ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_cyborg0011

ความอัดอั้น ตอนที่ ๕ ผลงานของท่าน miki

เริ่มโดย cyborg0011, ตุลาคม 02, 2023, 10:02:06 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

cyborg0011

ความอัดอั้น ผลงานของท่าน miki



ความอัดอั้น 5


ห้าเดือนผ่านไป...

ผมขึ้นมาอยู่กับแม่ที่เชียงใหม่ เราย้ายเข้าพักในคอนโดที่ตั้งอยู่หน้ามอพอดี แม่ตกลงเช่าร้านดอกไม้ต่อจากเจ้าของเก่า และหาความรู้เกี่ยวกับการจัดดอกไม้ ซึ่งก็ปรากฏว่าแม่ทำได้ดีเลยล่ะ โดยมีผมเป็นลูกมือในการช่วยรับออเดอร์ ช่วยไปซื้อดอกไม้จากตลาด ช่วยจัดและจ้างวินมอไซค์ไปส่งดอกไม้ตามที่ลูกค้าสั่ง เรียกว่าทำแทบอยู่อย่างเลย ซึ่งก็เป็นโชคของเราว่าช่วงนี้เป็นช่วงรับปริญญาของมหาวิทยาลัย เราสองคนแม่ลูกรับออเดอร์จำนวนมากมาย จนทำแทบไม่ทัน บางวันต้องนอนค้างที่ร้าน เพื่อจัดดอกไม้ให้เสร็จตามกำหนดด้วยซ้ำ
อ้อ!ลืมบอกไป เราตั้งชื่อร้านและติดป้ายไม้เล็กๆหน้าร้านว่า "เพียงนภา" ตามชื่อแม่ด้วยล่ะ

ร้านของเราก็เหมือนร้านดอกไม้ทั่วๆไป เป็นกระจกด้านหน้า มีกระเช้าดอกไม้วางโชว์อยู่บนชั้นเรียงเป็นระดับ ภายในร้านมีโต๊ะทำงานเล็กๆ มีตู้แช่ดอกไม้เพื่อรักษาความสด ด้านหลังกั้นฉากเพื่อวางตั่งเล็กๆ สำหรับให้แม่นอนพักผ่อนเวลาที่ไม่มีลูกค้าเข้า ส่วนห้องน้ำอยู่ด้านในสุด ร้านเปิดแอร์เพื่อให้ดอกไม้ที่วางโชว์สดอยู่ตลอดเวลา

ส่วนห้องพักในคอนโดของเรา มีหนึ่งห้องนอน หนึ่งห้องน้ำ หนึ่งห้องนั่งเล่น และยังมีมุมทำครัวเล็กๆอยู่ด้านหลัง ระเบียงห้องมองเห็นประตูใหญ่ของมหาวิทยาลัย ซึ่งมีนักศึกษาเดินเข้าออกตลอดเวลา เจ้าของห้องจัดวางเฟอร์นิเจอร์ไว้ให้เรียบร้อย เราแค่ขนเสื้อผ้าและของจำเป็นเข้าอยู่เท่านั้นเอง ผมกับแม่นอนด้วยกันในห้อง ซึ่งก็สารภาพว่าช่วงที่มาอยู่ที่นี่ใหม่ๆ พอถึงเวลานอน เราแทบไม่ได้ใส่เสื้อผ้ากันเลย เพราะถ้าไม่เป็นแม่สะกิดผม ก็เป็นผมสะกิดแม่ คงเป็นเพราะเปลี่ยนที่เปลี่ยนบรรยากาศมั๊ง กว่าจะได้หลับได้นอนก็เกือบเที่ยงคืนทุกวัน ยกเว้นวันที่เราเพลียจากงานที่ร้านพร้อมกันจริงๆ ถึงจะได้นอนเร็ว

บางวันผมวิ่งส่งของจนเพลีย แต่แม่ยังไม่ง่วง พอเข้านอนก็เลยต้องกลายเป็นหน้าที่ของแม่ ที่ต้องใช้ทั้งปากทั้งลิ้นปลุกจนผมตื่น แล้วปีนขึ้นมาอยู่บนตัวผม เพื่อจับดุ้นเอ็นมุดเข้าไปในร่องเนื้อ แล้วโยกจนเราถึงจุดสุดยอดพร้อมกัน แม่ถึงจะล้มตัวลงมานอนข้างๆ แล้วค่อยหลับไปด้วยกัน แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นหน้าที่ของผมในการออกแรงมากกว่า ไม่อยากให้แม่ออกแรงมากนัก เพราะนับวันแม่ก็จะท้องใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ผมต้องระวังเวลาทิ้งน้ำหนักตัวลงบนตัวแม่ ขณะที่หาความสุขกัน เพื่อไม่ให้กระเทือนถึงน้องที่อยู่ข้างใน ตอนเช้าเราถึงจะใส่เสื้อผ้าออกมาจากห้องนอน เพื่อเริ่มวันใหม่ต่อไป แต่แม่ก็บ่นอยู่บ้างเหมือนกัน เพราะต้องซักผ้าปูที่นอนแทบจะวันเว้นวัน เพื่อลบคราบที่เราปลดปล่อยกันออกมาในตอนกลางคืน ผมได้แต่หัวเราะเสียงบ่นนั่น เพราะเห็นแม่ได้แต่บ่น แต่ไม่เคยคิดจะเลิกทำให้ผ้าปูที่นอนเลอะเทอะสักที

ความอึดอัดใจอย่างหนึ่งของผม ก็คือสายตาของคนอื่นๆเวลามองแม่หรือมองผม เพราะพวกนั้นไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ถึงท้องใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ทั้งๆที่พวกเขารับรู้ว่าเราสองคนเป็นแม่ลูกกัน แม่ต้องตัดใจบอกว่าเด็กในท้องเป็น"ลูกหลง"ที่พ่อฝากไว้ให้ ก่อนจะเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถ ซึ่งอุบัติเหตุนั้นทำให้แม่ไม่สามารถทำใจอยู่ที่เดิมได้ จึงย้ายถิ่นฐานมาปักหลักอยู่ที่นี่ และก็ยังดีอยู่บ้างที่ผมมีใบหน้าถอดมาจากด้านแม่ พอจะเป็นหลักฐานได้ว่าเราเป็นแม่ลูกกัน ผมไม่แน่ใจว่าพวกเขาจะเชื่อหรือเปล่า? แต่เราก็อธิบายอะไรไม่ได้มากกว่านี้แล้ว

ไม่น่าเชื่อว่าเราขึ้นมาอยู่ที่นี่ได้ห้าเดือนแล้ว ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ไม่ว่าจะเป็นกิจการที่ร้านหรือชีวิตครอบครัว นอกจากหนังสือเรียนที่ผมอ่านทบทวนแล้ว ผมยังพยายามหาความรู้เกี่ยวกับเรื่องเด็กด้วย เพื่อเตรียมรับมือกับการทำหน้าที่เป็นพ่อ (ตามที่แม่เคยบอกว่าผมต้องเป็นทั้งลูกและพ่อพร้อมๆกัน) เพราะน้องในท้องแม่ก็ตัวใหญ่ขึ้นทุกวันๆ เดี๋ยวนี้พอเราเข้านอน ผมจะเห็นว่ารูปร่างของแม่เปลี่ยนไปแล้ว หน้าท้องที่เคยแบนราบก็นูนสูงขึ้นชัดเจน สองเต้าขยายใหญ่ขึ้นอีก ป้านตรงหัวนมก็เปลี่ยนสีเข้มขึ้น ยิ่งตรงหัวนมนะ ไม่ต้องพูดถึงเลย มันเปล่งขึ้นมาเป็นเม็ดสีเข้มขนาดนิ้วก้อย คงเพื่อเตรียมสำหรับให้น้องที่กำลังจะเกิด ไว้กินนมแน่ๆ

ช่วงหลังๆนี่แม่จะนอนใส่ยกทรงกับกางเกงใน และยังมีผ้าอนามัยไว้ตลอด บอกผมว่าสองเต้าขยายขนาดพรวดพราดอย่างนี้ พอคลอดแล้วมันจะคล้อยตัวลง ต้องใส่ยกทรงเพื่อรักษารูปร่างไว้ ส่วนที่ต้องใส่กางเกงใน เพราะบางทีมันจะมีอาการที่แม่เรียกว่า"น้ำเดิน" ซึ่งจะออกมาช่วงที่นอนหลับ ถ้าไม่ใส่ผ้าอนามัยไว้ จะทำให้ผ้าปูที่นอนเลอะเทอะ ผมก็ได้แต่ฟังเพราะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นักหรอก

........................................................................

วันนี้เราปิดร้านเร็วเพราะเห็นว่าคงไม่มีลูกค้าแล้ว ผมกับแม่หาอะไรทานกันข้างนอกเลย เพราะไม่อยากเสียเวลาขึ้นไปทำกับข้าวบนห้อง เดี๋ยวนี้แม่เลิกใส่กางเกงยีนส์แล้ว เปลี่ยนมาเป็นกางเกงผ้าฝ้ายแบบมียางยืดตรงขอบเอวแทน เพราะหน้าท้องขยายใหญ่ขึ้นจนเห็นได้ชัด เสื้อก็เป็นเสื้อผ้าฝ้ายแบบหลวมๆ และเพราะการที่ท้องใหญ่ขึ้น ทำให้ผมต้องระวังแทนแม่ในทุกเรื่อง แม้แต่การเดินเพราะกลัวว่าแม่จะลื่นล้ม
"อย่างนี้เราก็คงต้องงดแล้วใช่หรือเปล่าครับ?" ผมเอ่ยปากถาม หลังจากที่เราอาบน้ำอาบท่าเสร็จเรียบร้อยและเข้านอน โดยมีร่างของแม่นอนอยู่ข้างๆ ฝ่ามือผมลูบไล้บนหน้าท้องของแม่เบาๆ
"ไม่หรอก เอก..." แม่หันมายิ้มให้ ชะโงกหน้าจูบหน้าผากผมเบาๆ "...อีกซักสองเดือนน่ะ ถึงต้องงดจริงๆ"
"แต่ว่า..." ผมมองหน้าท้องของแม่ที่นูนสูงขึ้น ถึงจะมีอารมณ์จนแข็งไปหมด แต่ผมก็ยังลังเล "...ผมไม่กล้าแล้วน่ะครับ"

แม่ยิ้มให้ ถึงรูปร่างจะเปลี่ยนไป แต่ใบหน้างามก็ยังติดตรึงใจผมอยู่ตลอด แม่แอ่นตัวเอื้อมมือไปปลดตะขอยกทรงออก สองเต้าที่เบ่งขยายตัวตามลักษณะของคนท้อง ยังคงงดงามถึงแม้จะทิ้งตัวแบะออกด้านข้างเล็กน้อย ตามน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น เม็ดทับทิมสีเข้มพุ่งชูชัน จนดูไม่ออกว่าเกิดจากแม่มีอารมณ์ หรือเป็นธรรมชาติของคนท้องกันแน่
ฝ่ามือนุ่มนิ่มของแม่เอื้อมมาลูบไล้บนต้นขาของผมอย่างแผ่วเบา ก่อนจะค่อยๆขยับไปเคล้นคลึงท่อนเอ็น ที่แข็งตัวรออยู่ ผมครางเมื่อแม่ขยับมือรูดดุ้นเนื้อของผมขึ้นลงเบาๆ
"แม่ไม่สวยเหมือนเดิมแล้ว ใช่มั๊ย เอก? ถึงได้อ้างโน่นอ้างนี่ คนท้องน่ะขี้เหร่จะตายไป" แม่กระซิบเบาๆที่ข้างหู

คำพูดนั้นทำให้ผมรีบพลิกตะแคงหันหน้าไปหาทันที ก่อนจะประกบปากกับริมฝีปากงามแนบแน่น  ปลายลิ้นฉกวนเกลี่ยทั่วริมฝีปากบางเฉียบนั้น จนแม่เผยอปากให้ผมเข้าไปเล่นลิ้นด้วย
"อย่าพูดอย่างนั้นอีกนะครับ..." ผมกระซิบที่ข้างหูแม่ เอื้อมมือไปบีบเคล้นเต้างามที่ขยายตัว มองเห็นเส้นเลือดบางภายใต้ผิวขาวเนียน ปลายนิ้วเขี่ยสลับกับบีบบี้เม็ดทับทิมเบามือ "...แม่สวยที่สุดในโลกเลยล่ะ ถึงกำลังท้องอยู่ก็สวย ผมแค่กลัวว่าจะกระเทือนถึงน้องเท่านั้นเองน่ะ"
"เหรอออ!!!" แม่เบิ่งตา ทำเสียงล้อเลียน เสียงนั้นจึงทำให้ผมรู้ว่าแม่ไม่ได้คิดอย่างที่พูดหรอก
ผมกัดจมูกแม่เบาๆด้วยความมันเขี้ยว แม่หลับตาพริ้ม เมื่อผมจูบไซ้ใบหน้างามจนทั่ว ก่อนจะเลื่อนใบหน้าลงไปซบอยู่บนเนินอกอวบใหญ่ที่อบอุ่นที่สุด สายตาเหลือบมองหน้าท้องที่นูนใหญ่ขึ้นจึงขยับหูไปแนบฟัง

"น้องบอกว่ายังไงบ้างลูก?" แม่เอ่ยถามเบาๆ เมื่อเห็นผมเอียงหูไปตั้งใจฟัง
"น้องบอกว่า..." ผมตอบพลางยิ้มให้ ก่อนจะขยับขึ้นไปหาเม็ดทับทิมที่ชูชันรออยู่ ปลายลิ้นเกลี่ยวนอยู่บนยอด ก่อนจะใช้ริมฝีปากเม้มดึงเบาๆ แม่ครางแอ่นตัวขึ้นรับ "...บอกว่า...พ่อขา เข้ามาเยี่ยมหนูหน่อย พ่อขา เข้ามาเยี่ยมหนูหน่อย... น้องบอกผมอย่างนี้น่ะครับ"
"บ้า..." แม่อุทานเบาๆ หน้าแดง เราสองคนหัวเราะพร้อมๆกัน

ทั้งห้องเงียบสนิท ได้ยินเพียงเสียงแม่ครางเบาๆ เมื่อผมประกบริมฝีปากดูดดื่มเม็ดทับทิมขนาดปลายนิ้วก้อ ยที่พุ่งชูชันสลับกับใช้ปลายลิ้นควานหาความหอมหวาน ที่ผมไม่เคยเบื่อหน่าย ผมวนเวียนไปมาอยู่บนสองเต้านั้นสลับกันไปมา มือลูบไล้ไปทั่วร่างของแม่ ที่เริ่มบิดกายตอบรับการกระตุ้น จนเมื่อฝ่ามือสัมผัสกับพงหญ้ากลางลำตัว ก็ควานหาติ่งเนื้อที่ซ่อนตัวอยู่ภายใน ร่างแม่กระตุกเล็กน้อย เมื่อส่วนที่ไวต่อสัมผัสถูกรุกเร้าด้วยปลายนิ้ว ที่เขี่ยไปมาอย่างแผ่วเบา
"อูยยย....เอก" แม่ครางเบาๆ เอวขยับส่ายตามแรงเร่งเร้าของปลายนิ้ว ที่สลับวนเวียนไปมาระหว่างติ่งเนื้อกับร่องรัก จนรู้สึกได้ถึงความชื้นแฉะที่หลั่งไหลออกมาจากภายใน

ผมขยับตัวจะลงไปลิ้มรสความหอมหวานที่เอ่อล้นออกมาจากร่องรัก เหมือนที่เคยปฏิบัติ แต่แม่ขยับตัวดึงร่างผมไว้
"อย่าเลย เอก..." แม่กระซิบเบาๆ ใบหน้างามยิ้มหยาดเยิ้ม แล้วพูดต่อเมื่อเห็นผมทำหน้างง "...ช่วงนี้เอกคงต้องงดลงไปข้างล่างก่อนนะ เพราะมันไม่ค่อยสะอาดเท่าไหร่นัก"
พูดจบแม่ก็ขยับตัวดันร่างผมนอนหงาย ก่อนจะประกบริมฝีปากบางเฉียบแนบแน่นกับริมฝีปากผม และส่งปลายลิ้นเข้ามาตวัดล้อเล่นอยู่ในภายโพรงปาก จนผมเสียววาบไปหมดทั้งตัว ฝ่ามือแม่ลูบไล้ผมทั่วร่าง จนสัมผัสกับท่อนเนื้อที่แข็งเกร็งราวกับหิน ก็กำไว้และรูดขึ้นลงอย่างแผ่วเบา
"อูย.. แม่... แม่ครับ..." ผมเสียวซ่านไปทั้งร่าง เมื่อแม่เลื่อนใบหน้าลงไปซบอยู่บนหน้าอก และเริ่มใช้ปลายลิ้นตวัดเล่นกับหัวนมผมทั้งสองข้าง สลับกับใช้ริมฝีปากอมเม้มเข้าไว้ในปากสลับกันไปมา อุ้งมือนุ่มนิ่มบีบเคล้นถุงเนื้อกลางหว่างขาสลับรูดท่อนเอ็นผมอย่างเป็นจังหวะ

"....ไม่...ไม่ไหว...แล้ว" ผมกระหืดกระหอบพูด อารมณ์ภายในพลุ่งพล่าน
"ถ้างั้น...เอกต่อเลยนะ" แม่ขยับตัวมากระซิบข้างหู ก่อนจะเปลี่ยนท่าเป็นนอนคว่ำ ใบหน้างามนอนแนบกับหมอน ใช้หัวเข่ารับน้ำหนัก แอ่นตัวยกสะโพกลอยขึ้น
ผมรีบขยับตัวลุกขึ้นนั่งประกบด้านหลังของแม่ทันที สองมือลูบไล้แผ่นหลังของแม่ สัมผัสผิวกายขาวละเอียด ที่ลงมาบรรจบกับสะโพกที่ผายออก ตรงกลางระหว่างต้นขามองเห็นร่องรักเป็นแนวยาวลับหายไปด้านหน้า หยาดน้ำรักเอ่อล้นฉ่ำเยิ้ม ทำให้ผมสุดจะอดกลั้น ค่อยๆดันท่อนเอ็นเข้าไปในร่องรักที่ปรากฏอยู่ต่อหน้า ทีละนิดเพราะถึงแม้จะมีอารมณ์แค่ไหน แต่ผมก็ระวังที่จะกระทบกระเทือนถึงแม่มาตลอด

"อูยย..นั่น... นั่นแหล่ะ...เอก" แม่ครางเสียงแผ่ว เมื่อดุ้นเนื้อของผมค่อยๆเข้าไปในร่องรัก สองมือผมจับสะโพกของแม่ไว้แน่น ค่อยๆดันตัวเข้าไป เสียงแม่ครางในลำคอแผ่วเบา เมื่อผมประกบติดกับด้านหลังของแม่แนบสนิท
ผมนิ่งอยู่ในท่านั้นสักพัก ก่อนจะค่อยๆขยับตัวรูดท่อนเอ็นเข้าออกในร่องรักอย่างช้าๆ แม่โยกหน้าโยกหลังตามจังหวะที่ผมเป็นคนกำกับ ผมไม่กล้าบดกระแทกเอวเข้าใส่แม่เร็วหรือแรงเกินไปนัก สองมือผมลูบไล้แก้มก้นขาวเนียนมือ และรู้สึกว่าแม่ขยับตัวดันสะโพกรับกับท่อนเอ็นที่มุดเข้าออกภายในร่องรักอย่างเป็นจังหวะ
"เอก..." แม่หันหน้ามาหา ใบหน้าแดงก่ำ แววตาหยาดเยิ้ม "...แรงกว่านี้ก็ได้ แม่ไม่เจ็บหรอก"
"ได้สิครับ" ผมพยักหน้ายิ้มรับ

ผมเริ่มบดกระแทกเอวเข้าใส่ร่างของแม่แรงขึ้น เพราะอารมณ์ร้อนภายในเริ่มเดือดพล่าน ร่างที่นอนหมอบอยู่ตรงหน้าโยกเด้งไปมาตามจังหวะ ที่ผมบรรเลงเพลงรักใส่ ใจผมอยากจะล้มตัวลงไปกอดร่างของแม่ และเคล้นคลึงสองเต้าที่แกว่งไกวอยู่ด้านล่าง แต่ก็ต้องอดใจไว้ เพราะไม่กล้าให้แม่ทิ้งตัวลงไปนอนคว่ำหน้ากับที่นอน จึงได้แต่โยกเอวดันท่อนเอ็นเข้าออกให้เร็วขึ้น เพื่อส่งให้แม่ถึงจุดหมายปลายทาง ซึ่งก็ใช้เวลาไม่นานนัก เพราะเริ่มรู้สึกว่าในร่องรักของแม่บีบรัดท่อนเนื้อของผมแน่นขึ้น
"เอก...เอก... แม่..." แม่นอนคว่ำหน้ากับหมอนครวญครางเสียงสั่น "...เร็ว...เร็วอีกนิด... แม่...แม่... จะถึง....แล้ว..."

ผมกัดฟันก้มลงมองดุ้นเอ็นที่เคลื่อนตัว มุดเข้าออกในร่างของแม่ ราวกับเครื่องจักร สะโพกงามขยับส่ายไหวด้วยว่าเจ้าของใกล้ถึงเส้นชัยเต็มทน ผมจับสะโพกนั้นไว้แน่น พร้อมกับบดเอวเข้าใส่ร่างงามหนักหน่วงขึ้น
"ผม... ผม...จะออก...แล้ว...ครับ..." ผมกระหืดกระหอบบอกแม่เช่นกัน เพราะตอนนี้ในร่องรักของแม่บีบรัดดุ้นเอ็นของผม จนแทบขยับตัวไม่ได้ สองมือลูบไล้ทั่วสะโพกและแผ่นหลัง เพื่อเร่งเร้าอารมณ์ให้แม่ถึงจุดหมายปลายทาง
"เอก... เอก..." แม่ครางใบหน้าแดงก่ำ หันมาจ้องหน้าผม แววตาเหมือนเต็มไปด้วยความทรมาน แต่ผมรู้ว่าแม่กำลังเกร็งร่องเนื้อ เพื่อไปให้ถึงเส้นชัยในอีกไม่กี่วินาทีนี้
"อาาาา..." แม่กระตุกเยือก ร่างที่โยกหน้าโยกหลังเกร็งแน่น ก่อนจะหยุดนิ่งกับที่ ภาพที่เห็นทำให้ผมเร่งบดกระแทกดุ้นเอ็นเข้าใส่แม่ถี่ยิบ ก่อนจะประกบเอวกับสะโพกแม่แนบแน่น

เราครางพร้อมกัน แม่กระตุกร่างอีกครั้ง เมื่อผมฉีดน้ำรักพุ่งเข้าใส่ร่างแม่เป็นจังหวะ ผมบดคว้านท่อนเอ็นกับร่องเนื้อของแม่ เพื่อรีดอารมณ์ให้ทุกหยาดหยดจากตัวผม เข้าไปผสมผสานเป็นหนึ่งเดียวกันกับอารมณ์ของแม่ ที่หลั่งทะลักออกมาเช่นกัน ทั้งห้องเงียบสงบ ได้ยินเพียงเสียงครางสลับกับเสียงหอบหายใจของเราทั้งสอง
จนเมื่อเราสองคนรวมกันเป็นหนึ่งแล้ว ผมจึงค่อยๆถอนตัวออกจากร่างของแม่ และล้มตัวลงนอน พลิกดึงร่างของผู้เป็นทุกอย่างในชีวิตผมขึ้นมานอนซบอยู่บนอก....

......................................................................

"เจ็บหรือเปล่าครับ?" ผมถามเบาๆ ฝ่ามือลูบไล้เส้นผมยาวสลวย ของร่างที่นอนหลับตาพริ้มคว่ำหน้าอยู่บนอก แม่ป่ายขาขึ้นมานอนพาด จนผมรับรู้ถึงน้ำหนักของหน้าท้องที่อยู่บนตัวผม ใบหน้างามมีเหงื่อผุดซึม แม่เอียงหน้ามาสบตา ส่ายหน้าเบาๆ ใบหน้าอมชมพูเจือไปด้วยความสุข
"ไม่หรอก เอก..." แม่เอ่ยเบาๆ "...แม่มีความสุขที่สุดเลยล่ะ"
ผมยิ้มรับคำพูดนั้น เพราะนั่นคือสิ่งที่ผมปรารถนาที่สุด
"รู้มั๊ย?...แม่กำลังคิดถึงที่เอกพูดเมื่อกี้นี้" จู่ๆแม่ก็เอ่ยปากขึ้น พลางมองหน้าผม
"อะไรเหรอครับ?" ผมงง แม่ยิ้มหน้าสีชมพูระเรื่อ
"เอ่อ... คือ...เอ่อ..." แม่พูดตะกุกตะกัก หน้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง ก่อนจะตัดใจพูด "...ที่เอกพูดเล่นถึงเรื่องน้องเมื่อกี้นี้น่ะ"

"อะไรล่ะครับ?" ผมยิ่งงง
"ก้อ..." แม่เอียงคอคิด หน้าแดงเข้ม ก่อนจะค่อยๆหันมาพูดเบาๆ "...ที่เอกบอกว่า... บอกว่าได้ยินน้องพูดว่า พ่อขา เข้ามาเยี่ยมหนูหน่อยน่ะ"
"อ๋อ..." ผมหัวเราะ "...ทำไมเหรอครับ? ให้ผมถามน้องว่าจะให้เข้าไปเยี่ยมอีกทีได้เมื่อไหร่? ใช่ป่าวครับ?"
"บ้า...ไม่ใช่ย่ะ..." แม่ค้อน หน้าแดงกล่ำ หยิกแขนผม "...ที่แม่พูดเรื่องนี้ ก้อเพราะ... เอ่อ...เพราะคำที่น้องเค้าเรียกเอกน่ะ"
คำพูดนั้นทำให้ผมชะงัก หรือแม่จะโกรธที่ผมใช้สรรพนามผิด
"ไม่ใช่อย่างที่เอกคิดนะ..." แม่รีบพูดเบาๆ เหมือนรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่ ชะโงกหน้ามาหอมแก้มผม "...คือแม่กำลังจะบอกว่า ต่อไป...ต่อไป..." แม่พูดงึมงำจนผมฟังแทบไม่รู้เรื่อง
"อะไรนะครับ?" ผมไม่ได้ยินประโยคท้ายๆ แม่หน้าแดงเป็นลูกตำลึงสุก
"ก้อ..." แม่นอนหน้าแดงนิ่งสักพัก ก่อนจะหันมาสบตาผม ตัดใจพูดเสียงเบาหวิว "...ต่อไปเอกเรียกแม่ตรงๆ ได้มั๊ย?"
"ยังไงครับ?" ผมยิ่งงง

"ก้อไม่ต้องเรียกว่าแม่แล้วไง แหม...." แม่หยิกแขนอีกที จนผมสะดุ้ง "...แค่นี้ก็ไม่รู้เรื่อง ต่อไปเอกไม่ต้องเรียกแม่ว่าแม่แล้ว ให้เรียกแม่ว่าภาเลยน่ะ"
"ฮ้า!!!..." ผมอ้าปากค้าง "...ผม...ผมไม่กล้าหรอกครับ"
แม่เอื้อมมือหยิกต้นขาผมเบาๆ หน้ายังแดงก่ำ
"แล้วทำไม? ทีอย่างอื่นกล้าล่ะ..." ร่างที่นอนอยู่บนตัวผมพลิกตัวนอนคว่ำหน้าพูดต่อเสียงแผ่วเบา
"...แม่...เอ้ย! ภา ว่าเราเปลี่ยนวิธีเรียกหากัน จะดูเหมือนคนปกติมากกว่านะ อย่างน้อยก็เวลาที่เราอยู่กันเองน่ะ เอกไม่เห็นด้วยเหรอ?" เสียงแม่พูดเบาหวิวจากริมฝีปาก ที่ซุกอยู่บนแผ่นอก จนผมต้องเอียงหูฟัง

คำพูดของแม่ทำให้ผมอึ้ง วันเวลาที่ผ่านมาผมไม่เคยคิดถึงเรื่องพวกนี้เลย เพราะผมไม่เห็นความแตกต่าง ระหว่างการเรียกว่าแม่หรือไม่ได้เรียกว่าแม่ มันจะต่างกันตรงไหน? ในเมื่อเราเป็นแม่ลูกกันจริงๆนี่ ดังนั้นไม่ว่าจะมีอะไรกันแค่ไหน หรือแม้แต่ตอนนี้ที่แม่กำลังอุ้มท้องที่ผมเป็นผู้ให้กำเนิด ผมก็มองว่าแม่คือแม่ของผมเสมอ ของอย่างนี้มันไม่ใช่จะเปลี่ยนความคิดกันได้ง่ายๆ ภาพของแม่ที่ผมเห็นตั้งแต่เด็ก ยังคงอยู่ในความทรงจำตลอดมา
แต่...ถึงวันนี้ ผมเริ่มเข้าใจความรู้สึกของแม่บ้างแล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมา แม่ต้องอยู่ในกฎเกณฑ์ที่สังคมกำหนดไว้ให้ ภาพของอาจารย์ที่ทุกคนเคารพ ภาพของความเป็นผู้ใหญ่ที่ทุกคนให้ความนับถือ ทำให้แม่ต้องเก็บความคิดความรู้สึกไว้ในใจ ถึงที่สุดแม่ต้องยอมแลกทุกอย่าง เพื่ออะไรบางอย่าง... บางอย่างที่จะชดเชยสิ่งที่แม่ขาดหายไป
ผมเข้าใจได้ทันทีว่าสิ่งที่แม่พูดออกมานั้น หมายความว่าอะไร และผมเชื่อว่าแม่คิดอย่างนี้จริงๆ...

ผมนอนนิ่ง จ้องร่างที่ซบอยู่บนอกเงียบ จนแม่ต้องเงยหน้าขึ้น
"เอก... เอก...เป็นอะไรหรือเปล่า? แม่พูดอะไรผิดไปหรือเปล่าเนี่ย?" เสียงกระซิบถามด้วยความร้อนใจ แววตากังวลเพราะเห็นผมนอนนิ่งเงียบไป
"อ้าว..." ผมอุทานยิ้มๆ ก้มหน้าไปกระซิบ พลางใช้ริมฝีปากเม้มดึงติ่งหูแม่เบาๆ "...ยังแทนตัวเองว่าแม่อีกเหรอครับ?"
แม่นอนก้มหน้านิ่ง ใบหน้าอมชมพูระเรื่อ แววตาลึกสุดหยั่ง
"เข้าใจภา ใช่มั๊ย?" เสียงแม่เบาหวิว ราวกับพูดจากที่ไกลแสนไกล
"เข้าใจสิครับ" ผมตอบ พลางคลอเคลียใบหน้าบนเรือนผมนุ่มสลวย และหน้าผากเนียนจนแม่หลับตาพริ้ม ก่อนจะค่อยๆดันร่างที่นอนอยู่บนตัวลงไปนอนหงายกับที่นอน โดยที่ผมตามเข้าไปจูบไซ้ใบหน้างามจนทั่ว แม่ลืมตาขึ้นสบตากับผม

"เข้าใจว่า..." แม่ถามค้าง ผมยิ้มรับ
"ก้อเข้าใจว่า..." ผมกระซิบเบาหวิวที่ข้างหูของคนที่ผมรักที่สุดในโลก "...ว่าเวลาอยู่ด้วยกัน จากนี้ไป ภา...ภาไม่ได้อยาก...อยากเป็นแม่ของผมอีกต่อไปแล้ว" ผมพูดตะกุกตะกัก เพราะว่ายังไม่ค่อยคุ้นกับการเรียกชื่อแม่เหมือนกัน
แม่นอนหลับตานิ่ง หางตามีหยาดน้ำไหลรินเป็นประกาย ผมใช้ปลายนิ้วเกลี่ยไล้หยดน้ำ พร้อมกับจูบซับจนเหือดแห้งไปจากใบหน้างาม
"ให้เราได้อยู่ในโลกส่วนตัวของเราอย่างนี้กันบ้าง เถอะนะเอก..." แม่เอ่ยเบาๆ น้ำตาซึม มือลูบไล้ทั่วแผ่นหลังของผม ที่นอนตะแคงกอดอยู่ด้านข้าง เพราะไม่อยากทาบทับลงไปตรงๆบนตัวของแม่
"...เดินกันผิดๆ ทำตัวกันผิดๆ มาจนถึงตรงนี้แล้ว แลกทุกสิ่งทุกอย่างไปหมดแล้ว ภาไม่อยากได้อะไรมากกว่านี้แล้วล่ะ นอกจากเวลาที่เราอยู่ในโลกของเราด้วยกันเท่านั้น..."

แม่กลั้นเสียงสะอื้นพูดต่อ "... รู้มั๊ย? ภาอยากจะบอก ว่าภาน่ะหมดสภาพความเป็นแม่ของเอก ตั้งแต่มีเจ้านี่แล้วล่ะ..." แม่กระซิบเสียงแผ่วเหลือบตามองหน้าท้องของตัวเอง น้ำตาที่กลั้นไว้ร่วงพราว คำพูดที่อัดอั้นอยู่ในใจ พรั่งพรูออกมาราวทำนบทลาย
"...แต่ถ้าว่ากันจริงๆ ภาหมดสภาพความเป็นแม่ ตั้งแต่ที่เรามีอะไรกันครั้งแรกแล้วด้วยซ้ำ เพียงแต่เราต้องใส่หน้ากากให้คนอื่นๆดูมาตลอด ที่แย่ก็คือเรายังจะใส่หน้ากากให้กันเองอีก ทุกวันนี้เรายังเป็นแม่ลูกกัน ก็แค่เพราะว่าเอกเรียกภาว่าแม่ และภาเรียกเอกว่าลูกเท่านั้นเอง แต่ที่เราอยู่กันเนี่ย มันห่างไกลสุดกู่ของคำว่าแม่ลูกเลย
"จากนี้ไป ภาไม่อยากหลอกตัวเอง เวลาอยู่กับเอกอีกแล้ว เอกจะยังอยากเป็นลูก หรืออยากเป็นอะไรก็ตามใจเอกเถอะ แต่ภาหลอกตัวเองอีกไม่ไหวแล้ว ภาทำใจเรียกตัวเองว่าแม่ไม่ได้อีกแล้ว แม่ที่ไหนกันนอนกับลูกอย่างนี้ แม่ที่ไหนกัน ท้องกับลูกอย่างนี้..." แม่พูดเสียงสะอึกสะอื้น น้ำตาอาบแก้ม

ผมประคองโอบศีรษะให้ใบหน้าแม่ซบอยู่กับอก ลูบผมยาวสลวยของแม่เป็นการปลอบใจเบาๆ พูดไม่ออก ได้แต่ปล่อยให้แม่ระบายออกมา
"...เราทำผิดมาตลอด แต่มันก็เกินกว่าที่จะแก้ไขอะไรแล้ว ภาก็ได้แต่หวังว่าเราจะทำสิ่งที่ผิดนั้นให้ดีที่สุด ไม่ต้องทำให้ใครเห็นหรอก แค่เราเห็นกันสองคนก็พอ เอกรับปากได้มั๊ย? ว่าจะเดินหน้าไปด้วยกันตลอด แล้วพอเราต้องเข้าสังคม เราค่อยกลับไปเป็นอย่างที่คนอื่นเค้าเป็น" เสียงของแม่จางหายไป ได้ยินเพียงเสียงสะอื้นเบาๆ
ผมนิ่งอึ้ง ไม่เคยรู้มาก่อนว่าแม่เก็บเรื่องต่างๆไว้ในใจมากมายขนาดนี้
"ผมตั้งใจว่า..." ผมช้อนคางแม่ขึ้น แม่ร้องไห้จนตาบวม "...ตั้งใจว่าจะปักหลักอยู่ที่นี่ตลอด เราไม่ต้องกลับกรุงเทพแล้วล่ะ ภาก็อยู่กับผมที่นี่แหล่ะ"

แม่มองหน้าด้วยความแปลกใจ ทั้งความคิดและสำเนียงของผมที่เปลี่ยนไป
"เราจะช่วยกันเก็บเงินจากร้านดอกไม้นี่แหล่ะ..." ผมพูดต่อ "...แล้วเราจะหาซื้อที่ดินสำหรับปลูกบ้านซักหลัง ถ้าเจ้าของร้านดอกไม้ใจดี เราก็จะขอซื้อกิจการเค้าอย่างเป็นเรื่องเป็นราวเลย แต่ถ้าไม่ เราก็จะลองเป็นเกษตรกรปลูกผลไม้กัน ภาเห็นว่ายังไง?"
สิ้นคำถาม แม่ก็น้ำตาไหลพรากอีกครั้ง
"ตาม...ตามใจ... ตามใจเอกสิ" แม่พูดเสียงสะอึกสะอื้น และยกให้ผมเป็นคนเลือกอนาคตของเรา
ผมปล่อยให้แม่สะอื้นสักพักจนสงบลง ก่อนจะยิ้มให้
"ร้องไห้อย่างนี้ เดี๋ยวลูกงอแงนะ..." ผมพูดเบาๆข้างหู ยิ้มพลางเป่าลมหายใจเข้ารูหูของแม่
"บ้า..." แม่เอียงหน้าหนี ทั้งๆที่คราบน้ำตายังหลงเหลืออยู่ หยิกแขนผมเบาๆ "...ไม่มีหรอกย่ะ เอาที่ไหนมา..."
เสียงแม่เงียบหายไป เมื่อผมใช้ปลายนิ้วเกลี่ยหยาดน้ำตาจนหมด ก่อนจะประกบริมฝีปากแนบแน่นกับริมฝีปากบางเฉียบคู่นั้น

ความรู้สึกบางอย่างของผมเปลี่ยนไป นอกจากความรักที่ผมมีต่อแม่อย่างไม่มีอะไรเปรียบเทียบแล้ว ยังรู้สึกถึงการเป็นเจ้าของร่างที่กำลังนอนอยู่เคียงข้างนี้เพิ่มขึ้นมาอีก อีกทั้งยังรับรู้จากปากแม่เองว่าความรักที่แม่มีต่อผมนั้น มันเกินขอบเขตของความรักที่แม่มีต่อลูกเสียอีก ความรู้สึกนั้นทำให้อารมณ์ที่เพิ่งซบไปเมื่อครู่ ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง ฝ่ามือผมลูบไล้ทั่วร่าง ก่อนจะเลื่อนขึ้นไปบีบเคล้นสองเต้างามเบามือ
"รังแกภา อีกแล้ว..." แม่เอ่ยเสียงแผ่วเบา หน้าแดง
ผมหัวเราะเบาๆ มองร่างที่นอนอยู่ตรงหน้าด้วยความรักสุดใจ
"รังแกที่ไหนกัน?...." ผมจูบไซ้ทั่วร่าง จนแม่ขนลุกไปหมดทั้งตัว เม็ดทับทิมเต่งเต้าแข็งชันขึ้นมารอรับสัมผัส "...ผมจะเข้าไปบอกลูกซักหน่อย ว่าพ่อจะเข้าไปเยี่ยมน่ะ"

"บ้าๆๆๆ..." แม่อุทาน หยิกแขนเต็มแรง แต่ก็ต้องครางเสียงแผ่ว เมื่อผมก้มลงใช้ลิ้นไล้เลียยอดเต้าที่เขม็งเกลียวขึ้นมา สองมือบีบเคล้นจนเต้างามแทบทะลักคามือ แต่แทนที่แม่จะเจ็บปวด กลับแอ่นร่างรับ ส่งเสียงครวญคราง ทำให้ผมยิ่งเกิดอารมณ์มากขึ้นไปอีก
ยังไม่ทันจะทำอะไรต่อ... แม่ก็จับมือผมไว้เหมือนกับจะให้หยุดก่อน
"อะไรเหรอภา?" ผมเอ่ยปากถาม แม่ค้อน เพราะเลยกลายเป็นว่าผมพูดกับแม่ไม่มีหางเสียงไปซะแล้ว
"ภาจะบอกว่าวันนี้คงหยุดแค่นี้ก่อนน่ะ เอก" คำพูดนั้นทำให้ผมงง
"เดี๋ยวนี้มันไม่เหมือนเมื่อก่อน..." แม่พูดเสียงเกรงใจ เอื้อมมือลงไปเคล้นดุ้นเอ็นของผมเบาๆ "...มันติดๆกันสองครั้งไม่ไหวน่ะ รู้สึกว่าจะเริ่มระบมแล้ว" แม่พูดเสียงแผ่ว ประโยคสุดท้ายเบาหวิว หน้าแดงก่ำ

"เหรอออ..." ผมทำเสียงล้อเลียน ซึ่งเป็นสมัยก่อน ผมไม่กล้าทำเสียงอย่างนี้กับแม่เด็ดขาด
"บ้า..." แม่หยิกแขนจนผมสะดุ้ง "...ก็ใครทำให้ระบมล่ะ? ยังจะมาทำเสียงล้อเลียนอีก"
"งั้นไม่เป็นไรล่ะ..." ผมพูดยิ้มๆ "...ใช้ไม่ได้ ก็ยังไม่ต้องใช้"
"ทำมาเป็นพูดดี..." แม่ว่า พร้อมกับคว้าหมับที่ดุ้นเอ็นของผม ซึ่งแข็งเกร็งรออยู่ "...มา เดี๋ยวภาจัดการให้" ยังไม่ทันที่ผมจะตั้งตัว แม่ก็ดันร่างผมลงไปนอนกับที่นอนทันที
"อูยยย..." ยังไม่ทันจะปฏิเสธ ผมก็ต้องแอ่นเอวครางด้วยความเสียว เมื่อรู้สึกว่าริมฝีปากงามกลืนท่อนเนื้อของผมเข้าไปในปากอย่างรวดเร็ว จนเย็นวาบไปหมดทั้งดุ้น แม่จู่โจมแบบไม่ให้ผมตั้งตัว ทั้งปากทั้งลิ้นทั้งมือ ผลัดกันปลุกเร้าอารมณ์ผมจนแทบจะดิ้นพล่านด้วยความเสียว อุ้งมือนุ่มนิ่มของแม่รูดดุ้นเอ็นของผมจนแทบลุกเป็นไฟ

"ภา... ภา..." ผมครางเสียงสั่น กัดฟันแน่นเมื่อแม่เปลี่ยนจากใช้มือรูดเป็นก้มลงใช้ริมฝีปากบางเฉียบดูดเม้มท่อนเอ็นของผม เข้าออกจากเป็นจังหวะต่อเนื่อง ปลายเล็บเรียวแหลมเกลี่ยแผ่วเบาบริเวณถุงเนื้อใต้ดุ้นเอ็น จนผมแทบทะลัก "...จะ...จะรีบ...ไป...ไหน..." ผมกระหืดกระหอบส่งเสียงคราง
"ทนไม่ไหว ก็ออกมาสิ" แม่เอ่ยเสียงยิ้มๆ มือรูดท่อนเนื้อกลางลำตัวผมเร็วขึ้น ก่อนจะจะก้มลงไปใช้ปลายลิ้นไต่ไล้เลียตะเข็บฝีเข็บ
"อูยยย..." ผมครางเสียงลั่น เมื่อแม่รุกเร้าทั้งปากทั้งมือ ดุ้นเอ็นแข็งเกร็งวูบขึ้น จนแม่รู้สึกได้ แม่ยิ้มมุมปาก ก่อนจะเร่งมือรูดท่อนเนื้อถี่ยิบ
"อาาาห์..." ผมแอ่นเอวครางลั่นห้อง มือคว้าศีรษะของแม่ได้ ก็ดึงมาจนริมฝีปากแม่จ่ออยู่กับดุ้นเอ็น ก่อนที่จะดันกลางลำตัวเข้าไปในปากแม่ทันที พร้อมๆกับที่ท่อนเนื้อฉีดน้ำรักพุ่งเข้าไปในปากของแม่ทะลักทลาย

แม่สำลักเล็กน้อย ทำท่าเหมือนจะขืนตัว เมื่อผมโยกศีรษะของแม่ให้ริมฝีปากรูดท่อนเอ็น เพื่อดูดซับหยาดน้ำเหนียวข้นออกมาจนหยดสุดท้าย ผมหยุดนิ่งอยู่ในสภาพนั้นชั่วครู่ ก่อนจะค่อยๆให้แม่รูดดุ้นเนื้อออกจากปาก คราบสีขาวเลอะเทอะเป็นคราบทั่วริมฝีปากงาม
"บ้าๆๆ..." แม่บ่นเบาๆ เพราะผมดึงแม่ไปช่วยรองรับหยาดน้ำรักโดยไม่ทันตั้งตัว แม่บ่นพลางหันไปหยิบทิชชู่ที่หัวเตียงเช็ดริมฝีปากที่เลอะเทอะเป็นคราบ "...เล่นอะไรก็ไม่รู้นี่ เอก?"
"ก็แม่...เอ้ย ภาแกล้งผมก่อนทำไมล่ะ?" ผมย้อน "...ไม่เห็นต้องเร่งมือขนาดนั้นเลย ก็ถ้าภาจะให้รีบออก งั้นก็ช่วยใช้ปากให้หน่อย ก็หายกันนะ" ผมพูดยิ้มๆ แม่หันมาค้อน
"ฝากไว้ก่อนเถอะนะ เอก" แม่คำรามเบาๆ ทำหน้าดุ แต่หางเสียงเจือไปด้วยความรัก...

.......................................................................

แปลกที่ว่าพอเราถอดหน้ากากออก ก็รู้สึกได้ว่าความสัมพันธ์ของเรายิ่งแน่นแฟ้นมากขึ้นไปอีก อาจเพราะเรายกเลิกเส้นแบ่งขอบเขต ที่กั้นระหว่างคำว่าสังคมกับโลกของเราแล้วแน่ๆเลย

ผมนอนกอดร่างของแม่ที่นอนหลับไปแล้ว ด้วยความอ่อนเพลียจากทั้งงานนอกงานใน และจากน้องที่ก็คงกำลังหลับอยู่ในท้องแม่เหมือนกัน และก่อนที่ผมจะหลับตามคนที่ผมรักเพื่อเริ่มต้นวันใหม่ในตอนเช้าพรุ่งนี้ ในหัวสมองก็คิดถึงเรื่องราววันข้างหน้า ที่ไม่รู้ว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงอีก แต่ผมไม่มีอะไรต้องกังวลแม้แต่นิดเดียว เพราะรู้อยู่แล้ว ว่าผมมีผู้หญิงที่ดีที่สุด รักผมมากที่สุด และผมก็รักมากที่สุดในชีวิตอยู่ข้างตัวแล้ว...

--------------------------------------------------------------------------------------

ผู้เฒ่าเซราะกราว

เอกตัดสินใจปักหลักอยู่ที่เชียงใหม่ก็ดีนะ จะได้ไม่ต้องเจอกับเพื่อนๆที่ให้ยามาอีก เพราะถ้าเพื่อนๆเห็นเอกมีลูกก็อาจจะสงสัยว่าเป็นลูกของเอกกับแม่ก็ได้นะ

swss2511

วางอนาคตกันยาวๆเพื่อความสุขที่ยั่งยืน