ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_cyborg0011

ความอัดอั้น ตอนที่ ๔ ผลงานของท่าน miki

เริ่มโดย cyborg0011, ตุลาคม 02, 2023, 09:58:16 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

cyborg0011

ความอัดอั้น ผลงานของท่าน miki




ความอัดอั้น 4


บรรยากาศในบ้านอึมครึม ผมกับแม่นั่งทานมื้อเที่ยงอยู่ที่โต๊ะอาหารกันเงียบๆ เหลือบตามองดูแม่ที่นั่งทานข้าวอยู่ ก็เห็นแม่นั่งก้มหน้าทานข้าว แต่แววตาเต็มไปด้วยความกังวล ทำให้ผมอึดอัดแทบบ้า เพราะตั้งแต่ไปโรงพยาบาล และให้หมอตรวจ ทั้งๆที่ผมไปด้วย แต่แม่ยังไม่ได้บอกผมเลย ว่าแม่เป็นอะไร? กลับมา...แม่ก็นั่งอยู่คนเดียวเงียบๆมาตลอด จนผมไม่กล้าเอ่ยปากพูดหรือถามอะไร? จนถึงตอนเที่ยง แม่ก็เดินไปทำอาหาร และเรียกให้ผมมานั่งทานข้าว โดยที่ไม่ได้พูดอะไรอีก ผมไม่รู้ว่าแม่คิดอะไรอยู่ แต่ท่าทีของแม่ที่แสดงอยู่ในตอนนี้ มันบอกอะไรบางอย่าง ที่ทำให้ผมไม่ค่อยจะรู้สึกดีเลย
ในที่สุดแม่ก็เหมือนจะคิดได้และเงยหน้าขึ้น

"เอ่อ...แม่... แม่ครับ ตกลง เอ่อ..ตกลงว่ายังไงครับ?" ผมตะกุกตะกักเอ่ยปากถาม แม่หันมายิ้มให้ ทิ้งแววตาที่เต็มไปด้วยความกลัดกลุ้มออกไป กลับมาเป็นแม่คนเดิม
"อืมม..." แม่มองหน้าผม พลางเอียงหน้าคิดก่อนพูด ถึงแม้จะเสียงสั่นเครือ แต่ก็พยายามทำให้ร่าเริง "...แม่จะบอกยังไงดีล่ะ?"
"บอกตรงๆเลยครับ..." ผมรีบพูดทันที "...หมอว่ายังไง"
"อืมม..." แม่ผมนิ่งคิดอีกสักพัก ก่อนจะหันมายิ้มให้ผม หางตามีหยาดน้ำพราวสุกใส แม่รีบป้ายหยดน้ำตาทิ้ง "...ก็ถ้าให้แม่พูดตรงๆนะ ก็ต้องบอกว่า...บอกว่าขอแสดงความยินดีกับเอกด้วยจ้ะ เอกเลื่อนฐานะแล้วนะ จากลูกของแม่ มาเป็นพ่อของลูกในท้องแม่แล้ว"

ผมใจหายวูบลงไปอยู่ปลายเท้า หน้าซีดเผือด ถึงจะเป็นเด็ก แต่ผมก็ไม่โง่เกินกว่าที่จะรู้ว่ามันหมายความว่าอะไร?
"ปะ..เป็น ...เป็นไปได้ยังไง?" ผมพึมพำโง่ๆออกมา
ทั้งๆที่บรรยากาศเคร่งเครียด แต่เมื่อได้ยิน แม่ก็อดยิ้มให้กับผมไม่ได้
"ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ล่ะเอก?..." แม่พูดพลางเผยอยิ้มออกมา เหมือนตัดใจได้ และคงขำกับสีหน้าของผม "...เราน่ะ เคยบันยะบันยังกับแม่ที่ไหนกัน มีอยู่เท่าไหร่ๆ ก็ปล่อยออกมาหมด แล้วทำไมมันจะเป็นไม่ได้ล่ะ?"
"ผม เอ่อ...ผม... ก้อ..." ผมตะกุกตะกัก ไม่รู้จะตอบว่ายังไง ยังหน้าซีด และไม่ได้ตลกกับมุขของแม่แม้แต่นิดเดียว
"เอกกังวลอะไรเหรอ? แม่สิน่าจะกังวลมากกว่า" แม่พูดเบาๆ พลางยิ้มเล็กน้อย
"แล้วแม่ไม่กลัวเหรอครับ?" ผมรีบถาม งงว่าทำไมแม่ถึงไม่โวยวาย หรือตีโพยตีพายแบบในหนัง

"กลัวอะไรล่ะ?" แม่ถามกลับ
"ก้อ..." ผมลังเล "...เอ่อ ...ก็ใครๆก้อรู้ว่าแม่อยู่คนเดียว แล้วทำไมเอ่อ...?"
"ทำไมถึงได้จะมีน้องน่ะเหรอ?" แม่สวนคำพูดผมมา ผมพยักหน้า
"แม่ก็ไม่รู้จะตอบคำถามนี้ยังไงเหมือนกันนะ แต่ถ้าถามว่ากลัวหรือเปล่า?..." แม่ยิ้มเล็กน้อย "...ตอบตรงๆเลยว่าแม่ไม่กลัวหรอก เอก ...เมื่อเราทำอะไรซักอย่าง เราก็ต้องยอมรับผลของมันได้ มันไม่ได้ผิดปกติ หรือผิดธรรมชาติอะไรเลย เอกล่ะกลัวหรือเปล่า?" แม่ย้อนถาม ผมอึกอัก
"ผมไม่กลัวหรอกนะครับ แต่กลัวแทนแม่น่ะ แล้วจะบอกคนอื่น โดยเฉพาะครูที่โรงเรียนว่ายังไงกัน ผมว่า..." ผมลังเล มองหน้าแม่ ซึ่งกำลังฟังอยู่ ก่อนจะตัดใจพูด "...ผมว่าเราเอาเด็กออก จะดีหรือเปล่าครับ? จะได้ตัดปัญหาไปซะ"

แม่นิ่งคิดสักพัก ก่อนจะหันมายิ้มให้พลางตอบ "ตอนแรกที่หมอบอก..." แม่ค่อยๆเล่า "...วูบแรก แม่ก็คิดจะทำแท้งนะ เพราะถ้าปล่อยไว้ มันก็คงจะเป็นปัญหาใหญ่อย่างที่เอกคิดนั่นแหล่ะ แต่ถ้าแม่ทำอย่างนั้น มันจะยิ่งมีบาปติดตัวมากขึ้นไปอีก เอกเข้าใจหรือเปล่า? เด็กไม่ผิดเลย เขามาเกิดตามธรรมชาติ เราสร้างเขาขึ้นมา แล้วเราจะทำลายเขาไปง่ายๆ อย่างนั้นได้ยังไงกัน? แล้วอีกอย่าง..เราทำอะไรลงไป เราก็ต้องยอมรับผลของมันสิ ไม่ใช่ว่าจะปัดเรื่องด้วยวิธีง่ายๆแบบนั้น แม่ทำใจไม่ได้หรอก ถึงเอกก็เถอะ แม่ไม่เชื่อว่าเอกจะคิดอย่างที่พูดหรอก แต่ที่พูดก็เพราะตกใจกลัวมากกว่า ถ้าเอกมีเวลาคิดมากกว่านี้ เอกก็คงไม่พูดอย่างเมื่อกี้นี้หรอก"
ผมนิ่งคิดตามคำพูดแม่ น้ำตาซึม ถึงจะกลัวเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นแค่ไหน แต่คำพูดของแม่ก็แสดงถึงความรับผิดชอบทุกอย่าง แล้วผมล่ะ...

"แล้วจะบอกคนอื่นยังไงล่ะครับ" ผมถามเบาๆ แม่ยิ้มและพูดเหมือนมีคำตอบในใจแล้ว
"ก็ไม่เห็นจะต้องบอกอะไรนี่ ถ้าเราเลือกอย่างนึง เราก็ต้องยอมเสียอีกอย่างนึงซะ ก็แค่นั้นเอง"
คำตอบนั้นทำให้ผมงง
"แม่จะไปลาออกจากที่โรงเรียน..." แม่พูดพลางคิด "...เรามีเงินเก็บกันอยู่บ้าง แม่ว่าจะชวนเอกย้ายไปอยู่เชียงใหม่กัน ซักปีนึง ไปเปิดร้านขายของเล็กๆกันสักพัก"
คำพูดนั้นทำให้ผมงง เรื่องลาออกของแม่ก็อยู่ในความคิดคร่าวๆไว้แล้ว แต่จะไปต่างจังหวัดทำไมกัน แม่ยิ้มเพราะเห็นผมทำหน้างง
"เดี๋ยวเราค่อยคุยกันเรื่องนี้ เอกทานเสร็จหรือยัง? แม่จะได้เก็บจาน เดี๋ยวเราไปนั่งคุยกันที่ห้องรับแขกเถอะ มีหลายเรื่องที่เราต้องคุยรายละเอียดกันล่ะ" แม่เอ่ยปาก ผมรีบขยับตัวทันที
"ผมอิ่มแล้วครับ มาๆๆ เดี๋ยวผมช่วยเก็บเอง แม่ไปรอที่ห้องรับแขกก่อนเถอะครับ"
พูดจบ ผมก็รีบขยับตัวเก็บจานชามบนโต๊ะไปที่ครัว แล้วล้างจานชามเก็บทันที โดยที่แม่ยืนมองอมยิ้มอยู่ ก่อนจะเดินไปห้องรับแขก...

..................................................................

"แม่มีอะไรเหรอครับ?" ผมเอ่ยปากถาม หลังจากนั่งลงบนโซฟาในห้องรับแขก แม่นั่งรออยู่บนโซฟายาวแล้ว
"อย่างแรกเลยนะเอก..." แม่ขยับตัวมานั่งข้างๆ พลางพูดเหมือนเตรียมไว้แล้ว "...เราคงต้องช่วยกันประหยัด เพราะแม่ก็ยังไม่รู้ว่าถ้าเปลี่ยนอาชีพแล้ว มันจะไปได้ดีแค่ไหน? เอกรับได้มั๊ย?"
"ได้ครับ ผมจะลดรายจ่ายทั้งหมดเองครับ" ผมตอบแบบแทบไม่ต้องคิด เรื่องแค่นี้เอง
"อย่างที่สอง เมื่อกี้นี้ที่แม่บอก ว่าเราคงต้องไปเชียงใหม่กันอย่างน้อยปีนึง ก็เพราะว่า..." แม่นิ่งคิด "...เพราะว่าตั้งแต่นี้ไป แม่ก็คงจะท้องใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเราไม่อยากตอบคำถามของคนรู้จัก เราก็ต้องหลบทุกคนออกไปก่อน ไปอยู่กันที่นั่น พอแม่คลอดได้สักพัก เราค่อยกลับมาอยู่กันที่นี่เหมือนเดิม แต่เอกก็ต้องช่วยแม่ล่ะ" แม่พูดพลางมองหน้า
"ช่วยยังไงครับ?" ผมยังงง

"พอกลับมาแล้ว อืมม..." แม่พูดพลางจ้องหน้าผม "...เอกต้องบอกว่าทุกคนที่นี่ ว่าเด็กเป็นลูกของเอก"
"เฮ้ย!!! ได้ยังไง เค้าก็รู้กันหมดสิครับ ถ้างั้นแล้วจะหลบไปทำไม?" ผมลืมตัว อุทานดังลั่น แม่หัวเราะเบาๆ หยิกต้นขาผม
"ฟังให้จบก่อนสิ เอกต้องบอกว่าเอกไปมีอะไรกับผู้หญิงตอนอยู่ที่เชียงใหม่ จนผู้หญิงคนนั้นท้อง แต่พอคลอดแล้วผู้หญิงเค้าไม่ยอมเลี้ยง เอกก็เลยเอากลับมาเลี้ยงเองน่ะ แหม...โวยวายซะดังลั่นเชียว" แม่บ่นเสียงหัวเราะ ผมยิ้มแหยๆ
"ก็แม่ไม่พูดให้จบก่อนนี่ครับ ผมจะไปรู้ได้ยัง?..." ผมเริ่มหัวเราะออก หลังจากเครียดตั้งแต่เช้า "...ถ้าอย่างนั้น ผมทำได้ครับแม่ แต่มันจะมีประโยชน์อะไรล่ะครับ เพราะตอนคลอด ก็ต้องทำสูจิบัตร เค้าก็รู้อยู่ดีล่ะว่าเป็นลูกของใคร?" ผมยังกังวล
แม่ชะโงกหน้ามาหอมแก้มผมก่อนจะพูดต่อ
"ไม่หรอกเอก เดี๋ยวค่อยกลับมาทำสูจิบัตรที่กรุงเทพ ให้เหตุผลว่าแม่เด็กหนีไปหลังคลอด สูจิบัตรลงว่าเอกเป็นพ่อ แต่ไม่รู้ชื่อแม่น่ะ"

"ถ้าอย่างงั้น ก็แสดงว่าพอเรากลับมากรุงเทพแล้ว เราก็รู้กันเองแค่สองคนเหรอครับ ว่าจริงๆแล้ว ใครเป็นแม่เด็ก" ผมมองหน้าถาม แม่นิ่งไปสักพักก่อนพูด
"ก็ยังดีกว่านี่ เอก เพราะถ้าลงชื่อว่าแม่เป็นแม่ แล้วเอกเป็นพ่อ มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว สู้ให้เป็นว่าเด็กไม่มีแม่ จะดีกว่า แล้วแม่จะเลี้ยงเค้าในฐานะย่าเอง"
ผมนิ่งคิดตาม เหลือบตามองดูแม่ แววตาแม่สลดลง คงคิดว่าคลอดทั้งที ดันต้องกลายเป็นคุณย่า แต่สักพักก็เห็นว่าแม่เริ่มสดใสขึ้น คงจะทำใจได้แล้ว
"ระหว่างอยู่ที่นั่น เอกก็เรียนต่อเหมือนเดิม พอถึงวันสอบ เอกก็เข้ามาสอบที่กรุงเทพ แล้วค่อยกลับไปอยู่ที่นั่นนะ" แม่พูดถึงเรื่องเรียน ผมพยักหน้ารับ

"ทีนี้ มาอีกเรื่องนึงล่ะ..." แม่พูดพลางจ้องตาผม "...ต่อไปเอกต้องทำหน้าที่สองอย่างพร้อมๆกันล่ะ คือเป็นลูกของแม่ และเป็นพ่อของเด็กพร้อมๆกัน ทำได้มั๊ย?"
ผมยิ้มรับ ดึงตัวแม่เข้ามากอด แม่ขืนตัวนิดนึง..ก่อนจะโอนอ่อนตาม ผมจูบไซ้บนใบหน้างาม
"เป็นลูกก็ได้ครับ เป็นพ่อก็ได้ครับ..." ผมพูดก่อนจะกระซิบที่ข้างหู "...แล้วพอเป็นพ่อ ผมจะทำหน้าที่ทุกอย่างให้สมบูรณ์เลยล่ะ ทั้งเรื่องในบ้านและเรื่องบนเตียง"
"บ้า..." แม่ค้อนหน้าแดง "...หายกลัวแล้วเหรอยะ เมื่อกี้เห็นนั่งหน้าซีดเชียว ตอนที่แม่บอกว่าจะมีน้องน่ะ"
"หายกลัวแล้วล่ะครับ..." ผมยิ้มรับ โอบมือดึงร่างแม่จนเอียงมาพิงซบอยู่กับไหล่ผม "...เมื่อกี้ผมกลัวแทนแม่ แต่ถ้าเราหาทางออกได้ ผมก็ไม่กลัวอะไรแล้วล่ะครับ แล้วผมสัญญาว่าจะตั้งใจเรียนเพื่อออกมาทำงาน ดูแลแม่และลูกของผมเองครับ"

แม่เอียงร่างพิงไหล่ผมนิ่ง ผมจ้องร่างที่นั่งอยู่ข้างๆ ทั้งรักทั้งบูชา นิยายเรื่องนี้ดูเหมือนจะไปไกลกว่าที่ผมคิดไว้เยอะ ผมนึกว่ามันจะจบลงได้อย่างสวยงาม แต่ถึงแม้จะจบอย่างนี้ มันก็อาจจะลงเอยอย่างสวยงามได้เหมือนกันนะ ถ้าเราเป็นผู้เขียนมันขึ้นเองโดยไม่รอโชคชะตา
นึกย้อนไปตั้งแต่วันแรกที่เริ่มเรื่อง ถ้าก่อนหน้านั้นมีใครซักคนบอก ว่าชีวิตผมกับแม่จะเดินมาแบบนี้ ผมคงหัวเราะกลิ้งตายแน่ๆ คุณครูจอมเฮี้ยบที่เคยพูดกับลูกชายแค่ไม่เกินวันละสามคำ และพูดไปด่าไป พอถึงวันนี้กลายเป็นว่าต้องมานั่งหารือกัน เรื่องอนาคตของลูกที่กำลังจะเกิด
ผมเหม่อลอยคิดถึงเรื่องอนาคต มือลูบไล้บนผมยาวสลวยของแม่ ที่นั่งพิงไหล่ผมอยู่ นึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมา นึกถึงครั้งแรกที่เกิดเรื่อง ผมยังจำภาพทุกอย่างได้ติดตา โดยเฉพาะครั้งแรกที่บทบาทของเราถูกเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

ทั้งๆที่อยู่ในบรรยากาศเคร่งเครียด มีปัญหาให้ต้องแก้ แต่เมื่อนึกถึงความทรงจำครั้งแรก ที่ผมมีกับแม่ จู่ๆมโนภาพนั้นทำให้ผมเกิดอารมณ์ขึ้นมา กลิ่นกายของแม่ที่นั่งพิงผมอยู่ ทำให้อารมณ์ผมพุ่งพล่านขึ้นมา จนดุ้นเอ็นแข็งตุงอยู่ในกางเกง
ผมค่อยๆช้อนคางของแม่ให้เงยหน้า ก่อนจะประทับจูบลงบนริมฝีปากเรียวงาม
แม่สะดุ้ง มองหน้าผมนิ่งสักพัก ก่อนจะเผยอริมฝีปาก เพื่อให้ปลายลิ้นผมเข้าไปตวัดล้อกับลิ้นเรียวเล็กที่อยู่ภายใน
อารมณ์ของผมค่อยๆพุ่งสูงขึ้น ฝ่ามือป่ายเปะปะอยู่บนทรวงอกงาม ก่อนจะปลดกระดุมเสื้อออกทีละเม็ด จนถึงเม็ดสุดท้าย และแบะเสื้อเชิ้ตสีฟ้าออก
แม่แอ่นตัวขึ้นเพื่อให้ผมเอื้อมมือไปปลดตะขอยกทรงด้านหลัง และรูดมันออกจากปลายแขน ถึงแม้จะเคยเห็นมานับครั้งไม่ถ้วน แต่เมื่อผมก้มลงมองสองเต้าที่ปราศจากอาภรณ์ห่อหุ้ม อารมณ์ร้อนก็ลุกโชนขึ้นมาอีก เพราะเม็ดบัวสีน้ำตาลอ่อนที่ชูชันอยู่ปลายยอดนั้น แข็งชันขึ้นมาเหมือนจะเชื้อเชิญให้ผมลงไปสูดดมความหอมหวาน

"ทำ... ทำอะไรน่ะ?..เอก" แม่ครางเสียงแผ่วเบา เมื่อผมก้มลงไปซุกไซ้สองเต้าอวบ ละเลงลิ้นบนเม็ดทับทิมสลับกับใช้ริมฝีปาก เม้มดึงปลายยอดจนแดงก่ำ
"ต้องรีบกินก่อนครับแม่..." ผมตอบยิ้มๆ เงยหน้ามองใบหน้างาม ก่อนจะก้มลงไปดูดดื่มความหอมหวานบนเนินอก ที่เริ่มปรากฏรอยสีแดงเนื่องจากถูกสองมือผมบีบเคล้น "...ไม่งั้นเดี๋ยวน้องคลอดมาแล้ว ผมจะอดกินน่ะครับ"
"บ้า..." แม่หยิกแขนผมเบาๆ พลางสูดปากด้วยความเสียว เมื่อผมเม้มดึงปลายยอดจนยืด
"...หายกลัวแล้ว เหรอยะ?"
ผมไม่ตอบ สองมือที่กำลังบีบเคล้นเต้างาม ค่อยๆป่ายเลื่อนลงมาปลดเข็มขัดและตะขอกางเกงของแม่ ก่อนจะรูดทั้งกางเกงและซับในลงไปกองอยู่ปลายเท้า โดยได้รับความร่วมมือจากแม่ในการยกสะโพกช่วย ขยับให้สิ่งกีดขวางหลุดออกจากร่างเร็วขึ้น ผมค่อยๆดันร่างแม่ลงไปนอนอยู่บนโซฟา

ร่างงามที่ผมมองอย่างไม่รู้เบื่อ นอนเปลือยเปล่าปราศจากอาภรณ์ใดๆ สองเต้าที่เคลื่อนคล้อยลงตามวัย แต่ยังคงงดงามอยู่ สายตาผมเลื่อนผ่านกลางลำตัว ลงมาจนถึงเนินเนื้อกลางลำตัว ที่ปกคลุมด้วยไหมดำสนิทที่แผ่คลุมทั่วหน้าขา ผมรีบถอดเสื้อยืดของตัวเองที่สวมใส่อยู่ออกทันที
"อูยย... เอก" แม่ครวญคราง เมื่อผมก้มลงไปสัมผัสยอดเม็ดทับทิมอีกครั้ง ก่อนจะค่อยๆเลื่อนลงล่างจนใบหน้าซบอยู่บนเนินเนื้อกลางลำตัว ผมซุกไซ้ใบหน้าบนเนินไหมดำ และค่อยๆใช้ปลายลิ้นแตะเกลี่ยร่องรักแผ่วเบา
ร่างของแม่กระตุกเยือก เมื่อปลายลิ้นของผมแตะบนติ่งเนื้อเหนือร่องรัก จนส่วนที่ไวต่อสัมผัสดีดตัวแข็งชันขึ้นมา ผมค่อยๆใช้ริมฝีปากเม้มดึงติ่งเนื้อ และส่งปลายลิ้นเขี่ยสลับวนอยู่บริเวณนั้น จนร่างงามแอ่นตัวกระตุกร่างเป็นระยะๆ ร่องรักปลดปล่อยหยาดน้ำใส จนกลีบเนื้อเปียกชื้น ผมเลื่อนใบหน้าลงไปซบอยู่กลางร่องรักสีน้ำตาลอ่อน ก่อนจะประกบริมฝีปากกับกลางลำตัวของแม่ และใช้ทั้งลิ้นและปากดูดกลืนหยาดน้ำรัก ที่หลั่งรินออกมาจากภายใน กลิ่นหอมอบอวลจนผมแทบคลั่ง ท่อนเอ็นที่อยู่ในกางเกงขยับตัวแข็งชันขึ้นมา ดันกางเกงจนรู้สึกเจ็บ

ร่างของแม่กระตุกเอวขึ้นลงตามปลายลิ้นของผม ที่ฉกเข้าออกอยู่ในร่องรัก ผมขยับตัวปลดเข็มขัดและตะขอกางเกงของตัวเองออกอย่างรวดเร็ว จนท่อนล่างเปลือยเปล่า ดุ้นเอ็นเมื่อได้รับอิสระก็ดีดตัวแข็งขึ้นทันที
"เอก... แม่... เอก..." เสียงแม่ครางกระหืดกระหอบ คงจะด้วยอารมณ์ที่แตกเพริด ตามลีลาที่ผมบรรเลงเข้าใส่ร่องรักอย่างสุดชีวิต ผมตวัดลิ้นเร็วขึ้น เกลี่ยขึ้นลงตามแนวยาวของร่องรัก สลับกับบดริมฝีปากบนติ่งเนื้อ เพราะรู้ว่าแม่กำลังจะถึงจุดหมายปลายทางแล้ว สองมือเอื้อมขึ้นไปบีบเคล้นสองเต้างามด้านบน จนแทบแหลกคามือ แต่แทนที่จะเจ็บปวด แม่กลับส่งเสียงครวญครางด้วยความเสียวซ่าน ร่างงามแอ่นเอวขึ้นรับปลายลิ้นของผมเร็วขึ้นๆ
"แม่... แม่...ไม่ไหว.. .ไม่ไหวแล้ว เอก... แม่... โอ้ววววว" แม่ใบหน้าแดงก่ำ ท่อนล่างร่อนหาความสุขถี่ยิบ ก่อนจะหยุดชะงักนิ่ง สองขาเหยียดเกร็งแน่น ครางเสียงลั่นห้องรับแขก

ร่างงามของแม่ทิ้งตัวลงนอนกับโซฟา ร่องรักปลดปล่อยน้ำรักของแม่ออกมาทะลักทลาย ผมประกบริมฝีปากดูดกลืนหยาดน้ำใสนั้น แต่ยังคงหลั่งไหลลงมาตามง่ามขา เปียกบนโซฟากำมะหยี่เนืองนอง ผมขยับตัวขึ้นไปนอนอยู่บนร่างของแม่ ใช้ข้อศอกและหัวเข่ารับน้ำหนัก โดยไม่ทิ้งน้ำหนักตัวทาบทับร่างที่นอนนิ่งอยู่ ดุ้นเอ็นเกลี่ยไปมาอยู่บนเนินเนื้อกลางลำตัว ใจอยากจะจับท่อนเอ็นมุดเข้าไปในร่องเนื้อแทบตาย แต่ยังลังเล
"กลัวอะไรเหรอ เอก?" แม่หอบหายใจเบาๆ มองหน้าพูดเสียงยิ้มๆ เมื่อเห็นผมทำท่าลังเล ใบหน้าแม่ยังพราวด้วยหยาดเหงื่อ ที่ระบายออกมาพร้อมกับอารมณ์ที่ถูกปลดปล่อย
"แหะแหะ..." ผมยิ้มแหยๆ "...ไม่กล้าทิ้งตัวลงไปน่ะครับ"
"กลัวว่าจะกระเทือนถึงน้องเหรอ..." แม่ถามเสียงหัวเราะ ผมพยักหน้า

"...บ้า แค่เดือนเดียว ไม่อันตรายหรอกย่ะ เอาไว้พอถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยน แม่จะบอกเองว่าให้หยุดหรือเปลี่ยนเป็นท่าไหนแทน" ประโยคท้ายๆ แม่พูดอุบอิบ ใบหน้าแดงก่ำ ชันเข่าแยกเรียวขางามแยกออกจากกัน ร่องเนื้อเปิดทางเผยอออก เหมือนบอกให้ผมทำหน้าที่ต่อไปได้แล้ว
เมื่อได้ยินไฟเขียวอย่างนั้น ผมก็หมดความอดทน สองเข่าแทรกเข้าไปอยู่กลางหว่างขาของแม่ ท่อนเอ็นที่แข็งจนแทบระเบิดจรดจ่ออยู่กลางร่องรัก ก่อนจะค่อยๆดันเข้าไปในโพรงเนื้อกลางลำตัวของแม่ อย่างไม่ยากเย็นนักเพราะมีน้ำหล่อลื่นหลั่งไหลออกมาจนเปียกเยิ้ม
"อาาาาาาห์..." ผมและแม่ครางออกมาพร้อมๆกัน เมื่อท่อนเนื้อจมหายเข้าไปในร่องรัก ผมกดแช่ดุ้นเอ็นไว้แน่น
"แม่ไม่เจ็บแน่นะครับ" ผมยังลังเล เพราะเคยอ่านหนังสือมา ว่าคนท้องต้องระวังโดยเฉพาะเรื่องบนเตียง

"ต้องซักสี่ห้าเดือนก่อนน่ะเอก..." แม่เอ่ยเบาๆ เอวเริ่มขยับดันร่างผมเบาๆเป็นจังหวะ "...ถึงตอนนั้น เอกก็คงนอนทับแม่อย่างนี้ไม่ได้แล้วล่ะ"
ร่างงามที่โยกคลึงเด้งเอวอยู่ด้านล่าง ทำให้ผมเสียวซ่านไปหมดทั้งตัว จึงไม่รอช้าอีกต่อไป ผมเริ่มบดกระแทกเอว ดันดุ้นเอ็นเข้าใส่ร่องรักของแม่อย่างเป็นจังหวะ แม่นอนหลับตาพริ้ม ครางเบาๆในลำคอ
"งั้นแล้วต่อไป ผมต้องทำยังไงล่ะครับ?..." ผมถามเบาๆที่ข้างหู พลางจูบไซ้ใบหน้าและลำคอของแม่จนเห็นแม่ขนลุก ท่อนเอ็นยังขยับมุดเข้าออกในร่องรัก
"ต่อไปก้อ..." แม่ครางเสียงแผ่ว เอวบิดไปมา ผมรู้สึกว่าในร่องเนื้อของแม่เริ่มหลั่งหยาดน้ำรักออกมาหล่อลื่นอีกครั้ง ทำให้ท่อนเอ็นของผมบดกระแทกเข้าใส่ได้สะดวกขึ้น "...ต่อไปแม่คงต้อง...คงต้องหันหลังให้เอกแล้วล่ะ" แม่ตอบเสียงสั่น เพราะผมเริ่มเร่งจังหวะเร็วขึ้น
"ได้..ได้สิครับแม่..." ผมพูดเบาๆ หน้าท้องเริ่มเกร็งขึ้นตามอารมณ์ ที่กำลังจะพุ่งถึงขีดสูงสุด "...แล้ว...แล้วแต่แม่ครับ"

ในห้องไม่มีเสียงพูดคุยอีก คงมีเพียงเสียงครวญครางของแม่ ที่ดังประสานกับเสียงท่อนเอ็นของผมที่บดกระแทกเข้าใส่ร่องเนื้อ ดังเป็นจังหวะถี่ยิบ เพราะผมหมดความอดทนแล้ว
"เอก... แม่... แม่...อีก...อีกแล้ว" แม่บิดร่างรับแรงกระแทกของผม ก่อนจะเหยียดร่างเกร็งแน่น ส่งเสียงครางลั่นห้อง
"ผม...ผม... แม่... ออก...ออกแล้ว" ผมกระหืดกระหอบครางเสียงสั่น ร่องเนื้อของแม่ยามเมื่อถึงจุดสุดยอดนั้น เกร็งบีบรัดดุ้นเอ็นผมจนแทบขยับตัวไม่ได้ ความรู้สึกว่าแม่ถึงปลายทางแล้ว ทำให้ผมหมดความอดทน เอวขยับดันดุ้นเนื้อเข้าใส่ร่างแม่ถี่ยิบ ก่อนจะหยุดนิ่งดันเอวกดทับร่างของแม่นิ่ง "...อาาาาาาาห์!!!"
แม่กระตุกร่างรับคลื่นความร้อนที่ทะลักทลายเข้าไปในร่องรักอย่างต่อเนื่อง สองมือโอบรัดร่างของผมที่นอนทาบทับอยู่แนบแน่น

จนเมื่อคลื่นความร้อนปลดปล่อยเข้าสู่ร่างแม่จนหมดสิ้นแล้ว ผมจึงค่อยๆขยับตัวลงมานอนด้านข้างของร่างงาม และดึงร่างแม่ขึ้นมานอนกอดอยู่ด้านบนแทน
"ดีมั๊ยเอก?" แม่ถามเสียงแผ่วเบา เหงื่อผุดซึมทั้งใบหน้า หยาดน้ำเหนียวข้นจากในร่องรักไหลเอ่อล้นออกมา จนผมสัมผัสได้ยามเมื่อแม่ปีนป่ายหน้าขาอยู่บนลำตัวของผม
"ดีที่สุดเลยครับ" ผมตอบจากใจ มันไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์บนเตียงเท่านั้น แต่ยังเป็นความสัมพันธ์ที่แนบแน่นในทุกๆด้าน จนผมรู้สึกว่าไม่มีทางหาได้จากผู้หญิงคนใดในโลกนี้อีก
"งั้นเดี๋ยวเรานอนกันซักงีบ แล้วเริ่มไปจัดของสำหรับเตรียมย้ายไปอยู่เชียงใหม่กัน ดีมั๊ยเอก?" แม่พูดพลางหันมามองหน้าผมเป็นเชิงปรึกษา
"ตกลงครับ" ผมยิ้มรับ ชะโงกหน้าหอมแก้มแม่เบาๆ ก่อนจะดึงร่างงามให้เอนซบลงมานอนพักอยู่บนตัวของผม แม่ขืนตัวเหมือนจะกลัวว่าน้ำหนักจะทับอยู่บนตัวผม แต่ก็เปลี่ยนใจ ล้มตัวลงซุกใบหน้าอยู่บนอก และกอดตัวผมไว้แน่น ก่อนจะหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย คงเหลือเพียงผมที่ยังนอนลืมตา คิดถึงอนาคตในวันข้างหน้าอยู่...

.........................................................................

เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ การลาออกของแม่สร้างความตื่นตะลึงให้กับอาจารย์และนักเรียนในโรงเรียน  เพราะแม่ไม่เคยแสดงออกแม้แต่นิดเดียว ว่าจะอำลาจากอาชีพนี้ อาจารย์ใหญ่ถึงกับบอกแม่ว่าไม่จำเป็นต้องลาออกหรอก ถ้าแม่จะลาพักร้อนเพื่อพักผ่อน หรือทำอย่างอื่นก็สามารถทำได้เต็มที่ เมื่อพร้อมจะกลับมาสอนเมื่อไหร่ก็กลับมาได้ตลอดเวลา ถึงแม้แม่จะบอกว่าต้องขึ้นไปเชียงใหม่อย่างน้อยหนึ่งปี อาจารย์ใหญ่ก็บอกว่าไม่เป็นไร โรงเรียนยินดีรับแม่กลับมาสอนที่นี่ เมื่อแม่ย้ายกลับมากรุงเทพแล้ว อย่างมากก็หักพักร้อนล่วงหน้าของแม่ ตามจำนวนวันที่แม่หยุดตามกฏ แต่แม่ยังคงกลับมาสอนได้เสมอ อาจารย์และนักเรียนคนอื่นๆต่างสนับสนุนความคิดของอาจารย์ใหญ่ แม่ถึงกับหลั่งน้ำตาให้กับความรักที่ได้รับจากทุกๆคนในโรงเรียน...

"อย่างน้อยแม่ก็กลับมาสอนต่อได้ เอกเห็นว่ายังไงล่ะ?" แม่เอ่ยปากถาม หลังจากเล่าเรื่องในโรงเรียนให้ผมฟัง ขณะที่เรานั่งทานข้าวกันอยู่ในบ้าน
"ก็ดีนะครับ เราไปอยู่ที่นั่นแค่ช่วงเดียว พอกลับมาแม่ก็กลับมาสอน มาเป็นอาจารย์เหมือนเดิม ผมก็เห็นด้วยครับ..." ผมตอบพลางยิ้มให้กำลังใจผู้เป็นทุกอย่างของผม "...ส่วนเรื่องลูกก็ไม่ต้องเป็นห่วง พอกลับมาที่นี่ ผมเรียนไปเลี้ยงไปด้วยก็ได้ครับ เรียนรามก็ดีอย่างนี้แหล่ะ มีเวลาว่างเหลือเยอะครับ"
แม่ยิ้มให้กับคำตอบของผม รอยยิ้มนั้นนอกจากจะทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นแล้ว ยังทำให้อารมณ์บางอย่างตื่นขึ้นมา จนรู้สึกว่าอยากรีบกินข้าวให้เสร็จเร็วๆเสียแล้วล่ะ
เห็นท่าทีรีบเร่งกินข้าวของผมเท่านั้น แม่ก็คงเดาออกว่าผมคิดอะไรอยู่
"เป็นอย่างนี้ทุกที แล้วยังจะมีหน้ามาสงสัยอีกว่ามีน้องได้ยังไง?"
แม่นั่งหน้าแดง บ่นเบาๆ ผมยิ้มแหยๆ "ผมป่าวคิด"

"ไม่ต้องเลยเอก เร่งกินข้าวอย่างนี้ มีเรื่องด่วนต้องรีบทำใช่หรือเปล่า?"
แม่คาดคั้นแต่หางเสียงยิ้มๆ ใบหน้าเป็นสีชมพูเข้ม
"แหะ แหะ..." ผมตอบไม่ถูก แต่ก็ไม่จำเป็นต้องตอบอะไร เพราะพอทานข้าวเสร็จ ล้างปากล้างหน้าเรียบร้อย ก็หันไปจับมือแม่จูงขึ้นไปห้องนอนชั้นบน แม่อิดออดนิดหน่อย ก่อนจะเดินตามผมต้อยๆขึ้นไปข้างบน
ในห้องนอน ดนตรีเริ่มบรรเลงเพลงรัก เสียงครวญครางดังประสานสลับกับเสียงเนื้อต่อเนื้อดังขึ้นเป็นจังหวะ สอดคล้องกันอย่างต่อเนื่อง และค่อยๆจบบทเพลงพร้อมกับเสียงหอบหายใจของทั้งผมและแม่ ก่อนจะหลงเหลือเพียงความเงียบสงบภายในบ้าน...

.........................................................................

หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป พรุ่งนี้ก็ต้องย้ายไปเชียงใหม่แล้ว เราวุ่นวายกันหลายเรื่อง แม่ติดต่อขอเช่าคอนโดย่านถนนห้วยแก้วไว้ เป็นห้องชุดหนึ่งห้องนอนพร้อมเฟอร์นิเจอร์ในราคาไม่แพงนัก ส่วนผมต้องเตรียมหนังสือเรียนทุกชนิดขึ้นไปให้พร้อม เพราะไม่รู้ว่าจะได้กลับเข้ากรุงเทพอีกครั้งเมื่อไหร่
"เดี๋ยวพออยู่ที่นั่น เอกคงต้องหัดขับรถแล้วล่ะ..." แม่หันมาพูด ขณะที่ขับรถออกจากบ้านเพื่อเดินทางขึ้นเหนือ สัมภาระกองเต็มเบาะหลังและในกระโปรงหลังรถ "...เพราะต่อไป คงต้องหวังพึ่งให้เอกเป็นคนขับรถให้แล้ว โดยเฉพาะเวลาที่แม่ขับรถไม่ได้น่ะ" แม่พูดพลางมองหน้าท้องของตัวเองซึ่งผมก็เข้าใจความหมายเป็นอย่างดี
"ตกลงครับ" ผมยิ้มรับพลางชะโงกหน้าไปหอมแก้มแม่ แม่หันมาทำย่นหน้าใส่
"แล้วรู้หรือยังครับ? ว่าเราจะไปทำอะไร?" ผมเอ่ยปากถาม เพราะช่วงที่ผ่านมา เห็นแม่ติดต่อคนที่โน่นที่นี่เยอะแยะ
"โชคดีจริงๆเลยล่ะ เอก..." แม่หันมาพูดยิ้มแย้ม "...เจ้าของห้องที่เราเช่าอยู่น่ะ เค้าต้องลงมาอยู่กรุงเทพ และเค้ามีร้านดอกไม้อยู่หน้ามอ เค้าก็เลยบอกว่าถ้าเราเช่าทั้งคอนโดและร้านดอกไม้ เค้าจะคิดราคาพิเศษให้ แม่เลยว่าจะขอขึ้นไปดูร้านก่อนน่ะ"
"เอาสิครับ ผมช่วยเป็นลูกมือให้แม่เอง" ผมยิ้มรับข้อเสนอนั้น
"เป็นหลายอย่างนะยะ..." แม่หันมาค้อนสีหน้ายิ้ม "...เป็นลูก เป็นพ่อ แล้วยังจะมาเป็นลูกมือแม่อีก"
ผมหัวเราะกับคำประชดเล็กๆนั้น

เราเดินทางไปเรื่อยๆ เพราะแม่ก็ไม่ใช่ว่าจะขับรถเดินทางไกลบ่อยๆ ผมช่วยแม่ดูทาง บางทีก็ชวนคุยเพื่อไม่ให้แม่ง่วงนอน เพราะถนนโล่ง นานๆถึงจะมีรถสวนมาหรือแซงผ่านหน้าไปซักที
เวลาผ่านไป ผมเหม่อมองสองข้างทางที่เรียงรายด้วยทุ่งข้าวเขียวขจี จนไม่รู้จะมองอะไร ก็หันกลับมาหาแม่ที่กำลังนั่งขับรถอยู่ ผมยิ้มให้กับใบหน้างามที่กำลังมองถนนด้วยความตั้งใจ แต่เมื่อไล้สายตาลงมาบนเสื้อยืดสีขาว ก็ต้องชะงัก เพราะเข็มขัดนิรภัยที่รัดตรงกลางระหว่างสองเต้า ทำให้ทรวงอกถูกเน้นจนพุ่งตระหง่านเห็นเม็ดบัวดันขึ้นมาได้ชัด และเมื่อเลื่อนสายตาลงไปอีก คราวนี้ผมต้องกลืนน้ำลาย เพราะกางเกงยีนส์ที่แม่ใส่มันรัดเสียจนเนินเนื้อกลางลำตัวโหนกนูนขึ้นมาเป็นรูปสามเหลี่ยมชัดเจน

ภาพที่เห็นทำให้ผมนึกถึงเวลาที่ร่างของแม่ปราศจากเสื้อยืดและกางเกงยีนส์ตัวนั้น ซึ่งก็นึกภาพได้ไม่ยากนักเพราะเคยเห็นนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว ประกอบกับหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา เราไม่ได้มีอะไรกันเลย เนื่องจากแม่ต้องวิ่งวุ่นกับการเตรียมย้ายบ้าน และผมต้องจัดเอกสารการเรียนทุกชนิด สำหรับเตรียมไปอ่านที่นั่น เพียงแค่คิด... ท่อนเอ็นในกางเกงก็ลุกชันขึ้นมาทันที
"อะ แฮ่ม..." แม่กระแอมเบาๆ ผมสะดุ้งรีบเงยหน้าจากเนินสามเหลี่ยมมองหน้าแม่ เห็นแม่ใช้หางตามองหน้าผม สลับกับเป้ากางเกงที่ดันขึ้นมาเห็นได้ชัด "...คิดอารายอยู่?"
"แหะ..แหะ..." ผมหัวเราะแห้งๆ "...ป่าวครับ"
"ป่าวเหรอ?..." แม่ย้อนถาม พลางบุ้ยปากไปที่บริเวณเป้ากางเกงผม "...แล้วอารายล่ะน่านน่ะ"

ผมรีบเอามือบังส่วนที่กำลังดันกางเกงขึ้นมา แต่ยิ่งเอามือไปกด กลับยิ่งทำให้สิ่งที่อยู่ภายในแข็งขันมากขึ้นไปอีก
"ก้อเอ่อ...ก้อ..." ผมตะกุกตะกัก ไม่รู้จะตอบว่าอะไร...
"นั่งรถเดินทางไกลขนาดนี้ ยังจะมีอารมณ์อีกเหรอ เอก?" แม่ถามเสียงยิ้มๆ ผมหน้าแดง
"แหะ..แหะ.. ก็คิดอะไรเพลินๆน่ะครับ" แม่ไม่ได้พูดอะไรอีก
ชั่วอึดใจหนึ่ง แม่มองกระจกหลัง ก่อนจะเปิดไฟกระพริบ เพื่อชะลอรถเข้าข้างทาง บริเวณนั้นเงียบสงบ เพราะเป็นถนนหลวงที่นานๆถึงจะมีรถผ่านไปมาสักครั้ง
"มานี่ แม่จัดการให้ จะได้หายฟุ้งซ่าน" แม่พูดยิ้มๆ ปลดเข็มขัดนิรภัย ก่อนจะเอื้อมมือมาที่เป้ากางเกงผม

"ไม่ต้องหรอกครับ" ผมรีบบอกทันที เพราะรู้ว่าแม่จะทำอะไร? โธ่! ใครจะไปอยากได้อย่างนี้ ผมอยากจะอดใจรอให้ถึงเชียงใหม่ก่อนมากกว่า เพราะอยากให้สิ่งที่คั่งค้างอยู่ข้างในได้ปลดปล่อยให้มันถูกที่ถูกทาง แต่แม่ไม่ฟังเสียง
"เอ๊ะ! อย่าเรื่องมากน่า..." แม่ทำเสียงดุ แต่ผมรู้ว่าแม่ไม่ได้ดุจริงหรอก "...รูดซิปลงเร็ว"
ผมอึกอักจนแม่เตือนอีกครั้ง จึงยอมปลดกระดุมกางเกงออก ก่อนจะรูปซิปกางเกง และขยับเอวดึงทั้งกางเกงและชั้นในไปอยู่ที่หัวเข่า แม่อมยิ้มมองดุ้นเอ็นที่แข็งเกร็งอยู่กลางหว่างขาผม ก่อนจะก้มลงไปจนใบหน้างามแนบชิดกับท่อนเอ็น ลมหายใจร้อนกรุ่นที่รดลงบนดุ้นเนื้อทำให้ผมขนลุก
"ดูคนให้แม่ด้วยนะเอก" แม่เงยหน้าสั่ง ผมพยักหน้ามองรถที่ผ่านไปผ่านมา

"รอ...รอให้ถึงเชียงใหม่ก่อน ก็ได้นี่ครับ" ผมอุทธรณ์เสียงสั่น เมื่อริมฝีปากของแม่คลึงแผ่วเบากับท่อนเนื้อ ปลายลิ้นเรียวเล็กโฉบตวัดไล้เลียจนทั่ว อุ้งมือนุ่มนิ่มของแม่บีบเคล้นท่อนเอ็นของผม ก่อนจะขยับรูดขึ้นลงช้าๆอย่างต่อเนื่อง
"ไม่หรอกเอก..." แม่เงยหน้าขึ้นตอบ ฝ่ามือยังคงขยับรูดดุ้นเอ็นเป็นจังหวะ "...เดี๋ยวพอไปถึง แม่ก็เหนื่อยแล้ว คงจะนอนหลับเลยล่ะ ไม่มีแรงทำอะไรๆอย่างที่เอกคิดหรอก และแม่ก็ไม่อยากให้เอกค้างด้วย เข้าใจมั๊ย?"
ผมพยักหน้ารับอย่างไม่เต็มใจ แล้วก็ต้องเงยหน้าครางด้วยความเสียวซ่าน เมื่อแม่ก้มหน้าลงไปอีกครั้ง คราวนี้ผมรู้สึกเย็นวูบเมื่อแม่ค่อยๆอ้าปากกลืนท่อนเอ็นเข้าไปทีละนิด จนหายเข้าไปในปากแม่เกือบครึ่ง

"อูยย.. แม่...แม่ครับ" ผมครางเบาๆ เมื่อแม่เริ่มรูดดุ้นเอ็นของผมด้วยริมฝีปากงาม จนศีรษะขยับขึ้นลงอย่างเป็นจังหวะ ซึ่งในอุ้งปากนั้นยังมีปลายลิ้นเรียวเล็ก ที่คอยตวัดไล้เลียทั่วท่อนเนื้อ จนผมต้องแอ่นเอวขึ้นรับความเสียวซ่านนั้น มือขวาของแม่ขยับรูดขึ้นลงตรงส่วนโคน สลับกับบีบเคล้นถุงเนื้อด้านล่างแผ่วเบา ทำให้ผมแทบคลั่ง
อารมณ์ที่ถูกเก็บไว้ร่วมอาทิตย์ ทำให้ผมคงจะอดกลั้นไว้ไม่ได้นานนัก ซึ่งแม่ก็คงรู้ เพราะผมรู้สึกว่าแม่เริ่มเร่งความเร็วมากขึ้น อุ้งมือแม่ขยับรูดท่อนเนื้อของผมเร็วจี๋ พร้อมกับขยับหัวใช้ปากรูดท่อนเอ็นของผมเข้าออกอย่างรวดเร็ว จนหัวสั่นหัวคลอน อารมณ์ของผมพุ่งถึงขีดสุด ท่อนเอ็นแข็งเกร็ง จนแม่รู้สึกได้

"ปล่อยออกมาสิเอก..." แม่เงยหน้าพูดเสียงแผ่ว ใบหน้าสีชมพูจัด มือขยับรูดแท่งเอ็นที่แข็งเกร็งรอวินาทีสุดท้าย "...อีกนิดเดียว"
"ออก... ผม...ผม... อะ...ออกแล้ว" ผมครางเสียงสั่น ขาเหยียดเกร็ง แอ่นเอวขึ้นสุดตัว พร้อมกับกดศีรษะของแม่ลงไป จนท่อนเอ็นหายเข้าไปในปากแม่เกือบครึ่ง โดยที่แม่ยังเร่งมือรูดท่อนเนื้อถี่ยิบ
"อาาา...." ผมครางในลำคอ แอ่นเอวขึ้น ฉีดน้ำรักเข้าใส่ริมฝีปากงามของแม่ ที่จ่อรออยู่ แม่สำลักเล็กน้อยเมื่อหยาดน้ำร้อนผ่าวฉีดพุ่งเข้าไปในปากทะลักทลาย ก่อนจะใช้เรียวปากงามขยับรูดท่อนเอ็นดูดกลืนน้ำรักของผม ผ่านลำคอจนหยดสุดท้าย
ผมถอนหายใจเฮือก มองดูแม่ซึ่งกำลังใช้ปลายลิ้นไล้เลียทำความสะอาดดุ้นเอ็นของผม จนหมดคราบน้ำรัก ก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นนั่ง ใช้กระดาษทิชชู่ซับทำความสะอาดริมฝีปากของตัวเอง ที่มีคราบน้ำรักของผมเลอะเทอะอยู่

ผมขยับตัวประชิดร่างแม่ จะตอบแทนสิ่งที่แม่ทำให้ แต่แม่สั่นหน้า
"ไม่หรอกเอก..." แม่ดันหน้าผมออกจากสองเต้างาม บังคับให้นั่งอยู่กับเบาะตามเดิม "...เดี๋ยวแม่ต้องขับรถอีกไกล อย่าให้แม่ต้องเหนื่อยก่อนเลย"
"แล้ว แม่...เอ่อ.. แม่ไม่..." ผมมองสบตา แม่ส่ายหน้ายิ้มๆ
"มีสิเอก..." แม่ชะโงกหน้ามาหอมแก้มผม "แม่ก็มีอารมณ์นะ แต่ต้องเก็บแรงไว้ใช้เดินทางก่อน เอกก็รู้นี่ว่าพอแม่เสร็จแล้วจะเหนื่อยมาก แล้วใครจะขับรถให้ล่ะ สำหรับแม่เอาไว้ถึงที่พักก่อนก็แล้วกันนะ"
ผมพยักหน้ารับ พลางจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ก่อนจะขยับตัวไปหอมแก้ม และประกบปากกับแม่แนบแน่น แม่เผยอปากตวัดปลายลิ้นเกลี่ยริมฝีปากผมวูบหนึ่ง ก่อนจะดันตัวผมกลับไปนั่งที่เดิม
"พอแล้ว เราไปต่อเถอะนะเอก" แม่ขยับตัวใส่เข็มขัดนิรภัยทำเสียงดุ แต่ผมไม่กลัวหรอก เพราะแววตาที่แม่มองผม มันเจือไปด้วยความรักความอบอุ่น และที่สำคัญมันยังบอกเป็นนัยๆ ว่าผมยังมีงานหนักต้องทำภายหลังจากถึงที่พักแล้วแน่ๆเลย...



-----------------------------------------------------------------------------------

swss2511