพักที่ห้องพยาบาล แต่ลูกศิษย์สาวของเธอปฎิเสธ โดยให้เหตุผลว่าเธอไม่อยากเจอหน้าใครบางคนที่นั่น ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นพลอยพรรณนั่นเอง

"หนูขอกลับบ้านเลยดีกว่าค่ะครู" ภาสินีปฏิเสธ "หนูไม่อยากไปที่ห้องพยาบาล"

"อ่าว?" ภัคจิราร่นคิ้วด้วยความสงสัย แต่ด้วยข่าวสารที่เกิดขึ้น และด้วยไหวพริบ ก็เลยทำให้อาจารย์สาวพอเดาออกว่า ตอนนี้บ้านของหมอพลอยกับลูกขวัญ กำลังมีประเด็นความขัดแย้งกันอยู่ "มันเกิดอะไรขึ้นเหรอจ๊ะลูกขวัญ? เกี่ยวกับหมอพลอยใช่ไหม?"

"ค่ะ..." หมวยน้อยพยักหน้า "หนูไม่อยากเจอหน้าหมอพลอยอีกแล้ว และหนูก็คิดว่าหมอพลอยเองก็ไม่อยากเจอหน้าหนู ให้หนูขับรถกลับบ้านเถอะค่ะ"

"เราขับกลับไหวแน่เหรอ?" ด้วยความเป็นห่วง ครูเบสท์จึงเอ่ยปากถามลูกศิษย์สาว

"ไหวค่ะ" ภาสินีตอบ "หนูรู้สึกดีขึ้นแล้ว หนูต้องกราบขอบคุณคุณครูมากเลยนะคะ ที่ช่วยดึงสติหนูไว้"

"ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ" ภัคจิราพยักหน้ารับไหว้จากลูกศิษย์ร่างเล็กของเธอ "ขับรถกลับบ้านดี ๆ ละเรา เดี๋ยวถ้ายังไง ครูจะติดต่อไปที่คณะแพทย์ว่า วันนี้เราขอลาป่วยนะ กลับไป ก็ลองทบทวนสิ่งที่ครูพูดเอาไว้นะ ครูไม่แนะนำให้เราลาออกจากที่นี่จริง ๆ ก็กลับไปพักผ่อน กลับไปตั้งสติใหม่ ถ้าไม่ไหวจริง ๆ ก็ค่อยดรอป แล้วกลับมาเรียนใหม่ก็ได้นะ"

"ค่ะครู" ภาสินีรู้สึกดีขึ้นมาก กับการที่ได้คำแนะนำจากภัคจิรา ที่แม้จะอยู่ต่างคณะ แต่ก็แสดงความจริงใจและให้คำแนะนำดี ๆ แก่เธอมากมาย "ขอบคุณมากค่ะ"

หลังจากนั้น ครูเบสท์ก็เดินพาลูกขวัญมาส่งที่ลานจอดรถ ส่วนลุงพล ตอนแรกก็ตั้งใจว่าจะตามสองสาวมาด้วย แต่เพราะเป็นห่วงร้านน้ำเต้าหู้ ที่ไม่มีคนเฝ้า ก็เลยจำใจต้องขอตัวรีบกลับไปดู ซึ่งครูเบสท์ก็รู้สึกยินดี ที่ตาลุงคนนี้ไปไกล ๆ ได้สักที

...........................

หลายวันต่อมา

หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น ลุงพลก็กลับไปใช้ชีวิตตามปกติ แต่ครูเบสท์ก็ไม่ได้มองลุงพลในทางที่ดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย ยังคงตั้งแง่ใส่ลุงพลเหมือนเช่นเคย ซึ่งตัวของตาเฒ่าเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพื่อให้ครูเบสท์ใจอ่อนสักที ก็เลยทำได้แค่ปลงตก

จนกระทั่งค่ำคืนหนึ่ง ลุงพลได้ฝันถึงเหตุการณ์เมื่อครั้นอดีตชาติ ที่องค์ตุลาการสรรค์ได้นิมิตรให้เกลอเก่าของตนได้เห็นกรรมของภาสินีกุมารี ที่ต้องลงมาจุติบนโลกมนุษย์เพื่อชดใช้กรรม

"ภาสินีกุมารี ลูกได้แนะนำให้พลอยพรรณราย ผู้เป็นพระเชษฐภคินีของลูก ให้ไปกล่อมท่านท้าวชุมพลศักดาเพื่อพิสูจน์รักแท้ใช่หรือไม่?"

"ลูกแค่เอื้อนเอ่ยวาจากหยอกเย้าพี่ท่านพลอยพรรณรายตามประสา หาได้คิดจริงจังแต่ประการใด" ภาสินีกุมารีนั่งพับเพียบต่อหน้าองค์ตุลาการวรรค์ผู้เป็นบิดาที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ "หากแต่พี่ท่านพลอยพรรณรายนั้นคิดจริงจัง ด้วยเหตุเพื่อหวังพิสูจน์เสน่หาที่ท่านท้าวมีชื่อนั้นมอบให้ จึงได้เกิดเรื่องวุ่นวายอย่างที่พ่อท่านได้รับทราบนั่นแหละเพคะ"

"เฮ้อ..." องค์ตุลาการสวรรค์ถอนหายใจ "ไม่น่าเลย...ไม่น่าเลยจริง ๆ"

"เพคะ..." ภาสินีกุมารีก้มหน้าด้วยความเศร้าสร้อย "ลูกไม่คาดคิดเลยว่า คำพูดหยอกเย้าที่ลูกได้เอื้อนเอ่ยวาจากับท่านพี่พลอยพรรณราย จะกลายเป็นต้นเหตุให้เกิดเหตุวุ่นวายได้ถึงเพียงนี้ ลูกไม่มีข้อแก้ตัวใด ๆ กับความผิดที่เกิดขึ้น หากท่านพ่อปรารถนาจะลงทัณฑ์ลูกให้สาสมแล้วไซร้ ลูกก็จักไม่คิดดื้อดึงขัดขืนแต่ประการใด"

ภาสินีกุมารีในอดีตชาติ หรือภาสินีในชาติภพปัจจุบัน โดยเนื้อแท้แล้ว เธอคือเด็กสาวจิตใจดี ไม่ได้มีพิษมีภัยกับใคร กับผลกรรมที่เกิดขึ้นในอดีตชาติ นั้นเกิดจากคำพูดหยอกล้อกันเล่น ๆ ระหว่างพี่น้อง ไม่ได้คิดจริงจังแต่ประการใด เพียงแต่ตัวพลอยพรรณรายนั้นกลับคิด และกระทำตามแผนการที่ภาสินีกุมารี ผู้เป็นพระขนิษฐาองค์เล็กของตนได้กล่าวเอาไว้อย่างจริงจัง จนเกิดเหตุวุ่นวายไปทั่วสวรรค์

"ภาสินีกุมารี พ่อได้สั่งลงทัณฑ์พี่ ๆ ของลูกทั้ง 11 องค์ ให้ลงไปจุติบนโลกมนุษย์เพื่อชดใช้กรรมที่ตนได้ก่อเอาไว้ ในฐานะที่พ่อเป็นองค์ตุลาการสวรรค์ กฎย่อมเป็นกฎ แต่พ่อก็คือพ่อ พ่อปรารถนาว่าพวกพี่ ๆ ของเจ้าทั้งหมดที่ลงไปจุติบนโลกมนุษย์ จะก่อกรรมดีเพื่อสะสมบุญบารมี ด้วยเหตุเพราะชาวเทพเทวาอย่างพวกเรามิอาจสะสมบุญบารมีในชาติภพนี้ได้ พ่อจักส่งลูกไปเกิดบนโลกมนุษย์ติดตามพี่ ๆ ของลูกที่เหลือไปด้วย มิทราบว่าลูกรักของพ่อคิดเห็นประการใด"



"ตามแต่พ่อท่านจะเห็นสมควรเพคะ" ภาสินีกุมารีก้มกราบแทบพระบาทขององค์ตุลาการสวรรค์ด้วยความรู้สึกผิดและสำนึกในบุญคุณของผู้เป็นพ่อ

"ดี..." องค์ตุลาการสวรรค์โน้มตัวลงไปลูบพระเกศาของบุตรีองค์เล็กสุด "ภาสินีกุมารีลูกรัก พ่อจักให้ลูกลงไปจุติบนโลกมนุษย์เพื่อชดใช้กรรมที่ลูกก่อบนสวรรค์ ลูกจักได้เกิดเป็นบุตรีผู้มีบุญวาสนาบนโลกมนุษย์ แต่ขอให้ลูกตระหนักเอาไว้ว่า ไม่ว่าเทพเทวา มนุษย์ หรือปีศาจตนใดจะหนีกรรมของตนได้ ขอให้ลูกก่อกรรมดีเพื่อสะสมบุญบารมี เมื่อหมดอายุขัยบนโลกมนุษย์แล้วไซร์ ลูกจักกลับมาเกิดเป็นเทพธิดาองค์น้อยของพ่ออีกครา"

"เพคะท่านพ่อ..." บุตรีองค์เล็กขององค์ตุลาการสวรรค์เอื้อนเอ่ยทั้งน้ำตา "ลูกขอกราบทูลลา หากหมดบุญวาสนาบนโลกมนุษย์ แล้วได้กลับคืนสู่แดนสวรรค์ ลูกจักขึ้นมากราบแทบเท้าท่านบนสรวลสวรรค์อีกครา"

ลุงพลที่ยืนดู ก็เริ่มประติดประต่อเหตุการณ์ทั้งหมด ก่อนเกิดคำถามในใจว่า เพราะอะไร องค์ตุลาการสวรรค์จึงขอให้ตนรีบไปช่วยน้องลูกขวัญที่กำลังจะคิดสั้น

"ข้าคิดไว้แล้วว่าท่านต้องสงสัย" แล้วทันใดนั้น องค์ตุลาการสวรรค์ก็ปรากฏตัวขึ้นมาต่อหน้าลุงพล "ขอโทษด้วยที่ทำให้ท่านต้องวุ่นวาย เกลอข้า"

"วุ่นวาย? วุ่นวายไม่น้อยเลยแหละท่านท้าว" คนขายน้ำเต้าหู้ตอบ "ที่ท่านบอกว่าน้องลูกขวัญจะหมดอายุขัย ท่านก็เลยให้ผมไปช่วย มันเป็นเพราะอะไรเหรอท่าน?"

"ในอดีตชาติของภาสินีกุมารี นางได้ก่อวจีกรรม ด้วยการปลุกปั่น ยุแยงพี่สาวของนางอย่างพลอยพรรณราย ให้วางแผนหลอกใช้ท่านเมื่อครั้นในอดีตชาติ จนเป็นเหตุให้เกิดความวุ่นวายไปทั่วแดนสวรรค์ เพราะเหตุนี้ ชะตากรรมของนางในชาติภพมนุษย์ จึงต้องพบกับความพลิกผันครั้งใหญ่ในชีวิตของนาง อันเป็นผลกรรมที่นางก่อ ไม่ว่าจะด้วยความตั้งใจหรือไม่"

"อ้อ!!! อย่างนี้นี่เอง!!!" มนุษย์ลุงพยักหน้า "เพราะน้องลูกขวัญสมัยอดีตชาติ ไปพูดหยอกล้อหมอพลอยเล่น ๆ เรื่องผม แล้วหมอพลอยก็ดันทำจริง เพราะฉะนั้นในชาติภพมนุษย์ นางก็เลยต้องโดนโชคชะตาเล่นตลกกับนางบ้างซินะครับ!!!"

"ถูกต้อง!!!" องค์ตุลาการสวรรค์ยิ้ม "สติปัญญาของท่านเอกอุสมกับเป็นอดีตจอมทัพสวรรค์ เกลอข้า อายุขัยของภาสินีกุมารีนั้นแสนสั้น สั้นยิ่งกว่าภัคจิราวดีพี่สาวองค์รองของนางเสียอีก นางจักต้องจบชีวิตลงด้วยวัยเพียง 18 ปี จากการกระโดดตึกฆ่าตัวตาย ท่านท้าว?"

"ครับ?" ลุงพลร่นคิ้วด้วยความสงสัย ว่าองค์ตุลาการสวรรค์กำลังจะพูดอะไรต่อ

"ท่านเองก็พอรู้ใช่ไหม? ว่าการฆ่าตัวตาย หรือการกระทำอัตวินิบาตกรรมนั้น เป็นบาปมหันต์เพียงใด" ผู้เป็นใหญ่บนสรวลสวรรค์เอ่ยปากถามเกลอเก่าเมื่อครั้นอดีตชาติ

"ก็..." ลุงพลนึกถึงคำสอนของพระอาจารย์สมัยบวชพระตอนอยู่สระบุรี "กรรมที่เกิดจากการฆ่าตัวตาย จะทำให้คน ๆ นั้นต้องฆ่าตัวตายซ้ำ ๆ กันถึง 500 ชาติ ใช่ไหมครับ?"

"ใช่" องค์ตุลาการสวรรค์พยักหน้า ก่อนที่เลือดกำเดาจะซึมออกมาจากจมูก "ในฐานะพ่อ ข้าจักไม่ยอมให้บุตรีของข้าต้องประสบพบเจอกับวิบากกรรมอันแสนสาหัสเยี่ยงนั้น ข้ายอมไม่ได้ เพราะฉะนั้นข้าจึงขอร้องให้ท่านช่วย เกลอข้า"

"ท่านท้าว?" แล้วลุงพลก็เอ่ยปากถาม "เลือดกำเดา? เลือดท่านออกมาทางจมูกน่ะ?"

"อ้อ!!" ผู้เป็นใหญ่บนสรวลสวรรค์เอื้อมมือแตะเลือดที่ไหลออกมาจากจมูก "นี่ก็คือกรรมของข้าด้วยเช่นกันท่านท้าว เพราะข้าเปลี่ยนแปลงกงล้อแห่งโชคชะตาบุตรีทั้ง 12 องค์ ของข้า ข้าเองก็ต้องชดใช้กรรมเช่นกัน ท่านท้าว?"

"ครับ?" มนุษย์ลุงมององค์ตุลาการสวรรค์ด้วยความเป็นห่วง เพราะไม่คิดว่าเทวดาระดับนี้จะต้องเผชิญหน้ากับวิบากกรรมของตนด้วย

"หากพลอยพรรณรายนั้นหยิ่งผยองเกินไป หรือภัคจิราวดีดื้อดึง ยึดมั่นถือมั่นเกินไป" องค์ตุลาการสวรรค์ยิ้มที่มุมปาก "ภาสินีกุมารี ก็เป็นตัวเลือกที่ดีของท่าน ท่านท้าว จนถึงตอนนี้ ก็ยังพอมีเวลาที่ท่านจักหยุดกรรมของตัวท่านได้เองนะ"

"ขอผมคิดดูก่อนก็แล้วกัน" ลุงพลเกิดอาการลังเล ด้วยความรักพี่แต่ก็เสียดายน้อง "ถ้าผมมั่นใจว่าสาว ๆ ทุกคนจะอยู่รอดปลอดภัย มีชีวิตที่ยืนยาวและสุขสบาย ไม่แน่เหมือนกันว่าผมอาจจะยอมหยุดก็ได้ครับ"

"นั่นเป็นคำตอบจากใจจริงของท่านแน่รึ?" องค์ตุลาการสวรรค์เหมือนกับไม่เชื่อคำพูดของอดีตท้าวชุมพลศักดา "ข้าจักรอดูก็แล้วกัน"

นั่นเป็นการสนทนากันครั้งล่าสุดระหว่างองค์ตุลาการสวรรค์และลุงพล ก่อนที่อีกฝ่ายจะตื่นขึ้นมาในช่วงกลางดึก และหลังจากนั้นก็ไม่ได้ฝันเห็นนิมิตรเมื่อครั้นอดีตชาติอีกเลย

ตัดมาที่ปัจจุบัน ภาสินีไม่ได้มาเรียนติดต่อกันหลายวัน ซึ่งคาดว่าเธอน่าจะดรอปเรียน เพื่อกลับไปฟื้นฟูสภาพจิตใจตามคำแนะนำของอาจารย์ภัคจิรา ส่วนลุงพลยังคงเปิดร้านน้ำเต้าหู้ตามปกติ จนกระทั่งในเช้าวันหนึ่ง

"น้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋ทีนึงค่ะ" ภาสินี ในชุดนักศึกษาปรากฏตัวขึ้นมากลางโรงอาหาร และเธอได้เดินมาสั่งน้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋กับร้านของลุงพล

"อ่าว!!??" เมื่อได้เจอหน้าเด็กสาว ลุงพลก็ถึงกับยิ้มแป้นด้วยความยินดี "กลับมาเรียนแล้วเหรอจ๊ะหลาน?"

"ยังไงดีละ?" หมวยน้อยทำหน้าครุ่นคิด และเรียบเรียงคำพูดในหัว "หนูจะมาลาออกน่ะคะ"

"ทำไมเหรอ?" พอได้ยินแบบนี้ คนขายน้ำเต้าหู้ก็ร่นคิ้วด้วยความผิดหวัง "นี่ตกลงหลานจะลาออกจริง ๆ เหรอ?"

"ก็เพื่อน ๆ ที่วิทยาลัยบอยคอตหนูกันหมดแล้ว" ภาสินีตัดพ้อ "ครูแต่ละคนก็มองหน้าหนูด้วยสายตาแปลก ๆ จะมีก็แค่ครูเบสท์คนเดียวที่พอเข้าใจหนู หนูก็ไม่รู้จะเรียนไปทำไม ก็เลยคิดว่าจะลาออก ระหว่างนี้หนูก็จะไปเฝ้าดูแลคุณพ่อ เอาไว้ถ้าคุณพ่อหนูหายดี สถานการณ์อะไร ๆ ดีขึ้น หนูคงจะหาที่เรียนใหม่ แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะเป็นที่นี่หรือที่ใต้น่ะคะลุง"



"เฮ้อ!!!" ลุงพลถึงกับถอนหายใจ ด้วยความสงสารในโชคชะตาของเด็กสาว "เอาละ ๆ เดี๋ยวค่อยคุยเรื่องนี้ ให้ลุงเตรียมน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋ให้เราก่อนนะ"

 

โปรดติดตามตอนต่อไป...
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน
ฝากติดตามเพจเฟสบุ๊คของผมด้วยนะครับ

https://web.facebook.com/Nato87.The.Storyteller

ktbb1966

ภาสิณีมีปัญหาใส่ชุดนักศึกษามาหาลุงพล ลุงพลแก้ปัญหาได้ทุกเรื่อง


pipopnanat

 ::Glad::น่าเสียดายที่ลาออก  ดรอปไว้ก่อนก้อดีครับ  ไม่เสียเวลาชีวิต

pongsap


ผู้เฒ่าเซราะกราว

เกือบไปแล้วลุงพล ดีว่าลูกขวัญยืนยันความบริสุทธิ์ให้

Ha

ลุงพลปูทางไว้อย่างนี้ น้องคงไม่รอดแน่ ๆ เป็นเมียลุงพลอีกคน  แต่จะได้เป็นแบบไหน่ต้องติดตามชม


Narakja Naka


ROCKS MAZAWA





Popeye5555